“ฉันจะสั่งยานอนหลับทางอินเทอร์เน็ต”
“ฉันจะโทรหาเมีย” เขาเอ่ยบ้าง เทียนหยดเบะปากใส่น้อยๆ แต่สมัตถ์ไม่สนใจ ถ้าหล่อนอยากอิจฉาคนมีความรักก็ช่างหล่อนเถิด
หญิงสาวเดินกลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงาน เสิร์ชหาของที่ต้องการทางอินเทอร์เน็ตแล้วสั่งให้เขาเอามาส่งที่นี่โดยยอมเสี่ยงจ่ายเงินก่อนเพื่อความสะดวก
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ”
เขาบ่นให้ศรีภรรยา ด้วยว่าต่อสายไปสองสามครั้ง รออยู่เป็นนาทีก็ไม่มีคนรับ
“มีกิ๊กหรือเปล่า” เสียงหวานของเทียนหยดเอ่ยประชดประชัน
สมัตถ์หน้าตึง “ปากเสียจริงๆ ไม่แปลกที่โดนสวมเขา”
เทียนหยดอ้าปากค้าง นี่เธอโดนด่าอยู่ใช่ไหม เสียความมั่นใจนะโว้ย!
“คุณสมัตถ์!”
“อะไร”
“แทงใจดำฉันจึ๊กๆ เลย! อีตาบ้า!” ด่าเขาแต่มีรอยยิ้มระบายที่มุมปาก
สมัตถ์เองก็เผลอยิ้มไปด้วย หล่อนเอามือทุบอกข้างซ้ายปึ้กๆ ช่างน่าขัน ดูท่าว่าเทียนหยดจะเริ่มทำใจได้แล้ว มันคงตัดใจได้ง่ายในเมื่อกล่อนกับแฟนยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกาย นอกจากความรู้สึกและเงินที่เสียไป หล่อนก็ยังไม่ได้เสียอะไร
เทียนหยดด่าจบก็ไม่ยอมพูดกับเขาอีก เธอสั่งของเสร็จ จัดการปิดโน้ตบุ๊ก แล้วคิดหาเรื่องอะไรสนุกๆ ทำ
“คุณสมัตถ์”
“อะไร? ให้ตายเถอะ เธอเรียกชื่อฉันบ่อยกว่าเมียที่บ้านซะอีก”
หญิงสาวยิ้มแป้นรับคำ “ฉันว่ามันใกล้เที่ยงแล้ว เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
“ทำไมฉันต้องไปกินข้าวกับเธอบ่อยๆ ด้วยล่ะ”
“เพราะเราเป็นเพื่อนกันไงคะ”
“ฉันเปล่าเป็นเพื่อนเธอ”
คนสวยอ้าปากค้าง “ก็คุณยังให้ฉันยืมหลังแทนผ้าเช็ดหน้าเลยนี่นา”
“นั่นเธอขอร้อง ส่วนฉันก็เป็นสุภาพบุรุษจะปฏิเสธก็กระไร”
เขาว่าหน้าตาย ในความเป็นจริงนั้นไม่อยากอยู่ใกล้เทียนหยดมากเกินจำเป็น มันไม่ปลอดภัยต่อสถานะสามีของราตรี
“โหดร้ายมาก ฉันก็แค่ไม่มีเพื่อนกินข้าวหรอกน่า สาวโสดน่ะ เข้าใจกันบ้างไหม” ว่าพลางเม้มปากแน่นแล้วกะพริบตาปริบๆ ให้เขาเห็นใจ
“เธอก็โทรเรียกเพื่อนมาช่วยกินสักคนสิ”
“ฉันมีเพื่อนที่ไหน ชีวิตนี้มีแต่งานกับครอบครัว” แม่คนแสนดีอวดตัวเอง
“ฉันไม่ไป เดี๋ยวไนท์รู้ มันจะเป็นเรื่อง”
“โธ่เอ๊ย คนอะไรกลัวเมีย ฉันแค่ชวนไปกินข้าว เราจะได้คุยเรื่องงานไปด้วย ไม่ได้จะชวนไปทำอย่างอื่น เป็นผัวเมียกันต้องไว้ใจกันบ้างสิคุณ” บ่นให้เมียชาวบ้านอีกครั้งอย่างตั้งอกตั้งใจ
สมัตถ์เริ่มรำคาญเทียนหยด ไม่ชอบหรอกนะที่ใครจะมาค่อนขอดภรรยาตัวเองให้ได้ยิน “โอเค กินข้าว คุยงาน เธอจ่าย”
“โอเค ก็ได้ ฉันจ่ายจนชินแล้วล่ะ” บอกเหมือนประชดแต่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปสั่งความบางอย่างกับอเนก
“คุณอเนกเดี๋ยวจะมีของมาส่ง เซ็นรับให้เทียนหน่อยนะคะ ของจะมาราวบ่ายโมง เทียนจะเข้ามาเอาอีกทีตอนบ่ายแก่ๆ” เธอสั่ง
อเนกครุ่นคิดเพราะเห็นว่าเทียนหยดจะออกไปพร้อมสมัตถ์
“แล้วคุณสมัตถ์ละครับ จะเข้ามาอีกไหม”
“มาสิ เตรียมเอกสารการประชุมพรุ่งนี้ให้ด้วย ฉันจะอ่านมันสักรอบจะได้ไม่ผิดพลาด แล้วก็...ไปกินข้าวเถอะ จะเที่ยงแล้ว ไม่ต้องรอเวลาหรอก”
“ครับๆ ขอบคุณครับ” อเนกยิ้มรับแล้วรอจนเทียนหยดและสมัตถ์เดินไปจนลับสายตาจึงได้จัดการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วลงไปหามื้อเที่ยงรับประทาน
______________
ณ ห้างใหญ่ใจกลางเมืองกรุง
