ก่อนหน้านางเพิ่งจับจุดชีพจรของหมิงอ๋อง เพื่อมิให้เขาทำร้ายนางอีกในวันหน้า คิดไม่ถึงเลยว่า...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาโจมตีหรือย่างไร หัวสมองของเฉียวเนี่ยนก็พลันหนักอึ้ง สุดท้ายก็ฝืนทนไม่ไหว เป็นลมหมดสติไปยามตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นวันถัดมาแล้วนางนอนอยู่บนเตียว เสื้อผ้าบนกายถูกเปลี่ยนเป็นผืนใหม่แล้ว"คุณหนูฟื้นแล้ว!" หนิงซวงที่อยู่ริมเตียวเห็นแล้วก็ดีใจ ขอบตาอันดำคล้ำของอีกฝ่ายบอกนางว่าเด็กสาวคนนี้อยู่เฝ้านางตลอดทั้งคืน!เฉียวเนี่ยนลุกขึ้นนั่ง รู้สึกเพียงแค่ว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรงหนิงซวงพยุงเฉียวเนี่ยนลงจากเตียง สวมเสื้อผ้าให้เฉียวเนี่ยน ก่อนจะเอ่ยต่อ "คุณหนูเจ้าคะ ข้าแอบถามหมอประจำจวนแล้ว เขาบอกว่าต้องตามหาตัวคนวางยาถึงจะปรุงยาถอนได้ ไม่เช่นนั้น เกรงว่าจะยิ่งส่งผลร้ายยิ่งกว่า"เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้ว "ท่านโหวน้อยกลับมาแล้วหรือ?"หนิงซวงส่ายหน้า "ยังเจ้าค่ะ เมื่อคืนหลังจากเข้าวังแล้วก็ยังไม่กลับมาที่จวนเลยเจ้าค่ะ"หลินเย่ว์เป็นคนซื้อยา แต่เขาดันไม่ยอมกลับมาที่จวน แล้วจะให้นางไปหายาถอนมาจากไหน?หากไม่มียาถอน ยาจะออกฤทธิ์อีกหรือไม่ เฉียวเนี่ยนเองก็ไม่แน่ใจแต่คาดไม่ถึงว่าจะมีเสี
ดั่งกระแสไฟแล่นปราด สองมือของทั้งคู่ชักกลับในทันใดจิ่งเหยียนถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยซ้ำ ใบหน้าสีสำริดนั้นขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัดหนิงซวงที่อยู่ไม่ห่าง ตกใจจนลูกตาแทบถลนออกมาส่วนเฉียวเนี่ยนนั้นนึกถึงของตัวเองที่เสียกิริยาเมื่อวาน ก็เขินอายอย่างห้ามไม่ได้ วินาทีนั้นไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดีบรรยากาศพลันเงียบสงันขึ้นมาอย่างประหลาด ผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ แต่กลับเนิ่นนานเหมือนชั่วยามอย่างไรอย่างนั้นจิ่งเหยียนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ "ข้า...ข้าน้อยมีธุระต้องจัดการอีก เช่นนั้นขอตัวก่อนนะขอรับ"ขณะพูดจิ่งเหยียนก็ยกมือประสานคำนับเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนเองก็คำนับกลับ มองส่งจิ่งเหยียนจากไปจนลับตาคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ หนิงซวงจะเขยิบเข้ามาใกล้ ยิ้มกรุ้มกริ่ม "คุณหนู ท่านเห็นใบหูของรองแม่ทัพจิ่งหรือไม่ แดงแจ๋จนแทบสุกอยู่แล้ว!"แค่โดนมือของคุณหนู ไม่นึกเลยว่าจะใสซื่อปานนี้คิดไปคิดมาหนิงซวงก็ลงความเห็นว่า "เขาต้องชอบคุณหนูแน่นอนเลยเจ้าค่ะ!"เดิมทีเฉียวเนี่ยนยังแอบขำที่จิ่งเหยียนหูแดงเหมือนที่หนิงซวงว่า แต่พอได้ยินหนิงซวงพูดประโยคถัดไป สีหน้าก็พลันบึ้งตึงในทันใด "ห้ามพูดเหลวไหลเ
