ตื่นมาอีกทีวิญญาณตู้หลิงก็หลุดออกมาจากร่างของพระชายาน้อยแล้ว ตู้หลิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง ผีสาวแสนสวยกลับมาสวมชุดสีขาวฟูฟ่องอีกครั้ง และขึ้นไปนั่งมองอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่บนหลังคาตามเดิม เพื่อรอคอยลุงผีเผื่อว่าเขาจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมตัวนางเองก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างวิญญาณกันแน่ ทำไมในช่วงเวลาหนึ่ง นางถึงสามารถเข้าไปสิงอยู่ในร่างของพระชายาน้อยได้ตอนที่ตื่นมา ตู้หลิงลองพยายามเข้าไปสิงดูอีกครั้งแต่ก็ทำไม่ได้“น้องหญิงงงงงงงง” เสียงคุ้นหูของใครสักคนกำลังตะโกนเรียกนาง ซึ่งผู้ที่เรียกนางเช่นนี้มีเพียงผู้เดียวนั่นก็คือหลัวซู่เฟิงเท่านั้น“ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าไม่ใช่ภรรยาเจ้า อย่ามาเรียกข้าด้วยสรรพนามเช่นนั้น” ตู้หลิงตะโกนรับ“เมื่อหลายวันก่อนลุงผีของเจ้ามาขอความช่วยเหลือจากข้า ให้ข้าหาวิธีพาเจ้าออกจากจวนอ๋อง น้องหญิงอย่าได้กังวล มีข้าอยู่เจ้าไม่ต้องกลัว” หลัวซู่เฟิงผู้ร่ำรวยบุญกุศลโอ้อวดตู้หลิงไม่รู้ว่าหลัวซู่เฟิงกำลังคิดจะทำอะไร นางเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะพานางออกไปจากที่นี่ได้ตามที่เขาโอ้อวดหรือเปล่าจ้าวแห่งผีที่เต็มไปด้วยบุญกุศลและอิทธิฤทธิ์เดินเข้าไปใกล้กับตัวจวน แต
ผีสาวรู้สึกช็อตฟีล พระชายาตัวน้อยเห็นนาง!!!!ร่างวิญญาณแข็งค้างทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลอยต่องแต่งอยู่แบบนั้น และสีหน้านางคงจะตลกมากจริง ๆ ตู้หลิงเห็นลูกรักของนางกลั้นขำรอจนกระทั่งเสี่ยวเชี่ยนและบ่าวรับใช้ออกไปจนหมดแล้ว ตู้หลิงจึงลองทดสอบว่านางเห็นร่างวิญญาณจริง ๆ หรือเปล่า“เจ้าเห็นข้าเหรอ”คนป่วยพยักหน้าเล็กน้อย“เจ้าเห็นข้าตั้งแต่เมื่อไหร่” ตู้หลิงคาดคั้นเจ้าของใบหน้าซีดเซียวทำหน้าครุ่นคิด“น่าจะสักหนึ่งวันก่อนที่ท่านสิงร่างข้า” พระชายาอธิบาย“โอ้ว แล้วเจ้าไม่กลัวข้าหรือ” ตู้หลิงถาม เพราะปกติคนเราต้องกลัวผีหรือสิ่งไม่มีชีวิตที่ลึกลับอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรือ“ตอนแรกที่ข้าเห็นท่าน ข้ากลัวมาก แต่ก็ต้องอดทนไม่ให้กลัว” พระชายาเอ่ยออกไปตามตรง“โอ๊ยยย เด็กน้อยเจ้าจะอดทนอะไรป่านนั้น” ตู้หลิงไม่เข้าใจสตรียุคนี้จำเป็นต้องอดทนกับอะไรที่ไม่ควรอดทนด้วยหรือถ้ากลัวก็ควรจะได้แสดงความรู้สึกกลัว ถ้าเกลียดก็ควรได้แสดงความรู้สึกเกลียดสิ“แต่หลังจากได้เห็นท่านช่วยเหลือข้า และรู้สึกโกรธแค้นแทนข้า ข้าก็รู้สึกว่าท่านไม่น่ากลัว” พระชายาเอ่ย“งั้นหรือ....” ตู้หลิงนึกเอ็นดู นางช่างเป็นเด็กดีเสียจริง ๆ“เด็กดี แล้ว
สายตาของเสี่ยวเชี่ยนเย็นชาจนน่าขนลุก ตู้หลิงไม่คิดว่านางจะแสดงท่าทีเช่นนั้นต่อนายหญิงของตนเองเกิดอะไรขึ้นกันแน่?“เสี่ยวเชี่ยนตามหมอสิ” ตู้หลิงพยายามบอกให้สาวใช้ของน้องหลิงเรียกหมอ“เสี่ยวเชี่ยน......ช่วยข้าด้วย” พระชายาขอร้องให้สาวใช้ของตนช่วยเหลือ“อดทนหน่อยเถอะเพคะพระชายาทนอีกนิดท่านก็จะสบายแล้ว” น้ำเสียงของเสี่ยวเชี่ยนแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม“เจ้า?” พระชายาและตู้หลิงต่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ภายในเวลารวดเร็ว“น่าสงสารจังนะเพคะ ที่ต้องมาตายเพราะบ่าวรับใช้ของตัวเองกระทั่งพรุ่งนี้ หรือผ่านไปอีกหลายวันหลายสัปดาห์ก็จะไม่มีใครสนใจพระองค์”“....” พระชายาน้อยคล้ายกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เอื้อนเอ่ยได้อย่างยากลำบาก เพราะเวลานี้ในภายในช่องปากของนางเต็มไปด้วยเลือด“หม่อมฉันจะพาพระองค์ไปนอนที่เตียงนะเพคะ หลังจากพระนางกระอักเลือดออกมาอีกสามสี่รอบ พระองค์ก็จะจากไปอย่างสงบ จากนั้นหม่อมฉันจะชดเชยด้วยการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พระองค์ยังคงงดงามดังเช่นเคย” เสี่ยวเชี่ยนพล่ามตู้หลิงพายามกรีดร้องเผื่อให้ใครสักคนเข้ามาช่วยเหลือ แต่เรือนหลังนี้ห่างไกลเหลือเกิน เสียงคนยัง
ตู้หลิงยืนตื่นตะลึงทำสิ่งใดไม่ถูก เรื่องในโลกนี้นอกจากนางกลายเป็นผีแล้ว ก็ยังมีอีกหลายเรื่องให้นางตกใจนางเห็นกับตาว่าน้องหลิงหายไปแล้ว แต่เหตุใดร่างกายของนางยังคงมีลมหายใจทำเช่นไรดี? นางควรทำเช่นไรดี“อีกไม่นานท่านก็จะรู้” ประโยคนี้ของน้องหลิงยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของนางถ้าเกิดนี่เป็นโอกาสของนางล่ะ“จากนี้ไปขอฝากท่านด้วย” ทุกประโยคของน้องหลิงยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำของตู้หลิง ถ้าเกิดนี่เป็นโอกาสล่ะ โอกาสที่นางจะได้ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดล่ะผีสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ริมฝีปากเหยียดเม้มเป็นเส้นตรง ก่อนจะบังคับให้ร่างวิญญาณของตัวเองลอยขึ้นไปเหนือร่างที่ยังมีลมหายใจแต่ไร้วิญญาณของน้องหลิงใบหน้าที่เหมือนกับนางงดงามและซีดเซียว ถ้านี่เป็นสิ่งที่น้องหลิงทิ้งความนัยเอาไว้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนเรื่องราวทั้งหมด อาจเป็นจุดที่ทำให้นางได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดก็ได้ตู้หลิงหลับตา ปล่อยให้ร่างวิญญาณของตัวเองทาบทับลงไปผสานกับร่างที่ยังมีลมหายใจของน้องหลิงคล้ายกับถูกพลังงานสายหนึ่งที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดมหาศาล ดูดร่างวิญญาณของตู้หลิง ภาพความทรงจำต่าง ๆ ประเดประดังเข้ามาไม่รู้จบฝัน!!! อย่าบอกว่าสิ่