เวลานี้จวนจะบ่ายโมงแล้ว แต่สมัตถ์ยังไปไม่ถึงบริษัทเลย เทียนหยดโอ้เอ้ดูของต่อ และเขาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่โมโหหล่อน บางทีหล่อนก็เป็นเพื่อนคู่คิดที่ดี ปรึกษาหารือเรื่องงานได้ บางทีก็เป็นแม่สาวเจ้าน้ำตาให้เขาต้องคอยปลอบ และบางทีก็เป็นตัวน่ารำคาญที่เขาสลัดเท่าไหร่ก็ไม่พ้นตัว
“ว้าว...คุณๆ ดูสิ สร้อยสวยเป็นบ้าเลย” อุทานอย่างตื่นตะลึงเมื่อเดินผ่านร้านขายเครื่องประดับที่มีสร้อยคอเส้นเล็กๆ ห้อยจี้ทรงสี่เหลี่ยมแบบสามมิติ มันดูคล้ายกล่องใบจ้อยจิ๋วที่เอามาห้อยไว้กับตัวสร้อย
“หยุดเลย เธอลืมเอากระเป๋าสตางค์มา และฉันไม่มีวันซื้อให้เด็ดขาด”
คนสวยถูกเบรกหน้าหงาย ก็แหม...สร้อยสวยอ่า อยากได้ ซื้อวันนี้เถอะ ไม่ได้จะให้ซื้อให้เสียหน่อย
“ขอยืมการ์ดรูดก่อนได้ไหมคุณ ไม่ถึงหมื่นหรอกน่า แล้วนั่นๆๆ ดูสิ มันเขียนว่าซื้อหนึ่งแถมหนึ่งด้วยนะ โอ๊ย...อยากได้!” เธอโอดครวญ
สมัตถ์โบกมือไหวๆ พลิกดูนาฬิกาบนข้อมือด้วยอยากบอกให้รู้ว่าหล่อนกำลังทำให้เขาเสียเวลา
“สักเส้นนะคุณ ซื้อไปง้อเมียไง” หาทางยอมให้เขาใช้การ์ดรูดซื้อของชิ้นนี้ และพอเอ่ยคำว่าเมีย สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป เขาจ้องมองสร้อยอย่างพิจารณา ก่อนจะล้วงเอากระเป๋าออกมา แล้วหยิบการ์ดมาถือไว้ คนสวยยิ้มหวานอย่างสมใจ “คุณเป็นสามีที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุดในสามโลกค่ะสมัตถ์ ชักอิจฉาเมียคุณแล้วล่ะ” ทำหน้าปลื้มปริ่มจนโอเว่อร์ สมัตถ์มองแล้วได้แต่กลั้นยิ้ม
หญิงสาวเรียกพนักงานมาจัดการเรื่องสร้อย ได้ของกลับมาสองถุงกระดาษเล็กๆ พร้อมกับบัตรเครดิตของเขาและใบเสร็จ เธอยื่นถุงหนึ่งในมือให้เขาไป
“เอ้าคุณ อันนี้คุณซื้อ...เอาไป ส่วนอันนี้...” เธอยกถุงอีกถุงที่ยังถืออยู่ ชูให้เขาดูระดับอก ก่อนจะใช้อีกมือตบเบาๆ “มันแถมค่ะมันแถม...ของแถม ฉันอาสารับเอง โอเคนะคะ” บอกแล้วยิ้มกว้างจนสมัตถ์เข้าอกเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
“เธอมันร้ายเทียนหยด” ว่าพลางสายหัวแล้วเดินออกจากร้านขายเครื่องประดับ
ทั้งคู่เดินเคียงกันไป ไม่ได้รีบร้อน มองเผินๆ คล้ายกับว่าเป็นคู่รักกันเสียมากกว่า เพราะฝ่ายหญิงก็สวยเฉี่ยวเปรี้ยวจี๊ด ส่วนฝ่ายชายก็รูปหล่ออย่าบอกใคร
“ขอบคุณนะคะสามีชาวบ้าน” เธอประชด แต่ยังยิ้มอยู่
สมัตถ์มองรอยยิ้มสดใสของเทียนหยดแล้วเผลอเอามือกุมหัวใจ ให้ตายเถอะ มันเต้นแรงอีกแล้ว เขารักภรรยามากนะ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ มันรู้สึกผิดเหลือเกิน เขาจะมารู้สึกอะไรแบบนี้กับเทียนหยดไม่ได้ มันผิด!
“นี่คุณ เป็นอะไร แน่นหน้าอกเหรอ”
เขาเอามือออกอย่างไว “เปล่า” บอกแล้วเสเปิดถุงออกดู มีกล่องเล็กๆ อยู่ในนั้น ใบหน้างามของศรีภรรยาแวบเข้ามา แล้วหัวใจที่เต้นแรงเมื่อครู่ก็เข้าสู่ภาวะปกติ
“ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวนะคุณสมัตถ์ แถมยังซื้อสร้อยให้ฉันอีก”
แม่สาวจอมป่วนเอ่ยวาจาที่ถ้าใครไม่รู้เรื่องคงเหมาเอาว่าเขาพิศวาสหล่อนถึงขนาดยอมซื้อของให้
“นั่นมันของแถม ฉันไม่ได้ซื้อให้เธอ”
“แหมๆ เหมือนกันละน่า ทำบุญทำทานกับคนโสดหน่อยเถอะ ฉันออกจะน่าสงสาร ว่าที่สามีก็แอบมีหญิงอื่น เท่านั้นไม่พอนะ ผู้หญิงคนนั้นมีสามีแล้วด้วยล่ะ”
“โอ...น่าสงสารคนเป็นสามีนะ ไม่ได้รู้เลยว่าเมียตัวเองร้ายกาจแค่ไหน” เอ่ยออกมาอย่างนึกสงสารจริงๆ และภาวนามิให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพนั้น
“ใช่...ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย น่าสงสารเนาะ ยิ่งถ้าหล่อนมีสามีดีๆ แบบคุณ ถ้าเกิดสามีรู้เรื่องขึ้นมา เขาคง...”
