ภายในลิฟต์โดยสารที่มีเพียงสองแม่ลูก ลิฟต์เคลื่อนลงไปเรื่อยๆ ตามความสูงของอาคารหกชั้น
“แม่คะ”
“อย่ามาพูดกับฉัน ฉันโกรธอยู่” ผกากรองว่าแล้วมองหน้าตัวเองในผนังลิฟต์มันวาว มีความไม่พอใจระบายอยู่บนใบหน้าของตัวเองจนต้องเลื่อนดวงตาไปมองทางอื่น
“มันเป็นความประสงค์ของคุณลุงนี่คะ”
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้อะไรคนพวกนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ แกรู้ดีที่สุดยัยเทียน” ว่าแล้วจับกระเป๋าคลัตช์ใบหรูมาหนีบไว้ใต้วงแขนแรงๆ ด้วยรูปร่างที่ระหงทุกสัดส่วนทำให้ผกากรองยังดูดีเมื่อเทียบกับอายุจริง
“ถ้าไม่ยกให้เขา แม่อยากยกให้ใครละคะ คุณลุงให้หุ้นพวกเขาอย่างน้อยๆ แม่ก็มั่นใจได้เลยว่าเขาไม่พาบริษัทเจ๊งแน่ๆ หนูทำคนเดียวไม่ไหวหรอกนะคะ”
เทียนหยดชี้แจง เธอไม่ได้ทำงานให้ RPS เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง งานบริหารจัดการของเธอเธอก็ต้องดูแล
“นั่นแหละที่ทำให้ฉันโกรธ ถ้าฉันรู้เรื่องงานบริหารมากกว่านี้สักนิดก็คงไม่ต้องให้หุ้นพวกเขาหรอก”
เทียนหยดส่ายหน้าช้าๆ มองมารดาแล้วสะท้อนในอก
“แม่คะ ถึงยังไงคุณลุงก็ยกหุ้นให้คุณสมัตถ์อยู่ดี ต่อให้แม่ทำงานเก่งแค่ไหน หุ้นตรงนั้นคุณลุงก็ไม่ให้แม่หรอกค่ะ”
“ใช่! แกรู้ดีนี่ว่าอะไรเป็นอะไร มีแต่ฉันเท่านั้นแหละที่ไม่รู้” บอกอย่างนึกเคืองบุตรสาว มีบางเรื่องที่เป็นความลับที่อดีตสามีไม่ยอมบอกนาง แต่กลับบอกบุตรสาวของนางแทน
“มันไม่มีอะไรนี่คะ แม่เชื่อเถอะว่าคุณลุงท่านไม่ได้นอกใจแม่จริงๆ”
“น่าเชื่อตายล่ะ พวกนั้นแอบนัดแนะพบกันตั้งหลายครั้งหลายหน และเป็นแกแท้ๆ ที่คอยอำนวยความสะดวกให้พวกนั้นได้เจอกัน ฉันอยากรู้นักเทียนหยด แกยังคิดว่าฉันเป็นแม่อยู่หรือเปล่าฮะ!”
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับร่างของผกากรองและอารมณ์อันติดลบของนาง เทียนหยดมองตามร่างมารดาแล้วได้แต่ทอดถอนใจ บางครั้งการเป็นคนกุมความลับก็น่าหนักใจเกินจะกล่าว เธอพูดมันออกมาไม่ได้ จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร
ครืดๆ ๆ
เสียงโทรศัพท์ไร้สายสั่นครืดๆ อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูท เทียนหยดหยิบมันออกมาดู มีสายจากผู้ช่วยของเธอนั่นเอง
“ฮัลโหล ว่ายังไงนิดา”
“ของมาแล้วนะคะ คุณเทียนจะลองดูของก่อนไหมคะหรือว่าจะเอาเข้าห้องแล็ปเลย”
ผู้ช่วยนิดาถามไถ่ ของที่ว่านั้นหมายถึงวัตถุดิบในการทำครีมบำรุงผิวนั่นเอง
“จัดการไปเลยนิดา ช่วงนี้ฉันยุ่งๆ ถ้าไม่มีปัญหาหนักอะไรเธอก็ดำเนินการไปตามขั้นตอนได้เลย เดี๋ยวครีมส่งเข้าตลาดไม่ทัน”
“ค่ะๆ สู้ๆ นะคะบอส”
เทียนหยดอมยิ้มก่อนวางสาย แบรนด์ บล็องค์เต้ เป็นแบรนด์เครื่องสำอางของเธอ เครื่องสำอางที่นำเข้าวัตถุดิบจากประเทศฝรั่งเศสและใช้โรงงานของ RPS เป็นฐานผลิต แต่เธอไม่ได้ใช้อำนาจที่มีทำมันฟรีหรอกนะ เธอทำทุกอย่างอย่างทุกต้องเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ ของ RPS เธออยากทำมันด้วยตัวเอง อยากรู้จักคำว่ากำไรและขาดทุน
และนับตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์มาจะสองปีแล้ว เธอยังไม่เคยพบคำว่าขาดทุนเลย กำไรนั้นมีมาทุกเดือน มากบ้างน้อยมากสลับกันไป ด้วยว่าบล็องค์เต้นั้นไม่ได้ผลิตสินค้าเพียงตัวเดียว แต่มีทั้งครีมบำรุงผิวกาย ผิวหน้า เซรั่ม สบู่ และกำลังจะทำแป้งตลับด้วย เธอทำทุกอย่าง และหวังว่ามันจะมั่นคงในอนาคต
“คุณเทียนครับ คุณเทียน เอ่อ...เรื่องห้องทำงานของผู้บริหารใหม่จะเอายังไงดีครับ” อเนก ชายผิวขาวซีดวัยใกล้สี่สิบ ร่างท้วมนิดๆ ศีรษะเถิกหน่อยๆ เดินมาหานายสาวอย่างรีบเร่ง วงหน้ามีแต่ความกังวล
“ให้เขาใช้ห้องคุณลุงเถอะ ท่านประธานคนใหม่คงไม่มานั่งทำงานให้เมื่อยหรอก อีกอย่าง มันคงดีถ้าเขาได้ทำงานในห้องที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ที่สุด และห้องมันก็กว้างมากด้วย คงมีพื้นที่มากพอให้เขาวางเอกสารตอนศึกษางานของ RPS”
อเนกทำหน้ากลั้นขำ “โอ...จริงครับ งั้นผมจะรีบจัดการทันที”
เทียนหยดยิ้มน้อยๆ
“อ้อ...อย่าลืมยกโต๊ะทำงานของเทียนเข้าไปไว้ในห้องเขาด้วยนะคะ”
อเนก “ทำไมละครับ?”
