สุดท้ายแล้วเรื่องก็แดงขึ้นมาในโถงใหญ่ของตระกูลเซียว ทุกคนมารวมตัวกันเกือบหมด ยกเว้นเฉียวเนี่ยนแม้แต่ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินก็มาด้วยหลินยวนคุกเข่าอยู่กลางโถง น้ำตาไหลอาบแก้ม "ข้าไม่ได้ทำ ท่านพ่อ ท่านแม่ เชื่อข้าเถอะ ข้าไม่ได้ทำจริงๆ นะเจ้าคะ!"เซียวเหอกล่าวเสียงเย็นขณะนั่งอยู่บนรถเข็น "คนที่ถูกจับทุกคนให้การว่าถูกเจ้าสั่งการ เสี่ยวหูลู่เองก็ยืนยันเช่นกัน""แต่ข้าไม่ได้ทำจริงๆ!" หลินยวนร้องไห้สะอึกสะอื้น "ข้ายอมรับว่าข้ากลัว ท่านแม่สามีบอกว่าจะมอบอำนาจการดูแลจวนตระกูลเซียวให้ข้า แต่พี่หญิงกลับใช้เสี่ยวหูลู่มาข่มขู่ข้า ข้ากลัวว่าความผิดที่ข้าเคยทำไปโดยไม่ตั้งใจจะถูกเปิดโปง และแม่สามีจะผิดหวังในตัวข้า ดังนั้นข้าจึงให้เสี่ยวชุ่ยพาเสี่ยวหูลู่ไป! แต่ข้าไม่ได้สั่งให้ฆ่าเขา ข้าแค่ต้องการหาครอบครัวที่ดีให้เขาเท่านั้น!"นางไม่คิดว่าเรื่องจะถูกเปิดโปงเร็วขนาดนี้ และยิ่งไม่คิดว่าเสี่ยวหูลู่จะยังมีชีวิตอยู่!แต่ในเมื่อทุกอย่างถูกเปิดโปงแล้ว นางก็ต้องหาทางโยนความผิดทั้งหมดออกไปให้พ้นตัว!สีหน้าของพ่อเซียวและแม่เซียวเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมเรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว เรื่องที่หลินยวนเคยติดสินบน
ฮูหยินหลินก็รีบเข้ามากอดหลินยวน พลางลูบศีรษะของนางไม่หยุด "ไม่ต้องกลัวนะยวนเอ๋อร์ แม่เชื่อเจ้า! ลูกของแม่ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่!"เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ฮูหยินหลินก็หันไปมองพ่อเซียวและแม่เซียว "ข้าขอรับประกันด้วยชีวิตของข้าเลยว่า ยวนเอ๋อร์ไม่มีทางเป็นคนแบบนั้น! เรื่องในวันนี้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเนี่ยนเนี่ยน หากไม่ใช่เพราะนางคอยใช้เรื่องนี้ข่มขู่ยวนเอ๋อร์ ยวนเอ๋อร์ก็คงไม่ต้อง...""ฮูหยินหลิน!"เซียวเหอส่งเสียงขึ้นขัดคำพูดของฮูหยินหลินกลางคันแม้จะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ความโกรธของเขากลับควบคุมไม่อยู่ "เรื่องวันนี้ ใครที่คิดจะใส่ร้ายเนี่ยนเนี่ยน ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจกัน!"แม้ว่าเซียวเหอจะไม่มีอำนาจในมือแล้ว แต่เขายังมีลูกน้องมากมาย และคำพูดของเขาก็ยังมีน้ำหนักต่อฝ่าบาท ตระกูลโหวไม่มีทางกล้าทำให้เขาโกรธได้แน่ฮูหยินหลินเพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองพูดอะไรออกไปในตอนที่กำลังร้อนใจ นางรีบแก้ตัว "ข้า...ข้าไม่ได้หมายถึงว่าโทษเนี่ยนเนี่ยนนะ ข้าแค่..."แต่เซียวเหอกลับเบือนหน้าหนี ไม่คิดจะมองนางอีกขณะที่หลินยวนกำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของท่านโหวหลิน นางกลับลอบมองไปที่หลินเย่ว์เงียบๆนางไม่เข้า