ว่าจบอีกฝ่ามือหนึ่งก็วาดเข้ามาตบจนเฉียวเนี่ยนโซเซนางกุมหน้าเอาไว้ มองเต๋อกุ้ยเฟยที่สติแตก ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและโกรธเคืองปะทุขึ้นในใจทว่า...เฉียวเนี่ยนกลับหลุบตาลง ค่อยๆ คุกเข่าลงอารมณ์ของเต๋อกุ้ยเฟยไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้แต่นิด นางชี้หน้าด่าเฉียวเนี่ยน "เจ้ามันก็แค่นางแพศยาที่หญิงแพยศาให้กำเนิดออกมา! ตอนแรกข้าเห็นเจ้าน่าสงสารถึงได้ฝืนใจให้เจ้าแต่งงานกับเจ๋อเอ๋อร์ แต่เจ้ากลับรังเกียจเขา! นางไม่ใช่เพราะเจ้า เขาจะออกจากเมืองหลวงไปสำนักราชาโอสถอย่างปุบปับเช่นนี้ได้อย่างไร!"เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วแน่น นางรู้ว่าเต๋อกุ้ยเฟยคงรู้เรื่องที่ตัวเองข่มขู่หมิงอ๋องแล้วแต่ที่นางข่มขู่หมิงอ๋องมิใช่เพราะความรังเกีนจ แต่เพื่อป้องกันตนเองเพียงเท่านั้น เพื่อไม่ให้หมิงอ๋องทารุณนางหรือทารุณหญิงอื่นอย่างเลือดเย็นเช่นนั้นอีกนางไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหลินเย่ว์จะหลอกหมิงอ๋องว่าสำนักราชาโอสถมีวิธีต่ออวัยวะ ทั้งยังคิดไม่ถึงว่าหมิงอ๋องจะถูกโจรภูเขาหยงเป่ยจับตัวไป!แต่นางก็รู้ว่าคำแก้ตัวนางรังแต่จะราดน้ำมันลงบนกองไฟ จึงคุกเข่าลงบนพื้น หลุบตาลง ไม่พูดไม่จาเมื่อเห็นว่านางไม่ตอบโต้ อารมณ์ของเต๋อกุ้ยเฟยก็ค่อ
ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉียวเนี่ยนไม่เอ่ยแม้สักคำนางรู้ว่าตอนนี้หมิงอ๋องเป็นตายร้ายดีอย่างไร ไม่มีผู้ใดรู้ คนเป็นแม่อย่างเต๋อกุ้ยเฟย ย่อมสติแตก พาลโมโหคนอื่นยิ่งไปว่านั้น นางเป็นถึงกุ้ยเฟยผู้สูงศักดิ์คนยศตำแหน่งสูงส่งอย่างพวกนาง เดิมทีก็ไม่เห็นชีวิตของคนทั่วไปอยู่ในสายตาอยู่แล้วในสายตาของพวกเขา ชีวิตนางนั้นไร้ค่าหมิงอ๋องเฆี่ยนตีนางปางตาย ก็ปล่อยให้ตีไป ต่อให้ตายแล้วอย่างไรเล่า?ใครใช้ให้นางเกิดมาเป็นลูกของนางแพศยา ชีวิตไร้ค่า!หึ!เฉียวเนี่ยนคุกเข่าอยู่ที่เดิม สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าแววตาที่จ้องมองชายกระโปรงของตัวเองกลับเผยอารมณ์หนึ่งที่ยากจะอธิบายแล้วเหตุใดชีวิตนางถึงไร้ค่า?เหตุใดหญิงสาวที่ถูกหมิงอ๋องทรมานจนตาย กลับตายแล้วก็ปล่อยให้ตายไป?วินาทีนั้น ความเกรี้ยวโกรธของเฉียวเนี่ยนก็พุ่งถึงขีดสุดนางคิดว่าหากโจรภูเขาจับตัวหมิงอ๋องไปผ่าท้องมันเสียเลยคงดียิ่งนัก!แต่เมื่อเสียงสะอื้นของเต๋อกุ้ยเฟยค่อยๆ เบาลง ความเดือดดาลของเฉียวเนี่ยนเองก็เริ่มบรรเทาตามสติสัมปชัญญะบอกนางว่า หมิงอ๋องจะตายไม่ได้หมิงอ๋อง คือหนทางเดียวที่จะทำให้นางหลุดพ้นจากจวนโหวได้เร็วที่สุดเมื่อคิดได้ดังน
