อีกด้านหนึ่ง ทันทีที่เซียวเหอกลับมาถึงเรือน ก็พบว่าหนิงซวงมีสีหน้ากังวลยิ่งนักสายตาของเขาเผลอมองไปทางเรือนของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัว เห็นเพียงประตูหน้าต่างปิดสนิท ราวกับต้องการตัดขาดจากทุกสิ่งเซียวเหออดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปใกล้ ก่อนเอ่ยถามเสียงเบา "นางเป็นอย่างไรบ้าง?"หนิงซวงมองไปยังประตูเรือนที่ปิดสนิทด้วยความกังวลเต็มหัวใจ ก่อนจะตอบว่า "คุณหนูกลับมาแล้วก็ขังตัวเองไว้ในห้อง บ่าวพูดอะไรก็ไม่ตอบเจ้าค่ะ"เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ หนิงซวงก็ลดเสียงลง ก่อนจะกระซิบข้างหูเซียวเหอ "แม้แต่เสียงร้องไห้ก็ไม่ได้ยินเจ้าค่ะ"และนี่แหละคือสิ่งที่น่ากังวลที่สุดหากได้ยินเสียงร้องไห้ อย่างน้อยก็ยังแสดงว่าเฉียวเนี่ยนสามารถระบายอารมณ์ออกมาได้แต่ตอนนี้ นางไม่ร้อง ไม่โวยวาย ปิดกั้นตัวเองจากทุกสิ่ง กลับยิ่งทำให้เป็นห่วงมากกว่าเดิมจี้เยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะถามว่า "หรือให้บ่าวไปเคาะประตูดีขอรับ?"เขาคิดว่าเซียวเหอคงอยากปลอบโยนเฉียวเนี่ยนสักสองสามคำแต่เซียวเหอกลับส่ายศีรษะเล็กน้อย "ปล่อยให้นางอยู่คนเดียวสักพักเถิด"กล่าวจบ เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอีก และหมุนตัวเดินกลับไปยังเรือนของตนเขารู้ดีว่
หัวใจพลันเจ็บปวดขึ้นมาโดยไร้สาเหตุเมื่อนึกถึงว่าเมื่อคืนผู้คนในจวนโหวยอมรับโดยปริยายว่าเมื่อสามปีก่อนพวกเขาเคยใส่ร้ายเฉียวเนี่ยน ไฟโทสะก็ลุกโชนขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ตัวทว่าหนิงซวงกลับกล่าวขึ้น "ก่อนหน้านี้ รองแม่ทัพจิ่งได้ยินว่าคุณหนูของข้าชอบกินไส้ใหญ่หมู เขาจึงไปเรียนทำจากพ่อครัวของหอจุ้ยเซียง ก่อนออกไปปราบโจรยังอุตส่าห์ทิ้งสูตรไว้ให้ ข้าจำได้ขึ้นใจแล้ว เพียงแต่ยังไม่เคยลองทำ"เซียวเหอพยักหน้าเบาๆ เก็บซ่อนเพลิงโทสะในใจลงไปตอนนี้ เรื่องที่น่ากังวลกว่าก็คือเฉียวเนี่ยนเขาจึงหันไปมองจี้เยว่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง "ไปซื้อไส้ใหญ่หมูมา"จี้เยว่รับคำทันที ก่อนจะรีบเดินออกไปเมื่อมองบานประตูที่ปิดสนิท หัวใจของเซียวเหอก็พลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆเขาไม่รู้ว่าไส้ใหญ่หมูจะสามารถทำให้เฉียวเนี่ยนยอมเปิดประตูได้หรือไม่ แต่ก็ควรลองดูสักตั้งไม่นานนัก จี้เยว่ก็กลับมาพร้อมไส้ใหญ่หมูแต่เพราะเขาไม่เคยทำมาก่อน จึงได้แต่ช่วยเป็นลูกมือให้หนิงซวงอยู่ด้านหลังทว่าหนิงซวงเองก็ไม่เคยทำ นางจึงทำได้เพียงลองทำตามสูตรที่รองแม่ทัพจิ่งเขียนทิ้งไว้ทีละขั้นตอนเซียวเหอมองดูทั้งสองคนง่วนอยู่กับอะไรบางอย่าง
