ว่าจบอีกฝ่ามือหนึ่งก็วาดเข้ามาตบจนเฉียวเนี่ยนโซเซนางกุมหน้าเอาไว้ มองเต๋อกุ้ยเฟยที่สติแตก ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและโกรธเคืองปะทุขึ้นในใจทว่า...เฉียวเนี่ยนกลับหลุบตาลง ค่อยๆ คุกเข่าลงอารมณ์ของเต๋อกุ้ยเฟยไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้แต่นิด นางชี้หน้าด่าเฉียวเนี่ยน "เจ้ามันก็แค่นางแพศยาที่หญิงแพยศาให้กำเนิดออกมา! ตอนแรกข้าเห็นเจ้าน่าสงสารถึงได้ฝืนใจให้เจ้าแต่งงานกับเจ๋อเอ๋อร์ แต่เจ้ากลับรังเกียจเขา! นางไม่ใช่เพราะเจ้า เขาจะออกจากเมืองหลวงไปสำนักราชาโอสถอย่างปุบปับเช่นนี้ได้อย่างไร!"เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วแน่น นางรู้ว่าเต๋อกุ้ยเฟยคงรู้เรื่องที่ตัวเองข่มขู่หมิงอ๋องแล้วแต่ที่นางข่มขู่หมิงอ๋องมิใช่เพราะความรังเกีนจ แต่เพื่อป้องกันตนเองเพียงเท่านั้น เพื่อไม่ให้หมิงอ๋องทารุณนางหรือทารุณหญิงอื่นอย่างเลือดเย็นเช่นนั้นอีกนางไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหลินเย่ว์จะหลอกหมิงอ๋องว่าสำนักราชาโอสถมีวิธีต่ออวัยวะ ทั้งยังคิดไม่ถึงว่าหมิงอ๋องจะถูกโจรภูเขาหยงเป่ยจับตัวไป!แต่นางก็รู้ว่าคำแก้ตัวนางรังแต่จะราดน้ำมันลงบนกองไฟ จึงคุกเข่าลงบนพื้น หลุบตาลง ไม่พูดไม่จาเมื่อเห็นว่านางไม่ตอบโต้ อารมณ์ของเต๋อกุ้ยเฟยก็ค่อ
ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉียวเนี่ยนไม่เอ่ยแม้สักคำนางรู้ว่าตอนนี้หมิงอ๋องเป็นตายร้ายดีอย่างไร ไม่มีผู้ใดรู้ คนเป็นแม่อย่างเต๋อกุ้ยเฟย ย่อมสติแตก พาลโมโหคนอื่นยิ่งไปว่านั้น นางเป็นถึงกุ้ยเฟยผู้สูงศักดิ์คนยศตำแหน่งสูงส่งอย่างพวกนาง เดิมทีก็ไม่เห็นชีวิตของคนทั่วไปอยู่ในสายตาอยู่แล้วในสายตาของพวกเขา ชีวิตนางนั้นไร้ค่าหมิงอ๋องเฆี่ยนตีนางปางตาย ก็ปล่อยให้ตีไป ต่อให้ตายแล้วอย่างไรเล่า?ใครใช้ให้นางเกิดมาเป็นลูกของนางแพศยา ชีวิตไร้ค่า!หึ!เฉียวเนี่ยนคุกเข่าอยู่ที่เดิม สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าแววตาที่จ้องมองชายกระโปรงของตัวเองกลับเผยอารมณ์หนึ่งที่ยากจะอธิบายแล้วเหตุใดชีวิตนางถึงไร้ค่า?เหตุใดหญิงสาวที่ถูกหมิงอ๋องทรมานจนตาย กลับตายแล้วก็ปล่อยให้ตายไป?วินาทีนั้น ความเกรี้ยวโกรธของเฉียวเนี่ยนก็พุ่งถึงขีดสุดนางคิดว่าหากโจรภูเขาจับตัวหมิงอ๋องไปผ่าท้องมันเสียเลยคงดียิ่งนัก!แต่เมื่อเสียงสะอื้นของเต๋อกุ้ยเฟยค่อยๆ เบาลง ความเดือดดาลของเฉียวเนี่ยนเองก็เริ่มบรรเทาตามสติสัมปชัญญะบอกนางว่า หมิงอ๋องจะตายไม่ได้หมิงอ๋อง คือหนทางเดียวที่จะทำให้นางหลุดพ้นจากจวนโหวได้เร็วที่สุดเมื่อคิดได้ดังน
