ท่านโหวหลินรู้สึกว่าเป็นลางร้ายเลยอดตวาดไม่ได้ "จะร้องไห้หาอะไร? การแบ่งเบาภาระราชสำนักนับว่าเป็นเกียรติของจวนโหว! เป็นเกียรติของเนี่ยนเนี่ยน!"ขณะพูด ท่านโหวหลินก็หันมองเฉียวเนี่ยนและพูดด้วยเสียงทุ้ม "จำไว้ให้ดี ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น หมิงอ๋องสำคัญที่สุด หากท่านหมิงอ๋องไม่ได้กลับมา เจ้าเองก็...""ท่านโหว!" ฮูหยินหลินตวาดใส่ ขัดจังหวะพูดของท่านโหวหลินท่านโหวหุบปากเงียบอย่างหงุดหงิด ทว่าเฉียวเนี่ยนรู้ว่าท่านโหวหลินจะพูดอะไรเขาอยากพูดว่าหากท่านหมิงอ๋องไม่ได้กลับมา นางเองก็จะไม่ได้กลับมาเช่นกัน!ซึ่งก็จริง นางออกมาจากกรมซักล้างได้ก็เพราะจวนโหวต้องการให้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับหมิงอ๋องหากหมิงอ๋องตาย นางก็จะไม่มีประโยชน์กับจวนโหวอีกเฮอะ!เมื่อก่อนปากก็เอาแต่พูดว่าเห็นนางเป็นเหมือนลูกแท้ๆ ของท่านโหวหลิน สุดท้ายก็พูดความในใจออกมาจนได้!รู้สึกเศร้าขึ้นมาในใจนางหันมองท่านโหวหลิน นึกถึงสมัยเด็กที่ตนเองขี่คอเขาชมดาวบนท้องฟ้า ความเจ็บปวดขมขื่นใจยิ่งรู้สึกชัดขึ้นมาไม่อยากจะอยู่ร่วมชายคากับพวกเขาแล้วเฉียวเนี่ยนลุกขึ้นมา "ข้าขอออกไปสูดอากาศหน่อย"พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกตอนเด
หลินยวนลงมือได้รวดเร็ว เฉียวเนี่ยนเกือบจะถูกลากลงไปในสระบัวทว่าเฉียวเนี่ยนกลับใช้เท้าขวายันราวสะพานหินทันอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด นางออกแรงโน้มตัวไปด้านหลัง แขนก็ถูกดึงไปด้านหลังด้วยเช่นกันส่วนหลินยวนซึ่งหลังได้แตะกับผิวน้ำแล้ว ก็ถูกเฉียวเนี่ยนดึงกลับขึ้นมาทั้งอย่างนั้นทว่าขาสองข้างของหลินยวนกลับอ่อนยวบ ทันใดนั้นก็คุกเข่าลงตรงหน้าเฉียวเนี่ยน น้ำตาไหลพรากอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่เฉียวเนี่ยนสะบัดมือของหลินยวนออกและถอยห่างออกไปสองก้าวอย่างรังเกียจแผลที่ถูกเต๋อกุ้ยเฟยลวกตรงไหล่ขวาก็ปวดขึ้นมามองหลินยวนร้องไห้จนควบคุมตัวเองไม่ได้ นางปวดแผลจนอดไม่ได้ที่จะตวาดใส่ "ชาติก่อนฉันไปทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้เจ้าถึงได้ตามจองล้างจองผลาญข้า! ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้หลินยวน ข้ากับเจ้าไม่ได้สนิทกัน ถ้าเจ้าอยากตายนักก็ไปตายให้พ้นๆ ข้า!"คนในเรือนพอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็กรูกันออกมาหลังจากเห็นเหตุการณ์บนสะพานหิน ฮูหยินหลินก็สะดุ้งตกใจจนรีบวิ่งเข้ามา "เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น? ยวนเอ๋อร์...""หยุดอยู่ตรงนั้น!" เฉียวเนี่ยนตวาด หันไปมองฮูหยินหลินด้วยแววตาลุกโฉนฮูหยินหลินไม่เคยเห็นเฉียวเนี่ยนโมโหขนาดนี้ นางตกตะลึง
