แน่นอนว่าการควบคุมลมปราณไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากสิ่งนี้ต้องอาศัยระดับความสามารถและทักษะด้านศิลปยุทธอย่างมากยิ่งมีพรสวรรค์ด้านศิลปยุทธสูงเท่าไร ยิ่งฝึกตนได้อย่างล้ำลึกมากเท่านั้น และจะยิ่งควบคุมพลังลมปราณได้ง่ายตามไปด้วยในทางตรงกันข้าม ผู้ที่มีความสามารถด้านศิลปยุทธต่ำจะพบว่าแม้กระทั่งในทักษะระดับต่ำ การควบคุมลมปราณและพลังงานของตนก็ยังถือเป็นเรื่องยากมาก ต่อให้พวกเขาจะฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสามถึงห้าเดือน พวกเขาก็ไม่อาจก้าวเข้าสู่ขั้นต้นระดับมานะสร้างได้!เมื่อมองดูหลินหว่านชิงและเสี่ยวเตี๋ยนั่งนิ่ง ฉินหมิงก็หลับตาลงและสืบค้นหาศิลปยุทธลึกลับที่เหมาะสมให้ผู้ชายทำการฝึกฝนอย่างเงียบๆต่อไปเนื่องจากเขาไม่ใช่นักยุทธ์เขาจึงไม่สามารถชี้แนะหลินหว่านชิงและเสี่ยวเตี่ยเกี่ยวกับการฝึกในอนาคตได้ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะบ่มเพาะทักษะศิลปยุทธของตัวเองเสียหน่อย โดยจะมุ่งเน้นไปที่การฝึกพลังวิญญาณ และศิลปยุทธ์ไปพร้อมกันด้วย ซึ่งนั่นจะช่วยทำให้เขาสามารถชี้แนะหญิงสาวทั้งสองคนได้อย่างง่ายดายในอนาคตแต่เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะสามารถบ่มเพาะศิลปยุทธไปพร้อมกับบ่มเพาะพลังวิญญาณได้หรือไม่แต่เพื่อเห็นแก่ประโ
หลินหว่านชิงดูประหลาดใจเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการบ่มเพาะตนและไม่แน่ใจนะว่าทักษะดังกล่าวทรงพลังเพียงใดเพราะอย่างไรเสียเธอก็รู้ถึงภูมิหลังของฉินหมิงอย่างชัดแจ้ง และรู้ว่าเขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่งเพียงความจริงที่ว่าฉินหมิงรู้จักกังฟูก็นับว่าเกินความคาดหมายของเธอแล้ว ไม่คิดเลยว่าฉินหมิงมีความสามารถเรื่องศิลปยุทธ์ระดับสูงอะไรทำนองนี้ด้วย!"แน่นอนว่ามันน่าทึ่งมาก!"“ฉันเคยฝึกฝนทักษะระดับต่ำมาก่อน แต่ก็ต้องเสียเวลาไปมากกว่าสิบวันโดยเปล่าประโยชน์”“แต่วิชาเทพียุทธ์นี้ใช้เวลาในการควบแน่นลมปราณเพียงคืนเดียว เช่นนี้ไม่เรียกว่าทรงพลังได้เหรอ?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทำสีหน้าขบขันแล้วตอบเดิมทีเธอยอมแพ้ไปครึ่งใจแล้ว เนื่องจากการฝึกฝนทักษะระดับต่ำที่ผ่านมาล้วนไม่ได้ผล เพราะเธอไม่อาจทนต่อไปได้อีกแล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้าอาจเอื้อมฝึกฝนทักษะระดับต่ำอีกเลย โชคดีที่สวรรค์เห็นแก่ความมุมานะของเธอ เธอโชคดีที่ได้พบกับฉินหมิง และตอนนี้ความปรารถนาของเธอก็สัมฤทธิ์ผลแล้ว!"โอ้ จริงเหรอ?"หลินหว่านชิงมองดูฉินหมิงด้วยแววตาลึกซึ้ง หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยจากสิ่งที่เธอรู้มา ฉินหมิงอาศัยอยู่ในตระก