ร่างกายของตู้หลิงปวดร้าวระบมไปหมด การขยับร่างกายของนางทำได้ยากลำบากนัก หญิงสาวรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่ตนเองมี ผลักให้ตัวเองลงจากเตียง พื้นหินในห้องแสนจะหนาวเหน็บนานมากแล้วที่ตู้หลิงไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้ ยามเมื่อเป็นผีก็ไม่ชินกับการใช้ชีวิตแบบผี ตอนนางได้กลับมามีชีวิตแบบมนุษย์อีกครั้งนางเองก็รู้สึกไม่ชินนักทุกการเคลื่อนไหวของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทั้งจากภายในร่างกายและภายนอก คิดว่าผ่านเวลาไปหลายวัน พิษที่ร่างกายของน้องหลิงคงบรรเทาไปบ้างแล้ว นี่ขนาดบรรเทาไปบ้างยังเจ็บปวดถึงขั้นนี้เช่นนั้นคงไม่ต้องพูดถึงตอนก่อนที่น้องหลิงจะสิ้นลมหายใจน้องหลิงของนางช่างน่าสงสารนักบัญชีความแค้นของตู้หลิงในเวลานี้ เพิ่มเสี่ยวเชี่ยนเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง ส่วนใครเข้ามาขวางทางนางพวกเขาจะถูกนับรวมกันในนั้นสาวใช้ผู้หนึ่งไม่เห็นเสี่ยวเชี่ยนในจวนหลายวันก็เป็นกังวล อีกทั้งในยามค่ำคืน ณ เรือนของพระชายาเอกก็ไม่มีการจุดตะเกียงเพิ่มความสว่างด้วยความเป็นกังวลเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นที่นี่ นางจึงแวะมาดู“พี่เสี่ยวเชี่ยน!! พระชายา” สาวใช้ร้องเรียกตู้หลิงได้ยินเสียงคนอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนใส่ใ
เมื่อหมอหลวงกลับไปแล้ว ภายในเรือนเล็กของพระชายาเอกจึงเหลือแค่ มู่อันเฉิงและนาง สตรีที่นอนหลับไม่ได้สติดูบอบบางและอ่อนแอ ซึ่งราวกับว่าถ้าเขาแตะนางแรงเกินไป นางจะปริแตกได้ง่าย ๆอันดับแรกเขาจะต้องพานางไปที่เรือนตะวันออกที่นั่นนางจะอยู่อย่างปลอดภัยและอบอุ่นมู่อันเฉิงค่อย ๆ อุ้มร่างเล็กบอบบาง จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เขาได้อุ้มนาง ตู้หลิงนางไม่ได้ตัวเบาเช่นนี้ บุรุษตัวสูงขมวดคิ้วไช่หลินซีเองก็ได้ยินเรื่องของพระชายาเอกด้วยเช่นกัน นางเองก็ไม่ได้อยากให้คนสกุลตู้มีความสุข แต่คิดไม่ถึงว่าสกุลตู้ดันมีศัตรูมากกว่าที่นางคิดดีจริง ๆ! นางไม่ต้องออกแรงเลยสักนิด ตู้หลิงก็มีคนจัดการแทนนางไปแล้วเสี่ยวกุยที่ไปดูลาดเลาที่เรือนหลังเล็กของพระชายา และรีบวิ่งกลับมารายงาน ทันทีที่เห็นท่านอ๋องเดินออกมาจากเรือน โดยมีร่างที่ไม่ได้สติของพระชายาเอกอยู่แนบอก“คุณหนู ท่านอ๋องออกมาพร้อมกับพระชายาเอก” เสี่ยวกุยกระซิบบอกเหอะ!! ไช่หลินซีแค่นเสียง อย่างหงุดหงิด“แต่งตัวให้ข้าที” นางควรจะไปดูให้เห็นกับตาเสียหน่อยว่า ที่สามีของตนกระทำนั้นเป็นเพียงแค่ความห่วงใยแบบที่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันทำเท่านั้น หรือตัวเขากำลังคิดเป็
ตู้จงเหรินแค้นใจนัก ตู้หลิงเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา ในอนาคตไม่นางก็สามีของนางจะได้เป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของเขาในฐานะที่เขาเป็นบิดา ก็ย่อมอยากให้บุตรสาวของตนได้คู่ชีวิตที่ดีเกื้อกูลช่วยเหลือกันไปจนถึงยามแก่เฒ่า เขาน่าจะปฏิเสธการแต่งงานครั้งนั้นให้หนักแน่นกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสนมมู่มากราบขอบบุตรสาวด้วยตัวเอง