“แต่ศิลปยุทธมีค่าสำหรับนักยุทธ์ทุกคน ฉินหมิงจะรับปากสอนศิลปยุทธให้เธอง่าย ๆ ได้ยังไงหลินหว่านชิงยังคงไม่ยอมเชื่ออย่างสนิทใจ“แน่นอนว่าเป็นเพราะพี่น่ะสิ!”“เมื่อวานนี้ฉันก็บอกแล้วนี่ว่าฉินจอมฉาวคิดไม่ซื่อกับพี่ ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ เข้าถึงได้เต็มใจสอนศิลปยุทธให้ฉันเพราะอยากจะเอาใจพี่…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดอย่างมั่นใจและขายฉินหมิงออกไปเสียอย่างนั้น"เธอ..."ใบหน้าของหลินหว่านชิงเปลี่ยนเป็นสีแดงใบหน้าของฉินหมิงเองก็แดงเช่นกันความสัมพันธ์ของทั้งคู่เดิมค่อนข้างคลุมเครือ อีกทั้งพวกเขาสองคนก็ยังไม่มีใครทำลายกำแพงนั้นทิ้งไปด้วย แต่ตอนนี้กำแพงที่ว่านั่นกลับถูกเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพังไปแล้ว!แต่อย่างน้อย ฉินหมิงในฐานะผู้ชายแล้วก็เรียกได้ว่าหนังหนากว่าหลินหว่านชิงหน้าบางกว่า ใบหน้าที่สวยงามของเธอเห่อร้อนขึ้น เธออับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี“พอทีเถอะ เสี่ยวเตี๋ย เลิกพูดจะได้ไหม?”“นี่ก็ดึกแล้ว รีบกลับห้องไปพักผ่อนซะ!”หลินหว่านชิงใบหน้าแดงก่ำ คว้าแขนของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพยายามจะหนีออกจากสถานการณ์ยุ่งยากนี้โดยเร็วที่สุด“ฉินจอมฉาวยังไม่ได้เริ่มสอนศิลปยุทธให้ฉันเลยนะ!”“รอเขาสอนเสร็จ
แน่นอนว่าการควบคุมลมปราณไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากสิ่งนี้ต้องอาศัยระดับความสามารถและทักษะด้านศิลปยุทธอย่างมากยิ่งมีพรสวรรค์ด้านศิลปยุทธสูงเท่าไร ยิ่งฝึกตนได้อย่างล้ำลึกมากเท่านั้น และจะยิ่งควบคุมพลังลมปราณได้ง่ายตามไปด้วยในทางตรงกันข้าม ผู้ที่มีความสามารถด้านศิลปยุทธต่ำจะพบว่าแม้กระทั่งในทักษะระดับต่ำ การควบคุมลมปราณและพลังงานของตนก็ยังถือเป็นเรื่องยากมาก ต่อให้พวกเขาจะฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสามถึงห้าเดือน พวกเขาก็ไม่อาจก้าวเข้าสู่ขั้นต้นระดับมานะสร้างได้!เมื่อมองดูหลินหว่านชิงและเสี่ยวเตี๋ยนั่งนิ่ง ฉินหมิงก็หลับตาลงและสืบค้นหาศิลปยุทธลึกลับที่เหมาะสมให้ผู้ชายทำการฝึกฝนอย่างเงียบๆต่อไปเนื่องจากเขาไม่ใช่นักยุทธ์เขาจึงไม่สามารถชี้แนะหลินหว่านชิงและเสี่ยวเตี่ยเกี่ยวกับการฝึกในอนาคตได้ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะบ่มเพาะทักษะศิลปยุทธของตัวเองเสียหน่อย โดยจะมุ่งเน้นไปที่การฝึกพลังวิญญาณ และศิลปยุทธ์ไปพร้อมกันด้วย ซึ่งนั่นจะช่วยทำให้เขาสามารถชี้แนะหญิงสาวทั้งสองคนได้อย่างง่ายดายในอนาคตแต่เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะสามารถบ่มเพาะศิลปยุทธไปพร้อมกับบ่มเพาะพลังวิญญาณได้หรือไม่แต่เพื่อเห็นแก่ประโ
หลินหว่านชิงดูประหลาดใจเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการบ่มเพาะตนและไม่แน่ใจนะว่าทักษะดังกล่าวทรงพลังเพียงใดเพราะอย่างไรเสียเธอก็รู้ถึงภูมิหลังของฉินหมิงอย่างชัดแจ้ง และรู้ว่าเขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่งเพียงความจริงที่ว่าฉินหมิงรู้จักกังฟูก็นับว่าเกินความคาดหมายของเธอแล้ว ไม่คิดเลยว่าฉินหมิงมีความสามารถเรื่องศิลปยุทธ์ระดับสูงอะไรทำนองนี้ด้วย!"แน่นอนว่ามันน่าทึ่งมาก!"“ฉันเคยฝึกฝนทักษะระดับต่ำมาก่อน แต่ก็ต้องเสียเวลาไปมากกว่าสิบวันโดยเปล่าประโยชน์”“แต่วิชาเทพียุทธ์นี้ใช้เวลาในการควบแน่นลมปราณเพียงคืนเดียว เช่นนี้ไม่เรียกว่าทรงพลังได้เหรอ?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทำสีหน้าขบขันแล้วตอบเดิมทีเธอยอมแพ้ไปครึ่งใจแล้ว เนื่องจากการฝึกฝนทักษะระดับต่ำที่ผ่านมาล้วนไม่ได้ผล เพราะเธอไม่อาจทนต่อไปได้อีกแล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้าอาจเอื้อมฝึกฝนทักษะระดับต่ำอีกเลย โชคดีที่สวรรค์เห็นแก่ความมุมานะของเธอ เธอโชคดีที่ได้พบกับฉินหมิง และตอนนี้ความปรารถนาของเธอก็สัมฤทธิ์ผลแล้ว!"โอ้ จริงเหรอ?"หลินหว่านชิงมองดูฉินหมิงด้วยแววตาลึกซึ้ง หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยจากสิ่งที่เธอรู้มา ฉินหมิงอาศัยอยู่ในตระก
ฉินหมิงหยิบเครื่องสำอางที่เตรียมมาเป็นพิเศษออกมาแล้วมอบให้ซูซินเหยา“เครื่องสำอางยี่ห้ออาร์ทิสทรีเหรอ?”ดวงตาของซูซินเหยาเป็นประกาย เธอค่อนข้างประหลาดใจในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เครื่องสำอางของอาร์ทิสทรีกรุ๊ปได้รับความนิยมอย่างมากในเจียงเฉิง เดิมทีเธอต้องการซื้อสองชุดเพื่อทดสอบผลลัพธ์ที่ได้ แต่เนื่องจากปัญหาสินค้าขาดตลาด ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งจึงไม่มีสินค้าในสต๊อก เธอจึงล้มเลิกความคิดนี้ลงชั่วคราว"ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ซูกรุ๊ปเมตตาให้ความร่วมมือกับบริษัทของเราในการซื้อขายสมุนไพรจีน ฉันไม่เคยมีโอกาสขอบคุณเลย""เวชสำอางสองชุดนี้เป็นเพียงการแสดงความขอบคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผม ถือเป็นของขวัญมอบให้คุณก็แล้วกันนะ ขอบคุณมาก..."ฉินหมิงยิ้มและกล่าว“ฉันจะรับของขวัญไว้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก”“คืนนั้นคุณช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันสิที่ควรจะขอบคุณคุณ!”ความทรงจำของซูซินเหยาในตอนที่ถูกโจมตีครั้งก่อนยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่หากไม่ได้ฉินหมิงที่ทั้งฉลาดและกล้าหาญเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอในเวลานั้น หากเธอต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือของอาชญากรก็ไม่รู้ว่าจะต้องประสบพบเจอกับชะตากรรมที่เลวร้ายเพียงใด!เมื่