เพียงเสี้ยววินาที เฉียวเนี่ยนจู่ๆ ก็คว้าคอเสื้อของนางไว้ กระชากนางให้ลุกขึ้นมาไม่รอให้นางได้ทันตั้งตัวก็ผลักนางลงไปในบ่อบัวอย่างแรง"กรี๊ด!"เสียงกรีดร้อง พร้อมกับเสียงวัตถุบางอย่างตกน้ำดังขึ้น หลินยวนถูกเฉียวเนี่ยนผลักลงบ่อบัวภายใต้สายตาของทุกคนทุกคนตกตะลึง ใครต่างก็คาดไม่ถึงว่าเฉียวเนี่ยนจู่ๆ จะทำแบบนี้แต่ละคนยืนอยู่ขอบสระบัวมองหลินยวนหลินยวนตะเกียกตะกายในบ่อบัวเห็นเพียงเฉียวเนี่ยนค่อยๆ หันไปมองเซียวเหิงเขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับแม้แต่ก้าว ไม่มีท่าทีจะเข้าไปช่วยเลยในดวงตาสีดำของเขาสะท้อนให้เห็นเพียงแต่เงาของเฉียวเนี่ยนชิ ไม่เข้ามาช่วยงั้นหรอ?เฉียวเนี่ยนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็เผยอยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา จากนั้นก็เหลือบหันมองหลินยวนที่กำลังทุรนทุรายก่อนจะหันหน้าไปทางริมฝั่งขณะเดินผ่านฮูหยินหลิน เฉียวเนี่ยนก็พูดอย่างเรียบเฉย "บ่อน้ำถึงแม้จะตื้น แต่ก็จมน้ำตายได้"ฮูหยินหลินราวกับได้สติกลับมา รีบตะโกนเรียกคนให้ช่วยหลินยวนส่วนเฉียวเนี่ยนมองตรงเดินกลับไปที่ห้อง ไม่แม้แต่จะแลท่านโหวหลินที่ยืนอยู่นอกห้องหนิงซวงเอาชาร้อนมาให้ เฉียวเนี่ยนรับถ้วยชามาและนั่งลง พอสัมผัสได
อันที่จริงเฉียวเนี่ยนไม่อยากจะรื้อฟื้นความหลัง ในสายตาของหลินยวน เฉียวเนี่ยนถูกเลี้ยงเอ็นดูเอาใจใส่มา 15 ปีแต่สำหรับเฉียวเนี่ยน ช่วงเวลาความสุขตลอด 15 ปีนั้น ตอนนี้เป็นเพียงแค่คมดาบ ขอแค่นึกถึง มันก็จะเฉือนอย่างแรงบนหัวใจของนางนางบาดเจ็บไปทั้งตัว นางไม่อยากให้หัวใจต้องบอบช้ำตามทว่าตอนนี้ประตูแห่งความทรงจำได้เปิดออก ภาพแห่งความสุขในอดีตทะลักเข้ามาเหมือนสายน้ำดวงตาเฉียวเนี่ยนแดงระเรื่อขึ้นมาทันที จมูกรู้สึกระคายเคืองอย่างมากแต่นางก็ไม่อยากให้ท่านโหวหลินได้เห็นสภาพของนางนางเลยก้มหน้า ราวกับกำลังพิเคราะห์ถ้วยชาในมือ ทำเหมือนไม่มีอะไรทว่านางก็อดไม่ได้ที่จะถามกลับ "หากหลินยวนไม่เคยมีตัวตน หากข้ายังคงเป็นบุตรสาวของจวนโหว ท่านโหวหลินยังคงจะแลกเปลี่ยนตัวข้ากับท่านหมิงอ๋องอยู่ไหม?"สิ้นเสียงอันแผ่วเบา กลับเป็นความเงียบชั่วอึดใจอันที่จริงเฉียวเนี่ยนรู้สึกเสียใจหลังจากถามนางรู้สึกว่าตัวเองน่าขำทำไมนางต้องตามหาคำตอบกับเรื่องสมมุติด้วย?หลินยวนมีตัวตน นางเองก็ไม่ใช่บุตรสาวจวนโหวอีกต่อไป แน่นอนท่านโหวหลินไม่ได้เสียดายชีวิตของนางเพื่อเอาไปแลกกับเกียรติยศของจวนโหว!ขณะครุ่นคิด มุ
