"พวกเขาต่างหากที่บังคับให้ข้าแต่งงาน!"แม่เซียวขมวดคิ้วแน่น นางรู้ดีว่าเซียวเหิงกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยเสียงเรียบว่า "แม่รู้ ว่าลูกยังคงติดใจเรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวในตอนนั้น แต่ลูกอย่าลืมสิ ว่าการหมั้นหมายระหว่างตระกูลเรากับตระกูลหลินนั้นระบุไว้ชัดเจนว่าเจ้าสาวต้องเป็นบุตรสาวสายตรง! ในเมื่อหลินยวนกลับมาแล้ว นางก็คือบุตรสาวสายตรง ลูกก็ควรแต่งงานกับนาง!"ในชั่วขณะนั้น ความรู้สึกหมดหนทางที่ทั้งหนักหน่วงและคุ้นเคยก็ถาโถมเข้าใส่เซียวเหิงราวกับถูกฉุดลงสู่ห้วงลึกที่ไร้ทางหลุดพ้นคำพูดของแม่เซียวแทบไม่ต่างจากเมื่อสามปีก่อนเลยแม้แต่น้อยดังนั้น เขาจึงถามคำถามเดิมที่เคยถามเมื่อสามปีก่อนอีกครั้ง"เหตุใด...ต้องเป็นบุตรสาวสายตรงเท่านั้น?"เหตุใดต้องเป็นเขาที่ต้องแต่งงานกับบุตรสาวสายตรงคนนี้!"เพราะนี่เป็นข้อตกลงที่บรรพบุรุษของทั้งสองตระกูลเป็นผู้กำหนดไว้!" พ่อเซียวกล่าวเสียงหนักแน่น เกือบจะตบโต๊ะด้วยความโมโห "เพราะเจ้าคือบุตรชายสายตรงของตระกูลเซียว!"นี่คือหน้าที่ของเขาในฐานะบุตรชายสายตรงของตระกูลเซียว!บุตรชายสายตรงของตระกูลเซียว ก็ต้องแต่งกับบุตรสาวสายตรงของตระกูลหลิน!มือของเซียวเหิงก
อีกด้านหนึ่ง ทันทีที่เซียวเหอกลับมาถึงเรือน ก็พบว่าหนิงซวงมีสีหน้ากังวลยิ่งนักสายตาของเขาเผลอมองไปทางเรือนของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัว เห็นเพียงประตูหน้าต่างปิดสนิท ราวกับต้องการตัดขาดจากทุกสิ่งเซียวเหออดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปใกล้ ก่อนเอ่ยถามเสียงเบา "นางเป็นอย่างไรบ้าง?"หนิงซวงมองไปยังประตูเรือนที่ปิดสนิทด้วยความกังวลเต็มหัวใจ ก่อนจะตอบว่า "คุณหนูกลับมาแล้วก็ขังตัวเองไว้ในห้อง บ่าวพูดอะไรก็ไม่ตอบเจ้าค่ะ"เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ หนิงซวงก็ลดเสียงลง ก่อนจะกระซิบข้างหูเซียวเหอ "แม้แต่เสียงร้องไห้ก็ไม่ได้ยินเจ้าค่ะ"และนี่แหละคือสิ่งที่น่ากังวลที่สุดหากได้ยินเสียงร้องไห้ อย่างน้อยก็ยังแสดงว่าเฉียวเนี่ยนสามารถระบายอารมณ์ออกมาได้แต่ตอนนี้ นางไม่ร้อง ไม่โวยวาย ปิดกั้นตัวเองจากทุกสิ่ง กลับยิ่งทำให้เป็นห่วงมากกว่าเดิมจี้เยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะถามว่า "หรือให้บ่าวไปเคาะประตูดีขอรับ?"เขาคิดว่าเซียวเหอคงอยากปลอบโยนเฉียวเนี่ยนสักสองสามคำแต่เซียวเหอกลับส่ายศีรษะเล็กน้อย "ปล่อยให้นางอยู่คนเดียวสักพักเถิด"กล่าวจบ เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอีก และหมุนตัวเดินกลับไปยังเรือนของตนเขารู้ดีว่
