พรางพิษ
EP 1
แสนชัง
___________
กลุ่มควันสีเทาปนดำ พวยพุ่งออกจากปากปล่องเมรุภายในวัดดังแห่งหนึ่งใจกลางเมืองกรุงฯ สมัตถ์ โสภณวิชญ์ มองตามกลุ่มควันแล้วถอนหายใจพรืดใหญ่ ดวงตาแดงก่ำนั้นแทนคำบอกเล่าถึงความเศร้าที่อยู่ภายใน หกเดือนที่แล้วเขาเสียมารดาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่นั่นไม่ทำให้เขาเจ็บปวดเท่าที่ว่ามารดาวัยเลยสาวของเขานั้นแอบนัดแนะสามีคนอื่นออกมาพบเจอกัน บิดาผู้ซื่อตรงของเขารู้เรื่องนี้เข้า และติดตามจนพบเจอพวกเขา เกิดเรื่องเศร้าที่ไม่มีใครคาดคิด หลังมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงนั้น มารดาเขาขับรถออกไปพร้อมชู้รักและเกิดอุบัติเหตุขึ้น มารดาที่รักเสียชีวิตคาที่ ในขณะที่ชู้รักอาการหนักจนต้องนอนแบ็บติดเตียง ส่วนบิดาที่เคารพ ก็เข้าสู่โหมดตรอมใจนับตั้งแต่วันนั้น และครึ่งปีให้หลัง ท่านก็เสียชีวิตลง งานศพของท่านกำลังจะเสร็จสิ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าแล้ว
“มัตถ์คะ พวกนั้นมาค่ะ”
เสียงศรีภรรยากระซิบใกล้ๆ หู สมัตถ์หันไปมองด้านหลัง ร่างงามระหงที่เขาแสนชิงชังกำลังเดินเข้ามาในศาลา วงหน้างามด้วยเครื่องสำอางทาบทา ดูสดใสจนคนมองอย่างเขานึกหมั่นไส้ หล่อนควรตีหน้าเศร้าสักนิดตอนที่เดินเข้ามาในงานศพอย่างนี้
ร่างอรชรหยุดยืนกลางศาลา ความงามสง่านั้นทำให้สายตาของทุกคนในงานจ้องมองที่หญิงสาวเป็นตาเดียว
เทียนหยด เวชพิสิฐ เดินเข้าไปหาเมื่อแลเห็นหนึ่งในเจ้าภาพของงาน เธอยกมือไหว้เขาตามมารยาท ก่อนเอ่ยถ้อยวาจาที่ตระเตรียมมาตั้งแต่บนรถ
“สวัสดีค่ะคุณสมัตถ์ เสียใจด้วยนะคะเรื่องพ่อของคุณ”
“ไม่จำเป็น!” เขาสวนคืนทันควัน ริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อแสนดึงดูดใจนั้นมิได้ทำให้เขาใจอ่อนแต่อย่างใด ความงดงามของเทียนหยดแค่ทำให้ใจเขากระตุกเบาๆ เท่านั้น ไม่สามารถเข้ามาลบความแค้นในหัวใจเขาได้หรอก
“คุณลุงมีความจริงใจ และอยากมีพวงหรีดมาวางสักพวง แต่ฉันเกรงว่าคุณจะโยนมันทิ้ง”
“ฉันโยนแน่ คิดถูกแล้วที่ไม่เอามา” ตอบแล้วเริ่มกัดฟันกรอดๆ ยิ่งเห็นหน้าเทียนหยดก็ยิ่งขุ่นเคือง
“ฉันแค่อยากให้รู้ว่าทางเราเองก็เสียใจ โดยเฉพาะคุณลุงรุ่งรดิศ ท่าน...”
“อย่าเอ่ยชื่อผู้ชายคนนั้น ฉันขยะแขยง!”
สมัตถ์ตาแทบถลนยามเอ่ยความจำนงให้เทียนหยดเข้าใจ เขาชิงชังเทียนหยดมากเท่าไหร่ บอกไว้เลยว่าน้อยกว่าเศษเสี้ยวที่เขารังเกียจเดียดฉันท์ตาแก่นั่นเลยทีเดียว
“มัตถ์คะ!” ราตรี โสภณวิชญ์ จับแขนสามีเป็นเชิงปราม นี่มันงานศพแท้ๆ การมีเรื่องทะเลาะวิวาทย่อมดูไม่งามในสายตาแขกเหรื่อ
เทียนหยดเลื่อนสายตาไปมองใบหน้าสวยเฉี่ยวของราตรี ยิ้มที่มุมปากน้อยๆ แต่เหมือนเย้ยราตรีเสียมากกว่า ราตรีเป็นสะใภ้บ้านโสภณวิชญ์ที่สมบูรณ์แบบเหลือเกิน สมบูรณ์แบบจนน่าหมั่นไส้
“อย่าอคตินักเลยคุณสมัตถ์ ฉันว่าทางที่ดีคุณควรทำดีกับฉันไว้จะดีกว่า”
“ฝันไปเถอะ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ ออกไป!”
นิ้วชี้ของสมัตถ์ชี้ตรงไปยังทางออกของวัด เทียนหยดมองตามไปแต่ไม่ยี่หระ ชินเสียแล้วกับความโกรธความไม่พอใจของเขา ความโกรธนั้นอาจจะลดลงหากเขาฟังเรื่องบางอย่างจากเธอสักเสี้ยวนาที แต่ก็เห็นแล้วว่าเขาฟังเธอแค่ไหน
“ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณค่ะ แต่เลขาของคุณ...เธอไม่เคยยอมให้ฉันพบ” เอ่ยแล้วเลื่อนสายตาไปยังร่างของราตรี เมื่อก่อนสองสามีภรรยาคู่นี้ทำงานด้วยกัน เธอพยายามหลายครั้งหลายหนในการติดต่อสมัตถ์เพื่อคุยธุระอันสำคัญ แต่ถูกราตรีกีดกันอยู่ร่ำไป
“ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุย ออกไปเดี๋ยวนี้!”
