2
การช่วยเหลือ
เพราะต้องการเดินไปถึงจวนแม่ทัพเจียงให้เร็วที่สุด นางจึงรีบร้อนเดินเข้าตรอกเพื่อไปขึ้นรถม้าโดยไม่ทันได้ดูว่าตนเองนั้นได้เดินเข้าผิดตรอก กว่าจะรู้ตัวนั้นเท้าของนางก็คล้ายกับก้าวไปเยือนปรโลกข้างหนึ่งแล้ว
“ชะ...” นางกำลังจะส่งเสียงร้องเมื่อเห็นคนถือดาบเปื้อนเลือดกำลังวิ่งมาทางนี้ แต่จู่ ๆ ก็มีมือของใครบางคนมาปิดปากแล้วพาตัวนางเข้าไปซ่อนในห้อง ๆ หนึ่งคล้ายกับห้องเก็บฟืน
“พวกมันจะฆ่าปิดปากทุกคนที่เห็นหน้า หากเจ้าไม่อยากตายก็ทำตัวให้เงียบที่สุด” เสียงเข้มแฝงข่มขู่ของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นก่อนจะทรุดตัวลงนั่งโดยใช้ไม้ที่วางระเกะระกะบังตนเอง
เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงใช้ฟางที่กองอยู่แถวนั้นคลุมตนเองด้วยเช่นกัน สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของนางมีไม่ด้อยกว่าผู้อื่นหรอกนะ
‘ในเมื่อตั้งใจจะมีชีวิตยืนยาว ข้าไม่มีทางยอมตายอยู่ที่นี่หรอก’
ตึกตัก ๆ หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัวเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ในขณะที่มันกำลังจะก้าวเข้ามาก็ถูกเสียงเรียกของพวกเดียวกันเรียกเอาไว้ก่อนที่มันจะรีบแยกย้ายกันหลบหนีไป
“แม่นางเจ้าออกมาเถิด”
“พวกมันไปแล้วหรือเจ้าคะ” แม้นางจะทำใจกล้าแต่ทว่าเสียงที่เอ่ยออกมากลับสั่นเล็กน้อย ก็ใครมันจะไปเคยอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
“อืม” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหอบ
“ท่านได้รับบาดเจ็บหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามเมื่อเห็นเขาเอามือกุมท้องในสภาพที่ไม่ใคร่ปกติ
“อืม แต่ไม่มาก” บุรุษที่สวมหน้ากากไม้ปิดบังใบหน้าครึ่งบนเอาไว้บอก
“เช่นนั้นข้าจะไปตามหมอให้ท่านนะเจ้าคะ” นางตั้งใจจะไปตามหมอให้จริง ๆ นั่นแหละ แต่แค่จะไม่กลับมาแล้ว แม้คนผู้นี้จะช่วยนางไว้ แต่ก็ไม่แน่อาจจะไปทำเรื่องไม่ดีมาจึงถูกตามล่า ดังนั้นควรรีบพาตัวออกห่างให้เร็วที่สุด
“ประเดี๋ยวก่อนแม่นาง” เขารั้งชายอาภรณ์ของนางไว้
“มีอันใดหรือเจ้าคะ”
“เจ้าอย่าเพิ่งออกไปจะดีกว่า เกิดพวกมันย้อนกลับมาเจ้าจะเป็นอันตราย”
‘เขาก็พูดถูก’ เช่นนั้นแล้วนางควรทำเช่นไรดีก่อนจะหน้าเสียเมื่อเห็นเลือดไหลเปรอะเปื้อนมือเขายิ่งกว่าเดิม
“ท่านบาดเจ็บมากเช่นนี้ หากไม่รีบไปตามหมอ แล้วท่านตายไปเช่นนี้ ข้ามิกลายเป็นคนร้ายสังหารท่านหรือเจ้าคะ แล้วอีกอย่างข้ากลัวท่านจะเป็นผีมาหลอกหลอนข้า เอ่อ...ขอโทษเจ้าค่ะ” นางเผลอพูดในสิ่งที่คิดออกไปก่อนจะยิ้มแหยๆ ออกมา
“เจ็บแค่นี้ข้าไม่ตายหรอก เจ้าช่วยฉีกชายอาภรณ์มาพันห้ามเลือดให้ข้าที”
