ชาที่นางนั่งจิบยังไม่ทันหายร้อน สือหลิวก็รีบมารายงานว่ารถม้าพร้อมแล้ว ช่างทำงานกันได้รวดเร็วเสียจริง
“เจ้าทราบหรือไม่ว่าร้านท่านป้าจางที่ขายเสี่ยวหลงเปาอยู่ที่ใด”
“ทราบเจ้าค่ะ แต่ร้านป้าจางเป็นตรอกแคบ รถม้าไม่อาจเข้าไปได้ คุณหนูรออยู่บนรถม้าประเดี๋ยวบ่าวจะลงไปซื้อให้เจ้าค่ะ”
“ไม่ได้ เจ้าต้องไปซื้อเกาลัดต้มน้ำตาลที่โรงน้ำชาฉากุ้ยให้ข้า แยกย้ายกันไปซื้อจะได้ไม่ต้องใช้เวลามากประเดี๋ยวไม่ทันเล่อเล่อรับสำรับ”
“เจ้าค่ะ” แม้อยากจะโต้แย้งแต่ทว่าก็จนใจด้วยเหตุผล เพราะหากไปด้วยกันคงกินเวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม และอาจจะไม่ทันคุณหนูเจียงรับสำรับ
เนื่องจากโรงน้ำชาฉากุ้ยถึงก่อน นางจึงสั่งให้รถม้าจอดเพื่อให้สาวใช้คนสนิทลงไปก่อน
“เมื่อซื้อเสร็จแล้วเจ้าก็อยู่รอที่นี่ ข้าจะมารับ”
“เจ้าค่ะ” สือหลิวจำใจตอบตกลง
พอส่งสาวใช้เสร็จแล้วนางก็สั่งรถม้าให้ไปที่ร้านป้าจางต่อ สายป่านนี้แล้วไม่รู้เสี่ยวหลงเปาจะยังมีอยู่หรือไม่
‘ขอให้ยังมีเสี่ยวหลงเปาขายอยู่เถิด’ เมื่อวานนางได้บอกกล่าวท่านแม่แล้วว่าจะออกนอกจวน ท่านแม่ยังสั่งว่าหากอยากกินเสี่ยวหลงเปาร้านนี้ ให้รีบไปเร็ว ๆ หน่อยเพราะร้านท่านป้าจางเป็นร้านที่ขายเสี่ยวหลงเปาเพียงอย่างเดียวและขายดีมาก เรียกได้ว่าเปิดร้านเพียงสองชั่วยามก็ขายหมดไม่เหลือ
แต่เมื่อใกล้ถึงตรอกทางเข้า กลับมีรถม้าจอดอยู่แน่นขนัด ทำให้คนบังคับรถม้าต้องนำรถม้าไปจอดในตรอกที่เลยไปอีกไกล เพราะกลัวไม่ทันการนางจึงขอลงก่อน เพื่อรีบไปซื้อเสี่ยวหลงเปา
เหอซือซือรีบเดินเข้าไปเพื่อจะสั่งเสี่ยวหลงเปาไปเยี่ยมเยียนสหายที่ป่วยอยู่ ในใจก็ภาวนาขอให้ยังพอมีขายอยู่
“ท่านป้าขอเสี่ยวหลงเปาหกลูกเจ้าค่ะ”
“ข้าขอเสี่ยวหลงเปาหกลูก” เสียงบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นพร้อมกับนาง
“คุณชาย คุณหนู พวกท่านมาด้วยกันหรือไม่”
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่รู้จักเขา มีอันใดหรือเจ้าคะท่านป้า” นางรีบปฏิเสธโดยไม่หันหน้าไปมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เพราะบัดนี้นางกำลังจับจ้องเสี่ยวหลงเปาตาเป็นประกาย
“ขออภัยคุณหนูคุณชายทั้งสอง ที่ข้าต้องบอกพวกท่านว่ายามนี้เสี่ยวหลงเปาของข้าเหลือหกลูกพอดี จึงสามารถขายให้พวกท่านได้เพียงคนเดียว”
“ขายให้ข้า” บุรุษสตรีทั้งสองเอ่ยพร้อมกัน
‘หล่อ หล่อมากนี่มันเทพเซียนแปลงกายลงมาหรืออย่างไร’ เหอซือซือหันไปมองบุรุษที่พยายามจะแย่งนางซื้อเสี่ยวหลงเปาก่อนจะส่งยิ้มเป็นมิตรให้หวังเจรจา
