ใบหน้าของหวงหย่งหลินเต็มไปด้วยความกลัว ภายในใจของเขาตอนนี้รู้สึกสับสนหลังจากได้ยินสิ่งนี้ การแสดงออกของเอ้าเฟิงและตู้เซียวก็เปลี่ยนไปอย่างหนัก อารมณ์ของพวกเขาจมดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดอย่างทันทีพวกเขาทั้งสองคิดไม่ตก เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังเข้าข้างพวกเขา แต่เนื่องจากกัวลี่แปรพักต์ สถานการณ์จึงแย่ลงในทันทีที่แย่กว่านั้น หากหวงหย่งหลินเปิดโปงพวกเขาสองคน พวกเขาก็คงจบเห่!“บอกฉันมาว่าใครเป็นคนสั่งคุณ!”หลินหว่านชิงไม่คิดเลยว่าจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่เบื้องหลังผู้อำนวยการหวง และนั่นทำให้เธอยิ่งโกรธหนักกว่าเดิม"คือ......"หวงหย่งหลินมองไปในทิศทางของเอ้าเฟิงและตู้เซียวโดยไม่รู้ตัว เมื่อเขาเห็นสายตาอาฆาตของเอ้าเฟิงและตู้เซียว เขาก็ตั้งสติได้และรีบกลืนสิ่งที่พูดลงคอไป“บอกมาสิว่าใคร!”“ถ้าคุณไม่ยอมพูดแล้วก็ ฉันจะส่งตัวคุณให้ตำรวจเพื่อทำการสอบสวนและลงโทษในข้อหาก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจทันที!”หลินหว่านชิงดุด้วยความโกรธ"คือ......"หวงหย่งหลินอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เขารู้ดีถึงอำนาจและอิทธิพลของตระกูลหลิน หากหลินหว่านชิงส่งเขาให้ตำรวจ อนาคตของเขาก็จะจบลงจริง ๆ!เมื่อเห็นว่าหวงหย่งหล
ตู้เซียวจ้องมองไปที่ฉินหมิงอย่างดุเดือด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง“เป็นโรคประสาทหรือไง!”“ฉันก็เคยบอกไปแล้วไงว่าฉินหมิงไม่ใช่คนรักของฉัน และฉันกับเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษอะไรต่อกันด้วย!”“พูดไม่รู้เรื่องหรือไง?!”หานซีดุด้วยความโกรธ"เป็นไปไม่ได้!"“คุณเป็นคนพาเขาเข้ามาทำงานในบริษัทตั้งแต่แรก และคุณยังโค่นเหยียนซ่งไท่เพื่อเขาด้วย!”“ถ้าเขาไม่ใช่คนรักของคุณ แล้วเขาจะเป็นอะไรได้อีก”“คุณคิดว่าผมหลอกง่ายเหมือนเด็กสามขวบง่ายรึไง?”ตู้เซียวหัวเราะเยาะ"ไร้สาระ!"“ใครบอกคุณว่าฉันเป็นคนจัดแจงให้เขาเข้ามาทำงานในบริษัท แล้วใครบอกคุณว่าฉันไล่เหยียนซ่งไท่!”"วันนี้ฉันจะขออธิบายให้ชัดเจนเลยว่าทั้งสองสิ่งนี้เป็นฝีมือของหลินหว่านชิง ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย!"“ฉันก็แค่ออกหน้ารับแทนเธอเท่านั้น!”หานซีหัวเราะด้วยความโกรธ และความหดหู่ที่อดกลั้นมานานก็ระเบิดออกมาในที่สุดท้ายที่สุดแล้ว การตำหนิผู้อื่นไม่ใช่เรื่องน่ายินดี และเมื่อมีข่าวลือในบริษัทว่าฉินหมิงเป็นคนรักของเธอ เรื่องนี้จึงส่งผลกระทบต่อความบริสุทธิ์และชื่อเสียงของเธอในระดับหนึ่งที่เธอสามารถอดทนได้จนถึงทุกวันนี้ ก
