หัวใจพลันเจ็บปวดขึ้นมาโดยไร้สาเหตุเมื่อนึกถึงว่าเมื่อคืนผู้คนในจวนโหวยอมรับโดยปริยายว่าเมื่อสามปีก่อนพวกเขาเคยใส่ร้ายเฉียวเนี่ยน ไฟโทสะก็ลุกโชนขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ตัวทว่าหนิงซวงกลับกล่าวขึ้น "ก่อนหน้านี้ รองแม่ทัพจิ่งได้ยินว่าคุณหนูของข้าชอบกินไส้ใหญ่หมู เขาจึงไปเรียนทำจากพ่อครัวของหอจุ้ยเซียง ก่อนออกไปปราบโจรยังอุตส่าห์ทิ้งสูตรไว้ให้ ข้าจำได้ขึ้นใจแล้ว เพียงแต่ยังไม่เคยลองทำ"เซียวเหอพยักหน้าเบาๆ เก็บซ่อนเพลิงโทสะในใจลงไปตอนนี้ เรื่องที่น่ากังวลกว่าก็คือเฉียวเนี่ยนเขาจึงหันไปมองจี้เยว่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง "ไปซื้อไส้ใหญ่หมูมา"จี้เยว่รับคำทันที ก่อนจะรีบเดินออกไปเมื่อมองบานประตูที่ปิดสนิท หัวใจของเซียวเหอก็พลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆเขาไม่รู้ว่าไส้ใหญ่หมูจะสามารถทำให้เฉียวเนี่ยนยอมเปิดประตูได้หรือไม่ แต่ก็ควรลองดูสักตั้งไม่นานนัก จี้เยว่ก็กลับมาพร้อมไส้ใหญ่หมูแต่เพราะเขาไม่เคยทำมาก่อน จึงได้แต่ช่วยเป็นลูกมือให้หนิงซวงอยู่ด้านหลังทว่าหนิงซวงเองก็ไม่เคยทำ นางจึงทำได้เพียงลองทำตามสูตรที่รองแม่ทัพจิ่งเขียนทิ้งไว้ทีละขั้นตอนเซียวเหอมองดูทั้งสองคนง่วนอยู่กับอะไรบางอย่าง
กว่าคนทั้งกลุ่มจะล้างเสร็จ ก็ผ่านไปถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆ แล้วหนิงซวงกับจี้เยว่ยุ่งอยู่กับการนำไส้หมูไปต้มในครัว ส่วนเฉียวเนี่ยนก็หยิบก้อนหินเล็กๆ หนึ่งร้อยก้อนขึ้นมา แล้วฝึกปากระทบต้นอูถงเซียวเหอเพียงแค่นั่งดูอยู่ข้างๆ อาจเป็นเพราะแสงแดดวันนี้อบอุ่นเกินไป จนทำให้แค่เพียงเฝ้ามองเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจแต่ไม่คิดว่าเฉียวเนี่ยนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน "ท่านพี่เซียวไม่สงสัยบ้างหรือ?"สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ต้นอูถง แต่ในใจกลับไม่สงบลงเลยคำพูดของเสี่ยวชุ่ยเมื่อวานนั้นสร้างความสะเทือนใจแก่นางอย่างมาก จนทำให้นางต้องใช้เวลานานกว่าจะย่อยความจริงนี้ได้อย่างสมบูรณ์แต่เซียวเหอกับหนิงซวงกลับไม่ถามนางสักคำเดียวเหมือนเพียงแค่เห็นนางออกจากห้องมา พวกเขาก็ดีใจมากแล้ว เรื่องอื่นๆ ดูจะไม่สำคัญอีกเซียวเหอไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะถามเช่นนี้ เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า "หากเจ้าต้องการจะเล่า เจ้าก็จะบอกข้าเอง"แต่หากนางไม่ต้องการเล่า เขาก็จะไม่ถามเฉียวเนี่ยนจึงหันกลับมามองเซียวเหอ มุมปากของนางยกยิ้มกว้างขึ้น "เมื่อวาน ข้าได้รู้ความลับหนึ่งเรื่อง แต่หากข้าเปิดเผยมันออกไป เกรงว่าข้าคงไม่มี
นางยังคงขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น "ไม่มีอะไรน่าดูหรอก ข้าสบายดี ไม่ต้องให้น้องรองมาเป็นห่วงหรอก"คำว่า 'น้องรอง' นับเป็นการดึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากันให้ห่างจากกันและทำให้สถานะของทั้งสองชัดเจนขึ้นไม่ว่าในอดีตทั้งสองจะเป็นอย่างไร ทว่าบัดนี้ นางคือพี่สะใภ้ของเขา เขาไม่ควรมีความคิดสปรกใดกับนางอีกความเจ็บปวดที่เกาะกุมในใจนั้น ในที่สุดก็ระเบิดออกมาดวงตาของเซียวเหิงเผยสีแดงก่ำออกมาเล็กน้อยเขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว "เนี่ยนเนี่ยน..."แต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนกลับถอยหลังไปหนึ่งก้าวทั้งๆ ที่ระยะห่างของทั้งสองห่างกันขนาดนั้น ทว่าแค่เพียงหนึ่งก้าวนี้ นางกลับไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เลยนาง ต่อต้านเขาถึงเช่นนี้!สองมือใต้แขนเสื้อกำแน่น เขามองใบหน้าที่เย็นชาของนาง และแทบไม่อยากเชื่อเลยว่านางที่ชอบตนในอดีตขนาดนั้น บัดนี้จะไม่ชอบเขาเลยแม้แต่นิดเดียวทันใดนั้น เซียวเหอก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเซียวเหิง"เจ้ามาทำอันใด?" เซียวเหอถามเสียงเข้ม สุ้มเสียงเยือกเย็นดุจน้ำแข็งเขาไม่ได้หยุด ยังคงตรงไปทางเฉียวเนี่ยนต่อไป บนขาทั้งสอง มีจานไม้หนึ่งวางอยู่ ในจานไม้มีขนมอบจัดเรียงไว้ในนั้
ฟังคำตอบเฉียวเนี่ยนแล้ว เซียวเหอไม่รู้ทำไม ถึงได้โล่งใจเล็กน้อย"หากเจ้าปล่อยวางได้ ก็เป็นเรื่องที่ดี"อย่างน้อย นางก็ไม่ต้องเสียใจเพราะไอ้คนเลอะเลือนอย่างเซียวเหิงอีกเฉียวเนี่ยนหยักยิ้มขึ้น หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็เริ่มฝึกต่อ ทว่าจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ กล่าว “ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะไม่ลองฝังเข็มแล้ว!”นางรู้สึกว่าการไปพบเซียวเหิงในตอนนี้ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดนักเซียวเหิงจะหย่าหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับนาง นางไม่อยากให้คนอื่นคิดว่านางคือต้นเหตุของเรื่องนี้เซียวเหอพยักหน้าเล็กน้อย บ่งบอกว่าเห็นด้วยแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ข้าอยากฝังเข็มบนขาของท่านพี่เซียว ไม่ทราบว่าท่านพี่เซียวจะกล้าให้ฝังหรือไม่“ความจริง เรื่องแรงปักของเข็ม ความลึกตื้น และอื่นๆ นางก็เข้าใจดีอยู่แล้วเซียวเหอไหนเลยจะฟังไม่ออก นี่นางกำลังใช้ ‘วิธียั่วยุ’ หรือ?จึงหัวเราะขึ้นมา “หากบอกว่าไม่กล้า ข้าคงขี้ขลาดชัดเจนเกินไป”เฉียวเนี่ยนยิ้มกว้างขึ้น “คงไม่ถึงขนาดนั้น แค่ขี้ขลาดไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง”ขณะพูด นางยังยกนิ้วของตัวเองขึ้นทำท่า “นิดหน่อย” ประกอบเซียวเหอทำได้เพียงหัวเราะเบาๆ อย่างจ
