“ชิ นายไม่ใช่แฟนของลูกพี่ลูกน้องฉันเสียหน่อย กลัวเธอจะเข้าใจผิดเรื่องอะไร”“ดูเหมือนว่าฉันจะเดาถูก นายคิดไม่ดีกับลูกพี่ลูกน้องของฉันจริง ๆ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยจ้องไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาถมึงทึง“คุณกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อหว่านชิงเสียหน่อย”ฉินหมิงรู้สึกผิดและไม่กล้ามองสบตาของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตรง ๆ“ปากแข็งอย่างกับหิน!”“นายมีความสามารถและมีทักษะมาก แต่นายกับยอมทำงานเป็นเลขาตัวเล็ก ๆ ในบริษัทของลูกพี่ลูกน้องแถมยังมาอาศัยอยู่บ้านของเธออีก!”“ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับเธอแล้วจะเป็นอะไรได้อีก”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา"เรื่องนั้น..."ฉินหมิงพูดไม่ออก ในแง่ทักษะยั่วโมโหคน เขาไม่สามารถเทียบได้กับแม่มดน้อยเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยได้ เขาพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง"ฉินจอมฉาวพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้ นายชอบลูกพี่ลูกน้องของฉันใช่ไหม”มุมปากของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยโค้งอย่างเหนือกว่า ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยท่าทีหยอกล้อ"ผม..."ฉินหมิงมีอาการปวดหัว เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วซูซินเหยาเพิ่งถามคำถามนี้กับเขา ตอนนั้นเขาเอาตัวเองให้หลุดพ้นจากคำถามนั้นมาได้ ตอน
แน่นอนว่าเธอรู้จักนิสัยใจคอของลูกพี่ลูกน้องของเธอเป็นอย่างดี เนื่องจากลูกพี่ลูกน้องของเธอเต็มใจยอมให้ฉินหมิงคนนี้อาศัยอยู่ในบ้านและไม่ได้ไล่ให้เขาไปหาที่อยู่เองมาตั้งนานสองนานแล้วด้วย อาจจะเป็นเพราะเธอคงมีความรู้สึกที่ดีต่อฉินหมิงเช่นกันทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างก็มีใจ และเธอก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือพวกเขา บางทีพวกเขาอาจจะสามารถคบหากันจนถึงขั้นแต่งงานและเธอก็ได้เรียนรู้กังฟูไปด้วย นี่ก็ถือว่าได้ประโยชน์สมประสงค์กันทั้งสองฝ่าย!“แต่ผมไม่ได้...”ฉินหมิงกำลังคิดจะชี้แจงว่าเขาไม่ใช่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในระดับปรมาจารย์ แต่ในทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่ายังไม่เหมาะที่จะพูดเรื่องนั้นในตอนนี้ หากเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยรู้ความจริงนั่นไม่ได้เท่ากับคำสัญญาที่เธอรับปากว่าจะช่วยเขาตามจีบหลินหว่านชิงจะต้องสิ้นสุดลงหรอกหรือ?"ใช่แล้ว ผมเป็นนักศิลปะยุทธในระดับปรมาจารย์!"ฉินหมิงพูดอย่างไร้ยางอาย มือทั้งสองข้างไพล่หลังราวกับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ หัวใจของเขาเต้นรัวไม่ต่างอะไรกับเซี่ยเสี่ยวเตี๋ย!หากเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยรับปากจะช่วย เขาก็จะประหยัดแรงในการไล่ตามจีบหลินหว่านชิงขึ้นเป็นเท่าตัวและคงจะได้เธอมาไว้ในครอบครอง
เขาเพียงแค่ต้องสุ่มเลือกคัมภีร์ศิลปยุทธที่เหมาะจะให้ผู้หญิงใช้ฝึกฝน จากนั้นจึงใช้ทักษะดังกล่าวสอนให้กับเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยสิ่งเดียวที่เขาปวดหัวก็คือตัวเขาเองไม่ใช่นักรบ การมอบคำแนะนำด้านการบ่มเพาะตนให้แก่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยในอนาคตต้องเป็นความท้าทายอย่างมากแน่นอน!"ยอดเยี่ยม!"“ฉินจอมฉาว ฉันรักนายมากจริง ๆ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยตื่นเต้นอย่างมาก เธอกระโดดกอดฉินหมิงและหัวเราะด้วยความดีใจ ราวกับเด็กได้ของเล่น "คุณ..."ความนุ่มนิ่มและความอบอุ่นจากก้อนเนื้อทั้งสองที่บดเบียดอยู่บริเวณอ้อมแขน สิ่งเหล่านั้นทำให้ฉินหมิงตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยนับว่าประหลาดคน บางครั้งก็ทำให้เขาปวดหัว แต่บางครั้งเธอก็อ่อนหวานและมีเสน่ห์จนแทบจะละลายหัวใจผู้ชายทุกคนได้เธอเป็นแม่มดตัวน้อยที่ร้ายมากจริง ๆ!"