เสนาบดีเฉินเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ ไม่นานก็พบว่าเป็นฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อนที่อยู่นอกด่าน อีกนิดเดียวก็จะสาวถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังถึงแม้เขาจะดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความเที่ยงธรรม แต่เรื่องมันดันเกี่ยวพันถึงเชื้อพระวงศ์ระดับสูง จึงจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบกองกำลังของเสี่ยวเชี่ยนถูกกำจัดไปทีละน้อย พี่น้องของนางล้มตายไปทีละเล็กละน้อย แต่กระนั้นถูปาเสี่ยวเชี่ยนก็ยังลงมือกับชาวเฉาไม่หยุดสุดท้ายกองปราบและกองราชองครักษ์ก็ร่วมมือกันจับนางและคนของนางได้ในที่สุดวันไต่สวนมาถึงถูปาเสี่ยวเชี่ยนไม่สะทกสะท้านนางยืนหลังเหยียดตรงก่นด่าสาปแช่งทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่พอยังซัดทอดไปจนถึงขุนนางหลายคน ราชครูหยู สนมมู่ล้วนโดนนางกล่าวซัดทอดทั้งหมด“พวกเจ้ามันก็พวกสารเลว ทำร้ายคนบ้านข้าไม่พอ ยังกำจัดกวาดล้างให้พวกเข้าสูญสิ้น” ถูปาเสี่ยวเชี่ยนกล่าวด้วยความแค้น“ถูปาเสี่ยวเชี่ยนแสดงว่าเจ้ายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดที่ทำ”“แน่นอนว่าข้ายอมรับข้ามีศักดิ์ศรีมากพอ ประชาชนพวกนั้นไม่มีค่าเท่ากับคนของข้าอยู่ไปก็หนักแผ่นดิน สู้ให้ข้ากำจัดทิ้งสักร้อยสองร้อยคนจะเป็นอะไร” ทุกคำที่นางพูดออกมาไม่มีสลด ไม่มีละอายใจต่อสิ่ง
ผ่านไปหลายวัน นางยังคงไม่ได้ข่าวของผู้เป็นบิดา ครั้นจะออกจากสำนักไปสืบข่าวก็ถูกหลัวซู่เฟิงห้ามเอาไว้ ซ้ำยังกำชับให้คนในสำนักดูแลป้องกันไม่ให้แอบออกไปข้างนอกนางยังคิดโกรธที่หลัวซู่เฟิงสั่งห้ามนาง และชอบทำตัวเหมือนกับนางเป็นภรรยาของเขาอาการบาดเจ็บของหลัวซู่เฟิงทุเลาขึ้นทุกวัน ตู้หลิงยังคงตอบแทนด้วยการไปใส่ยาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาทุกวัน แน่นอนว่านางต้องหาทางรับมือผีชีกออยู่ตลอดเวลา“ข้ามีเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง”“เรื่อง?” ปากของนางถามแต่ก็ยังคอยทำความสะอาดแผลอยู่“ท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเป็นอะไร” ตู้หลิงเริ่มกังวลเมื่อหลัวซู่เฟิงเอ่ยถึงบิดาของน้องหลิง“ได้เฉาเกอเอ๋อช่วยเหลือ ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานแม่ทัพตู้ก็จะกลับมาหาเจ้าอย่างปลอดภัย”“อ้อ งั้นก็ดีแล้ว ข้าจะได้กลับจวนเสียที” หลัวซู่เฟิงหลุดพูดชื่อสตรีผู้หนึ่งออกมา ตู้หลิงได้ยินชื่อของนางเต็มสองหูเมื่อได้ยินชื่อของสตรีอื่น ใบหน้างดงามของตู้หลิงหม่นแสงลงเล็กน้อย กล้าดีอย่างไรถึงมาเอ่ยชื่อของสตรีอื่นต่อหน้านาง“เด็กดี เจ้าเป็นอะไรไป”“เปล่าเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางเจือความขุ่นเคืองหลัวซู่เฟิงพอจะเดาออก“เจ้าหึงข้าหรือ”“...” คนตัวเล็กไม่ตอบ
