ซูซินเหยาโน้มตัวไปข้างหน้าด้วยสีหน้างงงันแม้ว่ายาที่อยู่ตรงหน้าเธอจะกลมมนและมีสีสันคล้ายหยก แต่พวกมันก็ดูไม่ธรรมดา เพียงแต่เธอไม่รู้สึกถึงพลังลมปราณจากพวกมัน“ไม่ใช่หรอก พวกนี้เป็นยาเพิ่มพลังวิญญาณ ผมจะใช้พวกมันเพื่อประโยชน์อย่างอื่น…”ฉินหมิงอธิบายสั้น ๆ เขาหยิบขวดเครื่องเคลือบสีขาวหยกออกมาและเก็บยาเพิ่มพลังวิญญาณทั้งหมดออกไปยาเพิ่มพลังวิญญาณไม่มีผลกับนักยุทธ์ และหากเขาจะฝากไว้ให้กับตระกูลซูก็ถือว่าไร้ประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บมันไว้เอง“แล้วทำไมคุณไม่ผลิต 'ยาหลอมลมปราณ' เสียทีล่ะ? ฉันรอดูอยู่นะ”ซูซินเหยาพยายามเร่งรัดเพราะอยากจะเห็นว่ายาหลอมลมปราณจะสามารถเพิ่มระดับลมปราณให้เธอได้หรือไม่"ไม่ต้องกังวล ผมจะกลั่น 'ยาหลอมลมปราณ' เดี๋ยวนี้แหละ"ฉินหมิงยิ้มแล้วเก็บกวาดยาที่เหลืออยู่ในเตาเล่นแร่แปรธาตุ เขาโยนเหอโส่วอูอีกต้นหนึ่งซึ่งมีอายุมากกว่าสามร้อยปีลงไป และเริ่มผลิตยาหลอมลมปราณฟุ่บ!ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดเม็ดยาหลอมลมปราณรอบที่สองก็ได้รับการขัดเกลาในที่สุด!เมื่อเปรียบเทียบกับยาเพิ่มพลังวิญญาณ สภาพของยาหลอมลมปราณนั้นดีกว่ามาก โดยสามารถผลิตยามากกว่าหนึ่งร้อยยี
ฉินหมิงมีสีหน้ากังวลและกระวนกระวายจนแทบบ้ายาหลอมลมปราณรวบรวมแก่นแท้ของวัตถุดิบทางยาอันล้ำค่า ไว้มากมาย พลังลมปราณที่มีอยู่ในนั้นบริสุทธิ์มากและโดยปกติร่างกายจะค่อยๆปรับตัวเข้ากับยาอย่างช้า ๆแต่ซูซินเหยาที่เพิ่งกินยาไปหนึ่งเม็ดยังไม่ทันจะปรับตัวได้ ก็ยังกินยาเพิ่มเข้าไปอีกสิบเม็ดหรือมากกว่านั้นทันทีเสียได้ นี่ไม่ต่างอะไรกับการหาเรื่องตายเลยด้วยซ้ำ!"อะไรนะ?"นายท่านซูและหลานทั้งสองตกใจจนหน้าซีดโดยเฉพาะอย่างยิ่งซูซินเหยาเธอรู้สึกได้ทันทีว่ายาหลอมลมปราณมากกว่าหนึ่งโหลในร่างกายของเธอได้กลายมาเป็นกระแสลมปราณที่พลุ่งพล่านไปยังแขนขาและกระดูกของเธออย่างรุนแรงพลังสุดขั้วจะนำสิ่งที่ตรงกันข้ามมา!พลังลมปราณเหล่านี้มากเกินกว่าที่ร่างกายของเธอจะนำมาใช้และไม่อาจทานทนได้ และใบหน้างดงามของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว กระทั่งรู้สึกได้ว่าเส้นลมปราณของเธอกำลังจะถูกพลังลมปราณคุกคามเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ของซูซินเหยาแย่ลงเรื่อย ๆ ทั้งนายท่านซูและซูห่าวก็เริ่มวิตกกังวลและจิตใจของพวกเขาเริ่มกระสับกระส่าย “ฉินหมิง ตอนนี้เราควรทำยังไงดี? โปรดคิดหาวิธีที่จะช่วยซินเหยาด้วย…”"คุณซู ไม่ต้องห่วง ผมก