“จะดีหรือเจ้าคะ” อาภรณ์ตัวนี้มารดาเพิ่งมอบให้นางเมื่อวาน หากมันฉีกขาด นางจะโดนดุหรือไม่
“เจ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไร แต่หากข้าตายไปเพราะเจ้าไม่ช่วย ข้าจะเป็นผีมาหลอกเจ้า”
‘อ้าว! ไอ้คนชั่ว เป็นเจ้าที่พากลุ่มคนถือดาบเปื้อนเลือดมาหาข้า ยังมีหน้ามาข่มขู่ข้าอีก’ แม้ในใจจะด่าทอแต่ทว่านางกลับต้องลงมือทำตามที่เขาต้องการ ก็นะเขาเก่งกาจเอาตัวรอดจากกลุ่มคนที่ตามล่าได้ เช่นนั้นเขาย่อมไม่ธรรมดา และคนที่ไม่ธรรมดาเช่นเขาย่อมสังหารนางได้โดยไม่ต้องออกแรงมาก ดังนั้นการยอมทำตามที่เขาบอกคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะถลกอาภรณ์ขึ้นเล็กน้อยแล้วฉีกมันออกมา ในใจนึกขอโทษมารดาผู้แสนดีแต่ปากร้ายไปด้วย
“เจ้า!” บุรุษที่นอนพิงกองไม้ตกใจไม่น้อยที่เห็นนางถลกชายอาภรณ์ขึ้นจนเผยให้เห็นข้อเท้าและเข่าก่อนจะฉีกชายอาภรณ์เช่นที่เขาต้องการ
หากบาดแผลติดเชื้อขึ้นมาก็อย่ามาโทษนางภายหลัง เป็นท่านเองที่ร้องขอ โทษข้าไม่ได้
“ท่านถอดอาภรณ์ออกก่อนได้หรือไม่” แผลกว้างขนาดไหนก็ไม่ทราบหากพันไม่ดี ประเดี๋ยวเลือดไม่หยุดไหลก็จะไม่ยอมปล่อยนางไปเสียที
ฮือ...เสี่ยวหลงเปาเย็นหมดแล้วกระมัง
“นี่เจ้า! ไร้ยางอายเกินไปแล้ว” สตรีผู้นี้กล้าดีอย่างไรมาขอให้เขาถอดอาภรณ์
“ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านอย่าเพิ่งคิดหลงตัวเองไปไกล ที่ข้าขอให้ท่านถอดอาภรณ์เป็นเพราะว่าข้าจะได้ดูว่าแผลมันกว้างหรือเอียงซ้ายเอียงขวาประมาณใด จะได้พันแผลห้ามเลือดถูกเจ้าค่ะ” นางบอกด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ขออภัยที่เข้าใจผิด”
ภายใต้หน้ากากไม้คนผู้นี้คงรูปงามไม่น้อยถึงได้หลงตัวเอง แต่ขอโทษนะ! หากนางอยากดู นางไปดูที่หอชายงามก็ได้ แค่จ่ายตำลึงให้มากหน่อยได้ยินว่าจะลูบจะไล้จะทำอันใดก็ได้
นางไม่เคยไปหรอกแค่เคยได้ยินสหายในโลกเก่าบอกมาว่าเป็นเช่นนี้ พอเอ่ยถึงก็อยากลองไปสักครั้งเหมือนกัน
เพราะมัวเหม่อลอยคิดเรื่องหอชายงามอยู่หันกลับมาอีกครั้งเขาก็ปลดเปลื้องอาภรณ์เปลือยแผงอกให้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งรถม้าจากไป อิงอู่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องหาข้ออ้างมาปฏิเสธอีกฝ่ายเช่นคุณหนูคนก่อนหน้านี้ แล้วนำเสี่ยวหลงเปาที่ได้รับ ไปตรวจสอบพิษก่อนจะนำไปมอบให้คุณหนูสามผู้เป็นแก้วตาดวงใจของบุรุษตระกูลเจียง เจียงเซวียนเลิกคิ้วมองน้องสาวด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นในสำรับอาหารมีจานใบหนึ่งว่างเปล่า คล้ายกับเจียงเซียวเล่อถูกใจมันมากจนกินหมดไม่เหลือ “ดูเจ้ากินข้าวได้มากทีเดียว” เขากล่าวก่อนจะทรุดกายนั่งเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้าม “ที่คุณหนูกินจนหมดเป็นเสี่ยวหลงเปาที่คุณหนูเหอนำมาให้เจ้าค่ะ” เป็นจี้เอ๋อเอ่ยแทน เพราะนางเกลี้ยกล่อมให้คุณหนูกินอย่างอื่นด้วยแต่กลับโดนปฏิเสธ “สหายเจ้านำเส