นางมีกิจการมากมายภายใต้ชื่อของตนเอง ทั้งสามารถร้องของจากฝั่งแม่ของนางได้อีก ขอเพียงแค่เจ๋อเอ๋อร์กลับมาอย่างปลอดภัยก็พอ!แต่คำตอบของเซียวเหิง กลับทำให้เต๋อกุ้ยเฟยแทบหมดเรี่ยวแรงน้ำเสียงเรียบเฉยของเซียวเหิงพูดว่า "พวกมันต้องการคำสั่งจากทางการ อนุญาตให้พวกมันตั้งรกรากที่เหอโจว"พวกมันต้องการความยอมรับจากทางการ ยืดครองพื้นที่เป็นราชาแห่งหุบเขา จี้ปล้นคนอย่างถูกต้อง!เพราะความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าของทหารที่ราชสำนักส่งไปปราบโจร ทำให้พวกมันกำเริบเสิบสานแต่จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า?คำร้องขอเช่นนี้ ต่างอะไรกับการเหยียบพระพักตร์ฮ่องเต้?ต่อให้โจรภูเขาพวกนั้นเอาชีวิตหมิงอ๋องไป ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางยอมรับคำเรียกร้องฮ่องเต้มีพระโอสรมากมายปานนั้น...เต๋อกุ้ยเฟยทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง โชคดีที่นางบ่าวมือไว รับตัวนางแล้วพยุงตัวไปนั่งเก้าอี้เต๋อกุ้ยเฟยพิงพนักเก้าอี้ น้ำตานองหน้า "ทำเช่นไรดี? ข้าควรทำเช่นไร?"หรือว่าเหลือความตายเพียงหนทางเดียว?แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเย่ว์จะโพล่งขึ้น "กุ้ยเฟยโปรดอย่างเพิ่งร้อนใจ ฮ่องแต่ส่งแม่ทัพเซียวนำทัพไปแล้ว ย่อมต้องช่วยหมิงอ๋องกลับมาได้แน่น
เต๋อกุ้ยเฟยกุมมือเฉียวเนี่ยนแน่นแม้เมื่อครู่นางจะด่าทอเฉียวเนี่ยน แต่นางก็รู้ดีว่าเฉียวเนี่ยนไม่มีทางยอมให้หมิงอ๋องเป็นอะไรไปเด็ดขาดเพราะหมิงอ๋องคือทางออกเดียวของนางหลินเย่ว์บอกว่าเวลานัดหมายแลกตัวคือยามจื่อคืนนี้ หลังจากเต๋อกุ้ยเฟยเอ่ยขอบคุณจากใจจริง ก็ปล่อยให้เฉียวเนี่ยนกลับไปพักผ่อนเฉียวเนี่ยนคำนับลา แผลไหม้บนบ่ายังคงปวดหนึบ แต่แผ่นหลังของนางยังคงตั้งตรง เดินสาวเท้ายาวออกไป ไม่สนใจสองคนที่ตามติดไม่ห่างเลยสักนิดจนกระทั่งมาถึงหน้าประตูวังหลวงเมื่อเห็นรถม้าของจวนโหวที่จอดอยู่หน้าประตู เฉียวเนี่ยนก็ขึ้นไปนั่งอย่างไม่มีลังเลนางยังไม่ทันนั่งลงบนรถ เซียวเหิงก็เอ่ยตามหลัง "ข้าจะปลอมตัวเป็นบ่าวตามเจ้าไป"เขาต้องการจะบอกเฉียวเนี่ยนว่า เขาจะตามอยู่ข้างหลัง ไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใดแต่เฉียวเนี่ยนกลับเหลียวมองเขา ก่อนจะถามประชด "แม่ทัพเซียวทำไปเพื่อปกป้องช้า หรือเพื่อปกป้องหมิงอ๋องเจ้าคะ?"เขาบอกว่าจะตามนางอยู่ข้างหลัง หากอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตาย เขาจะช่วยหมิงอ๋อง หรือช่วยนาง?เห็นได้ชัดว่าคำตอบคืออะไรการที่เขาปลอมเป็นบ่าวรับใช้ ไม่ได้ทำเพื่อนางเลย แต่ทำตามราชโองการของฮ่องเต้
อันที่จริง เขาเป็นคนทำให้เฉียวเนี่ยนมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นแต่ว่านางจำแทบไม่ได้แล้วทุกวันนี้นางรู้แค่ว่าเขาเป็นคนออกความเห็นให้หลินเย่ว์พานางขึ้นเตียงของพี่ชาย!ถ้าจะให้พูด ก็ต้องโทษหลินเย่ว์แค่ให้ซื้อยานอนหลับยังไม่ได้เรื่อง เกือบจะเป็นเรื่องใหญ่โต!พอคิดได้เช่นนั้น เซียวเหิงก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่หลินเย่ว์ จากนั้นก็หันหลังขึ้นรถม้าของจวนแม่ทัพหลินเย่ว์รู้สึกแปลกๆ ทว่ารถม้าจวนโหวก็วิ่งออกไปไกลแล้ว เขาเลยได้แต่ขึ้นไปบนรถม้าของเซียวเหิงใครจะรู้ เซียวเหิงจู่ๆ ก็เปิดม่านออกมาและพูดใส่หลินเย่ว์ "ฉันมีธุระส่วนตัวต้องจัดการ พี่หลินคงไปด้วยไม่ได้"พูดจบก็หันไปบอกคนขับรถม้า "ไปเถอะ!"