เขาคงไม่ใจอ่อนยกนางให้กับอ๋องมู่ โดยไม่ได้สืบเสาะนิสัยใจคอปูมหลังของคนผู้นั้นมาก่อนสภาพนางเป็นเช่นนี้ เขาจะปล่อยให้นางกลับไปจวนอ๋องได้อย่างไรหลัวซู่เฟิงเฝ้ารอน้องหญิงของตนอยู่หลายวัน เขาไม่เห็นนางออกมานั่งที่หลังคาดังเช่นปกติ จะเข้าไปหานางในนั้นก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางในใจก็ร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับนางระหว่างนั้นเห็นแม่ทัพแห่งแคว้นอุ้มสตรีที่หน้าคล้ายกับน้องหญิงของตนออกมาจากเรือนขึ้นรถม้ามุ่งไปทางจวนแม่ทัพ คราแรกเขามิได้ใส่ใจ แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าวิญญาณที่อยู่ในร่างของสตรีผู้นั้นจะเป็นน้องหญิงอันเป็นที่รัก จึงลอยตามรถม้าคันนั้นไปหลัวซู่เฟิงรู้จักแม่ทัพแห่งแคว้นเป็นอย่างดี เจ้าเด็กนี่เก่งกาจตั้งแต่ยังเยาว์ ฉลาดเฉลียว ก้าวขึ้นสู
แม่ทัพตู้งดไปที่ลานฝึกสามวันและออกคำสั่งให้ทหารของตนกลับไปพักผ่อนที่บ้านตามอัธยาศัย สามวันนี้เขาตั้งใจจะอยู่กับบุตรสาวถามสารทุกข์สุกดิบให้หายคิดถึงทุก ๆ มื้ออาหาร ท่านพ่อของน้องหลิงจะมาร่วมรับประทานอาหารกับนาง น่าแปลกที่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่บิดาแท้ ๆ ของนางแต่ตู้หลิงก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจแม่ทัพผู้นี้รักบุตรสาวของตัวเองมากเหลือเกิน ตลอดระยะเวลาที่ป่วยนางแทบจะไม่ต้องเดิน อีกสักพักตู้หลิงคงจะอ้วนเป็นหมูในมื้ออาหารมื้อหนึ่ง ผู้เป็นบิดาสั่งให้คนในกองทัพจับปลา มาตุ๋นและทำน้ำแกงปลาเพื่อนางโดยเฉพาะ ซ้ำยังมีอาหารที่เต็มไปด้วยโปรตีนอย่างเช่นเนื้อวัวตุ๋น ฟองเต้าหู้หมูสับ อาหารทุกอย่างบนโต๊ะล้วนเป็นสิ่งที่ตู้หลิงชอบกินทั้งนั้นสิ่งของที่น้องหลิงชื่นชอบก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ตู้หลิงชอบเช่นกัน สิ่งใดที่นางไม่ชอบก็ไม่ชอบเหมือนกัน นิสัยบางอย่างก็แข็งกร้าวไม่ต่างกันแตกต่างกันอย่างเดียวคือตู้หลิงแข็งแกร่งและมั่นใจในตัวเองกว่าน้องหลิง อาจจะเป็นเพราะทั้งสองคนเติบโตกันคนละยุคในยุคของนางสตรีมีสิทธิ์มีเสียง สามารถออกความคิดเห็น ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ แต่ไม่ใช่กับธรรมเนียมของโลกโบราณ น้องหลิงที่น่ารักของน
แม่ทัพตู้ต้องข่มกลั้นความโกรธไว้อย่างเต็มที่ ตู้จงเหรินนั่งรออยู่ที่โถงรับแขกอยู่ครู่ใหญ่ในหัวก็กำลังคิดประมวลผลเรื่องราวที่ผ่านมาเขารับรู้ว่าเล่อเหยียนเผิงเข้าออกบ้านสกุลตู้อยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่ตู้หลิงป่วย กุนซือผู้นั้นก็หมั่นคอยมาดูแลตู้หลิงเองก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะนางไม่เคยเห็นบิดาเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาก่อน ถึงจะมีเรื่องให้โกรธเคืองแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางผู้เป็นบิดาก็มักจะแสดงความใจเย็นและอ่อนโยนอยู่เสมอแต่ครั้งนี้ท่านพ่อคงจะโกรธมากจริง ๆหลัวซู่เฟิงแม้จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ยินยอมทำตามที่ตู้หลิงขอร้อง ถ้าเขาอยากแต่งงานกับนางก็ต้องยอมคุกเข่าขอร้อง ศักดิ์ศรีและสถานะก่อนที่เขาจะตายก็ช่างมันเถอะ ยอมลงสักครั้งเพื่อนาง....