หัวใจพลันเจ็บปวดขึ้นมาโดยไร้สาเหตุเมื่อนึกถึงว่าเมื่อคืนผู้คนในจวนโหวยอมรับโดยปริยายว่าเมื่อสามปีก่อนพวกเขาเคยใส่ร้ายเฉียวเนี่ยน ไฟโทสะก็ลุกโชนขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ตัวทว่าหนิงซวงกลับกล่าวขึ้น "ก่อนหน้านี้ รองแม่ทัพจิ่งได้ยินว่าคุณหนูของข้าชอบกินไส้ใหญ่หมู เขาจึงไปเรียนทำจากพ่อครัวของหอจุ้ยเซียง ก่อนออกไปปราบโจรยังอุตส่าห์ทิ้งสูตรไว้ให้ ข้าจำได้ขึ้นใจแล้ว เพียงแต่ยังไม่เคยลองทำ"เซียวเหอพยักหน้าเบาๆ เก็บซ่อนเพลิงโทสะในใจลงไปตอนนี้ เรื่องที่น่ากังวลกว่าก็คือเฉียวเนี่ยนเขาจึงหันไปมองจี้เยว่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง "ไปซื้อไส้ใหญ่หมูมา"จี้เยว่รับคำทันที ก่อนจะรีบเดินออกไปเมื่อมองบานประตูที่ปิดสนิท หัวใจของเซียวเหอก็พลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆเขาไม่รู้ว่าไส้ใหญ่หมูจะสามารถทำให้เฉียวเนี่ยนยอมเปิดประตูได้หรือไม่ แต่ก็ควรลองดูสักตั้งไม่นานนัก จี้เยว่ก็กลับมาพร้อมไส้ใหญ่หมูแต่เพราะเขาไม่เคยทำมาก่อน จึงได้แต่ช่วยเป็นลูกมือให้หนิงซวงอยู่ด้านหลังทว่าหนิงซวงเองก็ไม่เคยทำ นางจึงทำได้เพียงลองทำตามสูตรที่รองแม่ทัพจิ่งเขียนทิ้งไว้ทีละขั้นตอนเซียวเหอมองดูทั้งสองคนง่วนอยู่กับอะไรบางอย่าง
กว่าคนทั้งกลุ่มจะล้างเสร็จ ก็ผ่านไปถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆ แล้วหนิงซวงกับจี้เยว่ยุ่งอยู่กับการนำไส้หมูไปต้มในครัว ส่วนเฉียวเนี่ยนก็หยิบก้อนหินเล็กๆ หนึ่งร้อยก้อนขึ้นมา แล้วฝึกปากระทบต้นอูถงเซียวเหอเพียงแค่นั่งดูอยู่ข้างๆ อาจเป็นเพราะแสงแดดวันนี้อบอุ่นเกินไป จนทำให้แค่เพียงเฝ้ามองเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจแต่ไม่คิดว่าเฉียวเนี่ยนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน "ท่านพี่เซียวไม่สงสัยบ้างหรือ?"สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ต้นอูถง แต่ในใจกลับไม่สงบลงเลยคำพูดของเสี่ยวชุ่ยเมื่อวานนั้นสร้างความสะเทือนใจแก่นางอย่างมาก จนทำให้นางต้องใช้เวลานานกว่าจะย่อยความจริงนี้ได้อย่างสมบูรณ์แต่เซียวเหอกับหนิงซวงกลับไม่ถามนางสักคำเดียวเหมือนเพียงแค่เห็นนางออกจากห้องมา พวกเขาก็ดีใจมากแล้ว เรื่องอื่นๆ ดูจะไม่สำคัญอีกเซียวเหอไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะถามเช่นนี้ เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า "หากเจ้าต้องการจะเล่า เจ้าก็จะบอกข้าเอง"แต่หากนางไม่ต้องการเล่า เขาก็จะไม่ถามเฉียวเนี่ยนจึงหันกลับมามองเซียวเหอ มุมปากของนางยกยิ้มกว้างขึ้น "เมื่อวาน ข้าได้รู้ความลับหนึ่งเรื่อง แต่หากข้าเปิดเผยมันออกไป เกรงว่าข้าคงไม่มี
นางยังคงขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น "ไม่มีอะไรน่าดูหรอก ข้าสบายดี ไม่ต้องให้น้องรองมาเป็นห่วงหรอก"คำว่า 'น้องรอง' นับเป็นการดึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากันให้ห่างจากกันและทำให้สถานะของทั้งสองชัดเจนขึ้นไม่ว่าในอดีตทั้งสองจะเป็นอย่างไร ทว่าบัดนี้ นางคือพี่สะใภ้ของเขา เขาไม่ควรมีความคิดสปรกใดกับนางอีกความเจ็บปวดที่เกาะกุมในใจนั้น ในที่สุดก็ระเบิดออกมาดวงตาของเซียวเหิงเผยสีแดงก่ำออกมาเล็กน้อยเขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว "เนี่ยนเนี่ยน..."แต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนกลับถอยหลังไปหนึ่งก้าวทั้งๆ ที่ระยะห่างของทั้งสองห่างกันขนาดนั้น ทว่าแค่เพียงหนึ่งก้าวนี้ นางกลับไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เลยนาง ต่อต้านเขาถึงเช่นนี้!สองมือใต้แขนเสื้อกำแน่น เขามองใบหน้าที่เย็นชาของนาง และแทบไม่อยากเชื่อเลยว่านางที่ชอบตนในอดีตขนาดนั้น บัดนี้จะไม่ชอบเขาเลยแม้แต่นิดเดียวทันใดนั้น เซียวเหอก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเซียวเหิง"เจ้ามาทำอันใด?" เซียวเหอถามเสียงเข้ม สุ้มเสียงเยือกเย็นดุจน้ำแข็งเขาไม่ได้หยุด ยังคงตรงไปทางเฉียวเนี่ยนต่อไป บนขาทั้งสอง มีจานไม้หนึ่งวางอยู่ ในจานไม้มีขนมอบจัดเรียงไว้ในนั้
ฟังคำตอบเฉียวเนี่ยนแล้ว เซียวเหอไม่รู้ทำไม ถึงได้โล่งใจเล็กน้อย"หากเจ้าปล่อยวางได้ ก็เป็นเรื่องที่ดี"อย่างน้อย นางก็ไม่ต้องเสียใจเพราะไอ้คนเลอะเลือนอย่างเซียวเหิงอีกเฉียวเนี่ยนหยักยิ้มขึ้น หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็เริ่มฝึกต่อ ทว่าจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ กล่าว “ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะไม่ลองฝังเข็มแล้ว!”นางรู้สึกว่าการไปพบเซียวเหิงในตอนนี้ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดนักเซียวเหิงจะหย่าหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับนาง นางไม่อยากให้คนอื่นคิดว่านางคือต้นเหตุของเรื่องนี้เซียวเหอพยักหน้าเล็กน้อย บ่งบอกว่าเห็นด้วยแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ข้าอยากฝังเข็มบนขาของท่านพี่เซียว ไม่ทราบว่าท่านพี่เซียวจะกล้าให้ฝังหรือไม่“ความจริง เรื่องแรงปักของเข็ม ความลึกตื้น และอื่นๆ นางก็เข้าใจดีอยู่แล้วเซียวเหอไหนเลยจะฟังไม่ออก นี่นางกำลังใช้ ‘วิธียั่วยุ’ หรือ?จึงหัวเราะขึ้นมา “หากบอกว่าไม่กล้า ข้าคงขี้ขลาดชัดเจนเกินไป”เฉียวเนี่ยนยิ้มกว้างขึ้น “คงไม่ถึงขนาดนั้น แค่ขี้ขลาดไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง”ขณะพูด นางยังยกนิ้วของตัวเองขึ้นทำท่า “นิดหน่อย” ประกอบเซียวเหอทำได้เพียงหัวเราะเบาๆ อย่างจ