คนขับรถม้ารับคำ บังเหียนม้าสะบัดพร้อมกับรถม้าเคลื่อนออกไปเหลือเพียงหลินเย่ว์ยืนอยู่หน้าประตูวัง เขาทำสีหน้าไม่ถูกเฉียวเนี่ยนพอกลับมาถึงเรือนฟางเหอ หนิงซวงก็เข้ามาต้อนรับและถามอย่างกระตือรือร้น "คณหนู เสี่ยวชุ่ยถูกไล่ออกจากจวนแล้ว คุณหนูรองเองก็ทราบเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้ขวางอะไร ถ้าให้บ่าวเดา คุณหนูรองต้องแอบไปหาเสี่ยวชุ่ยแน่ แต่ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ บ่าวให้หวังอู่คอยสะกดรอยตามแล้ว เขาเป็นคนที่ฉลาดสุด
แม้เฉียวเนี่ยนเคยร่ำเรียนวรยุทธมาบ้าง การรับมือกับพวกลูกกระจ๊อกถึงจะไม่ใช่ปัญหา แต่หากต้องประมือกับยอดฝีมือจริงๆ คงจะสู้ไม่ได้อีกอย่างกลุ่มโจรภูเขาหยงเป่ยแต่ละคนล้วนผ่านการขัดเกลาฝึกฝนยังดีที่หลายปีมานี้นางผ่านการฝึกฝนวรยุทธในสนามรบจากเซียวเหิงมาบ้าง พอจะสามารถเอาชีวิตรอดแม้ว่าจะมีเวลาสั้นๆ อีกไม่กี่ชั่วยามก่อนจะถึงยามจึ แต่ต่อให้สามารถใช้ได้หนึ่งหรือสองกระบวนท่า ไม่แน่ก็อาจไว้ใช้เอาตัวรอดยามขับขันได้ (ยามจึ หมายถึง ช่วงเวลา 23:00-01:00)ดังนั้นเฉียวเนี่ยนจึงพยักหน้า "งั้นคงต้องรบกวนแม่ทัพเซียวแล้ว"ทว่านางกลับไม่ได้ยื่นมืออกไปรับมีดสั้นแววตาของเซียวเหิงหนักอึ้งเขาจำได้ว่านายเคยชอบมีดสั้นเล่มนี้"นี่คือ..."เขาคิดว่า นางลืมไปแล้วแต่ว่าเฉียวเนี่ยนก็ขัดจังหวะเซียวเหิงเสียก่อน นางดึงปิ่นปักผมบนศีรษะออก "มีดสั้นสะดุดตาเกินไป ไม่แน่พวกโจรภูเขาอาจค้นตัว ดังนั้นข้าคิดว่าปิ่นปักผมเหมาะที่สุด"ส่วนมีดสั้นเล่มนั้น...จริงๆ ก็เป็นของที่นางอยากได้ แต่ตอนนี้นางไม่อยากได้แล้วเซียวเหิงกำมีดสั้นในมือแน่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเก็บมีดสั้นเล่มนั้น น้ำเสียงกลับดูห่างเหินขึ้นมา "เจ้าพูดถูก
แต่รอยยิ้มในตอนนี้กลับดูเหมือนเป็นการฝืนยิ้มเมื่อเห็นว่าไม่สามารถปิดบังเฉียวเนี่ยนได้ เซียวเหิงจึงยอมปริปาก "หน่วนหน่วนหายตัวไป""อะไรนะ?!" เฉียวเนี่ยนตกตะลึง ความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรงเข้ามาครอบงำนาง"หน่วนหน่วนหายตัวไปหรือ? ตั้งแต่เมื่อใดกัน?""ครึ่งชั่วยามก่อน""เช่นนั้นท่านยังไม่ไปออกตามหาหน่วนหน่วนอีกรึ เหตุใดถึงยังอยู่ที่นี่!" เฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะโวยวายออกมาด้วยความตื่นตระหนก "หากนางตกไปอยู่ในเงื้อมือของพวกโจรภูเขาจะทำอย่างไร!"ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเซียวเหิงก็เคร่งเครียดขึ้นเขามองไปยังนาง ดวงตาฉายแววเย็นชา "เจ้ารู้ได้อย่างไร ว่าเป็นพวกโจรภูเขา?""