ฉินหมิงหยิบเครื่องสำอางที่เตรียมมาเป็นพิเศษออกมาแล้วมอบให้ซูซินเหยา“เครื่องสำอางยี่ห้ออาร์ทิสทรีเหรอ?”ดวงตาของซูซินเหยาเป็นประกาย เธอค่อนข้างประหลาดใจในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เครื่องสำอางของอาร์ทิสทรีกรุ๊ปได้รับความนิยมอย่างมากในเจียงเฉิง เดิมทีเธอต้องการซื้อสองชุดเพื่อทดสอบผลลัพธ์ที่ได้ แต่เนื่องจากปัญหาสินค้าขาดตลาด ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งจึงไม่มีสินค้าในสต๊อก เธอจึงล้มเลิกความคิดนี้ลงชั่วคราว"ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ซูกรุ๊ปเมตตาให้ความร่วมมือกับบริษัทของเราในการซื้อขายสมุนไพรจีน ฉันไม่เคยมีโอกาสขอบคุณเลย""เวชสำอางสองชุดนี้เป็นเพียงการแสดงความขอบคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผม ถือเป็นของขวัญมอบให้คุณก็แล้วกันนะ ขอบคุณมาก..."ฉินหมิงยิ้มและกล่าว“ฉันจะรับของขวัญไว้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก”“คืนนั้นคุณช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันสิที่ควรจะขอบคุณคุณ!”ความทรงจำของซูซินเหยาในตอนที่ถูกโจมตีครั้งก่อนยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่หากไม่ได้ฉินหมิงที่ทั้งฉลาดและกล้าหาญเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอในเวลานั้น หากเธอต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือของอาชญากรก็ไม่รู้ว่าจะต้องประสบพบเจอกับชะตากรรมที่เลวร้ายเพียงใด!เมื่
“ผมแค่พอรู้จักผิวเผินเท่านั้น ไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนักหรอก”ฉินหมิงยิ้มอย่างถ่อมตัวและกล่าว สิ่งที่เขาสร้างขึ้นคือค่ายกลรวมวิญญาณ ไม่ใช่เกราะบังตาประตูจำแลงพิศดารเพียงแต่ค่ายกลทั้งสองนี้ต่างมีการจัดวางตามหลักเก้าตำหนักแปดทิศ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันบางประการซูซินเหยามองฉินหมิงด้วยแววตามีความหมาย อารมณ์ของเธอผันผวนและยากที่จะสงบลงได้เป็นเวลานานเมื่อครั้งที่เธอได้พบกับฉินหมิงครั้งแรก เธอคิดว่าเขาเป็นนักต้มตุ๋นแต่ต่อมา ฉินหมิงไม่เพียงแต่มีทักษะทางการแพทย์และเข้าใจในทักษะการเล่นแร่แปรธาตุอย่างลึกซึ้งเท่านั้น เขายังมีความกล้าหาญ ความเฉลียวฉลาด และศิลปยุทธที่ยอดเยี่ยมอีกด้วยเหนือสิ่งอื่นใด ฉินหมิงยังรู้จักวิทยาการโบราณอย่างเกราะบังตาประตูจำแลงพิศดารซึ่งเป็นความรู้ขั้นสูงอีกด้วย ช่างเป็นคนที่รอบรู้ทั้งวิทยาการเก่าและใหม่อย่างลึกซึ้งมากจริง ๆ!ชั่วขณะหนึ่ง ตัวตนของฉินหมิงในหัวใจของเธอเริ่มดูลึกลับมากขึ้น ความลึกลับดังกล่าวกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในตัวเธอ ถ้าอยากจะรู้นักว่าชายคนนี้ยังซ่อนทักษะอะไรไม่ให้เธอรู้อีกมากน้อยเพียงใด!ขณะที่ซูซินเหยาจมอยู่กับความคิดของตัวเอง นายท่านซูและซู
ซูซินเหยาโน้มตัวไปข้างหน้าด้วยสีหน้างงงันแม้ว่ายาที่อยู่ตรงหน้าเธอจะกลมมนและมีสีสันคล้ายหยก แต่พวกมันก็ดูไม่ธรรมดา เพียงแต่เธอไม่รู้สึกถึงพลังลมปราณจากพวกมัน“ไม่ใช่หรอก พวกนี้เป็นยาเพิ่มพลังวิญญาณ ผมจะใช้พวกมันเพื่อประโยชน์อย่างอื่น…”ฉินหมิงอธิบายสั้น ๆ เขาหยิบขวดเครื่องเคลือบสีขาวหยกออกมาและเก็บยาเพิ่มพลังวิญญาณทั้งหมดออกไปยาเพิ่มพลังวิญญาณไม่มีผลกับนักยุทธ์ และหากเขาจะฝากไว้ให้กับตระกูลซูก็ถือว่าไร้ประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บมันไว้เอง“แล้วทำไมคุณไม่ผลิต 