“พี่....ซู่เฟิง....เรา....ยังไม่ได้แต่งงานกัน” ตู้หลิงพูดด้วยน้ำเสียงขาดช่วง ความเสียวกระสันที่เพิ่มขึ้นทำให้นางเอื้อนเอ่ยวาจาได้อย่างยากลำบาก“งั้นเราก็แต่งกันตอนนี้เลยดีหรือไม่” หลัวซู่เฟิงถอดเสื้อของตัวเองออกจนหมดเผยให้เห็นร่างกายแข็งแกร่ง ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างของเขาจริง ๆ แต่ร่างกายเล่อเหยียนเผิงก็นับว่าไม่เลว โดยเฉพาะความเป็นชายที่แข็งแกร่งดุดันไม่เกรงใจใครบุรุษตัวสูงเปลี่ยนจากหยอกเย้าทรวงอกค่อย ๆ จุมพิตไต่ไล่ระดับลงมาพาดผ่านหน้าท้องแบนราบตู้หลิงเสียวจนต้องเกร็งหน้าท้อง ความรู้สึกเช่นนี้ยากที่นางจะระบายออกมาเป็นคำพูด คนตัวเล็กได้แต่ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอเท่านั้นหลัวซู่เฟิงถอดกระโปรงและกางตัวในของนางออกไปพร้อมกันอย่างเชื่องช้า วงขาเรียวเล็กไร้ริ้วรอยปรากฏตรงหน้า เจ้าของเรือนร่างขาวผ่องพยายามใช้สองมือเล็ก ๆ ปกปิดร่างกายตนเอง ดูแล้วช่างน่าเอ็นดู“เจ้าสวยเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกล่าว พร้อมกับใช้นิ้วสัมผัสช่องทางดอกไม้ที่แสนสวยงามแค่เพียงนิ้วเขาสัมผัสเบา ๆ ตู้หลิงก็ขนลุกไปทั้งร่างจนนางต้องขยับเอวหนี แต่สุดท้ายหลัวซู่เฟิงก็รั้งเอวนางกลับไปอยู่ที่เดิม“จะหนีไปไหนเด็กดี”ตู้หลิงไม่กล้า
ได้ยินสิ่งที่นางกล่าวหลัวซู่เฟิงก็นึกเอ็นดู คนตัวสูงก้มลงไปจูบซับน้ำตานางหนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ดันมังกรตัวเขื่องของตัวเองเข้าในกายนางอย่างเชื่องช้ามีปราการธรรมชาติบางอย่างในร่างกายของตู้หลิงขาดผึง หลัวซู่เฟิงรู้สึกได้ตู้หลิงเจ็บแต่ก็อดทน นางเชื่อว่าอีกสักพักจะพบกับความสุขชายหนุ่มกดความแข็งแกร่งแช่เอาไว้เพื่อให้ช่องทางรักที่แสนคับแคบของนางได้ทำความคุ้นชินกับแท่งลำใหญ่โต แต่ภายในของนางตอนนี้กลับตอดรัดเขาเสียจนแทบคลั่ง“หลิงเอ๋อเด็กดี ข้างในของเจ้าตอดข้าเหลือเกิน”พูดจบหลัวซู่เฟิงก็เริ่มขยับเอวเข้าออกทีละนิดทันทีที่หลัวซู่เฟิงเริ่มขยับเอวความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไปความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ เป็นความรู้สึกที่นางยากจะกล่าวออกมาหลัวซู่เฟิงขยับแก่นกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะกระทุ้งไปตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ร่วมรักกับสตรี ล่าสุดก็คงเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่เขายังมีชีวิต“อา...” ทุกครั้งที่หลัวซู่เฟิงขยับความเป็นชายเข้าออกร่างกายของนาง ตู้หลิงรู้สึกเสียวกระสันจนอยากจะบรรยายออกมาไม่ได้ นางจึงได้แต่ส่งเสียงร้องครางรัญจวนแทนความรู้สึกถึงแม้ว่านางจะ