วาจาที่เจือไปด้วยการตำหนิ มันเด่นชัดมากยิ่งแม่เซียวพูดว่า ‘แม้จะจริงใจ‘ ด้วยแล้วเห็นได้ชัดว่า นางก็ไม่ได้เชื่อใจหลินยวนทั้งหมดเช่นกัน...หลินยวนจะฟังไม่ออกได้อย่างไร?เพียงแต่นางก็ไม่กล้าขัดคำแม่เซียว จึงทำได้แค่ร้องไห้ไปพร้อมกับพยักหน้ารับ “เป็นข้าเองที่ไม่ควรทำตามอำเภอใจ...”ฮูหยินหลินยืนอยู่ข้างๆ มองหลินยวนที่มีท่าทางเสียใจ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีพวกเขาย่อมเชื่อว่าหลินยวนบริสุทธิ์อยู่แล้ว แต่ก็รู้ดีว่า เรื่องนี้มันคือความผิดของหลินยวนได้ยินเพียงแม่เซียวพูดว่า "แต่ว่า เจ้าไม่ต้องห่วง แม่จะไม่ให้เหิงเอ๋อร์หย่าเจ้าแน่นอน รอให้เขาหายโกรธก่อน แม่จะให้เขามารับเจ้า"ยังคงเหมือนวาจาเมื่อครู่ทว่า เซียวเหิงจะหายโกรธตอนไหน จะมารับนางเมื่อไหร่ กลับไม่ได้บอกหลินยวนสะอื้นไปพลาง เช็ดน้ำตาไปพลาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นแม่เซียวพูดปลอบใจหลินยวนอีกเล็กน้อยก่อนจะจากไปฮูหยินหลินจึงออกไปส่งแม่เซียวข้างนอกพวกท่านทั้งสองออกไปได้ไม่นาน หลินยวนก็ระเบิดอารมณ์อยู่ในห้องตัวเอง"เป็นเพราะเฉียวเนี่ยน! หากไม่ใช่นาง ท่านพี่เหิงจะเอ่ยเรื่องหย่าขึ้นมาได้ยังไง!" นางตะคอกไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย
วันเวลา ผ่านไปวันแล้ววันเล่าพริบตาเดียวก็หนึ่งเดือนแล้วหนึ่งเดือนผ่านมานี้ เฉียวเนี่ยนไม่เคยย่างก้าวออกจากเรือนของเซียวเหอเลยแม้แต่ก้าวเดียวในทุกๆ วัน นอกจากฝึกขว้างก้อนหินแล้ว บางครั้งนางยังไปอ่านตำราพิชัยสงครามกับเซียวเหอ หรือไม่ก็เล่นหมากล้อมกับเซียวเหอ ชีวิตถือว่าผ่านไปอย่างมีความสุขและเปี่ยมไปด้วยความหมายเซียวเหิงไม่เคยมาอีกหรือพูดให้ถูกคือ นอกจากสาวใช้ที่มาทำความสะอาดทุกวันแล้ว ก็ไม่มีคนนอกเข้ามาที่นี่อีกเลยบางครั้งเฉียวเนี่ยนก็รู้สึกว่า เรือนของเซียวเหอเปรียบเสมือนดินแดนอันสันโดด ที่สามารถตัดขาดความวุ่นวายทั้งปวงจากโลกภายนอกได้อย่างสิ้นเชิงหากเป็นเช่นนี้ได้ตลอดไป คงจะดีไม่น้อย...ทว่า อย่างไรก็ไม่ใช่ดินแดนแห่งความฝันที่แท้จริง...วันนี้ แม่เซียวส่งคนมาถ่ายทอดคำพูด บอกเพียงว่าวันนี้เป็นวันเกิดของพ่อเซียว อยากให้ทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกัน ทานข้าวด้วยกันมื้อหนึ่งนับตั้งแต่เซียวเหอได้รับบาดเจ็บ ตลอดปีมีเพียงวันเกิดพ่อเซียวและแม่เซียวสองวันเท่านั้นที่เขาจะออกไปพบปะทานข้าวร่วมกับครอบครัว ปีนี้ก็ไม่เว้นเช่นกันเพียงแต่เซียวเหอรู้สึกเป็นห่วงเฉียวเนี่ยนเล็กน้อย จึงกล่า
เฉียวเนี่ยนไม่รอให้ชิวอวี่ได้ตั้งตัว นางรีบหยิบเข็มเงินออกมาอีกเล่มแล้วปักลงไปที่ขาของเขาทันทีนางฝังเข็มรักษาเซียวเหอทุกวันจนฝีมือชำนาญถึงขั้นเชี่ยวชาญระดับสูงตำแหน่งที่นางปักลงไปที่ต้นขาของชิวอวี่นั้น เป็นจุดที่เจ็บปวดที่สุดสองแห่งชิวอวี่พลันล้มลงไปกับพื้น ราวกับกลายเป็นคนพิการในทันที"อ๊าก!" เสียงร้องโหยหวนดังลั่น เฉียวเนี่ยนกลัวว่าเสียงของเขาจะทำให้คนนอกถ้ำรู้ตัว จึงรีบนั่งคร่อมบนตัวชิวอวี่ กดมือลงไปบนปากของเขาชิวอวี่เจ็บปวดจนตัวสั่น ดิ้นรนอย่างแรงพละกำลังของเขามีมากกว่าเฉียวเนี่ยน ต่อให้นางเป็นฝ่ายคร่อมอยู่ด้านบน และใช้สองมือกดเขาไว้เต็มแรง แต่ก็ใกล้จะต้านไม่ไหวแล้วขณะนั้นเอง หางตาของนางเหลือบไปเห็นก้อนหินก้อนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีเวลาลังเลอีกแล้ว เฉียวเนี่ยนเอื้อมมือคว้าก้อนหินก้อนนั้น แล้วฟาดลงไปที่หน้าผากของชิวอวี่อย่างแรงเพียงครั้งเดียว ผิวหนังก็ปริ หัวแตกเลือดอาบ!