"ทำตามที่ผมบอกให้ดี!"ฉินหมิงรู้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วน และเขาไม่มีเวลาเหลือให้มัวชักช้าร่ำไร ดังนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้าและช้อนร่างของซูซินเหยาราวกับเธอเป็นเจ้าหญิง เดินไปยังจุดศูนย์กลางของค่ายกลรวมวิญญาณด้วยการสาวเท้ายาว ๆเมื่อเข้าสู่ค่ายกลรวมวิญญาณแล้ว ฉินหมิงก็วางซูซินเหยาด้านข้างจุดศูนย์กลางของค่ายกลนั้นอย่างอ่อนโยน และซให้ซูซินเหยานั่งบนพื้นหญ้า จากนั้นเขาจึงหยิบเข็มเงินออกมาและใช้วิชาหกเข็มพลิกชะตาฝังเข็มหลาย ๆ จุดรอบ ๆ หน้าอกและหน้าท้องของซูซินเหยาทีละจุดหกเข็มพลิกชะตา ปิดประตูนรก!ด้วยความพยายามของฉินหมิง พลังวิญญาณที่ส่งออกจากฝ่ามือของเขาจึงไหลเข้าสู่ร่างกายของซูซินเหยาอย่างต่อเนื่อง ปิดกั้นการไหลเวียนของลมปราณขนาดมหึมา และค่อย ๆ ควบคุมการหลอมรวมของลมปราณมากมายเหล่านั้นไปด้วยสิ่งนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณมาก แม้ว่าจะมีค่ายกลรวมวิญญาณอยู่ด้านหลังเขาไม่ไกล แต่ความเร็วของการเติมเต็มพลังวิญญาณเมื่อเทียบกับความเร็วของการใช้พลังวิญญาณนับว่าไม่สมดุลกันในเวลาไม่นานใบหน้าของฉินหมิงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีซีดขาว ร่างกายของเขาใกล้จะดับสลายและพลังวิญญาณของเขาก็เกือบจะ
“ซินเหยา อย่าแตะต้องเขา!”นายท่านซูตกใจและรีบยกแขนขึ้นเพื่อหยุดหลานสาวของเขา"คุณปู่ ทำอะไรอยู่ ฉินหมิงได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ เราต้องรีบพาเขาไปโรงพยาบาลโดยเร็ว…”หัวใจของซูซินเหยาตกอยู่ในความตระหนก เธอกระทืบเท้าอย่างวิตกกังวล น้ำตาแทบจะไหลออกมา"ไม่เป็นไร เขาเพียงใช้พลังเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บมาอย่างหนักเท่านั้น!”“อีกอย่างทักษะทางการแพทย์ของเขาก็ก้าวหน้ามากจนเอาตัวรอดเองได้แน่ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลหรอก”นายท่านซูปลอบใจเขาเขารู้ดีแก่ใจว่าด้วยทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของฉินหมิง หากฉินหมิงไม่มีปัญญาช่วยเหลือตัวเอง ต่อให้พวกเขาจะไปส่งที่โรงพยาบาล ก็คงไม่มีประโยชน์!หลังจากการวิเคราะห์ของปู่ ในที่สุดซูซินเหยาก็เห็นฉินหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้า ใช้ศิลปยุทธระงับอาการบาดเจ็บของตัวเองเมื่อเห็นเช่นนี้ซูซินเหยารู้สึกสบายใจขึ้นมาได้มากแต่ดวงตาสวยยังจับตาดูการเคลื่อนไหวของฉินหมิง ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างไม่วางตา“ฉินหมิง นี่เป็นความผิดของฉันทั้งหมด ฉันสร้างปัญหาให้คุณเอง ได้โปรดอย่าบาดเจ็บเลยนะ…”“ขอแค่คุณไม่เป็นไร ฉันจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ…”จมูกของซูซินเหยาเริ่มแสบ ดวงตาขอ