แม่ทัพตู้ต้องข่มกลั้นความโกรธไว้อย่างเต็มที่ ตู้จงเหรินนั่งรออยู่ที่โถงรับแขกอยู่ครู่ใหญ่ในหัวก็กำลังคิดประมวลผลเรื่องราวที่ผ่านมาเขารับรู้ว่าเล่อเหยียนเผิงเข้าออกบ้านสกุลตู้อยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่ตู้หลิงป่วย กุนซือผู้นั้นก็หมั่นคอยมาดูแลตู้หลิงเองก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะนางไม่เคยเห็นบิดาเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาก่อน ถึงจะมีเรื่องให้โกรธเคืองแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางผู้เป็นบิดาก็มักจะแสดงความใจเย็นและอ่อนโยนอยู่เสมอแต่ครั้งนี้ท่านพ่อคงจะโกรธมากจริง ๆหลัวซู่เฟิงแม้จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ยินยอมทำตามที่ตู้หลิงขอร้อง ถ้าเขาอยากแต่งงานกับนางก็ต้องยอมคุกเข่าขอร้อง ศักดิ์ศรีและสถานะก่อนที่เขาจะตายก็ช่างมันเถอะ ยอมลงสักครั้งเพื่อนาง....จ้าวผีได้ยินเสียงของหยูเต๋อกุยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่กับเสี่ยวโต้ว เดี๋ยวรอเขาเสร็จเรื่องนี้เสียก่อนค่อยไปหาเวลาจัดการ สาปดีไหมไปเรียนวิชานักพรตแล้วสาปทั้งสองคนให้อยู่ในไหผักดองดีหรือไม่หลัวซู่เฟิงเดินเข้าไปพร้อมกับตู้หลิง หญิงสาวส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มคุกเข่าแต่ดูเหมือนบุรุษหน้าด้านผู้นี้จะไม่รู้ธรรมเนียม ก่อนหน้านั้นเขาเป็นใครนางไม่สนใจหรอกนะ แต่เวลานี้เขาคือเล่อเหย
ความรู้สึกเสียวกระสันโผล่พุ่งขึ้นมาทันทีที่ตู้หลิงรู้สึกตัว ทั่วทั้งร่างของนางกำลังรู้สึกร้อนรุ่มอย่างแปลกประหลาด เมื่อลืมตาขึ้นมองให้ชัดพบว่าตนเองกำลังถูกบุรุษผู้หนึ่งทาบทับบดเบียดร่างกายนางอย่างบ้าคลั่งนางจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร แต่ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ในสายตานางตอนนี้ก็พอจะคุ้นเคยอยู่บ้าง คล้ายกับเคยเห็นที่ไหน“ท่าน.......” ตู้หลิงรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเสียวซ่านจนยากจะบรรยาย ยิ่งเวลาที่บุรุษที่นางไม่รู้จักชื่อสอดความแข็งแกร่งขยับเข้าออกช่องทางรักของนางด้วย ยิ่งแล้วกันไปใหญ่“อา....” ตู้หลิงครวญครางเพราะความเสียว คนตัวเล็กที่นอนอยู่ใต้ล่างกำลังถึงจุดสูงสุดแห่งความปรารถนา “ฉันเสียว..ฉันจะไม่ไหวแล้ว” นางครวญครางบิดเร่ายิ่งเห็นว่านางส่งเสียงครวญครางมากขึ้นเท่าไหร่ มู่อันเฉิงยิ่งเร่งจังเร็วขึ้นเท่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดว่านางคือสตรีเย็นชา ผู้ไม่เคยยิ้มกระทั่งเขาและนางได้แต่งงานกันตอนที่นางพูดออกไปเช่นนั้น นางเห็นชัดเจนว่าสายตาของบุรุษหล่อเหลาผู้นั้นมองนางด้วยแววแห่งความประหลาดใจ“โอ๊ยยยย....” ตู้หลิงครางกระสันยิ่งกว่าเดิมมือไม้ของนางทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะจับไปวางไว้ที่ใด ทำได้เพีย