“ไม่ไว้ใจค่ะ”
เทียนหยดตอบสั้นๆ แต่อเนกกลับเข้าใจดี เขาทำงานให้ RPS มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ บริษัทเติบโตและได้กำไรในทุกๆ ปี มีเม็ดเงินมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาที่นี่ เป็นธรรมดาที่เจ้านายของเขาย่อมมีความระแวงในตัวผู้บริหารคนใหม่ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณรุ่งรดิศถึงทำแบบนี้ แทนที่จะยกหุ้นที่มีให้เทียนหยด คนที่ทำงานหนักไม่ต่างจากท่าน
เทียนหยดไม่มีตำแหน่งที่แน่นอนใน RPS แต่ได้รับอำนาจสั่งการจากคุณรุ่งรดิศว่าหากเทียนหยดบัญชาสิ่งใดแล้วละก็ ให้ถือว่าท่านมาบัญชาด้วยตัวเอง ฉะนั้นหากจะพูดให้ถูก เทียนหยดก็คือเงาอีกด้านของคุณรุ่งรดิศ เงาที่ไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของท่าน เป็นแค่เงาที่ทำทุกอย่างเหมือนอย่างที่ท่านทำนั่นเอง บางครั้งเขาก็นึกสงสัย นอกจากเงินเดือนที่เทียนหยดได้รับจากรุ่งรดิศแล้ว หล่อนยังได้อะไร
__________
บ้านสวน นนทบุรี
ผกากรองยืนกอดอกมองละมุด พี่เลี้ยงของบุตรชายที่กำลังจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบใหญ่ ไม่รู้อดีตสามีนึกอย่างไรถึงให้พวกนางย้ายไปอยู่บ้านโสภณวิชญ์ ตอนแรกที่เทียนหยดบอกเรื่องนี้นั้น นางคิดว่าเป็นตลกร้ายที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาเชียวล่ะ ใครเล่าจะอยากเข้าไปอยู่ในถ้ำของศัตรู ทว่าบวกลบคูณหารสิ่งที่โสภณวิชญ์ได้ไป นางเลยขอหอบกระเป๋าหนีความสงบสุขไปอยู่ใจกลางความวุ่นวายอย่างเมืองกรุงฯ สักพัก
หลายปีมานี้ นางอยู่ที่บ้านสวนเล็กๆ ที่เป็นสมบัติของอดีตสามีซึ่งเป็นบิดาของเทียนหยด อยู่อย่างเรียบง่ายโดยที่รุ่งรดิศจะแวะมาค้างด้วยอาทิตย์ละสามถึงสี่ครั้ง นางเลี้ยง โอบนิธิ ที่นี่ และคิดไว้ว่าหากบุตรชายจบชั้นประถมเมื่อไหร่ค่อยย้ายเข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ และอาจจะกลับมาที่บ้านสวนเฉพาะเสาร์อาทิตย์ แต่ความฝันมีอันพังทลาย รุ่งรดิศตายจากไปอีกคนแล้ว และทิ้งนางไว้กับสมบัติมากมายที่นางไม่รู้แม้แต่วิธีจัดการกับมัน
“เธอเก็บเสื้อผ้าของตาโอบเสร็จหรือยังละมุด” เอ่ยถามพี่เลี้ยงสาวซึ่งเป็นบุตรของลุงกับป้าที่ดูแลสวนแห่งนี้
“เก็บแล้วค่ะ”
“ดี ผลไม้ในสวนน่ะ อะไรพอขายได้ก็ขาย ได้เงินมาก็เอาไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ถ้าเหลือก็เก็บเอาไว้ ถ้าสิ้นเดือนเดือนไหนไม่ได้มา ฉันจะโอนเงินค่าใช้จ่ายมาให้ อ้อ...อย่าลืมทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ ล่ะ เดี๋ยวฝุ่นจับ”
“ค่ะ คุณผกา” ละมุดบอกแล้วถอนหายใจ ระหว่างนั้นเด็กชายร่างสมส่วนก็โผล่ขึ้นหน้าประตู บนใบหน้าเลอะไปด้วยดินโคลน
“โธ่...คุณโอบของละมุด” ละมุดทำหน้าเศร้ายามมองใบหน้าของเจ้านายตัวน้อย โอบนิธิเดินมานั่งข้างละมุดแล้ววาดแขนโอบเอวพี่เลี้ยงคนดี
“ไม่อยากไปเลยพี่ละมุด” โอบนิธิว่า
“ไปเถอะค่ะ จะได้ปรับตัวไว้แต่เนิ่นๆ คนในเมืองเขาเรียนกันหนักจะตาย” ละมุดแนะด้วยหวังดี โอบนิธิไม่ได้เรียนโรงเรียนดังในจังหวัด แต่เรียนในโรงเรียนใกล้ๆ บ้านที่ไม่ได้จ่ายแม้แต่ค่าเทอม ผกากรองนั้นถึงจะติดหรูตรงเสื้อผ้าอาภรณ์และของใช้แบบผู้หญิง แต่สิ่งหนึ่งที่นายสาวยึดติดมาตลอดก็คือการพอใจในชีวิตอันเงียบสงบและอยู่กับธรรมชาติ ฉะนั้นจงอย่าประหลาดใจ หากจะเห็นนางสวมรองเท้าแบรนด์ดังจากเวอซาเช่เยี่ยมชมสวนอันร่มรื่นแห่งนี้
“ไม่รู้จะเป็นยังไง ไปอยู่บ้านใครก็ไม่รู้” เด็กชายตัวน้อยบ่นแล้วแนบแก้มไว้กับต้นแขนของพี่เลี้ยง ผกากรองมองมาอย่างไม่พอใจ
“ออกมาจากพี่เขา โอบโตแล้ว เลิกติดพี่เขาเสียที”
เด็กน้อยทำหน้ายุ่ง ก่อนผละจากพี่เลี้ยงคนดี
“พ่อเราอยากให้ไป แม่ก็จะไป พวกนั้นได้จากเราไปมากแล้ว แค่แบ่งบ้านให้เราอยู่จะเป็นไรไปลูก”
“ก็โอบไม่อยากไป คิดถึงลุงกับป้า คิดถึงพี่ละมุด”
“แล้วไม่คิดถึงพี่หรือจ๊ะ”
เสียงหวานของเทียนหยดดังขึ้นที่ประตู เด็กน้อยยิ้มกว้างรับคำถาม
“ก็คิดถึง แต่รู้นี่นาว่าเสาร์อาทิตย์พี่เทียนต้องมา” โอบนิธิว่า
เทียนหยดเดินเข้ามาหา นั่งลงยังเตียงของมารดา
“ต่อไปเราจะได้เจอกันทุกวัน พี่จะเข้าไปอยู่ที่บ้านนั้นด้วย ไม่ต้องกลัวนะ คิดซะว่าเป็นบ้านญาติเราก็แล้วกัน”