คุณชายรองเจียงก้มมองเทียบเชิญเข้าร่วมพิธีปักปิ่นของน้องสาวอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรีบสั่งให้คนเตรียมรถม้าเขาจะออกนอกจวน เท่าที่เขาทราบรองเจ้ากรมยุติธรรมเหอเป็นขุนนางตงฉินที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ฝักใฝ่อำนาจ ไร้ความทะเยอทะยาน แม้จะค่อนข้างมีเงินถุงเงินถังเพราะเหอฮูหยินเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมขนาดกลางอย่างโรงเตี๊ยมไฉ่เหวินที่ต้อนรับตั้งแต่ชาวบ้านไปถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และแม้จะเปิดมาเกือบสิบเจ็ดปี แต่ทว่ายังมีลูกค้ามากมายสร้างรายได้ให้จวนเหอมากกว่าเบี้ยหวัดของรองเจ้ากรมยุติธรรมเหอช่างเสียอีก นัยน์ตาราบเรียบกวาดมองสองข้างทางในระหว่างที่เดินไปยังโถงกลางจึงได้เห็นเครื่องประดับและการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่ทว่าดูดี ทั้งยังมีสวนที่ปลูกดอกไม้ผสมผสานกับผลไม้ซึ่งต่างจากจวนอื่นที่มักจะปลูกต้นไม้มงคล ‘เรียบง่าย
เพราะมัวเหม่อลอยคิดเรื่องหอชายงามอยู่หันกลับมาอีกครั้งเขาก็ปลดเปลื้องอาภรณ์เปลือยแผงอกให้เรียบร้อยแล้ว “ข้าขออนุญาตเข้าไปใกล้ท่านได้หรือไม่” “หากเจ้าไม่เข้ามาใกล้จะพันแผลห้ามเลือดให้ข้าได้เช่นไร” กล่าวจบเขาก็มองหน้านางคล้ายกับต่อว่า ‘ช่างเป็นคำถามที่โง่เขลา’ “เจ้าค่ะ ๆ ข้าผิดเองที่ถามโดยไม่คิดไตร่ตรองก่อน” นางตอบรับก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้เขา “...” ชายบาดเจ็บแสร้งเบือนหน้าหนีแต่หางตายังคงจับจ้องใบหน้าของนาง ห้องร้างแห่งนี้ไม่ค่อยสว่างมาก นางจึงต้องยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ตัวเขา ก่อนจะเพ่งมองเพื่อกวาดสายตาหาบริเวณที่เป็นแผล แต่นางไม่รู้เลยว่ายามนางหายใจเป่ารดผิวกายของบุ
3 สหายของเจ้าช่างน่าเอ็นดู ในความคิดของนางพิธีปักปิ่นของคุณหนูจวนแม่ทัพน่าจะยิ่งใหญ่อลังการมีคนมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย ทั้งยังมีบรรดาฮูหยินต่างเลียบเคียงถามถึงคู่หมายของเจียงเซียวเล่อ เพื่อที่จะได้ส่งแม่สื่อมาเยือนจวนเจียงหวังเกี่ยวดอง แ
