ฉินหมิงและหานซีเดินตามเธอออกไปพร้อมกันเมื่อเห็นฉินหมิงและคนอื่น ๆ หายไป เอ้าเฟิงก็กำหมัดแน่นและใบหน้าของเขาบอกบุญไม่รับเขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะใส่ร้ายฉินหมิงในครั้งนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ล้มเหลวและสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป!แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะรอดไปได้ แต่เขาก็รู้ว่าหลินหว่านชิงเริ่มสงสัยในตัวเขาแล้วนั่นเพราะเขาทำเงินให้กับบริษัทมากมายในช่วงสองปีที่ผ่านมา และเนื่องจากปู่ของเขาเป็นผู้ถือหุ้นของหลินกรุ๊ป หลินหว่านชิงจึงยังไว้หน้าเขาอยู่สักหน่อยและไม่ได้สืบสาวราวเรื่องลงไปให้ลึกกว่านี้! เวรเอ๊ย!เอ้าเฟิงไม่พอใจอย่างที่สุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เขารู้ว่าสายตาที่หลินหว่านชิงมองมาเมื่อครู่เป็นการเตือนเขา หากเขากล้าที่จะหาเรื่องฉินหมิงอีกในอนาคต ครั้งหน้าเขาอาจไม่โชคดีเหมือนคราวนี้!…… หลังการประชุมฉินหมิงรีบไปที่โจวกรุ๊ปโดยด่วน เขาทำการขอโทษและชี้แจงเรื่องนี้แก่ประธานโจวด้วยตนเอง ประธานโจวเป็นคนใจกว้างที่สุด แทนที่จะโทษฉินหมิง เขายังให้กำลังใจฉินหมิงอีกด้วยหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายตกลงกันเรื่องเวลาในการจัดส่งสินค้าในครั้งถัดไป จากนั้นฉินหมิงก็แอบระลึกถึงของฝากสำหรับชายชราในสั
“ฉินหมิง ในเมื่อเราพบกันแล้ว เข้าไปข้างในกันเถอะ”ซ่งเซียงตงหัวเราะ“ไม่ล่ะ ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นฉันคงจะไม่ไป”ฉินหมิงส่ายหน้าเขาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็ก และเขาอาศัยการเรียนไปด้วยควบคู่กับทำงานเพื่อจะได้มีโอกาสเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเนื่องจากสภาพครอบครัวที่ย่ำแย่ เขาจึงถูกเพื่อนร่วมชั้นหลายคนรังแกและรังเกียจมาโดยตลอด มีเพียงไม่กี่คนที่ยินดีติดต่อกับเขานอกจากนี้เขาค่อนข้างเป็นคนเงียบ ๆ และแทบไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมอะไรในมหาวิทยาลัยเลย สถานการณ์ของซ่งเซียงตงตรงกันข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิงซ่งเซียงตงเป็นเศรษฐีรุ่นที่สองที่มีฐานะทางครอบครัวค่อนข้างดีและมีทรัพย์สินนับสิบล้านย้อนกลับไปตอนนั้น ซ่งเซียงตงเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในชั้นเรียนและได้รับความสนใจจากเพื่อนผู้หญิงร่วมชั้นเรียนหลายคนเดิมทีเขาและซ่งเซียงตงไม่ได้มาจากชนชั้นเดียวกันและพวกเขาก็เคยพูดคุยกันเพียงเล็กน้อย ซ่งเซียงตงกับเขาจึงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนัก และมักจะสร้างปัญหาให้เขาเสมออีกทั้งไม่มีใครบอกเขาเรื่องงานเลี้ยงรุ่น ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องหน้าด้านร่วมงานเมื่อซ่งเซียงตงไ