'ยาหลอมลมปราณ' เสียทีล่ะ? ฉันรอดูอยู่นะ”ซูซินเหยาพยายามเร่งรัดเพราะอยากจะเห็นว่ายาหลอมลมปราณจะสามารถเพิ่มระดับลมปราณให้เธอได้หรือไม่"ไม่ต้องกังวล ผมจะกลั่น 'ยาหลอมลมปราณ' เดี๋ยวนี้แหละ"ฉินหมิงยิ้มแล้วเก็บกวาดยาที่เหลืออยู่ในเตาเล่นแร่แปรธาตุ เขาโยนเหอโส่วอูอีกต้นหนึ่งซึ่งมีอายุมากกว่าสามร้อยปีลงไป และเริ่มผลิตยาหลอมลมปราณฟุ่บ!ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดเม็ดยาหลอมลมปราณรอบที่สองก็ได้รับการขัดเกลาในที่สุด!เมื่อเปรียบเทียบกับยาเพิ่มพลังวิญญาณ สภาพของยาหลอมลมปราณนั้นดีกว่ามาก โดยสามารถผลิตยามากกว่าหนึ่งร้อยยี
ฉินหมิงมีสีหน้ากังวลและกระวนกระวายจนแทบบ้ายาหลอมลมปราณรวบรวมแก่นแท้ของวัตถุดิบทางยาอันล้ำค่า ไว้มากมาย พลังลมปราณที่มีอยู่ในนั้นบริสุทธิ์มากและโดยปกติร่างกายจะค่อยๆปรับตัวเข้ากับยาอย่างช้า ๆแต่ซูซินเหยาที่เพิ่งกินยาไปหนึ่งเม็ดยังไม่ทันจะปรับตัวได้ ก็ยังกินยาเพิ่มเข้าไปอีกสิบเม็ดหรือมากกว่านั้นทันทีเสียได้ นี่ไม่ต่างอะไรกับการหาเรื่องตายเลยด้วยซ้ำ!"อะไรนะ?"นายท่านซูและหลานทั้งสองตกใจจนหน้าซีดโดยเฉพาะอย่างยิ่งซูซินเหยาเธอรู้สึกได้ทันทีว่ายาหลอมลมปราณมากกว่าหนึ่งโหลในร่างกายของเธอได้กลายมาเป็นกระแสลมปราณที่พลุ่งพล่านไปยังแขนขาและกระดูกของเธออย่างรุนแรงพลังสุดขั้วจะนำสิ่งที่ตรงกันข้ามมา!พลังลมปราณเหล่านี้มากเกินกว่าที่ร่างกายของเธอจะนำมาใช้และไม่อาจทานทนได้ และใบหน้างดงามของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว กระทั่งรู้สึกได้ว่าเส้นลมปราณของเธอกำลังจะถูกพลังลมปราณคุกคามเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ของซูซินเหยาแย่ลงเรื่อย ๆ ทั้งนายท่านซูและซูห่าวก็เริ่มวิตกกังวลและจิตใจของพวกเขาเริ่มกระสับกระส่าย “ฉินหมิง ตอนนี้เราควรทำยังไงดี? โปรดคิดหาวิธีที่จะช่วยซินเหยาด้วย…”"คุณซู ไม่ต้องห่วง ผมก
"ทำตามที่ผมบอกให้ดี!"ฉินหมิงรู้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วน และเขาไม่มีเวลาเหลือให้มัวชักช้าร่ำไร ดังนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้าและช้อนร่างของซูซินเหยาราวกับเธอเป็นเจ้าหญิง เดินไปยังจุดศูนย์กลางของค่ายกลรวมวิญญาณด้วยการสาวเท้ายาว ๆเมื่อเข้าสู่ค่ายกลรวมวิญญาณแล้ว ฉินหมิงก็วางซูซินเหยาด้านข้างจุดศูนย์กลางของค่ายกลนั้นอย่างอ่อนโยน และซให้ซูซินเหยานั่งบนพื้นหญ้า จากนั้นเขาจึงหยิบเข็มเงินออกมาและใช้วิชาหกเข็มพลิกชะตาฝังเข็มหลาย ๆ จุดรอบ ๆ หน้าอกและหน้าท้องของซูซินเหยาทีละจุดหกเข็มพลิกชะตา ปิดประตูนรก!ด้วยความพยายามของฉินหมิง พลังวิญญาณที่ส่งออกจากฝ่ามือของเขาจึงไหลเข้าสู่ร่างกายของซูซินเหยาอย่างต่อเนื่อง ปิดกั้นการไหลเวียนของลมปราณขนาดมหึมา และค่อย ๆ ควบคุมการหลอมรวมของลมปราณมากมายเหล่านั้นไปด้วยสิ่งนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณมาก แม้ว่าจะมีค่ายกลรวมวิญญาณอยู่ด้านหลังเขาไม่ไกล แต่ความเร็วของการเติมเต็มพลังวิญญาณเมื่อเทียบกับความเร็วของการใช้พลังวิญญาณนับว่าไม่สมดุลกันในเวลาไม่นานใบหน้าของฉินหมิงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีซีดขาว ร่างกายของเขาใกล้จะดับสลายและพลังวิญญาณของเขาก็เกือบจะ