นางมีกิจการมากมายภายใต้ชื่อของตนเอง ทั้งสามารถร้องของจากฝั่งแม่ของนางได้อีก ขอเพียงแค่เจ๋อเอ๋อร์กลับมาอย่างปลอดภัยก็พอ!แต่คำตอบของเซียวเหิง กลับทำให้เต๋อกุ้ยเฟยแทบหมดเรี่ยวแรงน้ำเสียงเรียบเฉยของเซียวเหิงพูดว่า "พวกมันต้องการคำสั่งจากทางการ อนุญาตให้พวกมันตั้งรกรากที่เหอโจว"พวกมันต้องการความยอมรับจากทางการ ยืดครองพื้นที่เป็นราชาแห่งหุบเขา จี้ปล้นคนอย่างถูกต้อง!เพราะความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าของทหารที่ราชสำนักส่งไปปราบโจร ทำให้พวกมันกำเริบเสิบสานแต่จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า?คำร้องขอเช่นนี้ ต่างอะไรกับการเหยียบพระพักตร์ฮ่องเต้?ต่อให้โจรภูเขาพวกนั้นเอาชีวิตหมิงอ๋องไป ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางยอมรับคำเรียกร้องฮ่องเต้มีพระโอสรมากมายปานนั้น...เต๋อกุ้ยเฟยทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง โชคดีที่นางบ่าวมือไว รับตัวนางแล้วพยุงตัวไปนั่งเก้าอี้เต๋อกุ้ยเฟยพิงพนักเก้าอี้ น้ำตานองหน้า "ทำเช่นไรดี? ข้าควรทำเช่นไร?"หรือว่าเหลือความตายเพียงหนทางเดียว?แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเย่ว์จะโพล่งขึ้น "กุ้ยเฟยโปรดอย่างเพิ่งร้อนใจ ฮ่องแต่ส่งแม่ทัพเซียวนำทัพไปแล้ว ย่อมต้องช่วยหมิงอ๋องกลับมาได้แน่น
เต๋อกุ้ยเฟยกุมมือเฉียวเนี่ยนแน่นแม้เมื่อครู่นางจะด่าทอเฉียวเนี่ยน แต่นางก็รู้ดีว่าเฉียวเนี่ยนไม่มีทางยอมให้หมิงอ๋องเป็นอะไรไปเด็ดขาดเพราะหมิงอ๋องคือทางออกเดียวของนางหลินเย่ว์บอกว่าเวลานัดหมายแลกตัวคือยามจื่อคืนนี้ หลังจากเต๋อกุ้ยเฟยเอ่ยขอบคุณจากใจจริง ก็ปล่อยให้เฉียวเนี่ยนกลับไปพักผ่อนเฉียวเนี่ยนคำนับลา แผลไหม้บนบ่ายังคงปวดหนึบ แต่แผ่นหลังของนางยังคงตั้งตรง เดินสาวเท้ายาวออกไป ไม่สนใจสองคนที่ตามติดไม่ห่างเลยสักนิดจนกระทั่งมาถึงหน้าประตูวังหลวงเมื่อเห็นรถม้าของจวนโหวที่จอดอยู่หน้าประตู เฉียวเนี่ยนก็ขึ้นไปนั่งอย่างไม่มีลังเลนางยังไม่ทันนั่งลงบนรถ เซียวเหิงก็เอ่ยตามหลัง "ข้าจะปลอมตัวเป็นบ่าวตามเจ้าไป"เขาต้องการจะบอกเฉียวเนี่ยนว่า เขาจะตามอยู่ข้างหลัง ไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใดแต่เฉียวเนี่ยนกลับเหลียวมองเขา ก่อนจะถามประชด "แม่ทัพเซียวทำไปเพื่อปกป้องช้า หรือเพื่อปกป้องหมิงอ๋องเจ้าคะ?"เขาบอกว่าจะตามนางอยู่ข้างหลัง หากอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตาย เขาจะช่วยหมิงอ๋อง หรือช่วยนาง?เห็นได้ชัดว่าคำตอบคืออะไรการที่เขาปลอมเป็นบ่าวรับใช้ ไม่ได้ทำเพื่อนางเลย แต่ทำตามราชโองการของฮ่องเต้