การตัดสินใจของเซียวเหิงในครั้งนี้ ทำให้ทุกคนตกตะลึงหลินยวนเงยหน้าขึ้นมองเซียวเหิงทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาอันดุดันและเย็นชาของเขา นางก็รีบหลบสายตาอย่างหวาดกลัวนางไม่กล้าแม้แต่จะโต้แย้ง และไม่กล้าสบตาเขาด้วยซ้ำ!ท่านโหวหลินเองก็ตกตะลึงจนเบิกตากว้าง แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมากลับเป็นฮูหยินหลินที่รีบกล่าวเตือนอย่างร้อนรน "เหิงเอ๋อร์ เรื่องนี้ เจ้าอย่าได้หุนหันพลันแล่น!"เซียวเหิงไม่ตอบอะไร มีเพียงดวงตาที่มืดครึ้มลงเรื่อยๆแม่เซียวเห็นท่าไม่ดี รีบลุกขึ้นเดินไปหาฮูหยินหลิน "พวกเจ้าพายวนเอ๋อร์กลับไปพักที่บ้านสักสองวันก่อนเถอะ"กล่าวพลางส่งสายตาให้ฮูหยินหลิน พร้อมลดเสียงลงต่ำ "เหิงเอ๋อร์ยังโกรธอยู่ หากให้ยวนเอ๋อร์อยู่ต่อ เกรงว่าจะไม่ดี"คำพูดของนาง เรียกได้ว่าเป็นการพูดประนีประนอมแล้วไม่ใช่แค่ไม่ดีหรอก!นางกลัวจริงๆ ว่าหากเซียวเหิงโมโหขึ้นมา เขาอาจฆ่าหลินยวนทิ้ง!ฮูหยินหลินเข้าใจความหมายของแม่เซียวทันที เมื่อเห็นแววตาที่น่าหวาดหวั่นของเซียวเหิง ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่พยุงหลินยวนให้ลุกขึ้น ก่อนกล่าวว่า "งะ...งั้นวันนี้พวกเรากลับไปก่อนก็แล้วก
"พวกเขาต่างหากที่บังคับให้ข้าแต่งงาน!"แม่เซียวขมวดคิ้วแน่น นางรู้ดีว่าเซียวเหิงกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยเสียงเรียบว่า "แม่รู้ ว่าลูกยังคงติดใจเรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวในตอนนั้น แต่ลูกอย่าลืมสิ ว่าการหมั้นหมายระหว่างตระกูลเรากับตระกูลหลินนั้นระบุไว้ชัดเจนว่าเจ้าสาวต้องเป็นบุตรสาวสายตรง! ในเมื่อหลินยวนกลับมาแล้ว นางก็คือบุตรสาวสายตรง ลูกก็ควรแต่งงานกับนาง!"ในชั่วขณะนั้น ความรู้สึกหมดหนทางที่ทั้งหนักหน่วงและคุ้นเคยก็ถาโถมเข้าใส่เซียวเหิงราวกับถูกฉุดลงสู่ห้วงลึกที่ไร้ทางหลุดพ้นคำพูดของแม่เซียวแทบไม่ต่างจากเมื่อสามปีก่อนเลยแม้แต่น้อยดังนั้น เขาจึงถามคำถามเดิมที่เคยถามเมื่อสามปีก่อนอีกครั้ง"เหตุใด...ต้องเป็นบุตรสาวสายตรงเท่านั้น?"เหตุใดต้องเป็นเขาที่ต้องแต่งงานกับบุตรสาวสายตรงคนนี้!"เพราะนี่เป็นข้อตกลงที่บรรพบุรุษของทั้งสองตระกูลเป็นผู้กำหนดไว้!" พ่อเซียวกล่าวเสียงหนักแน่น เกือบจะตบโต๊ะด้วยความโมโห "เพราะเจ้าคือบุตรชายสายตรงของตระกูลเซียว!"นี่คือหน้าที่ของเขาในฐานะบุตรชายสายตรงของตระกูลเซียว!บุตรชายสายตรงของตระกูลเซียว ก็ต้องแต่งกับบุตรสาวสายตรงของตระกูลหลิน!มือของเซียวเหิงก
อีกด้านหนึ่ง ทันทีที่เซียวเหอกลับมาถึงเรือน ก็พบว่าหนิงซวงมีสีหน้ากังวลยิ่งนักสายตาของเขาเผลอมองไปทางเรือนของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัว เห็นเพียงประตูหน้าต่างปิดสนิท ราวกับต้องการตัดขาดจากทุกสิ่งเซียวเหออดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปใกล้ ก่อนเอ่ยถามเสียงเบา "นางเป็นอย่างไรบ้าง?"