กว่าคนทั้งกลุ่มจะล้างเสร็จ ก็ผ่านไปถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆ แล้วหนิงซวงกับจี้เยว่ยุ่งอยู่กับการนำไส้หมูไปต้มในครัว ส่วนเฉียวเนี่ยนก็หยิบก้อนหินเล็กๆ หนึ่งร้อยก้อนขึ้นมา แล้วฝึกปากระทบต้นอูถงเซียวเหอเพียงแค่นั่งดูอยู่ข้างๆ อาจเป็นเพราะแสงแดดวันนี้อบอุ่นเกินไป จนทำให้แค่เพียงเฝ้ามองเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจแต่ไม่คิดว่าเฉียวเนี่ยนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน "ท่านพี่เซียวไม่สงสัยบ้างหรือ?"สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ต้นอูถง แต่ในใจกลับไม่สงบลงเลยคำพูดของเสี่ยวชุ่ยเมื่อวานนั้นสร้างความสะเทือนใจแก่นางอย่างมาก จนทำให้นางต้องใช้เวลานานกว่าจะย่อยความจริงนี้ได้อย่างสมบูรณ์แต่เซียวเหอกับหนิงซวงกลับไม่ถามนางสักคำเดียวเหมือนเพียงแค่เห็นนางออกจากห้องมา พวกเขาก็ดีใจมากแล้ว เรื่องอื่นๆ ดูจะไม่สำคัญอีกเซียวเหอไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะถามเช่นนี้ เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า "หากเจ้าต้องการจะเล่า เจ้าก็จะบอกข้าเอง"แต่หากนางไม่ต้องการเล่า เขาก็จะไม่ถามเฉียวเนี่ยนจึงหันกลับมามองเซียวเหอ มุมปากของนางยกยิ้มกว้างขึ้น "เมื่อวาน ข้าได้รู้ความลับหนึ่งเรื่อง แต่หากข้าเปิดเผยมันออกไป เกรงว่าข้าคงไม่มี
นางยังคงขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น "ไม่มีอะไรน่าดูหรอก ข้าสบายดี ไม่ต้องให้น้องรองมาเป็นห่วงหรอก"คำว่า 'น้องรอง' นับเป็นการดึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากันให้ห่างจากกันและทำให้สถานะของทั้งสองชัดเจนขึ้นไม่ว่าในอดีตทั้งสองจะเป็นอย่างไร ทว่าบัดนี้ นางคือพี่สะใภ้ของเขา เขาไม่ควรมีความคิดสปรกใดกับนางอีกความเจ็บปวดที่เกาะกุมในใจนั้น ในที่สุดก็ระเบิดออกมาดวงตาของเซียวเหิงเผยสีแดงก่ำออกมาเล็กน้อยเขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว "เนี่ยนเนี่ยน..."แต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนกลับถอยหลังไปหนึ่งก้าวทั้งๆ ที่ระยะห่างของทั้งสองห่างกันขนาดนั้น ทว่าแค่เพียงหนึ่งก้าวนี้ นางกลับไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เลยนาง ต่อต้านเขาถึงเช่นนี้!สองมือใต้แขนเสื้อกำแน่น เขามองใบหน้าที่เย็นชาของนาง และแทบไม่อยากเชื่อเลยว่านางที่ชอบตนในอดีตขนาดนั้น บัดนี้จะไม่ชอบเขาเลยแม้แต่นิดเดียวทันใดนั้น เซียวเหอก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเซียวเหิง"เจ้ามาทำอันใด?" เซียวเหอถามเสียงเข้ม สุ้มเสียงเยือกเย็นดุจน้ำแข็งเขาไม่ได้หยุด ยังคงตรงไปทางเฉียวเนี่ยนต่อไป บนขาทั้งสอง มีจานไม้หนึ่งวางอยู่ ในจานไม้มีขนมอบจัดเรียงไว้ในนั้
