แม้เฉียวเนี่ยนเคยร่ำเรียนวรยุทธมาบ้าง การรับมือกับพวกลูกกระจ๊อกถึงจะไม่ใช่ปัญหา แต่หากต้องประมือกับยอดฝีมือจริงๆ คงจะสู้ไม่ได้อีกอย่างกลุ่มโจรภูเขาหยงเป่ยแต่ละคนล้วนผ่านการขัดเกลาฝึกฝนยังดีที่หลายปีมานี้นางผ่านการฝึกฝนวรยุทธในสนามรบจากเซียวเหิงมาบ้าง พอจะสามารถเอาชีวิตรอดแม้ว่าจะมีเวลาสั้นๆ อีกไม่กี่ชั่วยามก่อนจะถึงยามจึ แต่ต่อให้สามารถใช้ได้หนึ่งหรือสองกระบวนท่า ไม่แน่ก็อาจไว้ใช้เอาตัวรอดยามขับขันได้ (ยามจึ หมายถึง ช่วงเวลา 23:00-01:00)ดังนั้นเฉียวเนี่ยนจึงพยักหน้า "งั้นคงต้องรบกวนแม่ทัพเซียวแล้ว"ทว่านางกลับไม่ได้ยื่นมืออกไปรับมีดสั้นแววตาของเซียวเหิงหนักอึ้งเขาจำได้ว่านายเคยชอบมีดสั้นเล่มนี้"นี่คือ..."เขาคิดว่า นางลืมไปแล้วแต่ว่าเฉียวเนี่ยนก็ขัดจังหวะเซียวเหิงเสียก่อน นางดึงปิ่นปักผมบนศีรษะออก "มีดสั้นสะดุดตาเกินไป ไม่แน่พวกโจรภูเขาอาจค้นตัว ดังนั้นข้าคิดว่าปิ่นปักผมเหมาะที่สุด"ส่วนมีดสั้นเล่มนั้น...จริงๆ ก็เป็นของที่นางอยากได้ แต่ตอนนี้นางไม่อยากได้แล้วเซียวเหิงกำมีดสั้นในมือแน่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเก็บมีดสั้นเล่มนั้น น้ำเสียงกลับดูห่างเหินขึ้นมา "เจ้าพูดถูก
ท่านโหวหลินรู้สึกว่าเป็นลางร้ายเลยอดตวาดไม่ได้ "จะร้องไห้หาอะไร? การแบ่งเบาภาระราชสำนักนับว่าเป็นเกียรติของจวนโหว! เป็นเกียรติของเนี่ยนเนี่ยน!"ขณะพูด ท่านโหวหลินก็หันมองเฉียวเนี่ยนและพูดด้วยเสียงทุ้ม "จำไว้ให้ดี ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น หมิงอ๋องสำคัญที่สุด หากท่านหมิงอ๋องไม่ได้กลับมา เจ้าเองก็...""ท่านโหว!" ฮูหยินหลินตวาดใส่ ขัดจังหวะพูดของท่านโหวหลินท่านโหวหุบปากเงียบอย่างหงุดหงิด ทว่าเฉียวเนี่ยนรู้ว่าท่านโหวหลินจะพูดอะไรเขาอยากพูดว่าหากท่านหมิงอ๋องไม่ได้กลับมา นางเองก็จะไม่ได้กลับมาเช่นกัน!ซึ่งก็จริง นางออกมาจากกรมซักล้างได้ก็เพราะจวนโหวต้องการให้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับหมิงอ๋องหากหมิงอ๋องตาย นางก็จะไม่มีประโยชน์กับจวนโหวอีกเฮอะ!เมื่อก่อนปากก็เอาแต่พูดว่าเห็นนางเป็นเหมือนลูกแท้ๆ ของท่านโหวหลิน สุดท้ายก็พูดความในใจออกมาจนได้!รู้สึกเศร้าขึ้นมาในใจนางหันมองท่านโหวหลิน นึกถึงสมัยเด็กที่ตนเองขี่คอเขาชมดาวบนท้องฟ้า ความเจ็บปวดขมขื่นใจยิ่งรู้สึกชัดขึ้นมาไม่อยากจะอยู่ร่วมชายคากับพวกเขาแล้วเฉียวเนี่ยนลุกขึ้นมา "ข้าขอออกไปสูดอากาศหน่อย"พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกตอนเด
หลินยวนลงมือได้รวดเร็ว เฉียวเนี่ยนเกือบจะถูกลากลงไปในสระบัวทว่าเฉียวเนี่ยนกลับใช้เท้าขวายันราวสะพานหินทันอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด นางออกแรงโน้มตัวไปด้านหลัง แขนก็ถูกดึงไปด้านหลังด้วยเช่นกันส่วนหลินยวนซึ่งหลังได้แตะกับผิวน้ำแล้ว ก็ถูกเฉียวเนี่ยนดึงกลับขึ้นมาทั้งอย่างนั้นทว่าขาสองข้างของหลินยวนกลับอ่อนยวบ ทันใดนั้นก็คุกเข่าลงตรงหน้าเฉียวเนี่ยน น้ำตาไหลพรากอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่เฉียวเนี่ยนสะบัดมือของหลินยวนออกและถอยห่างออกไปสองก้าวอย่างรังเกียจแผลที่ถูกเต๋อกุ้ยเฟยลวกตรงไหล่ขวาก็ปวดขึ้นมามองหลินยวนร้องไห้จนควบคุมตัวเองไม่ได้ นางปวดแผลจนอดไม่ได้ที่จะตวาดใส่ "ชาติก่อนฉันไปทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้เจ้าถึงได้ตามจองล้างจองผลาญข้า! ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้หลินยวน ข้ากับเจ้าไม่ได้สนิทกัน ถ้าเจ้าอยากตายนักก็ไปตายให้พ้นๆ ข้า!"คนในเรือนพอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็กรูกันออกมาหลังจากเห็นเหตุการณ์บนสะพานหิน ฮูหยินหลินก็สะดุ้งตกใจจนรีบวิ่งเข้ามา "เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น? ยวนเอ๋อร์...""หยุดอยู่ตรงนั้น!" เฉียวเนี่ยนตวาด หันไปมองฮูหยินหลินด้วยแววตาลุกโฉนฮูหยินหลินไม่เคยเห็นเฉียวเนี่ยนโมโหขนาดนี้ นางตกตะลึง
เพียงเสี้ยววินาที เฉียวเนี่ยนจู่ๆ ก็คว้าคอเสื้อของนางไว้ กระชากนางให้ลุกขึ้นมาไม่รอให้นางได้ทันตั้งตัวก็ผลักนางลงไปในบ่อบัวอย่างแรง"กรี๊ด!"เสียงกรีดร้อง พร้อมกับเสียงวัตถุบางอย่างตกน้ำดังขึ้น หลินยวนถูกเฉียวเนี่ยนผลักลงบ่อบัวภายใต้สายตาของทุกคนทุกคนตกตะลึง ใครต่างก็คาดไม่ถึงว่าเฉียวเนี่ยนจู่ๆ จะทำแบบนี้แต่ละคนยืนอยู่ขอบสระบัวมองหลินยวนหลินยวนตะเกียกตะกายในบ่อบัวเห็นเพียงเฉียวเนี่ยนค่อยๆ หันไปมองเซียวเหิงเขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับแม้แต่ก้าว ไม่มีท่าทีจะเข้าไปช่วยเลยในดวงตาสีดำของเขาสะท้อนให้เห็นเพียงแต่เงาของเฉียวเนี่ยนชิ ไม่เข้ามาช่วยงั้นหรอ?เฉียวเนี่ยนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็เผยอยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา จากนั้นก็เหลือบหันมองหลินยวนที่กำลังทุรนทุรายก่อนจะหันหน้าไปทางริมฝั่งขณะเดินผ่านฮูหยินหลิน เฉียวเนี่ยนก็พูดอย่างเรียบเฉย "บ่อน้ำถึงแม้จะตื้น แต่ก็จมน้ำตายได้"ฮูหยินหลินราวกับได้สติกลับมา รีบตะโกนเรียกคนให้ช่วยหลินยวนส่วนเฉียวเนี่ยนมองตรงเดินกลับไปที่ห้อง ไม่แม้แต่จะแลท่านโหวหลินที่ยืนอยู่นอกห้องหนิงซวงเอาชาร้อนมาให้ เฉียวเนี่ยนรับถ้วยชามาและนั่งลง พอสัมผัสได