สตรีชราสูงศักดิ์คุกเข่าสวดมนต์ภาวนาอยู่ด้านบนของลานอุทิศบุญ นอกจากเหล่าผีแล้ว ยังมีชาวบ้านอีกหลายร้อยมารับสิ่งของบริจาคดูท่านางคงเป็นผู้ที่ร่ำรวยมากจริง ๆ ตู้หลิงอดทึ่งกับความร่ำรวยของสตรีชราผู้นั้นไม่ได้“ท่านลุง นางเป็นใครเหรอ” ตู้หลิงกระซิบถาม“นางคือพระพันปีแห่งแคว้นเฉา เป็นผู้ใจบุญใจกุศลทุก ๆ สามเดือนนางจะออกจากวังเช่นนี้หนึ่งครั้ง เพื่อมาอุทิศบุญให้กับบรรพชนผู้ล่วงลับ แล้วก็คอยแจกจ่ายสิ่งของให้กับประชาชนของแคว้น เป็นที่รักของทั้งผีทั้งคน” สายตาของลุงผีมองนางด้วยความชื่นชม“อ้าว!! นางมาทุกสามเดือนเหตุใดข้าถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลย” ตู้หลิงไม่เข้าใจ ทำไมนางถึงไม่รู้“ก็เจ้ามันฉลาดน้อย มัวแต่เที่ยวเล่นไปทั่วใช้บุญใช้กุศลที่ติดตัวมาแบบล้างผลาญ ไม่เคยสนใจของแจกพวกนี้ด้วยซ้ำ” ลุงผีดุ“โธ่ ก็ข้าไม่รู้นี่ ใครบอกข้าเที่ยวเล่นกันเล่า...” ก็จริงอย่างที่ลุงผีกล่าวมาทั้งหมด วัน ๆ นางเอาแต่ล้างผลาญบุญกุศลที่มีอยู่น้อยนิดโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง มัวแต่เที่ยวหาสิ่งที่ตัวนางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไรอย่างเปล่าประโยชน์โดนลุงผีบ่นอยู่ครู่ใหญ่ สตรีชราสูงศักดิ์ก็เริ่มแจกจ่ายอาหารการกินให้กับประชาชน
แต่ไหนแต่ไรมาตั้งแต่ก่อนตายจนกระทั่งตาย หลัวซู่เฟิงไม่เคยถูกใครปฏิเสธ นางเป็นใครกัน เห็นสวยหน่อยก็คิดจะเล่นตัวงั้นหรือ ผีหนุ่มร่ำรวยบุญกุศลอย่างเขามีแต่ผีสาวจะวิ่งเข้าหา ขอแบ่งส่วนบุญแล้วนางเล่าเป็นสตรีประเภทไหนกัน ถึงไม่ยินยอม หรือว่าเขาหล่อไม่พอกรี๊ดดดดดดดดด!!!! ท่านจ้าวผีตอนที่จะเดินเข้าไปหานางอีกครั้ง บรรดาผีสาวอีกหลายตนเมื่อพบเห็นเขากลับรีบกรูกันเข้ามาหา หลายนางส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด ต่างก็เสกชุดใหม่ใส่เพื่อเอาอกเอาใจจ้าวหุบเขาผีเช่นเขาผิดกับสตรีผู้นั้น ที่มองเหยียด เบ้ปาก ส่ายหัวและเดินจากไปทิ้งให้เขาวุ่นวายอยู่ในดงผีสาว“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร” หลัวซู่เฟิงถาม “หากใครตอบคำถามที่เป็นประโยชน์ได้ ข้าจะแบ่งกุศลให้พวกเจ้า“ข้ารู้ๆ ๆ” บรรดาผีสาวต่างก็ยกมือกันจ้าละหวั่น ส่วนบุญจากหลัวซู่เฟิงใครจะไม่อยากได้กัน“ไหนเจ้าลองกล่าวมาให้ข้าได้ฟังหน่อยสิ” ผีหนุ่มผายมือไปทางผีสาวชุดเหลืองที่ยืนบิดเขินอายอยู่ทางซ้ายมือ“นาง...ข้าพบนางครั้งแรกเมื่อสองปีก่อนเจ้าค่ะ ไม่มีใครรู้ว่านางมาจากไหน แถมยังแต่งกายประหลาด” ผีสาวชุดเหลืองตอบเท่าที่นางรู้แม้จะไม่ค่อยมีประโยชน์แต่หลัวซู่เฟิงก็แบ่งกุศลใ
แม่ทัพตู้ต้องข่มกลั้นความโกรธไว้อย่างเต็มที่ ตู้จงเหรินนั่งรออยู่ที่โถงรับแขกอยู่ครู่ใหญ่ในหัวก็กำลังคิดประมวลผลเรื่องราวที่ผ่านมาเขารับรู้ว่าเล่อเหยียนเผิงเข้าออกบ้านสกุลตู้อยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่ตู้หลิงป่วย กุนซือผู้นั้นก็หมั่นคอยมาดูแลตู้หลิงเองก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะนางไม่เคยเห็นบิดาเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาก่อน ถึงจะมีเรื่องให้โกรธเคืองแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางผู้เป็นบิดาก็มักจะแสดงความใจเย็นและอ่อนโยนอยู่เสมอแต่ครั้งนี้ท่านพ่อคงจะโกรธมากจริง ๆหลัวซู่เฟิงแม้จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ยินยอมทำตามที่ตู้หลิงขอร้อง ถ้าเขาอยากแต่งงานกับนางก็ต้องยอมคุกเข่าขอร้อง ศักดิ์ศรีและสถานะก่อนที่เขาจะตายก็ช่างมันเถอะ ยอมลงสักครั้งเพื่อนาง....