“ขออภัยที่ข้ามีตาหามีแววไม่ เพราะไม่ทราบจริง ๆ ว่าท่านคือพี่รองของเล่อเล่อ ข้าจึงไม่ได้ทักทาย และวันนั้นข้าต้องขอโทษจริง ๆ นะเจ้าคะที่เสียมารยาทแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาจากท่าน หวังว่าคุณชายรองเจียงจะมีเมตตาให้อภัยข้าที่ไม่รู้ความเจ้าค่ะ”
หมดกันท่าทางออดอ้อนที่ฝึกหน้ากระจกหวังให้พระเอกเอ็นดู พบเจอกันครั้งแรกว่าไม่ประทับใจแล้ว ครั้งที่สองก็ยิ่งไม่น่าประทับใจ แล้วเขาจะเอ็นดูนางได้เช่นไร
แต่เอาเถิดตราบใดที่นางยังเป็นสหายที่แสนดีของเจียงเซียวเล่อ นางก็ยังมีเกราะปกป้องคุ้มครอง
“แย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกันซือซือ” คุณหนูเจียงจับมือสหายพลางเอ่ยถาม
“ข้าเห็นว่าเจ้าอยากกินเสี่ยวหลงเปาร้านท่านป้าจางมาก วันนั้นพอเจ้าไม่สบายข้าจึงตั้งใจออกไปซื้อมาให้ แต่จนใจที่วันนั้นไปสายเสียหน่อยจึงเหลือเสี่ยวหลงเปาอยู่ไม่กี่ลูก ข้าจึงปรารถนาที่จะซื้อมันให้ได้ เลยได้เจอพี่ชายของเจ้าที่มาซื้อเสี่ยวหลงเปาเช่นกันจึงเกิดการโต้เถียงเล็กน้อย สุดท้ายข้าแย่งซื้อมาจนได้แล้วนำไปให้เจ้า”
“เรื่องเล็กน้อยเช่นนั้น พี่รองคงไม่ถือสาสหายของข้าหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“พี่ไม่ถือสาเจ้าหรอกซือซือ ดังนั้นต่อจากนี้ยามพบเจอกันพี่หวังว่าเจ้าจะทักทายพี่”
อ่า...วาจาหวานหูของเขาทำให้นางขนลุกอีกแล้ว เขาเป็นถึงพระเอกย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
“เจ้าค่ะ” เหอซือซือตอบรับสั้น ๆ
“ซือซือ หากเจ้าโชคร้ายบังเอิญเจอพี่ชายข้าด้านนอก เจ้าให้ทักทายเพียงเล็กน้อยแล้วรีบหนีไปทันที มิเช่นนั้นหากมีคนมาเห็นเจ้าสนิทสนมกับเขา เจ้าอาจจะถูกสตรีพวกนั้นปองร้าย เข้าใจหรือไม่” เจียงเซียวเล่อที่ไม่ชอบใจสายตาล้ำลึกและน้ำเสียงอ่อนหวานจนน่าขนลุกยามที่พี่ชายคนรองกล่าวกับสหาย รีบเอ่ยวาจาใส่ไคล้หวังให้สหายระวังตัวและอยู่ให้ห่างจากบุรุษที่มีสมญานามว่า ‘จิ้งจอกเก้าหาง’
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว” นางเป็นสตรีว่าง่ายล้วนเชื่อฟังคำของสหาย
ท่าทางคุกคามของเขาเมื่อครู่ทำให้นางรีบตอบรับคำของสหายอย่างว่าง่าย
“...” เขาไม่เอ่ยวาจาใด แต่สายตาที่จับจ้องนางกลับฉายแววล้ำลึกยิ่งกว่าเดิม
“เจ้ายังไม่รีบกลับจวนใช่หรือไม่”
“เอ่อ...วันนี้ข้าคิดว่า ข้าควรกลับจวนได้แล้ว” วันนี้ฤกษ์ไม่ดี รีบกลับไปตั้งหลักที่จวนก่อนดีกว่า
“เช่นนั้นข้าจะไปส่งเจ้าที่จวน...”
“เซียวเล่อวันนี้เป็นงานของเจ้า ท่านน้าที่สนิทกันบางคนก็ยังอยู่ในจวน เจ้าควรไปทักทายพูดคุยกับพวกเขา”
“แต่ว่าข้า...”
“สหายของเจ้า พี่จะไปส่งนางที่จวนเอง”
“ไม่ได้...ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ วันนี้ข้านั่งรถม้ามา ไม่รบกวนคุณชายรองเจียงเจ้าค่ะ”
“นั่นสิเจ้าคะ พี่รองไม่ต้องไปส่งซือซือหรอก ไปสนทนากับท่านน้าดีกว่าเจ้าค่ะ” เจียงเซียวเล่อที่ไม่อยากให้พี่ชายคนรองใกล้ชิดสหายรีบเอ่ยพลางเข้าไปกอดแขน
“พี่มีเรื่องจะไปสนทนากับเหอฮูหยินเรื่องที่จะเหมาโรงเตี๊ยมของนางจัดงานชุมนุมผู้ค้าในเมืองหลวง ดังนั้นจึงอยากขอติดรถม้าของซือซือกลับไปด้วย”
“จวนเรามีรถม้ามากมาย”
“ยามนี้กำลังตรวจสอบและซ่อมแซมอยู่ ไม่มีคันไหนที่ว่าง ซือซือเจ้าคงไม่รังเกียจใช่หรือไม่ ที่พี่จะขอติดรถม้าไปด้วย”
‘แง ๆ ข้ากลัวเขา’ นางกลัวความอ่อนโยนจนน่าขนลุกของพระเอกผู้นี้
“ว่าอย่างไรซือซือ หรือเจ้ารังเกียจ...”
“ก็ได้เจ้าค่ะ” นางกลั้นหายใจตอบกลับไป หากไม่ตอบตกลงเดี๋ยวก็มาคาดโทษนางอีก
“เช่นนั้นเราไปกันเถิด” เจียงเซวียนกล่าวพลางรั้งชายอาภรณ์บริเวณแขนของสหายน้องสาวให้เดินไปด้วยกัน
“ข้าจะไปส่งพวกท่านที่รถม้า” เจียงเซียวเล่อจับมือของสหายเอาไว้ ทำให้ตอนนี้คุณหนูเหอเหมือนถูกทั้งสองคนยื้อแย่งกันอยู่
“ก็ได้” คุณชายรองเจียงกล่าวก่อนจะปล่อยนิ้วที่คีบชายอาภรณ์ของนางเมื่อครู่ นัยน์ตาคมจ้องมองด้านหลังของสตรีทั้งสองคนอย่างไม่วางตา
‘สตรีเช่นเจ้าช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง’ ยิ่งยามที่เขาแสร้งตีหน้าขรึมเอ่ยวาจา ท่าทางร้อนรนของนางช่างน่าเอ็นดู สตรีที่มองอย่างไรก็ไม่เบื่อหน่ายทั้งยังน่ารักผู้นี้ เหตุใดถึงเล็ดลอดสายตาเขาไปได้
บุรุษที่ยืนมองภาพตรงหน้าอยู่ไม่ไกลได้แต่ส่ายหน้ามุมปากพลันยกยิ้มเจ้าเล่ห์ชั่วครู่ก่อนจะเลือนหาย พลางคิดไปว่าความชอบของสองพี่น้องตระกูลเจียงช่างมีความชอบคล้ายคลึงกันและพ่ายแพ้ให้กับความน่ารักน่าเอ็นดู
‘เจ้าถึงคราวต้องสนับสนุนและให้ความร่วมมือข้าเสียแล้วเจียงเซวียน’
4 การโต้เถียงระหว่างพี่น้อง ในใจของเหอซือซือยามนี้ภาวนาให้พี่ชายของสหายมีคนมาเรียกตัวไปด่วน นางจะได้ไม่ต้องนั่งร่วมรถม้ากับเขา ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่านางจะต้องเกาะแข้งเกาะขาพระเอกอย่างเขาเพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ถึงตอนจบ แต่ทว่านางกลับรู้สึกว่าคนผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด ยามเขาเอ่ยวาจา เขาเหมือนกำลังไล่ต้อนและมองนางเป็นเหยื่อ
“โอ๊ะ! นั่นคุณหนูเหริน มิใช่หรือ พี่รองนางคงมารอท่านใช่หรือไม่” เจียงเซียวเล่อรีบเอื้อมมือไปเขย่าตัวพี่ชายให้ตื่นขึ้นเพื่อมองสตรีที่กำลังจะเดินเข้าจวน “นางจะมารอข้าด้วยเหตุใด ไม่ได้สนิทสนมกันเสียหน่อย” “ไม่ได้สนิทกันจริงหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินว่านางไปหาท่านที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง” “เซียวเล่อ เจ้าลืมแล้วหรือพี่ชายของเจ้าเปิดร้านเหวินจื้อเพื่อขายภาพวาดและของล้ำค่า ทั้งยังรับจ้างหาของหายากให้ผู้ว่าจ้าง คุณหนูผู้นั้นเป็นเพียงผู้ว่าจ้าง หาได้สนิทสนมกับพี่ไม่” เขากล่าวจบก็ลืมตาขึ้นหันไปจ้องมองน้องสาวแต่สายตากลับเลยไปมองสตรีที่นั่งนิ่งคล้ายกับไม่รับรู้บทสนทนาของสองพี่น้อง “ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้วสตรีผู้นั้นใช้ข้ออ้างเรื่องการว่าจ้างเพื่อเข้าหาท่าน แต่ท่านก็ไม่เชื
สิ่งใดที่ควรกล่าวก็กล่าวไปหมดแล้ว คุณชายรองเจียงจึงเดินตามพ่อบ้านไปพบเหอฮูหยินตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ คล้อยหลังพี่ชายรูปงามของสหายได้ไม่นาน นางก็เริ่มเปิดปากเอ่ยถามเรื่องของเหรินเซียวเหยาทันที “เมื่อครู่ที่เจ้าสนทนากับพี่ชายในรถม้า เรื่องคุณหนูเหริน แท้จริงนางยังไม่ได้เป็นคนรักของพี่ชายเจ้าหรือ” “ก็ยังน่ะสิ แม้จะพยายามเข้าหาเพียงใด พี่ชายข้าก็ยังไม่หลวมตัวเสียที ข้าจึงกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะพลาดพลั้งให้กับมารยาของเหรินเสี่ยวเหยา” “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ค่อยชอบนางนะ” “ข้าไม่ชอบสตรีที่ทั่วทั้งตัวมีแต่วาจาโกหก ทั้งยังเสแสร้งเช่นสตรีดอกบัวขาว แสร้งทำตนเองงดงามและสูงส่ง แต่แท้จริงก็เป็นเพียงดอกบัวที่แปดเปื้อนเพราะฝีมือตนเอง” ‘น้องสามีกับว่าที่พี่สะใภ้ไม่ถูกกัน’ ในจวนเจียงคงครึกครื้นไม่น้อย “เล่อเล่อ แต่หากพี่ชายของเจ้าพึงใจนางขึ้นมาจริง ๆ เจ้าก็ต้องยอมรับมันนะ” “ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางยอมรับสตรีผู้นั้นเข้ามาในตระกูลเจียงเด็ดขาด เจ้าอย่าได้คิดเข้าข้างนางเพียงเพราะจวนอยู่ใกล้กัน” พูดแล้วก็รู้
“เจ้าชื่นชอบเหอซือซือในฐานะใด สหายหรือคนรัก?” คำถามของพี่ชายคนรองทำให้นางชะงักไปเล็กน้อย นั่นสิ! นางชื่นชอบซือซือในฐานะใด หากไม่เพราะยามใกล้ชิดเกินพอดีกับเผยหลี่จุนแล้วนางรู้สึกแปลก ๆ นางคงสามารถตอบได้อย่างมั่นใจว่าพึงใจสหายในฐานะคนรัก แต่ยามนี้นางกลับไม่มั่นใจในความรู้สึกของตนมากนัก หรือนางจะชื่นชอบเหอซือซือเพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย ทั้งยังรู้สึกสบายใจยามได้สนทนาและชอบอีกฝ่ายในฐานะสหายจริง ๆ “เรื่องนั้นท่านจะอยากทราบไปด้วยเหตุใด” ในเมื่อยังไม่มั่นใจนางก็จะไม่กล่าวมันออกไปเด็ดขาด “เจ้าก็อยากจะทราบเรื่องพี่ไปด้วยเหตุใด” “ข้าไม่ถามท่านแล้วก็ได้ แต่พี่รอง! ท่านอย่ามายุ่ง
“ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่เจ้ากับนางเคยยื้อแย่งกับเมื่อตอนเป็นเด็ก จนสุดท้ายมันหล่นแตกไม่มีใครได้ไปสักคนใช่หรือไม่” มุมปากของเผยหลี่จุนยกยิ้ม คงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมากจึงมีความชื่นชอบเหมือนกันกระมัง “แล้วเจ้าจะเกี้ยวพาเซียวเล่อเช่นไร” “ก่อนอื่นข้าจะพักที่จวนเจียงอย่างไม่มีกำหนดกลับเพื่อคอยสอดส่องดูแลนางไม่ให้ทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับคุณหนูเหอ” “งานที่ปราสาทเมฆามิใช่ว่าขาดเจ้าไม่ได้หรือ” “เรื่องนั้นข้ามีหนทางจัดการงาน” ก็แค่หากมีเรื่องใดต้องลงนามก็ให้ไป๋เซ่อกับเฮยเซ่อสลับกันนำมาส่งให้ แล้วทิ้งอีกคนให้ดูแลจัดการปราสาทเมฆา หากไ
บทนำ นัยน์ตาคมจ้องมองไปที่ห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มคล้ายเยาะเย้ยคนที่อยู่ในห้องแห่งนั้น “วันนี้ท่านจะมาประมูลสิ่งใดหรือเจ้าคะ” “คุณหนูเหรินมาว่าจ้างพี่ให้หากู่ฉินของปรมาจารย์หลี่เต๋อ เห็นว่าเป็นหนึ่งในของที่เข้าประมูลวันนี้” ‘ดูเหมือนเหรินเสี่ยวเหยาจะใช้เรื่องนี้เข้าหาเขาสินะ’ นางชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะนิ่งคิด “พี่เพียงทำตามหน้าที่ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” “ข้าไม่คิดมากหรอกเจ้าค่ะ เราไม่ได้เป็นอันใดกันสักหน่อย ปล่อยข้าได้แล้วเจ้าค่ะ” คนเริ่มมาเยอะแล้วประเดี๋ยวเกิดมีคนรู้จักมาเห็นเข้า ชื่อเสียงของนางคงป่นปี้หมด “ซือซือเจ้ากำลังกินน้ำส้ม[1]ใช่หรือไม่ กลิ่นถึงได้ฉุนจมูกยิ่งนัก” “ข้าไม่ได้...” “เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องที่นางร้ายกาจต่อเจ้าพี่ย่อมเอาคืน วันนี้หากพี่ได้พิณมาในราคาหนึ่งพันตำลึงทอง พี่ก็เพียงไปเก็บเงินนางห้าพันตำลึงทอง แล้วนำส่วนต่างที่ได้เก็บใส่หีบสินสอดเตรียมไว้สู่ขอเจ้า”
1 สหายที่ดีของเจ้าคือข้าเอง เพิ่งจะลองเปิดใจอ่านนิยายเรื่องแรกเพราะการรบเร้าของหลิวอี้หลานเพื่อนรักที่ชอบเพ้อฝันอยากทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายและได้กลายเป็นนางเอกของนิยายเรื่องนั้น แต่เหตุใดนางที่เพิ่งอ่านนิยายเล่มนั้นไปได้เล็กน้อย ถึงได้รับสิทธิ์นั้นกันเนี่ย ‘เฮ้อ! นี่ฉันต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกนิยายแห่งนี้จริง ๆ เหรอ’ สุดท้ายก็ได้แต่ทอดถอนในใจตามลำพัง เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเธอเองแล้ว ว่าต่อให้เธอถูกฆ่าตายในโลกแห่งนี้ เธอก็ไม่มีทางจะกลับไปเป็นพนักงานออฟฟิศที่โสดสนิทเพราะการทำโอทีฟรีเกือบทุกวันอย่างเหอซือซือในยุคสองพันยี่สิบสี่ เพราะเธอตายด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ไม่มีทางจะไปนอนโคม่าอยู่ในห้องไอซียูเช่นนางเอกบางเรื่องที่เพื่อนชอบมาเล่าให้ฟัง ‘สวรรค์! คนที่อยากทะลุมิติมาอยู่ในนิยาย แก้ไขชะตาชีวิตของตัวละคร เป็นหลิวอี้หรานไม่ใช่ข้า พวกท่านเข้าใจผิดไปหรือไม่’ แม้จะถอนหายใจหรือเงยหน้ามองท้องฟ้าซ้ำ สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ร
“ไม่มี เจ้าอย่าได้สนใจสาวใช้พวกนี้เลย เจ้าเป็นสหายข้า ต่อให้ทำเรื่องไม่เหมาะสมข้าก็ไม่ถือสาหรอก” กล่าวจบก็หันไปส่งสายตาดุให้สือหลิวและจี้เอ๋อ ทั้งสองจึงได้แต่ก้มหน้าแสร้งทำไม่เห็นอีก เป็นคุณหนูจวนแม่ทัพ อย่างไรก็มีความเด็ดขาดและกลิ่นอายน่าเกรงขามบางอย่างแฝงอยู่ “แต่เจ้าสามารถบอกหรือตักเตือนข้าได้นะ เราเป็นสหายกันมีเรื่องใดล้วนต้องสนทนากันตามตรง” กล่าวจบนางก็จ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างจริงใจ เจียงเซียวเล่อผู้นี้รักสหายเช่นเหอซือซือมากทีเดียว ทั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งที่สอง “เพราะเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าถึงอยากได้เป็นสหายกับเจ้า” ทั่วเมืองหลวงคงมีเพียงคุณหนูเหอผู้นี้กระมังที่ไม่ได้เข้าหานางเพราะพี่ชาย ส่วนคุณหนูคนอื่นน่ะหรือ หึ! อย่าให้กล่าวถึงเลย “ข้าก็ดีใจที่ได้เป็นสหายของเจ้า” “เจ้าไม่อยากดมน้ำมันหอมกลิ่นหมู่ตานแล้วหรือ” “อยากสิ เช่นนั้นข้าต้องขอเสียมารยาทแล้ว” กล่าวจบนางก็ยื่นใบหน้าเข้าใกล้แล้วทำจมูกฟุดฟิดสูดหากลิ่นหอมบริเวณอกเสื้อของสหาย “พอจะได้กลิ่นหรือไม่” “หอมไม่น้อย
“ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่เจ้ากับนางเคยยื้อแย่งกับเมื่อตอนเป็นเด็ก จนสุดท้ายมันหล่นแตกไม่มีใครได้ไปสักคนใช่หรือไม่” มุมปากของเผยหลี่จุนยกยิ้ม คงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมากจึงมีความชื่นชอบเหมือนกันกระมัง “แล้วเจ้าจะเกี้ยวพาเซียวเล่อเช่นไร” “ก่อนอื่นข้าจะพักที่จวนเจียงอย่างไม่มีกำหนดกลับเพื่อคอยสอดส่องดูแลนางไม่ให้ทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับคุณหนูเหอ” “งานที่ปราสาทเมฆามิใช่ว่าขาดเจ้าไม่ได้หรือ” “เรื่องนั้นข้ามีหนทางจัดการงาน” ก็แค่หากมีเรื่องใดต้องลงนามก็ให้ไป๋เซ่อกับเฮยเซ่อสลับกันนำมาส่งให้ แล้วทิ้งอีกคนให้ดูแลจัดการปราสาทเมฆา หากไ
“เจ้าชื่นชอบเหอซือซือในฐานะใด สหายหรือคนรัก?” คำถามของพี่ชายคนรองทำให้นางชะงักไปเล็กน้อย นั่นสิ! นางชื่นชอบซือซือในฐานะใด หากไม่เพราะยามใกล้ชิดเกินพอดีกับเผยหลี่จุนแล้วนางรู้สึกแปลก ๆ นางคงสามารถตอบได้อย่างมั่นใจว่าพึงใจสหายในฐานะคนรัก แต่ยามนี้นางกลับไม่มั่นใจในความรู้สึกของตนมากนัก หรือนางจะชื่นชอบเหอซือซือเพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย ทั้งยังรู้สึกสบายใจยามได้สนทนาและชอบอีกฝ่ายในฐานะสหายจริง ๆ “เรื่องนั้นท่านจะอยากทราบไปด้วยเหตุใด” ในเมื่อยังไม่มั่นใจนางก็จะไม่กล่าวมันออกไปเด็ดขาด “เจ้าก็อยากจะทราบเรื่องพี่ไปด้วยเหตุใด” “ข้าไม่ถามท่านแล้วก็ได้ แต่พี่รอง! ท่านอย่ามายุ่ง
สิ่งใดที่ควรกล่าวก็กล่าวไปหมดแล้ว คุณชายรองเจียงจึงเดินตามพ่อบ้านไปพบเหอฮูหยินตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ คล้อยหลังพี่ชายรูปงามของสหายได้ไม่นาน นางก็เริ่มเปิดปากเอ่ยถามเรื่องของเหรินเซียวเหยาทันที “เมื่อครู่ที่เจ้าสนทนากับพี่ชายในรถม้า เรื่องคุณหนูเหริน แท้จริงนางยังไม่ได้เป็นคนรักของพี่ชายเจ้าหรือ” “ก็ยังน่ะสิ แม้จะพยายามเข้าหาเพียงใด พี่ชายข้าก็ยังไม่หลวมตัวเสียที ข้าจึงกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะพลาดพลั้งให้กับมารยาของเหรินเสี่ยวเหยา” “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ค่อยชอบนางนะ” “ข้าไม่ชอบสตรีที่ทั่วทั้งตัวมีแต่วาจาโกหก ทั้งยังเสแสร้งเช่นสตรีดอกบัวขาว แสร้งทำตนเองงดงามและสูงส่ง แต่แท้จริงก็เป็นเพียงดอกบัวที่แปดเปื้อนเพราะฝีมือตนเอง” ‘น้องสามีกับว่าที่พี่สะใภ้ไม่ถูกกัน’ ในจวนเจียงคงครึกครื้นไม่น้อย “เล่อเล่อ แต่หากพี่ชายของเจ้าพึงใจนางขึ้นมาจริง ๆ เจ้าก็ต้องยอมรับมันนะ” “ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางยอมรับสตรีผู้นั้นเข้ามาในตระกูลเจียงเด็ดขาด เจ้าอย่าได้คิดเข้าข้างนางเพียงเพราะจวนอยู่ใกล้กัน” พูดแล้วก็รู้
“โอ๊ะ! นั่นคุณหนูเหริน มิใช่หรือ พี่รองนางคงมารอท่านใช่หรือไม่” เจียงเซียวเล่อรีบเอื้อมมือไปเขย่าตัวพี่ชายให้ตื่นขึ้นเพื่อมองสตรีที่กำลังจะเดินเข้าจวน “นางจะมารอข้าด้วยเหตุใด ไม่ได้สนิทสนมกันเสียหน่อย” “ไม่ได้สนิทกันจริงหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินว่านางไปหาท่านที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง” “เซียวเล่อ เจ้าลืมแล้วหรือพี่ชายของเจ้าเปิดร้านเหวินจื้อเพื่อขายภาพวาดและของล้ำค่า ทั้งยังรับจ้างหาของหายากให้ผู้ว่าจ้าง คุณหนูผู้นั้นเป็นเพียงผู้ว่าจ้าง หาได้สนิทสนมกับพี่ไม่” เขากล่าวจบก็ลืมตาขึ้นหันไปจ้องมองน้องสาวแต่สายตากลับเลยไปมองสตรีที่นั่งนิ่งคล้ายกับไม่รับรู้บทสนทนาของสองพี่น้อง “ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้วสตรีผู้นั้นใช้ข้ออ้างเรื่องการว่าจ้างเพื่อเข้าหาท่าน แต่ท่านก็ไม่เชื
4 การโต้เถียงระหว่างพี่น้อง ในใจของเหอซือซือยามนี้ภาวนาให้พี่ชายของสหายมีคนมาเรียกตัวไปด่วน นางจะได้ไม่ต้องนั่งร่วมรถม้ากับเขา ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่านางจะต้องเกาะแข้งเกาะขาพระเอกอย่างเขาเพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ถึงตอนจบ แต่ทว่านางกลับรู้สึกว่าคนผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด ยามเขาเอ่ยวาจา เขาเหมือนกำลังไล่ต้อนและมองนางเป็นเหยื่อ
“ขออภัยที่ข้ามีตาหามีแววไม่ เพราะไม่ทราบจริง ๆ ว่าท่านคือพี่รองของเล่อเล่อ ข้าจึงไม่ได้ทักทาย และวันนั้นข้าต้องขอโทษจริง ๆ นะเจ้าคะที่เสียมารยาทแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาจากท่าน หวังว่าคุณชายรองเจียงจะมีเมตตาให้อภัยข้าที่ไม่รู้ความเจ้าค่ะ” หมดกันท่าทางออดอ้อนที่ฝึกหน้ากระจกหวังให้พระเอกเอ็นดู พบเจอกันครั้งแรกว่าไม่ประทับใจแล้ว ครั้งที่สองก็ยิ่งไม่น่าประทับใจ แล้วเขาจะเอ็นดูนางได้เช่นไร แต่เอาเถิดตราบใดที่นางยังเป็นสหายที่แสนดีของเจียงเซียวเล่อ นางก็ยังมีเกราะปกป้องคุ้มครอง “แย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกันซือซือ” คุณหนูเจียงจับมือสหายพลางเอ่ยถาม “ข้าเห็นว่าเจ้าอยากกินเสี่ยวหลงเปาร้านท่านป้าจางมาก วันนั้นพ
“พี่ชายท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ วันนี้บังเอิญได้พบกัน ข้าต้องขอโทษเรื่องที่แย่งเสี่ยวหลงเปาจากท่านจริง ๆ” นางเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายอย่างจริงใจ รูปก็งามหน้าตาก็หล่อเหลาไม่คิดเลยว่าใจคอจะคับแคบเช่นนี้ ‘วันนี้ที่จวนตระกูลเจียงมีงานเลี้ยง คนผู้นี้หากไม่เป็นญาติของสหายนาง ก็คงเป็นคุณชายที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเจียง’ “วันนั้นเจ้าบอกว่าต้องนำเสี่ยวหลงเปาไปให้สหาย...” “เจ้าค่ะ นางป่วยข้าอยากให้นางได้กินของอร่อย จึงทำตัวเสียมารยาทกับท่านไป ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” นางกล่าวก่อนจะส่งยิ้มคล้ายออดอ้อนให้อีกฝ่ายยอมให้อภัย “แล้วนางได้กินหรือไม่ มิใช่เจ้าแอบกินไปก่อน” “ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าตัวเจ้ามีเจ้าของจับจองแล้ว” กล่าวจบใบหน้าคมคายของสหายพี่ชายก็ยื่นเข้ามาใกล้ “ข้าจำได้ว่าตนเองยังไม่มีคู่หมายนะเจ้าคะ” นางผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอยออกห่างด้วยหัวใจที่เต้นระรัวยิ่งกว่ายามสหายเข้าใกล้อีก “ที่ยังไม่มีคู่หมายเพราะเมื่อถึงเวลาก็จะได้กลายเป็นฮูหยินเลยต่างหาก” กล่าวจบเผยหลี่จุนก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยติดเย็นชาต่างจากท่าทางขี้เล่นชอบหยอกเย้านางเช่นทุกครั้ง “พี่หลี่จุน ท่านบอกข้าก่อนสิเจ้าคะ ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร กลับมาบอกข้าก่อนเจ้าค่ะ” คุณหนูเจียงส่งเสียงร้องเรียกตามหลังบุรุษที่เดินหายลับไปจากสายตาแล้ว ‘พี่หลี่จุนหมายความถึงใคร พี่รองทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากทราบเหตุใดถึงไม่บอกกล่าวน้องสาวเช่นนาง
“วันนี้พี่หลี่จุนดูแปลก ๆ นะเจ้าคะ จะลุกจะนั่งท่านเคยขออนุญาตข้าที่ใดกัน” เจียงเซียวเล่อกล่าวอย่างไม่ได้คิดอันใดในตอนแรกก่อนจะชะงักแล้วหันมามองสหายของพี่ชาย “พี่เพิ่งทราบว่ารองเจ้ากรมยุติธรรมเหอมีบุตรสาวที่หน้าตาน่ารักเช่นนี้” ท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาที่ทรุดกายลงนั่งข้างคุณหนูเหอกล่าว สายตาจับจ้องที่อีกฝ่ายอย่างไม่วางตา “พี่หลี่จุน ท่านจะไปเจ้าชู้ประตูดินกับใครก็ได้ แต่ห้ามมาทำกับสหายของข้า” เจียงเซียวเล่อกล่าวก่อนจะลุกมายืนเบียดแทรกตรงกลางเพื่อไม่ให้สหายของพี่ชายได้จ้องมองนาง “พี่แค่อยากสนทนากับคนงาม พี่ผิดที่ใด ที่ผ่านมาพี่หาได้ทำตัวเจ้าสำราญหยอกเย้าสตรีไปทั่วไม่” “ผิดเจ้าค่ะ ข้าไม่อนุญาตให้ท่านข้องแวะกับสหายของข้า”