“ผมแค่พอรู้จักผิวเผินเท่านั้น ไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนักหรอก”ฉินหมิงยิ้มอย่างถ่อมตัวและกล่าว สิ่งที่เขาสร้างขึ้นคือค่ายกลรวมวิญญาณ ไม่ใช่เกราะบังตาประตูจำแลงพิศดารเพียงแต่ค่ายกลทั้งสองนี้ต่างมีการจัดวางตามหลักเก้าตำหนักแปดทิศ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันบางประการซูซินเหยามองฉินหมิงด้วยแววตามีความหมาย อารมณ์ของเธอผันผวนและยากที่จะสงบลงได้เป็นเวลานานเมื่อครั้งที่เธอได้พบกับฉินหมิงครั้งแรก เธอคิดว่าเขาเป็นนักต้มตุ๋นแต่ต่อมา ฉินหมิงไม่เพียงแต่มีทักษะทางการแพทย์และเข้าใจในทักษะการเล่นแร่แปรธาตุอย่างลึกซึ้งเท่านั้น เขายังมีความกล้าหาญ ความเฉลียวฉลาด และศิลปยุทธที่ยอดเยี่ยมอีกด้วยเหนือสิ่งอื่นใด ฉินหมิงยังรู้จักวิทยาการโบราณอย่างเกราะบังตาประตูจำแลงพิศดารซึ่งเป็นความรู้ขั้นสูงอีกด้วย ช่างเป็นคนที่รอบรู้ทั้งวิทยาการเก่าและใหม่อย่างลึกซึ้งมากจริง ๆ!ชั่วขณะหนึ่ง ตัวตนของฉินหมิงในหัวใจของเธอเริ่มดูลึกลับมากขึ้น ความลึกลับดังกล่าวกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในตัวเธอ ถ้าอยากจะรู้นักว่าชายคนนี้ยังซ่อนทักษะอะไรไม่ให้เธอรู้อีกมากน้อยเพียงใด!ขณะที่ซูซินเหยาจมอยู่กับความคิดของตัวเอง นายท่านซูและซู
ซูซินเหยาโน้มตัวไปข้างหน้าด้วยสีหน้างงงันแม้ว่ายาที่อยู่ตรงหน้าเธอจะกลมมนและมีสีสันคล้ายหยก แต่พวกมันก็ดูไม่ธรรมดา เพียงแต่เธอไม่รู้สึกถึงพลังลมปราณจากพวกมัน“ไม่ใช่หรอก พวกนี้เป็นยาเพิ่มพลังวิญญาณ ผมจะใช้พวกมันเพื่อประโยชน์อย่างอื่น…”ฉินหมิงอธิบายสั้น ๆ เขาหยิบขวดเครื่องเคลือบสีขาวหยกออกมาและเก็บยาเพิ่มพลังวิญญาณทั้งหมดออกไปยาเพิ่มพลังวิญญาณไม่มีผลกับนักยุทธ์ และหากเขาจะฝากไว้ให้กับตระกูลซูก็ถือว่าไร้ประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บมันไว้เอง“แล้วทำไมคุณไม่ผลิต 'ยาหลอมลมปราณ' เสียทีล่ะ? ฉันรอดูอยู่นะ”ซูซินเหยาพยายามเร่งรัดเพราะอยากจะเห็นว่ายาหลอมลมปราณจะสามารถเพิ่มระดับลมปราณให้เธอได้หรือไม่"ไม่ต้องกังวล ผมจะกลั่น 'ยาหลอมลมปราณ' เดี๋ยวนี้แหละ"ฉินหมิงยิ้มแล้วเก็บกวาดยาที่เหลืออยู่ในเตาเล่นแร่แปรธาตุ เขาโยนเหอโส่วอูอีกต้นหนึ่งซึ่งมีอายุมากกว่าสามร้อยปีลงไป และเริ่มผลิตยาหลอมลมปราณฟุ่บ!ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดเม็ดยาหลอมลมปราณรอบที่สองก็ได้รับการขัดเกลาในที่สุด!เมื่อเปรียบเทียบกับยาเพิ่มพลังวิญญาณ สภาพของยาหลอมลมปราณนั้นดีกว่ามาก โดยสามารถผลิตยามากกว่าหนึ่งร้อยยี