จ้าวผีได้ยินเสียงของหยูเต๋อกุยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่กับเสี่ยวโต้ว เดี๋ยวรอเขาเสร็จเรื่องนี้เสียก่อนค่อยไปหาเวลาจัดการ สาปดีไหมไปเรียนวิชานักพรตแล้วสาปทั้งสองคนให้อยู่ในไหผักดองดีหรือไม่หลัวซู่เฟิงเดินเข้าไปพร้อมกับตู้หลิง หญิงสาวส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มคุกเข่าแต่ดูเหมือนบุรุษหน้าด้านผู้นี้จะไม่รู้ธรรมเนียม ก่อนหน้านั้นเขาเป็นใครนางไม่สนใจหรอกนะ แต่เวลานี้เขาคือเล่อเหย
ได้ยินสิ่งที่นางกล่าวหลัวซู่เฟิงก็นึกเอ็นดู คนตัวสูงก้มลงไปจูบซับน้ำตานางหนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ดันมังกรตัวเขื่องของตัวเองเข้าในกายนางอย่างเชื่องช้ามีปราการธรรมชาติบางอย่างในร่างกายของตู้หลิงขาดผึง หลัวซู่เฟิงรู้สึกได้ตู้หลิงเจ็บแต่ก็อดทน นางเชื่อว่าอีกสักพักจะพบกับความสุขชายหนุ่มกดความแข็งแกร่งแช่เอาไว้เพื่อให้ช่องทางรักที่แสนคับแคบของนางได้ทำความคุ้นชินกับแท่งลำใหญ่โต แต่ภายในของนางตอนนี้กลับตอดรัดเขาเสียจนแทบคลั่ง“หลิงเอ๋อเด็กดี ข้างในของเจ้าตอดข้าเหลือเกิน”พูดจบหลัวซู่เฟิงก็เริ่มขยับเอวเข้าออกทีละนิดทันทีที่หลัวซู่เฟิงเริ่มขยับเอวความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไปความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ เป็นความรู้สึกที่นางยากจะกล่าวออกมาหลัวซู่เฟิงขยับแก่นกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะกระทุ้งไปตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ร่วมรักกับสตรี ล่าสุดก็คงเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่เขายังมีชีวิต“อา...” ทุกครั้งที่หลัวซู่เฟิงขยับความเป็นชายเข้าออกร่างกายของนาง ตู้หลิงรู้สึกเสียวกระสันจนอยากจะบรรยายออกมาไม่ได้ นางจึงได้แต่ส่งเสียงร้องครางรัญจวนแทนความรู้สึกถึงแม้ว่านางจะ
“พี่....ซู่เฟิง....เรา....ยังไม่ได้แต่งงานกัน” ตู้หลิงพูดด้วยน้ำเสียงขาดช่วง ความเสียวกระสันที่เพิ่มขึ้นทำให้นางเอื้อนเอ่ยวาจาได้อย่างยากลำบาก“งั้นเราก็แต่งกันตอนนี้เลยดีหรือไม่” หลัวซู่เฟิงถอดเสื้อของตัวเองออกจนหมดเผยให้เห็นร่างกายแข็งแกร่ง ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างของเขาจริง ๆ แต่ร่างกายเล่อเหยียนเผิงก็นับว่าไม่เลว โดยเฉพาะความเป็นชายที่แข็งแกร่งดุดันไม่เกรงใจใครบุรุษตัวสูงเปลี่ยนจากหยอกเย้าทรวงอกค่อย ๆ จุมพิตไต่ไล่ระดับลงมาพาดผ่านหน้าท้องแบนราบตู้หลิงเสียวจนต้องเกร็งหน้าท้อง