“ญาติเนี่ยนะ! ให้น้ำท่วมหลังเป็ดเถอะยัยเทียนถ้าแกจะให้ฉันนับญาติกับคนพวกนั้น” ผกากรองโพล่งออกมา หน้าตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“โธ่...แม่คะ หนูแค่พูดให้น้องสบายใจ”
“แต่ฉันไม่สบายใจนี่”
“งั้นแม่ก็ไม่ต้องไปก็ได้นี่คะ คอนโดฯ หนูก็มี แม่ซื้อบ้านอีกหลังก็ได้ โครงการบ้านดีๆ มีเยอะแยะ”
“ไม่! ฉันไม่ไปอยู่หรอกในเมืองน่ะ วุ่นวาย แต่ฉันจะไปอยู่บ้านโสภณวิชญ์แน่ๆ มันคงสนุกพิลึก ให้เสือสองตัวมาอยู่ถ้ำเดียวกัน ฉันไม่ยอมให้พวกนั้นอยู่อย่างมีความสุขหรอก” ผกากรองเอ่ยอย่างมุ่งมั่น ยังโกรธอยู่ไม่น้อยเรื่องที่สามีแอบไปมีสัมพันธ์ลับๆ กับศมล มารดาของสมัตถ์ แม้ว่าตัวต้นเรื่องจะตายจากไปแล้วทั้งสองคน แต่ความโกรธนั้นยังมีอยู่เต็มหัวใจเชียวล่ะ
เทียนหยดส่ายหน้าระอา ขณะที่โอบนิธิกับละมุดหันหน้ามามองกันด้วยไม่เข้าใจในสิ่งที่สองแม่ลูกเจรจากันอยู่
“คิดถึงพ่อจัง”
ทุกคนนั่งเงียบเมื่อเด็กชายตัวน้อยเอ่ยขึ้นมา โอบนิธิปาดหลังมือกับแก้มตรงที่รู้สึกเหมือนมีดินโคลนติดอยู่
“พ่อมองเราอยู่” เทียนหยดว่าแล้วลงไปนั่งกับน้อง ช่วยเช็ดคราบดินโคลนที่เลอะใบหน้าน่าเอ็นดูนั้น
“คิดถึงนี่ครับ ถ้าพ่ออยู่คงได้ช่วยโอบปลูกต้นไม้ ต้นเทียนหยด กำลังงามเลย” เด็กน้อยว่า หน้าบ้านหลังนี้ปลูกดอกไม้ที่มีชื่อเหมือนมารดาและพี่สาวเขา และเขากับบิดาจะช่วยพรวนดินใส่ปุ๋ยมันทุกๆ อาทิตย์
ผกากรองสะเทือนใจจนน้ำตาคลอ หันหน้าหนีทุกคน สองตามองออกไปนอกหน้าต่างที่มีต้นไม้ขึ้นจนครึ้ม ต้นมะม่วง ชมพู่ ทั้งส้มโอ ยืนต้นเรียงกันเต็มบริเวณ
“ถ้าพ่อเขาคิดถึงแม่ เขาคงไม่มีคนอื่นหรอกโอบ”
“แม่คะ อย่าพูดสิคะ น้องไม่ได้รู้เรื่องนะ”
“ก็มันอดไม่ได้นี่ แกดูหน้าน้องแกสิ เหมือนฉันนักหรือไง ยิ่งมองฉันยิ่งแสลงใจ” ผกากรองแอบปาดน้ำตา เทียนหยดลุกไปหามารดา แตะมือเบาๆ ที่ศอกนางข้างหนึ่ง
“ไม่เอานะคะแม่ สงสารโอบนะ อย่าพูดสิ” เตือนมารดาด้วยเสียงอันอ่อนลงด้วยไม่อยากให้โอบนิธิรับรู้เรื่องราวที่มารดาเอื้อนเอ่ย เขายังเด็กเกินไป เด็กเหมือนผ้าขาว ไม่ควรเอาสีไปละเลงใส่ก่อนวัยอันควร
ผกากรองปาดน้ำตาดีๆ ความเจ็บช้ำในอกยังเหมือนแผลที่กลัดหนอง เวลาได้ยินเรื่องราวของสามีผู้ล่วงลับ ก็คล้ายๆ ว่ามีใครเอาเข็มไปบ่งให้แผลมันปริแยกแตกออก ความทรมานนี้เทียนหยดคงไม่มีวันรู้จนกว่าจะได้พบเจอด้วยตัวเอง
“ฉันจะไปสั่งงานลุงกับป้า แกช่วยละมุดเก็บเสื้อผ้าให้ฉันก็แล้วกัน”
สั่งความแล้วก้าวจากไป ทิ้งเทียนหยดไว้กับความหนักอกหนักใจ หญิงสาวเข้าใจดีว่ามารดาย่อมเจ็บปวด เธอรู้ และพยายามบอกหลายครั้งหลายหนแล้วว่าคุณลุงนั้นมิได้นอกใจ ท่านไม่เคยนอกใจมารดาของเธอเลย แต่มารดาที่รักก็หาได้เชื่อไม่ บางครั้งการพูดความจริงก็เป็นสิ่งไม่น่าฟังไปเสียแล้ว
“บ้านนั้นเป็นยังไงครับ” เด็กชายถามหน้าซื่อตาใส
“ก็ดีจ้ะ บ้านนั้นมีสามคน มีผู้ชายกับผู้หญิงอายุราวๆ พี่ แล้วก็มีผู้หญิงแก่ๆ แก่กว่าลุงกับป้าอยู่คนหนึ่ง” เธอหมายถึงลุงกับป้าที่เป็นบิดามารดาของละมุด
เด็กชายพยักหน้าเข้าใจ ทว่าวงหน้านั้นไซร้มีความกังวลระบายอยู่
“ทำไมเราต้องไปอยู่ที่นั่นด้วยก็ไม่รู้ อยู่คอนโดฯ พี่เทียนยังดีกว่า”
“บางครั้งเราก็เลือกไม่ได้หรอกจ้ะโอบ บางที...อาจมีบางอย่างซ่อนอยู่ในคำสั่งของพ่อโอบก็ได้นะ”
“จริงหรือครับ โอบคิดถึงพ่อจัง”
“พี่ก็คิดถึงจ้ะ” บอกแล้วดึงน้องชายมากอด โอบนิธิผูกพันกับบิดามาก ด้วยว่าตั้งแต่เกิดมาบิดามิได้อยู่บ้านทุกวัน ต้องไปกลับที่บ้านกับที่ทำงานอยู่เสมอ ในวันที่บิดาไปทำงาน โอบนิธิมักเฝ้ารอบิดาอยู่หน้าบ้าน เฝ้ารอว่าบิดาจะกลับจากทำงานเมื่อใด หากว่าค่ำนั้นบิดากลับมา โอบนิธิจะสดใสเป็นพิเศษ ทว่ากลับกัน หากบิดาเลือกค้างที่เมืองกรุงฯ โอบนิธิจะหงอยลงไปถนัดตา ก็ได้แต่ว่าหวังว่ากาลเวลาจะหล่อหลอมให้เด็กชายเข้มแข็งขึ้น เข้มแข็งอย่างที่บิดาเขาเคยต้องการ
ณ บ้านโสภณวิชญ์อันโอ่อ่าสมฐานะเจ้าของ เจ้าบ้านใหญ่นั่งอยู่กับหลานชายบนโซฟาผ้าไหมสีเขียวอ่อน ถัดไปเป็นหลานสะใภ้และเก้าอี้ว่างหนึ่งตัว ตรงข้ามกันนั้นเป็นร่างของสามแม่ลูกที่นั่งเรียงกันบนโซฟาตัวยาวเช่นกัน“บ้านนี้มีหลายห้อง แต่ว่า...”“แต่ว่ามีห้องว่างแค่ห้องเดียว ข้างบน”สมัตถ์เอ่ยขัดวาจาของย่า ไม่ได้เต็มใจกับการมาอยู่ที่นี่ของสามแม่ลูกสักนิด หากเป็นไปได้ก็อยากเอาน้ำยาฆ่าเชื้อมาสาดไล่เชียวล่ะ“ฉันนอนกับตาโอบได้ แต่ว่ายัยเทียน...” ผกากรองเปรยอย่างกังวล“น่าจะมีห้องว่างที่ข้างล่างนะคะ” เทียนหยดเอ่ยแทรกแล้วมองออกไปนอกประตูห้องรับแขก เธอเห็นประตูอยู่สองสามบาน น่าจะเป็นห้องละนะ“ข้างล่างเป็นห้องทำงานฉัน และห้องพักสำหรับแขก” สมัตถ์รีบบอก เทียนหยดยิ้มน้อยๆ“งั้นฉันอยู่ห้องรับแขกก็ได้”“ไม่ได้ ถ้าเธออยู่ห้องนั้น แล้วถ้าแขกมาล่ะ จะให้ปูเสื่อนอนหรือไง”ราตรีท้วงทันใด หน้าตานั้นไม่ต่างจากสามีมากนัก“แล้วจะให้ลูกฉันไปนอนที่ไหนล่ะ” ผกากรองถาม คอแข็งเป็นเอ็น ไม่ชอบใจคนบ้านนี้ไม่ว่าจะหัวหงอกหัวดำ“ความจริง...ห้องแม่บ้านเก่าก็ว่างนี่คะ กว้างขวางดีออก ข้างๆ ห้องคนใช้น่ะ” ราตรีบอกแล้วยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ
ชายหนุ่มกวาดตามองทั่วร่างงาม ชุดสูทแบบสตรีที่กระโปรงยาวเหนือเข่าขึ้นมาทำให้เขาเห็นขาขาวๆ เรียวๆ ของหล่อนเต็มตา หล่อนขาวจนผิวเนื้อแทบกลายเป็นสีกระดาษเลยก็ว่าได้ คงได้ความขาวมาจากมารดาหล่อนกระมังหมับ!“เอ๊ะ! มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้ฮะ!” ร้องเสียงหลงเมื่อข้อมือข้างหนึ่งถูกเขากำแน่น เขาขยับมาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายกรุ่นอยู่แถวปลายจมูก“แล้วเธอล่ะ มีสิทธิ์อะไรมายืนต่อปากต่อคำกับฉันฉอดๆๆ ที่นี่ฉันใหญ่สุด”“แม่ฉันต่างหากใหญ่สุด” เธอเถียง“งั้นก็ไปเรียกแม่เธอมาสิ! เรียกมานั่งทำงานแทนฉันนี่!”เทียนหยดเม้มปากแน่น จนในคำท้าทาย“หึ...ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกแวดๆ ใส่ฉันซะที ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิง ไม่มีทางเก่งกว่าผู้ชายไปได้หรอก อ้อ...อย่าพยายาม อ่อยฉัน! ฉันมีเมียแล้ว!”เขาประกาศแล้วชี้ลงยังกระโปรงสั้นของหล่อน เทียนหยดถึงกับอ้าปากค้าง ใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกห่าง“อีตาบ้า! ใครอ่อยฮะ! ฉันคงสติไม่ดีถ้าคิดอ่อยคุณ”ร้องใส่หน้าเขาแล้วเดินกลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงาน อารมณ์ขุ่นมัวไม่น้อยเมื่อโดนดูถูกจากผู้ชายตัวใหญ่ที่ไร้มารยาทสิ้นดี ระยะเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์ที่ได้พบเจอกันเป็นเรื่องเป็นราว เขาถือวิสาสะจับมือ
มื้อค่ำวันนี้เป็นครั้งแรกที่คนจากสองตระกูลได้มาร่วมโต๊ะอาหารอย่างพร้อมเพรียง ศรีสุรางค์กับราตรีแทบจะกลืนอะไรไม่ลง ในขณะที่คนอื่นๆ ดูท่าเจริญอาหารกันถ้วนหน้า ผกากรองและบุตรชายรับประทานไปตามหน้าที่ ในขณะที่เทียนหยดตักข้าวเข้าปากคำหนึ่งก็จิ้มหน้าจอสมาร์ตโฟนไปทีหนึ่ง ส่วนสมัตถ์กำลังเอร็ดอร่อยกับกับข้าวที่รสชาติดีเหลือเกิน“วันนี้กับข้าวอร่อยจัง คุณไปซื้อที่ร้านไหน” เขาหันไปถามภรรยาราตรีตักแกงเลียงมาชิมคำหนึ่งก็รู้ว่าอร่อยสมดังที่สามีว่า“แม่ทำครับ” เด็กชายตัวน้อยตอบ หลังจากไปรับเขาที่โรงเรียน มารดาก็ขลุกอยู่ในครัวจนถึงค่ำ รสชาติอาหารนั้นเขาจำได้ขึ้นใจทุกอย่างเลยสมัตถ์อิ่มตื้อขึ้นมาทันใด ยกแก้วน้ำขึ้นจิบอึกใหญ่ มองวงหน้าเด็กชายตัวน้อยก็เห็นว่าน่าเอ็นดูดีแท้ เสียแต่ว่ามีเค้าของรุ่งรดิศมากไป เขาเลยนึกชิงชังไปโดยปริยาย“แม่...อยากกินไข่เจียว” เด็กชายร้องขอผกากรองมองหาจานไข่เจียวก็เห็นว่าวางอยู่สุดโต๊ะอาหาร“เทียน ตักไข่เจียวให้น้องหน่อย”เทียนหยดเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอสมาร์ตโฟน มือซ้ายมีช้อนข้าว มือขวาจิ้มอยู่บนหน้าจอ เธอกำลังตอบกลับการสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่“คือเอ่อ...นี่คุณ” เธอเรียกสมัตถ
สมัตถ์กำลังจะล้มตัวลงนอนในตอนที่ศรีภรรยาแต่งตัวสวยและเซ็กซี่ ราตรีบอกว่าเพื่อนนัดออกไปเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิด เขาอยากห้ามหล่อนหรอกนะ แต่นี่เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่หล่อนจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตา ตอนที่บริหารโรงแรมช่วยเขานั้น หล่อนทำหน้าที่เลขาได้อย่างดีเยี่ยมจนแทบไม่มีเวลาเข้าแม้แต่ร้านเสริมสวยด้วยซ้ำ นับว่านี่คือโอกาสที่อยู่ในช่วงวิกฤติเลยล่ะเขาลุกไปหาภรรยาที่หน้ากระจกเงา กอดเอวเจ้าหล่อนไว้แล้วก้มลงไปหาซอกคอขาวๆ บรรจงจุมพิตและซุกไซ้อย่างที่เคยทำยามต้องการปลุกเร้าสาวเจ้าให้มีอารมณ์พิศวาส“อือ...ไม่เอานะคะ ไนท์รีบไป สามทุ่มแล้ว”“ไม่ต้องไปไม่ได้เหรอ วันนี้ผมเครียดจัง คุณอยู่กับผมดีกว่า” ร้องขอแล้ววางจมูกคมๆ ลงกับแก้มบาง สูดดมแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว กระโปรงที่หล่อนสวมนั้นสั้นเหนือเข่าขึ้นมามากโข เขาสามารถลูบไล้ต้นขางามได้ง่ายๆ เลย“อย่าค่ะสมัตถ์ ไนท์รีบนะคะ กลับมาค่อยมาต่อนะ...อือ...” บอกอย่างนั้นแต่ครางอืออาเมื่อสามีสอดมือเข้าไปใต้กระโปรง ฝ่ามือเขากอบกุมเนินนุ่มที่ปกคลุมด้วยผ้าบางๆ ของกางเกงชั้นใน สมัตถ์พยายามปลุกอารมณ์เธอ แต่มันช่างไม่เหมาะไม่ควร ตอนนี้เธอรีบนะ เพื่อนๆ รออยู่ที่ผับแล้ว“น
ลูกบ้านนี้ได้แม่กันหมดหรือไงถึงได้มีความขาวที่น่าพิสมัยเช่นนี้ หล่อนตัวสูง แต่ยังไม่สูงเท่าเขา พวงผมที่รวบเป็นหางม้าสูงอยู่เป็นนิตย์ บัดนี้ปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง ผมหล่อนยาว ดำขลับและมันวับ หล่อนเดินไปเดินมา และในจังหวะที่หันหน้ามาทางนี้ ก็ทำให้เขาอดใจไม่ไหวต้องเดินไปพิสูจน์บางอย่างใกล้ๆ“อ่า...ค่ะๆ สองหมื่นตลับนะคะ เดี๋ยวฉันจะให้เจ้าหน้าที่ทำเอกสารแล้วส่งเมลไปให้ จ่ายก่อนครึ่งหนึ่งตามที่ตกลงไว้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ สวัสดีค่ะ”เทียนหยดรีบวางสายลูกค้าเมื่อเห็นร่างสูงของสมัตถ์เดินมาทางนี้ ใบหน้าเขาเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก ทว่าเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ จึงได้เห็นว่าหน้าเขาแดงนิดๆ และมีกลิ่นเบียร์จางๆ โชยมาหญิงสาวเดินหนีก่อนที่เขาจะมาถึงตัว“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน กลัวหรือไง” ถามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ กวาดตามองร่างน้อยผ่านๆ และก็มั่นใจว่าใต้เสื้อกล้ามตัวน้อยนั้นหล่อนมิได้สวมเสื้อชั้นใน ปลายถันเล็กๆ ดุนดันเสื้อออกมาจนเห็นเป็นรูปทรง คอเสื้อของหล่อนไม่ได้เว้าแหว่งอะไร มันปกปิดเหนือเนินหน้าอก แต่รัดรึงเห็นรูปทรงชัดเจน หน้าอกหล่อนใหญ่พอตัว ใหญ่กว่าของราตรีเสียอีก และให้ตายเถอะ บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ระหว่างซอ
EP 3พิษรัก_________อรุณรุ่งวันใหม่สตรีร่างบอบบางในชุดสูทแบบสตรีสีเทาอ่อน กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างรถของตัวเอง กางเกงผ้าไหมแบบพอดีตัวช่วยส่งให้เรียวขางามนั้นดึงดูดใจคนมอง ทว่าคนคนนั้นคงไม่ใช่สมัตถ์ ความไม่พอใจยังอัดแน่นอยู่ในอกเขาจนแม้แต่ความงามของเทียนหยดก็ไม่สามารถลบล้างมันไม่ได้ ใช่แล้วล่ะ ศรีภรรยาของเขากลับมาตอนรุ่งสาง และหล่อนปฏิเสธที่จะร่วมรักกับเขา มันทำให้เขาหงุดหงิดเป็นบ้า“คุณสมัตถ์ เดี๋ยว!”เทียนหยดร้องเรียกคนที่กำลังเดินไปขึ้นรถของตัวเอง สมัตถ์อยู่ในชุดที่เรียบร้อยอย่างนักธุรกิจผู้ช่ำชอง ทว่าใบหน้าเขาไม่มีความสดใสหลงเหลืออยู่ มันบูดบึ้งไร้รอยยิ้ม“อะไร!” เขาถามห้วนๆ หันหน้าหนีไม่ยอมสบตาหญิงสาว“คือ...รถฉันสตาร์ตไม่ติด ขอติดรถคุณไปบริษัทด้วยได้ไหม” บอกเขาอย่างเกรงๆ “เอ่อ...ถ้าคุณไม่สะดวก ฉันนั่งแท็ก...”“เธอขับ”ฟิ้ว...กุญแจรถถูกโยนมาใส่ร่างบางของเทียนหยด หญิงสาวหน้ายุ่งเพราะเกือบรับมันไม่ทันหนุ่มสาวขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อย สมัตถ์ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ส่วนเทียนหยดเริ่มเคลื่อนรถออกนอกรั้วบ้านไปช้าๆ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาดูเงียบจนเกินไป
“โธ่...แม่คะ หนูเป็นแฟนเขานะ มีอะไรก็ต้องช่วยกัน”“โอ๊ย...ฉันเบื่อฟังแล้วยังเทียน แกอย่าให้ความรักมันบังตาได้ไหม เรื่องอะไรแกก็ฉลาดนะ แต่ทำไมกับเรื่องผู้ชายแกถึงได้โง่นักนะ! เบื่อ! ฉันเบื่อ!”ผกากรองเท้าสะเอวร้องใส่หน้าบุตรสาว ลูกนั้นเราเลี้ยงได้แต่ตัวจริงๆเทียนหยดไม่หือไม่อือ ไม่เถียงมารดาแม้ว่าจะโดนด่าก็ตาม“รอบนี้มันจะเอาเท่าไหร่กันแน่”คนถูกถามไม่อยากตอบ แต่คนถามคงไม่เลิกราง่ายๆ สุดท้ายเลยต้องบอกตัวเลขออกไป“สองล้านค่ะ”“อื้อหือ...” เสียงสมัตถ์ครางออกมาอย่างตื่นตะลึง เขาไม่เชื่อหรอกว่าเทียนหยดกับแฟนหนุ่มจะเป็นเพียงแค่คนรัก พวกเขาอาจจะถึงขั้นสามีภรรยา เหลือแค่ยังไม่ได้ตบแต่งเป็นเรื่องเป็นราว ไม่อย่างนั้นเจ้าหล่อนจะกล้าทุ่มทุนขนาดนี้หรือ“แกเห็นไหม แกอายเขาไหม ฉันเคยเห็นแต่ผู้ชายทุ่มให้ผู้หญิง มีแต่แกนี่แหละที่ทุ่มให้ผู้ชาย ระวังนะยัยเทียน มันทรยศแกขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็ แกตายทั้งเป็นแน่ๆ น้ำตาได้เช็ดหัวเข่าก็คราวนี้แหละ”คนถูกประชดส่ายหน้ารัวๆ ขยับไปหามารดาหมายจะกอดนางปลอบโยน แต่สุดท้ายแล้วมารดาก็บ่ายเบี่ยง หน้าตาติดโกรธเคืองไม่หาย“เรารักกันนะคะแม่ ขอเวลาให้จีเก็บตังค์ก่อน รับรองว่า
EP 3/3 พิษรักเทียนหยดยังเงียบ จ้องหน้าเขาราวกับอยากจะถามให้ชัดว่าลิปสติกที่เธอเจอใต้โซฟาเป็นของใคร ทว่าสิ่งที่เอ่ยออกมากลับมีแค่…“ห้องรกค่ะ”“ขอโทษครับ...แม่บ้านที่เคยโทรเรียกไม่ว่างมาทำให้น่ะ ไปต่างจังหวัดสองสามวันแล้ว” จีรวัฒน์แก้ต่าง เขาลุกมานั่งพิงหลังกับหัวเตียง ลูบหน้าลูบตาแรงๆ อย่างต้องการเรียกหาความสดชื่น“ก็อย่าทำรกสิคะ”“โธ่เทียน...มันรกเอง จริงๆ” ว่าแล้วดึงเทียนหยดลงมานั่งด้วยกัน กอดร่างบางไว้ชั่วอึดใจก่อนที่เจ้าของจะดึงมือเขาออก “โอย...กอดก็ไม่ได้” ท้วงอย่างงอนๆ“แต่งเมื่อไหร่จะให้กอดค่ะ ตอนนี้เก็บค่าสินสอดไปก่อนนะคะ” คนสวยว่าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้แต่งงานกับจีรวัฒน์ไหม เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเงินค่าสินสอดของเธอนั้นจะไม่งอกเงยขึ้นมาเลย มีแต่เงินที่จีรวัฒน์หยิบยืมไปต่างหากที่มันเพิ่มขึ้นๆ พวกเธอรู้จักกันตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ฐานะของจีรวัฒน์ไม่ค่อยดีนัก แต่เธอไม่ได้เอาส่วนนั้นมาเป็นข้อแม้ในการคบหา เขารักเธอ และคอยดูแลเธอมา พวกเราดูแลกันและกันในฐานะคนรัก คนรักจริงๆ เพราะไม่ได้มีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยวข้องเลย เธอรู้ว่าจีรวัฒน์เองก็ต้องการ แต
EP 6ยั่วฟืดๆๆเสียงสูดน้ำมูกดังๆ ก่อนที่เทียนหยดจะเอาหน้าผากออกจากหลังสมัตถ์ ชายหนุ่มเบี่ยงหน้าจะดูหลังตัวเอง ไม่เห็นมันหรอก แต่รู้เชียวละว่ามันคงเป็นด่างดวงเพราะหยดน้ำตา“ขอโทษนะ แล้วก็...ขอบคุณสำหรับแผ่นหลัง” เธอบอกเขา ปาดน้ำตาลวกๆ“เธอโอเคแล้วใช่ไหม”“ไม่...ไม่โอเค แต่ฉันหิว ขอกินก่อนแล้วค่อยไปนอนร้องไห้เป็นเผาเต่าที่ห้องก็ได้”สมัตถ์พยักหน้าหงึกๆ “งั้นฉันไปแล้วนะ ลงมานานแล้วเดี๋ยวไนท์สงสัย”“สงสัยบ้าอะไรล่ะ คุณกับฉันไม่ได้ลักลอบทำอะไรสักหน่อย”เทียนหยดหน้ายุ่ง เขาจะกลัวเมียอะไรนักหนา“อือ...นั่นแหละ ฉันรักของฉัน”“ค่า เชิญค่ะสามีตัวอย่าง” เธอประชดแล้วก้มหน้าลงจานข้าว เลยไม่ได้เห็นสมัตถ์ยิ้มกว้างยามโดนประชด พอเขาออกนอกประตูไป แม่สาวอกหักก็เงยหน้าขึ้นมา ทำไมผู้ชายดีๆ ไม่มีให้เธอบ้างนะ ที่สวรรค์ส่งมาให้ก็ช่างเลวได้ใจ ที่พอจะมองเห็นก็ดันมีเมียอยู่แล้ว ส
“แน่นะคะ ถ้าผิดคำสาบานล่ะ”“ขอให้...ขอให้เทียนลงโทษอย่างสาสม พอใจหรือยังครับ”จีรวัฒน์เอ่ยทีเล่นทีจริง แต่เทียนหยดถือว่าสิ่งที่เขาเอ่ยออกมาคือคำสาบานที่เขาได้ลั่นวาจาออกมาแล้ว และหญิงสาวขอให้มันเป็นไปตามนั้น และเธอ...จะขอเริ่มบทลงโทษเขาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!“พอใจแล้วค่ะ จีน่ารักที่สุด” พูดจบก็ยิ้มกว้างแล้วโผเข้าหาร่างเขาจนอีกฝ่ายหงายหลังบนโซฟา เลยกลายเป็นว่าตอนนี้เธอทาบทับเขาไว้ และมันทำให้จีรวัฒน์พอใจ“เทียนน่ารักจังที่เป็นแบบนี้”“แบบไหนคะ” ถามพลางใช้นิ้วแหวกสาบเสื้อคลุมอาบน้ำของเขาให้แบะอ้าออก แล้วใช้มือบางลูบไล้แผงอกเปล่าเปลือยเล่นอย่างยั่วเย้า“ก็แบบนี้ไง แบบ...ยั่ว...”“เทียนเปล่ายั่ว ก็จีน่ารัก เทียนแค่แกล้งหรอกน่า”“จียอมให้เทียนแกล้งทั้งคืน” ไม่ว่าเปล่าๆ แต่ใช้มือข้างขวาลูบบั้นท้ายงามงอนไปมา ไม่ลืมขยำมันเบาๆ บั้นท้ายหล่อนช่างนุ่มหยุ่นขยำเท่าไหร่ก็มิมีเหลวอ่อน“แต่เทียนไม่ว่าง...” ลากเสียงยาวๆ แล้วก้มลงจุ