“วันนี้พี่หลี่จุนดูแปลก ๆ นะเจ้าคะ จะลุกจะนั่งท่านเคยขออนุญาตข้าที่ใดกัน” เจียงเซียวเล่อกล่าวอย่างไม่ได้คิดอันใดในตอนแรกก่อนจะชะงักแล้วหันมามองสหายของพี่ชาย “พี่เพิ่งทราบว่ารองเจ้ากรมยุติธรรมเหอมีบุตรสาวที่หน้าตาน่ารักเช่นนี้” ท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาที่ทรุดกายลงนั่งข้างคุณหนูเหอกล่าว สายตาจับจ้องที่อีกฝ่ายอย่างไม่วางตา “พี่หลี่จุน ท่านจะไปเจ้าชู้ประตูดินกับใครก็ได้ แต่ห้ามมาทำกับสหายของข้า” เจียงเซียวเล่อกล่าวก่อนจะลุกมายืนเบียดแทรกตรงกลางเพื่อไม่ให้สหายของพี่ชายได้จ้องมองนาง “พี่แค่อยากสนทนากับคนงาม พี่ผิดที่ใด ที่ผ่านมาพี่หาได้ทำตัวเจ้าสำราญหยอกเย้าสตรีไปทั่วไม่” “ผิดเจ้าค่ะ ข้าไม่อนุญาตให้ท่านข้องแวะกับสหายของข้า”
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าตัวเจ้ามีเจ้าของจับจองแล้ว” กล่าวจบใบหน้าคมคายของสหายพี่ชายก็ยื่นเข้ามาใกล้ “ข้าจำได้ว่าตนเองยังไม่มีคู่หมายนะเจ้าคะ” นางผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอยออกห่างด้วยหัวใจที่เต้นระรัวยิ่งกว่ายามสหายเข้าใกล้อีก “ที่ยังไม่มีคู่หมายเพราะเมื่อถึงเวลาก็จะได้กลายเป็นฮูหยินเลยต่างหาก” กล่าวจบเผยหลี่จุนก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยติดเย็นชาต่างจากท่าทางขี้เล่นชอบหยอกเย้านางเช่นทุกครั้ง “พี่หลี่จุน ท่านบอกข้าก่อนสิเจ้าคะ ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร กลับมาบอกข้าก่อนเจ้าค่ะ” คุณหนูเจียงส่งเสียงร้องเรียกตามหลังบุรุษที่เดินหายลับไปจากสายตาแล้ว ‘พี่หลี่จุนหมายความถึงใคร พี่รองทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากทราบเหตุใดถึงไม่บอกกล่าวน้องสาวเช่นนาง
“พี่ชายท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ วันนี้บังเอิญได้พบกัน ข้าต้องขอโทษเรื่องที่แย่งเสี่ยวหลงเปาจากท่านจริง ๆ” นางเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายอย่างจริงใจ รูปก็งามหน้าตาก็หล่อเหลาไม่คิดเลยว่าใจคอจะคับแคบเช่นนี้ ‘วันนี้ที่จวนตระกูลเจียงมีงานเลี้ยง คนผู้นี้หากไม่เป็นญาติของสหายนาง ก็คงเป็นคุณชายที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเจียง’ “วันนั้นเจ้าบอกว่าต้องนำเสี่ยวหลงเปาไปให้สหาย...” “เจ้าค่ะ นางป่วยข้าอยากให้นางได้กินของอร่อย จึงทำตัวเสียมารยาทกับท่านไป ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” นางกล่าวก่อนจะส่งยิ้มคล้ายออดอ้อนให้อีกฝ่ายยอมให้อภัย “แล้วนางได้กินหรือไม่ มิใช่เจ้าแอบกินไปก่อน” “ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได
“ขออภัยที่ข้ามีตาหามีแววไม่ เพราะไม่ทราบจริง ๆ ว่าท่านคือพี่รองของเล่อเล่อ ข้าจึงไม่ได้ทักทาย และวันนั้นข้าต้องขอโทษจริง ๆ นะเจ้าคะที่เสียมารยาทแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาจากท่าน หวังว่าคุณชายรองเจียงจะมีเมตตาให้อภัยข้าที่ไม่รู้ความเจ้าค่ะ” หมดกันท่าทางออดอ้อนที่ฝึกหน้ากระจกหวังให้พระเอกเอ็นดู พบเจอกันครั้งแรกว่าไม่ประทับใจแล้ว ครั้งที่สองก็ยิ่งไม่น่าประทับใจ แล้วเขาจะเอ็นดูนางได้เช่นไร แต่เอาเถิดตราบใดที่นางยังเป็นสหายที่แสนดีของเจียงเซียวเล่อ นางก็ยังมีเกราะปกป้องคุ้มครอง “แย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกันซือซือ” คุณหนูเจียงจับมือสหายพลางเอ่ยถาม “ข้าเห็นว่าเจ้าอยากกินเสี่ยวหลงเปาร้านท่านป้าจางมาก วันนั้นพ
“ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่เจ้ากับนางเคยยื้อแย่งกับเมื่อตอนเป็นเด็ก จนสุดท้ายมันหล่นแตกไม่มีใครได้ไปสักคนใช่หรือไม่” มุมปากของเผยหลี่จุนยกยิ้ม คงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมากจึงมีความชื่นชอบเหมือนกันกระมัง “แล้วเจ้าจะเกี้ยวพาเซียวเล่อเช่นไร” “ก่อนอื่นข้าจะพักที่จวนเจียงอย่างไม่มีกำหนดกลับเพื่อคอยสอดส่องดูแลนางไม่ให้ทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับคุณหนูเหอ” “งานที่ปราสาทเมฆามิใช่ว่าขาดเจ้าไม่ได้หรือ” “เรื่องนั้นข้ามีหนทางจัดการงาน” ก็แค่หากมีเรื่องใดต้องลงนามก็ให้ไป๋เซ่อกับเฮยเซ่อสลับกันนำมาส่งให้ แล้วทิ้งอีกคนให้ดูแลจัดการปราสาทเมฆา หากไ
“เจ้าชื่นชอบเหอซือซือในฐานะใด สหายหรือคนรัก?” คำถามของพี่ชายคนรองทำให้นางชะงักไปเล็กน้อย นั่นสิ! นางชื่นชอบซือซือในฐานะใด หากไม่เพราะยามใกล้ชิดเกินพอดีกับเผยหลี่จุนแล้วนางรู้สึกแปลก ๆ นางคงสามารถตอบได้อย่างมั่นใจว่าพึงใจสหายในฐานะคนรัก แต่ยามนี้นางกลับไม่มั่นใจในความรู้สึกของตนมากนัก หรือนางจะชื่นชอบเหอซือซือเพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย ทั้งยังรู้สึกสบายใจยามได้สนทนาและชอบอีกฝ่ายในฐานะสหายจริง ๆ “เรื่องนั้นท่านจะอยากทราบไปด้วยเหตุใด” ในเมื่อยังไม่มั่นใจนางก็จะไม่กล่าวมันออกไปเด็ดขาด “เจ้าก็อยากจะทราบเรื่องพี่ไปด้วยเหตุใด” “ข้าไม่ถามท่านแล้วก็ได้ แต่พี่รอง! ท่านอย่ามายุ่ง
สิ่งใดที่ควรกล่าวก็กล่าวไปหมดแล้ว คุณชายรองเจียงจึงเดินตามพ่อบ้านไปพบเหอฮูหยินตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ คล้อยหลังพี่ชายรูปงามของสหายได้ไม่นาน นางก็เริ่มเปิดปากเอ่ยถามเรื่องของเหรินเซียวเหยาทันที “เมื่อครู่ที่เจ้าสนทนากับพี่ชายในรถม้า เรื่องคุณหนูเหริน แท้จริงนางยังไม่ได้เป็นคนรักของพี่ชายเจ้าหรือ” “ก็ยังน่ะสิ แม้จะพยายามเข้าหาเพียงใด พี่ชายข้าก็ยังไม่หลวมตัวเสียที ข้าจึงกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะพลาดพลั้งให้กับมารยาของเหรินเสี่ยวเหยา” “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ค่อยชอบนางนะ” “ข้าไม่ชอบสตรีที่ทั่วทั้งตัวมีแต่วาจาโกหก