1
สหายที่ดีของเจ้าคือข้าเอง
เพิ่งจะลองเปิดใจอ่านนิยายเรื่องแรกเพราะการรบเร้าของหลิวอี้หลานเพื่อนรักที่ชอบเพ้อฝันอยากทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายและได้กลายเป็นนางเอกของนิยายเรื่องนั้น แต่เหตุใดนางที่เพิ่งอ่านนิยายเล่มนั้นไปได้เล็กน้อย ถึงได้รับสิทธิ์นั้นกันเนี่ย
‘เฮ้อ! นี่ฉันต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกนิยายแห่งนี้จริง ๆ เหรอ’ สุดท้ายก็ได้แต่ทอดถอนในใจตามลำพัง เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเธอเองแล้ว ว่าต่อให้เธอถูกฆ่าตายในโลกแห่งนี้ เธอก็ไม่มีทางจะกลับไปเป็นพนักงานออฟฟิศที่โสดสนิทเพราะการทำโอทีฟรีเกือบทุกวันอย่างเหอซือซือในยุคสองพันยี่สิบสี่ เพราะเธอตายด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ไม่มีทางจะไปนอนโคม่าอยู่ในห้องไอซียูเช่นนางเอกบางเรื่องที่เพื่อนชอบมาเล่าให้ฟัง
‘สวรรค์! คนที่อยากทะลุมิติมาอยู่ในนิยาย แก้ไขชะตาชีวิตของตัวละคร เป็นหลิวอี้หรานไม่ใช่ข้า พวกท่านเข้าใจผิดไปหรือไม่’ แม้จะถอนหายใจหรือเงยหน้ามองท้องฟ้าซ้ำ สุดท้ายเธอก็ไม่ได้รับคำตอบ
และเมื่อเวลาผ่านไปหลายวัน เธอก็เริ่มที่จะทำใจและพยายามเค้นสมองคิดถึงเรื่องราวในนิยายที่อ่านยังไม่จบ ว่าตัวประกอบชื่อเดียวกับนางนี้เป็นคนอย่างไร
ในนิยาย ‘เหอซือซือ’ เป็นคุณหนูนิสัยแย่ที่ชักจูงและสนับสนุนน้องสาวของพระเอกให้กลายเป็นคนร้ายกาจ สุดท้ายพากันไปกลั่นแกล้งสตรีในดวงใจของพระเอกจนนางเกือบตาย จึงโดนพระเอกเอาคืนด้วยการวางยาปลุกกำหนัดแล้วพาตัวไปทิ้งไว้กลางป่า สุดท้ายธาตุไฟเข้าแทรกตายกลางป่าอย่างอนาจ และเธอก็อ่านได้ถึงตรงนี้ก่อนจะสิ้นชีวิตไป
‘ข้าตายเพราะเครื่องบินตกจนต้องมาอยู่ในร่างนี้ หลังจากนี้อีกหนึ่งปีก็จะต้องตายเพราะเวรกรรมที่ทำไว้กับผู้อื่นอีกหรือนี่ ไม่มีทาง! ในเมื่อข้ามีโอกาสได้กลับมาใช้ชีวิต ข้าจะไม่มีวันยอมตายเร็วเด็ดขาด’ ต่อจากนี้ข้าจะเป็นเหอซือซือเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิมเอง รับรองคนอ่านอย่างพวกท่านต้องเอ็นดูข้า...