“ซินเหยา อย่าแตะต้องเขา!”นายท่านซูตกใจและรีบยกแขนขึ้นเพื่อหยุดหลานสาวของเขา"คุณปู่ ทำอะไรอยู่ ฉินหมิงได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ เราต้องรีบพาเขาไปโรงพยาบาลโดยเร็ว…”หัวใจของซูซินเหยาตกอยู่ในความตระหนก เธอกระทืบเท้าอย่างวิตกกังวล น้ำตาแทบจะไหลออกมา"ไม่เป็นไร เขาเพียงใช้พลังเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บมาอย่างหนักเท่านั้น!”“อีกอย่างทักษะทางการแพทย์ของเขาก็ก้าวหน้ามากจนเอาตัวรอดเองได้แน่ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลหรอก”นายท่านซูปลอบใจเขาเขารู้ดีแก่ใจว่าด้วยทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของฉินหมิง หากฉินหมิงไม่มีปัญญาช่วยเหลือตัวเอง ต่อให้พวกเขาจะไปส่งที่โรงพยาบาล ก็คงไม่มีประโยชน์!หลังจากการวิเคราะห์ของปู่ ในที่สุดซูซินเหยาก็เห็นฉินหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้า ใช้ศิลปยุทธระงับอาการบาดเจ็บของตัวเองเมื่อเห็นเช่นนี้ซูซินเหยารู้สึกสบายใจขึ้นมาได้มากแต่ดวงตาสวยยังจับตาดูการเคลื่อนไหวของฉินหมิง ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างไม่วางตา“ฉินหมิง นี่เป็นความผิดของฉันทั้งหมด ฉันสร้างปัญหาให้คุณเอง ได้โปรดอย่าบาดเจ็บเลยนะ…”“ขอแค่คุณไม่เป็นไร ฉันจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ…”จมูกของซูซินเหยาเริ่มแสบ ดวงตาขอ
บรรพบุรุษตระกูลฉินทิ้งความรู้ไว้ให้เขาอย่างกว้างขวางมาก แถมยังรวมถึงสูตรลับบางอย่างในการกระตุ้นศักยภาพของร่างกายมนุษย์ด้วย สูตรลับเหล่านี้เกี่ยวข้องกับทักษะทางการแพทย์และได้รับการบันทึกอย่างละเอียดสำหรับยาปราณแท้ ปัจจุบันเขามีสำรองอยู่อีกหลายเม็ดตอนนี้ทั้งสองอย่างล้วนพร้อมแล้ว เขาต้องการช่วยเฝิงเจิ้นฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธไปให้ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!“ลุงเฝิง ผมบอกความจริงกับคุณก็แล้วกัน แม้ว่าผมจะไม่แน่ใจว่าสามารถช่วยคุณทะลวงไปสู่ระดับราชาแห่งสงครามได้หรือไม่ แต่ผมจะพยายามลองอย่างเต็มที่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จน่าจะสูงมาก ... "ฉินหมิงพูดอย่างจริงใจ“ลองดู?”“การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ เรื่องแบบนี้จะลองสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร หากมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!”เฝิงเจิ้นตกใจยิ่งกว่าเดิมในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ฉินหมิงกำลังพูดเรื่องไร้สาระและต้องการใช้เขาเป็นหนูทดลองหากเป็นเรื่องอื่นก็เอาเถอะ เขาคงสามารถให้ความร่วมมือกับฉินหมิงได้ แต่การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ระวังอาจกลายเป็นบ้าได้ง่าย ๆ หรือแม้แต่สูญเสียทักษ