ทั้งยังเสแสร้งเช่นสตรีดอกบัวขาว แสร้งทำตนเองงดงามและสูงส่ง แต่แท้จริงก็เป็นเพียงดอกบัวที่แปดเปื้อนเพราะฝีมือตนเอง” ‘น้องสามีกับว่าที่พี่สะใภ้ไม่ถูกกัน’ ในจวนเจียงคงครึกครื้นไม่น้อย “เล่อเล่อ แต่หากพี่ชายของเจ้าพึงใจนางขึ้นมาจริง ๆ เจ้าก็ต้องยอมรับมันนะ” “ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางยอมรับสตรีผู้นั้นเข้ามาในตระกูลเจียงเด็ดขาด เจ้าอย่าได้คิดเข้าข้างนางเพียงเพราะจวนอยู่ใกล้กัน” พูดแล้วก็รู้
“โอ๊ะ! นั่นคุณหนูเหริน มิใช่หรือ พี่รองนางคงมารอท่านใช่หรือไม่” เจียงเซียวเล่อรีบเอื้อมมือไปเขย่าตัวพี่ชายให้ตื่นขึ้นเพื่อมองสตรีที่กำลังจะเดินเข้าจวน “นางจะมารอข้าด้วยเหตุใด ไม่ได้สนิทสนมกันเสียหน่อย” “ไม่ได้สนิทกันจริงหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินว่านางไปหาท่านที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง” “เซียวเล่อ เจ้าลืมแล้วหรือพี่ชายของเจ้าเปิดร้านเหวินจื้อเพื่อขายภาพวาดและของล้ำค่า ทั้งยังรับจ้างหาของหายากให้ผู้ว่าจ้าง คุณหนูผู้นั้นเป็นเพียงผู้ว่าจ้าง หาได้สนิทสนมกับพี่ไม่” เขากล่าวจบก็ลืมตาขึ้นหันไปจ้องมองน้องสาวแต่สายตากลับเลยไปมองสตรีที่นั่งนิ่งคล้ายกับไม่รับรู้บทสนทนาของสองพี่น้อง “ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้วสตรีผู้นั้นใช้ข้ออ้างเรื่องการว่าจ้างเพื่อเข้าหาท่าน แต่ท่านก็ไม่เชื
4 การโต้เถียงระหว่างพี่น้อง ในใจของเหอซือซือยามนี้ภาวนาให้พี่ชายของสหายมีคนมาเรียกตัวไปด่วน นางจะได้ไม่ต้องนั่งร่วมรถม้ากับเขา ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่านางจะต้องเกาะแข้งเกาะขาพระเอกอย่างเขาเพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ถึงตอนจบ แต่ทว่านางกลับรู้สึกว่าคนผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด ยามเขาเอ่ยวาจา เขาเหมือนกำลังไล่ต้อนและมองนางเป็นเหยื่อ
“ขออภัยที่ข้ามีตาหามีแววไม่ เพราะไม่ทราบจริง ๆ ว่าท่านคือพี่รองของเล่อเล่อ ข้าจึงไม่ได้ทักทาย และวันนั้นข้าต้องขอโทษจริง ๆ นะเจ้าคะที่เสียมารยาทแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาจากท่าน หวังว่าคุณชายรองเจียงจะมีเมตตาให้อภัยข้าที่ไม่รู้ความเจ้าค่ะ” หมดกันท่าทางออดอ้อนที่ฝึกหน้ากระจกหวังให้พระเอกเอ็นดู พบเจอกันครั้งแรกว่าไม่ประทับใจแล้ว ครั้งที่สองก็ยิ่งไม่น่าประทับใจ แล้วเขาจะเอ็นดูนางได้เช่นไร แต่เอาเถิดตราบใดที่นางยังเป็นสหายที่แสนดีของเจียงเซียวเล่อ นางก็ยังมีเกราะปกป้องคุ้มครอง “แย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกันซือซือ” คุณหนูเจียงจับมือสหายพลางเอ่ยถาม “ข้าเห็นว่าเจ้าอยากกินเสี่ยวหลงเปาร้านท่านป้าจางมาก วันนั้นพ