กว่าจะสามารถปรับตัวและสวมบทบาทเป็นเหอซือซือคุณหนูจวนเหอ บุตรสาวรองเจ้ากรมยุติธรรมได้ เวลาก็ผ่านไปนับสิบวัน
“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูเจียงมาขอพบเจ้าค่ะ”
“คุณหนูเจียง? เจียงเซียวเล่อหรือ” จากความทรงจำในร่างนี้ทั้งสองคนเพิ่งจะได้พบกันในงานเลี้ยงที่จวนเจ้ากรมโยธาเหว่ยเมื่อสิบกว่าวันก่อน
“เจ้าค่ะ”
“รีบเชิญเข้ามาเถิด” นางรีบปิดตำราที่กำลังอ่านอยู่แล้วลุกจากตั่งเพื่อจัดอาภรณ์ให้เรียบร้อย
ไม่กี่ชั่วอึดใจสาวใช้ของตระกูลเหอก็พาสหายคนใหม่ของนางเดินเข้ามาหา
“ซือซือ ขออภัยที่ข้ามาหาเจ้าโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า” เจียงเซียวเล่อที่เพิ่งพบสหายถูกใจกล่าว
“เจ้านับข้าเป็นสหายแล้วมิใช่หรือ เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น เป็นสหายกันหากจะพบกันต้องแจ้งล่วงหน้าด้วยหรือ” เหอซือซือ กล่าวพลางเอียงคอทำแก้มป่องอย่างน่ารัก หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย
“เช่นนั้นต่อจากนี้ข้าสามารถมาหาเจ้าที่จวนบ่อย ๆ ได้ใช่หรือไม่”
“ย่อมได้ จวนตระกูลเหอยินดีต้อนรับเจ้า” เหอซือซืออมยิ้มกับท่าทางตื่นเต้น คงเป็นเพราะตระกูลเจียงเป็นตระกูลแม่ทัพทั้งบิดาและพี่ชายคนโต ก็ล้วนแต่อยู่ในกองทัพ สหายผู้นี้ที่ไร้มารดาดูแลจึงต้องอยู่ที่จวนกับพี่ชายคนรองเพียงลำพัง และพี่ชายคนนี้ก็ยังเป็นพระเอกของเรื่องนี้ด้วย
“ข้าดีใจยิ่งนักที่มีเจ้าเป็นสหาย” วันนั้นนางคิดถูกจริง ๆ ที่ตัดสินใจเข้าไปทักทายสตรีที่เอาแต่จ้องมองขนมตรงหน้าด้วยท่าทางตื่นเต้น จากต่างคุณหนูพวกนั้นที่เอาแต่จ้องมองพี่รองด้วยแววตาลุ่มหลง
“ข้าก็ดีใจที่สหายคนแรกของเจ้าเป็นข้า” ขอเพียงนางทำดีกับสหายผู้นี้ พี่ชายของเขาก็จะเอ็นดูนางไปด้วย เกาะแข้งเกาะขาพระเอกให้แน่น นางย่อมมีชีวิตยืนยาว
โชคดีจริง ๆ ที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้ตอนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ ๆ ยังไม่ทันได้ยุยงน้องสาวของพระเอกในเรื่องที่ไม่ดี
“ข้าให้เจ้า” คุณหนูเจียงยื่นขวดแก้วสลักลวดลายแปลกตาคล้ายเครื่องแก้วโบราณที่นางเคยเห็นในโลกก่อน
“มันคือสิ่งใดหรือ” นางรับมาก่อนจะเอียงซ้ายมองขวาเจ้าขวดแก้วในมืออย่างพิจารณา
“น้ำมันหอมเหมยกุ้ย[1]น่ะ เจ้าลองเปิดดมสิชอบหรือไม่”
“น้ำมันหอมหรือ” แววตาของเหอซือซือเป็นประกาย น้ำมันหอมที่ว่ามันคือน้ำหอมยุคโบราณมิใช่หรือ อยากยกนิ้วให้นักเขียนเสียจริง ที่สร้างสรรค์สิ่งนี้เอาไว้ด้วย
‘อืม...จะว่าอย่างไรดีเล่า มันก็หอมอยู่นะ แต่กลิ่นอ่อนไปหน่อย แต่ก็เอาเถิดมันใช้ได้ผลกว่าถุงหอมมากนัก’ นางก้มหน้าคิดพลางดมอย่างพิจารณา ก่อนจะเอาแตะบริเวณข้อมือแล้วถูกันไปมาเพื่อลองดมอีกครั้ง
ไม่เลวแฮะ ทำได้ดีทีเดียว...