ซ่งเซียงตงเคยเป็นบุคคลที่โด่งดังในชั้นเรียนและได้รับความนิยมมาโดยตลอด เขาเป็นเจ้าชายผู้มีเสน่ห์ในสายตาของเพื่อนร่วมชั้นหญิงหลายคนเมื่อพวกเขาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทุกคนก็ตระหนักถึงความสำคัญของเงินตราได้อย่างลึกซึ้งแม้ว่าซ่งเซียงตงจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก และภูมิหลังทางครอบครัวของเขาก็ยังห่างไกลจากพวกทายาทเศรษฐีไปมาก แต่ถึงอย่างนั้นฐานะของเขาก็ดีกว่าทุกคนที่เหลือไม่น้อยแน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องให้ความสนใจซ่งเซียงตงมากขึ้น“โอ้ เจียงชุ่นกับฉันบังเอิญเจอกันฉันพบกับฉินหมิงที่ลานจอดรถ เราพูดคุยกันสักพักก็เลยทำให้เสียเวลาไปอยู่บ้าง”ซ่งเซียงตงยิ้มเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มาก“ฉินหมิง?”ทุกคนตกใจแล้วสังเกตเห็นฉินหมิงที่อยู่ด้านหลังซ่งเซียงตงและเจียงชุ่นทันทีสายตาของหลายคนแสดงถึงความดูถูกและเย้ยหยันเล็กน้อยหลี่เจียฮุ่ยเป็นเพียงคนเดียวที่จับจ้องไปที่ฉินหมิงด้วยดวงตาเป็นประกายและเธอก็กล่าวทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม "ฉินหมิงไม่เจอกันนานเลย"“ใช่ เราไม่ได้เจอกันตั้งสามปีแล้ว...”ฉินหมิงรู้สึกเศร้ามากและลังเลที่จะพูดเขาสัมผัสได้ถึงสายตาดูถูกเหยียดหยามของทุกคน
“เอาล่ะ วันนี้ฉันจะเลี้ยงทุกคนเอง อยากกินอะไรก็สั่งได้เลย!”ซ่งเซียงตงพูดอย่างภาคภูมิใจ และระงับความทุกข์ในใจไว้ชั่วคราว“พี่ตง ในเมื่อคุณพูดเช่นนั้น เราก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ!”"ที่นี่เป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่หรูหราและราคาแพง แถมราคาอาหารก็แพงมากด้วย ฉันไม่เคยไปร้านอาหารระดับไฮเอนด์แบบนี้มาก่อนเลย"“ใช่ ฉันไม่เคยมาที่นี่เหมือนกัน คราวนี้เราทุกคนก็ได้รับประโยชน์จากพี่ตง ไม่อย่างนั้น คนทำงานในบริษัทธรรมดาที่มีรายได้ไม่มากอย่างเราจะสามารถกินอาหารราคาแพงขนาดนี้ได้ยังไง”“ขอบคุณพี่ตง เราทุกคนควรจะขอบคุณเขา”…มีเสียงสรรเสริญและคำเยินยอดังขึ้นจากทุกชน“เอาเถอะ เอาเถอะ เงินแค่นี้ไม่ต้องคิดให้เป็นจริงเป็นจังอะไรหรอก”ซ่งเซียงตงรู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจในหน้าตาของตัวเองมาก เขาเต็มไปด้วยอำนาจและความโดดเด่นท่ามกลางคำชมของทุกคนจากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลี่เจียฮุ่ยอย่างภาคภูมิใจ หวังจะให้หลี่เจียฮุ่ยมองเขาต่างออกไปสำหรับฉินหมิง เขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ยากจน ดังนั้นเขาจึงเพิกเฉยต่อฉินหมิง!น่าเสียดายที่หลี่เจียฮุ่ยไม่ได้มองเขาเลยแม้แต่น้อย เธอมุ่งความสนใจไปที่ฉินหมิงและถามเขาด้ว