“พี่ชายท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ วันนี้บังเอิญได้พบกัน ข้าต้องขอโทษเรื่องที่แย่งเสี่ยวหลงเปาจากท่านจริง ๆ” นางเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายอย่างจริงใจ รูปก็งามหน้าตาก็หล่อเหลาไม่คิดเลยว่าใจคอจะคับแคบเช่นนี้ ‘วันนี้ที่จวนตระกูลเจียงมีงานเลี้ยง คนผู้นี้หากไม่เป็นญาติของสหายนาง ก็คงเป็นคุณชายที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเจียง’ “วันนั้นเจ้าบอกว่าต้องนำเสี่ยวหลงเปาไปให้สหาย...” “เจ้าค่ะ นางป่วยข้าอยากให้นางได้กินของอร่อย จึงทำตัวเสียมารยาทกับท่านไป ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” นางกล่าวก่อนจะส่งยิ้มคล้ายออดอ้อนให้อีกฝ่ายยอมให้อภัย “แล้วนางได้กินหรือไม่ มิใช่เจ้าแอบกินไปก่อน” “ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าตัวเจ้ามีเจ้าของจับจองแล้ว” กล่าวจบใบหน้าคมคายของสหายพี่ชายก็ยื่นเข้ามาใกล้ “ข้าจำได้ว่าตนเองยังไม่มีคู่หมายนะเจ้าคะ” นางผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอยออกห่างด้วยหัวใจที่เต้นระรัวยิ่งกว่ายามสหายเข้าใกล้อีก “ที่ยังไม่มีคู่หมายเพราะเมื่อถึงเวลาก็จะได้กลายเป็นฮูหยินเลยต่างหาก” กล่าวจบเผยหลี่จุนก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยติดเย็นชาต่างจากท่าทางขี้เล่นชอบหยอกเย้านางเช่นทุกครั้ง “พี่หลี่จุน ท่านบอกข้าก่อนสิเจ้าคะ ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร กลับมาบอกข้าก่อนเจ้าค่ะ” คุณหนูเจียงส่งเสียงร้องเรียกตามหลังบุรุษที่เดินหายลับไปจากสายตาแล้ว ‘พี่หลี่จุนหมายความถึงใคร พี่รองทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากทราบเหตุใดถึงไม่บอกกล่าวน้องสาวเช่นนาง
“วันนี้พี่หลี่จุนดูแปลก ๆ นะเจ้าคะ จะลุกจะนั่งท่านเคยขออนุญาตข้าที่ใดกัน” เจียงเซียวเล่อกล่าวอย่างไม่ได้คิดอันใดในตอนแรกก่อนจะชะงักแล้วหันมามองสหายของพี่ชาย “พี่เพิ่งทราบว่ารองเจ้ากรมยุติธรรมเหอมีบุตรสาวที่หน้าตาน่ารักเช่นนี้” ท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาที่ทรุดกายลงนั่งข้างคุณหนูเหอกล่าว สายตาจับจ้องที่อีกฝ่ายอย่างไม่วางตา “พี่หลี่จุน ท่านจะไปเจ้าชู้ประตูดินกับใครก็ได้ แต่ห้ามมาทำกับสหายของข้า” เจียงเซียวเล่อกล่าวก่อนจะลุกมายืนเบียดแทรกตรงกลางเพื่อไม่ให้สหายของพี่ชายได้จ้องมองนาง “พี่แค่อยากสนทนากับคนงาม พี่ผิดที่ใด ที่ผ่านมาพี่หาได้ทำตัวเจ้าสำราญหยอกเย้าสตรีไปทั่วไม่” “ผิดเจ้าค่ะ ข้าไม่อนุญาตให้ท่านข้องแวะกับสหายของข้า”