หนิงซวงมองไปยังประตูเรือนที่ปิดสนิทด้วยความกังวลเต็มหัวใจ ก่อนจะตอบว่า "คุณหนูกลับมาแล้วก็ขังตัวเองไว้ในห้อง บ่าวพูดอะไรก็ไม่ตอบเจ้าค่ะ"เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ หนิงซวงก็ลดเสียงลง ก่อนจะกระซิบข้างหูเซียวเหอ "แม้แต่เสียงร้องไห้ก็ไม่ได้ยินเจ้าค่ะ"และนี่แหละคือสิ่งที่น่ากังวลที่สุดหากได้ยินเสียงร้องไห้ อย่างน้อยก็ยังแสดงว่าเฉียวเนี่ยนสามารถระบายอารมณ์ออกมาได้แต่ตอนนี้ นางไม่ร้อง ไม่โวยวาย ปิดกั้นตัวเองจากทุกสิ่ง กลับยิ่งทำให้เป็นห่วงมากกว่าเดิมจี้เยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะถามว่า "หรือให้บ่าวไปเคาะประตูดีขอรับ?"เขาคิดว่าเซียวเหอคงอยากปลอบโยนเฉียวเนี่ยนสักสองสามคำแต่เซียวเหอกลับส่ายศีรษะเล็กน้อย "ปล่อยให้นางอยู่คนเดียวสักพักเถิด"กล่าวจบ เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอีก และหมุนตัวเดินกลับไปยังเรือนของตนเขารู้ดีว่
หัวใจพลันเจ็บปวดขึ้นมาโดยไร้สาเหตุเมื่อนึกถึงว่าเมื่อคืนผู้คนในจวนโหวยอมรับโดยปริยายว่าเมื่อสามปีก่อนพวกเขาเคยใส่ร้ายเฉียวเนี่ยน ไฟโทสะก็ลุกโชนขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ตัวทว่าหนิงซวงกลับกล่าวขึ้น "ก่อนหน้านี้ รองแม่ทัพจิ่งได้ยินว่าคุณหนูของข้าชอบกินไส้ใหญ่หมู เขาจึงไปเรียนทำจากพ่อครัวของหอจุ้ยเซียง ก่อนออกไปปราบโจรยังอุตส่าห์ทิ้งสูตรไว้ให้ ข้าจำได้ขึ้นใจแล้ว เพียงแต่ยังไม่เคยลองทำ"เซียวเหอพยักหน้าเบาๆ เก็บซ่อนเพลิงโทสะในใจลงไปตอนนี้ เรื่องที่น่ากังวลกว่าก็คือเฉียวเนี่ยนเขาจึงหันไปมองจี้เยว่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง "ไปซื้อไส้ใหญ่หมูมา"จี้เยว่รับคำทันที ก่อนจะรีบเดินออกไปเมื่อมองบานประตูที่ปิดสนิท หัวใจของเซียวเหอก็พลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆเขาไม่รู้ว่าไส้ใหญ่หมูจะสามารถทำให้เฉียวเนี่ยนยอมเปิดประตูได้หรือไม่ แต่ก็ควรลองดูสักตั้งไม่นานนัก จี้เยว่ก็กลับมาพร้อมไส้ใหญ่หมูแต่เพราะเขาไม่เคยทำมาก่อน จึงได้แต่ช่วยเป็นลูกมือให้หนิงซวงอยู่ด้านหลังทว่าหนิงซวงเองก็ไม่เคยทำ นางจึงทำได้เพียงลองทำตามสูตรที่รองแม่ทัพจิ่งเขียนทิ้งไว้ทีละขั้นตอนเซียวเหอมองดูทั้งสองคนง่วนอยู่กับอะไรบางอย่าง
กว่าคนทั้งกลุ่มจะล้างเสร็จ ก็ผ่านไปถึงหนึ่งชั่วยามเต็มๆ แล้วหนิงซวงกับจี้เยว่ยุ่งอยู่กับการนำไส้หมูไปต้มในครัว ส่วนเฉียวเนี่ยนก็หยิบก้อนหินเล็กๆ หนึ่งร้อยก้อนขึ้นมา แล้วฝึกปากระทบต้นอูถงเซียวเหอเพียงแค่นั่งดูอยู่ข้างๆ อาจเป็นเพราะแสงแดดวันนี้อบอุ่นเกินไป จนทำให้แค่เพียงเฝ้ามองเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจแต่ไม่คิดว่าเฉียวเนี่ยนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน "ท่านพี่เซียวไม่สงสัยบ้างหรือ?"สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ต้นอูถง แต่ในใจกลับไม่สงบลงเลยคำพูดของเสี่ยวชุ่ยเมื่อวานนั้นสร้างความสะเทือนใจแก่นางอย่างมาก จนทำให้นางต้องใช้เวลานานกว่าจะย่อยความจริงนี้ได้อย่างสมบูรณ์แต่เซียวเหอกับหนิงซวงกลับไม่ถามนางสักคำเดียวเหมือนเพียงแค่เห็นนางออกจากห้องมา พวกเขาก็ดีใจมากแล้ว เรื่องอื่นๆ ดูจะไม่สำคัญอีกเซียวเหอไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะถามเช่นนี้ เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า "หากเจ้าต้องการจะเล่า เจ้าก็จะบอกข้าเอง"แต่หากนางไม่ต้องการเล่า เขาก็จะไม่ถามเฉียวเนี่ยนจึงหันกลับมามองเซียวเหอ มุมปากของนางยกยิ้มกว้างขึ้น "เมื่อวาน ข้าได้รู้ความลับหนึ่งเรื่อง แต่หากข้าเปิดเผยมันออกไป เกรงว่าข้าคงไม่มี
นางยังคงขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น "ไม่มีอะไรน่าดูหรอก ข้าสบายดี ไม่ต้องให้น้องรองมาเป็นห่วงหรอก"คำว่า 'น้องรอง' นับเป็นการดึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากันให้ห่างจากกันและทำให้สถานะของทั้งสองชัดเจนขึ้นไม่ว่าในอดีตทั้งสองจะเป็นอย่างไร ทว่าบัดนี้ นางคือพี่สะใภ้ของเขา เขาไม่ควรมีความคิดสปรกใดกับนางอีกความเจ็บปวดที่เกาะกุมในใจนั้น ในที่สุดก็ระเบิดออกมาดวงตาของเซียวเหิงเผยสีแดงก่ำออกมาเล็กน้อยเขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว "เนี่ยนเนี่ยน..."แต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนกลับถอยหลังไปหนึ่งก้าวทั้งๆ ที่ระยะห่างของทั้งสองห่างกันขนาดนั้น ทว่าแค่เพียงหนึ่งก้าวนี้ นางกลับไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เลยนาง ต่อต้านเขาถึงเช่นนี้!สองมือใต้แขนเสื้อกำแน่น เขามองใบหน้าที่เย็นชาของนาง และแทบไม่อยากเชื่อเลยว่านางที่ชอบตนในอดีตขนาดนั้น บัดนี้จะไม่ชอบเขาเลยแม้แต่นิดเดียวทันใดนั้น เซียวเหอก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเซียวเหิง"เจ้ามาทำอันใด?" เซียวเหอถามเสียงเข้ม สุ้มเสียงเยือกเย็นดุจน้ำแข็งเขาไม่ได้หยุด ยังคงตรงไปทางเฉียวเนี่ยนต่อไป บนขาทั้งสอง มีจานไม้หนึ่งวางอยู่ ในจานไม้มีขนมอบจัดเรียงไว้ในนั้
“อย่าหุนหันพลันแล่น!” เซียวเหอลงจากม้าเป็นคนแรก พร้อมตะโกนใส่พวกโจรภูเขาเมื่อเห็นรอยเลือดสีแดงฉานปรากฏบนคอของเฉียวเนี่ยน หัวใจของเขาก็พลันบีบรัดเซียวเหิงและหลินเย่ว์รีบลงจากม้าตามมาติดๆสีหน้าของเซียวเหิงดูมืดมนอย่างยิ่ง และกำหมัดแน่นเขาโกรธตัวเองที่ยามนั้นทำไมไม่กำจัดพวกโจรภูเขาให้หมดสิ้น ปล่อยให้เฉียวเนี่ยนตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ได้ยิ่งโกรธตัวเองที่หลงกลพวกโจรภูเขา!หลินเย่ว์มองเฉียวเนี่ยนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน จิตใจว้าวุ่น เขาตะโกนเสียงดัง "พวกเจ้าต้องการอะไร ข้าให้ได้ทุกอย่าง! ปล่อยน้องสาวข้า!"ดวงตาของเฉียวเนี่ยนหม่นหมองนางนึกไม่ถึงว่าหลินเย่ว์จะมาด้วยแล้วพลันพบว่า แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ นางก็ยังไม่อยากเจอหลินเย่ว์ยิ่งไม่อยากได้ยินเขาเรียกนางว่า 'น้องสาว'ตั้งแต่เมื่อใดกันที่นางเกลียดพี่ใหญ่ถึงเพียงนี้?ก่อนที่นางจะครุ่นคิดมากกว่านี้ ก็ได้ยินเสียงของชายที่มีหนวดเคราตะโกนว่า "อยากให้พวกข้าปล่อยคนอย่างนั้นหรือ? ง่ายมาก! เอาหัวของเซียวเหิงมาให้พวกเรา!"เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวเหอและหลินเย่ว์ก็ตกใจแต่ก็นึกไม่ถึงว่าเซียวเหิงจะชักดาบยาวที่เอวออกมาและวางไว้บนคอของตนโด
ในขณะเดียวกัน ที่แม่น้ำฉางหยาง เฉียวเนี่ยนก็ฟื้นขึ้นมาเมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นชายคนหนึ่งที่มีหนวดเคราเต็มใบหน้ากำลังจ้องมองนางอย่างไม่วางตานางตกใจมาก หันหลังถอยทันที แต่ไม่ทันระวัง พื้นด้านหลังของนางกลับว่างเปล่าไปเสียแล้ว เกือบจะทำให้เธอล้มลงไปในแม่น้ำ แต่ชายที่มีหนวดเคราคนนั้นรีบคว้าแขนของนางไว้พอดี ทำให้นางทรงตัวได้ทันเฉียวเนี่ยนจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่า ข้างหลังของนางคือแม่น้ำกว้างที่ไร้ขอบเขตที่นี่คือแม่น้ำฉางหยาง?ยังไม่ทันที่เฉียวเนี่ยนจะได้ตอบสนองอะไร เสียงจากอีกฝั่งก็ดังขึ้นมา "อย่าขยับ แม่น้ำฉางหยางลึกมาก ถ้าตกลงไปแล้วก็ขึ้นมาได้ยาก!"เฉียวเนี่ยนมองไปที่ชายที่พูด เขาดูไม่เกินสิบเจ็ดสิบแปดปี ยังเป็นเพียงแค่หนุ่มวัยรุ่นขณะนี้เขากำลังเช็ดดาบยาวในมืออย่างตั้งอกตั้งใจเฉียวเนี่ยนเริ่มนึกบางอย่างออกนางปลอมตัวเป็นบ่าวหญิง หลบหนีออกจากเรือนอย่างลับ ๆ ผ่านการหลอกลวงองครักษ์ทั้งในและนอกเรือนแต่กลับมาพบกับชายสองคนนี้ระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นชายที่มีหนวดเคราคนนี้ที่จำนางได้เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วและถามขึ้น "พวกเจ้าคือโจรภูเขาจากหยงเป่ยใช่ไหม?"พวกเขาคือคนที่ฆ่าจิ่งเหยียน!ช
เซียวชิงหน่วนตกใจจนแทบขาดสติ ดวงตาทั้งสองแดงบวม พอเห็นเซียวเหอ นางก็แทบจะร้องไห้ออกมาในทันที แต่พอเห็นเซียวเหิงกับหลินเย่ว์ น้ำตาที่จวนจะไหลกลับกลั้นเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ในแววตากลับเผยให้เห็นความตระหนกยิ่งกว่าเดิม "พวกท่านมาทั้งหมดได้อย่างไร? แล้วเนี่ยนเนี่ยนเล่า? เป้าหมายของโจรภูเขาคือเนี่ยนเนี่ยนนะ!"อีกฝ่ายมีเพียงสองคน หลังจากมัดนางไว้ที่นี่ ก็รีบร้อนออกไปหาเฉียวเนี่ยนทันที!นางก็เป็นเพียงแค่เหยื่อล่อ ที่ถูกใช้ลวงเซียวเหิงให้ออกจากเรือนที่อยู่นอกเมืองหลวงเท่านั้น!ล่อเสือออกจากถ้ำ!เซียวเหิงหันหลังแล้วรีบจากไปทันที!ความหวาดกลัวในใจได้กลืนกินเขาไปหมดแล้วที่ผ่านมาก็มัวแต่วกวนอยู่กับรอยสักหัวเสือนั่นจนไม่ทันคิดกลัวว่าเมื่อหน่วนหน่วนตกอยู่ในมือโจรภูเขา นางจะต้องถูกทรมานอย่างโหดร้าย จึงรีบรุดมาด้วยความไม่ทันไตร่ตรอง!เซียวเหอก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน แต่ในใจก็ยังแอบมีความหวังอยู่บ้างคนที่ซุนเซี่ยนส่งมา ล้วนเป็นยอดฝีมือจากในกองทัพ ยังรวมกับคนของเขาช่วยกันเฝ้าอยู่หน้าจวนของเซียวเหิงหากโจรภูเขาบุกเข้าไปในจวนเซียวเหิงจริง อย่างน้อยคนของเขาก็คงพอถ่วงเวลาไว้ได้บ้างอย่างน้อย ก็