อันที่จริงเฉียวเนี่ยนไม่อยากจะรื้อฟื้นความหลัง ในสายตาของหลินยวน เฉียวเนี่ยนถูกเลี้ยงเอ็นดูเอาใจใส่มา 15 ปีแต่สำหรับเฉียวเนี่ยน ช่วงเวลาความสุขตลอด 15 ปีนั้น ตอนนี้เป็นเพียงแค่คมดาบ ขอแค่นึกถึง มันก็จะเฉือนอย่างแรงบนหัวใจของนางนางบาดเจ็บไปทั้งตัว นางไม่อยากให้หัวใจต้องบอบช้ำตามทว่าตอนนี้ประตูแห่งความทรงจำได้เปิดออก ภาพแห่งความสุขในอดีตทะลักเข้ามาเหมือนสายน้ำดวงตาเฉียวเนี่ยนแดงระเรื่อขึ้นมาทันที จมูกรู้สึกระคายเคืองอย่างมากแต่นางก็ไม่อยากให้ท่านโหวหลินได้เห็นสภาพของนางนางเลยก้มหน้า ราวกับกำลังพิเคราะห์ถ้วยชาในมือ ทำเหมือนไม่มีอะไรทว่านางก็อดไม่ได้ที่จะถามกลับ "หากหลินยวนไม่เคยมีตัวตน หากข้ายังคงเป็นบุตรสาวของจวนโหว ท่านโหวหลินยังคงจะแลกเปลี่ยนตัวข้ากับท่านหมิงอ๋องอยู่ไหม?"สิ้นเสียงอันแผ่วเบา กลับเป็นความเงียบชั่วอึดใจอันที่จริงเฉียวเนี่ยนรู้สึกเสียใจหลังจากถามนางรู้สึกว่าตัวเองน่าขำทำไมนางต้องตามหาคำตอบกับเรื่องสมมุติด้วย?หลินยวนมีตัวตน นางเองก็ไม่ใช่บุตรสาวจวนโหวอีกต่อไป แน่นอนท่านโหวหลินไม่ได้เสียดายชีวิตของนางเพื่อเอาไปแลกกับเกียรติยศของจวนโหว!ขณะครุ่นคิด มุ
ผู้ดูแลราชธานีชะงัก "เขาปู้โจวห่างออกไปไกลเป็นสิบลี้ ถ้าแลกเปลี่ยนตัวประกันตอนยามจึ เกรงว่าคงจะไม่ทันการ!""ออกเดินทางตอนนี้ รีบเร่งเดินทางก็คงจะยังทัน" เฉียวเนี่ยนกล่าวเสียงทุ้มต่ำแต่ว่าในวังยังไม่ทราบข่าวหนิงซวงก้าวออกมาอย่างอดไม่ได้ "คุณหนู บ่าวจะไปกับท่านด้วย! บ่าวแข็งแรง อย่างน้อยก็ปกป้องคุณหนูยามขับขันได้!"จะให้คุณหนูไปคนเดียวได้ยังไง!เฉียวเนี่ยนรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา ยื่นมือออกไปลูบใบหน้าของหนิงซวง "โจรภูเขาพวกนั้นโหดเหี้ยมอำมหิต เจ้าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว หากตกไปอยู่เงื้อมมือพวกมัน ผลที่ตามมาคงยากจะจินตนาการ เชื่อข้า เจ้าอยู่ที่จวน""แต่...คุณหนูเองก็เป็นผู้หญิง!" หนิงซวงร้องห่มร้องไห้ ท่านโหวหลินรู้สึกราวกับฆ้อนหนักๆ ทุบลงมากระแทกหัวใจใช่ เนี่ยนเนี่ยนเองก็เป็นผู้หญิง!หากผู้หญิงตกไปอยู่ในเงื้อมมือพวกมันจะลงเอยเยี่ยงไร?สำหรับคำถามนี้ ใช่ว่าท่านโหวหลินไม่เคยคิดมาก่อนเพียงแต่...หมิงอ๋องต้องห้ามเป็นอะไรไปเป็นอันขาด!ในตอนนั้นคนจากวังก็มาถึงเป็นขันทีทั้งหมดห้าคน รูปร่างแต่ละคนผอมบาง มีสองคนดูผอมกว่าเฉียวเนี่ยนอีกขนาดเฉียวเนี่ยนยังสงสัย พวกเขาจะคุ้มกันหมิงอ๋องได