“หอมหรือไม่” เจียงเซียวเล่อเอ่ยถาม แววตาที่จ้องมองสหายแฝงความคาดหวังเต็มเปี่ยม
“หอมยิ่งนัก ข้าว่าหอมเร็วกว่าถุงหอมที่พวกเราห้อยเสียอีก มิเชื่อเจ้าลองดมดูสิ” กล่าวจบก็ยื่นข้อมือขาวเนียนไปจ่อที่จมูกของสหาย
“อ่ะ อืม” คุณหนูจวนแม่ทัพคล้ายจะตกใจเล็กน้อยกับความสนิทสนมที่สหายมีให้ ก่อนจะทำตามที่อีกฝ่ายบอก
“เป็นอย่างไรบ้าง หอมหรือไม่”
“หอม ช่างเหมาะสมกับเจ้ายิ่งนัก ข้าคิดถูกแล้วที่ซื้อมาให้เจ้า” เจียงเซียวเล่อตอบใบหูแดงขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าซื้อจากที่ใดหรือ หากใช้หมดแล้วข้าจะได้ไปซื้อบ้าง”
“เมื่อหลายวันก่อนข้าเพิ่งไปที่เมืองไห่หยางกับพี่รอง พบพวกโฝหลางจี[2]มาค้าขาย คราแรกเห็นขวดน่าสนใจข้าจึงไปสอบถามพอรู้ได้ลองจึงรู้ว่ามันหอม เลยซื้อมาฝากเจ้าด้วย”
“คงแพงไม่น้อย”
“ไม่แพงมากนัก ข้าก็ซื้อให้ตนเองด้วยเป็นน้ำมันหอมหมู่ตาน[3] วันนี้ข้าใส่มันมาด้วยนะ”
“จริงหรือ ข้าขอดมกลิ่นได้หรือไม่ อยากรู้ว่ามันจะหอมเหมือนเหมยกุ้ยหรือไม่” สิ้นเสียงนางก็ขยับตัวเข้าใกล้ก่อนจะยื่นจมูกดมหากลิ่นน้ำมันหอมบริเวณใกล้ซอกคอทั้งสองฝั่ง เมื่อไม่พบกลิ่นหอมที่ต้องการจึงเปลี่ยนไปจับข้อมือสหายขึ้นมาดม
ซึ่งคนที่อ่อนประวัติศาสตร์ จะอ่านนิยายก็อ่านได้เพียงครึ่งเรื่องก็ต้องตาย จึงไม่รู้ตัวว่าการกระทำของตนนั้นไม่เหมาะสม จนทำให้สือหลิวและจี้เอ๋อสาวใช้ของคุณหนูตระกูลเจียงรีบวิ่งเข้ามาเพื่อห้ามปราม
“ขะ ข้าเพิ่งเคยใช้น้ำมันหอมเป็นครั้งแรกจึงหยดใส่อาภรณ์ตรงนี้ไม่กล้าใส่มากเกินไป” เจียงเซียวเล่อรู้สึกเหมือนลมหายใจสะดุด แม้รอยยิ้มจะยังคงประดับบนใบหน้าหวานเล็กน้อยแต่ทว่าใบหูนางกลับแดงอย่างผิดปกติ
“ไหนข้าขอดม...” นางยังไม่ทันได้ยื่นจมูกเข้าไปใกล้บริเวณสาบเสื้อ สาวใช้ก็รีบเอ่ยถามด้วยสีหน้าร้อนรน
“คุณหนูกำลังทำอันใดอยู่เจ้าคะ”
“ข้าก็กำลังจะลองดมน้ำมันหอมของสหายมีอันใดหรือ” เหอซือซือคล้ายจะไม่ทราบว่าตนได้ทำเรื่องไม่เหมาะสมลงไป นางจึงหันไปเอ่ยถามสาวใช้ของตนด้วยสีหน้างุนงง
“แม้เป็นสตรีเหมือนกันแต่ก็ไม่อาจใกล้ชิด...” จี้เอ๋อกำลังจะช่วยอธิบายแต่ก็ถูกผู้เป็นนายเอ่ยวาจาขัดก่อน
“ข้าเป็นนายของเจ้ายังไม่เดือดร้อน เจ้าจะมาร้อนรนอันใดกัน” เจียงเซียวเล่อหันไปมองสาวใช้คนสนิทที่บังอาจมาทำลายบรรยากาศดี ๆ เมื่อครู่
“มีอันใดกันหรือ ข้าทำเรื่องใดไม่เหมาะสมลงไปหรือไม่” นางไม่เข้าใจ ตอนหลิวอี้หรานสหายในโลกโน้นของนางซื้อน้ำหอมมา นางก็ขอดมเช่นนี้ มันก็ไม่ได้ผิดอันใดไม่ใช่หรือ
“ไม่มี เจ้าอย่าได้สนใจสาวใช้พวกนี้เลย เจ้าเป็นสหายข้า ต่อให้ทำเรื่องไม่เหมาะสมข้าก็ไม่ถือสาหรอก” กล่าวจบก็หันไปส่งสายตาดุให้สือหลิวและจี้เอ๋อ ทั้งสองจึงได้แต่ก้มหน้าแสร้งทำไม่เห็นอีก
[1] ดอกกุหลาบ
[2] คนสมัยราชวงศ์หมิงใช้เรียกชาวโปรตุเกส
[3] โบตั๋นหรือพีโอนี
“ไม่มี เจ้าอย่าได้สนใจสาวใช้พวกนี้เลย เจ้าเป็นสหายข้า ต่อให้ทำเรื่องไม่เหมาะสมข้าก็ไม่ถือสาหรอก” กล่าวจบก็หันไปส่งสายตาดุให้สือหลิวและจี้เอ๋อ ทั้งสองจึงได้แต่ก้มหน้าแสร้งทำไม่เห็นอีก เป็นคุณหนูจวนแม่ทัพ อย่างไรก็มีความเด็ดขาดและกลิ่นอายน่าเกรงขามบางอย่างแฝงอยู่ “แต่เจ้าสามารถบอกหรือตักเตือนข้าได้นะ เราเป็นสหายกันมีเรื่องใดล้วนต้องสนทนากันตามตรง” กล่าวจบนางก็จ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างจริงใจ เจียงเซียวเล่อผู้นี้รักสหายเช่นเหอซือซือมากทีเดียว ทั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งที่สอง “เพราะเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าถึงอยากได้เป็นสหายกับเจ้า” ทั่วเมืองหลวงคงมีเพียงคุณหนูเหอผู้นี้กระมังที่ไม่ได้เข้าหานางเพราะพี่ชาย ส่วนคุณหนูคนอื่นน่ะหรือ หึ! อย่าให้กล่าวถึงเลย “ข้าก็ดีใจที่ได้เป็นสหายของเจ้า” “เจ้าไม่อยากดมน้ำมันหอมกลิ่นหมู่ตานแล้วหรือ” “อยากสิ เช่นนั้นข้าต้องขอเสียมารยาทแล้ว” กล่าวจบนางก็ยื่นใบหน้าเข้าใกล้แล้วทำจมูกฟุดฟิดสูดหากลิ่นหอมบริเวณอกเสื้อของสหาย “พอจะได้กลิ่นหรือไม่” “หอมไม่น้อย
“สือหลิว ข้ายิ้มเช่นนี้น่าเอ็นดูหรือไม่” เหอซือซือกระตุกชายอาภรณ์ของสาวใช้ก่อนจะส่งยิ้มให้ดู “ไม่ว่าคุณหนูจะยิ้มเช่นไรก็ล้วนงดงามและน่าเอ็นดูเจ้าค่ะ” สือหลิวกล่าวตามความจริง ดวงหน้าหวานที่มีเครื่องหน้าลงตัว ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อได้สบตากับดวงตาเมล็ดซิ่งของคุณหนู สาวใช้เช่นตนมั่นใจว่าคนผู้นั้นล้วนเอ็นดูคุณหนู “เจ้าเยินยอข้าเช่นนี้ เชื่อได้หรือ” ถามห้าครั้งก็ตอบเช่นนี้ “บ่าวกล่าวตามความจริงเจ้าค่ะ คุณหนูงดงามราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ไม่ว่าใครพบเจอล้วนอยากทะนุถนอม” “ข้าว่าจะถามเจ้าก็ลืมไปเลย เมื่อวานตอนที่ข้ากำลังสนทนากับเล่อเล่ออยู่ เหตุใดเจ้ากับสาวใช้ของนางถึงได้ดูตกอกตกใจกัน” “แม้คุณหนูเจียงจะเป็นสตรีเช่นเดียวกันแต่อย่างไรการใกล้ชิดเกินไปก็ล้วนไม่เหมาะสม หากเมื่อวานเปลี่ยนเป็นคุณหนูไปทำเช่นนั้นนอกจวนแล้วมีคนมาเห็นเข้าคงเล่าลือกันว่าพวกท่านเป็นตุ้ยสือ[1]” ‘ตุ้ยสือหรือ? ใช่ที่เขาใช้เรียกสตรีที่รักกันหรือไม่’ เหมือนนางจะเคยเห็นในโลกโซเชียล แต่ในโลกเดิมนางกับหลิวอี้หรานที่สนิทกันก็ทำเช่นนี้ มันไม่ใช่เรื่อ
ชาที่นางนั่งจิบยังไม่ทันหายร้อน สือหลิวก็รีบมารายงานว่ารถม้าพร้อมแล้ว ช่างทำงานกันได้รวดเร็วเสียจริง “เจ้าทราบหรือไม่ว่าร้านท่านป้าจางที่ขายเสี่ยวหลงเปาอยู่ที่ใด” “ทราบเจ้าค่ะ แต่ร้านป้าจางเป็นตรอกแคบ รถม้าไม่อาจเข้าไปได้ คุณหนูรออยู่บนรถม้าประเดี๋ยวบ่าวจะลงไปซื้อให้เจ้าค่ะ” “ไม่ได้ เจ้าต้องไปซื้อเกาลัดต้มน้ำตาลที่โรงน้ำชาฉากุ้ยให้ข้า แยกย้ายกันไปซื้อจะได้ไม่ต้องใช้เวลามากประเดี๋ยวไม่ทันเล่อเล่อรับสำรับ” “เจ้าค่ะ” แม้อยากจะโต้แย้งแต่ทว่าก็จนใจด้วยเหตุผล เพราะหากไปด้วยกันคงกินเวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม และอาจจะไม่ทันคุณหนูเจียงรับสำรับ เนื่องจากโรงน้ำชาฉากุ้ยถึงก่อน นางจึงสั่งให้รถม้าจอดเพื่อให้สาวใช้คนสนิทลงไปก่อน “เมื่อซื้อเสร็จแล้วเจ้าก็อยู่รอที่นี่ ข้าจะมารับ” “เจ้าค่ะ” สือหลิวจำใจตอบตกลง พอส่งสาวใช้เสร็จแล้วนางก็สั่งรถม้าให้ไปที่ร้านป้าจางต่อ สายป่านนี้แล้วไม่รู้เสี่ยวหลงเปาจะยังมีอยู่หรือไม่ ‘ขอให้ยังมีเสี่ยวหลงเปาขายอยู่เถิด’ เมื่อวานนางได้บอกกล่าวท่านแม่แล้วว่าจะออ