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นนายท่านซูและซูห่าวเองต่างก็ตกตะลึงและแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขามองหน้ากันและเข้าใจอะไรบางอย่างได้แทบจะในทันที"อะแฮ่ม..."หลังจากเรียกสติกลับมาได้ นายท่านซูก็กระแอมขึ้นมาเบา ๆ สองครั้งซูซินเหยาได้สติราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน เมื่อตระหนักได้ว่าพฤติกรรมของเธอค่อนข้างไม่เหมาะสม ใบหน้างดงามของเธอก็ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงระเรื่อ ตอนที่เธอจะเอาตัวเองออกจากอ้อมกอดของฉินหมิงอย่างรวดเร็ว ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเผชิญหน้ากับฉินหมิงฉินหมิงคิดว่าซูซินเหยาคงดีใจมากถึงได้ทำอะไรโดยขาดความยั้งคิด เขาจึงไม่ได้คิดอะไรมากมายกับเรื่องที่เกิดขึ้น“ฉินหมิง ขอบคุณสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น นายไม่เพียงช่วยชีวิตซินเหยาไว้เท่านั้น แต่นายยังช่วยให้เธอฝ่าฟันจากคอขวดของเธอจะทำให้เธอได้มาอยู่ในขั้นกลางระดับสวรรค์ประทานได้…”“ตั้งแต่รู้จักกันตระกูลซูของเราเป็นหนี้บุญคุณนายเสมอ ฉันไม่รู้จะตอบแทนนายอย่างไรเลยจริง ๆ"นายท่านซูรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง สองพี่น้องของซูห่าวและซูซินเหยาเองก็รู้สึกขอบคุณเขาจากใจจริงเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับซูซินเหยาด้วยแล้ว ดวงตาได้รูปของเธอเป็นประกายเป็นครั้งคราว หัวใจ
“ตระกูลซูของเราเป็นฝ่ายจัดหาสมุนไพรทั้งนั้นเพราะมีคุณเป็นส่วนร่วม เช่นนั้นเราควรจะแบ่งผลกำไรออกอย่างละเท่า ๆ กัน”นายท่านซูแจกจ่ายยาหลอมลมปราณคุณภาพสูงจำนวนหนึ่งร้อยแปดสิบเม็ดให้กับฉินหมิง“ผมไม่ได้ต้องการมากขนาดนั้นหรอก ผมเอายาเพิ่มพลังวิญญาณไปหนึ่งขวดแล้ว ขอยาหลอมลมปราณเพิ่มอีกหนึ่งร้อยเม็ดก็พอ”ฉินหมิงส่ายหน้าและหยิบยาหลอมลมปราณคุณภาพสูงไปประมาณร้อยเม็ดหากเป็นในอดีต เขาคงจะทิ้งยาหลอมลมปราณคุณภาพสูงทั้งหมดให้กับตระกูลซูอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้ เขาได้ฝึกฝนทั้งศิลปยุทธและนักยุทธ์แล้ว อีกทั้งหลินหว่านชิงและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยก็จำเป็นต้องใช้ยาหลอมลมปราณเพื่อบ่มเพาะศิลปยุทธด้วย"ขอบคุณมาก"นายท่านซูยิ้มและกล่าวตระกูลซูเป็นตระกูลที่เด่นเรื่องศิลปยุทธโบราณ ดังนั้นยาหลอมลมปราณคุณภาพสูงจึงมีผลต่อครอบครัวของพวกเขาเป็นอย่างมากฉินหมิงนำยาคุณภาพสูงไปเพียงหนึ่งร้อยเม็ดเท่านั้น ตระกูลซูยังเหลือยาอยู่กับตัวสองร้อยหกสิบเม็ด นอกจากจะรู้สึกขอบคุณแล้ว ยังน้อมรับความมีเมตตาของฉินหมิงไว้อีกด้วยหลังจากแจกยาไปแล้วเขาได้รับคำเชิญอันทรงเกียรติของนายท่านซู ฉินหมิงจึงอยู่ที่ตระกูลซูเพื่อรับประทานอาหาร