“โธ่เทียน...ก็...ที่ตรงนั้นมันไม่ใช่แค่ห้าหกล้าน ถ้าขายจริงๆ มันอาจได้มากกว่านั้นเท่าตัวเลยก็ได้” จีรวัฒน์เริ่มหัวเสีย เทียนหยดปาดน้ำตา“งั้นจีเอาเงินมาคืนเทียนสิคะ เทียนจะได้เอาไปหมุน จีพูดอย่างนี้เทียนเสียใจนะ เทียนช่วยเหลือจีมาตลอด แต่พอเทียนลำบาก จีกลับไม่อยากช่วย ถามจริงๆ เถอะ รักเทียนบ้างไหม...” เทียนหยดเม้มปากแน่น ร้องไห้ฟูมฟายออกมา หยดน้ำตาแห่งความแค้นคลั่งหลั่งออกมาพร้อมกับน้ำตาแห่งความเสียใจจีรวัฒน์นึกสงสารเลยดึงร่างน้อยมากอด กายหนุ่มสัมผัสกายสาวพาให้ความรุ่มร้อนบังเกิดอย่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา“ขอโทษนะเทียน จีขอโทษ...ขอเวลาจีหน่อยนะคนดี” ว่าพลางลูบแผ่นหลังบางเรื่อยลงมาถึงเอวคอดเทียนหยดตาเบิกโต รู้สึกได้ถึงฝ่ามือร้อนของอีกฝ่าย ได้แต่เม้มปากแน่น ดวงตาดุดันเพ่งมองไปข้างหน้าแต่ไม่ได้โฟกัสที่จุดใด แม้ในเวลาแห่งความทุกข์ จีรวัฒน์ก็ยังอยากทำบ้าๆ กับเธอ เอาสิจีรวัฒน์ ลองมาพนันกันดู!“เอามือออกนะจี เราเครียดกันอยู่นะ” บอกเสียงเง้างอนไม่จริงจัง จะชนะคนชอบฉวยโอกาส มันต้องทำให้แนบเนียน“ก็
มือเรียวยกป้องปากงาม หัวใจเต้นถี่ระรัว ทั้งโกรธ...ทั้งรัก ทั้งแค้นใจ! ไฟล์วิดีโอยังเล่นไปพร้อมๆ กับน้ำตาของเทียนหยดที่ไหลริน ริมฝีปากสั่นระริกเม้มแล้วเม้มอีก ดวงตาหลั่งสายธารออกมาราวกับน้ำตกผืนใหญ่ในฤดูฝนพรำ ยิ่งนั่งดู ยิ่งปวดใจ เฝ้ามองภาพคนรักของตัวเองกำลังนัวเนียกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหญิงอื่น ทั้งสองปล้ำถอดเสื้อผ้ากันจนเหลือเพียงชุดชั้นใน และวินาทีที่เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายจะหลุดออกจากสองร่าง เธอก็กดหยุดวิดีโอ ก่อนที่หัวใจจะแตกสลายเพราะการกระทำของชายที่เธอจงรักภักดีเทียนหยดปิดพับหน้าจอกล้องถ่ายรูปเข้าหาตัว กล้องตัวนี้สมรรถภาพเยี่ยมยอด สามารถกดแชร์ภาพ แชร์วิดีโอลงแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กได้ทันที เธออยากทำใจจะขาด อยากประจานความชั่วร้ายของคนทั้งสอง แต่สุดท้าย...ก็เก็บมันเข้ากระเป๋าถือใบโต หักห้ามใจเอาไว้ ข่มความโกรธความเจ็บใจ ไว้รอวันเอาคืน ตอนนี้เธอยังมีสติไม่พอ เธอกำลังโกรธมาก! และทุกอย่างจะพังพินาศถ้าเธอสติแตก!“อือ...เทียน...มาแล้วเหรอ”เสียงถามดังอืออามาจากห้องนอน เทียนหยดรีบปาดน้ำตา หยิบเครื่องสำอางมาเติมแป้งเติมลิปสติก มิให้มีรอยพิรุธ ทว่าแต่งเติมอย่างไร
“ตายจริง ขอโทษนะคะ ไนท์ปวดหัวเลยลุกไม่ขึ้น ไม่ได้ออกไปซื้อกับข้าวให้ทุกคนเลย” เอ่ยอย่างขออภัยแล้วนั่งลงข้างสามี สาวใช้รีบยกผ้ารองจานกับจานข้าวมาให้ ราตรียังตีหน้าสำนึกผิดจนสมัตถ์นึกสงสาร“ไม่เป็นไรครับ แม่น้องโอบทำกับข้าวแล้วล่ะ คุณกินสิ กำลังร้อนๆ เลย” ว่าแล้วตักแกงเลียงใส่ถ้วยเล็กๆ ให้ภรรยา แต่ราตรีที่ยังมีอาการเมาค้าง เกิดพะอืดพะอม ต้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบ “โอย...ไหวไหมไนท์”สมัตถ์ถามอย่างห่วงใย ท่าทีเอาใจใส่ภรรยานั้นทำเอาเทียนหยดหน้าสลด แน่ล่ะ จีรวัฒน์ไม่ได้ครึ่งของสมัตถ์เลย เป็นเธอมากกว่าที่ต้องคอยเอาอกเอาใจเขา“พะอืดพะอมอย่างนี้จะมีข่าวดีหรือเปล่าคะ” ผกากรองตั้งข้อสังเกต แต่ทำให้สีหน้าของสมัตถ์เปลี่ยนไป เขาขยับนั่งตัวตรง หันไปมองภรรยา ฝ่ายนั้นก็ยื่นมือมาจับมือเขา มันทำให้เขาพอมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง“ถ้าหล่อนหมายถึงเรื่องลูกละก็ เป็นไปไม่ได้หรอก หลานฉันเป็นหมันน่ะ”“คุณย่าคะ!” ราตรีเอ่ยดังๆ ด้วยไม่อยากให้นางศรีสุรางค์เอ่ยเรื่องนี้“ทำไมฮึยัยไนท์ มันเรื่องจริง ยอมรับส
“จุ๊ๆๆ อย่าร้องนะโอบ ชู่ว์...” กอดน้องชายไว้แล้วน้ำตาจะไหล ทุกอาทิตย์คุณลุงจะมาหาโอบนิธิ แต่นับตั้งแต่ท่านเสียไป โอบนิธิก็ได้เฝ้ารอแค่ความว่างเปล่า จิตใจของเด็กนั้นอ่อนไหวเกินกว่าจะทนรับเรื่องร้ายๆ เธอไม่โทษน้องชายเลยที่ร้องไห้อย่างไม่อายใคร เพราะหากเธออายุเท่าเขา เธอคงนอนร้องไห้ทุกวันทุกคืน“พี่เทียน...ฮึกๆ คิดถึงพ่อ...พ่อไม่มาแล้ว...ไม่มากอดโอบแล้ว ฮือ...”เด็กชายร้องไห้ฟูมฟาย จนอกเสื้อพี่สาวเปียกชุ่ม เทียนหยดเห็นท่าไม่ดีก็ร้องหาตัวช่วย“แม่! แม่คะ แม่!”“อะไร! อะไรของแกฮึเทียน”ผกากรองเดินหน้าตื่นออกจากห้องครัว นางตรงมาทางห้องนั่งเล่น กลิ่นน้ำพริกแกงเลียงยังติดกายนางมาประหนึ่งถือถ้วยแกงมาด้วยสตรีวัยเลยสาวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นบุตรชายนั่งร้องไห้อยู่กับอกคนเป็นพี่ นางเข้าไปดึงร่างโอบนิธิออกมา“แม่ครับ...ฮึกๆ”“หยุด...แม่บอกให้หยุดร้อง”ผกากรองใช้เสียงเรียบต่ำ บอกให้รู้ว่านางไม่พอใจที่เห็นเขาร้องไห้โอบนิธิปาดน้ำตา หน้าตายังบิดเบ้ พวงแก้มขึ้นส
“เรื่องบางเรื่องก็น่าแปลกที่เราไม่สามารถหาคำตอบให้มันได้” เขาเปรยราวกับปลงแล้วทุกสิ่ง“บางทีเวลาอาจเป็นคำตอบ ฉันไม่รู้ว่าสามีฉันเอาอะไรมาวัดว่าคุณไว้ใจได้ อาจเป็นความรู้สึกผิดของเขา หรืออาจเพราะมันมีเหตุผลมากกว่านั้น ที่เขายกหุ้นให้คุณ แต่ฉันเชื่อใจเขานะ เขาคงไม่หาคนมาผลาญ RPS หรอก ในเมื่อเขาไว้ใจคุณ ฉันก็จะไว้ใจคุณ ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่รุ่งรดิศอยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันมาแล้ว เวลาอาจช่วยไขข้อข้องใจให้เราก็ได้ รอไปด้วยกันไหมคุณสมัตถ์”แม้ไม่อยากเห็นด้วย แต่ไม่มีทางเลือกเลย สุดท้ายสมัตถ์ก็ต้องพยักหน้ารับคำนางผกากรอง นางยิ้มน้อยๆ ราวกับพอใจในคำตอบของเขา ก่อนจะยกเอาถาดฟักทองมาถือไว้แล้วลุกขึ้นยืน เขาลุกตามบ้าง ฟักทองเหลืองอร่ามในถาดอลูมิเนียมหากเอาไปทำแกงคงอร่อยไม่หยอก“แม่ผมไม่ค่อยเข้าครัวเท่าไหร่ เราชอบความสะดวก ซื้อมากิน หรือไม่ก็ไปกินที่ร้าน ผมชินเสียแล้วกับการที่แม่บ้านแม่เรือนไม่ค่อยทำหน้าที่” เขาเอ่ยขำๆ แต่เหมือนแก้ต่างให้ศรีภรรยาที่ยังหลับไม่ตื่น“ฉันเข้าใจค่ะ คนเราถูกเลี้ยงมาไม่เหมือนกัน ยัยเทียนเอง เห็นเป็
“ครับผม” เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย หอบเอาสมุดปากกาและตำราเข้าข้างใน“โอบรอข้างในนะคุณ” เธอบอก เขาพยักหน้า แต่ยังไม่ยอมลุก แม้ว่าเทียนหยดจะลุกไปหาของว่างในครัวแล้วก็ตาม“เรียกฉันว่าน้าก็ได้ เรียกคุณๆ มันยังไงชอบกล ไหนๆ ก็มาอยู่บ้านเดียวกัน” ผกากรองเอ่ย จับเอาฟักทองซีกหนึ่งมาฝานเปลือกออกด้วยมีดสองคม มือขาวๆ นั้นเริ่มดำด่างด้วยการกระทำของเปลือกฟักทอง ทว่าเจ้าของมิได้สนใจ สิ่งที่นางทำช่างขัดกับมาดคุณนายที่เป็น ผกากรองสวมชุดเดรสแบรนด์เนมร่วมสมัย ทว่าด้วยการออกแบบนั้นช่วยทำให้สมกับอายุของนาง มิได้ดูฉูดฉาดมากไป อยู่ในความพอเหมาะพอดี ดูเรียบหรูจนสมัตถ์ยังนึกชื่นชม“คุณไม่โกรธพวกเราแล้วเหรอ เมื่อก่อนยังเห็นเป็นศัตรู” เขาสะกิดใจ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ผกากรองกับบุตรชายก็อยู่กันเงียบๆ ไม่ได้ทำบ้านให้ร้อนเป็นไฟอย่างที่เขาเคยคิด นางยังช่วยทำอาหารอร่อยๆ ขึ้นโต๊ะให้คนในบ้านรับประทาน อย่างไม่คิดว่าตัวเองจะเหนื่อย“ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวรนี่ ถ้าคุณทำงานให้ RPS อย่างขันแข็ง ซื่อตรง แล้วฉันจะมองคุณเป็นศัตรูได้ยังไง ฉันไม่
EP 5ความจริงอันแสนเจ็บปวด______________วันอาทิตย์โอบนิธินั่งหน้ายุ่งอยู่ข้างมารดาที่กำลังปอกฟักทองลูกใหญ่ ผกากรองจะทำแกงเลียงกุ้งสดเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นอกจากต้องดูแลโอบนิธิไปโรงเรียน จัดการเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา นางยังมีหนึ่งอีกหน้าที่ นั่นคือทำอาหารขึ้นโต๊ะ เสริมไปกับอาหารที่ราตรีซื้อมา รสชาติของอาหารที่ปรุงใหม่กับของที่ซื้อขายนั้น ของที่ปรุงใหม่ย่อมอร่อยและดีกว่าเสมอ คนบ้านนี้กินอาหารที่นางทำอย่างเอร็ดอร่อย แต่เชื่อไหมว่านางไม่เคยได้รับคำขอบคุณแม้แต่ครั้งเดียว“แม่ครับ”“ว่าไง” นางย้อนถาม เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนเสื่อผืนหนาใต้ต้นอโศกหลังห้องครัว“แปลไม่ได้ครับ”“กูเกิ้ลสิลูก”คนเป็นลูกทำหน้างง ก้มมองการบ้านภาษาจีนกลางแล้วส่ายหน้า กูเกิ้ลช่วยแค่ให้เขาทำการบ้านเสร็จ แต่ไม่ได้ทำให้เข้าใจนี่นา เขาอยากเข้าใจมัน จะได้ไม่ต้องพึ่งกูเกิ้ลอีก_________เด็กน้อยถอนหายใจเบาๆ มองไปที่สนามด้านหนึ่งก็เห็นสมัตถ์กำลังตีกอล์ฟอยู่