“พี่ชายเจ้าขา...ท่านรูปงามดั่งเทพเซียน มิแคล้วจิตใจก็คงดีงามไม่แพ้กัน เสี่ยวหลงเปาหกลูกนี้ได้โปรดยกให้ข้าเถิด” นางหันไปเอ่ยกับเขาเสียงหวาน สายตาที่จับจ้องบุรุษตรงหน้าฉายแววออดอ้อนสุด ๆ
“ท่านป้าห่อเสี่ยวหลงเปาให้ข้าเถิด” บุรุษผู้นั้นไม่สนใจก่อนจะหันไปสั่งท่านป้าจาง
“ไม่ได้นะเจ้าคะ ข้ามาถึงก่อน ข้าควรได้มันไปสิเจ้าคะ” บุรุษผู้นี้ช่างไม่มีน้ำใจแก่สตรีเลย แต่เพื่อเอาใจสหายและพี่ชายของอีกฝ่าย นางจะพยายามทุ่มเทสุดกำลัง
“แต่ข้าจ่ายเงินก่อน” ชายผู้นั้นกล่าวพลางหยิบก้อนตำลึงสีเงินออกมาวาง
“ข้าก็จ่ายได้เช่นกันเจ้าค่ะ พี่ชายได้โปรดยกมันให้ข้าเถิดนะเจ้าคะ สหายของข้ากำลังเจ็บไข้ หากนางได้กินเสี่ยวหลงเปาที่นางชอบ นางจะได้หายป่วยโดยเร็ว ได้โปรดยกมันให้ข้าเถิดเจ้าค่ะ” กล่าวไปนางก็ทำหน้าออดอ้อนเขา มารยาที่เพียรฝึกฝนหน้ากระจกในช่วงสองวันมานี้ถูกงัดมาใช้
“ไม่ได้ รีบห่อเสี่ยวหลงเปาให้ข้าเถิดท่านป้า” บุรุษรูปงามกล่าวเสียงเรียบ แม้บนใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ทว่านางกลับมองเห็นความดื้อรั้นและอยากเอาชนะ
“พี่ชายได้โปรดยกให้ข้าเถิด นะเจ้าคะ” นอกจากกล่าวด้วยเสียงออดอ้อนนางยังกะพริบตาปริบ ๆ ให้ดูน่าสงสาร
“...” เขาไม่พูดอันใด
“พี่ชายเจ้าขา...ท่านสุดแสนใจดี มีเมตตาท่านได้โปรดยกเสี่ยวหลงเปาให้ข้าเถิดนะเจ้าคะ” คราวนี้นางไม่เอ่ยวาจาเพียงอย่างเดียว สตรีรูปร่างอ้อนแอ้นมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่เย้ายวนขยับตัวเข้าประชิดเขา ในระยะที่ใกล้จนเท้าชนเท้า นางเขย่งเท้าขึ้นสุดตัวเพื่อยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายพร้อมทำตาปริบ ๆ เพื่อออดอ้อน
“แม่นางเพื่อเสี่ยวหลงเปาแล้ว เจ้ายอมทำเรื่องไร้ยางอายเลยหรือ” บุรุษรูปงามกล่าว ดวงตาที่จ้องนางเฉยชายิ่ง เขาเคยชินกับการยั่วยวนระยะประชิดเช่นนี้ของสตรีแล้ว มีคุณหนูคนใดบ้างที่เห็นเขาแล้วไม่อยากยั่วยวน
ดูแล้วสตรีผู้นี้คงไม่ได้อยากได้เสี่ยวหลงเปาจริง ๆ แต่คงอยากสร้างเรื่องหวังให้เขาจดจำนาง
“ท่านหลงตัวเองเกินไปแล้ว พี่ชายข้าต้องนำเสี่ยวหลงเปาไปมอบให้สหายที่น่าสงสารของข้าจริง ๆ นะเจ้าคะ หากท่านพอจะมีเมตตาอยู่บ้าง...ข้าก็ขอรับเสี่ยวหลงเปาไปก่อนนะเจ้าคะ” สิ้นเสียงนางส่งยิ้มให้เขาก่อนจะรีบคว้าห่อเสี่ยวหลงเปาวิ่งหนีจากไปทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วเวลาเพียงอึดใจเดียว
“นี่เจ้า!” เขาตะโกนเรียกและกำลังจะวิ่งตามแต่ก็ต้องชะงักเมื่อกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่เพิ่งลอยปะทะจมูกเขามันเป็นกลิ่นน้ำมันหอมที่น้องสาวเขารบเร้าอยากได้หลังจากซื้อกลิ่นหมู่ตาน[1]ให้ตนเองแล้ว
‘หรือว่านั่นจะเป็นสหายของเซียวเล่อ’ สตรีที่น้องสาวของเขาให้ความสนใจในช่วงนี้หรือจะกล่าวว่าเป็นสหายคนแรกที่ทำให้นางยิ้มแย้มได้ยามกล่าวถึง
‘หากเจ้าเป็นสหายของน้องสาวข้าจริง อีกไม่นานเราก็คงได้เจอกัน’ มุมปากหยักยกยิ้มเมื่อคิดถึงท่าทางของนางเมื่อครู่ ดูแล้วสตรีผู้นี้คงซุกซนไม่แพ้น้องสาวเขา
เมื่อคิดได้เช่นนั้นสุดท้ายเขาจึงไม่ได้ไล่ตามแม่นางน้อยผู้นั้นไป แต่เปลี่ยนไปซื้อน้ำตาลปั้นรสหวานที่ช่วยให้น้องสาวของเขากินยาง่ายขึ้นแทน
[1] โบตั๋นหรือพีโอนี
2 การช่วยเหลือ เพราะต้องการเดินไปถึงจวนแม่ทัพเจียงให้เร็วที่สุด นางจึงรีบร้อนเดินเข้าตรอกเพื่อไปขึ้นรถม้าโดยไม่ทันได้ดูว่าตนเองนั้นได้เดินเข้าผิดตรอก กว่าจะรู้ตัวนั้นเท้าของนางก็คล้ายกับก้าวไปเยือนปรโลกข้างหนึ่งแล้ว “ชะ...” นางกำลังจะส่งเสียงร้องเมื่อเห็นคนถือดาบเปื้อนเลือดกำลังวิ่งมาทางนี้ แต่จู่ ๆ ก็มีมือของใครบางคนมาปิดปากแล้วพาตัวนางเข้าไปซ่อนในห้อง ๆ หนึ่งคล้ายกับห้องเก็บฟืน “พวกมันจะฆ่าปิดปากทุกคนที่เห็นหน้า หากเจ้าไม่อยากตายก็ทำตัวให้เงียบที่สุด” เสียงเข้มแฝงข่มขู่ของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นก่อนจะทรุดตัวลงนั่งโดยใช้ไม้ที่วางระเกะระกะบังตนเอง เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงใช้ฟางที่กองอยู่แถวนั้นคลุมตนเองด้วยเช่นกัน สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของนางมีไม่ด้อยกว่าผู้อื่นหรอกนะ ‘ในเมื่อตั้งใจจะมีชีวิตยืนยาว ข้าไม่มีทางยอมตายอยู่ที่นี่หรอก’ ตึกตัก ๆ หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยคว
เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งรถม้าจากไป อิงอู่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องหาข้ออ้างมาปฏิเสธอีกฝ่ายเช่นคุณหนูคนก่อนหน้านี้ แล้วนำเสี่ยวหลงเปาที่ได้รับ ไปตรวจสอบพิษก่อนจะนำไปมอบให้คุณหนูสามผู้เป็นแก้วตาดวงใจของบุรุษตระกูลเจียง เจียงเซวียนเลิกคิ้วมองน้องสาวด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นในสำรับอาหารมีจานใบหนึ่งว่างเปล่า คล้ายกับเจียงเซียวเล่อถูกใจมันมากจนกินหมดไม่เหลือ “ดูเจ้ากินข้าวได้มากทีเดียว” เขากล่าวก่อนจะทรุดกายนั่งเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้าม “ที่คุณหนูกินจนหมดเป็นเสี่ยวหลงเปาที่คุณหนูเหอนำมาให้เจ้าค่ะ” เป็นจี้เอ๋อเอ่ยแทน เพราะนางเกลี้ยกล่อมให้คุณหนูกินอย่างอื่นด้วยแต่กลับโดนปฏิเสธ “สหายเจ้านำเส