เมื่อเห็นใบหน้าถมึงทึงและอับอายของฉินหมิง หลินหว่านชิงก็ปิดปากของเธอและยิ้ม อดไม่ได้ที่จะช่วยพูดให้ฉินหมิง“พี่สาว ฉันก็แค่ล้อเขาเล่นเอง พี่ไม่ใช่พวกเขา ทำไมต้องปกป้องเขาถึงขนาดนี้ด้วย?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยหัวเราะเบา ๆ และเริ่มหันมาเล่นงานหลินหว่านชิงทันที“ไร้สาระน่า ฉัน... ฉันจะปกป้องเขาได้ยังไง”ใบหน้างดงามของหลินหว่านชิงเปลี่ยนเป็นสีแดง และเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยก็ยิ่งทำให้หน้าของเธอแดงเข้าไปใหญ่"โอ้ จริงเหรอ?""ฉันคิดว่าคงมีคนอกหักแล้วแหละตอนนี้!"เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเป็นคนซุกซนช่างพูด"เธอ..."“เอาแต่พูดไปเรื่อย ฉันขี้เกียจจะพูดกับเธอแล้ว”หลินหว่านชิงรู้สึกเขินจนถึงขั้นอับอาย จากนั้นจึงจ้องมองเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยด้วยแววตาเอาเรื่อง เธอหยิบยาหลอมลมปราณ และเป็นฝ่ายกินมันเข้าไปก่อนเมื่อได้เห็นใบหน้าอันงดงามของหลินหว่านชิง จิตใจของฉินหมิงก็เกิดสั่นคลอน เขาอดไม่ได้ที่จะแอบยกนิ้วให้เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยอย่างลับ ๆ และแอบชมเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยที่ทำได้ยอดเยี่ยมอย่างที่เขาวาดหวังไว้!เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยกะพริบตาอย่างนึกสนุกและทั้งสองก็เข้าใจกันอย่างเงียบ ๆ หลังจากหัวเราะต่อกระซิกกันแล้ว ทั้งสามคนก็กินยาห
ไม่เพียงแค่นั้นด้วยความช่วยเหลือเป็นครั้งคราวของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ย ความสัมพันธ์ของเขากับหลินหว่านชิงนับวันยิ่งใกล้ชิดขึ้น พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ร้อนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ยังขาดอยู่คือโอกาสอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นวันนี้เป็นวันเสาร์ฉินหมิงและหลินหว่านชิงไม่ได้ทำงานในบริษัท และเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยก็ไม่มีเรียนในวันนี้ด้วย “ลูกพี่ลูกน้อง วันหยุดดี ๆ แบบนี้ไม่ใช่จะหาได้ง่าย ๆ ไปช้อปปิ้ง ดูหนังด้วยกันไหม?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยยิ้มและคว้าแขนของหลินหว่านชิงเอาไว้“อื้ม ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้มีหนังตลกดี ๆ เข้าฉายด้วย เราไปดูได้เลย”ฉินหมิงพยักหน้าอย่างรวดเร็วและตกลง รู้สึกสะท้อนใจเมื่อรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพร้อมที่จะสร้างโอกาสให้เขาอีกครั้ง!น้องภรรยาในอนาคตคนนี้ นอกจากจะมีนิสัยเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมีน้ำใจกับเขามากทีเดียว!“อืม...ก็ได้”หลินหว่านชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าเห็นด้วยถ้าจะไปช้อปปิ้งและดูหนังกับฉินหมิงเพียงลำพัง ก็คงไม่ต่างจากการออกเดต ด้วยนิสัยเก็บเนื้อเก็บตัวของเธอ เธอคงไม่เห็นด้วยแต่การไปด้วยกันสามคนมันต่างออกไป มันทำให้เธอไม่ต้อ