คราวก่อนท่านพูดเองนี่ ว่าพวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวง" เฉียวเนี่ยนพูด จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก "อีกอย่าง ตอนนี้เรื่องที่ว่าข้ารู้ได้อย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่ท่านต้องใส่ใจหรือ? หากว่าหน่วนหน่วนตกไปอยู่ในเงื้อมือของโจรภูเขาจริง ๆ ต้องจบไม่สวยแน่! ท่านรีบไปตามหานางเถอะ!"เซียวเหิงรู้สึกสั่นไหวในใจหน่วนหน่วนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขา เขาจะไม่เป็นห่วงนางได้อย่างไร?เพื่อปล้นสะดมทรัพย์สินแล้ว พวกโจรภูเขาเหล
ก็แค่ข่าวนั้น เซียวเหอก็ยังให้จี้เยว่หาคนไปปิดเอาไว้ก่อนไม่ว่าจะอย่างไร ในใจของเขา ความปลอดภัยของเนี่ยนเนี่ยนก็ยังคงมาเป็นอันดับแรกเสมอเขาไม่มีวันจะยอมเอาเนี่ยนเนี่ยนไปเสี่ยงอันตราย เพียงเพราะต้องการสร้างผลงานชื่อเสียงแต่พอจี้เยว่เพิ่งจะปิดข่าวลงได้ ซุนเซี่ยนก็กลับส่งคนออกไปแพร่ข่าวไปทั่วอีก จนในที่สุด ข่าวลือในเมืองหลวงก็ยิ่งลุกลามใหญ่โตจี้เยว่รู้สึกขุ่นเคือง "คุณชายใหญ่ ซุนเซี่ยนนี่มันไม่ได้เห็นค่าชีวิตของนายหญิงน้อยใหญ่ของพวกเราเลยสักนิด!"พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยนั้นล้วนแต่เป็นพวกโหดเหี้ยมอำมหิต หัวหน้าของพวกมันตายไปแล้วยังกล้าลงมาหาเรื่องตระกูลเซียวถึงเมืองหลวง ดูจากแค่นี้ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่พวกที่จะไปยุ่งด้วยง่าย ๆหากนายหญิงน้อยใหญ่ตกอยู่ในมือของพวกมัน ใครจะรู้ว่านางจะต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหนเซียวเหอสีหน้าหม่นลงเล็กน้อยตั้งแต่ซุนเซี่ยนมาหาเขา เขาก็รู้แล้วว่าซุนเซี่ยนกำลังคิดแผนการอะไรอยู่ ในตอนนั้นเขาก็เอ่ยถามขึ้นว่า "แล้วทางเหิงเอ๋อร์ล่ะ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?""คุณชายรองไม่ได้ไปที่ค่ายทหารเลยตั้งแต่เมื่อวาน อยู่แต่ในเรือนฝั่งอื่นตลอดวัน คงจะเดาได้แล้วว่าพวกโจรภูเขาจะม
ข่าวลืองั้นหรือ?เซียวเหอคิดในใจว่าเป็นไปได้สูง ที่จะเป็นเรื่องที่เขาสั่งให้จี้เยว่ทำเมื่อคืนเขาขมวดคิ้วและถามกลับ "ใต้เท้าซุน นี่คือเหตุผลที่ท่านมาวันนี้หรือ?"แต่แล้วก็ได้ยินซุนเซี่ยนลดเสียงลงเอ่ยว่า "ท่านรู้หรือไม่ว่า พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ย ปรากฏตัวอยู่ในเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้?"พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยหรือ?เซียวเหอตะลึง "นี่เป็นข้อมูลของเมื่อไหร่กัน?""ไม่กี่วันก่อนหน้านี้น่ะสิ! แม่ทัพเซียวก็รู้ ไม่เช่นนั้นบาทก็ไม่มีทางให้ข้าใช้ข้ออ้างนั้นหรอก!"เพียงแต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ราษฎรแตกตื่น เรื่องนี้จึงยังไม่ได้แพร่ออกไป อย่าว่าแต่เซียวเหอเลย ต่อให้เป็นเหล่าขุนนางในราชสำนัก ก็ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้คำพูดของซุนเซี่ยน เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจของเซียวเหอในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าเหตุใดเฉียวเนี่ยนถึงให้คนส่งข่าว แพร่เรื่องที่นางถูกเซียวเหิงกักขังออกไปนางไม่ได้ต้องการให้ฮ่องเต้ช่วยนางด้วยซ้ำ ข่าวคราวเหล่านั้น นางจงใจแพร่ไปให้พวกโจรภูเขาแห่งหยงเป่ยได้ยิน!