ซ่งเซียงตงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง มองเผิน ๆ ดูเหมือนเขาอยากจะล้างแค้นให้กับฉินหมิง แต่จริง ๆ แล้วเข้าแค่พยายามจะแทงซ้ำเข้าไปที่แผลเก่าของฉินหมิงเท่านั้น!นี่คือเหตุผลที่เขาจงใจลากฉินหมิงเข้ามาร่วมงานเลี้ยงรุ่นในครั้งนี้ด้วย เขาต้องการให้ฉินหมิงต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชน ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีทางได้กำจัดความเกลียดชังที่มีอยู่ในใจออกไปได้เลย!"อะไรนะ?"“นี้นายถูกภรรยาสวมเขา? แล้วยังท้องลูกของคนอื่นด้วยเหรอ?”“ฉินหมิง นายจะน่าสงสารเกินไปแล้ว!”"ฮ่า......"ทุกคนประหลาดใจในตอนแรก จากนั้นจึงหัวเราะออกมาทันทีเดิมทีพวกเขาก็ดูถูกฉินหมิงไม่น้อยอยู่แล้ว เมื่อตอนนี้พวกเขาได้ยินเรื่องอื้อฉาวทั้งหมด พวกเขาก็ยิ่งมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเย้ยหยันมากยิ่งขึ้น ราวกับพวกเขากำลังมองดูตัวตลกคนหนึ่งคนที่ไม่เย้ยหยันเขามีเพียงคนเดียวคือหลี่เจียฮุ่ย เธอเห็นใจกับสิ่งที่ฉินหมิงต้องประสบและรู้ว่าทุกคนตั้งใจเย้ยหยันเขา เธอรีบปลอบใจเขา "ฉินหมิง นาย... อย่าได้ใส่ใจคนพวกนี้เลยนะ"“ไม่เป็นไรหรอก ผมชินซะแล้วล่ะ”ฉินหมิงกล่าวอย่างใจเย็นเขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้อยู่แล้วว่าซ่งเซียงตงจงใจทำให้เขาอับอา
“ใช่ พี่ตงพูดถูก”“พวกเราแค่ล้อเล่นกับนายเท่านั้น นายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นนายไม่ควรใจแคบขนาดนั้นจริงไหม?”“อีกอย่าง เราไม่ได้เจอกันเสียตั้งนาน ในที่สุดเราก็มีโอกาสได้เจอกันแล้ว ถ้านายรีบกลับไป…”…เมื่อได้ยินสิ่งที่ทุกคนพูดหลี่เจียฮุ่ยก็คิดว่าฉินหมิงรีบกลับเพราะโกรธ ดังนั้นเธอจึงแนะนำ "ฉินหมิงไหน ๆ นายก็มาแล้ว คุยอะไรให้เสร็จแล้วก็ค่อยกลับสิ"“และฉันไม่ได้เจอนายมากกว่าสามปีแล้ว ฉันมีอะไรอยากจะคุยกับนายเยอะแยะเลย”ทัศนคติของหลี่เจียฮุ่ยดูจริงใจมากเธอตกลงที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่นในครั้งนี้เพื่อดูว่าเธอจะได้พบกับฉินหมิงหรือไม่ตอนนี้ในที่สุดเธอก็ได้พบกับฉินหมิงแล้ว เธอไม่อยากให้ฉินหมิงรีบจากไปอย่างแน่นอน“เจียฮุ่ย ผมมีธุระต้องทำจริง ๆ…”“เอาแบบนี้ดีไหม? ในอีกสองวันฉันจะเลี้ยงอาหารค่ำคุณเอง แล้วเราค่อยคุยกันดี ๆ…”ก่อนที่ฉินหมิงจะพูดจบประตูห้องรับรองก็ถูกผลักเปิดออก ซูซินเหยาก็เดินเข้ามาจากด้านนอก"คุณคือใคร?"ทุกคนประหลาดใจและหันความสนใจไปที่ซูซินเหยาเมื่อพวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของซูซินเหยาอย่างชัดเจน พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาซูซินเหยาเป็นหนึ่งในสี่สาวงามในเจียงเฉิน