ฟังคำตอบเฉียวเนี่ยนแล้ว เซียวเหอไม่รู้ทำไม ถึงได้โล่งใจเล็กน้อย"หากเจ้าปล่อยวางได้ ก็เป็นเรื่องที่ดี"อย่างน้อย นางก็ไม่ต้องเสียใจเพราะไอ้คนเลอะเลือนอย่างเซียวเหิงอีกเฉียวเนี่ยนหยักยิ้มขึ้น หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็เริ่มฝึกต่อ ทว่าจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ กล่าว “ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะไม่ลองฝังเข็มแล้ว!”นางรู้สึกว่าการไปพบเซียวเหิงในตอนนี้ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดนักเซียวเหิงจะหย่าหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับนาง นางไม่อยากให้คนอื่นคิดว่านางคือต้นเหตุของเรื่องนี้เซียวเหอพยักหน้าเล็กน้อย บ่งบอกว่าเห็นด้วยแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ข้าอยากฝังเข็มบนขาของท่านพี่เซียว ไม่ทราบว่าท่านพี่เซียวจะกล้าให้ฝังหรือไม่“ความจริง เรื่องแรงปักของเข็ม ความลึกตื้น และอื่นๆ นางก็เข้าใจดีอยู่แล้วเซียวเหอไหนเลยจะฟังไม่ออก นี่นางกำลังใช้ ‘วิธียั่วยุ’ หรือ?จึงหัวเราะขึ้นมา “หากบอกว่าไม่กล้า ข้าคงขี้ขลาดชัดเจนเกินไป”เฉียวเนี่ยนยิ้มกว้างขึ้น “คงไม่ถึงขนาดนั้น แค่ขี้ขลาดไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง”ขณะพูด นางยังยกนิ้วของตัวเองขึ้นทำท่า “นิดหน่อย” ประกอบเซียวเหอทำได้เพียงหัวเราะเบาๆ อย่างจ
วาจาที่เจือไปด้วยการตำหนิ มันเด่นชัดมากยิ่งแม่เซียวพูดว่า ‘แม้จะจริงใจ‘ ด้วยแล้วเห็นได้ชัดว่า นางก็ไม่ได้เชื่อใจหลินยวนทั้งหมดเช่นกัน...หลินยวนจะฟังไม่ออกได้อย่างไร?เพียงแต่นางก็ไม่กล้าขัดคำแม่เซียว จึงทำได้แค่ร้องไห้ไปพร้อมกับพยักหน้ารับ “เป็นข้าเองที่ไม่ควรทำตามอำเภอใจ...”ฮูหยินหลินยืนอยู่ข้างๆ มองหลินยวนที่มีท่าทางเสียใจ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีพวกเขาย่อมเชื่อว่าหลินยวนบริสุทธิ์อยู่แล้ว แต่ก็รู้ดีว่า เรื่องนี้มันคือความผิดของหลินยวนได้ยินเพียงแม่เซียวพูดว่า "แต่ว่า เจ้าไม่ต้องห่วง แม่จะไม่ให้เหิงเอ๋อร์หย่าเจ้าแน่นอน รอให้เขาหายโกรธก่อน แม่จะให้เขามารับเจ้า"ยังคงเหมือนวาจาเมื่อครู่ทว่า เซียวเหิงจะหายโกรธตอนไหน จะมารับนางเมื่อไหร่ กลับไม่ได้บอกหลินยวนสะอื้นไปพลาง เช็ดน้ำตาไปพลาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นแม่เซียวพูดปลอบใจหลินยวนอีกเล็กน้อยก่อนจะจากไปฮูหยินหลินจึงออกไปส่งแม่เซียวข้างนอกพวกท่านทั้งสองออกไปได้ไม่นาน หลินยวนก็ระเบิดอารมณ์อยู่ในห้องตัวเอง"เป็นเพราะเฉียวเนี่ยน! หากไม่ใช่นาง ท่านพี่เหิงจะเอ่ยเรื่องหย่าขึ้นมาได้ยังไง!" นางตะคอกไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย
วันเวลา ผ่านไปวันแล้ววันเล่าพริบตาเดียวก็หนึ่งเดือนแล้วหนึ่งเดือนผ่านมานี้ เฉียวเนี่ยนไม่เคยย่างก้าวออกจากเรือนของเซียวเหอเลยแม้แต่ก้าวเดียวในทุกๆ วัน นอกจากฝึกขว้างก้อนหินแล้ว บางครั้งนางยังไปอ่านตำราพิชัยสงครามกับเซียวเหอ หรือไม่ก็เล่นหมากล้อมกับเซียวเหอ ชีวิตถือว่าผ่านไปอย่างมีความสุขและเปี่ยมไปด้วยความหมายเซียวเหิงไม่เคยมาอีกหรือพูดให้ถูกคือ นอกจากสาวใช้ที่มาทำความสะอาดทุกวันแล้ว ก็ไม่มีคนนอกเข้ามาที่นี่อีกเลยบางครั้งเฉียวเนี่ยนก็รู้สึกว่า เรือนของเซียวเหอเปรียบเสมือนดินแดนอันสันโดด ที่สามารถตัดขาดความวุ่นวายทั้งปวงจากโลกภายนอกได้อย่างสิ้นเชิงหากเป็นเช่นนี้ได้ตลอดไป คงจะดีไม่น้อย...