อันที่จริง เขาเป็นคนทำให้เฉียวเนี่ยนมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นแต่ว่านางจำแทบไม่ได้แล้วทุกวันนี้นางรู้แค่ว่าเขาเป็นคนออกความเห็นให้หลินเย่ว์พานางขึ้นเตียงของพี่ชาย!ถ้าจะให้พูด ก็ต้องโทษหลินเย่ว์แค่ให้ซื้อยานอนหลับยังไม่ได้เรื่อง เกือบจะเป็นเรื่องใหญ่โต!พอคิดได้เช่นนั้น เซียวเหิงก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่หลินเย่ว์ จากนั้นก็หันหลังขึ้นรถม้าของจวนแม่ทัพหลินเย่ว์รู้สึกแปลกๆ ทว่ารถม้าจวนโหวก็วิ่งออกไปไกลแล้ว เขาเลยได้แต่ขึ้นไปบนรถม้าของเซียวเหิงใครจะรู้ เซียวเหิงจู่ๆ ก็เปิดม่านออกมาและพูดใส่หลินเย่ว์ "ฉันมีธุระส่วนตัวต้องจัดการ พี่หลินคงไปด้วยไม่ได้"พูดจบก็หันไปบอกคนขับรถม้า "ไปเถอะ!"คนขับรถม้ารับคำ บังเหียนม้าสะบัดพร้อมกับรถม้าเคลื่อนออกไปเหลือเพียงหลินเย่ว์ยืนอยู่หน้าประตูวัง เขาทำสีหน้าไม่ถูกเฉียวเนี่ยนพอกลับมาถึงเรือนฟางเหอ หนิงซวงก็เข้ามาต้อนรับและถามอย่างกระตือรือร้น "คณหนู เสี่ยวชุ่ยถูกไล่ออกจากจวนแล้ว คุณหนูรองเองก็ทราบเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้ขวางอะไร ถ้าให้บ่าวเดา คุณหนูรองต้องแอบไปหาเสี่ยวชุ่ยแน่ แต่ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ บ่าวให้หวังอู่คอยสะกดรอยตามแล้ว เขาเป็นคนที่ฉลาดสุด
แม้เฉียวเนี่ยนเคยร่ำเรียนวรยุทธมาบ้าง การรับมือกับพวกลูกกระจ๊อกถึงจะไม่ใช่ปัญหา แต่หากต้องประมือกับยอดฝีมือจริงๆ คงจะสู้ไม่ได้อีกอย่างกลุ่มโจรภูเขาหยงเป่ยแต่ละคนล้วนผ่านการขัดเกลาฝึกฝนยังดีที่หลายปีมานี้นางผ่านการฝึกฝนวรยุทธในสนามรบจากเซียวเหิงมาบ้าง พอจะสามารถเอาชีวิตรอดแม้ว่าจะมีเวลาสั้นๆ อีกไม่กี่ชั่วยามก่อนจะถึงยามจึ แต่ต่อให้สามารถใช้ได้หนึ่งหรือสองกระบวนท่า ไม่แน่ก็อาจไว้ใช้เอาตัวรอดยามขับขันได้ (ยามจึ หมายถึง ช่วงเวลา 23:00-01:00)ดังนั้นเฉียวเนี่ยนจึงพยักหน้า "งั้นคงต้องรบกวนแม่ทัพเซียวแล้ว"ทว่านางกลับไม่ได้ยื่นมืออกไปรับมีดสั้นแววตาของเซียวเหิงหนักอึ้งเขาจำได้ว่านายเคยชอบมีดสั้นเล่มนี้"นี่คือ..."เขาคิดว่า นางลืมไปแล้วแต่ว่าเฉียวเนี่ยนก็ขัดจังหวะเซียวเหิงเสียก่อน นางดึงปิ่นปักผมบนศีรษะออก "มีดสั้นสะดุดตาเกินไป ไม่แน่พวกโจรภูเขาอาจค้นตัว ดังนั้นข้าคิดว่าปิ่นปักผมเหมาะที่สุด"ส่วนมีดสั้นเล่มนั้น...จริงๆ ก็เป็นของที่นางอยากได้ แต่ตอนนี้นางไม่อยากได้แล้วเซียวเหิงกำมีดสั้นในมือแน่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเก็บมีดสั้นเล่มนั้น น้ำเสียงกลับดูห่างเหินขึ้นมา "เจ้าพูดถูก