“ใจสลาย...” สมัตถ์ตอบแทน ความรู้สึกมันคงคล้ายๆ อย่างนั้นล่ะ ยิ่งรักมากยิ่งเจ็บมาก ทั้งรักทั้งแค้น ทั้งโกรธมาอัดอยู่ในหัวใจดวงเดียว สุดท้ายก็คงไม่พ้นแตกสลาย
“ใช่...ใจสลาย คุณเคยคิดไหมว่าวันหนึ่งอาจเจอเรื่องราวอย่างนั้นบ้าง”
“ไม่” เขาตอบหนักแน่น “เพราะไนท์ไม่มีวันหักหลังฉัน ไนท์รักฉันและฉันก็รักไนท์ และเธอ...อย่าพยายามอ่อยฉัน”
หญิงสาวอ้าปากค้าง หยุดเดินแล้วเท้าสะเอวจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง
“ฉันเปล่าทำอย่างนั้น”
“เธอทำ ขอบอกไว้เลยว่าไม่สำเร็จ ฉันรักเมียฉัน ส่วนเธอก็อกหักรักคุด เป็นสาวโสดอยู่บนคานต่อไปเถอะ”
“อ๊าย! คุณสมัตถ์ แรง!” เธอร้องดังๆ หน้าชาเพราะถูกตอกหน้าด้วยข้อกล่าวหาที่มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ว่ามีมูลหรือเปล่า ส่วนเขาสิ พอว่าเธอเสร็จก็อมยิ้มกลั้นขำ คงสนุกที่ป่วนประสาทเธอได้กระมัง “แกล้งฉันได้นี่มีความสุขจริงนะ”
“อาฮะ” เขารับคำหน้าบาน เลี้ยวขวาเดินไปยังลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่างสุดของห้างสรรพสินค้า เพราะจอดรถเอาไว้ที่นั่น “เธอจะกลับด้วยกันหรือเปล่า ไปช่วยฉันทำงาน” เขาแนะ
เทียนหยดพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะส่ายหน้าพรืด
“อะไรของเธอ”
“ฉันจะกลับกลับคุณ แต่ไม่ได้จะไปช่วยคุณทำงาน ฉันจะกลับไปเอากระเป๋าสตางค์ กับของที่สั่งไว้น่ะ แล้วจะออกไปแต่งสวย เอาชนิดที่ว่าผู้ชายเห็นแล้วต้องยอมศิโรราบ” เพ้ออย่างใหญ่โตมโหฬาร
สมัตถ์ส่ายหน้าระอา เดินเข้าลิฟต์ก่อนหน้าหล่อน
“เอาที่สบายใจเลยเทียนหยด ฉันไม่ขอออกความเห็นแล้ว ชีวิตฉันวุ่นวายมากพอแล้ว”
“งั้นเหรอ ทำไมล่ะ” ถามงงๆ เพราะไม่เห็นว่าชีวิตเขาจะวุ่นวายอะไร แค่ตื่นเช้ามาทำงาน เลิกงานรีบกลับบ้านไปหาเมียเท่านั้นเอง
สมัตถ์มองเทียนหยดผ่านผนังลิฟต์มันวาว ฝืนยิ้มเพลียๆ ก่อนจะตอบว่า
“เพราะเธอไง”
พรางพิษEP 1แสนชัง___________กลุ่มควันสีเทาปนดำ พวยพุ่งออกจากปากปล่องเมรุภายในวัดดังแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกรุงฯ สมัตถ์ โสภณวิชญ์ มองตามกลุ่มควันแล้วถอนหายใจพรืดใหญ่ ดวงตาแดงก่ำนั้นแทนคำบอกเล่าถึงความเศร้าที่อยู่ภายใน หกเดือนที่แล้วเขาเสียมารดาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่นั่นไม่ทำให้เขาเจ็บปวดเท่าที่ว่ามารดาวัยเลยสาวของเขานั้นแอบนัดแนะสามีคนอื่นออกมาพบเจอกัน บิดาผู้ซื่อตรงของเขารู้เรื่องนี้เข้า และติดตามจนพบเจอพวกเขา เกิดเรื่องเศร้าที่ไม่มีใครคาดคิด หลังมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงนั้น มารดาเขาขับรถออกไปพร้อมชู้รักและเกิดอุบัติเหตุขึ้น มารดาที่รักเสียชีวิตคาที่ ในขณะที่ชู้รักอาการหนักจนต้องนอนแบ็บติดเตียง ส่วนบิดาที่เคารพ ก็เข้าสู่โหมดตรอมใจนับตั้งแต่วันนั้น และครึ่งปีให้หลัง ท่านก็เสียชีวิตลง งานศพของท่านกำลังจะเสร็จสิ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าแล้ว“มัตถ์คะ พวกนั้นมาค่ะ”เสียงศรีภรรยากระซิบใกล้ๆ หู สมัตถ์หันไปมองด้านหลัง ร่างงามระหงที่เขาแสนชิงชังกำลังเดินเข้ามาในศาลา วงหน้างามด้วยเครื่องสำอางทาบทา ดูสดใสจนคนมองอย่างเขานึกหมั่นไส้ หล่อนควรตีหน้าเศร้าสักนิดตอนที่เดินเข้ามาในงานศพอย่างนี้