วาจาที่เจือไปด้วยการตำหนิ มันเด่นชัดมากยิ่งแม่เซียวพูดว่า ‘แม้จะจริงใจ‘ ด้วยแล้วเห็นได้ชัดว่า นางก็ไม่ได้เชื่อใจหลินยวนทั้งหมดเช่นกัน...หลินยวนจะฟังไม่ออกได้อย่างไร?เพียงแต่นางก็ไม่กล้าขัดคำแม่เซียว จึงทำได้แค่ร้องไห้ไปพร้อมกับพยักหน้ารับ “เป็นข้าเองที่ไม่ควรทำตามอำเภอใจ...”ฮูหยินหลินยืนอยู่ข้างๆ มองหลินยวนที่มีท่าทางเสียใจ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีพวกเขาย่อมเชื่อว่าหลินยวนบริสุทธิ์อยู่แล้ว แต่ก็รู้ดีว่า เรื่องนี้มันคือความผิดของหลินยวนได้ยินเพียงแม่เซียวพูดว่า "แต่ว่า เจ้าไม่ต้องห่วง แม่จะไม่ให้เหิงเอ๋อร์หย่าเจ้าแน่นอน รอให้เขาหายโกรธก่อน แม่จะให้เขามารับเจ้า"ยังคงเหมือนวาจาเมื่อครู่ทว่า เซียวเหิงจะหายโกรธตอนไหน จะมารับนางเมื่อไหร่ กลับไม่ได้บอกหลินยวนสะอื้นไปพลาง เช็ดน้ำตาไปพลาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นแม่เซียวพูดปลอบใจหลินยวนอีกเล็กน้อยก่อนจะจากไปฮูหยินหลินจึงออกไปส่งแม่เซียวข้างนอกพวกท่านทั้งสองออกไปได้ไม่นาน หลินยวนก็ระเบิดอารมณ์อยู่ในห้องตัวเอง"เป็นเพราะเฉียวเนี่ยน! หากไม่ใช่นาง ท่านพี่เหิงจะเอ่ยเรื่องหย่าขึ้นมาได้ยังไง!" นางตะคอกไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย
วันเวลา ผ่านไปวันแล้ววันเล่าพริบตาเดียวก็หนึ่งเดือนแล้วหนึ่งเดือนผ่านมานี้ เฉียวเนี่ยนไม่เคยย่างก้าวออกจากเรือนของเซียวเหอเลยแม้แต่ก้าวเดียวในทุกๆ วัน นอกจากฝึกขว้างก้อนหินแล้ว บางครั้งนางยังไปอ่านตำราพิชัยสงครามกับเซียวเหอ หรือไม่ก็เล่นหมากล้อมกับเซียวเหอ ชีวิตถือว่าผ่านไปอย่างมีความสุขและเปี่ยมไปด้วยความหมายเซียวเหิงไม่เคยมาอีกหรือพูดให้ถูกคือ นอกจากสาวใช้ที่มาทำความสะอาดทุกวันแล้ว ก็ไม่มีคนนอกเข้ามาที่นี่อีกเลยบางครั้งเฉียวเนี่ยนก็รู้สึกว่า เรือนของเซียวเหอเปรียบเสมือนดินแดนอันสันโดด ที่สามารถตัดขาดความวุ่นวายทั้งปวงจากโลกภายนอกได้อย่างสิ้นเชิงหากเป็นเช่นนี้ได้ตลอดไป คงจะดีไม่น้อย...ทว่า อย่างไรก็ไม่ใช่ดินแดนแห่งความฝันที่แท้จริง...วันนี้ แม่เซียวส่งคนมาถ่ายทอดคำพูด บอกเพียงว่าวันนี้เป็นวันเกิดของพ่อเซียว อยากให้ทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกัน ทานข้าวด้วยกันมื้อหนึ่งนับตั้งแต่เซียวเหอได้รับบาดเจ็บ ตลอดปีมีเพียงวันเกิดพ่อเซียวและแม่เซียวสองวันเท่านั้นที่เขาจะออกไปพบปะทานข้าวร่วมกับครอบครัว ปีนี้ก็ไม่เว้นเช่นกันเพียงแต่เซียวเหอรู้สึกเป็นห่วงเฉียวเนี่ยนเล็กน้อย จึงกล่า
เซียวเหอก็ยกแก้วตาม "ลูกเองก็ขอให้ท่านพ่อมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว"เฉียวเนี่ยนย่อมยกแก้วขึ้นตามเซียวเหอเช่นกันอารมณ์ของพ่อเซียวก็คลายลงไปไม่น้อย ดูแล้วมีความสุขอย่างมาก ทว่าสายตากลับมองไปที่เซียวเหิงลูกสามคน ยกแก้วเหล้าให้สองคน มีเพียงเซียวเหิงคนเดียวที่ไม่ยก ทำให้พ่อเซียวสีหน้าครึมลงอีกครั้งเหมือนจะสัมผัสได้ว่าบรรยากาศเริ่มตึงขึ้นอีกครา เซียวเหิงถึงได้ยกถ้วยเหล้าขึ้นตรงหน้า "ขอให้ท่านพ่ออายุยืนยาว"พ่อเซียวถึงได้ยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง และดื่มเหล้าจนหมดถ้วยแต่เพิ่งดื่มเหล้าหมดก็พูดขึ้นมาอีกว่า "หากเจ้าไม่ทำให้ข้าโกรธ ข้าคงมีอายุยืนยาวได้จริงๆ !"