ก่อนหน้านี้ เซียวเหิงเคยนำทัพปราบปรามพวกโจรภูเขาจนรังโจรภูเขาของพวกมันพินาศย่อยยับ บัดนี้พวกมันปรากฏตัวในเมืองหลวง ยากนักท
อีกด้านหนึ่ง เซียวเหอก็ได้รับข่าวคราวมาแล้วแต่จี้เยว่กลับไม่เข้าใจ "เหตุใดนายหญิงน้อยใหญ่ถึงต้องการให้พวกเราแพร่ข่าวคราวของนางออกไป? ต่อให้คนทั้งเมืองหลวงรู้เรื่องแล้วอย่างไร? มาถึงขั้นนี้แล้ว คุณชายรองคงไม่สนใจคำพูดคนรอบข้างแล้วมิใช่หรือขอรับ?"เซียวเหอเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันหรือเนี่ยนเนี่ยนต้องการให้คำพูดของพวกชาวบ้านทำให้เรื่องนี้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ฮ่องเต้ทรงบีบบังคับเซียวเหิง ให้ปล่อยตัวนางออกมา?อย่างไรเสีย การแย่งชิงสะใภ้ใหญ่ ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับของโลกภายนอกอยู่แล้วหากเหล่าขุนนางร่วมมือกันเล่นงานเซียวเหิง ย่อมถึงขั้นที่แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้แต่ว่า...ความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จนั้น เรียกได้ว่าเล็กน้อยจนแทบจะเป็นศูนย์ยังไม่ต้องพูดถึงว่า ตอนที่พวกเขาแพร่ข่าวจนทั่วทั้งเมืองนั้น เซียวเหิงก็ต้องใช้อำนาจของตนเองในการปิดเรื่องนี้ให้เงียบลงแม้จะเล็ดรอดไปถึงหูฮ่องเต้ แต่ด้วยนิสัยของเซียวเหิง เพียงคำว่า 'กระหม่อมไม่ทราบเรื่อง' ประโยคเดียว ต่อให้ฮ่องเต้สั่งลงโทษหนัก ใช้ไม้ตีทหารฟาดจนเลือดเนื้อเละเทะ เขาก็อาจไม่ยอมปริปากเลยก็ได้!เมื่อเห็นเซียวเหอไม่กล่าวอันใด จ
ห้องครัวไม่ได้กว้างนัก ตะกร้าใบใหญ่สองใบของพวกชาวสวนก็แทบจะกินพื้นที่ไปไม่น้อย บวกกับบรรดาพ่อครัวและเด็กรับใช้ที่กำลังยุ่งอยู่ภายในครัว ก็ยิ่งทำให้ดูแออัดยิ่งนักเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์จึงยืนรออยู่ด้านนอกของครัวเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้อย่างไรเสีย คนทั้งจวนล้วนเป็นคนที่เซียวเหิงคัดเลือกมาด้วยตนเอง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะพูดคุยกับเฉียวเนี่ยนแม้แต่คำเดียวเฉียวเนี่ยนก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรมากนักในวันนี้ หากแต่ไม่คาดคิดว่า ชาวสวนคนใหม่กลับเดินเข้ามา "ฮูหยิน ท่านดูสิ ผักนี่สดมากเลยขอรับ!"นอกห้องครัว เฉียวเอ๋อร์เห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ก็ขมวดคิ้วทันทีนางจ้องริมฝีปากของชาวสวนเขม็ง นางอ่านปากได้ แม้มิได้อยู่ข้างกายเฉียวเนี่ยน ก็ยังรู้ว่าชาวสวนพูดว่าอะไรเฉียวเนี่ยนก็ชะงักไปเล็กน้อย มองชาวสวนด้วยความแปลกใจ แต่ก็เห็นเพียงสีหน้าใสซื่อจริงใจของอีกฝ่าย หาได้มีพิรุธอันใดไม่แต่เมื่อนางก้มตามอง ก็เห็นบนใบของผักกาดขาวนั้น กลับถูกสลักไว้ด้วยเล็บเป็นตัวอักษรว่า 'เหอ'ชาวสวนคนนี้ เป็นคนของเซียวเหอ!เฉียวเนี่ยนเห็นดังนั้น จึงรับผักกาดขาวใบนั้นมา แล้วก็ปัดใบที่มีตัวอักษรสลักอยู่ออกอย่างแน