EP 1/2 แสนชังสองอาทิตย์ให้หลังสมัตถ์เดินวนไปวนมาหน้าประตูห้องทำงานของบิดา สองอาทิตย์มาแล้วที่เขาเฝ้ารอการมาของเทียนหยด และวันนี้ก็มาถึง เขาไม่รู้ว่าหล่อนติดธุระอันใด แต่เห็นแล้วว่าหล่อนผิดนัดไปหลายวันเชียวล่ะตอนนี้ย่าของเขากำลังเจรจากับเจ้าหล่อนอยู่ เขาจะไม่สนหรอกหากว่าวันนี้ย่าไม่เรียกตัวทนายมาด้วย มันชวนให้เขาวิตกถึงอะไรบางอย่างที่ยังไม่รู้แน่ชัดแอ๊ด...ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างผอมเตี้ยของทนายที่ทุกคนในโสภณวิชญ์รู้จักดี ด้วยว่าทำงานร่วมกันตั้งแต่กิจการโรงแรมของตระกูลยังรุ่งเรืองอยู่ ตามมาด้วยร่างอรชรของแม่สาวชุดดำที่เขานึกชิงชังมิคลาย“เอ้า ตามัตถ์? มาทำอะไรตรงนี้”ศรีสุรางค์ที่เดินออกมาจากห้องเป็นคนสุดท้ายเอ่ยถามหลานชายด้วยสงสัย“เอ่อ...เปล่านี่ครับ ก็เดินเล่นไปเรื่อย”ศรีสุรางค์ทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ ก่อนจะเอ่ย“ย่าไปส่งคุณทนายก่อน แล้วจะกลับมาคุยกับเรา ไปรอในห้องนั่งเล่นล่ะ”“ครับคุณย่า”เทียนหยดเตรียมตัวจะก้าวเดินเมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองก้าวนำหน้า แต่ข้อมือข้างหนึ่งของเธอถูกดึงไว้ด้วยมือแข็งราวคีมเหล็กของเขา“ปล่อยค่ะ”“บอกมาก่อนว่าเธอคุยอะไรกับคุณย่า”เทียนหยดยิ้มเยือกเย็น เขาจะทำหน้
EP 1/3 แสนชังไม่กี่วันหลังจากนั้น สมัตถ์ก็มานั่งอยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่ของบริษัท RPS Cosmetic Co.,Ltd. บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยความงาม เขานั่งชั่งใจเป็นหนสุดท้ายก่อนรับภาระอันหนักอึ้งมาไว้บนบ่า คุณย่าที่รักปรารถนาให้เขารับมันไว้แต่โดยดี แต่เขายังสองจิตสองใจ แม้ว่าหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์มันจะมากกว่าหุ้นของหุ้นส่วนอีกสองคนที่เหลือ แต่ยังน้อยไปเมื่อเทียบกับหุ้นของผกากรอง ท่านประธานคนใหม่ของ RPS และดูเหมือนว่ามารดาของเทียนหยดจะทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากจิกหัวใช้ลูกสาวน่าแปลกใจไหมเล่าที่เทียนหยดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในหุ้นของบริษัทนี้ หล่อนทำหน้าที่เป็นเพียงใครบางคนที่มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการสั่งการไม่ต่างจากเขา ทว่าไร้ตำแหน่งที่แน่นอน เขาเดาว่าตำแหน่งจริงๆ ของหล่อนนั้น น่าจะแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อควบคุมเขาเสียมากกว่า“เสร็จหรือยังยัยเทียน ฉันต้องรีบไปโรงเรียนตาโอบนะ” สตรีวัยเลยสาว ที่วันนี้แต่งกายเรียบหรูดูดีทุกกระเบียดนิ้ว เอ่ยถามบุตรสาวอย่างไม่เกรงใจใคร ด้วยว่านั่งอยู่ตรงนี้มาชั่วโมงหนึ่งแล้ว ฟังถ้อยเจรจาเรื่องข้อตกลงของหุ้นส่วนใหม่จนเบื่อเหลือกำลัง“ชู่ว์...คุณแม่คะ เสียมารยาท
ภายในลิฟต์โดยสารที่มีเพียงสองแม่ลูก ลิฟต์เคลื่อนลงไปเรื่อยๆ ตามความสูงของอาคารหกชั้น“แม่คะ”“อย่ามาพูดกับฉัน ฉันโกรธอยู่” ผกากรองว่าแล้วมองหน้าตัวเองในผนังลิฟต์มันวาว มีความไม่พอใจระบายอยู่บนใบหน้าของตัวเองจนต้องเลื่อนดวงตาไปมองทางอื่น“มันเป็นความประสงค์ของคุณลุงนี่คะ”“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้อะไรคนพวกนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ แกรู้ดีที่สุดยัยเทียน” ว่าแล้วจับกระเป๋าคลัตช์ใบหรูมาหนีบไว้ใต้วงแขนแรงๆ ด้วยรูปร่างที่ระหงทุกสัดส่วนทำให้ผกากรองยังดูดีเมื่อเทียบกับอายุจริง“ถ้าไม่ยกให้เขา แม่อยากยกให้ใครละคะ คุณลุงให้หุ้นพวกเขาอย่างน้อยๆ แม่ก็มั่นใจได้เลยว่าเขาไม่พาบริษัทเจ๊งแน่ๆ หนูทำคนเดียวไม่ไหวหรอกนะคะ”เทียนหยดชี้แจง เธอไม่ได้ทำงานให้ RPS เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง งานบริหารจัดการของเธอเธอก็ต้องดูแล“นั่นแหละที่ทำให้ฉันโกรธ ถ้าฉันรู้เรื่องงานบริหารมากกว่านี้สักนิดก็คงไม่ต้องให้หุ้นพวกเขาหรอก”เทียนหยดส่ายหน้าช้าๆ มองมารดาแล้วสะท้อนในอก“แม่คะ ถึงยังไงคุณลุงก็ยกหุ้นให้คุณสมัตถ์อยู่ดี ต่อให้แม่ทำงานเก่งแค่ไหน หุ้นตรงนั้นคุณลุงก็ไม่ให้แม่หรอกค่ะ”