บรรยากาศเย็นลงทันทีแม่เซียวตบพ่อเซียวเบาๆ ด้วยความเคืองพ่อเซียวจึงเพิ่งรู้ตัวว่าคำพูดของตนได้ทำลายบรรยากาศที่เพิ่งจะดีขึ้นไป และอดแสดงสีหน้าอึดอัดออกมาไม่ได้แต่ไม่คิดเลยว่า เซียวเหิงกลับหัวเราะเยาะเสียงเบา "หึ"ความหมายเหยียดหยามชัดเจนทำให้พ่อเซียวระงับความโกรยไม่ไหวทันที "เจ้าหมายความว่าอย่างไร!"เซียวเหิงยังคงมีสีหน้าเย็นชา สุ้มเสียงราบเรียบ "ก็แค่ตัดสินใจทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก็กลายเป็นคนอกตัญญูแล้ว ลูกชายของตระกูลเซีย
คิ้วของเฉียวเนี่ยนขมวดเข้าหากันทันที นางไม่น่าเผลอทำตะเกียบหล่นเลยเป็นอย่างที่คิด ยังไม่ทันได้นั่งตัวตรง เรื่องก็โยนมาถึงหัวนางแล้วพ่อเซียวตบโต๊ะพร้อมลุกขึ้น “ไอ้สารเลว ตอนนี้นางเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า!”ระหว่างคิ้วของเซียวเหอขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจทันที ในดวงตาที่หลุบลงเล็กน้อยนั้น เคลือบไปด้วยความเย็นชาเฉียวเนี่ยนยืดนั่งตัวตรงอย่างเงียบเชียบ วางตะเกียบกลับลงบนโต๊ะ คิดแค่ว่าไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจคนอื่นขนาดนั้นทว่าตอนนี้ คนตระกูลเซียวมองมาที่นางกันอยู่แล้วนอกจากเซียวเหิงสองตาคู่นั้นของเขาเอาแต่จ้องพ่อเซียว ดูเย่อหยิ่ง เย็นชา มุมปากยิ่งดูไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก “ตอนนี้พูดถึงเรื่องการหย่าของข้า มันเกี่ยวอะไรกับคนอื่น?”คำว่า “พี่สะใภ้” เขาไม่มีวันเอ่ยมันออกมาจากปากแน่นอนฉะนั้น เฉียวเนี่ยนในยามนี้ ก็เป็นแค่คนอื่นเท่านั้นทว่าในสายตาของแม่เซียว การที่เฉียวเนี่ยนทำตะเกียบหล่นเมื่อครู่ เป็นการตั้งใจทำตั้งใจดึงดูดความสนใจของเซียวเหิงอย่างไรเสียหากเซียวเหิงจะหย่าวันนี้ให้ได้ ก็ต้องเกี่ยวกับเฉียวเนี่ยนแน่นอน!แม้แต่สายตาของเซียวชิงหน่วนที่มองมาที่เฉียวเนี่ยนยังแฝงแววไม
เซียวชิงหน่วนรีบลุกขึ้นยืน ไปขวางหน้าพ่อเซียวเอาไว้ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี "ท่านพ่อดีใจจนเลอะเลือนแล้ว! ขาของพี่ใหญ่ดีขึ้นได้ก็เพราะพี่สะใภ้เป็นคนฝังเข็มรักษา จะไปเรียกหมอคนอื่นมาทำไมกัน?"เมื่อถูกนางเตือนสติ พ่อเซียวก็พยักหน้ารัวๆ “ใช่ๆ เป็นเนี่ยนเนี่ยนที่รักษา ต้องขอบคุณเนี่ยนเนี่ยนจริงๆ !”แม้แต่เซียวเหิงที่เดิมมีสีหน้าเคร่งขรึมก็ยังอ่อนลงไปไม่น้อยเขาไม่เคยคิดเลยว่า ขาของพี่ใหญ่จะกลับมามีความรู้สึกได้อีกครั้งสำหรับตระกูลเซียวแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องมงคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!ในเวลานี้ ทุกคนในตระกูลเซียวต่างพากันหันมามองเฉียวเนี่ยนด้วยสายตาเต็มไปด้วยความขอบคุณ ราวกับว่าที่มองเฉียวเนี่ยนด้วยสีหน้าไม่พอใจเมื่อครู่ ไม่ใช่พวกเขาอย่างไรอย่างนั้นโชคดีที่เฉียวเนี่ยนไม่ได้ใส่ใจช้าเร็วนางก็ต้องไปจากตระกูลเซียว ดังนั้นตระกูลเซียวจะมีท่าทีอย่างไรกับนาง นางก็ไม่สนใจขอเพียงแค่ขาของเซียวเหอหายเหมือนปกติได้ นางก็พอใจแล้วนางแอบคิดในใจ ต้องไปปรึกษาหมอประจำจวนเพื่อหาวิธีรักษาขั้นต่อไปแต่ไม่ทันไร แม่เซียวกลับคว้ามือนางไว้ฉับพลัน น้ำตาหลั่งไหลนองหน้า "เนี่ยนเนี่ยน แม่ แม่ไม่รู้จะพูดอะไรถ
คิ้วของเฉียวเนี่ยนขมวดเข้าหากันทันที นางไม่น่าเผลอทำตะเกียบหล่นเลยเป็นอย่างที่คิด ยังไม่ทันได้นั่งตัวตรง เรื่องก็โยนมาถึงหัวนางแล้วพ่อเซียวตบโต๊ะพร้อมลุกขึ้น “ไอ้สารเลว ตอนนี้นางเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า!”ระหว่างคิ้วของเซียวเหอขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจทันที ในดวงตาที่หลุบลงเล็กน้อยนั้น เคลือบไปด้วยความเย็นชาเฉียวเนี่ยนยืดนั่งตัวตรงอย่างเงียบเชียบ วางตะเกียบกลับลงบนโต๊ะ คิดแค่ว่าไม่อยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจคนอื่นขนาดนั้นทว่าตอนนี้ คนตระกูลเซียวมองมาที่นางกันอยู่แล้วนอกจากเซียวเหิงสองตาคู่นั้นของเขาเอาแต่จ้องพ่อเซียว ดูเย่อหยิ่ง เย็นชา มุมปากยิ่งดูไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก “ตอนนี้พูดถึงเรื่องการหย่าของข้า มันเกี่ยวอะไรกับคนอื่น?”คำว่า “พี่สะใภ้” เขาไม่มีวันเอ่ยมันออกมาจากปากแน่นอนฉะนั้น เฉียวเนี่ยนในยามนี้ ก็เป็นแค่คนอื่นเท่านั้นทว่าในสายตาของแม่เซียว การที่เฉียวเนี่ยนทำตะเกียบหล่นเมื่อครู่ เป็นการตั้งใจทำตั้งใจดึงดูดความสนใจของเซียวเหิงอย่างไรเสียหากเซียวเหิงจะหย่าวันนี้ให้ได้ ก็ต้องเกี่ยวกับเฉียวเนี่ยนแน่นอน!แม้แต่สายตาของเซียวชิงหน่วนที่มองมาที่เฉียวเนี่ยนยังแฝงแววไม
เซียวเหอก็ยกแก้วตาม "ลูกเองก็ขอให้ท่านพ่อมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว"เฉียวเนี่ยนย่อมยกแก้วขึ้นตามเซียวเหอเช่นกันอารมณ์ของพ่อเซียวก็คลายลงไปไม่น้อย ดูแล้วมีความสุขอย่างมาก ทว่าสายตากลับมองไปที่เซียวเหิงลูกสามคน ยกแก้วเหล้าให้สองคน มีเพียงเซียวเหิงคนเดียวที่ไม่ยก ทำให้พ่อเซียวสีหน้าครึมลงอีกครั้งเหมือนจะสัมผัสได้ว่าบรรยากาศเริ่มตึงขึ้นอีกครา เซียวเหิงถึงได้ยกถ้วยเหล้าขึ้นตรงหน้า "ขอให้ท่านพ่ออายุยืนยาว"พ่อเซียวถึงได้ยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง และดื่มเหล้าจนหมดถ้วยแต่เพิ่งดื่มเหล้าหมดก็พูดขึ้นมาอีกว่า "หากเจ้าไม่ทำให้ข้าโกรธ ข้าคงมีอายุยืนยาวได้จริงๆ !"