“ตู้เซียว หวงหย่งหลิน และกัวลี่ คุณทั้งสามร่วมมือกันเพื่อใส่ร้ายฉินหมิงในครั้งนี้ ทำให้บริษัทสูญเสียอย่างหนัก ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ!”“จากนี้ไปพวกคุณทั้งสามคนจะถูกไล่ออกจากบริษัท ฉันหวังว่าคุณจะประพฤติตัวให้ดีได้ในอนาคต!”หลินหว่านชิงกล่าวอย่างเย็นชาเธอคิดว่าตู้เซียวและคนอื่น ๆ ทำงานให้กับบริษัทมาหลายปีแล้วและนอกจากทุ่มเททำงานอย่างหนักแล้วก็ไม่ได้มีผลงานดีเด่นอะไร เธอตัดสินใจที่จะลงโทษพวกเขาด้วยการไล่ออก และไม่คิดที่จะปฏิบัติให้คนทั้งสามต้องเผชิญกับความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใดถือว่านี้ก็นับว่ามีเมตตาและชอบธรรมที่สุดแล้ว!“ขอบคุณครับ ประธานหลิน...”ตู้เซียวและคนอื่น ๆ ขอบคุณเธอ และยืนขึ้นทีละคนด้วยสีหน้าหดหู่ใจ เตรียมออกจากบริษัทไป“ประธานหลิน กรุณาใจเย็นก่อน”ฉินหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นยืน"ยังมีอะไรอีกเหรอ?"หลินหว่านชิงมองไปที่ฉินหมิงอย่างสงสัย“ประธานหลิน ข้อผิดพลาดทำให้เกิดการปรับปรุงได้อย่างมากมาย”“รองผู้อำนวยการกัวถูกบังคับให้ต้องก้มหัวยอมทำตามในครั้งนี้”“แต่ท้ายที่สุดเขาก็สามารถกลับใจได้ทันเวลา ผมคิดว่าเขาควรได้รับโอกาสอีกครั้ง”ฉินหมิงขอร้องแทนกัวลี่
ฉินหมิงและหานซีเดินตามเธอออกไปพร้อมกันเมื่อเห็นฉินหมิงและคนอื่น ๆ หายไป เอ้าเฟิงก็กำหมัดแน่นและใบหน้าของเขาบอกบุญไม่รับเขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะใส่ร้ายฉินหมิงในครั้งนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ล้มเหลวและสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป!แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะรอดไปได้ แต่เขาก็รู้ว่าหลินหว่านชิงเริ่มสงสัยในตัวเขาแล้วนั่นเพราะเขาทำเงินให้กับบริษัทมากมายในช่วงสองปีที่ผ่านมา และเนื่องจากปู่ของเขาเป็นผู้ถือหุ้นของหลินกรุ๊ป หลินหว่านชิงจึงยังไว้หน้าเขาอยู่สักหน่อยและไม่ได้สืบสาวราวเรื่องลงไปให้ลึกกว่านี้! เวรเอ๊ย!เอ้าเฟิงไม่พอใจอย่างที่สุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เขารู้ว่าสายตาที่หลินหว่านชิงมองมาเมื่อครู่เป็นการเตือนเขา หากเขากล้าที่จะหาเรื่องฉินหมิงอีกในอนาคต ครั้งหน้าเขาอาจไม่โชคดีเหมือนคราวนี้!…… หลังการประชุมฉินหมิงรีบไปที่โจวกรุ๊ปโดยด่วน เขาทำการขอโทษและชี้แจงเรื่องนี้แก่ประธานโจวด้วยตนเอง ประธานโจวเป็นคนใจกว้างที่สุด แทนที่จะโทษฉินหมิง เขายังให้กำลังใจฉินหมิงอีกด้วยหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายตกลงกันเรื่องเวลาในการจัดส่งสินค้าในครั้งถัดไป จากนั้นฉินหมิงก็แอบระลึกถึงของฝากสำหรับชายชราในสั
