ซูซินเหยาพูดอย่างไม่สบอารมณ์เสียงเยือกเย็นนี้เหมือนกับเสียงฟ้าร้องที่กำลังจะผ่าลงหัวของซ่งเซียงตง จากนั้นเขาก็จำเหตุการณ์ที่เขาเพิ่งปะทะกับซูซินเหยาได้และอำนาจของตระกูลซูสามารถบีบเขาให้ตายคามือเหมือนมดได้ง่าย ๆ ถ้าตอนนี้เขาไม่คิดหาวิธีให้ซูซินเหยาให้อภัยเขา เกรงว่าศพเขาจะไม่สวยแน่นอน!เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ซ่งเซียงตงก็รู้สึกหวาดกลัวทันที ขาของเขาอ่อนแรง และเขาก็คุกเข่าลงร้องขอความเมตตาด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว "คุณหนูซู เมื่อกี้นี้ผมไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะครับ ครั้งนี้คุณหนูช่วยเมตตาผมด้วยเถอะนะครับ…”“ตอนนี้เพิ่งจะมาให้ขอร้องอ้อนวอนให้อภัย แล้วเมื่อกี้ทำอะไรลงไปล่ะ!”ซูซินเหยาแสยะยิ้มอย่างเย็นชาด้วยท่าทีที่นิ่งเฉยเดิมทีเธอเป็นคุณหนูตัวเล็กที่เอาแต่ใจและแทบไม่มีใครกล้ายุ่งกับเธอในแวดวงคนรวยและมีชื่อเสียงในเจียงเฉิงแต่ครั้งนี้ซ่งเซียงตงไม่เพียงแต่พูดจาไร้มารยาทต่อเธอ อีกทั้งยังด่าทอและฉินหมิงเหมือนหมูเหมือนหมาอีกด้วย!ด้วยนิสัยที่เย่อหยิ่งของเธอ จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ ได้อย่างไร!พอรับรู้สายตาพิฆาตจากซูซินเหยา ซ่งเซียงตงก็หมดหวังทันที อารมณ์เขาหดหู่ถึงที่สุดหลังจากนั้นก็
อีกทั้งด้วยอำนาจของตระกูลซู ขอแค่ฉินหมิงโอบกอดต้นไม้ใหญ่นี้ให้แน่น โอกาสในการพัฒนาในอนาคตมีไม่จำกัดอย่างแน่นอน!นี่ก็ถือมีชัยไปกว่าคนธรรมดาอย่างพวกเขาหลายเท่าแล้ว!ในเวลานี้ใจของพวกเขารู้สึกแย่เล็กน้อย ถ้าก่อนหน้านี้เขารู้ว่าฉินหมิงมีประโยชน์ขนาดนี้ เมื่อกี้พวกเขาจะประจบประแจงฉินหมิงให้กว่านี้สักหน่อย ภายหลังถ้าฉินหมิงได้ดีไม่แน่ว่าพวกเขาก็อาจจะพลอยได้ดีไปด้วยแต่น่าเสียดายที่พวกเขารู้ช้าเกินไป!…ด้านห้องวีไอพีอีกห้องฉินหมิงและซูซินเหยาสองคนกำลังนั่งทานข้าวไปด้วยและกำลังเจรจาหารือในการจัดซื้อวัตถุดิบยาจีนเรื่องได้ผ่านไปอย่างราบรื่น หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายหารือรายละเอียดบางอย่างแล้ว พวกเขาก็ลงนามในสัญญาทันทีหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ออกจากโรงแรมไปด้านนอกโรงแรมซูซินเหยาขับรถของเธอไปทางคฤหาสน์ตระกูลซู เธอไม่ได้สังเกตเห็นรถเอสยูวีสีดำสองคันที่อยู่ข้างหลังเธอที่ติดตามมาอย่างเงียบ ๆเธอขับไปยังถนนที่ค่อนข้างเงียบสงบเมื่อมีรถยูเอสวีสีดำแซงหน้าและดูเหมือนว่าจะสูญเสียการควบคุมกะทันหันและชนเข้ากับรถของซูซินเหยาอย่างจังซูซินเหยาตกใจมากจนหน้าซีด เธอออกแรงเหยียบ
“คิดจะหนีงั้นเหรอ?”“ง่ายไปแล้วล่ะมั้ง!”ในเวลานี้ได้มีเสียงหัวเราะเยือกเย็นดังขึ้น รถยูเอสวีสีดำอีกคันกำลังเข้ามาจากด้านหลังประตูรถถูกเปิดออก ชายหนุ่มสามคนได้ออกมาจากรถหนึ่งในผู้นำคือชายในชุดสูทและรองเท้าหนัง ดวงตาคมเหมือนนกอินทรี จมูกโด่ง และมีกลิ่นอายที่ดุร้ายมาก เมื่อมองแวบแรกก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ต่อกรได้ง่าย ๆ แย่แล้ว! พวกมันยังมีพวกมาสมทบอีก!ซูซินเหยาแอบกรีดร้องในใจโดยไม่สงเสียงซักแอะ และหันหลังกลับและวิ่งไปที่พุ่มหญ้าสีเขียวทันทีเมื่อกี้แค่ชายสองคนนั้นก็จะรับมือไม่ไหวอยู่แล้ว ตอนนี้กลับมีพวกเพิ่มขึ้นมาอีกสามคน เธอคนเดียวจะสู้ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร“จับเธอไว้!”ชายผู้นำส่งเสียงตะคอกอย่างเย็นชา เขาโบกมือให้ชายสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาพร้อมกับชายร่างสูงผอมไล่ตามซูซินเหยาและหยุดซูซินเหยาไว้ให้ไว“พวกแกเป็นใครกันแน่!”“คิดจะทำอะไร!”ซูซินเหยากัดฟันพูดด้วยความโกรธ“พวกเราเป็นใครไม่สำคัญหรอก!”“แต่สิ่งสำคัญนั้นคือ ถ้าคุณยอมให้เราจับแต่โดยดี คุณก็จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว!”ชายที่เป็นผู้นำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ “ฝันไปเถอะแก!”“พวกแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…”ซูซินเหยาส่ายหน้าและถามฉินหมิงด้วยความสงสัย “ฉินหมิง นายไม่ได้กลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อกี้หรอกเหรอ ทำไมถึงได้อยู่ที่นี่ล่ะ?” “อ้อ ก็ก่อนที่ผมจะออกจากโรงแรม พอดีผมเห็นว่ามีรถสองคันเหมือนกำลังตามคุณอยู่ เพราะฉะนั้นผมก็เลยตามคุณมาน่ะครับ”ฉินหมิงอธิบายอย่างเรียบง่าย“มิน่า”ซูซินเหยาพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ไม่นานเธอก็จำได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน และไม่ใช่เวลาที่เธอจะพูดคุยกับฉินหมิง เธอจึงรีบพูดว่า "ฉินหมิงคนพวกนี้เก่งมาก ล้วนเป็นพวกที่กังฟูเก่งกาจมาก“ฉันจะถ่วงเวลามันไว้ก่อน นายรีบไปซะ!”ซูซินเหยารีบเอาตัวมาบังไว้ข้างหน้าฉินหมิงครั้งที่แล้วที่คฤหาสน์ตระกูลซู เธอเคยประลองฝีมือกับฉินหมิงในช่วงเวลาสั้น ๆ และรู้ว่าฉินหมิงอาจเป็นนักสู้เช่นเดียวกันแต่เนื่องจากขณะนั้น ฉินหมิงไม่มีพลังที่แท้จริงรั่วไหลออกจากร่างกายของเขา เธอคิดว่าระดับพลังยุทธ์ของฉินหมิงต่ำเกินไป และความแข็งแกร่งของเขา เธอคาดว่าจะอยู่ในช่วงระดับต้นหรือกลางซึ่งห่างมากจากพลังของเธอตอนนี้เธอไม่ก็ต่างชั้นกับศัตรูแล้ว หากทิ้งฉินหมิงไว้นี่ไม่เพียงแต่จะไร้ประโยชน์ กลับยังทำให้ฉินหมิง
แน่นอนเธอเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ก็ตาม แต่ขอแค่ให้ฉืนหมิงส่งข่าวไปบอกที่ตระกูลซู อีกฝ่ายคงไม่กล้าทำอะไรเธอ!“ไม่ดูกำลังตัวเองซะเลย!”ชายที่เป็นผู้นำส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา ปรบมือที่หลังดังกว่าจริง ๆ ด้วยพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ เขาเข้าโจมตีซูซินเหยาอย่างรวดเร็วพรึบ!หลังจากการปะทะกันอย่างรุนแรง ร่างกายของผู้นำก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อยในทางกลับกันซูซินเหยาปลิวออกไปราวกับว่าวที่เชือกขาดและล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง“โอ๊ย…”หลังจากล้มลงกระแทกพื้น หน้าอกของซูซินเหยาเต็มไปด้วยเลือด ไม่นานก็กระอักเลือดออกมาคำโต“นี่มัน…พลังพรสวรรค์ระดับกลางที่มีมาตั้งแต่เกิดนี่!”ซูซินเหยาไม่สนใจอาการบาดเจ็บของเธอ ใบหน้าที่สวยงามของเธอดูหวาดกลัวจากการต่อสู้ครั้งก่อน เธอสัมผัสได้แล้วว่าการฝึกฝนของอีกฝ่ายไม่เพียงแต่เป็นพรสวรรค์มาตั้งแต่กำเนิด แต่ยังเป็นพรสวรรค์ระดับกลางอีกด้วย!ความแข็งแกร่งประเภทนี้ถือได้ว่าเป็นปรมาจารย์ที่แท้จริงในหมู่นักสู้รุ่นเยาว์ในเจียงเฉิง!“ซูเหยา คุณ…คุณไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม?”พอเห็นฉากนี้ฉินหมิงก็ตกใจใหญ่ เขาหลบการโ
แต่สิ่งที่น่าขำนั้นก็คือฉินหมิงที่เพิ่งพูดว่าจะไม่ทิ้งเธอ แต่เพียงแวบเดียววิ่งเร็วกว่ากระต่ายซะอีก แม้กระทั่งชายสี่คนที่เก่งกาจยังไล่ตามไม่ทัน!นี่มันช่างน่าขำซะจริง!ทุกคนคงจินตนาการได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร!“พวกแกนี่มันมีกันตั้งสี่คน แค่คนธรรมดา ๆ ก็ไล่ตามไม่ได้อย่างนั้นเรอะ!”“เลี้ยงเสียข้าวสุกซะจริง!”คนที่เป็นผู้นำโกรธจนลมออกหู เขาไม่รู้สึกว่าฉินหมิงจะมีพลังวิเศษอะไร พูดได้ว่าฉินหมิงไม่ใช่นักสู้อย่างแน่นอน เขาก็แค่อาจจะวิ่งเร็วก็แค่นั้น“เห็นทีถ้าฉันไม่ลงมือคงไม่ได้แล้วล่ะมั้ง!”ชายที่เป็นผู้นำอารมณ์โกรธยังคุกรุ่นอยู่ในใจ เขายืดตัวขึ้นไล่ตามไปในทิศทางของฉินหมิงทันทีระดับพลังยุทธ์ของเขาสูงกว่าลูกน้องทั้งสี่ของเขามาก เพียงกะพริบตาไม่กี่ครั้ง เขาก็ตามทันฉินหมิงได้อย่างรวดเร็ว“นี่แก นอนลงให้ฉันจับซะดี ๆ !”ชายที่เป็นผู้นำตะโกนอย่างเย็นชาและรีบคว้าใบหน้าของฉินหมิงด้วยกรงเล็บข้างเดียวที่มีพลังอันทรงพลังมหาศาล“โอ๊ย”พอรู้สึกถึงการโจมตีอันทรงพลังจากชายที่เป็นผู้นำ สีหน้าของฉินหมิงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขาลื่นล้มลงกับพื้น โชคดีที่หลีกเลี่ยงการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ชายผู้นำเ
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!เขาใช้ประโยชน์จากการเบี่ยงเบนความสนใจของคู่ต่อสู้ ฉินหมิงทำการโจมตีหลายครั้งติดต่อกัน ต่อยศัตรูคนแรกออกไป หันหลังกลับและเตะศัตรูอีกคนออกไป ทำลายการปิดล้อมของคู่ต่อสู้ทันทีคนที่เหลืออีกสองคนรู้ว่าท่าไม่ดีเลยถอยกลับไปสองสามก้าว เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของฉินหมิงในเวลานี้ชายผู้นำที่ได้รับการบาดเจ็บอย่างหนักก็ลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าสถานการณ์สิ้นสุดลง เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อสู้กับฉินหมิงอีกต่อไปด้วยความแข็งแกร่งของฉินหมิงที่เกินกว่าระดับต้นของพลังพรสวรรค์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนทั้งสี่ของเขาจะเอาชนะฉินหมิงได้“ฝากไว้ก่อนเถอะแก ฉันจะเอาคืนแกเป็นสิบเท่าของวันนี้เลย!”“ไปพวกเรา!”ชายที่เป็นผู้นำจ้องมองไปที่ฉินหมิงอย่างกินเลือดกินเนื้อและออกคำสั่งให้ถอยกำลังหลังจากนั้น สองในสี่ชายที่เก่งกาจในวิชากังฟู ก็ทำการประคองผู้นำที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีกสองคนที่เหลือต้องรับผิดชอบในการเปิดทางด้านหลังจากนั้นพวกเขาก็หนีไปที่ทางถนนผ่านพุ่มหญ้าพวกเขาวิ่งจุกตูดกันเป็นแถว ๆ เดิมที่ฉินหมิงอยากจะตามพวกนั้นไป แต่พอมาคิดอีกทีตัวเองไร้กองกำลังเสริมถ้าใจร้อนไปหาอีกฝ่ายมันก็ไร้ประ
“เพื่อนเหรอ?”“ใช่ นายพูดถูก พวกเราคือเพื่อนกัน!”ซูซินเหยาชะงักไปครู่หนึ่งจากนั้นรอยยิ้มเธอก็ผุดขึ้นมา รอยยิ้มของเธอมีเสน่ห์ราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานเพราะยิ่งอยู่สูงก็ยิ่งหนาวเหน็บเนื่องจากตระกูลซูมีเงินมีอำนาจบารมี และซูซินเหยาก็เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลซู แรวมถึงรูปลักษณ์ของเธอก็สวยจนน่าทึ่งทำให้มีคนคอยจีบเธออยู่ไม่ขาดสาย แต่กลับเพื่อนที่จริงใจมีไม่กี่คน แม้ว่าจะมีแต่ส่วนใหญ่ก็มาอำนาจของตระกูลซูแต่ไม่ใช่กับฉินหมิง ฉินหมิงมีทักษะการแพทย์ที่เก่งกาจมาก ช่วยรักษาย่าของเธอให้หายจากอาการป่วยได้แต่กลับไม่เรียกร้องอะไรสักนิดไม่เพียงแต่เท่านั้นเมื่อกี้ฉินหมิงช่วยชีวิตเธอไม่หนีไปและไม่ปล่อยให้เธออยู่เพียงตามลำพังคนเดียว คน ๆ นี้นิสัยดีในทุก ๆ ด้านเธอรับฉินหมิงเป็นเพื่อนทันที!จากนั้นปู่ของซูซินเหยาก็ได้โทรมา เธอจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ปู่ของเธอฟังพอได้ทราบเรื่องจากปากหลานสาว นายท่านซูก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ส่งซูห่าวและชายที่เก่งกาจอีกหลายคนมาทันทีในด้านหนึ่งเขาต้องการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพื่อดูว่าเขาสามารถหาเบาะแสเกี่ยวกับศัตรูได้หรือไม่และเขายังต้องการปกป้องซูซินเห