ทว่า อย่างไรก็ไม่ใช่ดินแดนแห่งความฝันที่แท้จริง...วันนี้ แม่เซียวส่งคนมาถ่ายทอดคำพูด บอกเพียงว่าวันนี้เป็นวันเกิดของพ่อเซียว อยากให้ทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกัน ทานข้าวด้วยกันมื้อหนึ่งนับตั้งแต่เซียวเหอได้รับบาดเจ็บ ตลอดปีมีเพียงวันเกิดพ่อเซียวและแม่เซียวสองวันเท่านั้นที่เขาจะออกไปพบปะทานข้าวร่วมกับครอบครัว ปีนี้ก็ไม่เว้นเช่นกันเพียงแต่เซียวเหอรู้สึกเป็นห่วงเฉียวเนี่ยนเล็กน้อย จึงกล่า
เซียวเหอก็ยกแก้วตาม "ลูกเองก็ขอให้ท่านพ่อมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว"เฉียวเนี่ยนย่อมยกแก้วขึ้นตามเซียวเหอเช่นกันอารมณ์ของพ่อเซียวก็คลายลงไปไม่น้อย ดูแล้วมีความสุขอย่างมาก ทว่าสายตากลับมองไปที่เซียวเหิงลูกสามคน ยกแก้วเหล้าให้สองคน มีเพียงเซียวเหิงคนเดียวที่ไม่ยก ทำให้พ่อเซียวสีหน้าครึมลงอีกครั้งเหมือนจะสัมผัสได้ว่าบรรยากาศเริ่มตึงขึ้นอีกครา เซียวเหิงถึงได้ยกถ้วยเหล้าขึ้นตรงหน้า "ขอให้ท่านพ่ออายุยืนยาว"พ่อเซียวถึงได้ยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง และดื่มเหล้าจนหมดถ้วยแต่เพิ่งดื่มเหล้าหมดก็พูดขึ้นมาอีกว่า "หากเจ้าไม่ทำให้ข้าโกรธ ข้าคงมีอายุยืนยาวได้จริงๆ !"บรรยากาศเย็นลงทันทีแม่เซียวตบพ่อเซียวเบาๆ ด้วยความเคืองพ่อเซียวจึงเพิ่งรู้ตัวว่าคำพูดของตนได้ทำลายบรรยากาศที่เพิ่งจะดีขึ้นไป และอดแสดงสีหน้าอึดอัดออกมาไม่ได้แต่ไม่คิดเลยว่า เซียวเหิงกลับหัวเราะเยาะเสียงเบา "หึ"ความหมายเหยียดหยามชัดเจนทำให้พ่อเซียวระงับความโกรยไม่ไหวทันที "เจ้าหมายความว่าอย่างไร!"เซียวเหิงยังคงมีสีหน้าเย็นชา สุ้มเสียงราบเรียบ "ก็แค่ตัดสินใจทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก็กลายเป็นคนอกตัญญูแล้ว ลูกชายของตระกูลเซีย
“อย่าหุนหันพลันแล่น!” เซียวเหอลงจากม้าเป็นคนแรก พร้อมตะโกนใส่พวกโจรภูเขาเมื่อเห็นรอยเลือดสีแดงฉานปรากฏบนคอของเฉียวเนี่ยน หัวใจของเขาก็พลันบีบรัดเซียวเหิงและหลินเย่ว์รีบลงจากม้าตามมาติดๆสีหน้าของเซียวเหิงดูมืดมนอย่างยิ่ง และกำหมัดแน่นเขาโกรธตัวเองที่ยามนั้นทำไมไม่กำจัดพวกโจรภูเขาให้หมดสิ้น ปล่อยให้เฉียวเนี่ยนตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ได้ยิ่งโกรธตัวเองที่หลงกลพวกโจรภูเขา!หลินเย่ว์มองเฉียวเนี่ยนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน จิตใจว้าวุ่น เขาตะโกนเสียงดัง "พวกเจ้าต้องการอะไร ข้าให้ได้ทุกอย่าง! ปล่อยน้องสาวข้า!"ดวงตาของเฉียวเนี่ยนหม่นหมองนางนึกไม่ถึงว่าหลินเย่ว์จะมาด้วยแล้วพลันพบว่า แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ นางก็ยังไม่อยากเจอหลินเย่ว์ยิ่งไม่อยากได้ยินเขาเรียกนางว่า 'น้องสาว'ตั้งแต่เมื่อใดกันที่นางเกลียดพี่ใหญ่ถึงเพียงนี้?ก่อนที่นางจะครุ่นคิดมากกว่านี้ ก็ได้ยินเสียงของชายที่มีหนวดเคราตะโกนว่า "อยากให้พวกข้าปล่อยคนอย่างนั้นหรือ? ง่ายมาก! เอาหัวของเซียวเหิงมาให้พวกเรา!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวเหอและหลินเย่ว์ก็ตกใจแต่ก็นึกไม่ถึงว่าเซียวเหิงจะชักดาบยาวที่เอวออกมาและวางไว้บนคอของตนโด
ในขณะเดียวกัน ที่แม่น้ำฉางหยาง เฉียวเนี่ยนก็ฟื้นขึ้นมาเมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นชายคนหนึ่งที่มีหนวดเคราเต็มใบหน้ากำลังจ้องมองนางอย่างไม่วางตานางตกใจมาก หันหลังถอยทันที แต่ไม่ทันระวัง พื้นด้านหลังของนางกลับว่างเปล่าไปเสียแล้ว เกือบจะทำให้เธอล้มลงไปในแม่น้ำ แต่ชายที่มีหนวดเคราคนนั้นรีบคว้าแขนของนางไว้พอดี ทำให้นางทรงตัวได้ทันเฉียวเนี่ยนจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่า ข้างหลังของนางคือแม่น้ำกว้างที่ไร้ขอบเขตที่นี่คือแม่น้ำฉางหยาง?ยังไม่ทันที่เฉียวเนี่ยนจะได้ตอบสนองอะไร เสียงจากอีกฝั่งก็ดังขึ้นมา "อย่าขยับ แม่น้ำฉางหยางลึกมาก ถ้าตกลงไปแล้วก็ขึ้นมาได้ยาก!"เฉียวเนี่ยนมองไปที่ชายที่พูด เขาดูไม่เกินสิบเจ็ดสิบแปดปี ยังเป็นเพียงแค่หนุ่มวัยรุ่นขณะนี้เขากำลังเช็ดดาบยาวในมืออย่างตั้งอกตั้งใจเฉียวเนี่ยนเริ่มนึกบางอย่างออกนางปลอมตัวเป็นบ่าวหญิง หลบหนีออกจากเรือนอย่างลับ ๆ ผ่านการหลอกลวงองครักษ์ทั้งในและนอกเรือนแต่กลับมาพบกับชายสองคนนี้ระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นชายที่มีหนวดเคราคนนี้ที่จำนางได้เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วและถามขึ้น "พวกเจ้าคือโจรภูเขาจากหยงเป่ยใช่ไหม?"พวกเขาคือคนที่ฆ่าจิ่งเหยียน!ช
เซียวชิงหน่วนตกใจจนแทบขาดสติ ดวงตาทั้งสองแดงบวม พอเห็นเซียวเหอ นางก็แทบจะร้องไห้ออกมาในทันที แต่พอเห็นเซียวเหิงกับหลินเย่ว์ น้ำตาที่จวนจะไหลกลับกลั้นเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ในแววตากลับเผยให้เห็นความตระหนกยิ่งกว่าเดิม "พวกท่านมาทั้งหมดได้อย่างไร? แล้วเนี่ยนเนี่ยนเล่า? เป้าหมายของโจรภูเขาคือเนี่ยนเนี่ยนนะ!"อีกฝ่ายมีเพียงสองคน หลังจากมัดนางไว้ที่นี่ ก็รีบร้อนออกไปหาเฉียวเนี่ยนทันที!นางก็เป็นเพียงแค่เหยื่อล่อ ที่ถูกใช้ลวงเซียวเหิงให้ออกจากเรือนที่อยู่นอกเมืองหลวงเท่านั้น!ล่อเสือออกจากถ้ำ!เซียวเหิงหันหลังแล้วรีบจากไปทันที!ความหวาดกลัวในใจได้กลืนกินเขาไปหมดแล้วที่ผ่านมาก็มัวแต่วกวนอยู่กับรอยสักหัวเสือนั่นจนไม่ทันคิดกลัวว่าเมื่อหน่วนหน่วนตกอยู่ในมือโจรภูเขา นางจะต้องถูกทรมานอย่างโหดร้าย จึงรีบรุดมาด้วยความไม่ทันไตร่ตรอง!เซียวเหอก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน แต่ในใจก็ยังแอบมีความหวังอยู่บ้างคนที่ซุนเซี่ยนส่งมา ล้วนเป็นยอดฝีมือจากในกองทัพ ยังรวมกับคนของเขาช่วยกันเฝ้าอยู่หน้าจวนของเซียวเหิงหากโจรภูเขาบุกเข้าไปในจวนเซียวเหิงจริง อย่างน้อยคนของเขาก็คงพอถ่วงเวลาไว้ได้บ้างอย่างน้อย ก็