ความรู้สึกเช่นนี้ยากที่นางจะระบายออกมาเป็นคำพูด คนตัวเล็กได้แต่ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอเท่านั้นหลัวซู่เฟิงถอดกระโปรงและกางตัวในของนางออกไปพร้อมกันอย่างเชื่องช้า วงขาเรียวเล็กไร้ริ้วรอยปรากฏตรงหน้า เจ้าของเรือนร่างขาวผ่องพยายามใช้สองมือเล็ก ๆ ปกปิดร่างกายตนเอง ดูแล้วช่างน่าเอ็นดู“เจ้าสวยเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกล่าว พร้อมกับใช้นิ้วสัมผัสช่องทางดอกไม้ที่แสนสวยงามแค่เพียงนิ้วเขาสัมผัสเบา ๆ ตู้หลิงก็ขนลุกไปทั้งร่างจนนางต้องขยับเอวหนี แต่สุดท้ายหลัวซู่เฟิงก็รั้งเอวนางกลับไปอยู่ที่เดิม“จะหนีไปไหนเด็กดี”ตู้หลิงไม่กล้า
ผ่านไปหลายวัน นางยังคงไม่ได้ข่าวของผู้เป็นบิดา ครั้นจะออกจากสำนักไปสืบข่าวก็ถูกหลัวซู่เฟิงห้ามเอาไว้ ซ้ำยังกำชับให้คนในสำนักดูแลป้องกันไม่ให้แอบออกไปข้างนอกนางยังคิดโกรธที่หลัวซู่เฟิงสั่งห้ามนาง และชอบทำตัวเหมือนกับนางเป็นภรรยาของเขาอาการบาดเจ็บของหลัวซู่เฟิงทุเลาขึ้นทุกวัน ตู้หลิงยังคงตอบแทนด้วยการไปใส่ยาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาทุกวัน แน่นอนว่านางต้องหาทางรับมือผีชีกออยู่ตลอดเวลา“ข้ามีเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง”“เรื่อง?” ปากของนางถามแต่ก็ยังคอยทำความสะอาดแผลอยู่“ท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเป็นอะไร” ตู้หลิงเริ่มกังวลเมื่อหลัวซู่เฟิงเอ่ยถึงบิดาของน้องหลิง“ได้เฉาเกอเอ๋อช่วยเหลือ ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานแม่ทัพตู้ก็จะกลับมาหาเจ้าอย่างปลอดภัย”“อ้อ งั้นก็ดีแล้ว ข้าจะได้กลับจวนเสียที” หลัวซู่เฟิงหลุดพูดชื่อสตรีผู้หนึ่งออกมา ตู้หลิงได้ยินชื่อของนางเต็มสองหูเมื่อได้ยินชื่อของสตรีอื่น ใบหน้างดงามของตู้หลิงหม่นแสงลงเล็กน้อย กล้าดีอย่างไรถึงมาเอ่ยชื่อของสตรีอื่นต่อหน้านาง“เด็กดี เจ้าเป็นอะไรไป”“เปล่าเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางเจือความขุ่นเคืองหลัวซู่เฟิงพอจะเดาออก“เจ้าหึงข้าหรือ”“...” คนตัวเล็กไม่ตอบ
เสนาบดีเฉินเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ ไม่นานก็พบว่าเป็นฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อนที่อยู่นอกด่าน อีกนิดเดียวก็จะสาวถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังถึงแม้เขาจะดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความเที่ยงธรรม แต่เรื่องมันดันเกี่ยวพันถึงเชื้อพระวงศ์ระดับสูง จึงจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบกองกำลังของเสี่ยวเชี่ยนถูกกำจัดไปทีละน้อย พี่น้องของนางล้มตายไปทีละเล็กละน้อย แต่กระนั้นถูปาเสี่ยวเชี่ยนก็ยังลงมือกับชาวเฉาไม่หยุดสุดท้ายกองปราบและกองราชองครักษ์ก็ร่วมมือกันจับนางและคนของนางได้ในที่สุดวันไต่สวนมาถึงถูปาเสี่ยวเชี่ยนไม่สะทกสะท้านนางยืนหลังเหยียดตรงก่นด่าสาปแช่งทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่พอยังซัดทอดไปจนถึงขุนนางหลายคน