จ้าวผีได้ยินเสียงของหยูเต๋อกุยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่กับเสี่ยวโต้ว เดี๋ยวรอเขาเสร็จเรื่องนี้เสียก่อนค่อยไปหาเวลาจัดการ สาปดีไหมไปเรียนวิชานักพรตแล้วสาปทั้งสองคนให้อยู่ในไหผักดองดีหรือไม่หลัวซู่เฟิงเดินเข้าไปพร้อมกับตู้หลิง หญิงสาวส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มคุกเข่าแต่ดูเหมือนบุรุษหน้าด้านผู้นี้จะไม่รู้ธรรมเนียม ก่อนหน้านั้นเขาเป็นใครนางไม่สนใจหรอกนะ แต่เวลานี้เขาคือเล่อเหย
ได้ยินสิ่งที่นางกล่าวหลัวซู่เฟิงก็นึกเอ็นดู คนตัวสูงก้มลงไปจูบซับน้ำตานางหนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ดันมังกรตัวเขื่องของตัวเองเข้าในกายนางอย่างเชื่องช้ามีปราการธรรมชาติบางอย่างในร่างกายของตู้หลิงขาดผึง หลัวซู่เฟิงรู้สึกได้ตู้หลิงเจ็บแต่ก็อดทน นางเชื่อว่าอีกสักพักจะพบกับความสุขชายหนุ่มกดความแข็งแกร่งแช่เอาไว้เพื่อให้ช่องทางรักที่แสนคับแคบของนางได้ทำความคุ้นชินกับแท่งลำใหญ่โต แต่ภายในของนางตอนนี้กลับตอดรัดเขาเสียจนแทบคลั่ง“หลิงเอ๋อเด็กดี ข้างในของเจ้าตอดข้าเหลือเกิน”พูดจบหลัวซู่เฟิงก็เริ่มขยับเอวเข้าออกทีละนิดทันทีที่หลัวซู่เฟิงเริ่มขยับเอวความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไปความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ เป็นความรู้สึกที่นางยากจะกล่าวออกมาหลัวซู่เฟิงขยับแก่นกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะกระทุ้งไปตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ร่วมรักกับสตรี ล่าสุดก็คงเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่เขายังมีชีวิต“อา...” ทุกครั้งที่หลัวซู่เฟิงขยับความเป็นชายเข้าออกร่างกายของนาง ตู้หลิงรู้สึกเสียวกระสันจนอยากจะบรรยายออกมาไม่ได้ นางจึงได้แต่ส่งเสียงร้องครางรัญจวนแทนความรู้สึกถึงแม้ว่านางจะ
“พี่....ซู่เฟิง....เรา....ยังไม่ได้แต่งงานกัน” ตู้หลิงพูดด้วยน้ำเสียงขาดช่วง ความเสียวกระสันที่เพิ่มขึ้นทำให้นางเอื้อนเอ่ยวาจาได้อย่างยากลำบาก“งั้นเราก็แต่งกันตอนนี้เลยดีหรือไม่” หลัวซู่เฟิงถอดเสื้อของตัวเองออกจนหมดเผยให้เห็นร่างกายแข็งแกร่ง ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างของเขาจริง ๆ แต่ร่างกายเล่อเหยียนเผิงก็นับว่าไม่เลว โดยเฉพาะความเป็นชายที่แข็งแกร่งดุดันไม่เกรงใจใครบุรุษตัวสูงเปลี่ยนจากหยอกเย้าทรวงอกค่อย ๆ จุมพิตไต่ไล่ระดับลงมาพาดผ่านหน้าท้องแบนราบตู้หลิงเสียวจนต้องเกร็งหน้าท้อง ความรู้สึกเช่นนี้ยากที่นางจะระบายออกมาเป็นคำพูด คนตัวเล็กได้แต่ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอเท่านั้นหลัวซู่เฟิงถอดกระโปรงและกางตัวในของนางออกไปพร้อมกันอย่างเชื่องช้า วงขาเรียวเล็กไร้ริ้วรอยปรากฏตรงหน้า เจ้าของเรือนร่างขาวผ่องพยายามใช้สองมือเล็ก ๆ ปกปิดร่างกายตนเอง ดูแล้วช่างน่าเอ็นดู“เจ้าสวยเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกล่าว พร้อมกับใช้นิ้วสัมผัสช่องทางดอกไม้ที่แสนสวยงามแค่เพียงนิ้วเขาสัมผัสเบา ๆ ตู้หลิงก็ขนลุกไปทั้งร่างจนนางต้องขยับเอวหนี แต่สุดท้ายหลัวซู่เฟิงก็รั้งเอวนางกลับไปอยู่ที่เดิม“จะหนีไปไหนเด็กดี”ตู้หลิงไม่กล้า
ผ่านไปหลายวัน นางยังคงไม่ได้ข่าวของผู้เป็นบิดา ครั้นจะออกจากสำนักไปสืบข่าวก็ถูกหลัวซู่เฟิงห้ามเอาไว้ ซ้ำยังกำชับให้คนในสำนักดูแลป้องกันไม่ให้แอบออกไปข้างนอกนางยังคิดโกรธที่หลัวซู่เฟิงสั่งห้ามนาง และชอบทำตัวเหมือนกับนางเป็นภรรยาของเขาอาการบาดเจ็บของหลัวซู่เฟิงทุเลาขึ้นทุกวัน ตู้หลิงยังคงตอบแทนด้วยการไปใส่ยาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาทุกวัน แน่นอนว่านางต้องหาทางรับมือผีชีกออยู่ตลอดเวลา“ข้ามีเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง”“เรื่อง?” ปากของนางถามแต่ก็ยังคอยทำความสะอาดแผลอยู่“ท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเป็นอะไร” ตู้หลิงเริ่มกังวลเมื่อหลัวซู่เฟิงเอ่ยถึงบิดาของน้องหลิง“ได้เฉาเกอเอ๋อช่วยเหลือ ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานแม่ทัพตู้ก็จะกลับมาหาเจ้าอย่างปลอดภัย”“อ้อ งั้นก็ดีแล้ว ข้าจะได้กลับจวนเสียที” หลัวซู่เฟิงหลุดพูดชื่อสตรีผู้หนึ่งออกมา ตู้หลิงได้ยินชื่อของนางเต็มสองหูเมื่อได้ยินชื่อของสตรีอื่น ใบหน้างดงามของตู้หลิงหม่นแสงลงเล็กน้อย กล้าดีอย่างไรถึงมาเอ่ยชื่อของสตรีอื่นต่อหน้านาง“เด็กดี เจ้าเป็นอะไรไป”“เปล่าเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางเจือความขุ่นเคืองหลัวซู่เฟิงพอจะเดาออก“เจ้าหึงข้าหรือ”“...” คนตัวเล็กไม่ตอบ
เสนาบดีเฉินเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ ไม่นานก็พบว่าเป็นฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อนที่อยู่นอกด่าน อีกนิดเดียวก็จะสาวถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังถึงแม้เขาจะดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความเที่ยงธรรม แต่เรื่องมันดันเกี่ยวพันถึงเชื้อพระวงศ์ระดับสูง จึงจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบกองกำลังของเสี่ยวเชี่ยนถูกกำจัดไปทีละน้อย พี่น้องของนางล้มตายไปทีละเล็กละน้อย แต่กระนั้นถูปาเสี่ยวเชี่ยนก็ยังลงมือกับชาวเฉาไม่หยุดสุดท้ายกองปราบและกองราชองครักษ์ก็ร่วมมือกันจับนางและคนของนางได้ในที่สุดวันไต่สวนมาถึงถูปาเสี่ยวเชี่ยนไม่สะทกสะท้านนางยืนหลังเหยียดตรงก่นด่าสาปแช่งทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่พอยังซัดทอดไปจนถึงขุนนางหลายคน