ผู้ดูแลราชธานีชะงัก "เขาปู้โจวห่างออกไปไกลเป็นสิบลี้ ถ้าแลกเปลี่ยนตัวประกันตอนยามจึ เกรงว่าคงจะไม่ทันการ!""ออกเดินทางตอนนี้ รีบเร่งเดินทางก็คงจะยังทัน" เฉียวเนี่ยนกล่าวเสียงทุ้มต่ำแต่ว่าในวังยังไม่ทราบข่าวหนิงซวงก้าวออกมาอย่างอดไม่ได้ "คุณหนู บ่าวจะไปกับท่านด้วย! บ่าวแข็งแรง อย่างน้อยก็ปกป้องคุณหนูยามขับขันได้!"จะให้คุณหนูไปคนเดียวได้ยังไง!เฉียวเนี่ยนรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา ยื่นมือออกไปลูบใบหน้าของหนิงซวง "โจรภูเขาพวกนั้นโหดเหี้ยมอำมหิต เจ้าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว หากตกไปอยู่เงื้อมมือพวกมัน ผลที่ตามมาคงยากจะจินตนาการ เชื่อข้า เจ้าอยู่ที่จวน""แต่...คุณหนูเองก็เป็นผู้หญิง!" หนิงซวงร้องห่มร้องไห้ ท่านโหวหลินรู้สึกราวกับฆ้อนหนักๆ ทุบลงมากระแทกหัวใจใช่ เนี่ยนเนี่ยนเองก็เป็นผู้หญิง!หากผู้หญิงตกไปอยู่ในเงื้อมมือพวกมันจะลงเอยเยี่ยงไร?สำหรับคำถามนี้ ใช่ว่าท่านโหวหลินไม่เคยคิดมาก่อนเพียงแต่...หมิงอ๋องต้องห้ามเป็นอะไรไปเป็นอันขาด!ในตอนนั้นคนจากวังก็มาถึงเป็นขันทีทั้งหมดห้าคน รูปร่างแต่ละคนผอมบาง มีสองคนดูผอมกว่าเฉียวเนี่ยนอีกขนาดเฉียวเนี่ยนยังสงสัย พวกเขาจะคุ้มกันหมิงอ๋องได
เฉียวเนี่ยนเดิมก็กลัวอยู่แล้วยิ่งสติหลุดเข้าไปใหญ่ตอนมาถึงตีนเข้า เสี่ยวลู่จึยังตามหลังนางมาอยู่เลย รอบด้านเงียบสงัด แต่ทำไมน่ากลัวขนาดนี้ นางไม่ได้ยินอะไรสักนิดเลย เสี่ยวลู่จึจู่ๆ ทำไมก็หายไปแล้ว?ทันใดนั้นก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังมาจากในป่าตามมาด้วยเงาของคน พริบตาก็ห้อมล้อมเฉียวเนี่ยนเอาไว้ทั้งหมดสามคนล้วนปิดบังใบหน้าเป็นโจรภูเขาที่ลักพาตัวหมิงอ๋อง!พวกโจรภูเขาจ้องมองเฉียวเนี่ยน หนึ่งในนั้นเหลือบมองม้าด้านหลังของเฉียวเนี่ยน อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วสงสัย "อีกคนล่ะ?"เฉียวเนี่ยนแม้จะตื่นตระหนก แต่นางยังคงหัวไว รีบแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและถามกลับไป "อีกคนอะไร?""นังตัวดี! ตีหน้าซื่องั้นหรอ!" โจรภูเขาอีกคนโมโหขึ้นมา "เจ้าคนเดียวจะขี่ม้าสองตัวได้ยังไง?"เฉียวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึก พยายามสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูด "ข้าขี่ม้าสองตัวไม่ได้อยู่แล้ว แต่ม้าตัวนั้นสำหรับท่านอ๋อง"พอพวกโจรภูเขาได้ยินก็มองตากัน จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา"เจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะได้กลับไปงั้นหรอ?""พี่สาม นังนี่กล้ามาคนเดียว ไม่เห็นพวกเราในสายตาเลยรึยังไง?"ชายที่ถูกเรียกว่าพี่สามหัวเราะเยาะ "จะมาเพิ่มอีกสักกี่คนแล้วย
รอยแผลเป็นขวางเป็นทางบนแขนทำให้พวกโจรภูเขาตกใจเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนเดียว อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ดูสูงศักดิ์จะมีแผลบนตัวมากมายขนาดนี้ทันใดนั้นสายตาที่มองเฉียวเนี่ยนก็ดูเวทนาขึ้นมาส่วนหมิงอ๋องยังคงรู้สึกตื่นเต้น "พวกเจ้าดูสิ นางมันทนมือทนเท้า! พวกเจ้าพานางไปหาหัวหน้าพวกเจ้าเถอะ เขาจะต้องพอใจ! ปล่อยข้าซะ ขอร้องปล่อยข้าไปเถอะ..."แต่ใครจะรู้ มีดสั้นเล่มนั้นถูกโยนมาไว้ตรงหน้าของเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกตะลึงเงยหน้ามองพี่สาม เห็นเพียงพี่สามมองนางอย่างเย็นชา "จับตัวไอลูกหมานี่ได้มาโดยบังเอิญ เดิมก็อยากจะหยั่งเชิงความคิดของฝ่าบาท แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทไม่ได้สนใจบุตรชายของเขาคนนี้เลย เจ้าอยู่กับมันไปก็ไม่มีอะไรดี ฆ่ามันซะ แล้วไปกับพวกเรา"หมิงอ๋องคาดไม่ถึงว่าโจรภูเขาจะตัดสินใจเช่นนี้ เขากระเสือกกระสนถอนไปข้างหลังอย่างหวาดกลัว "พวก พวกเจ้าตกลงกับข้าว่าถ้าข้ายกนางให้พวกเจ้า พวกเจ้าจะปล่อยข้าไป!"โจรภูเขาข้างๆ คนหนึ่งหัวเราะเยาะขึ้นมา "หาสัจจะในหมู่โจรหรอ? ท่านอ๋องคนนี้คงจะสมองไม่ค่อยดี"หลังจากได้ยิน หมิงอ๋องก็เผยสีหน้าหมดหวังเขาหันมามองเฉียวเนี่ยนเห็นเฉียวเนี่ย
ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน เกินความคาดหมายเกินไปฝ่าบาทส่งเสี่ยวลู่จึให้มาช่วย ทำไมเขาถึงเอามีดสั้นแทงหมิงอ๋อง?เห็นได้ชัดว่าหมิงอ๋องก็ไม่เข้าใจเขาจับมือของเสี่ยวลู่จึเอาไว้ พยายามไม่ให้เสี่ยวลู่จึกระชากมีดสั้นออกมาจากตัวเขา ดวงตาจ้องเสี่ยวลู่จึเขม็ง เลือดสดๆ กระอักออกจากปาก "ทะ ทำไม?""นางบ่าวเฉียนเอ๋อร์ถูกท่านอ๋องทรมานจนตายที่เฉิงซีเมื่อสามปีก่อน ท่านจำได้ไหม?" เสี่ยวลู่จึจ้องหมิงอ๋องเขม็ง มุมปากเผยรอยยิ้มขึ้นมา "ข้ามาล้างแค้นให้กับนาง!"แต่ในแววตาของหมิงอ๋องมีแต่ความสับสนเห็นได้ชัดว่าเขาจำนางบ่าวเฉียนเอ๋อร์ไม่ได้ท่าทางสับสนนั้นช่างบาดตาเสี่ยวลู่จึเขาลืมไปได้อย่างไร?เขาฆ่าคนสำคัญที่สุดของเขาภายในห้องเล็กๆ ที่มืดสนิท เขาลืมไปได้ยังไง!ทันใดนั้นก็กระชากมีดสั้นออกมาโดยไม่ได้สนหมิงอ๋องที่กำลังขัดขืน จากนั้นก็แทงซ้ำอีกครั้งแทงเข้าไปสี่ห้าแผลราวกับระบายความโกรธพอเห็นว่าเสี่ยวลู่จึจะแทงต่อ เฉียวเนี่ยนก็ได้สติขึ้นมาและผลักเสี่ยวลู่จึออกไปหมิงอ๋องหมดแรงล้มกับพื้น เลือดไหลนองท่วมตัวไม่หยุดเฉียวเนี่ยนรีบเข้าไปหาและกดบาดแผลของหมิงอ๋อง แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก "ไม่เ
เขาตกใจจนถอยหลังไปสองก้าวทหารอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามาดูฉากนี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เอ่ยว่า "ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว งู แมลง หนูและมดเหล่านี้ก็จะออกมาหาอาหารแล้ว ไม่ใช่เรื่องสําคัญอะไร"เมื่อได้ยินคํานี้ ทุกคนจึงพยักหน้าหงึกๆ แล้วเก็บดาบกลับไปเฉียวเนี่ยนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกสายตามองไปยังหัวงูนั้นภายใต้แสงจันทร์ หัวงูเล็กๆ นั้นหักอยู่ข้างถนนและยังคงดิ้นรนและบิดอยู่นางรู้สึกอย่างบอกไม่ถูกว่า นี่เหมือนกําลังบ่งบอกอะไรบางอย่าง ในใจอดรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาไม่ได้ดีที่ว่าอีกสองวันต่อมา ทุกอย่างล้วนราบรื่นดีเหล่าทหารเคยชินกับการเดินทัพและเร่งเดินทาง ทุกวันจะนอนเพียงสองชั่วยามเท่านั้น ตลอดทางก็ดูแลเฉียวเนี่ยนเป็นอย่างดีแต่ความไม่สบายใจในคืนนั้นยังคงอยู่ในหัวใจของเฉียวเนี่ยน เหมือนกับหัวงูที่ถูกตัดออก บางครั้งก็ดิ้นไปมาราวกับเป็นการยืนยันความไม่สบายใจของนาง ในคืนที่สอง ถนนก็ถูกขวางไว้แล้วเฉียวเนี่ยนมองก้อนหินใหญ่หลายก้อนที่อยู่บนถนนข้างหน้า ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวได้ยินแต่คนข้างๆ ถามว่า"หินใหญ่ขนาดนี้ ทําไมถึงอยู่กลางถนนได้?"ทหารบางคนมองไปที่ยอดเขาที่ริมถนน"บางทีหินอาจลื
หนึ่งชั่วยามต่อมาเซียวเหิงนั่งอยู่หน้าโต๊ะ แสงเทียนที่สลัวอยู่แล้วดวงนั้นเผาจนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว แสงไฟลุกโหมอย่างรุนแรงนอกประตูมีรายงานเสียงต่ำ"ท่านแม่ทัพ แม่นางเฉียวออกเดินทางแล้วขอรับ"นางรอไม่ได้แม้แต่นาทีเดียวเลยจริงๆ"เข้าใจแล้ว" เซียวเหิงตอบรับเสียงเรียบ แสงเทียนส่องกระทบใบหน้าด้านข้างที่เย็นชาของเขา กลับปรากฏความหนาวเหน็บออกมาในสมองเต็มไปด้วยท่าทางของนางที่ก้าวยาวๆ จากข้างกายเขาเมื่อครู่นี้ความเด็ดขาดนั้นไร้ความอาลัยอาวรณ์เลยแม้แต่น้อยตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นางไม่มีความอาลัยอาวรณ์ต่อเขาเลย?เซียวเหิงคิ้วเข้ม ราวกับคิดไม่ออกทั้งๆ ที่นางชอบตามตื๊อเขามากที่สุด...สายตาของเขาตกลงบนนิ้วชี้ขวาของเขาโดยไม่ตั้งใจที่นั่นมีรอยแผลเป็นยาวคืบคลานอยู่ ถูกเผ่าทูเจี๋ยฟันด้วยดาบใหญ่เมื่อสองปีก่อนในสนามรบถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วของเขา ฝ่ามือทั้งหมดของเขาคงถูกตัดออกในครั้งนั้น...เรื่องเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้พอเขาคิดมา กลับรู้สึกว่าผ่านไปนานแล้วแล้วนางเล่า?เรื่องที่นางชอบเขาและตามตื๊อเขาก็ผ่านมานานมากแล้วใช่ไหม?ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นที่หัวใจอย่างอธิบายไม
เฉียวเนี่ยนถึงยกกะละมังที่เต็มไปด้วยเลือดเดินออกมาจากห้องเก็บศพนางถือกะละมังเดินไปลานหลัง เทเลือดกะละมังนั้นลงในดินของแปลงดอกไม้ แล้วถึงหันหลังเดินไปข้างบ่อน้ำที่อยู่ไม่ไกล หยิบถังน้ำขึ้นมาล้างกะละมังตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่เคยมองย้อนกลับไปเพราะนางรู้ว่าเซียวเหิงเดินตามหลังนางเซียวเหิงเองก็รู้ว่าเฉียวเนี่ยนต้องสังเกตเห็นเขาแน่ๆ ไม่อย่างนั้น นางคงไม่ทําแม้แต่เอียงคอหลบหน้าเขาไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนรออยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆรอให้นางล้างกะละมังให้สะอาด แล้วล้างผ้าเช็ดหน้าในมือให้สะอาด จากนั้นหันหลังเดินกลับไปเขาคิดอยู่ รอให้นางหันหลังกลับไป คงไม่สามารถทําเป็นมองไม่เห็นเขาได้แล้วมั้ง?แต่ไม่คิดเลยว่านางจงใจมองข้ามเขาจริงๆต่อให้สายตาจะกวาดผ่านเขาไป นางก็ไม่ได้หยุดมองเลยราวกับว่าเขาเป็นแค่อากาศในที่สุด เมื่อเฉียวเนี่ยนเดินผ่านเขาไป เขาก็ทนไม่ไหวและเอื้อมมือไปจับข้อมือของนาง"ปล่อย"สิ่งที่แลกมาคือน้ำเสียงเย็นชาของนางเซียวเหิงขมวดคิ้ว มองใบหน้าด้านข้างที่เย็นชาของนาง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ "เจ้าโทษข้าเหรอ?"โทษที่เขาไม่ได้ช่วยจิ่งเหยียนกลับมา?แต่นางรู้ดีว่าเขาทํา
ในห้องเก็บศพของที่ว่าการอำเภอ มีศพสิบกว่าศพวางเรียงรายอยู่ตอนที่เซียวเหิงมา เฉียวเนี่ยนกําลังเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าให้จิ่งเหยียนคนที่มารายงานบอกว่านางกําลังสร้างปัญหาแต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้สร้างปัญหาเลย แต่นางยังเงียบมากอีกต่างหากนางเพียงยกอ่างน้ำมาวางไว้ด้านข้าง จากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าเปียกมาเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของจิ่งเหยียนทีละนิดไม่นาน ใบหน้าของจิ่งเหยียนก็ถูกเช็ดจนสะอาดเฉียวเนี่ยนจึงล้างผ้าเช็ดหน้าให้สะอาดและเช็ดมือให้จิ่งเหยียน"ข้าไม่สามารถให้พ่อแม่ของเขาเห็นเขาในสภาพนี้ได้"นางพูดด้วยเสียงเบาๆแต่เซียวเหิงรู้ว่านางกําลังพูดให้เขาฟังทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย "นี่ไม่ใช่การกระทําที่ฉลาด"รู้เพียงว่าต้องสู้ตายในสนามรบ ไฉนคำนึงถึงนำศพกลับไปอีก?เมื่อสวมชุดเกราะนั้น พวกเขาก็ย่อมคาดว่ามีวันนี้อยู่แล้วจิ่งเหยียนต้องสามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขาไม่สามารถพาเขากลับไปได้ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงฤดูใบไม้ผลิ แต่อากาศก็อบอุ่นแล้วพวกเขาห้อตะบึงมาตลอดทาง ล้วนใช้เวลาถึงห้าวันเต็ม นางส่งเขากลับไปเช่นนี้ ต่อให้ไม่หลับไม่นอน เกรงว่าต้องใช้เว
"จิ่งเหยียน..."นางเรียกด้วยเสียงเบาๆ นุ่มๆ ราวกับกลัวว่าจะทําให้เขาตื่นแต่เห็นได้ชัดว่านางต้องการปลุกเขา!ดังนั้นเสียงของนางจึงดังขึ้นอีก"จิ่งเหยียน เป็นข้าเอง ข้ามาหาเจ้าแล้ว"คนบนหลังม้าไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยนางส่งเสียงดังขึ้นอีกเล็กน้อย กระทั่งเริ่มเขย่าร่างกายของจิ่งเหยียน "จิ่งเหยียน เจ้าตื่นเถอะ อย่าทําให้ข้าตกใจเลย!"แต่จิ่งเหยียนจะไม่ตื่นแล้วไม่มีวันตื่นแล้ว...เมื่อเห็นจิ่งเหยียนกําลังจะถูกเขย่าลงจากหลังม้าในช่วงเวลาที่สําคัญ มีเงาคนปรากฏขึ้นข้างหลังเฉียวเนี่ยน ดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนของเขา"เขาตายแล้ว!"เฉียวเนี่ยนไม่เชื่อ ดิ้นรน นางจะไปเรียกจิ่งเหยียนให้ลุกขึ้น!