ณ บ้านโสภณวิชญ์อันโอ่อ่าสมฐานะเจ้าของ เจ้าบ้านใหญ่นั่งอยู่กับหลานชายบนโซฟาผ้าไหมสีเขียวอ่อน ถัดไปเป็นหลานสะใภ้และเก้าอี้ว่างหนึ่งตัว ตรงข้ามกันนั้นเป็นร่างของสามแม่ลูกที่นั่งเรียงกันบนโซฟาตัวยาวเช่นกัน“บ้านนี้มีหลายห้อง แต่ว่า...”“แต่ว่ามีห้องว่างแค่ห้องเดียว ข้างบน”สมัตถ์เอ่ยขัดวาจาของย่า ไม่ได้เต็มใจกับการมาอยู่ที่นี่ของสามแม่ลูกสักนิด หากเป็นไปได้ก็อยากเอาน้ำยาฆ่าเชื้อมาสาดไล่เชียวล่ะ“ฉันนอนกับตาโอบได้ แต่ว่ายัยเทียน...” ผกากรองเปรยอย่างกังวล“น่าจะมีห้องว่างที่ข้างล่างนะคะ” เทียนหยดเอ่ยแทรกแล้วมองออกไปนอกประตูห้องรับแขก เธอเห็นประตูอยู่สองสามบาน น่าจะเป็นห้องละนะ“ข้างล่างเป็นห้องทำงานฉัน และห้องพักสำหรับแขก” สมัตถ์รีบบอก เทียนหยดยิ้มน้อยๆ“งั้นฉันอยู่ห้องรับแขกก็ได้”“ไม่ได้ ถ้าเธออยู่ห้องนั้น แล้วถ้าแขกมาล่ะ จะให้ปูเสื่อนอนหรือไง”ราตรีท้วงทันใด หน้าตานั้นไม่ต่างจากสามีมากนัก“แล้วจะให้ลูกฉันไปนอนที่ไหนล่ะ” ผกากรองถาม คอแข็งเป็นเอ็น ไม่ชอบใจคนบ้านนี้ไม่ว่าจะหัวหงอกหัวดำ“ความจริง...ห้องแม่บ้านเก่าก็ว่างนี่คะ กว้างขวางดีออก ข้างๆ ห้องคนใช้น่ะ” ราตรีบอกแล้วยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ
ชายหนุ่มกวาดตามองทั่วร่างงาม ชุดสูทแบบสตรีที่กระโปรงยาวเหนือเข่าขึ้นมาทำให้เขาเห็นขาขาวๆ เรียวๆ ของหล่อนเต็มตา หล่อนขาวจนผิวเนื้อแทบกลายเป็นสีกระดาษเลยก็ว่าได้ คงได้ความขาวมาจากมารดาหล่อนกระมังหมับ!“เอ๊ะ! มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้ฮะ!” ร้องเสียงหลงเมื่อข้อมือข้างหนึ่งถูกเขากำแน่น เขาขยับมาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายกรุ่นอยู่แถวปลายจมูก“แล้วเธอล่ะ มีสิทธิ์อะไรมายืนต่อปากต่อคำกับฉันฉอดๆๆ ที่นี่ฉันใหญ่สุด”“แม่ฉันต่างหากใหญ่สุด” เธอเถียง“งั้นก็ไปเรียกแม่เธอมาสิ! เรียกมานั่งทำงานแทนฉันนี่!”เทียนหยดเม้มปากแน่น จนในคำท้าทาย“หึ...ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกแวดๆ ใส่ฉันซะที ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิง ไม่มีทางเก่งกว่าผู้ชายไปได้หรอก อ้อ...อย่าพยายาม อ่อยฉัน! ฉันมีเมียแล้ว!”เขาประกาศแล้วชี้ลงยังกระโปรงสั้นของหล่อน เทียนหยดถึงกับอ้าปากค้าง ใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกห่าง“อีตาบ้า! ใครอ่อยฮะ! ฉันคงสติไม่ดีถ้าคิดอ่อยคุณ”ร้องใส่หน้าเขาแล้วเดินกลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงาน อารมณ์ขุ่นมัวไม่น้อยเมื่อโดนดูถูกจากผู้ชายตัวใหญ่ที่ไร้มารยาทสิ้นดี ระยะเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์ที่ได้พบเจอกันเป็นเรื่องเป็นราว เขาถือวิสาสะจับมือ
มื้อค่ำวันนี้เป็นครั้งแรกที่คนจากสองตระกูลได้มาร่วมโต๊ะอาหารอย่างพร้อมเพรียง ศรีสุรางค์กับราตรีแทบจะกลืนอะไรไม่ลง ในขณะที่คนอื่นๆ ดูท่าเจริญอาหารกันถ้วนหน้า ผกากรองและบุตรชายรับประทานไปตามหน้าที่ ในขณะที่เทียนหยดตักข้าวเข้าปากคำหนึ่งก็จิ้มหน้าจอสมาร์ตโฟนไปทีหนึ่ง ส่วนสมัตถ์กำลังเอร็ดอร่อยกับกับข้าวที่รสชาติดีเหลือเกิน“วันนี้กับข้าวอร่อยจัง คุณไปซื้อที่ร้านไหน” เขาหันไปถามภรรยาราตรีตักแกงเลียงมาชิมคำหนึ่งก็รู้ว่าอร่อยสมดังที่สามีว่า“แม่ทำครับ” เด็กชายตัวน้อยตอบ หลังจากไปรับเขาที่โรงเรียน มารดาก็ขลุกอยู่ในครัวจนถึงค่ำ รสชาติอาหารนั้นเขาจำได้ขึ้นใจทุกอย่างเลยสมัตถ์อิ่มตื้อขึ้นมาทันใด ยกแก้วน้ำขึ้นจิบอึกใหญ่ มองวงหน้าเด็กชายตัวน้อยก็เห็นว่าน่าเอ็นดูดีแท้ เสียแต่ว่ามีเค้าของรุ่งรดิศมากไป เขาเลยนึกชิงชังไปโดยปริยาย“แม่...อยากกินไข่เจียว” เด็กชายร้องขอผกากรองมองหาจานไข่เจียวก็เห็นว่าวางอยู่สุดโต๊ะอาหาร“เทียน ตักไข่เจียวให้น้องหน่อย”เทียนหยดเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอสมาร์ตโฟน มือซ้ายมีช้อนข้าว มือขวาจิ้มอยู่บนหน้าจอ เธอกำลังตอบกลับการสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่“คือเอ่อ...นี่คุณ” เธอเรียกสมัตถ
สมัตถ์กำลังจะล้มตัวลงนอนในตอนที่ศรีภรรยาแต่งตัวสวยและเซ็กซี่ ราตรีบอกว่าเพื่อนนัดออกไปเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิด เขาอยากห้ามหล่อนหรอกนะ แต่นี่เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่หล่อนจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตา ตอนที่บริหารโรงแรมช่วยเขานั้น หล่อนทำหน้าที่เลขาได้อย่างดีเยี่ยมจนแทบไม่มีเวลาเข้าแม้แต่ร้านเสริมสวยด้วยซ้ำ นับว่านี่คือโอกาสที่อยู่ในช่วงวิกฤติเลยล่ะเขาลุกไปหาภรรยาที่หน้ากระจกเงา กอดเอวเจ้าหล่อนไว้แล้วก้มลงไปหาซอกคอขาวๆ บรรจงจุมพิตและซุกไซ้อย่างที่เคยทำยามต้องการปลุกเร้าสาวเจ้าให้มีอารมณ์พิศวาส“อือ...ไม่เอานะคะ ไนท์รีบไป สามทุ่มแล้ว”“ไม่ต้องไปไม่ได้เหรอ วันนี้ผมเครียดจัง คุณอยู่กับผมดีกว่า” ร้องขอแล้ววางจมูกคมๆ ลงกับแก้มบาง สูดดมแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว กระโปรงที่หล่อนสวมนั้นสั้นเหนือเข่าขึ้นมามากโข เขาสามารถลูบไล้ต้นขางามได้ง่ายๆ เลย“อย่าค่ะสมัตถ์ ไนท์รีบนะคะ กลับมาค่อยมาต่อนะ...อือ...” บอกอย่างนั้นแต่ครางอืออาเมื่อสามีสอดมือเข้าไปใต้กระโปรง ฝ่ามือเขากอบกุมเนินนุ่มที่ปกคลุมด้วยผ้าบางๆ ของกางเกงชั้นใน สมัตถ์พยายามปลุกอารมณ์เธอ แต่มันช่างไม่เหมาะไม่ควร ตอนนี้เธอรีบนะ เพื่อนๆ รออยู่ที่ผับแล้ว“น
“ฉันจะสั่งยานอนหลับทางอินเทอร์เน็ต”“ฉันจะโทรหาเมีย” เขาเอ่ยบ้าง เทียนหยดเบะปากใส่น้อยๆ แต่สมัตถ์ไม่สนใจ ถ้าหล่อนอยากอิจฉาคนมีความรักก็ช่างหล่อนเถิดหญิงสาวเดินกลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงาน เสิร์ชหาของที่ต้องการทางอินเทอร์เน็ตแล้วสั่งให้เขาเอามาส่งที่นี่โดยยอมเสี่ยงจ่ายเงินก่อนเพื่อความสะดวก“ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ”เขาบ่นให้ศรีภรรยา ด้วยว่าต่อสายไปสองสามครั้ง รออยู่เป็นนาทีก็ไม่มีคนรับ“มีกิ๊กหรือเปล่า” เสียงหวานของเทียนหยดเอ่ยประชดประชันสมัตถ์หน้าตึง “ปากเสียจริงๆ ไม่แปลกที่โดนสวมเขา”เทียนหยดอ้าปากค้าง นี่เธอโดนด่าอยู่ใช่ไหม เสียความมั่นใจนะโว้ย!“คุณสมัตถ์!”“อะไร”“แทงใจดำฉันจึ๊กๆ เลย! อีตาบ้า!” ด่าเขาแต่มีรอยยิ้มระบายที่มุมปากสมัตถ์เองก็เผลอยิ้มไปด้วย หล่อนเอามือทุบอกข้างซ้ายปึ้กๆ ช่างน่าขัน ดูท่าว่าเทียนหยดจะเริ่มทำใจได้แล้ว มันคงตัดใจได้ง่ายในเมื่อกล่อนกับแฟนยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกาย นอกจากความรู้สึกและเงิน
[8]ไม้ตาย**************กริ๊งๆๆเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นที่โต๊ะของหญิงสาว เธอหยิบมันมาแนบหู ก่อนที่ปัญหาเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่จะพรั่งพรูเข้ามาให้ต้องขบคิด เธอเจรจากับปลายสายราวสิบนาที ก่อนจะวางลงแล้วต่อสายหาผู้ช่วยผ่านโทรศัพท์มือถือ“นิดา”‘คะ คุณเทียน’“เรามีปัญหาแล้ว” เทียนหยดว่า ได้ยินเสียงครางของคนปลายสายดังแว่วมา‘ยังไงคะ’เทียนหยดลุกจากเก้าอี้มาคุยโทรศัพท์ดีๆ สมัตถ์มองหล่อนทางหางตา แล้วรีบเบนสายตาหลับมาที่จุดเดิม เพราะดวงตาเขาดันไปปะทะเข้ากับบั้นท้ายงอนงามยามเจ้าตัวขยับเคลื่อนไหว เรือนร่างของเทียนหยดช่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ดึงดูดใจคนมองเหลือเกิน“โกดังของ RPS ไม่มีพื้นที่พอให้ของของเรา”‘ตายแล้ว! แล้วจะทำยังไงดีคะ จะไปหาเช่าโกดังที่ไหน แล้วกี่วันคะถึงจะต้องย้ายของออกมา’ ปลายสายมีความกังวล เพราะของที่ว่านั้นก็มีปริมาณมากอยู่“ไม่ๆๆ ฉันไม่อยากเช่าเลย มันเพิ่มต้นทุนให้เราโดยใช่เหตุ จะดีกว่าถ้าเรามีโกดังของเราเอง”‘ที่ไหนละคะบอส’“นั่นนะสิ!” หยดเทียนหัวเสีย มีเวลาอีกสองเดือน เธอต้องหาโกดังให้ได้ “ฉันมีเวลาหาอีกไม่มาก ความจริงถ้าเราระบายของที่มีตอนนี้ออกจากโกดังได้ภายในสองเดือน ของใหม