บรรยากาศเย็นลงทันทีแม่เซียวตบพ่อเซียวเบาๆ ด้วยความเคืองพ่อเซียวจึงเพิ่งรู้ตัวว่าคำพูดของตนได้ทำลายบรรยากาศที่เพิ่งจะดีขึ้นไป และอดแสดงสีหน้าอึดอัดออกมาไม่ได้แต่ไม่คิดเลยว่า เซียวเหิงกลับหัวเราะเยาะเสียงเบา "หึ"ความหมายเหยียดหยามชัดเจนทำให้พ่อเซียวระงับความโกรยไม่ไหวทันที "เจ้าหมายความว่าอย่างไร!"เซียวเหิงยังคงมีสีหน้าเย็นชา สุ้มเสียงราบเรียบ "ก็แค่ตัดสินใจทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก็กลายเป็นคนอกตัญญูแล้ว ลูกชายของตระกูลเซีย
วันเวลา ผ่านไปวันแล้ววันเล่าพริบตาเดียวก็หนึ่งเดือนแล้วหนึ่งเดือนผ่านมานี้ เฉียวเนี่ยนไม่เคยย่างก้าวออกจากเรือนของเซียวเหอเลยแม้แต่ก้าวเดียวในทุกๆ วัน นอกจากฝึกขว้างก้อนหินแล้ว บางครั้งนางยังไปอ่านตำราพิชัยสงครามกับเซียวเหอ หรือไม่ก็เล่นหมากล้อมกับเซียวเหอ ชีวิตถือว่าผ่านไปอย่างมีความสุขและเปี่ยมไปด้วยความหมายเซียวเหิงไม่เคยมาอีกหรือพูดให้ถูกคือ นอกจากสาวใช้ที่มาทำความสะอาดทุกวันแล้ว ก็ไม่มีคนนอกเข้ามาที่นี่อีกเลยบางครั้งเฉียวเนี่ยนก็รู้สึกว่า เรือนของเซียวเหอเปรียบเสมือนดินแดนอันสันโดด ที่สามารถตัดขาดความวุ่นวายทั้งปวงจากโลกภายนอกได้อย่างสิ้นเชิงหากเป็นเช่นนี้ได้ตลอดไป คงจะดีไม่น้อย...ทว่า อย่างไรก็ไม่ใช่ดินแดนแห่งความฝันที่แท้จริง...วันนี้ แม่เซียวส่งคนมาถ่ายทอดคำพูด บอกเพียงว่าวันนี้เป็นวันเกิดของพ่อเซียว อยากให้ทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกัน ทานข้าวด้วยกันมื้อหนึ่งนับตั้งแต่เซียวเหอได้รับบาดเจ็บ ตลอดปีมีเพียงวันเกิดพ่อเซียวและแม่เซียวสองวันเท่านั้นที่เขาจะออกไปพบปะทานข้าวร่วมกับครอบครัว ปีนี้ก็ไม่เว้นเช่นกันเพียงแต่เซียวเหอรู้สึกเป็นห่วงเฉียวเนี่ยนเล็กน้อย จึงกล่า
วาจาที่เจือไปด้วยการตำหนิ มันเด่นชัดมากยิ่งแม่เซียวพูดว่า ‘แม้จะจริงใจ‘ ด้วยแล้วเห็นได้ชัดว่า นางก็ไม่ได้เชื่อใจหลินยวนทั้งหมดเช่นกัน...หลินยวนจะฟังไม่ออกได้อย่างไร?เพียงแต่นางก็ไม่กล้าขัดคำแม่เซียว จึงทำได้แค่ร้องไห้ไปพร้อมกับพยักหน้ารับ “เป็นข้าเองที่ไม่ควรทำตามอำเภอใจ...”ฮูหยินหลินยืนอยู่ข้างๆ มองหลินยวนที่มีท่าทางเสียใจ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีพวกเขาย่อมเชื่อว่าหลินยวนบริสุทธิ์อยู่แล้ว แต่ก็รู้ดีว่า เรื่องนี้มันคือความผิดของหลินยวนได้ยินเพียงแม่เซียวพูดว่า "แต่ว่า เจ้าไม่ต้องห่วง แม่จะไม่ให้เหิงเอ๋อร์หย่าเจ้าแน่นอน รอให้เขาหายโกรธก่อน แม่จะให้เขามารับเจ้า"ยังคงเหมือนวาจาเมื่อครู่ทว่า เซียวเหิงจะหายโกรธตอนไหน จะมารับนางเมื่อไหร่ กลับไม่ได้บอกหลินยวนสะอื้นไปพลาง เช็ดน้ำตาไปพลาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นแม่เซียวพูดปลอบใจหลินยวนอีกเล็กน้อยก่อนจะจากไปฮูหยินหลินจึงออกไปส่งแม่เซียวข้างนอกพวกท่านทั้งสองออกไปได้ไม่นาน หลินยวนก็ระเบิดอารมณ์อยู่ในห้องตัวเอง"เป็นเพราะเฉียวเนี่ยน! หากไม่ใช่นาง ท่านพี่เหิงจะเอ่ยเรื่องหย่าขึ้นมาได้ยังไง!" นางตะคอกไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย
ฟังคำตอบเฉียวเนี่ยนแล้ว เซียวเหอไม่รู้ทำไม ถึงได้โล่งใจเล็กน้อย"หากเจ้าปล่อยวางได้ ก็เป็นเรื่องที่ดี"อย่างน้อย นางก็ไม่ต้องเสียใจเพราะไอ้คนเลอะเลือนอย่างเซียวเหิงอีกเฉียวเนี่ยนหยักยิ้มขึ้น หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็เริ่มฝึกต่อ ทว่าจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ กล่าว “ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะไม่ลองฝังเข็มแล้ว!”นางรู้สึกว่าการไปพบเซียวเหิงในตอนนี้ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดนักเซียวเหิงจะหย่าหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับนาง นางไม่อยากให้คนอื่นคิดว่านางคือต้นเหตุของเรื่องนี้เซียวเหอพยักหน้าเล็กน้อย บ่งบอกว่าเห็นด้วยแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ข้าอยากฝังเข็มบนขาของท่านพี่เซียว ไม่ทราบว่าท่านพี่เซียวจะกล้าให้ฝังหรือไม่“ความจริง เรื่องแรงปักของเข็ม ความลึกตื้น และอื่นๆ นางก็เข้าใจดีอยู่แล้วเซียวเหอไหนเลยจะฟังไม่ออก นี่นางกำลังใช้ ‘วิธียั่วยุ’ หรือ?จึงหัวเราะขึ้นมา “หากบอกว่าไม่กล้า ข้าคงขี้ขลาดชัดเจนเกินไป”เฉียวเนี่ยนยิ้มกว้างขึ้น “คงไม่ถึงขนาดนั้น แค่ขี้ขลาดไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง”ขณะพูด นางยังยกนิ้วของตัวเองขึ้นทำท่า “นิดหน่อย” ประกอบเซียวเหอทำได้เพียงหัวเราะเบาๆ อย่างจ
นางยังคงขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น "ไม่มีอะไรน่าดูหรอก ข้าสบายดี ไม่ต้องให้น้องรองมาเป็นห่วงหรอก"คำว่า 'น้องรอง' นับเป็นการดึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากันให้ห่างจากกันและทำให้สถานะของทั้งสองชัดเจนขึ้นไม่ว่าในอดีตทั้งสองจะเป็นอย่างไร ทว่าบัดนี้ นางคือพี่สะใภ้ของเขา เขาไม่ควรมีความคิดสปรกใดกับนางอีกความเจ็บปวดที่เกาะกุมในใจนั้น ในที่สุดก็ระเบิดออกมาดวงตาของเซียวเหิงเผยสีแดงก่ำออกมาเล็กน้อยเขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว "เนี่ยนเนี่ยน..."แต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนกลับถอยหลังไปหนึ่งก้าวทั้งๆ ที่ระยะห่างของทั้งสองห่างกันขนาดนั้น ทว่าแค่เพียงหนึ่งก้าวนี้ นางกลับไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เลยนาง ต่อต้านเขาถึงเช่นนี้!สองมือใต้แขนเสื้อกำแน่น เขามองใบหน้าที่เย็นชาของนาง และแทบไม่อยากเชื่อเลยว่านางที่ชอบตนในอดีตขนาดนั้น บัดนี้จะไม่ชอบเขาเลยแม้แต่นิดเดียวทันใดนั้น เซียวเหอก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเซียวเหิง"เจ้ามาทำอันใด?" เซียวเหอถามเสียงเข้ม สุ้มเสียงเยือกเย็นดุจน้ำแข็งเขาไม่ได้หยุด ยังคงตรงไปทางเฉียวเนี่ยนต่อไป บนขาทั้งสอง มีจานไม้หนึ่งวางอยู่ ในจานไม้มีขนมอบจัดเรียงไว้ในนั้
กว่าคนทั้งกลุ่มจะล้างเสร็จ ก็ผ่านไปถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆ แล้วหนิงซวงกับจี้เยว่ยุ่งอยู่กับการนำไส้หมูไปต้มในครัว ส่วนเฉียวเนี่ยนก็หยิบก้อนหินเล็กๆ หนึ่งร้อยก้อนขึ้นมา แล้วฝึกปากระทบต้นอูถงเซียวเหอเพียงแค่นั่งดูอยู่ข้างๆ อาจเป็นเพราะแสงแดดวันนี้อบอุ่นเกินไป จนทำให้แค่เพียงเฝ้ามองเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจแต่ไม่คิดว่าเฉียวเนี่ยนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน "ท่านพี่เซียวไม่สงสัยบ้างหรือ?"สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ต้นอูถง แต่ในใจกลับไม่สงบลงเลยคำพูดของเสี่ยวชุ่ยเมื่อวานนั้นสร้างความสะเทือนใจแก่นางอย่างมาก จนทำให้นางต้องใช้เวลานานกว่าจะย่อยความจริงนี้ได้อย่างสมบูรณ์แต่เซียวเหอกับหนิงซวงกลับไม่ถามนางสักคำเดียวเหมือนเพียงแค่เห็นนางออกจากห้องมา พวกเขาก็ดีใจมากแล้ว เรื่องอื่นๆ ดูจะไม่สำคัญอีกเซียวเหอไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะถามเช่นนี้ เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า "หากเจ้าต้องการจะเล่า เจ้าก็จะบอกข้าเอง"แต่หากนางไม่ต้องการเล่า เขาก็จะไม่ถามเฉียวเนี่ยนจึงหันกลับมามองเซียวเหอ มุมปากของนางยกยิ้มกว้างขึ้น "เมื่อวาน ข้าได้รู้ความลับหนึ่งเรื่อง แต่หากข้าเปิดเผยมันออกไป เกรงว่าข้าคงไม่มี
หัวใจพลันเจ็บปวดขึ้นมาโดยไร้สาเหตุเมื่อนึกถึงว่าเมื่อคืนผู้คนในจวนโหวยอมรับโดยปริยายว่าเมื่อสามปีก่อนพวกเขาเคยใส่ร้ายเฉียวเนี่ยน ไฟโทสะก็ลุกโชนขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ตัวทว่าหนิงซวงกลับกล่าวขึ้น "ก่อนหน้านี้ รองแม่ทัพจิ่งได้ยินว่าคุณหนูของข้าชอบกินไส้ใหญ่หมู เขาจึงไปเรียนทำจากพ่อครัวของหอจุ้ยเซียง ก่อนออกไปปราบโจรยังอุตส่าห์ทิ้งสูตรไว้ให้ ข้าจำได้ขึ้นใจแล้ว เพียงแต่ยังไม่เคยลองทำ"เซียวเหอพยักหน้าเบาๆ เก็บซ่อนเพลิงโทสะในใจลงไปตอนนี้ เรื่องที่น่ากังวลกว่าก็คือเฉียวเนี่ยนเขาจึงหันไปมองจี้เยว่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง "ไปซื้อไส้ใหญ่หมูมา"จี้เยว่รับคำทันที ก่อนจะรีบเดินออกไปเมื่อมองบานประตูที่ปิดสนิท หัวใจของเซียวเหอก็พลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆเขาไม่รู้ว่าไส้ใหญ่หมูจะสามารถทำให้เฉียวเนี่ยนยอมเปิดประตูได้หรือไม่ แต่ก็ควรลองดูสักตั้งไม่นานนัก จี้เยว่ก็กลับมาพร้อมไส้ใหญ่หมูแต่เพราะเขาไม่เคยทำมาก่อน จึงได้แต่ช่วยเป็นลูกมือให้หนิงซวงอยู่ด้านหลังทว่าหนิงซวงเองก็ไม่เคยทำ นางจึงทำได้เพียงลองทำตามสูตรที่รองแม่ทัพจิ่งเขียนทิ้งไว้ทีละขั้นตอนเซียวเหอมองดูทั้งสองคนง่วนอยู่กับอะไรบางอย่าง