ซ่งเซียงตงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง มองเผิน ๆ ดูเหมือนเขาอยากจะล้างแค้นให้กับฉินหมิง แต่จริง ๆ แล้วเข้าแค่พยายามจะแทงซ้ำเข้าไปที่แผลเก่าของฉินหมิงเท่านั้น!นี่คือเหตุผลที่เขาจงใจลากฉินหมิงเข้ามาร่วมงานเลี้ยงรุ่นในครั้งนี้ด้วย เขาต้องการให้ฉินหมิงต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชน ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีทางได้กำจัดความเกลียดชังที่มีอยู่ในใจออกไปได้เลย!"อะไรนะ?"“นี้นายถูกภรรยาสวมเขา? แล้วยังท้องลูกของคนอื่นด้วยเหรอ?”“ฉินหมิง นายจะน่าสงสารเกินไปแล้ว!”"ฮ่า......"ทุกคนประหลาดใจในตอนแรก จากนั้นจึงหัวเราะออกมาทันทีเดิมทีพวกเขาก็ดูถูกฉินหมิงไม่น้อยอยู่แล้ว เมื่อตอนนี้พวกเขาได้ยินเรื่องอื้อฉาวทั้งหมด พวกเขาก็ยิ่งมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเย้ยหยันมากยิ่งขึ้น ราวกับพวกเขากำลังมองดูตัวตลกคนหนึ่งคนที่ไม่เย้ยหยันเขามีเพียงคนเดียวคือหลี่เจียฮุ่ย เธอเห็นใจกับสิ่งที่ฉินหมิงต้องประสบและรู้ว่าทุกคนตั้งใจเย้ยหยันเขา เธอรีบปลอบใจเขา "ฉินหมิง นาย... อย่าได้ใส่ใจคนพวกนี้เลยนะ"“ไม่เป็นไรหรอก ผมชินซะแล้วล่ะ”ฉินหมิงกล่าวอย่างใจเย็นเขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้อยู่แล้วว่าซ่งเซียงตงจงใจทำให้เขาอับอา
“ใช่ พี่ตงพูดถูก”“พวกเราแค่ล้อเล่นกับนายเท่านั้น นายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นนายไม่ควรใจแคบขนาดนั้นจริงไหม?”“อีกอย่าง เราไม่ได้เจอกันเสียตั้งนาน ในที่สุดเราก็มีโอกาสได้เจอกันแล้ว ถ้านายรีบกลับไป…”…เมื่อได้ยินสิ่งที่ทุกคนพูดหลี่เจียฮุ่ยก็คิดว่าฉินหมิงรีบกลับเพราะโกรธ ดังนั้นเธอจึงแนะนำ "ฉินหมิงไหน ๆ นายก็มาแล้ว คุยอะไรให้เสร็จแล้วก็ค่อยกลับสิ"“และฉันไม่ได้เจอนายมากกว่าสามปีแล้ว ฉันมีอะไรอยากจะคุยกับนายเยอะแยะเลย”ทัศนคติของหลี่เจียฮุ่ยดูจริงใจมากเธอตกลงที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่นในครั้งนี้เพื่อดูว่าเธอจะได้พบกับฉินหมิงหรือไม่ตอนนี้ในที่สุดเธอก็ได้พบกับฉินหมิงแล้ว เธอไม่อยากให้ฉินหมิงรีบจากไปอย่างแน่นอน“เจียฮุ่ย ผมมีธุระต้องทำจริง ๆ…”“เอาแบบนี้ดีไหม? ในอีกสองวันฉันจะเลี้ยงอาหารค่ำคุณเอง แล้วเราค่อยคุยกันดี ๆ…”ก่อนที่ฉินหมิงจะพูดจบประตูห้องรับรองก็ถูกผลักเปิดออก ซูซินเหยาก็เดินเข้ามาจากด้านนอก"คุณคือใคร?"ทุกคนประหลาดใจและหันความสนใจไปที่ซูซินเหยาเมื่อพวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของซูซินเหยาอย่างชัดเจน พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาซูซินเหยาเป็นหนึ่งในสี่สาวงามในเจียงเฉิน
สำหรับเรื่องที่เขาจะตามจีบหลี่เจียฮุ่ยนั้น ในสายตาของเขาซูซินเหยาที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นดีกว่าหลี่เจียฮุ่ยมากในทุก ๆ ด้าน หากเขามีโอกาสได้รับความชื่นชอบจากซูซินเหยาทำไมเขาถึงต้องไล่ตามหลี่เจียฮุ่ยอย่างหนักด้วย!"คุณเป็นใคร?!"“มีสิทธิ์รู้จักชื่อของฉันด้วยเหรอ?!”ซูซินเหยาตะคอกอย่างเย็นชา ท่าทางของเธอหยิ่งยโสเป็นที่สุดบุคลิกของเธออรชรอ้อนแอ้นและเย้ายวน เธอไม่สนใจลูกหลานเศรษฐีและผู้มีอำนาจมากมายในเจียงเฉิง แล้วเธอจะสนใจซ่งเซียงตงได้อย่างไร?"คุณ......"ซ่งเซียงตงตกตะลึง เขาคิดว่าตัวเองสูงส่งอยู่เสมอ เขาจะทนให้ซูซินเหยาดูแคลนได้อย่างไร เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธเล็กน้อยแล้วพูดว่า "เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร?"“เธอก็เป็นแค่แฟนสาวของเด็กกำพร้าจน ๆ ต่อหน้าฉันกล้าดียังไงมาแสร้งทำตัวสูงส่ง!”“บังอาจ!”ดวงตาของซูซินเหยาเย็นชาและเธอก็ตบเขาทันทีเพียะ!เสียงตบดังขึ้น ซ่งเซียงตงก็เวียนหัวมากจนหูอื้อและเกือบจะล้มลง“เธอ...เธอกล้าตบฉันเหรอ?”ซ่งเซียงตงปิดแก้มของเขาด้วยสีหน้าไม่เชื่อ“ฉันจะตบนายแล้วจะทำไมล่ะ?!”ซูซินเหยาเยาะเย้ยและมองไปที่ซ่งเซียงตงด้วยสายตาที่ใช้มองแมลงตัวจ้อยซ่งเซียงตงโกรธจัด
ส่วนเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ต่างยืนมองอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นพวกเขาต่างรู้ดีว่าฉินหมิงเป็นเด็กกำพร้า ไร้อำนาจวาสนาอีกทั้งซูซินเหยาที่เป็นแฟนสาวของฉินหมิง สภาพทางฐานะทางครอบครัวเองก็ดีมากแต่ตอนนี้ซูซินเหยากลับหยามเกียรติเขา ถ้ากำลังเสริมเขามาล่ะก็ พอถึงตอนนั้น ทุกคนก็คงรู้ดีว่าฉินหมืงและซูซินเหยาจะมีสภาพเป็นอย่างไร!“คิดจะไปงั้นเหรอ?”“สายไปซะแล้วล่ะ!”ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านนอก รอยยิ้มเย็นชาของซ่งเซียงตงก็ผุดขึ้นพอสิ้นเสียงที่ซ่งเซียงตงพูด ประตูห้องวีไอพีก็ได้ถูกผลักเข้ามา ผู้จัดการโรงแรมได้พากลุ่มรปภ.ร่างกายกำยำเดินมาในห้อง“เซียงตง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“ใครมันกล้าก่อเรื่องวุ่นวายที่โรงแรม กล้ามากนะ!”ผู้จัดการโรงแรมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาซ่งเซียงตงใช้มือชี้ไปที่ซูซินเหยากับฉินหมิงแล้วพูดอย่างโกรธแค้น “พี่ สองคนนี้นี่แหละ!”“พวกมันสองคนร่วมมือกันทำร้ายผม พี่ต้องเอาคืนให้ผมนะ!”ผู้จัดการโรงแรมหันไปทางที่ซ่งเซียงตงชี้ พอเห็นซูซินเหยาแล้วสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที ขาทั้งสองเกือบจะทรุดลงกับพื้นตระกูลซูมักจะทำตัวติดดิน หากเป็นคนอื่