เดิมทีระดับการบ่มเพาะของลี่ตั๋วไห่นั้นทัดเทียมกับเขา ทั้งสองอยู่ในระดับของครึ่งก้าวราชาสงคราม ต่างคนต่างไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของลี่ตั๋วไห่แซงหน้าเขาไปแล้ว ต่อไปนี้มันยากมากสำหรับเขาที่จะสู้กับลี่ตั๋วไห่ได้!ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกถึงวิกฤตที่รุนแรงมาก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้“บางทีลี่ตั๋วไห่อาจโชคดีมากกว่า...”ฉินหมิงฉุกคิดได้ และดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างอย่างคลุมเครือเขาเคยสงสัยมาก่อนตอนที่อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ว่าลี่ตั๋วไห่สามารถฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย นี่อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการปล้นเจิ้งอวี่ มิฉะนั้นลี่ตั๋วไห่จะไม่สร้างศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลเจิ้งเพียงเพื่อยาปราณแท้แค่สามเม็ดแน่ตอนนี้เขาคิดเชื่อมโยงกันเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าลี่ตั๋วไห่อาจจะสามารถทะลวงเข้าไปในระดับของราชาสงครามได้โดยใช้ยาปราณแท้สามเม็ดนี้!นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือในฐานะคนหลอมยาปราณแท้ เขาเข้าใจคุณสมบัติของยาปราณแท้มากกว่าใคร ๆ ในเมื่อแม้แต่ลี่ตั๋วไห่ก็มีสิทธิ์พึ่งพายาปราณแท้เพื่อกลายเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในระดับราชาสงคราม ถ้าอย่
ตอนนี้เขาสะบักสะบอมมาก มันเจ็บไปทั้งหัวใจ และเขาคิดอยากลบความรู้สึกที่มีต่อหลินหว่านชิงออกไปให้หมดสิ้น แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง!เขาจะกลับไปคบหลินหว่านชิงอีกครั้งได้อย่างไร!“ฉินหมิง คุณใจร้ายกับฉันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”หลินหว่านชิงกัดริมฝีปากแล้วมองฉินหมิงด้วยใบหน้าเศร้า เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลลงมา“ไม่ได้ใจร้าย เพียงแต่ว่าโชคชะตาระหว่างเราสองคนจบลงแล้ว!”“ถ้าคุณเต็มใจ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันต่อไปได้ แต่เรื่องความรู้สึกให้มันจบลงเพียงเท่านี้เถอะ!”ฉินหมิงพูดอย่างใจเย็น“ได้ คุณพูดแบบนี้เอง คุณอย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน!”หลินหว่านชิงรู้สึกเหมือนคนอกหัก เมื่อต้องเผชิญกับความไร้เยื่อใยและความเมินเฉยของฉินหมิง เธอไม่มีความกล้าพอที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป เธอจึงหันหลังกลับและวิ่งหนีไปทันทีที่เธอหันหลังมา หยดน้ำตาก็ไหลลงอาบแก้มของเธออย่างเงียบ ๆ “ฉินหมิง ไอ้สารเลว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยโกรธมาก เธอจ้องมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเกลียดชัง จากนั้นก็วิ่งตามไปยังทิศทางของหลินหว่านชิง“ฉินหมิง คุณดูแลตัวเองให้ดี ๆ เถอะ!”หานซีเหลือบมองฉินหมิงด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นเธอและไล่ตามเซี
ฉินหมิงตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“แน่นอนว่านายไม่รู้!”“ครั้งที่แล้ว พี่ไปที่หมิงเหยากรุ๊ปเพื่อไปง้อนาย แต่เธอถูกซูซินเหยาหลอกให้คิดว่านายกับซูซินเหยาคบกันแล้ว…”“ผู้กระทำผิดทั้งหมดนี้ก็คือซูซินเหยา ถ้าเธอไม่เข้ามาขวางทาง พี่คงไม่ได้รับข้อมูลผิด ๆ จากเธอและไม่ทำร้ายนายครั้งแล้วครั้งเล่า…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความโกรธ และเธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าว ๆหลังจากฟังแล้ว ฉินหมิงมีสีหน้าประหลาดใจและไม่แน่ใจ จากนั้นเขาก็มองซูซินเหยาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟและถามว่า "ซินเหยา สิ่งที่เสี่ยวเตี๋ยพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?"“ฉัน...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาเปลี่ยนเป็นสีแดง เธออ้าปากพูด แต่ก็พูดไม่ออกท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอจริง ๆ เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยไม่ได้กล่าวหาเธอ และเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร“ทำไมต้องโกหกผม?”สีหน้าของฉินหมิงมืดลงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะเดาจากปฏิกิริยาของซูซินเหยาว่า สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!“ฉินหมิง ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณ…”“ฉันก็แค่ชอบคุณมาก และไม่อยากเสียคุณไป ฉันจึงตัดสินใจทำมันลงไป...”ดวงตาขอ
ในขณะนี้ เขายังสงบสติอารมณ์ไม่ได้ และความตั้งใจอันแน่วแน่ดั้งเดิมของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นคลอนเล็กน้อย“ฉินหมิง คุณอย่าตอบตกลงเธอนะ...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาซีดลง เธอมองไปที่ฉินหมิงด้วยความกังวลเธอรับรู้ความรู้สึกของฉินหมิงที่มีต่อหลินหว่านชิง และเธอก็เห็นว่าฉินหมิงหวั่นไหว หากไม่ผิดคาด ฉินหมิงน่าจะทิ้งเธอไปแล้วกลับไปหาหลินหว่านชิงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเศร้ามาก และใจของเธอก็ค่อย ๆ จมลงสู่ก้นบึ้งเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของซูซินเหยา ฉินหมิงก็ตื่นขึ้นมาทันทีราวกับว่าถูกสาดหน้าด้วยน้ำเย็นหากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะตกลงที่จะกลับไปคืนดีกับหลินหว่านชิงแต่ตอนนี้ เขาได้ตกลงที่จะหมั้นกับซูซินเหยาแล้ว และเมื่อสักครู่นี้ยังให้สัญญากับซูซินเหยาอีกด้วย!หากเขายกเลิกงานหมั้นในเวลานี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะทำให้ซูซินเหยาเสียใจมากแค่ไหน!ไม่ชอบสิ่งใด ก็อย่าได้ทำสิ่งนั้นกับคนอื่นตอนที่เขากับหลินหว่านชิงเลิกกัน เขาได้สัมผัสรสชาติความเจ็บปวดด้วยตัวเอง มันเป็นความเจ็บปวดที่จดจำไว้ในใจไม่ลืมเลือน เจ็บจนเจียนตายในเมื่อแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ชอบความเจ็บปวดแบบนี้ เขาจะใจร้ายทำร้ายซูซินเห
“ผมไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บนิดหน่อย...”ฉินหมิงยิ้มเบา ๆแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินหว่านชิงจะทะเลาะกันจนค่อนข้างไม่มีความสุข แต่หานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขามาก เขาถือว่าหานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเป็นเพื่อนที่ดีมาโดยตลอดเขารู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองแสดงความเป็นห่วงเขา“ฉินหมิง ฉันขอโทษ เป็นฉันเองที่ทำร้ายคุณ”หลินหว่านชิงพูดด้วยท่าทางรู้สึกผิด“ไม่เป็นไร ทั้งหมดเป็นความสมัครใจของผมเอง...”ฉินหมิงแสร้งทำเป็นฝืนยิ้มความรักคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เขาเสียสละมากมายเพื่อหลินหว่านชิงอย่างเต็มใจ ไม่สามารถโทษผู้อื่นได้“คุณหนูใหญ่หลิน คุณมาหาผมมีธุระอะไรเหรอ?”ฉินหมิงถามตรงประเด็น แม้แต่ชื่อน่ารัก ๆ ที่เขาใช้เรียกหลินหว่านชิงก็ได้เปลี่ยนไปแล้วในเมื่อตอนนี้เขาตัดใจจากหลินหว่านชิงแล้ว และกำลังจะหมั้นกับซูซินเหยา เขาควรขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัดเจนกับหลินหว่านชิงและพยายามรักษาระยะห่าง นี่เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่สมควรทำเมื่อได้ยินชื่อเรียกที่ไม่คุ้นเคยออกมาจากปากฉินหมิง หลินหว่านชิงก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจแต่เธอรู้ว่าทั้งหมดน
ฉินหมิงเป็นคู่แข่งทางความรักที่ใหญ่ที่สุดของเขา ขอแค่ฉินหมิงและหลินหว่านชิงคืนดีกันไม่สำเร็จในครั้งนี้ เขาก็สามารถใช้โอกาสจากเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของหลินหว่านชิงได้ง่ายขึ้น!แค่ได้คิดก็มีความสุขมาก!......คฤหาสน์ตระกูลซูแขนข้างหนึ่งของฉินหมิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล เขานอนอยู่บนเตียงเพื่อพักฟื้นอยู่ในห้องเพราะเขากินยามังกรซ่อนไปหนึ่งเม็ดตอนอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ตอนนี้เขาจึงอยู่ในระยะอ่อนแอ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงข้างเตียงซูซินเหยาดูแลฉินหมิงอย่างดี ในมือถือชามยาบำรุงพลังร่างกาย เธอป้อนยาให้ฉินหมิงด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าอันงดงามของเธอคนเราจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับคนที่เรารัก เธอรอคอยฉินหมิงมาเป็นเวลานาน ในที่สุดวันที่ยากลำบากผ่านพ้นไป วันที่หวานชื่นก็มาถึง ได้กลับมาอยู่ด้วยกันกับฉินหมิงสมใจปรารถนาใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความสุขในใจของเธอได้!หลังจากกลับมาจากคฤหาสน์ตระกูลหลิน ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็ไม่เคยหยุดยิ้มได้เลย…ในขณะนี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลซูนายหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว“คุณหนูใหญ่ ข้างนอกมีผู้หญิงคนหนึ่