คุณชายรองเจียงก้มมองเทียบเชิญเข้าร่วมพิธีปักปิ่นของน้องสาวอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรีบสั่งให้คนเตรียมรถม้าเขาจะออกนอกจวน เท่าที่เขาทราบรองเจ้ากรมยุติธรรมเหอเป็นขุนนางตงฉินที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ฝักใฝ่อำนาจ ไร้ความทะเยอทะยาน แม้จะค่อนข้างมีเงินถุงเงินถังเพราะเหอฮูหยินเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมขนาดกลางอย่างโรงเตี๊ยมไฉ่เหวินที่ต้อนรับตั้งแต่ชาวบ้านไปถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และแม้จะเปิดมาเกือบสิบเจ็ดปี แต่ทว่ายังมีลูกค้ามากมายสร้างรายได้ให้จวนเหอมากกว่าเบี้ยหวัดของรองเจ้ากรมยุติธรรมเหอช่างเสียอีก นัยน์ตาราบเรียบกวาดมองสองข้างทางในระหว่างที่เดินไปยังโถงกลางจึงได้เห็นเครื่องประดับและการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่ทว่าดูดี ทั้งยังมีสวนที่ปลูกดอกไม้ผสมผสานกับผลไม้ซึ่งต่างจากจวนอื่นที่มักจะปลูกต้นไม้มงคล ‘เรียบง่าย
เพราะมัวเหม่อลอยคิดเรื่องหอชายงามอยู่หันกลับมาอีกครั้งเขาก็ปลดเปลื้องอาภรณ์เปลือยแผงอกให้เรียบร้อยแล้ว “ข้าขออนุญาตเข้าไปใกล้ท่านได้หรือไม่” “หากเจ้าไม่เข้ามาใกล้จะพันแผลห้ามเลือดให้ข้าได้เช่นไร” กล่าวจบเขาก็มองหน้านางคล้ายกับต่อว่า ‘ช่างเป็นคำถามที่โง่เขลา’ “เจ้าค่ะ ๆ ข้าผิดเองที่ถามโดยไม่คิดไตร่ตรองก่อน” นางตอบรับก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้เขา “...” ชายบาดเจ็บแสร้งเบือนหน้าหนีแต่หางตายังคงจับจ้องใบหน้าของนาง ห้องร้างแห่งนี้ไม่ค่อยสว่างมาก นางจึงต้องยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ตัวเขา ก่อนจะเพ่งมองเพื่อกวาดสายตาหาบริเวณที่เป็นแผล แต่นางไม่รู้เลยว่ายามนางหายใจเป่ารดผิวกายของบุ
3 สหายของเจ้าช่างน่าเอ็นดู ในความคิดของนางพิธีปักปิ่นของคุณหนูจวนแม่ทัพน่าจะยิ่งใหญ่อลังการมีคนมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย ทั้งยังมีบรรดาฮูหยินต่างเลียบเคียงถามถึงคู่หมายของเจียงเซียวเล่อ เพื่อที่จะได้ส่งแม่สื่อมาเยือนจวนเจียงหวังเกี่ยวดอง แ