“ฉินหมิง ในเมื่อเราพบกันแล้ว เข้าไปข้างในกันเถอะ”ซ่งเซียงตงหัวเราะ“ไม่ล่ะ ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นฉันคงจะไม่ไป”ฉินหมิงส่ายหน้าเขาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็ก และเขาอาศัยการเรียนไปด้วยควบคู่กับทำงานเพื่อจะได้มีโอกาสเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเนื่องจากสภาพครอบครัวที่ย่ำแย่ เขาจึงถูกเพื่อนร่วมชั้นหลายคนรังแกและรังเกียจมาโดยตลอด มีเพียงไม่กี่คนที่ยินดีติดต่อกับเขานอกจากนี้เขาค่อนข้างเป็นคนเงียบ ๆ และแทบไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมอะไรในมหาวิทยาลัยเลย สถานการณ์ของซ่งเซียงตงตรงกันข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิงซ่งเซียงตงเป็นเศรษฐีรุ่นที่สองที่มีฐานะทางครอบครัวค่อนข้างดีและมีทรัพย์สินนับสิบล้านย้อนกลับไปตอนนั้น ซ่งเซียงตงเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในชั้นเรียนและได้รับความสนใจจากเพื่อนผู้หญิงร่วมชั้นเรียนหลายคนเดิมทีเขาและซ่งเซียงตงไม่ได้มาจากชนชั้นเดียวกันและพวกเขาก็เคยพูดคุยกันเพียงเล็กน้อย ซ่งเซียงตงกับเขาจึงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนัก และมักจะสร้างปัญหาให้เขาเสมออีกทั้งไม่มีใครบอกเขาเรื่องงานเลี้ยงรุ่น ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องหน้าด้านร่วมงานเมื่อซ่งเซียงตงไ
ซ่งเซียงตงเคยเป็นบุคคลที่โด่งดังในชั้นเรียนและได้รับความนิยมมาโดยตลอด เขาเป็นเจ้าชายผู้มีเสน่ห์ในสายตาของเพื่อนร่วมชั้นหญิงหลายคนเมื่อพวกเขาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทุกคนก็ตระหนักถึงความสำคัญของเงินตราได้อย่างลึกซึ้งแม้ว่าซ่งเซียงตงจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก และภูมิหลังทางครอบครัวของเขาก็ยังห่างไกลจากพวกทายาทเศรษฐีไปมาก แต่ถึงอย่างนั้นฐานะของเขาก็ดีกว่าทุกคนที่เหลือไม่น้อยแน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องให้ความสนใจซ่งเซียงตงมากขึ้น“โอ้ เจียงชุ่นกับฉันบังเอิญเจอกันฉันพบกับฉินหมิงที่ลานจอดรถ เราพูดคุยกันสักพักก็เลยทำให้เสียเวลาไปอยู่บ้าง”ซ่งเซียงตงยิ้มเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มาก“ฉินหมิง?”ทุกคนตกใจแล้วสังเกตเห็นฉินหมิงที่อยู่ด้านหลังซ่งเซียงตงและเจียงชุ่นทันทีสายตาของหลายคนแสดงถึงความดูถูกและเย้ยหยันเล็กน้อยหลี่เจียฮุ่ยเป็นเพียงคนเดียวที่จับจ้องไปที่ฉินหมิงด้วยดวงตาเป็นประกายและเธอก็กล่าวทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม "ฉินหมิงไม่เจอกันนานเลย"“ใช่ เราไม่ได้เจอกันตั้งสามปีแล้ว...”ฉินหมิงรู้สึกเศร้ามากและลังเลที่จะพูดเขาสัมผัสได้ถึงสายตาดูถูกเหยียดหยามของทุกคน