เขาตะคอกอีก เทียนหยดหน้าม้าน การถูกไล่บ่อยๆ ย่อมทำให้คนหน้าบางรู้สึกอับอาย
ขณะที่หนุ่มสาวมัวแต่จ้องหน้ากันราวกับอยากจะฆ่า ร่างเล็กบอบบางและใกล้ร่วงโรยของหญิงสูงวัยนางหนึ่งก็เดินเข้ามาขัดจังหวะ ผมยาวสีดอกเลาของนางถูกรวบเป็นมวยตึงแน่นที่ท้ายทอย นางสวมแว่นสายตาที่มีสายคล้องคอ มาดประหนึ่งคุณครูระเบียบผู้เกษียณแล้ว
“มีเรื่องอะไรกันตามัตถ์” ศรีสุรางค์ โสภณวิชญ์ สตรีวัยเจ็ดสิบห้า ท้วงถามหลานชายพร้อมใบหน้าไม่พอใจ งานศพบุตรชายนางแท้ๆ แต่คนเป็นหลานกลับส่งเสียงดังไล่แขก ช่างไม่ให้เกียรติบิดาบ้างเลย
เทียนหยดยกมือไหว้นางศรีสุรางค์ หากมีใครสักคนพอจะรับฟังข้อเสนอของเธอก็น่าจะเป็นนางศรีสุรางค์นี่แหละ
“อ้อ...เธอเองหรอกรึ นึกยังไงถึงได้มาล่ะ ไม่กลัวหลานฉันไล่ตะเพิดหรือไง”
“ไม่กลัวค่ะ เขาไล่หนูแล้ว”
เทียนหยดตอบตามจริง พิศมองนางศรีสุรางค์ก็เห็นความงดงามตามวัย แต่ตาของนางนั้นออกจะดุไปหน่อย ยิ่งมาสวมแว่นเจ้าระเบียบนั่นเข้ายิ่งดูน่าเกรงขามเข้าไปอีก
“เธอไม่ควรมาที่นี่ครับ” สมัตถ์บอกย่าของตน หน้าตายังไม่สบอารมณ์นัก
“หลานกำลังเสียมารยาท เธอมีธุระอะไรไหม” หันไปถามผู้มาเยือน
“มีค่ะ แต่คุณสมัตถ์ไม่ยอมคุยกับหนู”
“เรื่องสำคัญหรือเปล่า” นางถามต่อ
“ค่ะ อยากเจรจาให้เป็นเรื่องเป็นราว หนูมีข้อเสนอ”
สมัตถ์เริ่มควันออกหู “ข้อเสนออะไรฉันก็ไม่รับทั้งนั้น!”
“อย่ามั่นใจนักสิคะ ลำพังแค่เงินประกันชีวิตของคุณศิเทพ ไม่ทำให้พวกคุณมีกินไปตลอดชีวิตหรอกค่ะ พวกคุณกำลังถังแตก ยอมรับความจริงบ้างสิคะ”
ทุกคนเงียบไปเมื่อถูกจี้ใจดำ นางศรีสุรางค์ถอนหายใจอย่างปลดปลง สมัตถ์กำหมัดแน่น ในขณะที่ราตรีดวงตากลิ้งกลอกไปมาราวกับใช้ความคิด ธุรกิจโรงแรมของโสภณวิชญ์นั้นเพิ่งถูกเปลี่ยนมือก่อนที่พ่อสามีของเธอจะเสียชีวิต มันขาดทุนจนสมัตถ์แบกรับไม่ไหว ทรัพย์สินที่มีบางส่วนถูกขายไปเพื่อนำเงินไปใช้หนี้เงินกู้ที่สมัตถ์กู้มาฟื้นฟูกิจการ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ดีขึ้น ตอนนี้พวกเธอไม่มีหนี้แล้ว แน่นอนว่าพวกเธอก็ไม่มีอะไรเหลือเช่นกัน
“เธอมาพบฉันได้ไหม ที่บ้านน่ะ เธอรู้จักหรือเปล่า”
“คุณย่า!” สมัตถ์ร้องปรามย่าของตัวเอง ไม่พอใจที่นางทำเหมือนยอมศิโรราบต่อเทียนหยด เขาเกลียด เขาไม่อยากก้มหัวให้คนพวกนี้
เทียนหยดยิ้มบางๆ อย่างสมใจ “บ้านโสภณวิชญ์คงหาได้ไม่ยาก อีกสองวันหนูจะไปพบคุณนะคะ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้พร้อมกล่าวลา เธอลาแค่นางศรีสุรางค์แล้วเดินจากมา อย่างน้อยๆ การเข้ามาพบเจอพวกโสภณวิชญ์ตัวเป็นๆ ก็ทำให้เธอมีคำตอบให้กับคนที่เฝ้ารอ
___________
เทียนหยดกลับมาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่บิดาเลี้ยงพักรักษาตัวอยู่ อาการของ รุ่งรดิศ นั้นร่อแร่เต็มที อุบัติเหตุที่เกิดเมื่อครึ่งปีก่อน ทำให้สุขภาพท่านย่ำแย่ มันไม่ได้มีผลแค่เพียงภายนอก แต่มันแย่ที่ภายใน อวัยวะของท่านหลายส่วนติดเชื้อจากการที่รถไถลลงไปในคลองข้างทาง มีการเฉี่ยวกันก่อนหน้านั้นระหว่างรถเก๋งสองคัน รถพังและถูกน้ำคลองท่วมมิดหลังคา นั่นทำให้นางศมล มารดาของสมัตถ์เสียชีวิต ส่วนบิดาเลี้ยงของเธออาการทรุดลงทุกวัน
ภายในห้องพักฟื้นที่ไม่ใช่ห้องปลอดเชื้ออย่างเช่นเมื่อวาน เทียนหยดใจหายวาบ รุ่งรดิศถูกย้ายออกมาแล้ว หมอย้ายออกมาทำไมกันเล่า แล้วนั่น...น้องชายวัยสิบขวบของเธอ เขายังอยู่ในชุดนักเรียน แล้วเขามาที่นี่ทำไม
แพทย์สูงวัยท่าทางใจดีเดินผ่านหน้าเธอออกไปพร้อมพยาบาลนางหนึ่ง บรรยากาศในห้องแปลกๆ ชอบกล แล้ววินาทีต่อมา มารดาผู้ยังงดงามของเธอก็หันมามอง
“ลุงเขารออยู่ มาสิ” ผกากรอง เตชะทัต เอ่ยบอกบุตรสาวของตัวเอง น้ำตากบทั่วใบหน้าซีดเซียว พวงผมที่ดัดเป็นลอนสวยถูกรวบไว้อย่างไม่ใยดี มีบุตรชายวัยสิบขวบยืนอยู่ข้างๆ เด็กน้อยสะอื้นฮักๆ มือข้างหนึ่งจับแขนบิดาไม่ปล่อย
เทียนหยดน้ำตาคลอ หัวใจเต้นแรงอย่างไม่เป็นมาก่อน ครึ่งปีแล้วนะ ครึ่งปีที่เธอภาวนาไม่ให้วันนี้มาถึง แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว คุณลุงผู้แสนดีกำลังจะจากไปแล้ว ตลอดกาล...
“เทียนมาแล้วค่ะ เทียนมาแล้ว” บอกคนป่วยที่อาการร่อแร่เต็มที เธอนั่งลงด้วยสองเข่า สองมือกุมมือบิดาเลี้ยงเอาไว้แน่น
รุ่งรดิศ เตชะทัต ลืมตาขึ้นมองสาวน้อยของตัวเอง ท่านเลี้ยงเทียนหยดมาด้วยความรักและเอ็นดู และวันนี้ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของท่าน ก็คงต้องฝากไว้กับสาวน้อยผู้นี้
“เทียน...จำ...ที่เราคุยกัน...ได้ไหม”
“ค่ะ เทียนจำได้ เทียนไปหาคนพวกนั้นมาแล้ว อีกสองวันเทียนจะไปหาอีก เขายอมแน่ๆ ลุงทำใจให้สบายนะคะ” บอกท่านขณะพยายามมิให้น้ำตาไหล ความซูบโทรมบนหน้าของคุณลุงคนดีช่างบีบบี้หัวใจเธอเหลือเกิน ลุงกำลังจะไปแล้ว ทิ้งแม่ของเธอ ทิ้งน้องชาย และทิ้งเธอไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
รุ่งรดิศพยักหน้าช้าๆ “ฝากเทียน...ด้วย ช่วย...ดูแล...แม่...กับน้องแล้วก็...” มองมาทางศรีภรรยา ผกากรองเลยจับมืออีกข้างของสามีไว้ ทั้งสองจ้องตากันเป็นครั้งสุดท้าย ความบาดหมางใจเหมือนม่านบางๆ ที่กางกั้นความสุขอันน้อยนิดที่มี รุ่งรดิศเสียใจ แต่ท่านไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ “ผกา...ฉัน...ขอโทษ แต่ฉัน...ไม่ได้มีชู้จริงๆ ฉัน...รักเธอนะ รักเธอ คนเดียว...”
สิ้นคำบอกรักของชายสูงวัย เปลือกตาบางของท่านก็ปิดลงพร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องของผกากรอง เด็กชายตัวน้อยปล่อยโฮลั่นห้องในขณะที่เทียนหยดต้องปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น หยดน้ำตาหลั่งมาราวฝนห่าใหญ่...ไปแล้ว...ที่พึ่งทางใจสุดท้ายของเธอ จากไปพร้อมกับภาระอันหนักอึ้งที่ท่านวางไว้บนบ่า ให้เธอแบกไว้นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
EP 1/2 แสนชังสองอาทิตย์ให้หลังสมัตถ์เดินวนไปวนมาหน้าประตูห้องทำงานของบิดา สองอาทิตย์มาแล้วที่เขาเฝ้ารอการมาของเทียนหยด และวันนี้ก็มาถึง เขาไม่รู้ว่าหล่อนติดธุระอันใด แต่เห็นแล้วว่าหล่อนผิดนัดไปหลายวันเชียวล่ะตอนนี้ย่าของเขากำลังเจรจากับเจ้าหล่อนอยู่ เขาจะไม่สนหรอกหากว่าวันนี้ย่าไม่เรียกตัวทนายมาด้วย มันชวนให้เขาวิตกถึงอะไรบางอย่างที่ยังไม่รู้แน่ชัดแอ๊ด...ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างผอมเตี้ยของทนายที่ทุกคนในโสภณวิชญ์รู้จักดี ด้วยว่าทำงานร่วมกันตั้งแต่กิจการโรงแรมของตระกูลยังรุ่งเรืองอยู่ ตามมาด้วยร่างอรชรของแม่สาวชุดดำที่เขานึกชิงชังมิคลาย“เอ้า ตามัตถ์? มาทำอะไรตรงนี้”ศรีสุรางค์ที่เดินออกมาจากห้องเป็นคนสุดท้ายเอ่ยถามหลานชายด้วยสงสัย“เอ่อ...เปล่านี่ครับ ก็เดินเล่นไปเรื่อย”ศรีสุรางค์ทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ ก่อนจะเอ่ย“ย่าไปส่งคุณทนายก่อน แล้วจะกลับมาคุยกับเรา ไปรอในห้องนั่งเล่นล่ะ”“ครับคุณย่า”เทียนหยดเตรียมตัวจะก้าวเดินเมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองก้าวนำหน้า แต่ข้อมือข้างหนึ่งของเธอถูกดึงไว้ด้วยมือแข็งราวคีมเหล็กของเขา“ปล่อยค่ะ”“บอกมาก่อนว่าเธอคุยอะไรกับคุณย่า”เทียนหยดยิ้มเยือกเย็น เขาจะทำหน้
EP 1/3 แสนชังไม่กี่วันหลังจากนั้น สมัตถ์ก็มานั่งอยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่ของบริษัท RPS Cosmetic Co.,Ltd. บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยความงาม เขานั่งชั่งใจเป็นหนสุดท้ายก่อนรับภาระอันหนักอึ้งมาไว้บนบ่า คุณย่าที่รักปรารถนาให้เขารับมันไว้แต่โดยดี แต่เขายังสองจิตสองใจ แม้ว่าหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์มันจะมากกว่าหุ้นของหุ้นส่วนอีกสองคนที่เหลือ แต่ยังน้อยไปเมื่อเทียบกับหุ้นของผกากรอง ท่านประธานคนใหม่ของ RPS และดูเหมือนว่ามารดาของเทียนหยดจะทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากจิกหัวใช้ลูกสาวน่าแปลกใจไหมเล่าที่เทียนหยดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในหุ้นของบริษัทนี้ หล่อนทำหน้าที่เป็นเพียงใครบางคนที่มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการสั่งการไม่ต่างจากเขา ทว่าไร้ตำแหน่งที่แน่นอน เขาเดาว่าตำแหน่งจริงๆ ของหล่อนนั้น น่าจะแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อควบคุมเขาเสียมากกว่า“เสร็จหรือยังยัยเทียน ฉันต้องรีบไปโรงเรียนตาโอบนะ” สตรีวัยเลยสาว ที่วันนี้แต่งกายเรียบหรูดูดีทุกกระเบียดนิ้ว เอ่ยถามบุตรสาวอย่างไม่เกรงใจใคร ด้วยว่านั่งอยู่ตรงนี้มาชั่วโมงหนึ่งแล้ว ฟังถ้อยเจรจาเรื่องข้อตกลงของหุ้นส่วนใหม่จนเบื่อเหลือกำลัง“ชู่ว์...คุณแม่คะ เสียมารยาท
ภายในลิฟต์โดยสารที่มีเพียงสองแม่ลูก ลิฟต์เคลื่อนลงไปเรื่อยๆ ตามความสูงของอาคารหกชั้น“แม่คะ”“อย่ามาพูดกับฉัน ฉันโกรธอยู่” ผกากรองว่าแล้วมองหน้าตัวเองในผนังลิฟต์มันวาว มีความไม่พอใจระบายอยู่บนใบหน้าของตัวเองจนต้องเลื่อนดวงตาไปมองทางอื่น“มันเป็นความประสงค์ของคุณลุงนี่คะ”“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้อะไรคนพวกนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ แกรู้ดีที่สุดยัยเทียน” ว่าแล้วจับกระเป๋าคลัตช์ใบหรูมาหนีบไว้ใต้วงแขนแรงๆ ด้วยรูปร่างที่ระหงทุกสัดส่วนทำให้ผกากรองยังดูดีเมื่อเทียบกับอายุจริง“ถ้าไม่ยกให้เขา แม่อยากยกให้ใครละคะ คุณลุงให้หุ้นพวกเขาอย่างน้อยๆ แม่ก็มั่นใจได้เลยว่าเขาไม่พาบริษัทเจ๊งแน่ๆ หนูทำคนเดียวไม่ไหวหรอกนะคะ”เทียนหยดชี้แจง เธอไม่ได้ทำงานให้ RPS เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง งานบริหารจัดการของเธอเธอก็ต้องดูแล“นั่นแหละที่ทำให้ฉันโกรธ ถ้าฉันรู้เรื่องงานบริหารมากกว่านี้สักนิดก็คงไม่ต้องให้หุ้นพวกเขาหรอก”เทียนหยดส่ายหน้าช้าๆ มองมารดาแล้วสะท้อนในอก“แม่คะ ถึงยังไงคุณลุงก็ยกหุ้นให้คุณสมัตถ์อยู่ดี ต่อให้แม่ทำงานเก่งแค่ไหน หุ้นตรงนั้นคุณลุงก็ไม่ให้แม่หรอกค่ะ”
ณ บ้านโสภณวิชญ์อันโอ่อ่าสมฐานะเจ้าของ เจ้าบ้านใหญ่นั่งอยู่กับหลานชายบนโซฟาผ้าไหมสีเขียวอ่อน ถัดไปเป็นหลานสะใภ้และเก้าอี้ว่างหนึ่งตัว ตรงข้ามกันนั้นเป็นร่างของสามแม่ลูกที่นั่งเรียงกันบนโซฟาตัวยาวเช่นกัน“บ้านนี้มีหลายห้อง แต่ว่า...”“แต่ว่ามีห้องว่างแค่ห้องเดียว ข้างบน”สมัตถ์เอ่ยขัดวาจาของย่า ไม่ได้เต็มใจกับการมาอยู่ที่นี่ของสามแม่ลูกสักนิด หากเป็นไปได้ก็อยากเอาน้ำยาฆ่าเชื้อมาสาดไล่เชียวล่ะ“ฉันนอนกับตาโอบได้ แต่ว่ายัยเทียน...” ผกากรองเปรยอย่างกังวล“น่าจะมีห้องว่างที่ข้างล่างนะคะ” เทียนหยดเอ่ยแทรกแล้วมองออกไปนอกประตูห้องรับแขก เธอเห็นประตูอยู่สองสามบาน น่าจะเป็นห้องละนะ“ข้างล่างเป็นห้องทำงานฉัน และห้องพักสำหรับแขก” สมัตถ์รีบบอก เทียนหยดยิ้มน้อยๆ“งั้นฉันอยู่ห้องรับแขกก็ได้”“ไม่ได้ ถ้าเธออยู่ห้องนั้น แล้วถ้าแขกมาล่ะ จะให้ปูเสื่อนอนหรือไง”ราตรีท้วงทันใด หน้าตานั้นไม่ต่างจากสามีมากนัก“แล้วจะให้ลูกฉันไปนอนที่ไหนล่ะ” ผกากรองถาม คอแข็งเป็นเอ็น ไม่ชอบใจคนบ้านนี้ไม่ว่าจะหัวหงอกหัวดำ“ความจริง...ห้องแม่บ้านเก่าก็ว่างนี่คะ กว้างขวางดีออก ข้างๆ ห้องคนใช้น่ะ” ราตรีบอกแล้วยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ
ชายหนุ่มกวาดตามองทั่วร่างงาม ชุดสูทแบบสตรีที่กระโปรงยาวเหนือเข่าขึ้นมาทำให้เขาเห็นขาขาวๆ เรียวๆ ของหล่อนเต็มตา หล่อนขาวจนผิวเนื้อแทบกลายเป็นสีกระดาษเลยก็ว่าได้ คงได้ความขาวมาจากมารดาหล่อนกระมังหมับ!“เอ๊ะ! มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้ฮะ!” ร้องเสียงหลงเมื่อข้อมือข้างหนึ่งถูกเขากำแน่น เขาขยับมาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายกรุ่นอยู่แถวปลายจมูก“แล้วเธอล่ะ มีสิทธิ์อะไรมายืนต่อปากต่อคำกับฉันฉอดๆๆ ที่นี่ฉันใหญ่สุด”“แม่ฉันต่างหากใหญ่สุด” เธอเถียง“งั้นก็ไปเรียกแม่เธอมาสิ! เรียกมานั่งทำงานแทนฉันนี่!”เทียนหยดเม้มปากแน่น จนในคำท้าทาย“หึ...ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกแวดๆ ใส่ฉันซะที ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิง ไม่มีทางเก่งกว่าผู้ชายไปได้หรอก อ้อ...อย่าพยายาม อ่อยฉัน! ฉันมีเมียแล้ว!”เขาประกาศแล้วชี้ลงยังกระโปรงสั้นของหล่อน เทียนหยดถึงกับอ้าปากค้าง ใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกห่าง“อีตาบ้า! ใครอ่อยฮะ! ฉันคงสติไม่ดีถ้าคิดอ่อยคุณ”ร้องใส่หน้าเขาแล้วเดินกลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงาน อารมณ์ขุ่นมัวไม่น้อยเมื่อโดนดูถูกจากผู้ชายตัวใหญ่ที่ไร้มารยาทสิ้นดี ระยะเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์ที่ได้พบเจอกันเป็นเรื่องเป็นราว เขาถือวิสาสะจับมือ
มื้อค่ำวันนี้เป็นครั้งแรกที่คนจากสองตระกูลได้มาร่วมโต๊ะอาหารอย่างพร้อมเพรียง ศรีสุรางค์กับราตรีแทบจะกลืนอะไรไม่ลง ในขณะที่คนอื่นๆ ดูท่าเจริญอาหารกันถ้วนหน้า ผกากรองและบุตรชายรับประทานไปตามหน้าที่ ในขณะที่เทียนหยดตักข้าวเข้าปากคำหนึ่งก็จิ้มหน้าจอสมาร์ตโฟนไปทีหนึ่ง ส่วนสมัตถ์กำลังเอร็ดอร่อยกับกับข้าวที่รสชาติดีเหลือเกิน“วันนี้กับข้าวอร่อยจัง คุณไปซื้อที่ร้านไหน” เขาหันไปถามภรรยาราตรีตักแกงเลียงมาชิมคำหนึ่งก็รู้ว่าอร่อยสมดังที่สามีว่า“แม่ทำครับ” เด็กชายตัวน้อยตอบ หลังจากไปรับเขาที่โรงเรียน มารดาก็ขลุกอยู่ในครัวจนถึงค่ำ รสชาติอาหารนั้นเขาจำได้ขึ้นใจทุกอย่างเลยสมัตถ์อิ่มตื้อขึ้นมาทันใด ยกแก้วน้ำขึ้นจิบอึกใหญ่ มองวงหน้าเด็กชายตัวน้อยก็เห็นว่าน่าเอ็นดูดีแท้ เสียแต่ว่ามีเค้าของรุ่งรดิศมากไป เขาเลยนึกชิงชังไปโดยปริยาย“แม่...อยากกินไข่เจียว” เด็กชายร้องขอผกากรองมองหาจานไข่เจียวก็เห็นว่าวางอยู่สุดโต๊ะอาหาร“เทียน ตักไข่เจียวให้น้องหน่อย”เทียนหยดเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอสมาร์ตโฟน มือซ้ายมีช้อนข้าว มือขวาจิ้มอยู่บนหน้าจอ เธอกำลังตอบกลับการสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่“คือเอ่อ...นี่คุณ” เธอเรียกสมัตถ
สมัตถ์กำลังจะล้มตัวลงนอนในตอนที่ศรีภรรยาแต่งตัวสวยและเซ็กซี่ ราตรีบอกว่าเพื่อนนัดออกไปเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิด เขาอยากห้ามหล่อนหรอกนะ แต่นี่เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่หล่อนจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตา ตอนที่บริหารโรงแรมช่วยเขานั้น หล่อนทำหน้าที่เลขาได้อย่างดีเยี่ยมจนแทบไม่มีเวลาเข้าแม้แต่ร้านเสริมสวยด้วยซ้ำ นับว่านี่คือโอกาสที่อยู่ในช่วงวิกฤติเลยล่ะเขาลุกไปหาภรรยาที่หน้ากระจกเงา กอดเอวเจ้าหล่อนไว้แล้วก้มลงไปหาซอกคอขาวๆ บรรจงจุมพิตและซุกไซ้อย่างที่เคยทำยามต้องการปลุกเร้าสาวเจ้าให้มีอารมณ์พิศวาส“อือ...ไม่เอานะคะ ไนท์รีบไป สามทุ่มแล้ว”“ไม่ต้องไปไม่ได้เหรอ วันนี้ผมเครียดจัง คุณอยู่กับผมดีกว่า” ร้องขอแล้ววางจมูกคมๆ ลงกับแก้มบาง สูดดมแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว กระโปรงที่หล่อนสวมนั้นสั้นเหนือเข่าขึ้นมามากโข เขาสามารถลูบไล้ต้นขางามได้ง่ายๆ เลย“อย่าค่ะสมัตถ์ ไนท์รีบนะคะ กลับมาค่อยมาต่อนะ...อือ...” บอกอย่างนั้นแต่ครางอืออาเมื่อสามีสอดมือเข้าไปใต้กระโปรง ฝ่ามือเขากอบกุมเนินนุ่มที่ปกคลุมด้วยผ้าบางๆ ของกางเกงชั้นใน สมัตถ์พยายามปลุกอารมณ์เธอ แต่มันช่างไม่เหมาะไม่ควร ตอนนี้เธอรีบนะ เพื่อนๆ รออยู่ที่ผับแล้ว“น
ลูกบ้านนี้ได้แม่กันหมดหรือไงถึงได้มีความขาวที่น่าพิสมัยเช่นนี้ หล่อนตัวสูง แต่ยังไม่สูงเท่าเขา พวงผมที่รวบเป็นหางม้าสูงอยู่เป็นนิตย์ บัดนี้ปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง ผมหล่อนยาว ดำขลับและมันวับ หล่อนเดินไปเดินมา และในจังหวะที่หันหน้ามาทางนี้ ก็ทำให้เขาอดใจไม่ไหวต้องเดินไปพิสูจน์บางอย่างใกล้ๆ“อ่า...ค่ะๆ สองหมื่นตลับนะคะ เดี๋ยวฉันจะให้เจ้าหน้าที่ทำเอกสารแล้วส่งเมลไปให้ จ่ายก่อนครึ่งหนึ่งตามที่ตกลงไว้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ สวัสดีค่ะ”เทียนหยดรีบวางสายลูกค้าเมื่อเห็นร่างสูงของสมัตถ์เดินมาทางนี้ ใบหน้าเขาเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก ทว่าเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ จึงได้เห็นว่าหน้าเขาแดงนิดๆ และมีกลิ่นเบียร์จางๆ โชยมาหญิงสาวเดินหนีก่อนที่เขาจะมาถึงตัว“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน กลัวหรือไง” ถามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ กวาดตามองร่างน้อยผ่านๆ และก็มั่นใจว่าใต้เสื้อกล้ามตัวน้อยนั้นหล่อนมิได้สวมเสื้อชั้นใน ปลายถันเล็กๆ ดุนดันเสื้อออกมาจนเห็นเป็นรูปทรง คอเสื้อของหล่อนไม่ได้เว้าแหว่งอะไร มันปกปิดเหนือเนินหน้าอก แต่รัดรึงเห็นรูปทรงชัดเจน หน้าอกหล่อนใหญ่พอตัว ใหญ่กว่าของราตรีเสียอีก และให้ตายเถอะ บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ระหว่างซอ
EP 6ยั่วฟืดๆๆเสียงสูดน้ำมูกดังๆ ก่อนที่เทียนหยดจะเอาหน้าผากออกจากหลังสมัตถ์ ชายหนุ่มเบี่ยงหน้าจะดูหลังตัวเอง ไม่เห็นมันหรอก แต่รู้เชียวละว่ามันคงเป็นด่างดวงเพราะหยดน้ำตา“ขอโทษนะ แล้วก็...ขอบคุณสำหรับแผ่นหลัง” เธอบอกเขา ปาดน้ำตาลวกๆ“เธอโอเคแล้วใช่ไหม”“ไม่...ไม่โอเค แต่ฉันหิว ขอกินก่อนแล้วค่อยไปนอนร้องไห้เป็นเผาเต่าที่ห้องก็ได้”สมัตถ์พยักหน้าหงึกๆ “งั้นฉันไปแล้วนะ ลงมานานแล้วเดี๋ยวไนท์สงสัย”“สงสัยบ้าอะไรล่ะ คุณกับฉันไม่ได้ลักลอบทำอะไรสักหน่อย”เทียนหยดหน้ายุ่ง เขาจะกลัวเมียอะไรนักหนา“อือ...นั่นแหละ ฉันรักของฉัน”“ค่า เชิญค่ะสามีตัวอย่าง” เธอประชดแล้วก้มหน้าลงจานข้าว เลยไม่ได้เห็นสมัตถ์ยิ้มกว้างยามโดนประชด พอเขาออกนอกประตูไป แม่สาวอกหักก็เงยหน้าขึ้นมา ทำไมผู้ชายดีๆ ไม่มีให้เธอบ้างนะ ที่สวรรค์ส่งมาให้ก็ช่างเลวได้ใจ ที่พอจะมองเห็นก็ดันมีเมียอยู่แล้ว ส
“แน่นะคะ ถ้าผิดคำสาบานล่ะ”“ขอให้...ขอให้เทียนลงโทษอย่างสาสม พอใจหรือยังครับ”จีรวัฒน์เอ่ยทีเล่นทีจริง แต่เทียนหยดถือว่าสิ่งที่เขาเอ่ยออกมาคือคำสาบานที่เขาได้ลั่นวาจาออกมาแล้ว และหญิงสาวขอให้มันเป็นไปตามนั้น และเธอ...จะขอเริ่มบทลงโทษเขาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!“พอใจแล้วค่ะ จีน่ารักที่สุด” พูดจบก็ยิ้มกว้างแล้วโผเข้าหาร่างเขาจนอีกฝ่ายหงายหลังบนโซฟา เลยกลายเป็นว่าตอนนี้เธอทาบทับเขาไว้ และมันทำให้จีรวัฒน์พอใจ“เทียนน่ารักจังที่เป็นแบบนี้”“แบบไหนคะ” ถามพลางใช้นิ้วแหวกสาบเสื้อคลุมอาบน้ำของเขาให้แบะอ้าออก แล้วใช้มือบางลูบไล้แผงอกเปล่าเปลือยเล่นอย่างยั่วเย้า“ก็แบบนี้ไง แบบ...ยั่ว...”“เทียนเปล่ายั่ว ก็จีน่ารัก เทียนแค่แกล้งหรอกน่า”“จียอมให้เทียนแกล้งทั้งคืน” ไม่ว่าเปล่าๆ แต่ใช้มือข้างขวาลูบบั้นท้ายงามงอนไปมา ไม่ลืมขยำมันเบาๆ บั้นท้ายหล่อนช่างนุ่มหยุ่นขยำเท่าไหร่ก็มิมีเหลวอ่อน“แต่เทียนไม่ว่าง...” ลากเสียงยาวๆ แล้วก้มลงจุ
“โธ่เทียน...ก็...ที่ตรงนั้นมันไม่ใช่แค่ห้าหกล้าน ถ้าขายจริงๆ มันอาจได้มากกว่านั้นเท่าตัวเลยก็ได้” จีรวัฒน์เริ่มหัวเสีย เทียนหยดปาดน้ำตา“งั้นจีเอาเงินมาคืนเทียนสิคะ เทียนจะได้เอาไปหมุน จีพูดอย่างนี้เทียนเสียใจนะ เทียนช่วยเหลือจีมาตลอด แต่พอเทียนลำบาก จีกลับไม่อยากช่วย ถามจริงๆ เถอะ รักเทียนบ้างไหม...” เทียนหยดเม้มปากแน่น ร้องไห้ฟูมฟายออกมา หยดน้ำตาแห่งความแค้นคลั่งหลั่งออกมาพร้อมกับน้ำตาแห่งความเสียใจจีรวัฒน์นึกสงสารเลยดึงร่างน้อยมากอด กายหนุ่มสัมผัสกายสาวพาให้ความรุ่มร้อนบังเกิดอย่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา“ขอโทษนะเทียน จีขอโทษ...ขอเวลาจีหน่อยนะคนดี” ว่าพลางลูบแผ่นหลังบางเรื่อยลงมาถึงเอวคอดเทียนหยดตาเบิกโต รู้สึกได้ถึงฝ่ามือร้อนของอีกฝ่าย ได้แต่เม้มปากแน่น ดวงตาดุดันเพ่งมองไปข้างหน้าแต่ไม่ได้โฟกัสที่จุดใด แม้ในเวลาแห่งความทุกข์ จีรวัฒน์ก็ยังอยากทำบ้าๆ กับเธอ เอาสิจีรวัฒน์ ลองมาพนันกันดู!“เอามือออกนะจี เราเครียดกันอยู่นะ” บอกเสียงเง้างอนไม่จริงจัง จะชนะคนชอบฉวยโอกาส มันต้องทำให้แนบเนียน“ก็
มือเรียวยกป้องปากงาม หัวใจเต้นถี่ระรัว ทั้งโกรธ...ทั้งรัก ทั้งแค้นใจ! ไฟล์วิดีโอยังเล่นไปพร้อมๆ กับน้ำตาของเทียนหยดที่ไหลริน ริมฝีปากสั่นระริกเม้มแล้วเม้มอีก ดวงตาหลั่งสายธารออกมาราวกับน้ำตกผืนใหญ่ในฤดูฝนพรำ ยิ่งนั่งดู ยิ่งปวดใจ เฝ้ามองภาพคนรักของตัวเองกำลังนัวเนียกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหญิงอื่น ทั้งสองปล้ำถอดเสื้อผ้ากันจนเหลือเพียงชุดชั้นใน และวินาทีที่เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายจะหลุดออกจากสองร่าง เธอก็กดหยุดวิดีโอ ก่อนที่หัวใจจะแตกสลายเพราะการกระทำของชายที่เธอจงรักภักดีเทียนหยดปิดพับหน้าจอกล้องถ่ายรูปเข้าหาตัว กล้องตัวนี้สมรรถภาพเยี่ยมยอด สามารถกดแชร์ภาพ แชร์วิดีโอลงแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กได้ทันที เธออยากทำใจจะขาด อยากประจานความชั่วร้ายของคนทั้งสอง แต่สุดท้าย...ก็เก็บมันเข้ากระเป๋าถือใบโต หักห้ามใจเอาไว้ ข่มความโกรธความเจ็บใจ ไว้รอวันเอาคืน ตอนนี้เธอยังมีสติไม่พอ เธอกำลังโกรธมาก! และทุกอย่างจะพังพินาศถ้าเธอสติแตก!“อือ...เทียน...มาแล้วเหรอ”เสียงถามดังอืออามาจากห้องนอน เทียนหยดรีบปาดน้ำตา หยิบเครื่องสำอางมาเติมแป้งเติมลิปสติก มิให้มีรอยพิรุธ ทว่าแต่งเติมอย่างไร
“ตายจริง ขอโทษนะคะ ไนท์ปวดหัวเลยลุกไม่ขึ้น ไม่ได้ออกไปซื้อกับข้าวให้ทุกคนเลย” เอ่ยอย่างขออภัยแล้วนั่งลงข้างสามี สาวใช้รีบยกผ้ารองจานกับจานข้าวมาให้ ราตรียังตีหน้าสำนึกผิดจนสมัตถ์นึกสงสาร“ไม่เป็นไรครับ แม่น้องโอบทำกับข้าวแล้วล่ะ คุณกินสิ กำลังร้อนๆ เลย” ว่าแล้วตักแกงเลียงใส่ถ้วยเล็กๆ ให้ภรรยา แต่ราตรีที่ยังมีอาการเมาค้าง เกิดพะอืดพะอม ต้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบ “โอย...ไหวไหมไนท์”สมัตถ์ถามอย่างห่วงใย ท่าทีเอาใจใส่ภรรยานั้นทำเอาเทียนหยดหน้าสลด แน่ล่ะ จีรวัฒน์ไม่ได้ครึ่งของสมัตถ์เลย เป็นเธอมากกว่าที่ต้องคอยเอาอกเอาใจเขา“พะอืดพะอมอย่างนี้จะมีข่าวดีหรือเปล่าคะ” ผกากรองตั้งข้อสังเกต แต่ทำให้สีหน้าของสมัตถ์เปลี่ยนไป เขาขยับนั่งตัวตรง หันไปมองภรรยา ฝ่ายนั้นก็ยื่นมือมาจับมือเขา มันทำให้เขาพอมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง“ถ้าหล่อนหมายถึงเรื่องลูกละก็ เป็นไปไม่ได้หรอก หลานฉันเป็นหมันน่ะ”“คุณย่าคะ!” ราตรีเอ่ยดังๆ ด้วยไม่อยากให้นางศรีสุรางค์เอ่ยเรื่องนี้“ทำไมฮึยัยไนท์ มันเรื่องจริง ยอมรับส
“จุ๊ๆๆ อย่าร้องนะโอบ ชู่ว์...” กอดน้องชายไว้แล้วน้ำตาจะไหล ทุกอาทิตย์คุณลุงจะมาหาโอบนิธิ แต่นับตั้งแต่ท่านเสียไป โอบนิธิก็ได้เฝ้ารอแค่ความว่างเปล่า จิตใจของเด็กนั้นอ่อนไหวเกินกว่าจะทนรับเรื่องร้ายๆ เธอไม่โทษน้องชายเลยที่ร้องไห้อย่างไม่อายใคร เพราะหากเธออายุเท่าเขา เธอคงนอนร้องไห้ทุกวันทุกคืน“พี่เทียน...ฮึกๆ คิดถึงพ่อ...พ่อไม่มาแล้ว...ไม่มากอดโอบแล้ว ฮือ...”เด็กชายร้องไห้ฟูมฟาย จนอกเสื้อพี่สาวเปียกชุ่ม เทียนหยดเห็นท่าไม่ดีก็ร้องหาตัวช่วย“แม่! แม่คะ แม่!”“อะไร! อะไรของแกฮึเทียน”ผกากรองเดินหน้าตื่นออกจากห้องครัว นางตรงมาทางห้องนั่งเล่น กลิ่นน้ำพริกแกงเลียงยังติดกายนางมาประหนึ่งถือถ้วยแกงมาด้วยสตรีวัยเลยสาวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นบุตรชายนั่งร้องไห้อยู่กับอกคนเป็นพี่ นางเข้าไปดึงร่างโอบนิธิออกมา“แม่ครับ...ฮึกๆ”“หยุด...แม่บอกให้หยุดร้อง”ผกากรองใช้เสียงเรียบต่ำ บอกให้รู้ว่านางไม่พอใจที่เห็นเขาร้องไห้โอบนิธิปาดน้ำตา หน้าตายังบิดเบ้ พวงแก้มขึ้นส
“เรื่องบางเรื่องก็น่าแปลกที่เราไม่สามารถหาคำตอบให้มันได้” เขาเปรยราวกับปลงแล้วทุกสิ่ง“บางทีเวลาอาจเป็นคำตอบ ฉันไม่รู้ว่าสามีฉันเอาอะไรมาวัดว่าคุณไว้ใจได้ อาจเป็นความรู้สึกผิดของเขา หรืออาจเพราะมันมีเหตุผลมากกว่านั้น ที่เขายกหุ้นให้คุณ แต่ฉันเชื่อใจเขานะ เขาคงไม่หาคนมาผลาญ RPS หรอก ในเมื่อเขาไว้ใจคุณ ฉันก็จะไว้ใจคุณ ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่รุ่งรดิศอยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันมาแล้ว เวลาอาจช่วยไขข้อข้องใจให้เราก็ได้ รอไปด้วยกันไหมคุณสมัตถ์”แม้ไม่อยากเห็นด้วย แต่ไม่มีทางเลือกเลย สุดท้ายสมัตถ์ก็ต้องพยักหน้ารับคำนางผกากรอง นางยิ้มน้อยๆ ราวกับพอใจในคำตอบของเขา ก่อนจะยกเอาถาดฟักทองมาถือไว้แล้วลุกขึ้นยืน เขาลุกตามบ้าง ฟักทองเหลืองอร่ามในถาดอลูมิเนียมหากเอาไปทำแกงคงอร่อยไม่หยอก“แม่ผมไม่ค่อยเข้าครัวเท่าไหร่ เราชอบความสะดวก ซื้อมากิน หรือไม่ก็ไปกินที่ร้าน ผมชินเสียแล้วกับการที่แม่บ้านแม่เรือนไม่ค่อยทำหน้าที่” เขาเอ่ยขำๆ แต่เหมือนแก้ต่างให้ศรีภรรยาที่ยังหลับไม่ตื่น“ฉันเข้าใจค่ะ คนเราถูกเลี้ยงมาไม่เหมือนกัน ยัยเทียนเอง เห็นเป็
“ครับผม” เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย หอบเอาสมุดปากกาและตำราเข้าข้างใน“โอบรอข้างในนะคุณ” เธอบอก เขาพยักหน้า แต่ยังไม่ยอมลุก แม้ว่าเทียนหยดจะลุกไปหาของว่างในครัวแล้วก็ตาม“เรียกฉันว่าน้าก็ได้ เรียกคุณๆ มันยังไงชอบกล ไหนๆ ก็มาอยู่บ้านเดียวกัน” ผกากรองเอ่ย จับเอาฟักทองซีกหนึ่งมาฝานเปลือกออกด้วยมีดสองคม มือขาวๆ นั้นเริ่มดำด่างด้วยการกระทำของเปลือกฟักทอง ทว่าเจ้าของมิได้สนใจ สิ่งที่นางทำช่างขัดกับมาดคุณนายที่เป็น ผกากรองสวมชุดเดรสแบรนด์เนมร่วมสมัย ทว่าด้วยการออกแบบนั้นช่วยทำให้สมกับอายุของนาง มิได้ดูฉูดฉาดมากไป อยู่ในความพอเหมาะพอดี ดูเรียบหรูจนสมัตถ์ยังนึกชื่นชม“คุณไม่โกรธพวกเราแล้วเหรอ เมื่อก่อนยังเห็นเป็นศัตรู” เขาสะกิดใจ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ผกากรองกับบุตรชายก็อยู่กันเงียบๆ ไม่ได้ทำบ้านให้ร้อนเป็นไฟอย่างที่เขาเคยคิด นางยังช่วยทำอาหารอร่อยๆ ขึ้นโต๊ะให้คนในบ้านรับประทาน อย่างไม่คิดว่าตัวเองจะเหนื่อย“ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวรนี่ ถ้าคุณทำงานให้ RPS อย่างขันแข็ง ซื่อตรง แล้วฉันจะมองคุณเป็นศัตรูได้ยังไง ฉันไม่
EP 5ความจริงอันแสนเจ็บปวด______________วันอาทิตย์โอบนิธินั่งหน้ายุ่งอยู่ข้างมารดาที่กำลังปอกฟักทองลูกใหญ่ ผกากรองจะทำแกงเลียงกุ้งสดเป็นมื้อเที่ยงวันนี้ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นอกจากต้องดูแลโอบนิธิไปโรงเรียน จัดการเรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา นางยังมีหนึ่งอีกหน้าที่ นั่นคือทำอาหารขึ้นโต๊ะ เสริมไปกับอาหารที่ราตรีซื้อมา รสชาติของอาหารที่ปรุงใหม่กับของที่ซื้อขายนั้น ของที่ปรุงใหม่ย่อมอร่อยและดีกว่าเสมอ คนบ้านนี้กินอาหารที่นางทำอย่างเอร็ดอร่อย แต่เชื่อไหมว่านางไม่เคยได้รับคำขอบคุณแม้แต่ครั้งเดียว“แม่ครับ”“ว่าไง” นางย้อนถาม เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนเสื่อผืนหนาใต้ต้นอโศกหลังห้องครัว“แปลไม่ได้ครับ”“กูเกิ้ลสิลูก”คนเป็นลูกทำหน้างง ก้มมองการบ้านภาษาจีนกลางแล้วส่ายหน้า กูเกิ้ลช่วยแค่ให้เขาทำการบ้านเสร็จ แต่ไม่ได้ทำให้เข้าใจนี่นา เขาอยากเข้าใจมัน จะได้ไม่ต้องพึ่งกูเกิ้ลอีก_________เด็กน้อยถอนหายใจเบาๆ มองไปที่สนามด้านหนึ่งก็เห็นสมัตถ์กำลังตีกอล์ฟอยู่