ซูซินเหยาพูดอย่างไม่สบอารมณ์เสียงเยือกเย็นนี้เหมือนกับเสียงฟ้าร้องที่กำลังจะผ่าลงหัวของซ่งเซียงตง จากนั้นเขาก็จำเหตุการณ์ที่เขาเพิ่งปะทะกับซูซินเหยาได้และอำนาจของตระกูลซูสามารถบีบเขาให้ตายคามือเหมือนมดได้ง่าย ๆ ถ้าตอนนี้เขาไม่คิดหาวิธีให้ซูซินเหยาให้อภัยเขา เกรงว่าศพเขาจะไม่สวยแน่นอน!เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ซ่งเซียงตงก็รู้สึกหวาดกลัวทันที ขาของเขาอ่อนแรง และเขาก็คุกเข่าลงร้องขอความเมตตาด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว "คุณหนูซู เมื่อกี้นี้ผมไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะครับ ครั้งนี้คุณหนูช่วยเมตตาผมด้วยเถอะนะครับ…”“ตอนนี้เพิ่งจะมาให้ขอร้องอ้อนวอนให้อภัย แล้วเมื่อกี้ทำอะไรลงไปล่ะ!”ซูซินเหยาแสยะยิ้มอย่างเย็นชาด้วยท่าทีที่นิ่งเฉยเดิมทีเธอเป็นคุณหนูตัวเล็กที่เอาแต่ใจและแทบไม่มีใครกล้ายุ่งกับเธอในแวดวงคนรวยและมีชื่อเสียงในเจียงเฉิงแต่ครั้งนี้ซ่งเซียงตงไม่เพียงแต่พูดจาไร้มารยาทต่อเธอ อีกทั้งยังด่าทอและฉินหมิงเหมือนหมูเหมือนหมาอีกด้วย!ด้วยนิสัยที่เย่อหยิ่งของเธอ จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ ได้อย่างไร!พอรับรู้สายตาพิฆาตจากซูซินเหยา ซ่งเซียงตงก็หมดหวังทันที อารมณ์เขาหดหู่ถึงที่สุดหลังจากนั้นก็
อีกทั้งด้วยอำนาจของตระกูลซู ขอแค่ฉินหมิงโอบกอดต้นไม้ใหญ่นี้ให้แน่น โอกาสในการพัฒนาในอนาคตมีไม่จำกัดอย่างแน่นอน!นี่ก็ถือมีชัยไปกว่าคนธรรมดาอย่างพวกเขาหลายเท่าแล้ว!ในเวลานี้ใจของพวกเขารู้สึกแย่เล็กน้อย ถ้าก่อนหน้านี้เขารู้ว่าฉินหมิงมีประโยชน์ขนาดนี้ เมื่อกี้พวกเขาจะประจบประแจงฉินหมิงให้กว่านี้สักหน่อย ภายหลังถ้าฉินหมิงได้ดีไม่แน่ว่าพวกเขาก็อาจจะพลอยได้ดีไปด้วยแต่น่าเสียดายที่พวกเขารู้ช้าเกินไป!…ด้านห้องวีไอพีอีกห้องฉินหมิงและซูซินเหยาสองคนกำลังนั่งทานข้าวไปด้วยและกำลังเจรจาหารือในการจัดซื้อวัตถุดิบยาจีนเรื่องได้ผ่านไปอย่างราบรื่น หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายหารือรายละเอียดบางอย่างแล้ว พวกเขาก็ลงนามในสัญญาทันทีหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ออกจากโรงแรมไปด้านนอกโรงแรมซูซินเหยาขับรถของเธอไปทางคฤหาสน์ตระกูลซู เธอไม่ได้สังเกตเห็นรถเอสยูวีสีดำสองคันที่อยู่ข้างหลังเธอที่ติดตามมาอย่างเงียบ ๆเธอขับไปยังถนนที่ค่อนข้างเงียบสงบเมื่อมีรถยูเอสวีสีดำแซงหน้าและดูเหมือนว่าจะสูญเสียการควบคุมกะทันหันและชนเข้ากับรถของซูซินเหยาอย่างจังซูซินเหยาตกใจมากจนหน้าซีด เธอออกแรงเหยียบ