ราชครูหยู สนมมู่ล้วนโดนนางกล่าวซัดทอดทั้งหมด“พวกเจ้ามันก็พวกสารเลว ทำร้ายคนบ้านข้าไม่พอ ยังกำจัดกวาดล้างให้พวกเข้าสูญสิ้น” ถูปาเสี่ยวเชี่ยนกล่าวด้วยความแค้น“ถูปาเสี่ยวเชี่ยนแสดงว่าเจ้ายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดที่ทำ”“แน่นอนว่าข้ายอมรับข้ามีศักดิ์ศรีมากพอ ประชาชนพวกนั้นไม่มีค่าเท่ากับคนของข้าอยู่ไปก็หนักแผ่นดิน สู้ให้ข้ากำจัดทิ้งสักร้อยสองร้อยคนจะเป็นอะไร” ทุกคำที่นางพูดออกมาไม่มีสลด ไม่มีละอายใจต่อสิ่ง
หลังจากที่ทั้งสองประกาศคบหากัน เรื่องราวความรักของพระเอกนางเอกระดับซูเปอร์สตาร์ก็เหมือนกับมีแสงแฟลชสาดส่องอยู่ตลอดเวลาซึ่งแฟนคลับของทั้งสองก็เข้าใจดี และทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่เหมาะสมกับราวกับกิ่งทองใบหยก ไม่มีข่าวเสียหาย ภาพลักษณ์ดี เป็นที่รักของทีมงาน สื่อมวลชนและแฟนคลับจนถึงวันที่หลิวเทาคุกเข่าขอตู้หลิงแต่งงาน นับว่าเป็นคู่รักนักแสดงที่ทุกคนให้ความสนใจอันดับหนึ่งกระทั่งใกล้วันแต่งงานตู้หลิงอยู่สตูดิโอสำหรับลองชุดแต่งงาน วันนี้หลิวเทาแฟนหนุ่มของเธอไม่มา ซึ่งสำหรับหญิงสาวเข้าใจได้ดีเพราะด้วยหน้าที่การงานของทั้งคู่ยากที่จะมีเวลาเดียวกัน คนตัวเล็กชื่นชมชุดเจ้าสาวฟูฟ่องที่ตัดเย็บอย่างดีด้วยแววตาแห่งความสุข“หลิงหลิงเธอสวยมาก” ผู้จัดการเดินเข้ามาในห้องลองชุด“พี่ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยได้ไหม” ตู้หลิงยื่นโทรศัพท์ให้กับผู้จัดการเมื่อถ่ายเสร็จผู้จัดการก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้กับตู้หลิง หญิงสาวโพสต์สปอยล์ชุดเจ้าสาวขึ้นบนโซเชียลตามปกตินิยายของตัวเองแต่ที่ไม่ปกติคือมีความหนึ่งที่โพสต์ใต้ภาพที่เธออัพขึ้น“หลิงหลิงฉันสงสารเธอเหลือเกิน เมื่อวันก่อนฉันเห็นหลิวเทาเพิ่งออกมา
สายตาของผีเจ้าเล่ห์เช่นหลัวซู่เฟิง มองผู้ที่ใส่ยาให้ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม“เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะ” ตู้หลิงสวนกลับแบบไม่ต้องคิด“น่าผิดหวังนัก” ด้วยความหมั่นไส้หลัวซู่เฟิงงับแขนขาวผ่องนางเบา ๆ“หลัวซู่เฟิง!!! อย่าทะลึ่ง ท่านอายุเท่าไหร่กันถึงได้มาทำตัวเป็นเด็กเล็ก ๆ เช่นนี้” ตู้หลิงรีบยกแขนตัวเองออกมาหลัวซู่เฟิงทำท่านับนิ้ว“เกือบร้อยแล้วกระมัง” เขาเองก็ไม่ได้นับอายุตนเองมานานหลายปี ปีนี้เป็นปีที่เท่าไหร่เขาก็จำไม่ได้“โอ๊ะ ท่านลุงหลัววววว” ตู้หลิงหยอกเย้า“ข้าเป็นท่านลุงที่ไหนกัน” หลัวซู่เฟิงโวยวาย “หลิงเอ๋อ เด็กดีเจ้าก็เห็นหน้าจริง ๆ ของข้าแล้วนี่ใกล้เคียงกับท่านลุงแก่ ๆ เมื่อไหร่ อย่างน้อยข้าก็หน้าตาดีกว่า หยูเต๋อกุย” คนตัวสูงใช้ศอกยันตัวเองขึ้นมา“ตายตอนไหนไม่สำคัญ สำคัญที่อายุ” เมื่อใส่ยาเสร็จนางก็ยังต้องพันผ้าให้เขาต่อนางตัวเล็กกว่าเขาหลายเท่าทำให้เวลาพันแผล นางต้องเอื้อมสุดมือยิ่งนางใกล้ชิดเขามากขึ้นเท่าไหร่ อารมณ์บางอย่างของหลัวซู่เฟิงก็เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าใบหูของคนตัวเล็กเมื่อถูกเขาขยับเข้ามาพูดในระยะประ
“นางไปแล้ว” เสี่ยวโต้วตะโกนเสียงดัง “นายท่านตามนายหญิงไปเร็ว”หลัวซู่เฟิงได้ยินว่าตู้หลิงกำลังจะไป คนตัวสูงรีบวิ่งเข้าไปหานาง ชายหนุ่มหอบร่างกายที่ยังไม่หายดีวิ่งตามนางไป“หลิงเอ๋อ ฟังข้าก่อน” หลัวซู่เฟิงวิ่งตาม“....” ตู้หลิงได้ยินและจำได้ว่าเป็นเสียงเขา แต่นางไม่หยุด ใครใช้ให้เขามารังแกนางกัน เขาแกล้งคนเป็นผู้เดียวหรืออย่างไร“เด็กดี ข้าขอโทษ” หลัวซู่เฟิงไปหานางได้อย่างเชื่องช้าในที่สุดก็ตามนางต่อไม่ไหว หลัวซู่เฟิงแกล้งล้มลงทรุดไปกับพื้นหินร้องโอดโอย“โอ๊ย!!!”ตู้หลิงได้ยินเสียงคนร้อง นางจึงหันกลับไปดูพบว่าบุรุษผมยาวผู้นั้นกำลังทรุดอยู่ที่พื้น“ท่าน!!” คนตัวเล็ก รีบเข้าไปประคอง เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ และมองให้ชัด เพื่อให้มั่นใจว่าตนจำคนไม่ผิด“หลิงเอ๋อ” หลัวซู่เฟิง ออดอ้อน ชายหนุ่มจับมือเล็กของนางเอาไว้“ท่านเป็นอะไร ทำไมท่านถึงบาดเจ็บแบบนี้” คนตัวเล็กเป็นกังวลหลัวซู่เฟิงหลับตา โน้มใบหน้าซบลงกับร่างนุ่มนิ่ม“ข้าเจ็บ....ข้าเจ็บเหลือเกิน”“ท่านเจ็บตรงไหน” นางเป็นกังวล “ไปเถอะ ข้าจะพาท่านกลับไปพัก”หลัวซู่เฟิงแทบจะหุบยิ้มไม่ได้เมื่อนางหลงกลนางพยายามเรียกให้คนมาช่วยพาหลัวซู่เฟิงกลับไปในห้
ตู้หลิงถูกพาเข้าวัง นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหตุใดพระพันปีถึงยื่นมือเข้าช่วยและไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนางส่วนไช่หลินซีไม่ได้ตามเข้ามาด้วย นางขอแยกตัวออกไปต่างหาก บุญคุณความแค้นของไช่หลินซีจบลงแบบงง ๆ ตู้หลิงไม่คิดว่าที่ตัวเองออกหน้าช่วยนางจะทำให้ไช่หลินซีคิดได้เหตุการณ์ต่อจากนี้คงจะเป็นสเต็ปส์นางเอก หนีไปเลี้ยงลูกคลอดลูกคนเดียว พอมีเจ้าก้อนแป้งขาว ๆ ผู้ที่เป็นพระเอกก็คงตามง้อเอาอกเอาใจกันในภายหลังละมั้ง เรื่องนั้นตู้หลิงตาเดาไปเรื่อยสิ่งที่นางกังวลนอกจากเรื่องของท่านพ่อนั่นก็คือหลัวซู่เฟิงกับเล่อเหยียนเผิง อยากรู้เหลือเกินว่าเขาอยู่ที่ไหน ถ้าไม่มีเล่อเหยียนเผิงก็ไม่มีหลัวซู่เฟิง เรื่องราวพวกนี้ล้วนเต็มไปด้วยความสับสน ตู้หลิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของนางสตรีชรารีบออกมาทันทีที่ได้ยินว่าบุตรสาวแม่ทัพตู้เข้าวังมาแล้ว เมื่อมาถึงพบว่านางช่างเป็นสตรีที่งดงามนัก ถึงจะไม่รู้ว่าเหตุใดท่านพ่อจึงเน้นย้ำให้พานางเข้ามาอยู่ในวัง 3 วันก็ตามหลังจากนั้นค่อยส่งนางคืนกลับไปที่สำนักซือหม่าซึ่งก็ช่างมันเถอะ ก็ถือว่านางได้ทำตามคำขอของผู้เป็นบิดาแล้ว นับว่าภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนเรื่อ