ราชครูหยู สนมมู่ล้วนโดนนางกล่าวซัดทอดทั้งหมด“พวกเจ้ามันก็พวกสารเลว ทำร้ายคนบ้านข้าไม่พอ ยังกำจัดกวาดล้างให้พวกเข้าสูญสิ้น” ถูปาเสี่ยวเชี่ยนกล่าวด้วยความแค้น“ถูปาเสี่ยวเชี่ยนแสดงว่าเจ้ายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดที่ทำ”“แน่นอนว่าข้ายอมรับข้ามีศักดิ์ศรีมากพอ ประชาชนพวกนั้นไม่มีค่าเท่ากับคนของข้าอยู่ไปก็หนักแผ่นดิน สู้ให้ข้ากำจัดทิ้งสักร้อยสองร้อยคนจะเป็นอะไร” ทุกคำที่นางพูดออกมาไม่มีสลด ไม่มีละอายใจต่อสิ่ง
หลังจากที่ทั้งสองประกาศคบหากัน เรื่องราวความรักของพระเอกนางเอกระดับซูเปอร์สตาร์ก็เหมือนกับมีแสงแฟลชสาดส่องอยู่ตลอดเวลาซึ่งแฟนคลับของทั้งสองก็เข้าใจดี และทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่เหมาะสมกับราวกับกิ่งทองใบหยก ไม่มีข่าวเสียหาย ภาพลักษณ์ดี เป็นที่รักของทีมงาน สื่อมวลชนและแฟนคลับจนถึงวันที่หลิวเทาคุกเข่าขอตู้หลิงแต่งงาน นับว่าเป็นคู่รักนักแสดงที่ทุกคนให้ความสนใจอันดับหนึ่งกระทั่งใกล้วันแต่งงานตู้หลิงอยู่สตูดิโอสำหรับลองชุดแต่งงาน วันนี้หลิวเทาแฟนหนุ่มของเธอไม่มา ซึ่งสำหรับหญิงสาวเข้าใจได้ดีเพราะด้วยหน้าที่การงานของทั้งคู่ยากที่จะมีเวลาเดียวกัน คนตัวเล็กชื่นชมชุดเจ้าสาวฟูฟ่องที่ตัดเย็บอย่างดีด้วยแววตาแห่งความสุข“หลิงหลิงเธอสวยมาก” ผู้จัดการเดินเข้ามาในห้องลองชุด“พี่ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยได้ไหม” ตู้หลิงยื่นโทรศัพท์ให้กับผู้จัดการเมื่อถ่ายเสร็จผู้จัดการก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้กับตู้หลิง หญิงสาวโพสต์สปอยล์ชุดเจ้าสาวขึ้นบนโซเชียลตามปกตินิยายของตัวเองแต่ที่ไม่ปกติคือมีความหนึ่งที่โพสต์ใต้ภาพที่เธออัพขึ้น“หลิงหลิงฉันสงสารเธอเหลือเกิน เมื่อวันก่อนฉันเห็นหลิวเทาเพิ่งออกมา
สายตาของผีเจ้าเล่ห์เช่นหลัวซู่เฟิง มองผู้ที่ใส่ยาให้ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม“เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะ” ตู้หลิงสวนกลับแบบไม่ต้องคิด“น่าผิดหวังนัก” ด้วยความหมั่นไส้หลัวซู่เฟิงงับแขนขาวผ่องนางเบา ๆ“หลัวซู่เฟิง!!! อย่าทะลึ่ง ท่านอายุเท่าไหร่กันถึงได้มาทำตัวเป็นเด็กเล็ก ๆ เช่นนี้” ตู้หลิงรีบยกแขนตัวเองออกมาหลัวซู่เฟิงทำท่านับนิ้ว“เกือบร้อยแล้วกระมัง” เขาเองก็ไม่ได้นับอายุตนเองมานานหลายปี ปีนี้เป็นปีที่เท่าไหร่เขาก็จำไม่ได้“โอ๊ะ ท่านลุงหลัววววว” ตู้หลิงหยอกเย้า“ข้าเป็นท่านลุงที่ไหนกัน” หลัวซู่เฟิงโวยวาย “หลิงเอ๋อ เด็กดีเจ้าก็เห็นหน้าจริง ๆ ของข้าแล้วนี่ใกล้เคียงกับท่านลุงแก่ ๆ เมื่อไหร่ อย่างน้อยข้าก็หน้าตาดีกว่า หยูเต๋อกุย” คนตัวสูงใช้ศอกยันตัวเองขึ้นมา“ตายตอนไหนไม่สำคัญ สำคัญที่อายุ” เมื่อใส่ยาเสร็จนางก็ยังต้องพันผ้าให้เขาต่อนางตัวเล็กกว่าเขาหลายเท่าทำให้เวลาพันแผล นางต้องเอื้อมสุดมือยิ่งนางใกล้ชิดเขามากขึ้นเท่าไหร่ อารมณ์บางอย่างของหลัวซู่เฟิงก็เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าใบหูของคนตัวเล็กเมื่อถูกเขาขยับเข้ามาพูดในระยะประ