เมื่อเฉียวเอ๋อร์กลับมา ฮุ่ยเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ด้านนอกห้องแล้วห้องของเฉียวเนี่ยนปิดสนิท ชวนให้ผู้คนสงสัย "ฮูหยินเล่า?"ฮุ่ยเอ๋อร์ตอบอย่างเยือกเย็น "ฮูหยินบอกเมื่อครู่ว่ารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย จึงล้มตัวนอนพักแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะมองประตูห้องอย่างแปลกใจ "ฮูหยินไม่สบายหรือ? ให้ข้าไปตามหมอมาดูหรือไม่?"ฮุ่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ส่ายหน้า "น่าจะเป็นเพราะเมื่อคืนพักผ่อนไม่เพียงพอกระมัง เจ้าอย่าคิดมากเลย ปล่อยให้ฮูหยินพักผ่อนเถอะ"แต่เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของฮุ่ยเอ๋อร์ เฉียวเอ๋อร์กลับเริ่มระแวง นางดูออกว่าสีหน้าของฮุ่ยเอ๋อร์นั้นไม่เป็นธรรมชาติราวกับเพิ่งตระหนักอะไรขึ้นมา นางจึงกดเสียงให้เบาลง "หรือว่าเกิดเรื่องกับฮูหยินขึ้นแล้ว?"ฮุ่ยเอ๋อร์ไม่คิดว่าเฉียวเอ๋อร์จะจับพิรุธได้ทันที สายตาก็พลันหลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว "ไม่ ไม่มีอะไร เจ้าอย่าคิดมากไปเลย"แต่เฉียวเอ๋อร์ไม่เชื่อ นางยื่นถ้วยน้ำเชื่อมที่ถืออยู่ให้ฮุ่ยเอ๋อร์ แล้วก็หันกลับไปเคาะประตู "ฮูหยิน บ่าวเข้าไปได้หรือไม่เจ้าคะ?"ไม่มีแม้แต่คำตอบ เฉียวเอ๋อร์จึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไปภายในห้อง ไร้ซึ่งเงาของเฉียวเนี่ยน"เ
แต่รอยยิ้มในตอนนี้กลับดูเหมือนเป็นการฝืนยิ้มเมื่อเห็นว่าไม่สามารถปิดบังเฉียวเนี่ยนได้ เซียวเหิงจึงยอมปริปาก "หน่วนหน่วนหายตัวไป""อะไรนะ?!" เฉียวเนี่ยนตกตะลึง ความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรงเข้ามาครอบงำนาง"หน่วนหน่วนหายตัวไปหรือ? ตั้งแต่เมื่อใดกัน?""ครึ่งชั่วยามก่อน""เช่นนั้นท่านยังไม่ไปออกตามหาหน่วนหน่วนอีกรึ เหตุใดถึงยังอยู่ที่นี่!" เฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะโวยวายออกมาด้วยความตื่นตระหนก "หากนางตกไปอยู่ในเงื้อมือของพวกโจรภูเขาจะทำอย่างไร!"ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเซียวเหิงก็เคร่งเครียดขึ้นเขามองไปยังนาง ดวงตาฉายแววเย็นชา "เจ้ารู้ได้อย่างไร ว่าเป็นพวกโจรภูเขา?""คราวก่อนท่านพูดเองนี่ ว่าพวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวง" เฉียวเนี่ยนพูด จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก "อีกอย่าง ตอนนี้เรื่องที่ว่าข้ารู้ได้อย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่ท่านต้องใส่ใจหรือ? หากว่าหน่วนหน่วนตกไปอยู่ในเงื้อมือของโจรภูเขาจริง ๆ ต้องจบไม่สวยแน่! ท่านรีบไปตามหานางเถอะ!"เซียวเหิงรู้สึกสั่นไหวในใจหน่วนหน่วนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขา เขาจะไม่เป็นห่วงนางได้อย่างไร?เพื่อปล้นสะดมทรัพย์สินแล้ว พวกโจรภูเขาเหล