แต่คนข้างหลังกลับลากนางไปข้างหลังตลอด "เขาตายแล้ว! จิ่งเหยียนตายแล้ว!"ตายแล้ว...ร่างกายของเฉียวเนี่ยนพลันแข็งทื่อ นางเห็นร่างของจิ่งเหยียนเกือบจะตกจากหลังม้า ทหารที่อยู่ข้างๆ รีบเข้าไปประคองเขาตั้งแต่ต้นจนจบ ร่างที่หมอบอยู่บนหลังม้าไม่ได้แสดงความมีชีวิตชีวาออกมาแม้แต่น้อยตายแล้วเหรอ?เหมือนท่านย่าของนาง ไม่ต้องการนางแล้วเหรอ?น้ำตาไหลไม่หยุด เฉียวเนี่ยนจ้องมองดวงตาที่ปิดสนิทของจิ่งเหยียนอย่างเ
จริงๆ แล้วเฉียวเนี่ยนเห็นขบวนทัพที่เคลื่อนมาอย่างเชื่องช้าตั้งนานแล้วนางขี่ม้ามาหลายวันแล้ว ตลอดทางไม่กล้าหยุดพักเลย หลังจากรู้ว่าเซียวเหิงนําทหารขึ้นเขาไปช่วยจิ่งเหยียนเมื่อคืน นางก็รีบมาทันที!แต่... เมื่อขบวนทัพนั้นปรากฏในสายตาของนางจริงๆ นางกลับไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีกกลัวว่าถ้าอยู่ใกล้ๆ จะได้เห็นภาพที่ถูกปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วนในสมองของตัวเอง แต่ยังคงปรากฏออกมาอย่างไม่มีเหตุผลนางทําได้แค่ยืนอยู่ที่เดิม รอขบวนทัพนั้นเข้ามาใกล้นางคิดว่าจิ่งเหยียนต้องจํานางได้แน่ แล้ววิ่งตรงมาหานางแต่คาดไม่ถึงว่าขบวนทัพก็หยุดลงเช่นกันนางอึ้งไปชั่วขณะ อดไม่ได้ที่จะมองไปทางด้านหน้าสุดของขบวนทัพ ก็เห็นเงาร่างนั้นกําลังแบกแสงแดดอยู่ สีเลือดทั้งตัวถูกสะท้อนจนแสบตาเป็นพิเศษนั่นคือ... เซียวเหิง?เฉียวเนี่ยนไม่กล้ายอมรับเท่าไรนักในภาพสะท้อนของนาง เซียวเหิงมีจิตใจฮึกเหิมมาโดยตลอด ไม่เคยมีท่าทางซึมเซาเช่นนี้มาก่อนดังนั้น แพ้แล้วหรือ?แม้แต่เซียวเหิงก็สู้โจรภูเขาภูเขากลุ่มนั้นไม่ได้หรือ?แล้วจิ่งเหยียนล่ะ?สายตาของเฉียวเนี่ยนมองไปยังขบวนทัพที่อยู่ด้านหลังเซียวเหิงคนในขบวนทัพต่างก็เหมือน
เมื่อลงเขา ฟ้าก็สว่างแล้วแสงสีทองที่สาดส่องลงมา ทําให้เขาลืมตาไม่ค่อยขึ้นเซียวเหิงมองไปตามแสงนั้นโดยไม่รู้ตัว กลับรู้สึกแสบตาขึ้นมาทันที จําเป็นต้องหันหน้าหนีคิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ทําให้กลิ่นอายที่เย็นชาของเขามืดมนยิ่งขึ้นลูกน้องของเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออก ได้แต่ส่งม้าและชุดเกราะที่ซ่อนอยู่ในป่ามาให้เขาอย่างเงียบๆเขาถึงพลิกตัวขึ้นม้า ดึงสายบังเหียน มุ่งหน้าไปยังเหอโจวเจิ้นทางตะวันตกม้าเดินช้าๆ เซียวเหิงนั่งอยู่บนหลังม้า มองดูเงาของตัวเองที่ถูกยืดยาวแกว่งไกวอย่างรุนแรงเขาไม่เคยแกว่งไกวแรงขนาดนี้มาก่อนเมื่อกลับมาจากการชนะสงคราม เงาของเขาเป็นคนที่ตั้งตรงและตรงที่สุดเสมอกลับเป็นวางเล่อ คนสมกับชื่อ นั่งอยู่บนหลังม้าก็กระสับกระส่าย มักจะทะเลาะกับหลัวซ่าง เงาของพวกเขาสองคนจึงพัวพันกันตามบางครั้งเขาสูญเสียความยับยั้งชั่งใจและแม้กระทั่งชนม้าของเขา ทําให้เงาของคนหลายคนสับสนไปหมดเมื่อเทียบกันแล้ว จิ่งเหยียนเป็นคนที่มั่นคงที่สุดในบรรดาพวกเขาสามคน ท้ายที่สุดแล้ว จิ่งเหยียนก็เป็นคนที่เข้าร่วมกองทัพนานที่สุดและอายุมากที่สุดร่างเงาของเขาเองก็มักจะตั้งตรงและสง่างามเสมอมีอย
หลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะ เซียวเหิงก็ยกดาบขึ้นด้านหน้าและสังหารโจรภูเขาภูเขาคนนั้นเขาหันกลับไปและเห็นจิ่งเหยียนยังคงยืนอยู่ที่นั่น มีรูเลือดขนาดใหญ่บนหน้าอกของเขาและมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่องเมื่อสบสายตาตกตะลึงของเซียวเหิง จิ่งเหยียนกลับฉีกยิ้มที่มุมปาก เหมือนอยากจะปลอบใจเขา แต่พออ้าปากกลับกระอักเลือดออกมาคําใหญ่ออกมา"จิ่งเหยียน!" เซียวเหิงอุทานอย่างตกใจ แล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าแต่จิ่งเหยียนแม้กระทั่งยืนยังยืนไม่ไหวแล้ว ร่างทั้งร่างล้มเซไปข้างหลังโชคดีที่เซียวเหิงรีบรับเขาก่อนที่เขาจะล้มลงถึงพื้นแต่ว่า...เลือดบนหน้าอกของจิ่งเหยียนยังคงพ่นออกมาอย่างต่อเนื่องเซียวเหิงตื่นตระหนกจนโยนดาบในมือทิ้ง มือทั้งสองกดลงบนบาดแผลของเขา "ไม่เป็นไรนะ ข้าจะพาเจ้าลงเขาเดี๋ยวนี้แหละ! ใครก็ได้! ใครก็ได้รีบมาเร็ว!"ถนนบนภูเขาขรุขระ เขาคนเดียวไม่สามารถพาจิ่งเหยียนลงเขาไปรักษาได้แต่พวกโจรภูเขาภูเขายังคงต่อต้านอย่างดื้อรั้น คนของเขาไม่สามารถหาโอกาสมาหาเขาได้เลือดไหลออกมาจากซอกนิ้วของเขาอย่างต่อเนื่องมือของเซียวเหิงถือดาบตลอดทั้งปี ฝ่ามือกว้างและหนาใหญ่กว่าผู้ชายทั่วไปแต่ในขณะนี้เขากลับรู
โจมตี!ชั่วขณะหนึ่ง เงาคนในที่มืดโหมกระหน่ํา แสงเย็นวาบปรากฏขึ้น พากันโจมตีโจรภูเขาเหล่านั้นพวกโจรภูเขาไหนเลยจะคาดคิดว่าเหล้าที่ดื่มดีๆ นี้จะถูกฆ่าถึงหน้าบ้าน ชั่วขณะนั้นพวกเขาตื่นตระหนกจนทําอะไรไม่ถูกยังไงก็ตาม พวกเขาเคยชินกับความเป็นความตาย พอได้ยินเสียงตะโกนของหัวหน้าโจรภูเขา พวกโจรภูเขาที่ตื่นตระหนกก็สงบลง และหยิบอาวุธออกมาทีละคนสถานการณ์การต่อสู้นั้นรุนแรงมากเซียวเหิงเดินอ้อมมาถึงหน้ากรงอย่างรวดเร็ว กระบี่ยาวในมือฟันโซ่บนกรงจนขาดหัวหน้าโจรภูเขาทางนั้นสังเกตเห็นสถานการณ์ทางนี้ จึงหยิบมีดพร้าที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาฟันใส่เซียวเหิงทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงไอสังหารจากด้านหลัง เซียวเหิงก็รีบเบี่ยงตัวหลบ กระบี่ยาวโบกสะบัด โจมตีไปยังหัวหน้าโจรภูเขาคนนั้นสิ่งที่ทําให้เซียวเหิงคาดไม่ถึงก็คือ วรยุทธของหัวหน้าโจรภูเขาคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยชั่วขณะหนึ่ง เขาและหัวหน้าโจรภูเขาต่อสู้กันอย่างแยกไม่ออกหางตาเหลือบเห็นจิ่งเหยียนเพิ่งออกจากกรง ก็มีโจรภูเขาบุกโจมตีเขาโชคดีที่จิ่งเหยียนมีดาบอยู่ในมือและสามารถป้องกันมันได้แต่จิ่งเหยียนถูกขังอยู่ในกรงเจ็ดวัน ยังไม่รู้ว่าได้รับความทรมาน