เมื่อเฉียวเอ๋อร์กลับมา ฮุ่ยเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ด้านนอกห้องแล้วห้องของเฉียวเนี่ยนปิดสนิท ชวนให้ผู้คนสงสัย "ฮูหยินเล่า?"ฮุ่ยเอ๋อร์ตอบอย่างเยือกเย็น "ฮูหยินบอกเมื่อครู่ว่ารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย จึงล้มตัวนอนพักแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะมองประตูห้องอย่างแปลกใจ "ฮูหยินไม่สบายหรือ? ให้ข้าไปตามหมอมาดูหรือไม่?"ฮุ่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ส่ายหน้า "น่าจะเป็นเพราะเมื่อคืนพักผ่อนไม่เพียงพอกระมัง เจ้าอย่าคิดมากเลย ปล่อยให้ฮูหยินพักผ่อนเถอะ"แต่เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของฮุ่ยเอ๋อร์ เฉียวเอ๋อร์กลับเริ่มระแวง นางดูออกว่าสีหน้าของฮุ่ยเอ๋อร์นั้นไม่เป็นธรรมชาติราวกับเพิ่งตระหนักอะไรขึ้นมา นางจึงกดเสียงให้เบาลง "หรือว่าเกิดเรื่องกับฮูหยินขึ้นแล้ว?"ฮุ่ยเอ๋อร์ไม่คิดว่าเฉียวเอ๋อร์จะจับพิรุธได้ทันที สายตาก็พลันหลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว "ไม่ ไม่มีอะไร เจ้าอย่าคิดมากไปเลย"แต่เฉียวเอ๋อร์ไม่เชื่อ นางยื่นถ้วยน้ำเชื่อมที่ถืออยู่ให้ฮุ่ยเอ๋อร์ แล้วก็หันกลับไปเคาะประตู "ฮูหยิน บ่าวเข้าไปได้หรือไม่เจ้าคะ?"ไม่มีแม้แต่คำตอบ เฉียวเอ๋อร์จึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไปภายในห้อง ไร้ซึ่งเงาของเฉียวเนี่ยน"เ
แต่รอยยิ้มในตอนนี้กลับดูเหมือนเป็นการฝืนยิ้มเมื่อเห็นว่าไม่สามารถปิดบังเฉียวเนี่ยนได้ เซียวเหิงจึงยอมปริปาก "หน่วนหน่วนหายตัวไป""อะไรนะ?!" เฉียวเนี่ยนตกตะลึง ความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรงเข้ามาครอบงำนาง"หน่วนหน่วนหายตัวไปหรือ? ตั้งแต่เมื่อใดกัน?""ครึ่งชั่วยามก่อน""เช่นนั้นท่านยังไม่ไปออกตามหาหน่วนหน่วนอีกรึ เหตุใดถึงยังอยู่ที่นี่!" เฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะโวยวายออกมาด้วยความตื่นตระหนก "หากนางตกไปอยู่ในเงื้อมือของพวกโจรภูเขาจะทำอย่างไร!"ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเซียวเหิงก็เคร่งเครียดขึ้นเขามองไปยังนาง ดวงตาฉายแววเย็นชา "เจ้ารู้ได้อย่างไร ว่าเป็นพวกโจรภูเขา?""คราวก่อนท่านพูดเองนี่ ว่าพวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวง" เฉียวเนี่ยนพูด จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก "อีกอย่าง ตอนนี้เรื่องที่ว่าข้ารู้ได้อย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่ท่านต้องใส่ใจหรือ? หากว่าหน่วนหน่วนตกไปอยู่ในเงื้อมือของโจรภูเขาจริง ๆ ต้องจบไม่สวยแน่! ท่านรีบไปตามหานางเถอะ!"เซียวเหิงรู้สึกสั่นไหวในใจหน่วนหน่วนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขา เขาจะไม่เป็นห่วงนางได้อย่างไร?เพื่อปล้นสะดมทรัพย์สินแล้ว พวกโจรภูเขาเหล