ก็แค่ข่าวนั้น เซียวเหอก็ยังให้จี้เยว่หาคนไปปิดเอาไว้ก่อนไม่ว่าจะอย่างไร ในใจของเขา ความปลอดภัยของเนี่ยนเนี่ยนก็ยังคงมาเป็นอันดับแรกเสมอเขาไม่มีวันจะยอมเอาเนี่ยนเนี่ยนไปเสี่ยงอันตราย เพียงเพราะต้องการสร้างผลงานชื่อเสียงแต่พอจี้เยว่เพิ่งจะปิดข่าวลงได้ ซุนเซี่ยนก็กลับส่งคนออกไปแพร่ข่าวไปทั่วอีก จนในที่สุด ข่าวลือในเมืองหลวงก็ยิ่งลุกลามใหญ่โตจี้เยว่รู้สึกขุ่นเคือง "คุณชายใหญ่ ซุนเซี่ยนนี่มันไม่ได้เห็นค่าชีวิตของนายหญิงน้อยใหญ่ของพวกเราเลยสักนิด!"พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยนั้นล้วนแต่เป็นพวกโหดเหี้ยมอำมหิต หัวหน้าของพวกมันตายไปแล้วยังกล้าลงมาหาเรื่องตระกูลเซียวถึงเมืองหลวง ดูจากแค่นี้ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่พวกที่จะไปยุ่งด้วยง่าย ๆหากนายหญิงน้อยใหญ่ตกอยู่ในมือของพวกมัน ใครจะรู้ว่านางจะต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหนเซียวเหอสีหน้าหม่นลงเล็กน้อยตั้งแต่ซุนเซี่ยนมาหาเขา เขาก็รู้แล้วว่าซุนเซี่ยนกำลังคิดแผนการอะไรอยู่ ในตอนนั้นเขาก็เอ่ยถามขึ้นว่า "แล้วทางเหิงเอ๋อร์ล่ะ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?""คุณชายรองไม่ได้ไปที่ค่ายทหารเลยตั้งแต่เมื่อวาน อยู่แต่ในเรือนฝั่งอื่นตลอดวัน คงจะเดาได้แล้วว่าพวกโจรภูเขาจะม
ข่าวลืองั้นหรือ?เซียวเหอคิดในใจว่าเป็นไปได้สูง ที่จะเป็นเรื่องที่เขาสั่งให้จี้เยว่ทำเมื่อคืนเขาขมวดคิ้วและถามกลับ "ใต้เท้าซุน นี่คือเหตุผลที่ท่านมาวันนี้หรือ?"แต่แล้วก็ได้ยินซุนเซี่ยนลดเสียงลงเอ่ยว่า "ท่านรู้หรือไม่ว่า พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ย ปรากฏตัวอยู่ในเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้?"พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยหรือ?เซียวเหอตะลึง "นี่เป็นข้อมูลของเมื่อไหร่กัน?""ไม่กี่วันก่อนหน้านี้น่ะสิ! แม่ทัพเซียวก็รู้ ไม่เช่นนั้นบาทก็ไม่มีทางให้ข้าใช้ข้ออ้างนั้นหรอก!"เพียงแต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ราษฎรแตกตื่น เรื่องนี้จึงยังไม่ได้แพร่ออกไป อย่าว่าแต่เซียวเหอเลย ต่อให้เป็นเหล่าขุนนางในราชสำนัก ก็ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้คำพูดของซุนเซี่ยน เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจของเซียวเหอในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าเหตุใดเฉียวเนี่ยนถึงให้คนส่งข่าว แพร่เรื่องที่นางถูกเซียวเหิงกักขังออกไปนางไม่ได้ต้องการให้ฮ่องเต้ช่วยนางด้วยซ้ำ ข่าวคราวเหล่านั้น นางจงใจแพร่ไปให้พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยได้ยิน!ก่อนหน้านี้ เซียวเหิงเคยนำทัพปราบปรามพวกโจรภูเขาจนรังโจรภูเขาของพวกมันพินาศย่อยยับ บัดนี้พวกมันปรากฏตัวในเมืองหลวง ยากนักท