2 การช่วยเหลือ เพราะต้องการเดินไปถึงจวนแม่ทัพเจียงให้เร็วที่สุด นางจึงรีบร้อนเดินเข้าตรอกเพื่อไปขึ้นรถม้าโดยไม่ทันได้ดูว่าตนเองนั้นได้เดินเข้าผิดตรอก กว่าจะรู้ตัวนั้นเท้าของนางก็คล้ายกับก้าวไปเยือนปรโลกข้างหนึ่งแล้ว “ชะ...” นางกำลังจะส่งเสียงร้องเมื่อเห็นคนถือดาบเปื้อนเลือดกำลังวิ่งมาทางนี้ แต่จู่ ๆ ก็มีมือของใครบางคนมาปิดปากแล้วพาตัวนางเข้าไปซ่อนในห้อง ๆ หนึ่งคล้ายกับห้องเก็บฟืน “พวกมันจะฆ่าปิดปากทุกคนที่เห็นหน้า หากเจ้าไม่อยากตายก็ทำตัวให้เงียบที่สุด” เสียงเข้มแฝงข่มขู่ของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นก่อนจะทรุดตัวลงนั่งโดยใช้ไม้ที่วางระเกะระกะบังตนเอง เมื่อเห็นดังนั้นนางจึงใช้ฟางที่กองอยู่แถวนั้นคลุมตนเองด้วยเช่นกัน สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของนางมีไม่ด้อยกว่าผู้อื่นหรอกนะ ‘ในเมื่อตั้งใจจะมีชีวิตยืนยาว ข้าไม่มีทางยอมตายอยู่ที่นี่หรอก’ ตึกตัก ๆ หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยคว
เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งรถม้าจากไป อิงอู่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องหาข้ออ้างมาปฏิเสธอีกฝ่ายเช่นคุณหนูคนก่อนหน้านี้ แล้วนำเสี่ยวหลงเปาที่ได้รับ ไปตรวจสอบพิษก่อนจะนำไปมอบให้คุณหนูสามผู้เป็นแก้วตาดวงใจของบุรุษตระกูลเจียง เจียงเซวียนเลิกคิ้วมองน้องสาวด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นในสำรับอาหารมีจานใบหนึ่งว่างเปล่า คล้ายกับเจียงเซียวเล่อถูกใจมันมากจนกินหมดไม่เหลือ “ดูเจ้ากินข้าวได้มากทีเดียว” เขากล่าวก่อนจะทรุดกายนั่งเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้าม “ที่คุณหนูกินจนหมดเป็นเสี่ยวหลงเปาที่คุณหนูเหอนำมาให้เจ้าค่ะ” เป็นจี้เอ๋อเอ่ยแทน เพราะนางเกลี้ยกล่อมให้คุณหนูกินอย่างอื่นด้วยแต่กลับโดนปฏิเสธ “สหายเจ้านำเส
คุณชายรองเจียงก้มมองเทียบเชิญเข้าร่วมพิธีปักปิ่นของน้องสาวอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรีบสั่งให้คนเตรียมรถม้าเขาจะออกนอกจวน เท่าที่เขาทราบรองเจ้ากรมยุติธรรมเหอเป็นขุนนางตงฉินที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ฝักใฝ่อำนาจ ไร้ความทะเยอทะยาน แม้จะค่อนข้างมีเงินถุงเงินถังเพราะเหอฮูหยินเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมขนาดกลางอย่างโรงเตี๊ยมไฉ่เหวินที่ต้อนรับตั้งแต่ชาวบ้านไปถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และแม้จะเปิดมาเกือบสิบเจ็ดปี แต่ทว่ายังมีลูกค้ามากมายสร้างรายได้ให้จวนเหอมากกว่าเบี้ยหวัดของรองเจ้ากรมยุติธรรมเหอช่างเสียอีก นัยน์ตาราบเรียบกวาดมองสองข้างทางในระหว่างที่เดินไปยังโถงกลางจึงได้เห็นเครื่องประดับและการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่ทว่าดูดี ทั้งยังมีสวนที่ปลูกดอกไม้ผสมผสานกับผลไม้ซึ่งต่างจากจวนอื่นที่มักจะปลูกต้นไม้มงคล ‘เรียบง่าย
เพราะมัวเหม่อลอยคิดเรื่องหอชายงามอยู่หันกลับมาอีกครั้งเขาก็ปลดเปลื้องอาภรณ์เปลือยแผงอกให้เรียบร้อยแล้ว “ข้าขออนุญาตเข้าไปใกล้ท่านได้หรือไม่” “หากเจ้าไม่เข้ามาใกล้จะพันแผลห้ามเลือดให้ข้าได้เช่นไร” กล่าวจบเขาก็มองหน้านางคล้ายกับต่อว่า ‘ช่างเป็นคำถามที่โง่เขลา’ “เจ้าค่ะ ๆ ข้าผิดเองที่ถามโดยไม่คิดไตร่ตรองก่อน” นางตอบรับก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้เขา “...” ชายบาดเจ็บแสร้งเบือนหน้าหนีแต่หางตายังคงจับจ้องใบหน้าของนาง ห้องร้างแห่งนี้ไม่ค่อยสว่างมาก นางจึงต้องยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ตัวเขา ก่อนจะเพ่งมองเพื่อกวาดสายตาหาบริเวณที่เป็นแผล แต่นางไม่รู้เลยว่ายามนางหายใจเป่ารดผิวกายของบุ
3 สหายของเจ้าช่างน่าเอ็นดู ในความคิดของนางพิธีปักปิ่นของคุณหนูจวนแม่ทัพน่าจะยิ่งใหญ่อลังการมีคนมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย ทั้งยังมีบรรดาฮูหยินต่างเลียบเคียงถามถึงคู่หมายของเจียงเซียวเล่อ เพื่อที่จะได้ส่งแม่สื่อมาเยือนจวนเจียงหวังเกี่ยวดอง แ
“ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่เจ้ากับนางเคยยื้อแย่งกับเมื่อตอนเป็นเด็ก จนสุดท้ายมันหล่นแตกไม่มีใครได้ไปสักคนใช่หรือไม่” มุมปากของเผยหลี่จุนยกยิ้ม คงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมากจึงมีความชื่นชอบเหมือนกันกระมัง “แล้วเจ้าจะเกี้ยวพาเซียวเล่อเช่นไร” “ก่อนอื่นข้าจะพักที่จวนเจียงอย่างไม่มีกำหนดกลับเพื่อคอยสอดส่องดูแลนางไม่ให้ทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับคุณหนูเหอ” “งานที่ปราสาทเมฆามิใช่ว่าขาดเจ้าไม่ได้หรือ” “เรื่องนั้นข้ามีหนทางจัดการงาน” ก็แค่หากมีเรื่องใดต้องลงนามก็ให้ไป๋เซ่อกับเฮยเซ่อสลับกันนำมาส่งให้ แล้วทิ้งอีกคนให้ดูแลจัดการปราสาทเมฆา หากไ
“เจ้าชื่นชอบเหอซือซือในฐานะใด สหายหรือคนรัก?” คำถามของพี่ชายคนรองทำให้นางชะงักไปเล็กน้อย นั่นสิ! นางชื่นชอบซือซือในฐานะใด หากไม่เพราะยามใกล้ชิดเกินพอดีกับเผยหลี่จุนแล้วนางรู้สึกแปลก ๆ นางคงสามารถตอบได้อย่างมั่นใจว่าพึงใจสหายในฐานะคนรัก แต่ยามนี้นางกลับไม่มั่นใจในความรู้สึกของตนมากนัก หรือนางจะชื่นชอบเหอซือซือเพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย ทั้งยังรู้สึกสบายใจยามได้สนทนาและชอบอีกฝ่ายในฐานะสหายจริง ๆ “เรื่องนั้นท่านจะอยากทราบไปด้วยเหตุใด” ในเมื่อยังไม่มั่นใจนางก็จะไม่กล่าวมันออกไปเด็ดขาด “เจ้าก็อยากจะทราบเรื่องพี่ไปด้วยเหตุใด” “ข้าไม่ถามท่านแล้วก็ได้ แต่พี่รอง! ท่านอย่ามายุ่ง
สิ่งใดที่ควรกล่าวก็กล่าวไปหมดแล้ว คุณชายรองเจียงจึงเดินตามพ่อบ้านไปพบเหอฮูหยินตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ คล้อยหลังพี่ชายรูปงามของสหายได้ไม่นาน นางก็เริ่มเปิดปากเอ่ยถามเรื่องของเหรินเซียวเหยาทันที “เมื่อครู่ที่เจ้าสนทนากับพี่ชายในรถม้า เรื่องคุณหนูเหริน แท้จริงนางยังไม่ได้เป็นคนรักของพี่ชายเจ้าหรือ” “ก็ยังน่ะสิ แม้จะพยายามเข้าหาเพียงใด พี่ชายข้าก็ยังไม่หลวมตัวเสียที ข้าจึงกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะพลาดพลั้งให้กับมารยาของเหรินเสี่ยวเหยา” “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ค่อยชอบนางนะ” “ข้าไม่ชอบสตรีที่ทั่วทั้งตัวมีแต่วาจาโกหก ทั้งยังเสแสร้งเช่นสตรีดอกบัวขาว แสร้งทำตนเองงดงามและสูงส่ง แต่แท้จริงก็เป็นเพียงดอกบัวที่แปดเปื้อนเพราะฝีมือตนเอง” ‘น้องสามีกับว่าที่พี่สะใภ้ไม่ถูกกัน’ ในจวนเจียงคงครึกครื้นไม่น้อย “เล่อเล่อ แต่หากพี่ชายของเจ้าพึงใจนางขึ้นมาจริง ๆ เจ้าก็ต้องยอมรับมันนะ” “ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางยอมรับสตรีผู้นั้นเข้ามาในตระกูลเจียงเด็ดขาด เจ้าอย่าได้คิดเข้าข้างนางเพียงเพราะจวนอยู่ใกล้กัน” พูดแล้วก็รู้
“โอ๊ะ! นั่นคุณหนูเหริน มิใช่หรือ พี่รองนางคงมารอท่านใช่หรือไม่” เจียงเซียวเล่อรีบเอื้อมมือไปเขย่าตัวพี่ชายให้ตื่นขึ้นเพื่อมองสตรีที่กำลังจะเดินเข้าจวน “นางจะมารอข้าด้วยเหตุใด ไม่ได้สนิทสนมกันเสียหน่อย” “ไม่ได้สนิทกันจริงหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินว่านางไปหาท่านที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง” “เซียวเล่อ เจ้าลืมแล้วหรือพี่ชายของเจ้าเปิดร้านเหวินจื้อเพื่อขายภาพวาดและของล้ำค่า ทั้งยังรับจ้างหาของหายากให้ผู้ว่าจ้าง คุณหนูผู้นั้นเป็นเพียงผู้ว่าจ้าง หาได้สนิทสนมกับพี่ไม่” เขากล่าวจบก็ลืมตาขึ้นหันไปจ้องมองน้องสาวแต่สายตากลับเลยไปมองสตรีที่นั่งนิ่งคล้ายกับไม่รับรู้บทสนทนาของสองพี่น้อง “ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้วสตรีผู้นั้นใช้ข้ออ้างเรื่องการว่าจ้างเพื่อเข้าหาท่าน แต่ท่านก็ไม่เชื
4 การโต้เถียงระหว่างพี่น้อง ในใจของเหอซือซือยามนี้ภาวนาให้พี่ชายของสหายมีคนมาเรียกตัวไปด่วน นางจะได้ไม่ต้องนั่งร่วมรถม้ากับเขา ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่านางจะต้องเกาะแข้งเกาะขาพระเอกอย่างเขาเพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ถึงตอนจบ แต่ทว่านางกลับรู้สึกว่าคนผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด ยามเขาเอ่ยวาจา เขาเหมือนกำลังไล่ต้อนและมองนางเป็นเหยื่อ
“ขออภัยที่ข้ามีตาหามีแววไม่ เพราะไม่ทราบจริง ๆ ว่าท่านคือพี่รองของเล่อเล่อ ข้าจึงไม่ได้ทักทาย และวันนั้นข้าต้องขอโทษจริง ๆ นะเจ้าคะที่เสียมารยาทแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาจากท่าน หวังว่าคุณชายรองเจียงจะมีเมตตาให้อภัยข้าที่ไม่รู้ความเจ้าค่ะ” หมดกันท่าทางออดอ้อนที่ฝึกหน้ากระจกหวังให้พระเอกเอ็นดู พบเจอกันครั้งแรกว่าไม่ประทับใจแล้ว ครั้งที่สองก็ยิ่งไม่น่าประทับใจ แล้วเขาจะเอ็นดูนางได้เช่นไร แต่เอาเถิดตราบใดที่นางยังเป็นสหายที่แสนดีของเจียงเซียวเล่อ นางก็ยังมีเกราะปกป้องคุ้มครอง “แย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกันซือซือ” คุณหนูเจียงจับมือสหายพลางเอ่ยถาม “ข้าเห็นว่าเจ้าอยากกินเสี่ยวหลงเปาร้านท่านป้าจางมาก วันนั้นพ
“พี่ชายท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ วันนี้บังเอิญได้พบกัน ข้าต้องขอโทษเรื่องที่แย่งเสี่ยวหลงเปาจากท่านจริง ๆ” นางเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายอย่างจริงใจ รูปก็งามหน้าตาก็หล่อเหลาไม่คิดเลยว่าใจคอจะคับแคบเช่นนี้ ‘วันนี้ที่จวนตระกูลเจียงมีงานเลี้ยง คนผู้นี้หากไม่เป็นญาติของสหายนาง ก็คงเป็นคุณชายที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเจียง’ “วันนั้นเจ้าบอกว่าต้องนำเสี่ยวหลงเปาไปให้สหาย...” “เจ้าค่ะ นางป่วยข้าอยากให้นางได้กินของอร่อย จึงทำตัวเสียมารยาทกับท่านไป ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” นางกล่าวก่อนจะส่งยิ้มคล้ายออดอ้อนให้อีกฝ่ายยอมให้อภัย “แล้วนางได้กินหรือไม่ มิใช่เจ้าแอบกินไปก่อน” “ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าตัวเจ้ามีเจ้าของจับจองแล้ว” กล่าวจบใบหน้าคมคายของสหายพี่ชายก็ยื่นเข้ามาใกล้ “ข้าจำได้ว่าตนเองยังไม่มีคู่หมายนะเจ้าคะ” นางผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอยออกห่างด้วยหัวใจที่เต้นระรัวยิ่งกว่ายามสหายเข้าใกล้อีก “ที่ยังไม่มีคู่หมายเพราะเมื่อถึงเวลาก็จะได้กลายเป็นฮูหยินเลยต่างหาก” กล่าวจบเผยหลี่จุนก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยติดเย็นชาต่างจากท่าทางขี้เล่นชอบหยอกเย้านางเช่นทุกครั้ง “พี่หลี่จุน ท่านบอกข้าก่อนสิเจ้าคะ ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร กลับมาบอกข้าก่อนเจ้าค่ะ” คุณหนูเจียงส่งเสียงร้องเรียกตามหลังบุรุษที่เดินหายลับไปจากสายตาแล้ว ‘พี่หลี่จุนหมายความถึงใคร พี่รองทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากทราบเหตุใดถึงไม่บอกกล่าวน้องสาวเช่นนาง
“วันนี้พี่หลี่จุนดูแปลก ๆ นะเจ้าคะ จะลุกจะนั่งท่านเคยขออนุญาตข้าที่ใดกัน” เจียงเซียวเล่อกล่าวอย่างไม่ได้คิดอันใดในตอนแรกก่อนจะชะงักแล้วหันมามองสหายของพี่ชาย “พี่เพิ่งทราบว่ารองเจ้ากรมยุติธรรมเหอมีบุตรสาวที่หน้าตาน่ารักเช่นนี้” ท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาที่ทรุดกายลงนั่งข้างคุณหนูเหอกล่าว สายตาจับจ้องที่อีกฝ่ายอย่างไม่วางตา “พี่หลี่จุน ท่านจะไปเจ้าชู้ประตูดินกับใครก็ได้ แต่ห้ามมาทำกับสหายของข้า” เจียงเซียวเล่อกล่าวก่อนจะลุกมายืนเบียดแทรกตรงกลางเพื่อไม่ให้สหายของพี่ชายได้จ้องมองนาง “พี่แค่อยากสนทนากับคนงาม พี่ผิดที่ใด ที่ผ่านมาพี่หาได้ทำตัวเจ้าสำราญหยอกเย้าสตรีไปทั่วไม่” “ผิดเจ้าค่ะ ข้าไม่อนุญาตให้ท่านข้องแวะกับสหายของข้า”