ท่านโหวหลินรู้สึกว่าเป็นลางร้ายเลยอดตวาดไม่ได้ "จะร้องไห้หาอะไร? การแบ่งเบาภาระราชสำนักนับว่าเป็นเกียรติของจวนโหว! เป็นเกียรติของเนี่ยนเนี่ยน!"ขณะพูด ท่านโหวหลินก็หันมองเฉียวเนี่ยนและพูดด้วยเสียงทุ้ม "จำไว้ให้ดี ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น หมิงอ๋องสำคัญที่สุด หากท่านหมิงอ๋องไม่ได้กลับมา เจ้าเองก็...""ท่านโหว!" ฮูหยินหลินตวาดใส่ ขัดจังหวะพูดของท่านโหวหลินท่านโหวหุบปากเงียบอย่างหงุดหงิด ทว่าเฉียวเนี่ยนรู้ว่าท่านโหวหลินจะพูดอะไรเขาอยากพูดว่าหากท่านหมิงอ๋องไม่ได้กลับมา นางเองก็จะไม่ได้กลับมาเช่นกัน!ซึ่งก็จริง นางออกมาจากกรมซักล้างได้ก็เพราะจวนโหวต้องการให้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับหมิงอ๋องหากหมิงอ๋องตาย นางก็จะไม่มีประโยชน์กับจวนโหวอีกเฮอะ!เมื่อก่อนปากก็เอาแต่พูดว่าเห็นนางเป็นเหมือนลูกแท้ๆ ของท่านโหวหลิน สุดท้ายก็พูดความในใจออกมาจนได้!รู้สึกเศร้าขึ้นมาในใจนางหันมองท่านโหวหลิน นึกถึงสมัยเด็กที่ตนเองขี่คอเขาชมดาวบนท้องฟ้า ความเจ็บปวดขมขื่นใจยิ่งรู้สึกชัดขึ้นมาไม่อยากจะอยู่ร่วมชายคากับพวกเขาแล้วเฉียวเนี่ยนลุกขึ้นมา "ข้าขอออกไปสูดอากาศหน่อย"พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกตอนเด
หลินยวนลงมือได้รวดเร็ว เฉียวเนี่ยนเกือบจะถูกลากลงไปในสระบัวทว่าเฉียวเนี่ยนกลับใช้เท้าขวายันราวสะพานหินทันอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด นางออกแรงโน้มตัวไปด้านหลัง แขนก็ถูกดึงไปด้านหลังด้วยเช่นกันส่วนหลินยวนซึ่งหลังได้แตะกับผิวน้ำแล้ว ก็ถูกเฉียวเนี่ยนดึงกลับขึ้นมาทั้งอย่างนั้นทว่าขาสองข้างของหลินยวนกลับอ่อนยวบ ทันใดนั้นก็คุกเข่าลงตรงหน้าเฉียวเนี่ยน น้ำตาไหลพรากอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่เฉียวเนี่ยนสะบัดมือของหลินยวนออกและถอยห่างออกไปสองก้าวอย่างรังเกียจแผลที่ถูกเต๋อกุ้ยเฟยลวกตรงไหล่ขวาก็ปวดขึ้นมามองหลินยวนร้องไห้จนควบคุมตัวเองไม่ได้ นางปวดแผลจนอดไม่ได้ที่จะตวาดใส่ "ชาติก่อนฉันไปทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้เจ้าถึงได้ตามจองล้างจองผลาญข้า! ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้หลินยวน ข้ากับเจ้าไม่ได้สนิทกัน ถ้าเจ้าอยากตายนักก็ไปตายให้พ้นๆ ข้า!"คนในเรือนพอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็กรูกันออกมาหลังจากเห็นเหตุการณ์บนสะพานหิน ฮูหยินหลินก็สะดุ้งตกใจจนรีบวิ่งเข้ามา "เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น? ยวนเอ๋อร์...""หยุดอยู่ตรงนั้น!" เฉียวเนี่ยนตวาด หันไปมองฮูหยินหลินด้วยแววตาลุกโฉนฮูหยินหลินไม่เคยเห็นเฉียวเนี่ยนโมโหขนาดนี้ นางตกตะลึง
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน