สตรีชราสูงศักดิ์คุกเข่าสวดมนต์ภาวนาอยู่ด้านบนของลานอุทิศบุญ นอกจากเหล่าผีแล้ว ยังมีชาวบ้านอีกหลายร้อยมารับสิ่งของบริจาค
ดูท่านางคงเป็นผู้ที่ร่ำรวยมากจริง ๆ ตู้หลิงอดทึ่งกับความร่ำรวยของสตรีชราผู้นั้นไม่ได้
“ท่านลุง นางเป็นใครเหรอ” ตู้หลิงกระซิบถาม
“นางคือพระพันปีแห่งแคว้นเฉา เป็นผู้ใจบุญใจกุศลทุก ๆ สามเดือนนางจะออกจากวังเช่นนี้หนึ่งครั้ง เพื่อมาอุทิศบุญให้กับบรรพชนผู้ล่วงลับ แล้วก็คอยแจกจ่ายสิ่งของให้กับประชาชนของแคว้น เป็นที่รักของทั้งผีทั้งคน” สายตาของลุงผีมองนางด้วยความชื่นชม
“อ้าว!! นางมาทุกสามเดือนเหตุใดข้าถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลย” ตู้หลิงไม่เข้าใจ ทำไมนางถึงไม่รู้
“ก็เจ้ามันฉลาดน้อย มัวแต่เที่ยวเล่นไปทั่วใช้บุญใช้กุศลที่ติดตัวมาแบบล้างผลาญ ไม่เคยสนใจของแจกพวกนี้ด้วยซ้ำ” ลุงผีดุ
“โธ่ ก็ข้าไม่รู้นี่ ใครบอกข้าเที่ยวเล่นกันเล่า...” ก็จริงอย่างที่ลุงผีกล่าวมาทั้งหมด วัน ๆ นางเอาแต่ล้างผลาญบุญกุศลที่มีอยู่น้อยนิดโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง มัวแต่เที่ยวหาสิ่งที่ตัวนางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไรอย่างเปล่าประโยชน์
โดนลุงผีบ่นอยู่ครู่ใหญ่ สตรีชราสูงศักดิ์ก็เริ่มแจกจ่ายอาหารการกินให้กับประชาชนที่มารอ บ้างเป็นข้าวสาร บ้างเป็นข้าวต้มที่เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์
“ท่านลุง แล้วผีอย่างเราจะไปรับของพวกนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ” ถึงจะอยู่มาสองปี แต่นางก็ไม่ค่อยรู้ธรรมเนียมที่ผีเขาทำกัน
“ก็ต้องต่อแถวสิ”
“....” ใบหน้าของตู้หลิงมีแต่คำถาม กระทั่งท่านลุงปฏิบัติให้ดู
“วิธีการก็คือ เจ้าก็แค่จับมือของพวกชาวบ้านแบบนี้ พอเขาตักอาหารเจ้าก็จะได้ถ้วยข้าวมาแบบนี้”
มันเป็นเรื่องที่นางเองก็รู้สึกว่ามหัศจรรย์ หากตอนยังเป็นมนุษย์นางก็คงไม่เข้าใจในเรื่องอะไรแบบนี้
หลังจากกินข้าวต้มเนื้อร้อน ๆ จนพุงกางเรี่ยวแรงวิญญาณของตู้หลิงถึงได้ฟื้นกำลังขึ้นมาบ้าง พลันสายตาก็หันไปเห็นอีกด้าน
“ทางนั้นคืออะไรเหรอเจ้าคะ” ตู้หลิงเห็นผีสตรีสองสามคนกำลังทะเลาะตบตีแย่งชิงอะไรบางอย่าง
“อ้อ ทางนั้นเป็นลานเผาบุญ ถ้าเจ้าอยากได้เสื้อผ้าชุดใหม่ก็แค่ไปรอให้มนุษย์เผาให้ ถ้าตอนเผาระบุชื่อ ของพวกนั้นก็เป็นของเจ้า แต่ถ้าไม่ได้ระบุ....” ลุงผียักไหล่
“ก็จะต้องไปแย่งชิงแบบพวกนางสินะเจ้าคะ” ตู้หลิงเสริม
“ถูกต้อง...” ลุงผีหรี่ตาดูชุดของนาง “เจ้าไม่แย่งชุดจากพวกนางบ้างเหรอ”
ตู้หลิงกอดอก ชุดที่นางใส่อยู่ในตอนนี้คือแบรนด์ดังระดับโลก เจ้าสาวเป็นร้อยคนต้องรอคอยเป็นปี ๆ เผื่อที่จะได้สวมใส่มันสักครั้งเชียวนะ เรื่องอะไรนางจะต้องไปแย่งชิงชุดกระดาษพวกนั้นกันด้วยเล่า
เห็นท่าทีของนางเช่นนั้นลุงผีเองก็เหนื่อยใจ นอกจากเป็นคนต่างถิ่นแล้วนางยังเป็นบ้าด้วยสินะ
หลังจากได้รับอานิสงส์จากลานบุญเรียบร้อยทั้งผีลุง ผีสาวต่างก็แยกย้ายกันไปเที่ยวเล่นตามวิถีผี
ตู้หลิงใส่ชุดสีขาวฟูฟ่องลอยไปลอยมาอยู่เรื่อย ๆ จู่ ๆ ก็มีบุรุษผู้หนึ่งลอยมาขวางทางนางเอาไว้ ท่าทางไม่น่าไว้ใจ
"สาวน้อย” ผีหนุ่มรูปหล่อเดินเข้ามาขวาง
“ใครเป็นสาวน้อยกัน” ตู้หลิงมองเหยียด นางอายุ 24 แล้วนะมาเรียกสาวนงสาวน้อย
“ก็เจ้ายังไงล่ะคนสวย” หลัวซู่เฟิงมองตู้หลิงด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
เขาได้ยินว่ามีผีสาวที่หน้าตางดงาม เร่ร่อนอยู่เมืองเฉา จึงได้ออกจาก หุบเขาผีมาตามหานางโดยเฉพาะ เมื่อเฝ้ามองนางอยู่หลายวันถึงได้พบว่านางเป็นผีที่งดงามจริง ๆ ถึงจะอยู่ในชุดที่แปลกประหลาดไปหน่อยก็เถอะ
“อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นนะ มันน่าขนลุก” ตู้หลิงทำท่ารังเกียจสุดชีวิต
“โธ่ อย่ารังเกียจว่าที่สามีเจ้าเช่นนั้นสิ” หลัวซู่เฟิงลอยเข้าไปใกล้นางมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ใครเป็นสามีข้ากัน” ตู้หลิงแว้ดใส่เสียงดังลั่น
“ก็ข้า....จ้าวหุบเขาผี หลัวซู่เฟิงรูปหล่อผู้นี้ยังไงเล่า”
“หุบเขาผีอะไร ข้าไม่รู้จักและข้าก็ไม่ต้องการจะไปเป็นภรรยาของใครทั้งสิ้น ไอ้จ้าวผีชีกอ” พูดจบ ตู้หลิงก็ทะลุหายเข้าไปหลังกำแพงทันที
จ้าวหุบเขาผีบ้าบออะไรกัน ไอ้หล่อมันก็หล่อดี แต่นางไม่ชอบบุรุษที่มักจะทำตัวเสียมารยาท ถึงตอนนี้นางจะอยู่ในโลกของวิญญาณ ใหญ่โตมาจากไหนก็บังคับนางไม่ได้หรอกนะ
ตู้หลิงหงุดหงิดได้แต่ลอยไปลอยมาในตลาด อย่างเบื่อหน่าย
สายตาของหลัวซู่เฟิงเต็มไปด้วยความชิงชังโกรธเคือง ไม่เคยมีผีคนไหนปฏิเสธความหวังดีของเขา นางเป็นผีที่มาจากโลกอื่น คงยังไม่รู้จักเขาดีพอสินะ
เมื่อเห็นนางอีกครั้งหลัวซู่เฟิงจึงลอยเข้าไปขวางทาง
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าตอบคำถามข้าดี ๆ นะเด็กดี” หลัวซู่เฟิงขวางทางนางอีกครั้ง
ได้เผชิญหน้ากับจ้าวแห่งผีที่ดูเอาแต่ใจอีกครั้ง หัวใจของตู้หลิงกลับรู้สึกหวาดหวั่นอย่างแปลกประหลาด
ครั้งนี้เขาไม่ได้ยิ้มอ่อนโยนเหมือนกับเมื่อครู่
“.....” ตู้หลิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พยายามหาช่องทางในการเอาตัวรอดจากที่แห่งนี้ไปให้ได้
“เจ้าจะยินยอมเป็นเจ้าสาวของข้าหรือไม่” หลัวซู่เฟิงถามนางอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยแววแห่งการข่มขู่
“ไม่!!!” ตู้หลิงยังคงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดเดี่ยว
“ทำไมล่ะ ข้าไม่หล่อหรืออย่างไร ข้าบุญเยอะนะ แบ่งบุญให้เจ้าได้” หลัวซู่เฟิงเริ่มต่อรอง ใคร ๆ ก็ชอบคนหน้าตาดีทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่หน้าตาดีและรวยบุญกุศลใครจะไม่ชอบกัน
คนที่หล่อกว่าเขานางก็เคยเห็นมาแล้ว นางเบื่อคนหล่อ นางเอือมคนหล่อ เพราะไอ้พวกคนหล่อที่ทำให้นางต้องมาล่องลอยเป็นปีเร่ร่อนอยู่แบบนี้ยังไงล่ะ
แต่ไหนแต่ไรมาตั้งแต่ก่อนตายจนกระทั่งตาย หลัวซู่เฟิงไม่เคยถูกใครปฏิเสธ นางเป็นใครกัน เห็นสวยหน่อยก็คิดจะเล่นตัวงั้นหรือ ผีหนุ่มร่ำรวยบุญกุศลอย่างเขามีแต่ผีสาวจะวิ่งเข้าหา ขอแบ่งส่วนบุญแล้วนางเล่าเป็นสตรีประเภทไหนกัน ถึงไม่ยินยอม หรือว่าเขาหล่อไม่พอกรี๊ดดดดดดดดด!!!! ท่านจ้าวผีตอนที่จะเดินเข้าไปหานางอีกครั้ง บรรดาผีสาวอีกหลายตนเมื่อพบเห็นเขากลับรีบกรูกันเข้ามาหา หลายนางส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด ต่างก็เสกชุดใหม่ใส่เพื่อเอาอกเอาใจจ้าวหุบเขาผีเช่นเขาผิดกับสตรีผู้นั้น ที่มองเหยียด เบ้ปาก ส่ายหัวและเดินจากไปทิ้งให้เขาวุ่นวายอยู่ในดงผีสาว“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร” หลัวซู่เฟิงถาม “หากใครตอบคำถามที่เป็นประโยชน์ได้ ข้าจะแบ่งกุศลให้พวกเจ้า“ข้ารู้ๆ ๆ” บรรดาผีสาวต่างก็ยกมือกันจ้าละหวั่น ส่วนบุญจากหลัวซู่เฟิงใครจะไม่อยากได้กัน“ไหนเจ้าลองกล่าวมาให้ข้าได้ฟังหน่อยสิ” ผีหนุ่มผายมือไปทางผีสาวชุดเหลืองที่ยืนบิดเขินอายอยู่ทางซ้ายมือ“นาง...ข้าพบนางครั้งแรกเมื่อสองปีก่อนเจ้าค่ะ ไม่มีใครรู้ว่านางมาจากไหน แถมยังแต่งกายประหลาด” ผีสาวชุดเหลืองตอบเท่าที่นางรู้แม้จะไม่ค่อยมีประโยชน์แต่หลัวซู่เฟิงก็แบ่งกุศลใ
เมื่อหลัวซู่เฟิงสัญญากับนางว่าจะไม่ยุ่งกับนางอีก ตู้หลิงจึงคายลิ้นผีที่ยืดยาวทิ้งพร้อมกับเหยียบซ้ำอีกสองสามทีเหล่าผีที่ยืนหลบซ่อนแอบดูต่างอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ก็เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นจ้าวผีอันธพาลเช่นหลัวซู่เฟิงถูกหักหน้าโดนดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ก็ตั้งแต่หลัวซู่เฟิงกลายมาเป็นวิญญาณก็เที่ยวกร่างสร้างความขุ่นเคืองให้กับเหล่าผีอยู่ตลอด และคิดว่าเป็นตัวเอง เป็นผีมีบุญกุศลล้นเหลือเที่ยวล้างผลาญก่อความวุ่นวายใจให้กับทุกตน“ต่อให้อีก 300 ปีนับจากนี้บุญข้ายังไงก็ไม่มีวันหมด” นั่นคือประโยคที่หลัวซู่เฟิงประกาศกร้าว สร้างความรำคาญใจไปทั่วทุกแห่งหนรอดพ้นจากเงื้อมมือของหลัวซู่เฟิงมาได้ ตู้หลิงจึงกลับมาอยู่ที่เดิมกับลุงผี จู่ ๆ นางก็มีเรื่องให้นึกสงสัย“ท่านลุง เหตุใดท่านจึงกลายเป็นผีไร้บุญกุศลเช่นนี้” ท่าทางของลุงผีดูเหมือนจะไม่ใช่คนไม่มีญาติ“ฮ่าฮ่า ข้าน่ะตายมาแล้วหลายร้อยปี ญาติทั้งหลายล้วนแล้วแต่ล่วงลับไปหมดแล้ว ลูกหลานที่ยังเหลืออยู่ก็หลงลืมที่จะสร้างกุศลและอุทิศให้” ลุงผียังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะใจดีดังเช่นทุกครั้ง อันเป็นสิ่งบ่งบอกว่าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องเป็นผู้มีความรู้ผ
“เจ้าเป็นใครกันแน่เนี่ย ทำไมถึงได้สวยเหมือนข้าขนาดนี้”ตู้หลิงตกใจใบหน้าของสตรีที่ถูกเรียกว่าพระชายาหน้าตาคล้ายกับนางราวกับหลุดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน แม้กระทั่งรอยแผลหรือตำหนิเล็กน้อยที่มือและแขนก็เหมือนกับตู้หลิงไม่มีผิดนางจำได้ว่าตัวเองมีแผลเป็นเล็ก ๆ ที่ตีนผมหลังใบหู นางจึงเข้าไปดูใกล้ ๆ เพื่อให้จะมองให้กระจ่างชัดและคลายความข้องใจของนางเกินไปมาก เกินไปแล้ว สตรีที่หน้าตาเหมือนกันแต่อยู่กันคนละโลกแบบนี้มันมีด้วยหรือ“เจ้าเป็นใครกันนะ....หรือว่าเจ้าก็คือข้าและข้าก็คือเจ้า” ตู้หลิงพึมพำ“ทำไมจู่ ๆ ในนี้ถึงหนาวขึ้นมาได้ล่ะ” ผู้เป็นพระชายารู้สึกหนาวขึ้นมาแปลก ๆ ยิ่งตรงบริเวณเมื่อครู่ที่นางเดินผ่าน คล้ายกับเดินอยู่บนก้อนน้ำแข็ง“โอ๊ะ ขอโทษด้วย เมื่อครู่เจ้าเพิ่งเดินผ่านร่างของข้าไปน่ะ” ตู้หลิงยิ้มเจื่อน ใครจะไม่หนาวกัน ก็ในนี้มีผีอย่างนางอยู่ด้วย“พระชายา ท่านไม่สบายหรือเปล่าเพคะ” เสี่ยวเชี่ยนเป็นกังวล เจ้านายของนางอยู่ในครัวมาตั้งแต่เช้ามืดนางตั้งใจทำนู่นทำนี่เพื่อให้ตัวเองไม่ว่าง และห้องครัวของนางอยู่ห่างไกลจากลานพิธีแต่งงาน ที่ตรงนี้พระนางจะไม่ได้ยินเสียงของมโหรี และจะไม่มีใครเดินเข
ไม่ว่าตู้หลิงจะใช้วิธีใดนางก็ไม่สามารถก้าวขาออกไปจากจวนอ๋องได้เลยสักก้าว ราวกับว่าที่นี่กลายเป็นคุกที่กักขังนางเอาไว้ปีนหลังคา สิงไปกับสิ่งของ หรือเดินออกตามประตูแบบปกติ นางล้วนทำไม่ได้ทั้งสิ้นกระทั่งลุงผีที่กำลังตามหาหลานผีเช่นนางผ่านมาเจอนางนั่งทำหน้าจ๋องอยู่บนหลังคาจวน“นังหนูไปนั่งอยู่ตรงนั้นทำไมกัน” หยูเต๋อกุยตะโกนเรียก“ท่านลุงช่วยข้าด้วย ข้าออกไปจากจวนหลังนี้ไม่ได้” ตู้หลิงตะโกนบอก“อะไรนะ? ออกจากจวนไม่ได้ เป็นเพราะเหตุใดกัน” เป็นผีมาหลายร้อยปีผู้ชราไม่เคยได้ยินว่ามีที่ที่ผีเช่นพวกตนเข้าได้แต่ออกไม่ได้อยู่ด้วย“ฮื้อ!!” ตู้หลิงร้องไห้ นางอยากออกไปจากที่นี่“งั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าจะลองไปหาวิธีดูก็แล้วกัน”ที่หยูเต๋อกุยพูดไปเช่นนั้นก็เพื่อให้นางคลายความกังวลใจ ตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะใช้วิธีใดท่านลุงผีลอยหายไปแล้วทิ้งให้นางนั่งร้องไห้อยู่บนหลังคาจวนคิดแล้วยังนึกเสียใจ นางไม่น่าอยากรู้อยากเห็นในเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองเลยจริง ๆ ร่างกายของนางสามารถเดินทะลุได้ทุกพื้นที่ของจวนอ๋อง นางสามารถหลอกล่อ ใช้วิชาพื้นฐานผีที่เรียนมาจากท่านลุงได้หมดทุกกระบวนท่า มีเพียงสิ่งเดียว
ออกไปจากที่นี่ไม่ได้!!!ไม่ใช่ว่านางจะอยู่รอลุงผีอยู่เฉย ๆ ตู้หลิงยังคงพยายามที่จะหาทางออกไปจากที่นี่ สิ่งหนึ่งที่ตู้หลิงรู้สึกประหลาดใจ ไม่มีใครเอ่ยนามของพระชายาเลยสักคนที่นี่นางรู้ว่าบุรุษผู้เป็นเจ้าของจวนชื่อมู่อันเฉิง และสตรีที่แซ่ไช่มีนามว่า ไช่หลินซี แต่กับพระชายาที่น่าสงสารตู้หลิงดันไม่รู้ว่าชื่อเสียงเรียงนามของนาง ว่าชื่ออะไร ราวกับว่านางไม่มีตัวตนใน บ้านหลังนี้โดยตามธรรมเนียมแล้วเหล่าภรรยารอง เมื่อแต่งเข้าบ้านจะต้องมายกน้ำชาให้แก่ผู้เป็นชายาเอก แต่ผ่านวันแต่งงานไปแล้วหลายวัน แม่ไช่เสแสร้งจึงพึ่งจะโผล่หน้ามาที่เรือนของพระชายาไช่หลินซีสวมชุดหรูหราที่มู่อันเฉิงเป็นผู้จัดหามาให้ ประดับศีรษะด้วยปิ่นหงส์ประดับมุกสีชมพูเข้ากันกับชุดที่นางสวมใส่ ท่าทางเยื้องย่างกรีดกรายราวกับเทพธิดาที่จุติมาจากสรวงสวรรค์เมื่อมาถึงเรือนของชายาเอก ไช่หลินซีจึงถอดหน้ากากนางฟ้าออก ท่าทางวางอำนาจ บ่าวในเรือนของพระชายาล้วนแล้วแต่ไม่มีผู้ใดประทับใจ“ตายจริง หม่อมฉันต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาหาพี่หญิงตั้งแต่วันแรกหลังจากแต่งงาน ต้องโทษที่ท่านอ๋องไม่ยอมให้ข้าลุกไปไหน กกกอดข้าเอาไว้ตลอดทั้งวัน” ไช่หลินซีก้
ทันทีที่นางสัมผัสตัวพระชายาตัวน้อย ร่างวิญญาณของตู้หลิงก็คล้ายกับถูกดูดเข้าไปในสถานที่อะไรสักอย่างมืดมิด แต่แค่เพียงครู่เดียวก็ลืมตาขึ้นมา และพบว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในร่างของพระชายาเสียแล้วแม่ผีสาวใช้เวลาประมวลผลเพียงครู่เดียวเท่านั้น นางจึงหันไปต่อกรกับแม่ไช่เสแสร้ง ถ้าไช่หลินซีเล่นละครได้ ทำไมตู้หลิงดาราเอกแห่งยุคจะเล่นบ้างไม่ได้ มาดูกันเถอะว่าฝีมือการแสดงใครจะโดดเด่นไปกว่ากัน“โอ๊ย!!” ตู้หลิงล้มลงกับพื้น โชคดีที่ร่างของพระชายาไม่ได้แต่งเติมใบหน้า ทำให้ใบหน้างดงามที่แสนจะซีดเซียวไร้สีเลือด ดูน่าสงสารยิ่งว่าเดิม“พระชายา” เสี่ยวเชี่ยนรีบประคอง “ทำไมหน้าท่านซีดเช่นนี้” เสี่ยวเชี่ยนเป็นกังวล นางทำทุกอย่างไปตามธรรมชาติและสัญชาตญาณของความเป็นห่วงอย่างแท้จริงตู้หลิงที่อยู่ในร่างพระชายาเริ่มเป็นฝ่ายร้องไห้บ้าง“เสี่ยวเชี่ยน ข้าเจ็บจังเลย” พลางเอามือไปบีบขาตัวเองเพื่อให้เลือดไหลเยอะขึ้นเสี่ยวเชี่ยนจึงมองไปตามมือของพระชายา“พระชายาเหตุใดท่านจึงเลือดไหลเช่นนี้” เสี่ยวเชี่ยนรีบถอดถึงเท้ารองเท้าของเจ้านายตนเองปลีน่องขาวผ่องปรากฏต่อสายตาของทุกคน มันเปียกชุ่มไปด้วยเลือดและมีเศษกระเบื้องเล็ก ๆ ป
นี่เป็นครั้งแรกที่ตู้หลิงรับรู้ความสามารถในแบบผี นางเคยได้ยินเรื่องของการทรงเจ้าเข้าสิงมาบ้าง หนังเรื่องเดอะคอนสแตนตินที่นำแสดงโดยคีอานู รีฟส์ ตู้หลิงก็เคยดูอยู่บ่อย ๆ ไม่คิดว่าเมื่อกลายเป็นผีแล้วจะสามารถเข้าสิงแบบนั้นจริง ๆว่าแต่ตอนนี้นางจะหาวิธีออกจากร่างของลูกรักของนางอย่างไรดี?สิ่งที่น่าแปลกใจและยังไม่คลายความสงสัยให้กับนาง นั่นก็คือ...พระชายาผู้นี้ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้จักชื่อ แม้กระทั่งมู่อันเฉิงก็ยังหลงลืมชื่อของนางความเป็นมาของพระชายาก็เป็นปริศนาราวกับว่านางเป็นบุคคลที่ถูกลืมจากโลกใบนี้ แม้กระทั่งสาวใช้คนอื่น ยังมีชื่อเรียกขานเหตุใดสตรีที่สูงศักดิ์และเพียบพร้อมงดงามจึงไม่มีใครเอ่ยชื่อความรู้สึกนึกคิดของสตรีผู้นี้ดู ๆ ไปก็ดูคล้ายกับตัวนางเองอยู่หลายส่วน เมื่อมาอยู่ในกายเนื้อของพระชายาตู้หลิงคล้ายกับว่าความคิดของทั้งนางและพระชายาตัวน้อยกำลังผนวกรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวนางคิดถึงความคิดเมื่อครั้งแรกที่ได้เห็นหน้า ‘พระชายาก็คือตู้หลิง ตู้หลิงก็คือพระชายา’ แม้กระทั่งตำหนิบนร่างกายยังมีเฉกเช่นเดียวกันหลังจากส่งพระชายาแล้วมู่อันเฉิงจึงรีบกลับไปเอาใจสตรีอันเป็นที่รักของตน นางอาจจะก
ตื่นมาอีกทีวิญญาณตู้หลิงก็หลุดออกมาจากร่างของพระชายาน้อยแล้ว ตู้หลิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง ผีสาวแสนสวยกลับมาสวมชุดสีขาวฟูฟ่องอีกครั้ง และขึ้นไปนั่งมองอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่บนหลังคาตามเดิม เพื่อรอคอยลุงผีเผื่อว่าเขาจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมตัวนางเองก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างวิญญาณกันแน่ ทำไมในช่วงเวลาหนึ่ง นางถึงสามารถเข้าไปสิงอยู่ในร่างของพระชายาน้อยได้ตอนที่ตื่นมา ตู้หลิงลองพยายามเข้าไปสิงดูอีกครั้งแต่ก็ทำไม่ได้“น้องหญิงงงงงงงง” เสียงคุ้นหูของใครสักคนกำลังตะโกนเรียกนาง ซึ่งผู้ที่เรียกนางเช่นนี้มีเพียงผู้เดียวนั่นก็คือหลัวซู่เฟิงเท่านั้น“ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าไม่ใช่ภรรยาเจ้า อย่ามาเรียกข้าด้วยสรรพนามเช่นนั้น” ตู้หลิงตะโกนรับ“เมื่อหลายวันก่อนลุงผีของเจ้ามาขอความช่วยเหลือจากข้า ให้ข้าหาวิธีพาเจ้าออกจากจวนอ๋อง น้องหญิงอย่าได้กังวล มีข้าอยู่เจ้าไม่ต้องกลัว” หลัวซู่เฟิงผู้ร่ำรวยบุญกุศลโอ้อวดตู้หลิงไม่รู้ว่าหลัวซู่เฟิงกำลังคิดจะทำอะไร นางเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะพานางออกไปจากที่นี่ได้ตามที่เขาโอ้อวดหรือเปล่าจ้าวแห่งผีที่เต็มไปด้วยบุญกุศลและอิทธิฤทธิ์เดินเข้าไปใกล้กับตัวจวน แต
แม่ทัพตู้ต้องข่มกลั้นความโกรธไว้อย่างเต็มที่ ตู้จงเหรินนั่งรออยู่ที่โถงรับแขกอยู่ครู่ใหญ่ในหัวก็กำลังคิดประมวลผลเรื่องราวที่ผ่านมาเขารับรู้ว่าเล่อเหยียนเผิงเข้าออกบ้านสกุลตู้อยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่ตู้หลิงป่วย กุนซือผู้นั้นก็หมั่นคอยมาดูแลตู้หลิงเองก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะนางไม่เคยเห็นบิดาเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาก่อน ถึงจะมีเรื่องให้โกรธเคืองแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางผู้เป็นบิดาก็มักจะแสดงความใจเย็นและอ่อนโยนอยู่เสมอแต่ครั้งนี้ท่านพ่อคงจะโกรธมากจริง ๆหลัวซู่เฟิงแม้จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ยินยอมทำตามที่ตู้หลิงขอร้อง ถ้าเขาอยากแต่งงานกับนางก็ต้องยอมคุกเข่าขอร้อง ศักดิ์ศรีและสถานะก่อนที่เขาจะตายก็ช่างมันเถอะ ยอมลงสักครั้งเพื่อนาง....จ้าวผีได้ยินเสียงของหยูเต๋อกุยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่กับเสี่ยวโต้ว เดี๋ยวรอเขาเสร็จเรื่องนี้เสียก่อนค่อยไปหาเวลาจัดการ สาปดีไหมไปเรียนวิชานักพรตแล้วสาปทั้งสองคนให้อยู่ในไหผักดองดีหรือไม่หลัวซู่เฟิงเดินเข้าไปพร้อมกับตู้หลิง หญิงสาวส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มคุกเข่าแต่ดูเหมือนบุรุษหน้าด้านผู้นี้จะไม่รู้ธรรมเนียม ก่อนหน้านั้นเขาเป็นใครนางไม่สนใจหรอกนะ แต่เวลานี้เขาคือเล่อเหย
ได้ยินสิ่งที่นางกล่าวหลัวซู่เฟิงก็นึกเอ็นดู คนตัวสูงก้มลงไปจูบซับน้ำตานางหนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ดันมังกรตัวเขื่องของตัวเองเข้าในกายนางอย่างเชื่องช้ามีปราการธรรมชาติบางอย่างในร่างกายของตู้หลิงขาดผึง หลัวซู่เฟิงรู้สึกได้ตู้หลิงเจ็บแต่ก็อดทน นางเชื่อว่าอีกสักพักจะพบกับความสุขชายหนุ่มกดความแข็งแกร่งแช่เอาไว้เพื่อให้ช่องทางรักที่แสนคับแคบของนางได้ทำความคุ้นชินกับแท่งลำใหญ่โต แต่ภายในของนางตอนนี้กลับตอดรัดเขาเสียจนแทบคลั่ง“หลิงเอ๋อเด็กดี ข้างในของเจ้าตอดข้าเหลือเกิน”พูดจบหลัวซู่เฟิงก็เริ่มขยับเอวเข้าออกทีละนิดทันทีที่หลัวซู่เฟิงเริ่มขยับเอวความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไปความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ เป็นความรู้สึกที่นางยากจะกล่าวออกมาหลัวซู่เฟิงขยับแก่นกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะกระทุ้งไปตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ร่วมรักกับสตรี ล่าสุดก็คงเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่เขายังมีชีวิต“อา...” ทุกครั้งที่หลัวซู่เฟิงขยับความเป็นชายเข้าออกร่างกายของนาง ตู้หลิงรู้สึกเสียวกระสันจนอยากจะบรรยายออกมาไม่ได้ นางจึงได้แต่ส่งเสียงร้องครางรัญจวนแทนความรู้สึกถึงแม้ว่านางจะ
“พี่....ซู่เฟิง....เรา....ยังไม่ได้แต่งงานกัน” ตู้หลิงพูดด้วยน้ำเสียงขาดช่วง ความเสียวกระสันที่เพิ่มขึ้นทำให้นางเอื้อนเอ่ยวาจาได้อย่างยากลำบาก“งั้นเราก็แต่งกันตอนนี้เลยดีหรือไม่” หลัวซู่เฟิงถอดเสื้อของตัวเองออกจนหมดเผยให้เห็นร่างกายแข็งแกร่ง ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างของเขาจริง ๆ แต่ร่างกายเล่อเหยียนเผิงก็นับว่าไม่เลว โดยเฉพาะความเป็นชายที่แข็งแกร่งดุดันไม่เกรงใจใครบุรุษตัวสูงเปลี่ยนจากหยอกเย้าทรวงอกค่อย ๆ จุมพิตไต่ไล่ระดับลงมาพาดผ่านหน้าท้องแบนราบตู้หลิงเสียวจนต้องเกร็งหน้าท้อง ความรู้สึกเช่นนี้ยากที่นางจะระบายออกมาเป็นคำพูด คนตัวเล็กได้แต่ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอเท่านั้นหลัวซู่เฟิงถอดกระโปรงและกางตัวในของนางออกไปพร้อมกันอย่างเชื่องช้า วงขาเรียวเล็กไร้ริ้วรอยปรากฏตรงหน้า เจ้าของเรือนร่างขาวผ่องพยายามใช้สองมือเล็ก ๆ ปกปิดร่างกายตนเอง ดูแล้วช่างน่าเอ็นดู“เจ้าสวยเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกล่าว พร้อมกับใช้นิ้วสัมผัสช่องทางดอกไม้ที่แสนสวยงามแค่เพียงนิ้วเขาสัมผัสเบา ๆ ตู้หลิงก็ขนลุกไปทั้งร่างจนนางต้องขยับเอวหนี แต่สุดท้ายหลัวซู่เฟิงก็รั้งเอวนางกลับไปอยู่ที่เดิม“จะหนีไปไหนเด็กดี”ตู้หลิงไม่กล้า
ผ่านไปหลายวัน นางยังคงไม่ได้ข่าวของผู้เป็นบิดา ครั้นจะออกจากสำนักไปสืบข่าวก็ถูกหลัวซู่เฟิงห้ามเอาไว้ ซ้ำยังกำชับให้คนในสำนักดูแลป้องกันไม่ให้แอบออกไปข้างนอกนางยังคิดโกรธที่หลัวซู่เฟิงสั่งห้ามนาง และชอบทำตัวเหมือนกับนางเป็นภรรยาของเขาอาการบาดเจ็บของหลัวซู่เฟิงทุเลาขึ้นทุกวัน ตู้หลิงยังคงตอบแทนด้วยการไปใส่ยาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาทุกวัน แน่นอนว่านางต้องหาทางรับมือผีชีกออยู่ตลอดเวลา“ข้ามีเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง”“เรื่อง?” ปากของนางถามแต่ก็ยังคอยทำความสะอาดแผลอยู่“ท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเป็นอะไร” ตู้หลิงเริ่มกังวลเมื่อหลัวซู่เฟิงเอ่ยถึงบิดาของน้องหลิง“ได้เฉาเกอเอ๋อช่วยเหลือ ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานแม่ทัพตู้ก็จะกลับมาหาเจ้าอย่างปลอดภัย”“อ้อ งั้นก็ดีแล้ว ข้าจะได้กลับจวนเสียที” หลัวซู่เฟิงหลุดพูดชื่อสตรีผู้หนึ่งออกมา ตู้หลิงได้ยินชื่อของนางเต็มสองหูเมื่อได้ยินชื่อของสตรีอื่น ใบหน้างดงามของตู้หลิงหม่นแสงลงเล็กน้อย กล้าดีอย่างไรถึงมาเอ่ยชื่อของสตรีอื่นต่อหน้านาง“เด็กดี เจ้าเป็นอะไรไป”“เปล่าเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางเจือความขุ่นเคืองหลัวซู่เฟิงพอจะเดาออก“เจ้าหึงข้าหรือ”“...” คนตัวเล็กไม่ตอบ
เสนาบดีเฉินเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ ไม่นานก็พบว่าเป็นฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อนที่อยู่นอกด่าน อีกนิดเดียวก็จะสาวถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังถึงแม้เขาจะดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความเที่ยงธรรม แต่เรื่องมันดันเกี่ยวพันถึงเชื้อพระวงศ์ระดับสูง จึงจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบกองกำลังของเสี่ยวเชี่ยนถูกกำจัดไปทีละน้อย พี่น้องของนางล้มตายไปทีละเล็กละน้อย แต่กระนั้นถูปาเสี่ยวเชี่ยนก็ยังลงมือกับชาวเฉาไม่หยุดสุดท้ายกองปราบและกองราชองครักษ์ก็ร่วมมือกันจับนางและคนของนางได้ในที่สุดวันไต่สวนมาถึงถูปาเสี่ยวเชี่ยนไม่สะทกสะท้านนางยืนหลังเหยียดตรงก่นด่าสาปแช่งทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่พอยังซัดทอดไปจนถึงขุนนางหลายคน ราชครูหยู สนมมู่ล้วนโดนนางกล่าวซัดทอดทั้งหมด“พวกเจ้ามันก็พวกสารเลว ทำร้ายคนบ้านข้าไม่พอ ยังกำจัดกวาดล้างให้พวกเข้าสูญสิ้น” ถูปาเสี่ยวเชี่ยนกล่าวด้วยความแค้น“ถูปาเสี่ยวเชี่ยนแสดงว่าเจ้ายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดที่ทำ”“แน่นอนว่าข้ายอมรับข้ามีศักดิ์ศรีมากพอ ประชาชนพวกนั้นไม่มีค่าเท่ากับคนของข้าอยู่ไปก็หนักแผ่นดิน สู้ให้ข้ากำจัดทิ้งสักร้อยสองร้อยคนจะเป็นอะไร” ทุกคำที่นางพูดออกมาไม่มีสลด ไม่มีละอายใจต่อสิ่ง
หลังจากที่ทั้งสองประกาศคบหากัน เรื่องราวความรักของพระเอกนางเอกระดับซูเปอร์สตาร์ก็เหมือนกับมีแสงแฟลชสาดส่องอยู่ตลอดเวลาซึ่งแฟนคลับของทั้งสองก็เข้าใจดี และทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่เหมาะสมกับราวกับกิ่งทองใบหยก ไม่มีข่าวเสียหาย ภาพลักษณ์ดี เป็นที่รักของทีมงาน สื่อมวลชนและแฟนคลับจนถึงวันที่หลิวเทาคุกเข่าขอตู้หลิงแต่งงาน นับว่าเป็นคู่รักนักแสดงที่ทุกคนให้ความสนใจอันดับหนึ่งกระทั่งใกล้วันแต่งงานตู้หลิงอยู่สตูดิโอสำหรับลองชุดแต่งงาน วันนี้หลิวเทาแฟนหนุ่มของเธอไม่มา ซึ่งสำหรับหญิงสาวเข้าใจได้ดีเพราะด้วยหน้าที่การงานของทั้งคู่ยากที่จะมีเวลาเดียวกัน คนตัวเล็กชื่นชมชุดเจ้าสาวฟูฟ่องที่ตัดเย็บอย่างดีด้วยแววตาแห่งความสุข“หลิงหลิงเธอสวยมาก” ผู้จัดการเดินเข้ามาในห้องลองชุด“พี่ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยได้ไหม” ตู้หลิงยื่นโทรศัพท์ให้กับผู้จัดการเมื่อถ่ายเสร็จผู้จัดการก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้กับตู้หลิง หญิงสาวโพสต์สปอยล์ชุดเจ้าสาวขึ้นบนโซเชียลตามปกตินิยายของตัวเองแต่ที่ไม่ปกติคือมีความหนึ่งที่โพสต์ใต้ภาพที่เธออัพขึ้น“หลิงหลิงฉันสงสารเธอเหลือเกิน เมื่อวันก่อนฉันเห็นหลิวเทาเพิ่งออกมา
สายตาของผีเจ้าเล่ห์เช่นหลัวซู่เฟิง มองผู้ที่ใส่ยาให้ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม“เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะ” ตู้หลิงสวนกลับแบบไม่ต้องคิด“น่าผิดหวังนัก” ด้วยความหมั่นไส้หลัวซู่เฟิงงับแขนขาวผ่องนางเบา ๆ“หลัวซู่เฟิง!!! อย่าทะลึ่ง ท่านอายุเท่าไหร่กันถึงได้มาทำตัวเป็นเด็กเล็ก ๆ เช่นนี้” ตู้หลิงรีบยกแขนตัวเองออกมาหลัวซู่เฟิงทำท่านับนิ้ว“เกือบร้อยแล้วกระมัง” เขาเองก็ไม่ได้นับอายุตนเองมานานหลายปี ปีนี้เป็นปีที่เท่าไหร่เขาก็จำไม่ได้“โอ๊ะ ท่านลุงหลัววววว” ตู้หลิงหยอกเย้า“ข้าเป็นท่านลุงที่ไหนกัน” หลัวซู่เฟิงโวยวาย “หลิงเอ๋อ เด็กดีเจ้าก็เห็นหน้าจริง ๆ ของข้าแล้วนี่ใกล้เคียงกับท่านลุงแก่ ๆ เมื่อไหร่ อย่างน้อยข้าก็หน้าตาดีกว่า หยูเต๋อกุย” คนตัวสูงใช้ศอกยันตัวเองขึ้นมา“ตายตอนไหนไม่สำคัญ สำคัญที่อายุ” เมื่อใส่ยาเสร็จนางก็ยังต้องพันผ้าให้เขาต่อนางตัวเล็กกว่าเขาหลายเท่าทำให้เวลาพันแผล นางต้องเอื้อมสุดมือยิ่งนางใกล้ชิดเขามากขึ้นเท่าไหร่ อารมณ์บางอย่างของหลัวซู่เฟิงก็เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าใบหูของคนตัวเล็กเมื่อถูกเขาขยับเข้ามาพูดในระยะประ
“นางไปแล้ว” เสี่ยวโต้วตะโกนเสียงดัง “นายท่านตามนายหญิงไปเร็ว”หลัวซู่เฟิงได้ยินว่าตู้หลิงกำลังจะไป คนตัวสูงรีบวิ่งเข้าไปหานาง ชายหนุ่มหอบร่างกายที่ยังไม่หายดีวิ่งตามนางไป“หลิงเอ๋อ ฟังข้าก่อน” หลัวซู่เฟิงวิ่งตาม“....” ตู้หลิงได้ยินและจำได้ว่าเป็นเสียงเขา แต่นางไม่หยุด ใครใช้ให้เขามารังแกนางกัน เขาแกล้งคนเป็นผู้เดียวหรืออย่างไร“เด็กดี ข้าขอโทษ” หลัวซู่เฟิงไปหานางได้อย่างเชื่องช้าในที่สุดก็ตามนางต่อไม่ไหว หลัวซู่เฟิงแกล้งล้มลงทรุดไปกับพื้นหินร้องโอดโอย“โอ๊ย!!!”ตู้หลิงได้ยินเสียงคนร้อง นางจึงหันกลับไปดูพบว่าบุรุษผมยาวผู้นั้นกำลังทรุดอยู่ที่พื้น“ท่าน!!” คนตัวเล็ก รีบเข้าไปประคอง เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ และมองให้ชัด เพื่อให้มั่นใจว่าตนจำคนไม่ผิด“หลิงเอ๋อ” หลัวซู่เฟิง ออดอ้อน ชายหนุ่มจับมือเล็กของนางเอาไว้“ท่านเป็นอะไร ทำไมท่านถึงบาดเจ็บแบบนี้” คนตัวเล็กเป็นกังวลหลัวซู่เฟิงหลับตา โน้มใบหน้าซบลงกับร่างนุ่มนิ่ม“ข้าเจ็บ....ข้าเจ็บเหลือเกิน”“ท่านเจ็บตรงไหน” นางเป็นกังวล “ไปเถอะ ข้าจะพาท่านกลับไปพัก”หลัวซู่เฟิงแทบจะหุบยิ้มไม่ได้เมื่อนางหลงกลนางพยายามเรียกให้คนมาช่วยพาหลัวซู่เฟิงกลับไปในห้
ตู้หลิงถูกพาเข้าวัง นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหตุใดพระพันปีถึงยื่นมือเข้าช่วยและไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนางส่วนไช่หลินซีไม่ได้ตามเข้ามาด้วย นางขอแยกตัวออกไปต่างหาก บุญคุณความแค้นของไช่หลินซีจบลงแบบงง ๆ ตู้หลิงไม่คิดว่าที่ตัวเองออกหน้าช่วยนางจะทำให้ไช่หลินซีคิดได้เหตุการณ์ต่อจากนี้คงจะเป็นสเต็ปส์นางเอก หนีไปเลี้ยงลูกคลอดลูกคนเดียว พอมีเจ้าก้อนแป้งขาว ๆ ผู้ที่เป็นพระเอกก็คงตามง้อเอาอกเอาใจกันในภายหลังละมั้ง เรื่องนั้นตู้หลิงตาเดาไปเรื่อยสิ่งที่นางกังวลนอกจากเรื่องของท่านพ่อนั่นก็คือหลัวซู่เฟิงกับเล่อเหยียนเผิง อยากรู้เหลือเกินว่าเขาอยู่ที่ไหน ถ้าไม่มีเล่อเหยียนเผิงก็ไม่มีหลัวซู่เฟิง เรื่องราวพวกนี้ล้วนเต็มไปด้วยความสับสน ตู้หลิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของนางสตรีชรารีบออกมาทันทีที่ได้ยินว่าบุตรสาวแม่ทัพตู้เข้าวังมาแล้ว เมื่อมาถึงพบว่านางช่างเป็นสตรีที่งดงามนัก ถึงจะไม่รู้ว่าเหตุใดท่านพ่อจึงเน้นย้ำให้พานางเข้ามาอยู่ในวัง 3 วันก็ตามหลังจากนั้นค่อยส่งนางคืนกลับไปที่สำนักซือหม่าซึ่งก็ช่างมันเถอะ ก็ถือว่านางได้ทำตามคำขอของผู้เป็นบิดาแล้ว นับว่าภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนเรื่อ