สำหรับเรื่องที่เขาจะตามจีบหลี่เจียฮุ่ยนั้น ในสายตาของเขาซูซินเหยาที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นดีกว่าหลี่เจียฮุ่ยมากในทุก ๆ ด้าน หากเขามีโอกาสได้รับความชื่นชอบจากซูซินเหยาทำไมเขาถึงต้องไล่ตามหลี่เจียฮุ่ยอย่างหนักด้วย!"คุณเป็นใคร?!"“มีสิทธิ์รู้จักชื่อของฉันด้วยเหรอ?!”ซูซินเหยาตะคอกอย่างเย็นชา ท่าทางของเธอหยิ่งยโสเป็นที่สุดบุคลิกของเธออรชรอ้อนแอ้นและเย้ายวน เธอไม่สนใจลูกหลานเศรษฐีและผู้มีอำนาจมากมายในเจียงเฉิง แล้วเธอจะสนใจซ่งเซียงตงได้อย่างไร?"คุณ......"ซ่งเซียงตงตกตะลึง เขาคิดว่าตัวเองสูงส่งอยู่เสมอ เขาจะทนให้ซูซินเหยาดูแคลนได้อย่างไร เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธเล็กน้อยแล้วพูดว่า "เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร?"“เธอก็เป็นแค่แฟนสาวของเด็กกำพร้าจน ๆ ต่อหน้าฉันกล้าดียังไงมาแสร้งทำตัวสูงส่ง!”“บังอาจ!”ดวงตาของซูซินเหยาเย็นชาและเธอก็ตบเขาทันทีเพียะ!เสียงตบดังขึ้น ซ่งเซียงตงก็เวียนหัวมากจนหูอื้อและเกือบจะล้มลง“เธอ...เธอกล้าตบฉันเหรอ?”ซ่งเซียงตงปิดแก้มของเขาด้วยสีหน้าไม่เชื่อ“ฉันจะตบนายแล้วจะทำไมล่ะ?!”ซูซินเหยาเยาะเย้ยและมองไปที่ซ่งเซียงตงด้วยสายตาที่ใช้มองแมลงตัวจ้อยซ่งเซียงตงโกรธจัด
ส่วนเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ต่างยืนมองอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นพวกเขาต่างรู้ดีว่าฉินหมิงเป็นเด็กกำพร้า ไร้อำนาจวาสนาอีกทั้งซูซินเหยาที่เป็นแฟนสาวของฉินหมิง สภาพทางฐานะทางครอบครัวเองก็ดีมากแต่ตอนนี้ซูซินเหยากลับหยามเกียรติเขา ถ้ากำลังเสริมเขามาล่ะก็ พอถึงตอนนั้น ทุกคนก็คงรู้ดีว่าฉินหมืงและซูซินเหยาจะมีสภาพเป็นอย่างไร!“คิดจะไปงั้นเหรอ?”“สายไปซะแล้วล่ะ!”ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านนอก รอยยิ้มเย็นชาของซ่งเซียงตงก็ผุดขึ้นพอสิ้นเสียงที่ซ่งเซียงตงพูด ประตูห้องวีไอพีก็ได้ถูกผลักเข้ามา ผู้จัดการโรงแรมได้พากลุ่มรปภ.ร่างกายกำยำเดินมาในห้อง“เซียงตง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“ใครมันกล้าก่อเรื่องวุ่นวายที่โรงแรม กล้ามากนะ!”ผู้จัดการโรงแรมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาซ่งเซียงตงใช้มือชี้ไปที่ซูซินเหยากับฉินหมิงแล้วพูดอย่างโกรธแค้น “พี่ สองคนนี้นี่แหละ!”“พวกมันสองคนร่วมมือกันทำร้ายผม พี่ต้องเอาคืนให้ผมนะ!”ผู้จัดการโรงแรมหันไปทางที่ซ่งเซียงตงชี้ พอเห็นซูซินเหยาแล้วสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที ขาทั้งสองเกือบจะทรุดลงกับพื้นตระกูลซูมักจะทำตัวติดดิน หากเป็นคนอื่