ตกดึกซุนเซี่ยนเพิ่งกลับถึงจวน กำลังจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาเตรียมพักผ่อน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเย็นเยียบดังมาจากด้านนอกเรือน "ข้าเซียวเหอ ขอพบใต้เท้าซุน"คิ้วของซุนเซี่ยนขมวดเป็นปมขึ้นมาในทันที เขารีบเปิดประตูออกไป ก็พบว่าใต้ชายคาหน้าประตู มีเพียงเซียวเหอยืนอยู่เพียงผู้เดียวส่วนเด็กรับใช้ที่ควรจะเฝ้าอยู่หน้าจวน กลับนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไปหมดแล้วใบหน้าของซุนเซี่ยนพลันแข็งตึง สายตาที่มองเซียวเหอฉายแววไม่พอใจขึ้นทันตา "คุณชายใหญ่ตระกูลเซียว นี่มันหมายความว่าอย่างไร?"กลางดึกย่องเข้าจวนเขา แถมยังเล่นงานเด็กรับใช้ของเขาให้สลบไปหมด เห็นชัดว่าไม่คิดมาดีแน่บนใบหน้าของเซียวเหอนั้น แม้จะปรากฏความเย็นชา ทว่าท่าทีของเขากลับสุภาพอ่อนน้อมอย่างยิ่งเขายกมือคำนับซุนเซี่ยนแล้วกล่าวว่า "ข้าได้ยินมาว่าวันนี้ใต้เท้าซุนรับพระบัญชาออกค้นหาโจรภูเขา จึงอยากเรียนถาม ไม่ทราบว่าพบเจอเบาะแสใดหรือไม่"ดวงตาของซุนเซี่ยนหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ "ว่าข้าจะได้อะไรหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะทูลฮ่องเต้ด้วยตนเอง ยังไม่ถึงคราวที่คุณชายใหญ่ตระกูลเซียวจะเข้ามาก้าวก่าย"เมื่อได้ยินดังนั้น บรรยากาศรอ
ต้องเป็นเซียวเหอที่ไปทูลขอฮ่องเต้ ฮ่องเต้ถึงได้ส่งองครักษ์มาที่นี่!หัวใจของนางเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาจากอกได้ทุกเมื่อร่างของเฉียวเนี่ยนสั่นไหวเล็กน้อย พลันก็อยากจะวิ่งไปหาซุนเซี่ยนโดยไม่รู้ตัวทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เท้าทั้งสองกลับหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยตะกั่ว ไม่อาจขยับแม้แต่ก้าวเดียวความหวาดกลัวอันไม่ทราบที่มาแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เฉียวเนี่ยนได้แต่ยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม มองดูเซียวเหิงกับซุนเซี่ยนประสานมือคำนับให้กันอย่างไร้ทางเลือก"ข้าก็คิดอยู่ว่าผู้ใดกันถึงกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นใต้เท้าซุนนี่เอง" เซียวเหิงกล่าวพลางยกมือชี้ไปยังอาหารบนโต๊ะ แล้วเอ่ยต่อว่า "ใต้เท้าซุนจะอยู่ร่วมโต๊ะสักหน่อยหรือไม่?"ซุนเซี่ยนเหลือบมองอาหารบนโต๊ะแล้วเอ่ยเสียงเย็น "ข้ายังมีราชกิจสำคัญที่ต้องทำ เกรงว่าจะไม่สะดวก"พูดจบก็ยกมือขึ้นส่งสัญญาณทันทีองครักษ์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังก็แยกย้ายกันออกไปทันทีและเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เฉียวเนี่ยนก็รู้ได้ในทันทีว่าวันนี้นางไปไม่ได้แล้วแล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่นานนัก เหล่าองครักษ์ที่แยกย้ายกันออกไปก็ทยอยกลับมาทีละคน คุกเข่ารายงานต่อซุนเซี่ยนว่า "ขอรายงา
ยิ่งไปกว่านั้น เฉียวเนี่ยนรู้ดีว่า ตนต้องตอบตามความจริงเท่านั้น จึงจะไม่ทำให้เซียวเหิงเกิดความสงสัยหากนางตอบตกลงทันทีว่าเป็นอาหารที่ตั้งใจทำให้เขา เกรงว่าเขาคงจะออกคำสั่งไม่ให้นางเข้าใกล้ห้องครัวอีกแม้แต่ก้าวเดียว!ส่วนเซียวเหิงเมื่อได้ฟังคำพูดของนาง ก็มิได้คิดมากอย่างที่คาดไว้ เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปาก "อืม อร่อยดี"เขาหัวเราะเบา ๆ พลางกินอย่างอารมณ์ดีเฉียวเนี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง สายตาหยุดอยู่ที่แขนซ้ายของเขาจริง ๆ แล้วนางเห็นตั้งแต่แรกว่าเขาบาดเจ็บ และก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเขาจึงได้รับบาดเจ็บทว่านางกลับไม่คิดจะถามนางไม่อยากให้เซียวเหิงเข้าใจผิดว่านางยังชอบเขายิ่งไปกว่านั้น ยิ่งเขาเป็นทุกข์ ก็จะยิ่งหงุดหงิดเขายิ่งหงุดหงิด นางก็ยิ่งมีโอกาสที่จะหาทางหลบหนีได้มากขึ้นคิดได้เช่นนั้น เฉียวเนี่ยนก็ไม่เอ่ยอะไรอีก เพียงหยิบตะเกียบขึ้นมา ลองคีบอาหารเข้าปากคำหนึ่งทว่าไม่ทันไร พออาหารเข้าปากก็ต้องคายออกมาทันทีหรือคนขายเกลือจะถูกนางตีตายไปแล้วกันแน่?!มันเค็มจนขมปากเลยทีเดียว!เห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของเฉียวเนี่ยนยู่ย่นเพราะฝืนกิน เซียวเหิงกลับยิ่งยิ้มสดใส กินอย่างมีความ
หากจะกล่าวว่ามีผู้ใดกล้าต่อกรกับเซียวเหิง อย่างน้อยก็คงมีเพียงซุนเซี่ยนผู้นี้เท่านั้นเพียงแค่...เบื้องหลังซุนเซี่ยน ยังมีทั้งตระกูลซุนอยู่ตระกูลซุนจะกล้างัดข้อกับเซียวเหิงหรือไม่นั้น… ก็ยังไม่แน่ชัดเห็นเซียวเหอยังไม่ลุกขึ้นในทันที ซูกงกงจึงรีบยื่นมือเข้ามาพยุงขาทั้งสองข้างของเซียวเหอเพิ่งหายดีได้ไม่นาน แม้ก่อนหน้านี้จะได้กินยาที่เซียวเหิงมอบให้ ซึ่งช่วยให้อาการดีขึ้นมากแล้วก็ตาม แต่เมื่อต้องคุกเข่าอยู่เกือบสองชั่วยาม ก็ย่อมไม่อาจฝืนได้หัวเข่าทั้งสองข้างชาราวกับไร้ความรู้สึกเมื่อเห็นดังนั้น ซูกงกงก็รีบหยิบขวดยาดองออกมา แล้วเอ่ยว่า "คุณชายใหญ่เซียว นี่คือของประทานจากฮ่องเต้ ท่านย่อมเข้าใจดีว่าฮ่องเต้ทรงเอ็นดูท่านเพียงใด เพียงแต่ฮ่องเต้เองก็มีเหตุจำเป็นของพระองค์ หวังว่าคุณชายใหญ่เซียวจะเข้าใจ"ดวงตาของเซียวเหอพลันหม่นลง เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่านี่คือคำเตือนของฮ่องเต้?เรื่องของตระกูลเซียว… อย่าได้ทำให้ฮ่องเต้ปวดหัวอีกได้ยินเช่นนั้น สองมือของเขาก็รับขวดยาดองไว้ และกล่าวว่า "ขอบพระทัยฝ่าบาท"จากนั้นก็หันหลังและค่อย ๆ เดินจากไปเขาเข้าใจดีเมื่อภารกิจสำเร็จแล้ว ผู้ที