ก็แค่ข่าวนั้น เซียวเหอก็ยังให้จี้เยว่หาคนไปปิดเอาไว้ก่อนไม่ว่าจะอย่างไร ในใจของเขา ความปลอดภัยของเนี่ยนเนี่ยนก็ยังคงมาเป็นอันดับแรกเสมอเขาไม่มีวันจะยอมเอาเนี่ยนเนี่ยนไปเสี่ยงอันตราย เพียงเพราะต้องการสร้างผลงานชื่อเสียงแต่พอจี้เยว่เพิ่งจะปิดข่าวลงได้ ซุนเซี่ยนก็กลับส่งคนออกไปแพร่ข่าวไปทั่วอีก จนในที่สุด ข่าวลือในเมืองหลวงก็ยิ่งลุกลามใหญ่โตจี้เยว่รู้สึกขุ่นเคือง "คุณชายใหญ่ ซุนเซี่ยนนี่มันไม่ได้เห็นค่าชีวิตของนายหญิงน้อยใหญ่ของพวกเราเลยสักนิด!"พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยนั้นล้วนแต่เป็นพวกโหดเหี้ยมอำมหิต หัวหน้าของพวกมันตายไปแล้วยังกล้าลงมาหาเรื่องตระกูลเซียวถึงเมืองหลวง ดูจากแค่นี้ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่พวกที่จะไปยุ่งด้วยง่าย ๆหากนายหญิงน้อยใหญ่ตกอยู่ในมือของพวกมัน ใครจะรู้ว่านางจะต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหนเซียวเหอสีหน้าหม่นลงเล็กน้อยตั้งแต่ซุนเซี่ยนมาหาเขา เขาก็รู้แล้วว่าซุนเซี่ยนกำลังคิดแผนการอะไรอยู่ ในตอนนั้นเขาก็เอ่ยถามขึ้นว่า "แล้วทางเหิงเอ๋อร์ล่ะ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?""คุณชายรองไม่ได้ไปที่ค่ายทหารเลยตั้งแต่เมื่อวาน อยู่แต่ในเรือนฝั่งอื่นตลอดวัน คงจะเดาได้แล้วว่าพวกโจรภูเขาจะม
ข่าวลืองั้นหรือ?เซียวเหอคิดในใจว่าเป็นไปได้สูง ที่จะเป็นเรื่องที่เขาสั่งให้จี้เยว่ทำเมื่อคืนเขาขมวดคิ้วและถามกลับ "ใต้เท้าซุน นี่คือเหตุผลที่ท่านมาวันนี้หรือ?"แต่แล้วก็ได้ยินซุนเซี่ยนลดเสียงลงเอ่ยว่า "ท่านรู้หรือไม่ว่า พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ย ปรากฏตัวอยู่ในเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้?"พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยหรือ?เซียวเหอตะลึง "นี่เป็นข้อมูลของเมื่อไหร่กัน?""ไม่กี่วันก่อนหน้านี้น่ะสิ! แม่ทัพเซียวก็รู้ ไม่เช่นนั้นบาทก็ไม่มีทางให้ข้าใช้ข้ออ้างนั้นหรอก!"เพียงแต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ราษฎรแตกตื่น เรื่องนี้จึงยังไม่ได้แพร่ออกไป อย่าว่าแต่เซียวเหอเลย ต่อให้เป็นเหล่าขุนนางในราชสำนัก ก็ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้คำพูดของซุนเซี่ยน เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจของเซียวเหอในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าเหตุใดเฉียวเนี่ยนถึงให้คนส่งข่าว แพร่เรื่องที่นางถูกเซียวเหิงกักขังออกไปนางไม่ได้ต้องการให้ฮ่องเต้ช่วยนางด้วยซ้ำ ข่าวคราวเหล่านั้น นางจงใจแพร่ไปให้พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยได้ยิน!ก่อนหน้านี้ เซียวเหิงเคยนำทัพปราบปรามพวกโจรภูเขาจนรังโจรภูเขาของพวกมันพินาศย่อยยับ บัดนี้พวกมันปรากฏตัวในเมืองหลวง ยากนักท