“เอาล่ะ วันนี้ฉันจะเลี้ยงทุกคนเอง อยากกินอะไรก็สั่งได้เลย!”ซ่งเซียงตงพูดอย่างภาคภูมิใจ และระงับความทุกข์ในใจไว้ชั่วคราว“พี่ตง ในเมื่อคุณพูดเช่นนั้น เราก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ!”"ที่นี่เป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่หรูหราและราคาแพง แถมราคาอาหารก็แพงมากด้วย ฉันไม่เคยไปร้านอาหารระดับไฮเอนด์แบบนี้มาก่อนเลย"“ใช่ ฉันไม่เคยมาที่นี่เหมือนกัน คราวนี้เราทุกคนก็ได้รับประโยชน์จากพี่ตง ไม่อย่างนั้น คนทำงานในบริษัทธรรมดาที่มีรายได้ไม่มากอย่างเราจะสามารถกินอาหารราคาแพงขนาดนี้ได้ยังไง”“ขอบคุณพี่ตง เราทุกคนควรจะขอบคุณเขา”…มีเสียงสรรเสริญและคำเยินยอดังขึ้นจากทุกชน“เอาเถอะ เอาเถอะ เงินแค่นี้ไม่ต้องคิดให้เป็นจริงเป็นจังอะไรหรอก”ซ่งเซียงตงรู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจในหน้าตาของตัวเองมาก เขาเต็มไปด้วยอำนาจและความโดดเด่นท่ามกลางคำชมของทุกคนจากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลี่เจียฮุ่ยอย่างภาคภูมิใจ หวังจะให้หลี่เจียฮุ่ยมองเขาต่างออกไปสำหรับฉินหมิง เขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ยากจน ดังนั้นเขาจึงเพิกเฉยต่อฉินหมิง!น่าเสียดายที่หลี่เจียฮุ่ยไม่ได้มองเขาเลยแม้แต่น้อย เธอมุ่งความสนใจไปที่ฉินหมิงและถามเขาด้ว
ซ่งเซียงตงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง มองเผิน ๆ ดูเหมือนเขาอยากจะล้างแค้นให้กับฉินหมิง แต่จริง ๆ แล้วเข้าแค่พยายามจะแทงซ้ำเข้าไปที่แผลเก่าของฉินหมิงเท่านั้น!นี่คือเหตุผลที่เขาจงใจลากฉินหมิงเข้ามาร่วมงานเลี้ยงรุ่นในครั้งนี้ด้วย เขาต้องการให้ฉินหมิงต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชน ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีทางได้กำจัดความเกลียดชังที่มีอยู่ในใจออกไปได้เลย!"อะไรนะ?"“นี้นายถูกภรรยาสวมเขา? แล้วยังท้องลูกของคนอื่นด้วยเหรอ?”“ฉินหมิง นายจะน่าสงสารเกินไปแล้ว!”"ฮ่า......"ทุกคนประหลาดใจในตอนแรก จากนั้นจึงหัวเราะออกมาทันทีเดิมทีพวกเขาก็ดูถูกฉินหมิงไม่น้อยอยู่แล้ว เมื่อตอนนี้พวกเขาได้ยินเรื่องอื้อฉาวทั้งหมด พวกเขาก็ยิ่งมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเย้ยหยันมากยิ่งขึ้น ราวกับพวกเขากำลังมองดูตัวตลกคนหนึ่งคนที่ไม่เย้ยหยันเขามีเพียงคนเดียวคือหลี่เจียฮุ่ย เธอเห็นใจกับสิ่งที่ฉินหมิงต้องประสบและรู้ว่าทุกคนตั้งใจเย้ยหยันเขา เธอรีบปลอบใจเขา "ฉินหมิง นาย... อย่าได้ใส่ใจคนพวกนี้เลยนะ"“ไม่เป็นไรหรอก ผมชินซะแล้วล่ะ”ฉินหมิงกล่าวอย่างใจเย็นเขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้อยู่แล้วว่าซ่งเซียงตงจงใจทำให้เขาอับอา