“คิดจะหนีงั้นเหรอ?”“ง่ายไปแล้วล่ะมั้ง!”ในเวลานี้ได้มีเสียงหัวเราะเยือกเย็นดังขึ้น รถยูเอสวีสีดำอีกคันกำลังเข้ามาจากด้านหลังประตูรถถูกเปิดออก ชายหนุ่มสามคนได้ออกมาจากรถหนึ่งในผู้นำคือชายในชุดสูทและรองเท้าหนัง ดวงตาคมเหมือนนกอินทรี จมูกโด่ง และมีกลิ่นอายที่ดุร้ายมาก เมื่อมองแวบแรกก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ต่อกรได้ง่าย ๆ แย่แล้ว! พวกมันยังมีพวกมาสมทบอีก!ซูซินเหยาแอบกรีดร้องในใจโดยไม่สงเสียงซักแอะ และหันหลังกลับและวิ่งไปที่พุ่มหญ้าสีเขียวทันทีเมื่อกี้แค่ชายสองคนนั้นก็จะรับมือไม่ไหวอยู่แล้ว ตอนนี้กลับมีพวกเพิ่มขึ้นมาอีกสามคน เธอคนเดียวจะสู้ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร“จับเธอไว้!”ชายผู้นำส่งเสียงตะคอกอย่างเย็นชา เขาโบกมือให้ชายสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาพร้อมกับชายร่างสูงผอมไล่ตามซูซินเหยาและหยุดซูซินเหยาไว้ให้ไว“พวกแกเป็นใครกันแน่!”“คิดจะทำอะไร!”ซูซินเหยากัดฟันพูดด้วยความโกรธ“พวกเราเป็นใครไม่สำคัญหรอก!”“แต่สิ่งสำคัญนั้นคือ ถ้าคุณยอมให้เราจับแต่โดยดี คุณก็จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว!”ชายที่เป็นผู้นำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ “ฝันไปเถอะแก!”“พวกแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นคุณหนูใหญ่ของตระ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…”ซูซินเหยาส่ายหน้าและถามฉินหมิงด้วยความสงสัย “ฉินหมิง นายไม่ได้กลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อกี้หรอกเหรอ ทำไมถึงได้อยู่ที่นี่ล่ะ?” “อ้อ ก็ก่อนที่ผมจะออกจากโรงแรม พอดีผมเห็นว่ามีรถสองคันเหมือนกำลังตามคุณอยู่ เพราะฉะนั้นผมก็เลยตามคุณมาน่ะครับ”ฉินหมิงอธิบายอย่างเรียบง่าย“มิน่า”ซูซินเหยาพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ไม่นานเธอก็จำได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน และไม่ใช่เวลาที่เธอจะพูดคุยกับฉินหมิง เธอจึงรีบพูดว่า "ฉินหมิงคนพวกนี้เก่งมาก ล้วนเป็นพวกที่กังฟูเก่งกาจมาก“ฉันจะถ่วงเวลามันไว้ก่อน นายรีบไปซะ!”ซูซินเหยารีบเอาตัวมาบังไว้ข้างหน้าฉินหมิงครั้งที่แล้วที่คฤหาสน์ตระกูลซู เธอเคยประลองฝีมือกับฉินหมิงในช่วงเวลาสั้น ๆ และรู้ว่าฉินหมิงอาจเป็นนักสู้เช่นเดียวกันแต่เนื่องจากขณะนั้น ฉินหมิงไม่มีพลังที่แท้จริงรั่วไหลออกจากร่างกายของเขา เธอคิดว่าระดับพลังยุทธ์ของฉินหมิงต่ำเกินไป และความแข็งแกร่งของเขา เธอคาดว่าจะอยู่ในช่วงระดับต้นหรือกลางซึ่งห่างมากจากพลังของเธอตอนนี้เธอไม่ก็ต่างชั้นกับศัตรูแล้ว หากทิ้งฉินหมิงไว้นี่ไม่เพียงแต่จะไร้ประโยชน์ กลับยังทำให้ฉินหมิง