อีกด้านหนึ่ง เซียวเหอก็ได้รับข่าวคราวมาแล้วแต่จี้เยว่กลับไม่เข้าใจ "เหตุใดนายหญิงน้อยใหญ่ถึงต้องการให้พวกเราแพร่ข่าวคราวของนางออกไป? ต่อให้คนทั้งเมืองหลวงรู้เรื่องแล้วอย่างไร? มาถึงขั้นนี้แล้ว คุณชายรองคงไม่สนใจคำพูดคนรอบข้างแล้วมิใช่หรือขอรับ?"เซียวเหอเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันหรือเนี่ยนเนี่ยนต้องการให้คำพูดของพวกชาวบ้านทำให้เรื่องนี้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ฮ่องเต้ทรงบีบบังคับเซียวเหิง ให้ปล่อยตัวนางออกมา?อย่างไรเสีย การแย่งชิงสะใภ้ใหญ่ ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับของโลกภายนอกอยู่แล้วหากเหล่าขุนนางร่วมมือกันเล่นงานเซียวเหิง ย่อมถึงขั้นที่แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้แต่ว่า...ความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จนั้น เรียกได้ว่าเล็กน้อยจนแทบจะเป็นศูนย์ยังไม่ต้องพูดถึงว่า ตอนที่พวกเขาแพร่ข่าวจนทั่วทั้งเมืองนั้น เซียวเหิงก็ต้องใช้อำนาจของตนเองในการปิดเรื่องนี้ให้เงียบลงแม้จะเล็ดรอดไปถึงหูฮ่องเต้ แต่ด้วยนิสัยของเซียวเหิง เพียงคำว่า 'กระหม่อมไม่ทราบเรื่อง' ประโยคเดียว ต่อให้ฮ่องเต้สั่งลงโทษหนัก ใช้ไม้ตีทหารฟาดจนเลือดเนื้อเละเทะ เขาก็อาจไม่ยอมปริปากเลยก็ได้!เมื่อเห็นเซียวเหอไม่กล่าวอันใด จ
ห้องครัวไม่ได้กว้างนัก ตะกร้าใบใหญ่สองใบของพวกชาวสวนก็แทบจะกินพื้นที่ไปไม่น้อย บวกกับบรรดาพ่อครัวและเด็กรับใช้ที่กำลังยุ่งอยู่ภายในครัว ก็ยิ่งทำให้ดูแออัดยิ่งนักเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์จึงยืนรออยู่ด้านนอกของครัวเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้อย่างไรเสีย คนทั้งจวนล้วนเป็นคนที่เซียวเหิงคัดเลือกมาด้วยตนเอง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะพูดคุยกับเฉียวเนี่ยนแม้แต่คำเดียวเฉียวเนี่ยนก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรมากนักในวันนี้ หากแต่ไม่คาดคิดว่า ชาวสวนคนใหม่กลับเดินเข้ามา "ฮูหยิน ท่านดูสิ ผักนี่สดมากเลยขอรับ!"นอกห้องครัว เฉียวเอ๋อร์เห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ก็ขมวดคิ้วทันทีนางจ้องริมฝีปากของชาวสวนเขม็ง นางอ่านปากได้ แม้มิได้อยู่ข้างกายเฉียวเนี่ยน ก็ยังรู้ว่าชาวสวนพูดว่าอะไรเฉียวเนี่ยนก็ชะงักไปเล็กน้อย มองชาวสวนด้วยความแปลกใจ แต่ก็เห็นเพียงสีหน้าใสซื่อจริงใจของอีกฝ่าย หาได้มีพิรุธอันใดไม่แต่เมื่อนางก้มตามอง ก็เห็นบนใบของผักกาดขาวนั้น กลับถูกสลักไว้ด้วยเล็บเป็นตัวอักษรว่า 'เหอ'ชาวสวนคนนี้ เป็นคนของเซียวเหอ!เฉียวเนี่ยนเห็นดังนั้น จึงรับผักกาดขาวใบนั้นมา แล้วก็ปัดใบที่มีตัวอักษรสลักอยู่ออกอย่างแน