“นางไปแล้ว” เสี่ยวโต้วตะโกนเสียงดัง “นายท่านตามนายหญิงไปเร็ว”หลัวซู่เฟิงได้ยินว่าตู้หลิงกำลังจะไป คนตัวสูงรีบวิ่งเข้าไปหานาง ชายหนุ่มหอบร่างกายที่ยังไม่หายดีวิ่งตามนางไป“หลิงเอ๋อ ฟังข้าก่อน” หลัวซู่เฟิงวิ่งตาม“....” ตู้หลิงได้ยินและจำได้ว่าเป็นเสียงเขา แต่นางไม่หยุด ใครใช้ให้เขามารังแกนางกัน เขาแกล้งคนเป็นผู้เดียวหรืออย่างไร“เด็กดี ข้าขอโทษ” หลัวซู่เฟิงไปหานางได้อย่างเชื่องช้าในที่สุดก็ตามนางต่อไม่ไหว หลัวซู่เฟิงแกล้งล้มลงทรุดไปกับพื้นหินร้องโอดโอย“โอ๊ย!!!”ตู้หลิงได้ยินเสียงคนร้อง นางจึงหันกลับไปดูพบว่าบุรุษผมยาวผู้นั้นกำลังทรุดอยู่ที่พื้น“ท่าน!!” คนตัวเล็ก รีบเข้าไปประคอง เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ และมองให้ชัด เพื่อให้มั่นใจว่าตนจำคนไม่ผิด“หลิงเอ๋อ” หลัวซู่เฟิง ออดอ้อน ชายหนุ่มจับมือเล็กของนางเอาไว้“ท่านเป็นอะไร ทำไมท่านถึงบาดเจ็บแบบนี้” คนตัวเล็กเป็นกังวลหลัวซู่เฟิงหลับตา โน้มใบหน้าซบลงกับร่างนุ่มนิ่ม“ข้าเจ็บ....ข้าเจ็บเหลือเกิน”“ท่านเจ็บตรงไหน” นางเป็นกังวล “ไปเถอะ ข้าจะพาท่านกลับไปพัก”หลัวซู่เฟิงแทบจะหุบยิ้มไม่ได้เมื่อนางหลงกลนางพยายามเรียกให้คนมาช่วยพาหลัวซู่เฟิงกลับไปในห้
ตู้หลิงถูกพาเข้าวัง นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหตุใดพระพันปีถึงยื่นมือเข้าช่วยและไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนางส่วนไช่หลินซีไม่ได้ตามเข้ามาด้วย นางขอแยกตัวออกไปต่างหาก บุญคุณความแค้นของไช่หลินซีจบลงแบบงง ๆ ตู้หลิงไม่คิดว่าที่ตัวเองออกหน้าช่วยนางจะทำให้ไช่หลินซีคิดได้เหตุการณ์ต่อจากนี้คงจะเป็นสเต็ปส์นางเอก หนีไปเลี้ยงลูกคลอดลูกคนเดียว พอมีเจ้าก้อนแป้งขาว ๆ ผู้ที่เป็นพระเอกก็คงตามง้อเอาอกเอาใจกันในภายหลังละมั้ง เรื่องนั้นตู้หลิงตาเดาไปเรื่อยสิ่งที่นางกังวลนอกจากเรื่องของท่านพ่อนั่นก็คือหลัวซู่เฟิงกับเล่อเหยียนเผิง อยากรู้เหลือเกินว่าเขาอยู่ที่ไหน ถ้าไม่มีเล่อเหยียนเผิงก็ไม่มีหลัวซู่เฟิง เรื่องราวพวกนี้ล้วนเต็มไปด้วยความสับสน ตู้หลิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของนางสตรีชรารีบออกมาทันทีที่ได้ยินว่าบุตรสาวแม่ทัพตู้เข้าวังมาแล้ว เมื่อมาถึงพบว่านางช่างเป็นสตรีที่งดงามนัก ถึงจะไม่รู้ว่าเหตุใดท่านพ่อจึงเน้นย้ำให้พานางเข้ามาอยู่ในวัง 3 วันก็ตามหลังจากนั้นค่อยส่งนางคืนกลับไปที่สำนักซือหม่าซึ่งก็ช่างมันเถอะ ก็ถือว่านางได้ทำตามคำขอของผู้เป็นบิดาแล้ว นับว่าภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนเรื่อ