“สรุปก็คือหนูจะไปหาเขาตอนนี้และอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน บางทีนี่อาจจะเอาชนะใจเขากลับมาได้!”หลินหว่านชิงพูดอย่างหนักแน่นพูดจบเธอก็หันหลังแล้วเดินออกไป“ไม่ได้ ลูกจะไปไม่ได้!”“เรื่องของฉินหมิงเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ลูกควรมองไปข้างหน้า ตอนนี้หลานเค่ออั๋งคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของลูก!”หลินเถิงฮุ่ยหมุนรถเข็นของเขาและรีบไปหยุดหลินหว่านชิงไว้ในความเป็นจริง เหตุผลที่เขาห้ามหลินหว่านชิงก็เพราะว่าฉินหมิงกำลังจะหมั้นหมายกับซูซินเหยา และเนื่องจากเค่ออั๋งชอบหลินหว่านชิงมากแม้ว่าฉินหมิงจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่ฉินหมิงก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไร้อำนาจบารมี หากฉินหมิงจะเต็มใจที่จะกลับมาคืนดีกับหลินหว่านชิงจริง ๆ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาในการกลับไปสู่วงศ์ตระกูลแต่เค่ออั๋งนั้นแตกต่างออกไป หากหลินหว่านชิงยอมรับเค่ออั๋งด้วยพลังยุทธและรากฐานของตระกูลเค่อ การช่วยให้เขายึดอำนาจของตระกูลกลับคืนมาคงไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน!“พ่อ ก่อนหน้านี้พ่อทำเพื่อประโยชน์ของตระกูล จึงเข้ามาก้าวก่ายเรื่องระหว่างหนูกับฉินหมิง อย่างไม่ลังเล และท้ายที่สุดหนูก็ทำร้ายฉินหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า...”“ตอนนี้พ่
การให้ความช่วยเหลือในเวลาที่ต้องการเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ตอนนี้หลินหว่านชิงและพ่อของเธอกำลังประสบปัญหา จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือการถือโอกาสแสดงความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าหลินหว่านชิงในตอนที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด และหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานจากเธอ!ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขามาทันเวลา เมื่อสักครู่นี้เขาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวและช่วยหลินหว่านชิงให้รอดพ้นจากอันตราย ความประทับใจที่ไม่ดีต่อเขาในอดีตก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน“คุณอยากช่วยเราเหรอ?”หลินเถิงฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นตระกูลเค่อเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเจียงเฉิง ที่มีพลังยุทธและรากฐานที่ทรงพลังมาก หากเขาได้รับความช่วยเหลือจากเค่ออั๋งและตระกูลเค่อได้ มันจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากสำหรับเขาและหลินหว่านชิงที่จะกลับคืนสู่ตระกูลหรือยึดอำนาจของตระกูลคืนมา!“ใช่แล้ว!”“ลุงหลิน ตราบเท่าที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากผม ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดและทำอย่างเต็มที่!”เค่ออั๋งพูดเสียงดังฉะฉาน“ดี เยี่ยมมาก!”“หลานเค่ออั๋ง หากคุณสามารถช่วยฉันกับหว่านชิงกลับคืนสู่ตระกูลหลินได้ เราสองพ่อลูกจะขอบคุณอย่างยิ่ง!”หลินเถิงฮ