เลือดสด ๆ กระเซ็นเข้ามาที่เฉียวเนี่ยนเห็น ทำให้นางนึกถึงภาพอันโหดเหี้ยมในป่าก่อนหน้านี้ ตอนที่นางใช้หินทุบหัวโจรภูเขาจนเละไม่มีชิ้นดีจู่ ๆ หัวใจก็เต้นระรัว นางรีบปล่อยก้อนหิน
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เฉียวเนี่ยนพบว่าตัวเองนอนอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งรอบ ๆ นั้นมืดมากหัวก็ยังรู้สึกมึนงง และในความพร่ามัวนั้น นางเห็นเซียวชิงหน่วนยังนอนอยู่ข้าง ๆความทรงจำก่อนหน้านี้กลับมาทันที ทำให้เฉียวเนี่ยนตั้งสติได้และเริ่มรู้ตัวว่า ทั้งสองถูกพวกคนร้ายจับมา เฉียวเนี่ยนรีบสะกิดเซียวชิงหน่วนเบาๆ "หน่วนหน่วน ตื่นเถอะ!"นางข่มเสียงไม่ให้ดังเกินไป กลัวว่าจะไปทำให้คนข้างนอกได้ยินแต่เซียวชิงหน่วนคงจะสูดดมผงนั้นมากเกินไป จึงยังคงนอนหลับสนิทและในตอนนี้ เฉียวเนี่ยนก็สังเกตเห็นว่าผมของนางหลุดออกจากการมัดแล้ว แค่ขยับเบา ๆ ผมดำยาวก็สยายลงมาปิ่นปักผมของนางถูกดึงออกไปแล้วแม้แต่ปิ่นปักผมของเซียวชิงหน่วนก็หายไป!แต่ทำไมพวกมันถึงต้องเอาปิ่นปักผมของพวกนางไปด้วย?หรือว่า พวกมันรู้ว่านางใช้ปิ่นปักผมเพื่อป้องกันตัว?เฉียวเนี่ยนสะดุ้งในใจ รู้สึกเหมือนจะคาดเดาได้แล้วว่าผู้ที่จับตัวนางกับเซียวชิงหน่วนคือใคร!ชิวอวี่!เขาคงจะจำได้ว่า นางใช้ปิ่นปักผมแทงตาของเขาไปครั้งก่อน ถึงได้ระมัดระวังถึงขนาดนี้!ขณะกำลังคิดอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงดังจากนอกถ้ำ"พวกนางยังไม่ฟื้นหรือ?"เป็นเสียงของชิ
นางคิดว่า แม่เซียวคงกลัวว่านางจะหาข้ออ้างปฏิเสธ จึงมาชวนกะทันหันแต่คาดไม่ถึงว่า แม้แต่เซียวชิงหน่วนก็เพิ่งมารู้เช้านี้เองเซียวชิงหน่วนส่ายศีรษะ "ไม่เลย! เดิมทีวันนี้ข้าตั้งใจจะไปล่องเรือชมทะเลสาบกับซ่งไป๋ซวนแท้ ๆ!"พอพูดถึงตรงนี้ เซียวชิงหน่วนก็เริ่มบ่นไม่หยุด "ไม่รู้ไปได้ยินมาจากที่ไหน ว่ามีพระอริยสงฆ์มาสวดพระธรรม ยังบอกอีกว่าหญิงสาวในบ้านต้องไปขอพรด้วยตนเองจึงจะศักดิ์สิทธิ์ ลึกลับชวนให้ประหลาดใจจริง ๆ…"เฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ข้าง ๆ มิได้พูดอะไรอีกแต่ภายในใจกลับเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลเล็กน้อยนางเผลอยกมือขึ้นแตะก้อนหินและเข็มเงินที่เหน็บไว้ตรงเอว ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปแตะปิ่นบนศีรษะ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัวแต่วันนี้ วัดฝ่าหัวกลับมีพระอริยสงฆ์มาสวดพระธรรมจริง ๆผู้ที่มาวัดฝ่าหัว ก็หาได้มีเพียงแค่คนจากจวนเซียวเท่านั้นเฉียวเนี่ยนเดินตามอยู่ด้านหลังแม่เซียว นั่งนิ่ง ๆ มองผู้คนที่แน่นขนัดเต็มศาลาพระพุทธ ภายในใจที่เคยไม่สงบ ก็พลันรู้สึกคลายลงไปเล็กน้อยเมื่อฟังพระธรรมจบ แม่เซียวก็พาทุกคนไปขอพรจากพระอริยสงฆ์ ขอเครื่องรางมาได้หลายชิ้น ก่อนจะพากันกลับส่วนคนอื
การมาถึงของเซียวเหิงกับหลินยวนนั้น ราวกับเป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ มิได้รบกวนวันเวลาของเฉียวเนี่ยนกับเซียวเหอหนิงซวงได้นำตําราแพทย์มาเพิ่มจากหมอประจำจวนอีกสองเล่มตําราแพทย์เล่มหนึ่งเกี่ยวกับการรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของเซียวเหอแบบต่อเนื่อง ส่วนอีกเล่มหนากว่า เป็นสิ่งที่หมอประจำจวนจดบันทึกไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหนิงซวงบอกว่าหมอประจำจวนเห็นว่าเฉียวเนี่ยนมีพรสวรรค์ จึงอยากให้เฉียวเนี่ยนเรียนรู้เพิ่มเติมคงเพราะเฝ้ามองนางเติบโตมาโดยตลอด เฉียวเนี่ยนจึงรู้สึกว่าหมอประจำจวนเอ็นดูนางอยู่บ้างมิฉะนั้น ตําราแพทย์ที่อาจเปิดเผยตัวตนของหมอประจำจวนได้เช่นนี้ เขาจะยอมมอบให้นางได้อย่างไร?เพื่อไม่ให้ทำลายความหวังดีของหมอประจำจวน เวลาว่างเฉียวเนี่ยนจึงหยิบตําราแพทย์ขึ้นมาอ่าน จนลืมเรื่องเซียวเหิงกับหลินยวนไปเสียสิ้นแต่ไม่คาดคิดว่าวันนี้ แม่เซียวกลับมาที่เรือนตั้งแต่เช้าตรู่ บอกว่าจะพาเฉียวเนี่ยนไปวัดฝ่าหัวเพื่อขอพร"ขอพรหรือ?" เซียวเหอขมวดคิ้วด้วยความฉงน มองสบตากับเฉียวเนี่ยนก่อนจะเอ่ยถามต่อว่า "วันนี้มิใช่วันพระ ไฉนท่านแม่จึงคิดจะไปขอพรกะทันหันเช่นนี้?"แม่เซียวเพียงยิ้มบาง "แม้มิใช่วันพระ แ
กลิ่นอายที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยนั้นจู่โจมเข้ามา ทําให้คิ้วของเฉียวเนี่ยนขมวดแน่นเฉียวเนี่ยนกลัวระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้เกินไป จึงไม่ได้หันกลับมา เพียงจ้องมองชั้นวางหนังสือตรงหน้า ถามเสียงเย็นชาว่า "มาแก้แค้นให้เมียเจ้างั้นหรือ?"เซียวเหิงยืนอยู่ข้างหลังนาง จ้องมองข้ามวยของนาง ขมวดคิ้วแน่นกําหมัดแน่น แต่เสียงกลับแหบแห้งหลังจากจงใจระงับ "เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่สนใจนาง""ข้าไม่รู้" เฉียวเนี่ยนตอบอย่างเย็นชาว่า"ทุกอย่างเกี่ยวกับแม่ทัพเซียว ข้าไม่อยากรู้เลย""เนี่ยนเนี่ยน..." เสียงด้านหลังสั่นเทิ้มเล็กน้อย แต่กลับสูดหายใจเข้าลึกๆ เหมือนคิดอะไรออกแล้ว แม้แต่น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความโล่งใจ "ไม่เป็นไร ต่อไปข้าจะค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟัง ไม่ว่าเจ้าอยากรู้หรือไม่อยากรู้ ข้าก็ค่อยๆ เล่าได้"แต่คําพูดนี้กลับทําให้เฉียวเนี่ยนแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาต่อไป?"ข้ากับแม่ทัพเซียว ไม่มีอนาคตหรอก"นางบอกว่านางไม่ต้องการเขามานานแล้วความโกรธที่อดกลั้นของเซียวเหิง ราวกับถูกจุดขึ้นอย่างเงียบๆ ในขณะนี้ "แล้วเจ้าอยากมีอนาคตกับใคร?"คําถามนี้เต็มไปด้วยความหึงหวงอย่างเห็นได้ชัด เฉียวเนี่ยนรู้สึกว่าไม่จําเป็น
เมื่อหลินยวนพูดจบ กลับเห็นผู้ชายสองคนในห้องไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางจึงตระหนักว่าไม้นี้ของนางไม่ได้ผลแล้วเมื่อก่อน ไม่ว่ายังไง ขอเพียงตนหลั่งน้ำตา คนของจวนโหวก็จะมาล้อมตนไว้ ปลอบโยนนาง ดูแลนางแม้แต่เซียวเหิงก็ไม่เว้นแต่ตอนนี้ เซียวเหิงกลับทําเป็นไม่ได้ยินนางรู้ว่าเซียวเหิงเกลียดนางแล้วแต่ว่า...แม้แต่ความเห็นอกเห็นใจเล็กๆ น้อยๆ นั้นก็ไม่มีแล้วหรือ?เฉียวเนี่ยนมองตามสายตาของหลินยวน และอดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปในห้องเมื่อเห็นใบหน้าด้านข้างที่ละเอียดอ่อนของเซียวเหิงยังคงมีความเย็นชาเหมือนเคย หัวใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะหนักอึ้งแต่เซียวเหิงก็เป็นแบบนี้มาตลอด ไม่ใช่หรือ?ยามที่ปกป้องนาง ก็จะแก้แค้นไล่ตามคนไปทั่วเมืองหลวงแทนนางต่อมาเมื่อไม่ได้ปกป้องนางอีกต่อไป แม้แต่คนแปลกหน้าก็สู้ไม่ได้เฉียวเนี่ยนหันหน้ากลับมา มองหลินยวนด้วยสายตาเย็นชา "จําไว้นะ เจ้าเป็นคนที่ไม่มีคุณสมบัติจะมาโอ้อวดต่อหน้าข้ามากที่สุดในโลกนี้ ข้าไม่เถียงกับเจ้า เพราะข้าไม่อยาก ไม่ใช่ข้ากลัวเจ้า สงบเสงี่ยมหน่อย เป็นนายหญิงน้อยรองของเจ้าให้ดี อย่ามาหาเรื่องข้า ไม่งั้น เจ้าจะไม่มีชีวิตที่ดีแน่"พูดจบ เฉียวเนี่ยนก็
เฉียวเนี่ยนไม่ได้ตอบนาง แต่พึมพําต่อไปว่า "ตอนนั้นเจ้าเห็นข้า น้ำตาก็ไหลลงมา แม้ยังน่ารําคาญเหมือนตอนนี้ แต่ข้ารู้ว่าน้ำตาของเจ้าในตอนนั้น อย่างน้อยครึ่งหนึ่งมาจากใจจริง""ข้าเคยถามเจ้าว่าผิดตรงไหน คําตอบของเจ้าในตอนนั้นข้าไม่พอใจ เพราะสิ่งที่เจ้าผิดไม่ใช่แค่การทําชามแก้วแตกเท่านั้น แต่ยังเป็นการนิ่งเงียบด้วย เห็นข้าถูกใส่ร้ายแต่ก็เงียบมาตลอด จุดนี้ แม้แต่ตอนที่หลินเย่ว์ใส่ร้ายข้าว่าผลักเจ้าลงน้ํา เจ้าก็ยังไม่เปลี่ยนเลย""แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ตอนนั้นข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าโหดร้าย แต่ตอนนี้ล่ะ? หลินยวน ตอนนี้ในมือของเจ้ามีกี่ชีวิตกัน เจ้าเคยนับบ้างไหม? เมื่อถึงตอนเที่ยงคืน พวกเขาไม่เคยมาหาเจ้าเลยหรือ?"ฮูหยินเฒ่า ขอทานเหล่านั้น เสี่ยวชุ่ย...หลินยวนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาซ่อนความหวาดกลัวไว้อย่างชัดเจน แต่น้ำตาในดวงตาคู่นั้นกลับไม่ยอมไหลออกมานางไม่ใช่หลินยวนคนเดิมอีกต่อไปแล้วหลินยวนในอดีตไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้เฉียวเนี่ยนหายใจเข้าลึกๆ แล้วลุกขึ้นยืน เดินช้าๆ ไปตรงหน้าหลินยวน "เสี่ยวชุ่ยตายเพราะถูกมีดสั้นแทงทะลุหน้าอก ก็คือตําแหน่งนี้"เฉียวเนี่ยนพูดพลางยื่นนิ้วหนึ่งไปกดที่หน้าอก
เซียวเหิงถึงค่อยมีปฏิกิริยาขึ้นมา หลุบตามองเซียวเหอ "ขาทั้งสองข้างของพี่ใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง?"สิ่งที่เขาสนใจเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องนี้เซียวเหอเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในใจ จึงเอ่ยเพียงว่า "ยังดีอยู่"พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าเซียวเหิงกับหลินยวนรู้กาลเทศะ ก็ควรจะไปได้แล้วแต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงไม่รู้จักกาลเทศะ"ข้าไม่ได้เดินหมากล้อมกับพี่ใหญ่มานานแล้ว วันนี้ว่างพอดี มาแข่งสักรอบดีไหม?"ความคิดในใจของเขา ใครๆ ต่างก็รู้ดีเซียวเหอกําลังจะปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่คิดว่าหลินยวนจะพูดว่า "ก็ดี ข้าก็อยากคุยกับพี่สะใภ้ดีๆ เหมือนกัน"คําว่า 'ดีๆ' นั้นเน้นเสียงเป็นพิเศษเฉียวเนี่ยนถึงเงยหน้ามองหลินยวนก็เห็นหลินยวนยังคงรักษาความอ่อนโยนตามแบบฉบับของนางไว้ แต่ดวงตาคู่นั้นกําลังบอกเฉียวเนี่ยนอย่างชัดเจนว่านางมีเรื่องจะคุยด้วยท่าทีนี้ค่อนข้างแข็งไปหน่อยแล้วเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าท่าทางและกลิ่นอายของหลินยวนในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทําผิดควรมีเลยงั้นนางจะสอนนางสักหน่อยว่า คนที่ทําผิดควรมีท่าทางอย่างไร!จึงได้ยิ้มเล็กน้อยพลันเอ่ยตอบ "ได้สิ!"ในเมื่อหลินยวนอยู่ต่อเพื่อคุยธุระกั
เซียวเหิงมองสํารวจหลินยวนด้วยสายตาเย็นชา เขารู้ว่าหลินยวนไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็นภายนอกตอนนี้ก็คงมีความคิดอย่างอื่นอยู่แน่นอนแต่ ไม่สําคัญหรอกจุดประสงค์ที่เขากลับมาก็เพื่อขัดขวางการพัฒนาต่อไปของเฉียวเนี่ยนและเซียวเหอดังนั้น แม้ว่าจะใช้ข้ออ้างนี้ไปสักครั้ง แล้วยังไงล่ะ?จึงตอบตกลงด้วยสีหน้าเย็นชาและในขณะนี้ เซียวเหอกําลังสอนเฉียวเนี่ยนยิงหินอยู่เมื่อเทียบกับหนึ่งเดือนก่อน เฉียวเนี่ยนมีความก้าวหน้าไปไม่น้อย ตอนนี้ห่างจากต้นอู๋ถงประมาณสิบก้าว ก็สามารถตีถึงลําต้นได้ทุกอันแล้วแค่ความแม่นยํายังแย่ไปหน่อยดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงนั่งลงบนบันได เซียวเหอจับมือของเฉียวเนี่ยนและปรับท่าทางของนางแต่เมื่อจะเล็งไปที่กลางเป้า เซียวเหอต้องเอนตัวพิงแก้มของเฉียวเนี่ยนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะได้รู้ว่านางฟังเขาหรือไม่ เล็งไปที่เป้าหมายแล้วหรือเปล่าตอนที่เซียวเหิงเข้ามา สิ่งที่เห็นก็คือภาพแบบนี้ตาซ้ายของเฉียวเนี่ยนปิดสนิท ตาขวาจ้องหินในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนแก้มของเซียวเหอ อีกนิดเดียวก็จะแนบกับใบหน้าของนางแล้วชั่วพริบตาเดียว ก็มีคําคำหนึ่งแทรกเข้ามาในสมองของเซียวเหิง ติดหนึบเหมือน