เอาล่ะ รีบสอนศิลปยุทธให้ฉันเร็ว ๆ นี้ด้วยล่ะ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยระงับความปิติในใจของเธออย่างแข็งขันและพูดอย่างตื่นเต้น"รอก่อนแล้วกัน ผมขอคิดหาทางก่อน"ฉินหมิงหลับตาและเตรียมเลือกทักษะศิลปยุทธลับก๊อก ก๊อก!ในทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เสียงนั้นทำให้ฉินหมิงและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยที่อยู่ในห้อ
แต่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เธอก็รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอน่าจะเดินเข้ามาในห้องแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามมิฉะนั้น ถ้าลูกพี่ลูกน้องของเธอพบว่าเธอกำลังนอนอยู่กับฉินหมิงแล้วล่ะก็ ต่อให้แก้ตัวอย่างไรก็คงไม่พ้นมลทิน!หลินหว่านชิงเดินเข้าไปในห้องนอนและส่ายสายตาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะได้เห็นฉินหมิงนอนอยู่บนเตียงเพียงผู้เดียว ไม่มีร่างของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยอยู่ในห้องด้วยเลย“โอ้ เสี่ยวเตี๋ยไม่ได้อยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ?”“แต่ฉันหาจนทั่ว ถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่ แล้วเธอจะไปไหนได้อีก?”หลินหว่านชิงรู้สึกสับสนอย่างหนัก“เธออาจจะไปเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำ?”ฉินหมิงหัวเราะเบา ๆ สองสามครั้ง ร่างกายของเขาแข็งทื่อและความประมาททำให้ฝ่ามือของเขามีเหงื่อออกชุ่ม“ไม่ ฉันค้นหาทั้งห้องน้ำ ระเบียง และห้องครัวทั้งชั้นบนและชั้นล่างแล้ว แต่ก็ไม่เห็นเธอเลย”หลินหว่านชิงขมวดคิ้ว และสัญชาตญาณที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของผู้หญิงได้บอกเธอว่ากริยาท่าทางของฉินหมิงดูคล้ายจะแปลกไปเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันผิดปกติตรงไหนกันแน่“บางทีระหว่างที่คุณตามหาเธออยู่นี่ เธออาจกลับถึงห้องไปแล้ว แค่บังเอิญคลาดกันไปมาเท่
ยิ่งคาดหวังมากเท่าไรก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้นในตอนนี้ หัวใจเธอทั้งด้านชาและผิดหวังกับฉินหมิงเป็นอย่างมาก!“พี่สาว พี่มาทำอะไรที่นี่ นี่ไม่ใช่ละครหลังข่าวเสียหน่อย อย่าพูดอะไรน้ำเน่าแบบนั้นได้ไหม”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยยังคงสงบและพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาและเสียงหัวเราะ“เสี่ยวเตี๋ย เขาทำกับเธอถึงขนาดนี้ ทำไมเธอถึง... ยังหัวเราะได้อยู่อีก?”หลินหว่านชิงมองไปที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยด้วยสีหน้าเหลือเชื่อเธอรู้ว่าถึงแม้นิสัยเดิมของลูกพี่ลูกน้องจะทั้งแปลกและไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่เธอก็ไม่เคยทำให้ตัวเองต้องมลทินและไม่ใช่ผู้หญิงรักสนุกอะไรด้วยในตอนที่เธอได้เห็นลูกพี่ลูกน้องของเธอนอนอยู่บนเตียงเดียวกับฉินหมิง ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวก็คือการที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอต้องเป็นเหยื่อแน่นอน และเป็นไปได้มากว่าฉินหมิงใช้วิธีการที่น่ารังเกียจบางอย่างเพื่อบังคับขืนใจลูกพี่ลูกน้องของเธอแน่นอน!“พี่สาวช่วยใจเย็น ๆ ก่อนเถอะ จริง ๆ แล้วระหว่างฉันกับฉินจอมฉาวไม่มีอะไรเลย พี่คิดมากเกินไปแล้ว…”“ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ลองดูเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวเราทั้งคู่ก็ได้ เสื้อผ้าก็ยังอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยชี้ไปที
“แต่ศิลปยุทธมีค่าสำหรับนักยุทธ์ทุกคน ฉินหมิงจะรับปากสอนศิลปยุทธให้เธอง่าย ๆ ได้ยังไงหลินหว่านชิงยังคงไม่ยอมเชื่ออย่างสนิทใจ“แน่นอนว่าเป็นเพราะพี่น่ะสิ!”“เมื่อวานนี้ฉันก็บอกแล้วนี่ว่าฉินจอมฉาวคิดไม่ซื่อกับพี่ ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ เข้าถึงได้เต็มใจสอนศิลปยุทธให้ฉันเพราะอยากจะเอาใจพี่…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดอย่างมั่นใจและขายฉินหมิงออกไปเสียอย่างนั้น"เธอ..."ใบหน้าของหลินหว่านชิงเปลี่ยนเป็นสีแดงใบหน้าของฉินหมิงเองก็แดงเช่นกันความสัมพันธ์ของทั้งคู่เดิมค่อนข้างคลุมเครือ อีกทั้งพวกเขาสองคนก็ยังไม่มีใครทำลายกำแพงนั้นทิ้งไปด้วย แต่ตอนนี้กำแพงที่ว่านั่นกลับถูกเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพังไปแล้ว!แต่อย่างน้อย ฉินหมิงในฐานะผู้ชายแล้วก็เรียกได้ว่าหนังหนากว่าหลินหว่านชิงหน้าบางกว่า ใบหน้าที่สวยงามของเธอเห่อร้อนขึ้น เธออับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี“พอทีเถอะ เสี่ยวเตี๋ย เลิกพูดจะได้ไหม?”“นี่ก็ดึกแล้ว รีบกลับห้องไปพักผ่อนซะ!”หลินหว่านชิงใบหน้าแดงก่ำ คว้าแขนของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพยายามจะหนีออกจากสถานการณ์ยุ่งยากนี้โดยเร็วที่สุด“ฉินจอมฉาวยังไม่ได้เริ่มสอนศิลปยุทธให้ฉันเลยนะ!”“รอเขาสอนเสร็จ
แน่นอนว่าการควบคุมลมปราณไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากสิ่งนี้ต้องอาศัยระดับความสามารถและทักษะด้านศิลปยุทธอย่างมากยิ่งมีพรสวรรค์ด้านศิลปยุทธสูงเท่าไร ยิ่งฝึกตนได้อย่างล้ำลึกมากเท่านั้น และจะยิ่งควบคุมพลังลมปราณได้ง่ายตามไปด้วยในทางตรงกันข้าม ผู้ที่มีความสามารถด้านศิลปยุทธต่ำจะพบว่าแม้กระทั่งในทักษะระดับต่ำ การควบคุมลมปราณและพลังงานของตนก็ยังถือเป็นเรื่องยากมาก ต่อให้พวกเขาจะฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสามถึงห้าเดือน พวกเขาก็ไม่อาจก้าวเข้าสู่ขั้นต้นระดับมานะสร้างได้!เมื่อมองดูหลินหว่านชิงและเสี่ยวเตี๋ยนั่งนิ่ง ฉินหมิงก็หลับตาลงและสืบค้นหาศิลปยุทธลึกลับที่เหมาะสมให้ผู้ชายทำการฝึกฝนอย่างเงียบๆต่อไปเนื่องจากเขาไม่ใช่นักยุทธ์เขาจึงไม่สามารถชี้แนะหลินหว่านชิงและเสี่ยวเตี่ยเกี่ยวกับการฝึกในอนาคตได้ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะบ่มเพาะทักษะศิลปยุทธของตัวเองเสียหน่อย โดยจะมุ่งเน้นไปที่การฝึกพลังวิญญาณ และศิลปยุทธ์ไปพร้อมกันด้วย ซึ่งนั่นจะช่วยทำให้เขาสามารถชี้แนะหญิงสาวทั้งสองคนได้อย่างง่ายดายในอนาคตแต่เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะสามารถบ่มเพาะศิลปยุทธไปพร้อมกับบ่มเพาะพลังวิญญาณได้หรือไม่แต่เพื่อเห็นแก่ประโ
หลินหว่านชิงดูประหลาดใจเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการบ่มเพาะตนและไม่แน่ใจนะว่าทักษะดังกล่าวทรงพลังเพียงใดเพราะอย่างไรเสียเธอก็รู้ถึงภูมิหลังของฉินหมิงอย่างชัดแจ้ง และรู้ว่าเขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่งเพียงความจริงที่ว่าฉินหมิงรู้จักกังฟูก็นับว่าเกินความคาดหมายของเธอแล้ว ไม่คิดเลยว่าฉินหมิงมีความสามารถเรื่องศิลปยุทธ์ระดับสูงอะไรทำนองนี้ด้วย!"แน่นอนว่ามันน่าทึ่งมาก!"“ฉันเคยฝึกฝนทักษะระดับต่ำมาก่อน แต่ก็ต้องเสียเวลาไปมากกว่าสิบวันโดยเปล่าประโยชน์”“แต่วิชาเทพียุทธ์นี้ใช้เวลาในการควบแน่นลมปราณเพียงคืนเดียว เช่นนี้ไม่เรียกว่าทรงพลังได้เหรอ?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทำสีหน้าขบขันแล้วตอบเดิมทีเธอยอมแพ้ไปครึ่งใจแล้ว เนื่องจากการฝึกฝนทักษะระดับต่ำที่ผ่านมาล้วนไม่ได้ผล เพราะเธอไม่อาจทนต่อไปได้อีกแล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้าอาจเอื้อมฝึกฝนทักษะระดับต่ำอีกเลย โชคดีที่สวรรค์เห็นแก่ความมุมานะของเธอ เธอโชคดีที่ได้พบกับฉินหมิง และตอนนี้ความปรารถนาของเธอก็สัมฤทธิ์ผลแล้ว!"โอ้ จริงเหรอ?"หลินหว่านชิงมองดูฉินหมิงด้วยแววตาลึกซึ้ง หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยจากสิ่งที่เธอรู้มา ฉินหมิงอาศัยอยู่ในตระก