ศรีภรรยาผู้แสนดีของสมัตถ์เดินมาส่งเขาที่รถตามเคย ทั้งสองร่ำลากันและจบด้วยการที่ศรีภรรยาเอียงแก้มให้หอมเทียนหยดยืนมองแล้วต้องเบือนหน้าหนีเพราะสงสารสมัตถ์เกินจะกล่าว พอเขาเคลื่อนรถออกไปราตรีก็เดินกลับเข้ามา ทั้งสองเดินสวนกันที่บันไดขึ้นลงด้านหน้า“รักกันจริงนะคะ” เทียนหยดเปิดฉาก อีกฝ่ายไม่อยากคุยด้วยนักแต่คงอดไม่ได้“แน่นอน ไม่ว่าอะไรก็มาพรากสมัตถ์ไปจากฉันไม่ได้หรอก พวกสัมภเวสีเที่ยวขอส่วนบุญน่ะ ไปหาเอาข้างหน้า”“โอ้...แรง!” เทียนหยดทำตาโตอ้าปากค้าง ตะลึงในคำผรุสวาทของอีกฝ่าย“เขาเป็นของฉัน ไม่มีวันชายตาแลคนอื่น อย่า...พยายาม” ราตรีเตือนเทียนหยดยิ้มเยาะ “อย่ามั่นใจนักสิ เคยได้ยินคำว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วไหม คนเราทำอะไรไว้มันก็ได้รับผลอย่างนั้นแหละ”“เธอหมายถึงอะไร”“ฉันแค่พูดในสิ่งที่เคยได้ยินน่ะ” ตอบอย่างมีนัย“ฉันดีพอสำหรับเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่หลงฉันหัวปักหัวปำหรอก”“เฮอะ! น่าขำ” เทียนหยดทำทีหัวเราะอย
“อะไรไนท์ ผมไม่รู้เรื่อง”“ไม่รู้เรื่องได้ยังไง! ก็ไอ้นี่มันอยู่ในรถคุณ! บอกมานะสมัตถ์ คุณมีคนอื่นใช่ไหม ใช่ไหมฮะ!” ไม่ถามเปล่าๆ แต่เข้าไปเค้นเอาความจริงด้วยการทุบตีสามี ความไว้เนื้อเชื่อใจหายไปสิ้น ความรู้สึกเหมือนถูกหักหลังจู่โจมหัวใจ ไม่ได้นึกถึงยามที่ตัวเองแอบไปมีสัมพันธ์กับชายอื่นเลยเผียะ!หนึ่งตบของราตรีกระทบซีกแก้มสมัตถ์อย่างแรง ชายหนุ่มยืนนิ่ง กำเจ้าผ้าผืนเล็กในมืออย่างโกรธเคือง เพราะมันแท้ๆ ที่ทำให้เขาโดนตบฟรีๆ“ทำไม! พูดไม่ออกเลยใช่ไหม รักมันมากหรือสมัตถ์! รักมันมากก็ไปเอากับมัน อย่ามายุ่งกับฉัน!” ราตรีตะโกนใส่ น้ำตาไหลเป็นทาง ริมฝีปากสั่นระริก ความโกรธวิ่งพล่านทั่วร่างเหมือนยาพิษชั้นดีที่กำลังแทรกซึมสู่หัวใจสมัตถ์ส่ายหน้า ชาที่ซีกแก้มเกินจะกล่าว รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดจางๆ ที่มุมปาก ราตรีมือหนักเหลือเกิน“ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ฟังผมบ้างไนท์ ผมรักคุณคนเดียว ไม่เคยมีใครจริงๆ ส่วนเจ้านี่ ผมไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในรถได้ยังไง ผมไม่รู้จริงๆ สาบาน...” เขาเอ่ยความจริง พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบยามภร
‘ฮัลโหล โทรมาทำไม’“คุณอยู่ไหม ว่างหรือเปล่า”‘ไม่ ฉันต้องอยู่บ้านคืนนี้’“โธ่ ทนไม่ไหวแล้ว มาหาหน่อย ได้โปรด...” เขาวอนขอคนปลายสาย ได้ยินเสียงหล่อนจุ๊ปากอย่างขัดใจ‘ไม่ได้ๆ มันค่ำแล้ว และวันนี้ไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์ที่ฉันจะเที่ยวได้ พรุ่งนี้แล้วกัน’ปลายสายต่อรอง จีรวัฒน์ยิ่งขัดใจ “โธ่...ไนท์ คิดถึงคุณ”‘ชู่ว์...ฉันไม่ใจอ่อนหรอกนะ ต่อให้คุณลงแดงตายก็เถอะ อ้อ...อย่าโทรหาฉันอีก ฉันจะเป็นฝ่ายโทรหาคุณเอง แค่นี้นะ สามีฉันมา’ตู๊ด...จีรวัฒน์ขว้างโทรศัพท์ทิ้ง หลายปีที่คบกับเทียนหยดเขาก็มีผู้หญิงคนอื่นลับหลังหล่อนเสมอ จนกระทั่งได้มาพบราตรี หล่อนตอบโจทย์เรื่องบนเตียงให้เขาอย่างถึงอกถึงใจ ที่สำคัญ แม้ว่าหล่อนจะแต่งงานแล้วก็ยังไม่เลิกติดต่อกับเขา เมื่อมีเวลาก็มาเจอกัน สนุกกันบ่อยๆ เขาชอบแบบนี้ มีเมียชาวบ้านมาเสิร์ฟถึงเตียงแล้วจะไปหาซื้อตามอ่างตามเลาจน์ทำไมแต่วันนี้ราตรีคงมาไม่ได้เสียแล้ว ให้ตายเถอะ แทนที่จะคิดถึงหล่อนเขากลับคิดถึงแต่ภาพก้อนเนื้ออว
EP 7พิษอำพราง_____________เทียนหยดพลิกกายขึ้นมาคร่อมเขาบ้าง การเป็นฝ่ายคุมเกมมันปลอดภัยกว่าเป็นไหนๆ เธอทำอย่างที่เขาทำกับเธอ ซุกใบหน้าเข้าหาซอกคอแกร่ง ไซ้ปลายจมูกสูดดมแบบเงอะงะด้วยว่ายังไม่เคยทำสักครั้ง แต่เทียนหยดก็คือเทียนหยด ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำแล้วทำไม่ได้ ไม่นานเสื้อของเธอก็ถูกถอดด้วยมือเขา เหลือเพียงบราเซียร์สีเพลิงหุ้มห่อทรวงอวบ ส่วนด้านล่างนั้นยังอยู่ครบทั้งกระโปรงและกางเกงชั้นใน“จุ๊ๆๆ เทียน...โอ...เทียน...” จีรวัฒน์ถึงกับครางระงม เมื่อแผ่นอกหนาได้สัมผัสผิวเนื้อสองก้อนอันนุ่มหยุ่น แม้ถูกหุ้มห่อด้วยบราเซียร์ แต่เชื่อเถอะว่าเนินเนื้อที่ล้นทะลักนั้นบางส่วนได้วางแหมะกับอกเขาพอดิบพอดี มันให้ความรู้สึกแสนวิเศษ วิเศษจนไม่อยากให้อะไรมาขวางกั้น“จีขา...ดีไหมคะ”“ดี...เทียน...ดีที่สุด” เขาขานรับ หลับตาพริ้มยามเทียนหยดเลื่อนกายลงไปเรื่อยๆ ไต่ริมฝีปากหล่อนผ่านแผ่นอกเขาลงไปยังเนินหน้าท้อง อ้อยอิ่งอยู่แถวแอ่งสะดือ เขาอยากดึงผ้านวมที่ปิดกายท่อนล่างออก แต่ติดท