เฉียวเนี่ยนเดิมก็กลัวอยู่แล้วยิ่งสติหลุดเข้าไปใหญ่ตอนมาถึงตีนเข้า เสี่ยวลู่จึยังตามหลังนางมาอยู่เลย รอบด้านเงียบสงัด แต่ทำไมน่ากลัวขนาดนี้ นางไม่ได้ยินอะไรสักนิดเลย เสี่ยวลู่จึจู่ๆ ทำไมก็หายไปแล้ว?ทันใดนั้นก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังมาจากในป่าตามมาด้วยเงาของคน พริบตาก็ห้อมล้อมเฉียวเนี่ยนเอาไว้ทั้งหมดสามคนล้วนปิดบังใบหน้าเป็นโจรภูเขาที่ลักพาตัวหมิงอ๋อง!พวกโจรภูเขาจ้องมองเฉียวเนี่ยน หนึ่งในนั้นเหลือบมองม้าด้านหลังของเฉียวเนี่ยน อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วสงสัย "อีกคนล่ะ?"เฉียวเนี่ยนแม้จะตื่นตระหนก แต่นางยังคงหัวไว รีบแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและถามกลับไป "อีกคนอะไร?""นังตัวดี! ตีหน้าซื่องั้นหรอ!" โจรภูเขาอีกคนโมโหขึ้นมา "เจ้าคนเดียวจะขี่ม้าสองตัวได้ยังไง?"เฉียวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึก พยายามสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูด "ข้าขี่ม้าสองตัวไม่ได้อยู่แล้ว แต่ม้าตัวนั้นสำหรับท่านอ๋อง"พอพวกโจรภูเขาได้ยินก็มองตากัน จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา"เจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะได้กลับไปงั้นหรอ?""พี่สาม นังนี่กล้ามาคนเดียว ไม่เห็นพวกเราในสายตาเลยรึยังไง?"ชายที่ถูกเรียกว่าพี่สามหัวเราะเยาะ "จะมาเพิ่มอีกสักกี่คนแล้วย
รอยแผลเป็นขวางเป็นทางบนแขนทำให้พวกโจรภูเขาตกใจเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนเดียว อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ดูสูงศักดิ์จะมีแผลบนตัวมากมายขนาดนี้ทันใดนั้นสายตาที่มองเฉียวเนี่ยนก็ดูเวทนาขึ้นมาส่วนหมิงอ๋องยังคงรู้สึกตื่นเต้น "พวกเจ้าดูสิ นางมันทนมือทนเท้า! พวกเจ้าพานางไปหาหัวหน้าพวกเจ้าเถอะ เขาจะต้องพอใจ! ปล่อยข้าซะ ขอร้องปล่อยข้าไปเถอะ..."แต่ใครจะรู้ มีดสั้นเล่มนั้นถูกโยนมาไว้ตรงหน้าของเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกตะลึงเงยหน้ามองพี่สาม เห็นเพียงพี่สามมองนางอย่างเย็นชา "จับตัวไอลูกหมานี่ได้มาโดยบังเอิญ เดิมก็อยากจะหยั่งเชิงความคิดของฝ่าบาท แต่เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทไม่ได้สนใจบุตรชายของเขาคนนี้เลย เจ้าอยู่กับมันไปก็ไม่มีอะไรดี ฆ่ามันซะ แล้วไปกับพวกเรา"หมิงอ๋องคาดไม่ถึงว่าโจรภูเขาจะตัดสินใจเช่นนี้ เขากระเสือกกระสนถอนไปข้างหลังอย่างหวาดกลัว "พวก พวกเจ้าตกลงกับข้าว่าถ้าข้ายกนางให้พวกเจ้า พวกเจ้าจะปล่อยข้าไป!"โจรภูเขาข้างๆ คนหนึ่งหัวเราะเยาะขึ้นมา "หาสัจจะในหมู่โจรหรอ? ท่านอ๋องคนนี้คงจะสมองไม่ค่อยดี"หลังจากได้ยิน หมิงอ๋องก็เผยสีหน้าหมดหวังเขาหันมามองเฉียวเนี่ยนเห็นเฉียวเนี่ย
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน