ตู้หลิงยืนตื่นตะลึงทำสิ่งใดไม่ถูก เรื่องในโลกนี้นอกจากนางกลายเป็นผีแล้ว ก็ยังมีอีกหลายเรื่องให้นางตกใจนางเห็นกับตาว่าน้องหลิงหายไปแล้ว แต่เหตุใดร่างกายของนางยังคงมีลมหายใจทำเช่นไรดี? นางควรทำเช่นไรดี“อีกไม่นานท่านก็จะรู้” ประโยคนี้ของน้องหลิงยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของนางถ้าเกิดนี่เป็นโอกาสของนางล่ะ“จากนี้ไปขอฝากท่านด้วย” ทุกประโยคของน้องหลิงยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำของตู้หลิง ถ้าเกิดนี่เป็นโอกาสล่ะ โอกาสที่นางจะได้ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดล่ะผีสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ริมฝีปากเหยียดเม้มเป็นเส้นตรง ก่อนจะบังคับให้ร่างวิญญาณของตัวเองลอยขึ้นไปเหนือร่างที่ยังมีลมหายใจแต่ไร้วิญญาณของน้องหลิงใบหน้าที่เหมือนกับนางงดงามและซีดเซียว ถ้านี่เป็นสิ่งที่น้องหลิงทิ้งความนัยเอาไว้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนเรื่องราวทั้งหมด อาจเป็นจุดที่ทำให้นางได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดก็ได้ตู้หลิงหลับตา ปล่อยให้ร่างวิญญาณของตัวเองทาบทับลงไปผสานกับร่างที่ยังมีลมหายใจของน้องหลิงคล้ายกับถูกพลังงานสายหนึ่งที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดมหาศาล ดูดร่างวิญญาณของตู้หลิง ภาพความทรงจำต่าง ๆ ประเดประดังเข้ามาไม่รู้จบฝัน!!! อย่าบอกว่าสิ่
ร่างกายของตู้หลิงปวดร้าวระบมไปหมด การขยับร่างกายของนางทำได้ยากลำบากนัก หญิงสาวรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่ตนเองมี ผลักให้ตัวเองลงจากเตียง พื้นหินในห้องแสนจะหนาวเหน็บนานมากแล้วที่ตู้หลิงไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้ ยามเมื่อเป็นผีก็ไม่ชินกับการใช้ชีวิตแบบผี ตอนนางได้กลับมามีชีวิตแบบมนุษย์อีกครั้งนางเองก็รู้สึกไม่ชินนักทุกการเคลื่อนไหวของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทั้งจากภายในร่างกายและภายนอก คิดว่าผ่านเวลาไปหลายวัน พิษที่ร่างกายของน้องหลิงคงบรรเทาไปบ้างแล้ว นี่ขนาดบรรเทาไปบ้างยังเจ็บปวดถึงขั้นนี้เช่นนั้นคงไม่ต้องพูดถึงตอนก่อนที่น้องหลิงจะสิ้นลมหายใจน้องหลิงของนางช่างน่าสงสารนักบัญชีความแค้นของตู้หลิงในเวลานี้ เพิ่มเสี่ยวเชี่ยนเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง ส่วนใครเข้ามาขวางทางนางพวกเขาจะถูกนับรวมกันในนั้นสาวใช้ผู้หนึ่งไม่เห็นเสี่ยวเชี่ยนในจวนหลายวันก็เป็นกังวล อีกทั้งในยามค่ำคืน ณ เรือนของพระชายาเอกก็ไม่มีการจุดตะเกียงเพิ่มความสว่างด้วยความเป็นกังวลเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นที่นี่ นางจึงแวะมาดู“พี่เสี่ยวเชี่ยน!! พระชายา” สาวใช้ร้องเรียกตู้หลิงได้ยินเสียงคนอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนใส่ใ
เมื่อหมอหลวงกลับไปแล้ว ภายในเรือนเล็กของพระชายาเอกจึงเหลือแค่ มู่อันเฉิงและนาง สตรีที่นอนหลับไม่ได้สติดูบอบบางและอ่อนแอ ซึ่งราวกับว่าถ้าเขาแตะนางแรงเกินไป นางจะปริแตกได้ง่าย ๆอันดับแรกเขาจะต้องพานางไปที่เรือนตะวันออกที่นั่นนางจะอยู่อย่างปลอดภัยและอบอุ่นมู่อันเฉิงค่อย ๆ อุ้มร่างเล็กบอบบาง จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เขาได้อุ้มนาง ตู้หลิงนางไม่ได้ตัวเบาเช่นนี้ บุรุษตัวสูงขมวดคิ้วไช่หลินซีเองก็ได้ยินเรื่องของพระชายาเอกด้วยเช่นกัน นางเองก็ไม่ได้อยากให้คนสกุลตู้มีความสุข แต่คิดไม่ถึงว่าสกุลตู้ดันมีศัตรูมากกว่าที่นางคิดดีจริง ๆ! นางไม่ต้องออกแรงเลยสักนิด ตู้หลิงก็มีคนจัดการแทนนางไปแล้วเสี่ยวกุยที่ไปดูลาดเลาที่เรือนหลังเล็กของพระชายา และรีบวิ่งกลับมารายงาน ทันทีที่เห็นท่านอ๋องเดินออกมาจากเรือน โดยมีร่างที่ไม่ได้สติของพระชายาเอกอยู่แนบอก“คุณหนู ท่านอ๋องออกมาพร้อมกับพระชายาเอก” เสี่ยวกุยกระซิบบอกเหอะ!! ไช่หลินซีแค่นเสียง อย่างหงุดหงิด“แต่งตัวให้ข้าที” นางควรจะไปดูให้เห็นกับตาเสียหน่อยว่า ที่สามีของตนกระทำนั้นเป็นเพียงแค่ความห่วงใยแบบที่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันทำเท่านั้น หรือตัวเขากำลังคิดเป็
ตู้จงเหรินแค้นใจนัก ตู้หลิงเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา ในอนาคตไม่นางก็สามีของนางจะได้เป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของเขาในฐานะที่เขาเป็นบิดา ก็ย่อมอยากให้บุตรสาวของตนได้คู่ชีวิตที่ดีเกื้อกูลช่วยเหลือกันไปจนถึงยามแก่เฒ่า เขาน่าจะปฏิเสธการแต่งงานครั้งนั้นให้หนักแน่นกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสนมมู่มากราบขอบบุตรสาวด้วยตัวเอง เขาคงไม่ใจอ่อนยกนางให้กับอ๋องมู่ โดยไม่ได้สืบเสาะนิสัยใจคอปูมหลังของคนผู้นั้นมาก่อนสภาพนางเป็นเช่นนี้ เขาจะปล่อยให้นางกลับไปจวนอ๋องได้อย่างไรหลัวซู่เฟิงเฝ้ารอน้องหญิงของตนอยู่หลายวัน เขาไม่เห็นนางออกมานั่งที่หลังคาดังเช่นปกติ จะเข้าไปหานางในนั้นก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางในใจก็ร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับนางระหว่างนั้นเห็นแม่ทัพแห่งแคว้นอุ้มสตรีที่หน้าคล้ายกับน้องหญิงของตนออกมาจากเรือนขึ้นรถม้ามุ่งไปทางจวนแม่ทัพ คราแรกเขามิได้ใส่ใจ แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าวิญญาณที่อยู่ในร่างของสตรีผู้นั้นจะเป็นน้องหญิงอันเป็นที่รัก จึงลอยตามรถม้าคันนั้นไปหลัวซู่เฟิงรู้จักแม่ทัพแห่งแคว้นเป็นอย่างดี เจ้าเด็กนี่เก่งกาจตั้งแต่ยังเยาว์ ฉลาดเฉลียว ก้าวขึ้นสู
แม่ทัพตู้งดไปที่ลานฝึกสามวันและออกคำสั่งให้ทหารของตนกลับไปพักผ่อนที่บ้านตามอัธยาศัย สามวันนี้เขาตั้งใจจะอยู่กับบุตรสาวถามสารทุกข์สุกดิบให้หายคิดถึงทุก ๆ มื้ออาหาร ท่านพ่อของน้องหลิงจะมาร่วมรับประทานอาหารกับนาง น่าแปลกที่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่บิดาแท้ ๆ ของนางแต่ตู้หลิงก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจแม่ทัพผู้นี้รักบุตรสาวของตัวเองมากเหลือเกิน ตลอดระยะเวลาที่ป่วยนางแทบจะไม่ต้องเดิน อีกสักพักตู้หลิงคงจะอ้วนเป็นหมูในมื้ออาหารมื้อหนึ่ง ผู้เป็นบิดาสั่งให้คนในกองทัพจับปลา มาตุ๋นและทำน้ำแกงปลาเพื่อนางโดยเฉพาะ ซ้ำยังมีอาหารที่เต็มไปด้วยโปรตีนอย่างเช่นเนื้อวัวตุ๋น ฟองเต้าหู้หมูสับ อาหารทุกอย่างบนโต๊ะล้วนเป็นสิ่งที่ตู้หลิงชอบกินทั้งนั้นสิ่งของที่น้องหลิงชื่นชอบก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ตู้หลิงชอบเช่นกัน สิ่งใดที่นางไม่ชอบก็ไม่ชอบเหมือนกัน นิสัยบางอย่างก็แข็งกร้าวไม่ต่างกันแตกต่างกันอย่างเดียวคือตู้หลิงแข็งแกร่งและมั่นใจในตัวเองกว่าน้องหลิง อาจจะเป็นเพราะทั้งสองคนเติบโตกันคนละยุคในยุคของนางสตรีมีสิทธิ์มีเสียง สามารถออกความคิดเห็น ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ แต่ไม่ใช่กับธรรมเนียมของโลกโบราณ น้องหลิงที่น่ารักของน
กุนซือหนุ่มตั้งใจจะไปตรวจดูอาการของคุณหนูตู้ที่เรือนของนาง แต่เมื่อมาถึงกลับเหตุการณ์ต่อปากต่อคำอันแสนร้ายกาจของคนทั้งสองชายหนุ่มกำลังจะถอยหนีปล่อยให้ทั้งสองคนเจรจากันตามอัธยาศัย เล่อเหยียนเผิงนั้นเห็นทุกอย่างเห็นทุกการกระทำ ว่าแต่ท่านอ๋องเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร หากท่านแม่ทัพพบเข้า เขาจะไม่ได้ออกไปจากเรือนแห่งนี้แบบครบ 32 แน่ ๆตู้หลิงเห็นแผ่นหลังของเล่อเหยียนเผิงทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หลังภูเขาจำลอง หญิงสาวจึงเอ่ยเรียก“ท่านเล่อ ในเมื่อท่านมาแล้วก็ออกมาเถอะเจ้าค่ะ” ตู้หลิงเอ่ยเรียก เล่อเหยียนเผิงด้วยน้ำเสียงหวานใส แตกต่างจากเวลาที่พูดคุยกับมู่อันเฉิงเล่อเหยียนเผิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาก็ว่าเขาแอบดีแล้วเหตุใดนางจึงเห็นเขา“คุณหนู ท่านสายตาดีจริง ๆ” เล่อเหยียนเผิงหยอกเย้า“ถ้าเป็นท่านเล่อ เห็นแค่ปลายเส้นผมข้าน้อยก็รู้แล้วเจ้าค่ะ” ใบหน้างดงามยิ้มหวานหยดย้อยส่วนมู่อันเฉิงได้แต่ทำหน้าบูด กับเขานางพูดจาถากถางทุกทาง แต่กลับบุรุษท่าทางเยาะแยะเช่นนั้นกลับยิ้มหวาน“ข้าซ่อนไม่เนียนใช่หรือไม่” เล่อเหยียนเผิงถามตู้หลิงพยักหน้าอย่างน่ารัก ก่อนจะยื่นมือให้เขาประคองนางไปนั่ง“วันนี้ท่านก็
ผู้เป็นประมุขเหนือหัวต้องตัดสินใจเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนและคิดถึงผลกระทบรอบด้าน ถ้าเกิดเขาให้โอรสของเขากับตู้หลิงหย่ากัน หลังจากนั้นล่ะเสถียรภาพของบุตรชายเขาจะเป็นเช่นไร ผู้คนจะเอาเรื่องของมู่อันเฉิงไปนินทาและถ้าเขาไม่ยินยอมทำตามคำขอของแม่ทัพตู้ก็จะไม่เป็นการดี ตู้หลิงเป็นบุตรีที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของสกุลตู้ หากเกิดอะไรขึ้นกับนางผู้เป็นบิดาต้องโกรธเคืองย่อมเป็นเรื่องธรรมดาต้องโทษที่บุตรชายเขาปฏิบัติตัวต่อนางไม่ดีฝ่าบาทถอนหายใจอยู่สองสามครั้ง พระพักตร์เต็มไปด้วยความกังวลใจ ไม่ว่าอย่างไรวันนี้พวกเขาก็ต้องได้คำตอบที่ทุกคนต่างก็พอใจกันทั้งสองฝ่ายแม่ทัพตู้อดทนรอไม่ไหว เขาผ่านร้อนผ่านหนาวภักดีต่อชาติบ้านเมืองมาเท่าไหร่ แค่เรื่องครอบครัวของเขา ฝ่าบาทจะตอบตกลงง่าย ๆ ไม่ได้หรือ ในบางความคิดตู้จงเหรินก็คล้ายกับน้อยใจแม่ทัพชรา หยิบม้วนอักษรสีเหลืองออกมาจากอกเสื้อ“นี่เป็นพระราชโองการของอดีตองค์จักรพรรดิมอบไว้ให้แก่สกุลตู้ กระหม่อมขอใช้มันเพื่อแลกกับการหย่าของบุตรสาวพ่ะย่ะค่ะ และถ้าหากพระองค์ไม่ยินยอม ก็เท่ากับขัดพระประสงค์ของอดีตฮ่องเต้” ท่าทางของตู้จงเหรินวิงวอนร้องขอสกุลตู้สร้างความดีคว
ทันทีที่ผีหลัวซู่เฟิงกระเด็นออกจากร่างของเล่อเหยียนเผิง ร่างของกุนซือ หนุ่มที่ไร้การควบคุมก็ล้มฟุบสลบลงกับพุ่มไม้โชคที่ที่มันพุ่มไม้นุ่ม ๆ และไม่มีกองหินหรืออะไรที่จะทำให้เขาบาดเจ็บนอกจากมีรอยขีดข่วนเต็มตัว“ท่านเล่อ!!!” ตู้หลิงใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิดพยายามลากบุรุษตัวโต ๆ ออกจากซากพุ่มไม้กระทั่งมีบ่าวในจวนผ่านมานางจึงต้องขอให้พวกเขามาช่วยเล่อเหยียนเผิงออกจากกองพุ่มไม้ตู้หลิงถอนหายใจเบา ๆ หลัวซู่เฟิงทำเกินไปแล้ว ปกติการเข้าสิงร่างใครสักคนไม่ได้ทำกันง่าย ๆ เจ้าผีบ้านั่น คงจะอาศัยตอนที่ท่านเล่อสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแฝงร่างสินะบ่าวรับใช้ลากกุนซือหนุ่มออกมาอย่างทุลักทุเล สภาพของเล่อเหยียนเผิงดูไม่ได้ ตู้หลิงนึกเอ็นดู บุรุษผู้นี้ใสซื่อ เกินกว่าจะมาอยู่ในสนามรบ ท่าทางคล้ายกับเด็กหนุ่มไรเดียงสา ดูไม่เข้ากับตำแหน่งเขาเลยสักนิด“พวกเจ้าพาท่านเล่อไปพักที่ศาลา เตรียมน้ำอุ่นด้วยแล้วก็...เรียกพ่อบ้านมาด้วย” ตู้หลิงออกคำสั่งเมื่อพ่อบ้านมาถึงนางก็ให้เขาดูแลเล่อเหยียนเผิงส่วนตนนั่งดูอยู่ห่าง ๆในที่สุดกุนซือหนุ่มก็ฟื้นขึ้นมาเสียที“เอ๊ะ!!!” กุนซือหนุ่มมึนงงเล็กน้อย เขาจำได้ว่าเดินออกไปหน้า
แม่ทัพตู้ต้องข่มกลั้นความโกรธไว้อย่างเต็มที่ ตู้จงเหรินนั่งรออยู่ที่โถงรับแขกอยู่ครู่ใหญ่ในหัวก็กำลังคิดประมวลผลเรื่องราวที่ผ่านมาเขารับรู้ว่าเล่อเหยียนเผิงเข้าออกบ้านสกุลตู้อยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่ตู้หลิงป่วย กุนซือผู้นั้นก็หมั่นคอยมาดูแลตู้หลิงเองก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะนางไม่เคยเห็นบิดาเกรี้ยวกราดเช่นนี้มาก่อน ถึงจะมีเรื่องให้โกรธเคืองแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางผู้เป็นบิดาก็มักจะแสดงความใจเย็นและอ่อนโยนอยู่เสมอแต่ครั้งนี้ท่านพ่อคงจะโกรธมากจริง ๆหลัวซู่เฟิงแม้จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ยินยอมทำตามที่ตู้หลิงขอร้อง ถ้าเขาอยากแต่งงานกับนางก็ต้องยอมคุกเข่าขอร้อง ศักดิ์ศรีและสถานะก่อนที่เขาจะตายก็ช่างมันเถอะ ยอมลงสักครั้งเพื่อนาง....จ้าวผีได้ยินเสียงของหยูเต๋อกุยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่กับเสี่ยวโต้ว เดี๋ยวรอเขาเสร็จเรื่องนี้เสียก่อนค่อยไปหาเวลาจัดการ สาปดีไหมไปเรียนวิชานักพรตแล้วสาปทั้งสองคนให้อยู่ในไหผักดองดีหรือไม่หลัวซู่เฟิงเดินเข้าไปพร้อมกับตู้หลิง หญิงสาวส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มคุกเข่าแต่ดูเหมือนบุรุษหน้าด้านผู้นี้จะไม่รู้ธรรมเนียม ก่อนหน้านั้นเขาเป็นใครนางไม่สนใจหรอกนะ แต่เวลานี้เขาคือเล่อเหย
ได้ยินสิ่งที่นางกล่าวหลัวซู่เฟิงก็นึกเอ็นดู คนตัวสูงก้มลงไปจูบซับน้ำตานางหนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ดันมังกรตัวเขื่องของตัวเองเข้าในกายนางอย่างเชื่องช้ามีปราการธรรมชาติบางอย่างในร่างกายของตู้หลิงขาดผึง หลัวซู่เฟิงรู้สึกได้ตู้หลิงเจ็บแต่ก็อดทน นางเชื่อว่าอีกสักพักจะพบกับความสุขชายหนุ่มกดความแข็งแกร่งแช่เอาไว้เพื่อให้ช่องทางรักที่แสนคับแคบของนางได้ทำความคุ้นชินกับแท่งลำใหญ่โต แต่ภายในของนางตอนนี้กลับตอดรัดเขาเสียจนแทบคลั่ง“หลิงเอ๋อเด็กดี ข้างในของเจ้าตอดข้าเหลือเกิน”พูดจบหลัวซู่เฟิงก็เริ่มขยับเอวเข้าออกทีละนิดทันทีที่หลัวซู่เฟิงเริ่มขยับเอวความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไปความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ เป็นความรู้สึกที่นางยากจะกล่าวออกมาหลัวซู่เฟิงขยับแก่นกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะกระทุ้งไปตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ร่วมรักกับสตรี ล่าสุดก็คงเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่เขายังมีชีวิต“อา...” ทุกครั้งที่หลัวซู่เฟิงขยับความเป็นชายเข้าออกร่างกายของนาง ตู้หลิงรู้สึกเสียวกระสันจนอยากจะบรรยายออกมาไม่ได้ นางจึงได้แต่ส่งเสียงร้องครางรัญจวนแทนความรู้สึกถึงแม้ว่านางจะ
“พี่....ซู่เฟิง....เรา....ยังไม่ได้แต่งงานกัน” ตู้หลิงพูดด้วยน้ำเสียงขาดช่วง ความเสียวกระสันที่เพิ่มขึ้นทำให้นางเอื้อนเอ่ยวาจาได้อย่างยากลำบาก“งั้นเราก็แต่งกันตอนนี้เลยดีหรือไม่” หลัวซู่เฟิงถอดเสื้อของตัวเองออกจนหมดเผยให้เห็นร่างกายแข็งแกร่ง ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างของเขาจริง ๆ แต่ร่างกายเล่อเหยียนเผิงก็นับว่าไม่เลว โดยเฉพาะความเป็นชายที่แข็งแกร่งดุดันไม่เกรงใจใครบุรุษตัวสูงเปลี่ยนจากหยอกเย้าทรวงอกค่อย ๆ จุมพิตไต่ไล่ระดับลงมาพาดผ่านหน้าท้องแบนราบตู้หลิงเสียวจนต้องเกร็งหน้าท้อง ความรู้สึกเช่นนี้ยากที่นางจะระบายออกมาเป็นคำพูด คนตัวเล็กได้แต่ส่งเสียงครางอื้ออึงในลำคอเท่านั้นหลัวซู่เฟิงถอดกระโปรงและกางตัวในของนางออกไปพร้อมกันอย่างเชื่องช้า วงขาเรียวเล็กไร้ริ้วรอยปรากฏตรงหน้า เจ้าของเรือนร่างขาวผ่องพยายามใช้สองมือเล็ก ๆ ปกปิดร่างกายตนเอง ดูแล้วช่างน่าเอ็นดู“เจ้าสวยเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกล่าว พร้อมกับใช้นิ้วสัมผัสช่องทางดอกไม้ที่แสนสวยงามแค่เพียงนิ้วเขาสัมผัสเบา ๆ ตู้หลิงก็ขนลุกไปทั้งร่างจนนางต้องขยับเอวหนี แต่สุดท้ายหลัวซู่เฟิงก็รั้งเอวนางกลับไปอยู่ที่เดิม“จะหนีไปไหนเด็กดี”ตู้หลิงไม่กล้า
ผ่านไปหลายวัน นางยังคงไม่ได้ข่าวของผู้เป็นบิดา ครั้นจะออกจากสำนักไปสืบข่าวก็ถูกหลัวซู่เฟิงห้ามเอาไว้ ซ้ำยังกำชับให้คนในสำนักดูแลป้องกันไม่ให้แอบออกไปข้างนอกนางยังคิดโกรธที่หลัวซู่เฟิงสั่งห้ามนาง และชอบทำตัวเหมือนกับนางเป็นภรรยาของเขาอาการบาดเจ็บของหลัวซู่เฟิงทุเลาขึ้นทุกวัน ตู้หลิงยังคงตอบแทนด้วยการไปใส่ยาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาทุกวัน แน่นอนว่านางต้องหาทางรับมือผีชีกออยู่ตลอดเวลา“ข้ามีเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง”“เรื่อง?” ปากของนางถามแต่ก็ยังคอยทำความสะอาดแผลอยู่“ท่านพ่อของเจ้า”“ท่านพ่อเป็นอะไร” ตู้หลิงเริ่มกังวลเมื่อหลัวซู่เฟิงเอ่ยถึงบิดาของน้องหลิง“ได้เฉาเกอเอ๋อช่วยเหลือ ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานแม่ทัพตู้ก็จะกลับมาหาเจ้าอย่างปลอดภัย”“อ้อ งั้นก็ดีแล้ว ข้าจะได้กลับจวนเสียที” หลัวซู่เฟิงหลุดพูดชื่อสตรีผู้หนึ่งออกมา ตู้หลิงได้ยินชื่อของนางเต็มสองหูเมื่อได้ยินชื่อของสตรีอื่น ใบหน้างดงามของตู้หลิงหม่นแสงลงเล็กน้อย กล้าดีอย่างไรถึงมาเอ่ยชื่อของสตรีอื่นต่อหน้านาง“เด็กดี เจ้าเป็นอะไรไป”“เปล่าเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางเจือความขุ่นเคืองหลัวซู่เฟิงพอจะเดาออก“เจ้าหึงข้าหรือ”“...” คนตัวเล็กไม่ตอบ
เสนาบดีเฉินเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ ไม่นานก็พบว่าเป็นฝีมือของชนเผ่าเร่ร่อนที่อยู่นอกด่าน อีกนิดเดียวก็จะสาวถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังถึงแม้เขาจะดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความเที่ยงธรรม แต่เรื่องมันดันเกี่ยวพันถึงเชื้อพระวงศ์ระดับสูง จึงจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบกองกำลังของเสี่ยวเชี่ยนถูกกำจัดไปทีละน้อย พี่น้องของนางล้มตายไปทีละเล็กละน้อย แต่กระนั้นถูปาเสี่ยวเชี่ยนก็ยังลงมือกับชาวเฉาไม่หยุดสุดท้ายกองปราบและกองราชองครักษ์ก็ร่วมมือกันจับนางและคนของนางได้ในที่สุดวันไต่สวนมาถึงถูปาเสี่ยวเชี่ยนไม่สะทกสะท้านนางยืนหลังเหยียดตรงก่นด่าสาปแช่งทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่พอยังซัดทอดไปจนถึงขุนนางหลายคน ราชครูหยู สนมมู่ล้วนโดนนางกล่าวซัดทอดทั้งหมด“พวกเจ้ามันก็พวกสารเลว ทำร้ายคนบ้านข้าไม่พอ ยังกำจัดกวาดล้างให้พวกเข้าสูญสิ้น” ถูปาเสี่ยวเชี่ยนกล่าวด้วยความแค้น“ถูปาเสี่ยวเชี่ยนแสดงว่าเจ้ายอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดที่ทำ”“แน่นอนว่าข้ายอมรับข้ามีศักดิ์ศรีมากพอ ประชาชนพวกนั้นไม่มีค่าเท่ากับคนของข้าอยู่ไปก็หนักแผ่นดิน สู้ให้ข้ากำจัดทิ้งสักร้อยสองร้อยคนจะเป็นอะไร” ทุกคำที่นางพูดออกมาไม่มีสลด ไม่มีละอายใจต่อสิ่ง
หลังจากที่ทั้งสองประกาศคบหากัน เรื่องราวความรักของพระเอกนางเอกระดับซูเปอร์สตาร์ก็เหมือนกับมีแสงแฟลชสาดส่องอยู่ตลอดเวลาซึ่งแฟนคลับของทั้งสองก็เข้าใจดี และทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่เหมาะสมกับราวกับกิ่งทองใบหยก ไม่มีข่าวเสียหาย ภาพลักษณ์ดี เป็นที่รักของทีมงาน สื่อมวลชนและแฟนคลับจนถึงวันที่หลิวเทาคุกเข่าขอตู้หลิงแต่งงาน นับว่าเป็นคู่รักนักแสดงที่ทุกคนให้ความสนใจอันดับหนึ่งกระทั่งใกล้วันแต่งงานตู้หลิงอยู่สตูดิโอสำหรับลองชุดแต่งงาน วันนี้หลิวเทาแฟนหนุ่มของเธอไม่มา ซึ่งสำหรับหญิงสาวเข้าใจได้ดีเพราะด้วยหน้าที่การงานของทั้งคู่ยากที่จะมีเวลาเดียวกัน คนตัวเล็กชื่นชมชุดเจ้าสาวฟูฟ่องที่ตัดเย็บอย่างดีด้วยแววตาแห่งความสุข“หลิงหลิงเธอสวยมาก” ผู้จัดการเดินเข้ามาในห้องลองชุด“พี่ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยได้ไหม” ตู้หลิงยื่นโทรศัพท์ให้กับผู้จัดการเมื่อถ่ายเสร็จผู้จัดการก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้กับตู้หลิง หญิงสาวโพสต์สปอยล์ชุดเจ้าสาวขึ้นบนโซเชียลตามปกตินิยายของตัวเองแต่ที่ไม่ปกติคือมีความหนึ่งที่โพสต์ใต้ภาพที่เธออัพขึ้น“หลิงหลิงฉันสงสารเธอเหลือเกิน เมื่อวันก่อนฉันเห็นหลิวเทาเพิ่งออกมา
สายตาของผีเจ้าเล่ห์เช่นหลัวซู่เฟิง มองผู้ที่ใส่ยาให้ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม“เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะ” ตู้หลิงสวนกลับแบบไม่ต้องคิด“น่าผิดหวังนัก” ด้วยความหมั่นไส้หลัวซู่เฟิงงับแขนขาวผ่องนางเบา ๆ“หลัวซู่เฟิง!!! อย่าทะลึ่ง ท่านอายุเท่าไหร่กันถึงได้มาทำตัวเป็นเด็กเล็ก ๆ เช่นนี้” ตู้หลิงรีบยกแขนตัวเองออกมาหลัวซู่เฟิงทำท่านับนิ้ว“เกือบร้อยแล้วกระมัง” เขาเองก็ไม่ได้นับอายุตนเองมานานหลายปี ปีนี้เป็นปีที่เท่าไหร่เขาก็จำไม่ได้“โอ๊ะ ท่านลุงหลัววววว” ตู้หลิงหยอกเย้า“ข้าเป็นท่านลุงที่ไหนกัน” หลัวซู่เฟิงโวยวาย “หลิงเอ๋อ เด็กดีเจ้าก็เห็นหน้าจริง ๆ ของข้าแล้วนี่ใกล้เคียงกับท่านลุงแก่ ๆ เมื่อไหร่ อย่างน้อยข้าก็หน้าตาดีกว่า หยูเต๋อกุย” คนตัวสูงใช้ศอกยันตัวเองขึ้นมา“ตายตอนไหนไม่สำคัญ สำคัญที่อายุ” เมื่อใส่ยาเสร็จนางก็ยังต้องพันผ้าให้เขาต่อนางตัวเล็กกว่าเขาหลายเท่าทำให้เวลาพันแผล นางต้องเอื้อมสุดมือยิ่งนางใกล้ชิดเขามากขึ้นเท่าไหร่ อารมณ์บางอย่างของหลัวซู่เฟิงก็เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” หลัวซู่เฟิงกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าใบหูของคนตัวเล็กเมื่อถูกเขาขยับเข้ามาพูดในระยะประ
“นางไปแล้ว” เสี่ยวโต้วตะโกนเสียงดัง “นายท่านตามนายหญิงไปเร็ว”หลัวซู่เฟิงได้ยินว่าตู้หลิงกำลังจะไป คนตัวสูงรีบวิ่งเข้าไปหานาง ชายหนุ่มหอบร่างกายที่ยังไม่หายดีวิ่งตามนางไป“หลิงเอ๋อ ฟังข้าก่อน” หลัวซู่เฟิงวิ่งตาม“....” ตู้หลิงได้ยินและจำได้ว่าเป็นเสียงเขา แต่นางไม่หยุด ใครใช้ให้เขามารังแกนางกัน เขาแกล้งคนเป็นผู้เดียวหรืออย่างไร“เด็กดี ข้าขอโทษ” หลัวซู่เฟิงไปหานางได้อย่างเชื่องช้าในที่สุดก็ตามนางต่อไม่ไหว หลัวซู่เฟิงแกล้งล้มลงทรุดไปกับพื้นหินร้องโอดโอย“โอ๊ย!!!”ตู้หลิงได้ยินเสียงคนร้อง นางจึงหันกลับไปดูพบว่าบุรุษผมยาวผู้นั้นกำลังทรุดอยู่ที่พื้น“ท่าน!!” คนตัวเล็ก รีบเข้าไปประคอง เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ และมองให้ชัด เพื่อให้มั่นใจว่าตนจำคนไม่ผิด“หลิงเอ๋อ” หลัวซู่เฟิง ออดอ้อน ชายหนุ่มจับมือเล็กของนางเอาไว้“ท่านเป็นอะไร ทำไมท่านถึงบาดเจ็บแบบนี้” คนตัวเล็กเป็นกังวลหลัวซู่เฟิงหลับตา โน้มใบหน้าซบลงกับร่างนุ่มนิ่ม“ข้าเจ็บ....ข้าเจ็บเหลือเกิน”“ท่านเจ็บตรงไหน” นางเป็นกังวล “ไปเถอะ ข้าจะพาท่านกลับไปพัก”หลัวซู่เฟิงแทบจะหุบยิ้มไม่ได้เมื่อนางหลงกลนางพยายามเรียกให้คนมาช่วยพาหลัวซู่เฟิงกลับไปในห้
ตู้หลิงถูกพาเข้าวัง นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหตุใดพระพันปีถึงยื่นมือเข้าช่วยและไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนางส่วนไช่หลินซีไม่ได้ตามเข้ามาด้วย นางขอแยกตัวออกไปต่างหาก บุญคุณความแค้นของไช่หลินซีจบลงแบบงง ๆ ตู้หลิงไม่คิดว่าที่ตัวเองออกหน้าช่วยนางจะทำให้ไช่หลินซีคิดได้เหตุการณ์ต่อจากนี้คงจะเป็นสเต็ปส์นางเอก หนีไปเลี้ยงลูกคลอดลูกคนเดียว พอมีเจ้าก้อนแป้งขาว ๆ ผู้ที่เป็นพระเอกก็คงตามง้อเอาอกเอาใจกันในภายหลังละมั้ง เรื่องนั้นตู้หลิงตาเดาไปเรื่อยสิ่งที่นางกังวลนอกจากเรื่องของท่านพ่อนั่นก็คือหลัวซู่เฟิงกับเล่อเหยียนเผิง อยากรู้เหลือเกินว่าเขาอยู่ที่ไหน ถ้าไม่มีเล่อเหยียนเผิงก็ไม่มีหลัวซู่เฟิง เรื่องราวพวกนี้ล้วนเต็มไปด้วยความสับสน ตู้หลิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของนางสตรีชรารีบออกมาทันทีที่ได้ยินว่าบุตรสาวแม่ทัพตู้เข้าวังมาแล้ว เมื่อมาถึงพบว่านางช่างเป็นสตรีที่งดงามนัก ถึงจะไม่รู้ว่าเหตุใดท่านพ่อจึงเน้นย้ำให้พานางเข้ามาอยู่ในวัง 3 วันก็ตามหลังจากนั้นค่อยส่งนางคืนกลับไปที่สำนักซือหม่าซึ่งก็ช่างมันเถอะ ก็ถือว่านางได้ทำตามคำขอของผู้เป็นบิดาแล้ว นับว่าภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนเรื่อ