“วันนี้พี่หลี่จุนดูแปลก ๆ นะเจ้าคะ จะลุกจะนั่งท่านเคยขออนุญาตข้าที่ใดกัน” เจียงเซียวเล่อกล่าวอย่างไม่ได้คิดอันใดในตอนแรกก่อนจะชะงักแล้วหันมามองสหายของพี่ชาย “พี่เพิ่งทราบว่ารองเจ้ากรมยุติธรรมเหอมีบุตรสาวที่หน้าตาน่ารักเช่นนี้” ท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาที่ทรุดกายลงนั่งข้างคุณหนูเหอกล่าว สายตาจับจ้องที่อีกฝ่ายอย่างไม่วางตา “พี่หลี่จุน ท่านจะไปเจ้าชู้ประตูดินกับใครก็ได้ แต่ห้ามมาทำกับสหายของข้า” เจียงเซียวเล่อกล่าวก่อนจะลุกมายืนเบียดแทรกตรงกลางเพื่อไม่ให้สหายของพี่ชายได้จ้องมองนาง “พี่แค่อยากสนทนากับคนงาม พี่ผิดที่ใด ที่ผ่านมาพี่หาได้ทำตัวเจ้าสำราญหยอกเย้าสตรีไปทั่วไม่” “ผิดเจ้าค่ะ ข้าไม่อนุญาตให้ท่านข้องแวะกับสหายของข้า”
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าตัวเจ้ามีเจ้าของจับจองแล้ว” กล่าวจบใบหน้าคมคายของสหายพี่ชายก็ยื่นเข้ามาใกล้ “ข้าจำได้ว่าตนเองยังไม่มีคู่หมายนะเจ้าคะ” นางผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอยออกห่างด้วยหัวใจที่เต้นระรัวยิ่งกว่ายามสหายเข้าใกล้อีก “ที่ยังไม่มีคู่หมายเพราะเมื่อถึงเวลาก็จะได้กลายเป็นฮูหยินเลยต่างหาก” กล่าวจบเผยหลี่จุนก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยติดเย็นชาต่างจากท่าทางขี้เล่นชอบหยอกเย้านางเช่นทุกครั้ง “พี่หลี่จุน ท่านบอกข้าก่อนสิเจ้าคะ ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร กลับมาบอกข้าก่อนเจ้าค่ะ” คุณหนูเจียงส่งเสียงร้องเรียกตามหลังบุรุษที่เดินหายลับไปจากสายตาแล้ว ‘พี่หลี่จุนหมายความถึงใคร พี่รองทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากทราบเหตุใดถึงไม่บอกกล่าวน้องสาวเช่นนาง
“พี่ชายท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ วันนี้บังเอิญได้พบกัน ข้าต้องขอโทษเรื่องที่แย่งเสี่ยวหลงเปาจากท่านจริง ๆ” นางเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายอย่างจริงใจ รูปก็งามหน้าตาก็หล่อเหลาไม่คิดเลยว่าใจคอจะคับแคบเช่นนี้ ‘วันนี้ที่จวนตระกูลเจียงมีงานเลี้ยง คนผู้นี้หากไม่เป็นญาติของสหายนาง ก็คงเป็นคุณชายที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเจียง’ “วันนั้นเจ้าบอกว่าต้องนำเสี่ยวหลงเปาไปให้สหาย...” “เจ้าค่ะ นางป่วยข้าอยากให้นางได้กินของอร่อย จึงทำตัวเสียมารยาทกับท่านไป ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” นางกล่าวก่อนจะส่งยิ้มคล้ายออดอ้อนให้อีกฝ่ายยอมให้อภัย “แล้วนางได้กินหรือไม่ มิใช่เจ้าแอบกินไปก่อน” “ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได
“ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่เจ้ากับนางเคยยื้อแย่งกับเมื่อตอนเป็นเด็ก จนสุดท้ายมันหล่นแตกไม่มีใครได้ไปสักคนใช่หรือไม่” มุมปากของเผยหลี่จุนยกยิ้ม คงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมากจึงมีความชื่นชอบเหมือนกันกระมัง “แล้วเจ้าจะเกี้ยวพาเซียวเล่อเช่นไร” “ก่อนอื่นข้าจะพักที่จวนเจียงอย่างไม่มีกำหนดกลับเพื่อคอยสอดส่องดูแลนางไม่ให้ทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับคุณหนูเหอ” “งานที่ปราสาทเมฆามิใช่ว่าขาดเจ้าไม่ได้หรือ” “เรื่องนั้นข้ามีหนทางจัดการงาน” ก็แค่หากมีเรื่องใดต้องลงนามก็ให้ไป๋เซ่อกับเฮยเซ่อสลับกันนำมาส่งให้ แล้วทิ้งอีกคนให้ดูแลจัดการปราสาทเมฆา หากไ
“เจ้าชื่นชอบเหอซือซือในฐานะใด สหายหรือคนรัก?” คำถามของพี่ชายคนรองทำให้นางชะงักไปเล็กน้อย นั่นสิ! นางชื่นชอบซือซือในฐานะใด หากไม่เพราะยามใกล้ชิดเกินพอดีกับเผยหลี่จุนแล้วนางรู้สึกแปลก ๆ นางคงสามารถตอบได้อย่างมั่นใจว่าพึงใจสหายในฐานะคนรัก แต่ยามนี้นางกลับไม่มั่นใจในความรู้สึกของตนมากนัก หรือนางจะชื่นชอบเหอซือซือเพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย ทั้งยังรู้สึกสบายใจยามได้สนทนาและชอบอีกฝ่ายในฐานะสหายจริง ๆ “เรื่องนั้นท่านจะอยากทราบไปด้วยเหตุใด” ในเมื่อยังไม่มั่นใจนางก็จะไม่กล่าวมันออกไปเด็ดขาด “เจ้าก็อยากจะทราบเรื่องพี่ไปด้วยเหตุใด” “ข้าไม่ถามท่านแล้วก็ได้ แต่พี่รอง! ท่านอย่ามายุ่ง
สิ่งใดที่ควรกล่าวก็กล่าวไปหมดแล้ว คุณชายรองเจียงจึงเดินตามพ่อบ้านไปพบเหอฮูหยินตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ คล้อยหลังพี่ชายรูปงามของสหายได้ไม่นาน นางก็เริ่มเปิดปากเอ่ยถามเรื่องของเหรินเซียวเหยาทันที “เมื่อครู่ที่เจ้าสนทนากับพี่ชายในรถม้า เรื่องคุณหนูเหริน แท้จริงนางยังไม่ได้เป็นคนรักของพี่ชายเจ้าหรือ” “ก็ยังน่ะสิ แม้จะพยายามเข้าหาเพียงใด พี่ชายข้าก็ยังไม่หลวมตัวเสียที ข้าจึงกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะพลาดพลั้งให้กับมารยาของเหรินเสี่ยวเหยา” “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ค่อยชอบนางนะ” “ข้าไม่ชอบสตรีที่ทั่วทั้งตัวมีแต่วาจาโกหก ทั้งยังเสแสร้งเช่นสตรีดอกบัวขาว แสร้งทำตนเองงดงามและสูงส่ง แต่แท้จริงก็เป็นเพียงดอกบัวที่แปดเปื้อนเพราะฝีมือตนเอง” ‘น้องสามีกับว่าที่พี่สะใภ้ไม่ถูกกัน’ ในจวนเจียงคงครึกครื้นไม่น้อย “เล่อเล่อ แต่หากพี่ชายของเจ้าพึงใจนางขึ้นมาจริง ๆ เจ้าก็ต้องยอมรับมันนะ” “ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางยอมรับสตรีผู้นั้นเข้ามาในตระกูลเจียงเด็ดขาด เจ้าอย่าได้คิดเข้าข้างนางเพียงเพราะจวนอยู่ใกล้กัน” พูดแล้วก็รู้
“โอ๊ะ! นั่นคุณหนูเหริน มิใช่หรือ พี่รองนางคงมารอท่านใช่หรือไม่” เจียงเซียวเล่อรีบเอื้อมมือไปเขย่าตัวพี่ชายให้ตื่นขึ้นเพื่อมองสตรีที่กำลังจะเดินเข้าจวน “นางจะมารอข้าด้วยเหตุใด ไม่ได้สนิทสนมกันเสียหน่อย” “ไม่ได้สนิทกันจริงหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินว่านางไปหาท่านที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง” “เซียวเล่อ เจ้าลืมแล้วหรือพี่ชายของเจ้าเปิดร้านเหวินจื้อเพื่อขายภาพวาดและของล้ำค่า ทั้งยังรับจ้างหาของหายากให้ผู้ว่าจ้าง คุณหนูผู้นั้นเป็นเพียงผู้ว่าจ้าง หาได้สนิทสนมกับพี่ไม่” เขากล่าวจบก็ลืมตาขึ้นหันไปจ้องมองน้องสาวแต่สายตากลับเลยไปมองสตรีที่นั่งนิ่งคล้ายกับไม่รับรู้บทสนทนาของสองพี่น้อง “ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้วสตรีผู้นั้นใช้ข้ออ้างเรื่องการว่าจ้างเพื่อเข้าหาท่าน แต่ท่านก็ไม่เชื
4 การโต้เถียงระหว่างพี่น้อง ในใจของเหอซือซือยามนี้ภาวนาให้พี่ชายของสหายมีคนมาเรียกตัวไปด่วน นางจะได้ไม่ต้องนั่งร่วมรถม้ากับเขา ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่านางจะต้องเกาะแข้งเกาะขาพระเอกอย่างเขาเพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ถึงตอนจบ แต่ทว่านางกลับรู้สึกว่าคนผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด ยามเขาเอ่ยวาจา เขาเหมือนกำลังไล่ต้อนและมองนางเป็นเหยื่อ
“ขออภัยที่ข้ามีตาหามีแววไม่ เพราะไม่ทราบจริง ๆ ว่าท่านคือพี่รองของเล่อเล่อ ข้าจึงไม่ได้ทักทาย และวันนั้นข้าต้องขอโทษจริง ๆ นะเจ้าคะที่เสียมารยาทแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาจากท่าน หวังว่าคุณชายรองเจียงจะมีเมตตาให้อภัยข้าที่ไม่รู้ความเจ้าค่ะ” หมดกันท่าทางออดอ้อนที่ฝึกหน้ากระจกหวังให้พระเอกเอ็นดู พบเจอกันครั้งแรกว่าไม่ประทับใจแล้ว ครั้งที่สองก็ยิ่งไม่น่าประทับใจ แล้วเขาจะเอ็นดูนางได้เช่นไร แต่เอาเถิดตราบใดที่นางยังเป็นสหายที่แสนดีของเจียงเซียวเล่อ นางก็ยังมีเกราะปกป้องคุ้มครอง “แย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกันซือซือ” คุณหนูเจียงจับมือสหายพลางเอ่ยถาม “ข้าเห็นว่าเจ้าอยากกินเสี่ยวหลงเปาร้านท่านป้าจางมาก วันนั้นพ
“พี่ชายท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ วันนี้บังเอิญได้พบกัน ข้าต้องขอโทษเรื่องที่แย่งเสี่ยวหลงเปาจากท่านจริง ๆ” นางเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายอย่างจริงใจ รูปก็งามหน้าตาก็หล่อเหลาไม่คิดเลยว่าใจคอจะคับแคบเช่นนี้ ‘วันนี้ที่จวนตระกูลเจียงมีงานเลี้ยง คนผู้นี้หากไม่เป็นญาติของสหายนาง ก็คงเป็นคุณชายที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเจียง’ “วันนั้นเจ้าบอกว่าต้องนำเสี่ยวหลงเปาไปให้สหาย...” “เจ้าค่ะ นางป่วยข้าอยากให้นางได้กินของอร่อย จึงทำตัวเสียมารยาทกับท่านไป ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” นางกล่าวก่อนจะส่งยิ้มคล้ายออดอ้อนให้อีกฝ่ายยอมให้อภัย “แล้วนางได้กินหรือไม่ มิใช่เจ้าแอบกินไปก่อน” “ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าตัวเจ้ามีเจ้าของจับจองแล้ว” กล่าวจบใบหน้าคมคายของสหายพี่ชายก็ยื่นเข้ามาใกล้ “ข้าจำได้ว่าตนเองยังไม่มีคู่หมายนะเจ้าคะ” นางผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอยออกห่างด้วยหัวใจที่เต้นระรัวยิ่งกว่ายามสหายเข้าใกล้อีก “ที่ยังไม่มีคู่หมายเพราะเมื่อถึงเวลาก็จะได้กลายเป็นฮูหยินเลยต่างหาก” กล่าวจบเผยหลี่จุนก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยติดเย็นชาต่างจากท่าทางขี้เล่นชอบหยอกเย้านางเช่นทุกครั้ง “พี่หลี่จุน ท่านบอกข้าก่อนสิเจ้าคะ ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร กลับมาบอกข้าก่อนเจ้าค่ะ” คุณหนูเจียงส่งเสียงร้องเรียกตามหลังบุรุษที่เดินหายลับไปจากสายตาแล้ว ‘พี่หลี่จุนหมายความถึงใคร พี่รองทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากทราบเหตุใดถึงไม่บอกกล่าวน้องสาวเช่นนาง
“วันนี้พี่หลี่จุนดูแปลก ๆ นะเจ้าคะ จะลุกจะนั่งท่านเคยขออนุญาตข้าที่ใดกัน” เจียงเซียวเล่อกล่าวอย่างไม่ได้คิดอันใดในตอนแรกก่อนจะชะงักแล้วหันมามองสหายของพี่ชาย “พี่เพิ่งทราบว่ารองเจ้ากรมยุติธรรมเหอมีบุตรสาวที่หน้าตาน่ารักเช่นนี้” ท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาที่ทรุดกายลงนั่งข้างคุณหนูเหอกล่าว สายตาจับจ้องที่อีกฝ่ายอย่างไม่วางตา “พี่หลี่จุน ท่านจะไปเจ้าชู้ประตูดินกับใครก็ได้ แต่ห้ามมาทำกับสหายของข้า” เจียงเซียวเล่อกล่าวก่อนจะลุกมายืนเบียดแทรกตรงกลางเพื่อไม่ให้สหายของพี่ชายได้จ้องมองนาง “พี่แค่อยากสนทนากับคนงาม พี่ผิดที่ใด ที่ผ่านมาพี่หาได้ทำตัวเจ้าสำราญหยอกเย้าสตรีไปทั่วไม่” “ผิดเจ้าค่ะ ข้าไม่อนุญาตให้ท่านข้องแวะกับสหายของข้า”