อีกด้านหนึ่ง เซียวเหอก็ได้รับข่าวคราวมาแล้วแต่จี้เยว่กลับไม่เข้าใจ "เหตุใดนายหญิงน้อยใหญ่ถึงต้องการให้พวกเราแพร่ข่าวคราวของนางออกไป? ต่อให้คนทั้งเมืองหลวงรู้เรื่องแล้วอย่างไร? มาถึงขั้นนี้แล้ว คุณชายรองคงไม่สนใจคำพูดคนรอบข้างแล้วมิใช่หรือขอรับ?"เซียวเหอเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันหรือเนี่ยนเนี่ยนต้องการให้คำพูดของพวกชาวบ้านทำให้เรื่องนี้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ฮ่องเต้ทรงบีบบังคับเซียวเหิง ให้ปล่อยตัวนางออกมา?อย่างไรเสีย การแย่งชิงสะใภ้ใหญ่ ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับของโลกภายนอกอยู่แล้วหากเหล่าขุนนางร่วมมือกันเล่นงานเซียวเหิง ย่อมถึงขั้นที่แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้แต่ว่า...ความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จนั้น เรียกได้ว่าเล็กน้อยจนแทบจะเป็นศูนย์ยังไม่ต้องพูดถึงว่า ตอนที่พวกเขาแพร่ข่าวจนทั่วทั้งเมืองนั้น เซียวเหิงก็ต้องใช้อำนาจของตนเองในการปิดเรื่องนี้ให้เงียบลงแม้จะเล็ดรอดไปถึงหูฮ่องเต้ แต่ด้วยนิสัยของเซียวเหิง เพียงคำว่า 'กระหม่อมไม่ทราบเรื่อง' ประโยคเดียว ต่อให้ฮ่องเต้สั่งลงโทษหนัก ใช้ไม้ตีทหารฟาดจนเลือดเนื้อเละเทะ เขาก็อาจไม่ยอมปริปากเลยก็ได้!เมื่อเห็นเซียวเหอไม่กล่าวอันใด จ
ห้องครัวไม่ได้กว้างนัก ตะกร้าใบใหญ่สองใบของพวกชาวสวนก็แทบจะกินพื้นที่ไปไม่น้อย บวกกับบรรดาพ่อครัวและเด็กรับใช้ที่กำลังยุ่งอยู่ภายในครัว ก็ยิ่งทำให้ดูแออัดยิ่งนักเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์จึงยืนรออยู่ด้านนอกของครัวเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้อย่างไรเสีย คนทั้งจวนล้วนเป็นคนที่เซียวเหิงคัดเลือกมาด้วยตนเอง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะพูดคุยกับเฉียวเนี่ยนแม้แต่คำเดียวเฉียวเนี่ยนก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรมากนักในวันนี้ หากแต่ไม่คาดคิดว่า ชาวสวนคนใหม่กลับเดินเข้ามา "ฮูหยิน ท่านดูสิ ผักนี่สดมากเลยขอรับ!"นอกห้องครัว เฉียวเอ๋อร์เห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ก็ขมวดคิ้วทันทีนางจ้องริมฝีปากของชาวสวนเขม็ง นางอ่านปากได้ แม้มิได้อยู่ข้างกายเฉียวเนี่ยน ก็ยังรู้ว่าชาวสวนพูดว่าอะไรเฉียวเนี่ยนก็ชะงักไปเล็กน้อย มองชาวสวนด้วยความแปลกใจ แต่ก็เห็นเพียงสีหน้าใสซื่อจริงใจของอีกฝ่าย หาได้มีพิรุธอันใดไม่แต่เมื่อนางก้มตามอง ก็เห็นบนใบของผักกาดขาวนั้น กลับถูกสลักไว้ด้วยเล็บเป็นตัวอักษรว่า 'เหอ'ชาวสวนคนนี้ เป็นคนของเซียวเหอ!เฉียวเนี่ยนเห็นดังนั้น จึงรับผักกาดขาวใบนั้นมา แล้วก็ปัดใบที่มีตัวอักษรสลักอยู่ออกอย่างแน