ฉินหมิงมีสีหน้ากังวลและกระวนกระวายจนแทบบ้ายาหลอมลมปราณรวบรวมแก่นแท้ของวัตถุดิบทางยาอันล้ำค่า ไว้มากมาย พลังลมปราณที่มีอยู่ในนั้นบริสุทธิ์มากและโดยปกติร่างกายจะค่อยๆปรับตัวเข้ากับยาอย่างช้า ๆแต่ซูซินเหยาที่เพิ่งกินยาไปหนึ่งเม็ดยังไม่ทันจะปรับตัวได้ ก็ยังกินยาเพิ่มเข้าไปอีกสิบเม็ดหรือมากกว่านั้นทันทีเสียได้ นี่ไม่ต่างอะไรกับการหาเรื่องตายเลยด้วยซ้ำ!"อะไรนะ?"นายท่านซูและหลานทั้งสองตกใจจนหน้าซีดโดยเฉพาะอย่างยิ่งซูซินเหยาเธอรู้สึกได้ทันทีว่ายาหลอมลมปราณมากกว่าหนึ่งโหลในร่างกายของเธอได้กลายมาเป็นกระแสลมปราณที่พลุ่งพล่านไปยังแขนขาและกระดูกของเธออย่างรุนแรงพลังสุดขั้วจะนำสิ่งที่ตรงกันข้ามมา!พลังลมปราณเหล่านี้มากเกินกว่าที่ร่างกายของเธอจะนำมาใช้และไม่อาจทานทนได้ และใบหน้างดงามของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว กระทั่งรู้สึกได้ว่าเส้นลมปราณของเธอกำลังจะถูกพลังลมปราณคุกคามเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ของซูซินเหยาแย่ลงเรื่อย ๆ ทั้งนายท่านซูและซูห่าวก็เริ่มวิตกกังวลและจิตใจของพวกเขาเริ่มกระสับกระส่าย “ฉินหมิง ตอนนี้เราควรทำยังไงดี? โปรดคิดหาวิธีที่จะช่วยซินเหยาด้วย…”"คุณซู ไม่ต้องห่วง ผมก
"ทำตามที่ผมบอกให้ดี!"ฉินหมิงรู้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วน และเขาไม่มีเวลาเหลือให้มัวชักช้าร่ำไร ดังนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้าและช้อนร่างของซูซินเหยาราวกับเธอเป็นเจ้าหญิง เดินไปยังจุดศูนย์กลางของค่ายกลรวมวิญญาณด้วยการสาวเท้ายาว ๆเมื่อเข้าสู่ค่ายกลรวมวิญญาณแล้ว ฉินหมิงก็วางซูซินเหยาด้านข้างจุดศูนย์กลางของค่ายกลนั้นอย่างอ่อนโยน และซให้ซูซินเหยานั่งบนพื้นหญ้า จากนั้นเขาจึงหยิบเข็มเงินออกมาและใช้วิชาหกเข็มพลิกชะตาฝังเข็มหลาย ๆ จุดรอบ ๆ หน้าอกและหน้าท้องของซูซินเหยาทีละจุดหกเข็มพลิกชะตา ปิดประตูนรก!ด้วยความพยายามของฉินหมิง พลังวิญญาณที่ส่งออกจากฝ่ามือของเขาจึงไหลเข้าสู่ร่างกายของซูซินเหยาอย่างต่อเนื่อง ปิดกั้นการไหลเวียนของลมปราณขนาดมหึมา และค่อย ๆ ควบคุมการหลอมรวมของลมปราณมากมายเหล่านั้นไปด้วยสิ่งนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณมาก แม้ว่าจะมีค่ายกลรวมวิญญาณอยู่ด้านหลังเขาไม่ไกล แต่ความเร็วของการเติมเต็มพลังวิญญาณเมื่อเทียบกับความเร็วของการใช้พลังวิญญาณนับว่าไม่สมดุลกันในเวลาไม่นานใบหน้าของฉินหมิงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีซีดขาว ร่างกายของเขาใกล้จะดับสลายและพลังวิญญาณของเขาก็เกือบจะ