หนุ่มสาวเดินทางมาถึงที่ทำงานในเวลาต่อมา งานเอกสารมากองเต็มโต๊ะสมัตถ์เหมือนวิดีโอเก่าที่เอามาฉายซ้ำ เขานั่งทำงานงกๆ มุ่นคิ้วจนมันจะเป็นเลขแปดยามทบทวนเนื้อหาที่อยู่ในแฟ้ม ในขณะที่สตรีที่เพิ่งถูกหักอก นั่งเอนหลังสบายๆ มีถุงชาอุ่นๆ แปะไว้ที่ตาทั้งสองข้าง และเอื้อมมือไปหยิบสมาร์ตโฟนในทุกครั้งที่สัญญาณเตือนข้อความดังขึ้นมือเรียวดึงถุงชาอุ่นๆ ออกจากเปลือกตา มันช่วยลดอาการบวมได้ในระดับหนึ่ง เธอตอบกลับผู้ช่วยนิดา คนสวยคนเก่งที่ช่วยงานเธอ เจ้าหล่อนส่งข้อความมาทางห้องแชทเฟซบุ๊กให้เธอพิจารณา เธออ่านๆๆ แล้วลงความเห็นว่าให้เจ้าหล่อนจัดการไปได้เลย ในส่วนของแป้งตัวอย่างนั้น เธอเก็บใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว คิดว่าเร็วๆ นี้จะลองทาแล้วอัดคลิปรีวิวลงยูทูป แต่คงไม่ใช่วันสองวันนี้แน่ๆ อย่างน้อยต้องให้ตาเธอหายบวมเสียก่อน“นี่...เทียนหยด”“คะ?”“คิดจะช่วยฉันทำงานไหม”“ไม่”“ขอบใจ”สมัตถ์ประชดแล้วก้มหน้าลงอ่านเอกสารต่อ ก่อนจะเซ็นแกรกๆ แล้วเอามันไปวางบนกองเตี้ยๆ ก่อนจะหยิบอีกแฟ้มที่ตั้งสูงกว่าขึ้นมาพิจารณา ส่วนเทียนหยดก็เอาถุงชามาแปะตาแล้วเอนหลังพ
“นายแน่มากโอบ”“ตัวแค่นี้รู้จักพูดนะ โอบนิธิ” ศรีสุรางค์ว่า ยิ้มน้อยๆ แต่ดูมีความสุข เป็นครั้งแรกที่นางยิ้มอย่างมีความสุขหลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ บางที..การมาของพวกเตชะทัตก็มิได้เลวร้ายเสมอไปหรอก บางครั้งมันก็มีเรื่องดีๆ ดีมากๆ เสียด้วยมื้อเช้าเสร็จสิ้นในเวลาต่อมา ผกากรองพาโอบนิธิไปโรงเรียน ศรีสุรางค์กินยาแล้วไปเอนหลังในห้อง หญิงชราเจ็บป่วยด้วยสังขารที่ใกล้ร่วงโรย แล้วแต่ว่าวันนี้จะเป็นอะไร ปวดขา ปวดหัว ตัวร้อน นางก็สลับหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆราตรีออกมาส่งสามีที่รถของเขา เหมือนเช่นทุกๆ วัน“ขับรถดีๆ นะคะ รีบกลับบ้านล่ะ”“ครับผม อย่าลืมดูคุณย่าด้วยนะไนท์ ปลุกแกกินข้าวเที่ยงถ้าแกเผลอหลับ ให้กินยาบำรุงด้วยนะห้ามลืม”“ค่า ไนท์จะทำตามทุกอย่างเลยค่า ตั้งใจทำงานนะคะ”“ครับ รักคุณจัง” บอกแล้วโน้มจมูกไปสูดดมแก้มบางเทียนหยดเดินมาเห็นต้องส่ายหัวให้ จินตนาการอันบรรเจิดของเธอแลเห็นสมัตถ์มีสองเขาผุดขึ้นเหนือหัวไปแล้ว สองเขานั้นงดงามยิ่งกว่าเขากวางเรนเดียร์เชียวล่ะ
“ตัวนี้ว่าจะลองเองค่ะ เดี๋ยวนี้แม่ค้าออนไลน์เยอะ เราต้องทำให้เขามั่นใจในสินค้า แค่ถือครีมถือแป้งยืนถ่ายรูปอย่างเดียวไม่ได้แล้วค่ะ งานนี้คงต้องอัดคลิปลงยูทูปไปเลย” เมื่อเอ่ยถึงเรื่องงานความเครียดอีกเรื่องก็เข้ามารุมเร้า“ไหวไหมเทียน ไม่ไหวก็พัก แม่มีเงิน”ลูกสาวค้อนเข้าให้เมื่อมารดาเอ่ยอย่างนั้น“หนูก็อยากมีนี่คะ ไม่อยากขอเงินแม่ไปจนตายหรอก เงินแม่น่ะ เก็บไว้แต่งลูกสะใภ้เถอะค่า” ว่าแล้วยิ้มหวาน ตาบวมฉึ่งกับหน้าโทรมๆ นั้นมิได้เข้ากับรอยยิ้มเลยผกากรองเองก็ยิ้มกับลูกด้วย สุดท้ายเลยถูกลูกกอดแรงๆ“รักแม่นะคะ”“รู้แล้วน่า” ตอบแก้เขิน ยกมือยีกระหม่อมบางเบาๆ “งั้นกลับห้องดีกว่า เผื่อตาโอบตื่นมาไม่เจอ รายนั้นยิ่งกลัวผีอยู่ด้วย”“ค่า วันนี้หลับเร็วนะคะ หนูกลับมาบ้านเงียบเชียว”“อือ...คุณศรีสุรางค์ไม่สบายน่ะ พอกินข้าวเสร็จสองสามีภรรยานั่นก็พาย่าเขาเข้านอน ตาโอบก็ง่วงเพราะตอนบ่ายสมัตถ์สอนเล่นกอล์ฟจนเหงื่อชุ่ม ชอบใจใหญ่ ดูเขาเข้ากันดีนะ อาจเพราะตาโอบไม