“วันนี้พี่หลี่จุนดูแปลก ๆ นะเจ้าคะ จะลุกจะนั่งท่านเคยขออนุญาตข้าที่ใดกัน” เจียงเซียวเล่อกล่าวอย่างไม่ได้คิดอันใดในตอนแรกก่อนจะชะงักแล้วหันมามองสหายของพี่ชาย
“พี่เพิ่งทราบว่ารองเจ้ากรมยุติธรรมเหอมีบุตรสาวที่หน้าตาน่ารักเช่นนี้” ท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาที่ทรุดกายลงนั่งข้างคุณหนูเหอกล่าว สายตาจับจ้องที่อีกฝ่ายอย่างไม่วางตา
“พี่หลี่จุน ท่านจะไปเจ้าชู้ประตูดินกับใครก็ได้ แต่ห้ามมาทำกับสหายของข้า” เจียงเซียวเล่อกล่าวก่อนจะลุกมายืนเบียดแทรกตรงกลางเพื่อไม่ให้สหายของพี่ชายได้จ้องมองนาง
“พี่แค่อยากสนทนากับคนงาม พี่ผิดที่ใด ที่ผ่านมาพี่หาได้ทำตัวเจ้าสำราญหยอกเย้าสตรีไปทั่วไม่”
“ผิดเจ้าค่ะ ข้าไม่อนุญาตให้ท่านข้องแวะกับสหายของข้า”
“เจ้าช่างหวงแหนสหายเสียจริง”
“นางเป็นคนสำคัญของข้า ข้าย่อมต้องปกป้องนาง” วาจาของเจียงเซียวเล่อทำให้รอยยิ้มที่ประดับบนหน้าของเผยหลี่จุนชะงักไปเล็กน้อย พลางคิดไปว่าเอ่ยวาจารวบรัดไปหรือหมายความเช่นนั้นจริง ๆ กัน
“ที่ผ่านมาเจ้าไม่มีสหาย พอมีสหายจึงกลายเป็นคนสำคัญพี่ก็พอจะเข้าใจได้” เขาคล้ายจะพอหาเหตุผลมาแก้ต่างได้
“ป่านนี้พี่รองคงมองหาท่านแล้ว พี่หลี่จุนรีบไปหาพี่รองเถิดเจ้าค่ะ” เจียงเซียวเล่อกล่าววาจาเชิงไล่สหายของพี่ชายที่มารบกวน
“คุณหนูเหอ เจ้าช่วยไปขอขนมที่ครัวของจวนตระกูลเจียงให้ข้าได้หรือไม่” จากวาจาหยอกเย้าสนิทสนมเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“ข้าหรือเจ้าคะ?” อ่า...จู่ ๆ ก็อยากใช้นางเช่นนี้ นอกจากจะไล่ก็คงไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว
“ไม่ต้องซือซือ ข้าจะให้จี้เอ๋อไปเอาขนมให้พี่หลี่จุนเอง” เจียงเซียวเล่อชักสีหน้าไม่พอใจที่สหายของพี่ชายบังอาจมาใช้สหายของตน
“แต่พี่อยากกินขนมที่คุณหนูเหอไปเอามาให้ไม่ได้หรือ” ประมุขปราสาทเมฆาคล้ายจะเคร่งขรึมขึ้นไปอีก
“ไม่ได้...” ทั้งสองโต้เถียงกัน
‘เมื่อครู่ยังดี ๆ อยู่เลย เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้’ เหอซือซือคิดก่อนจะเอ่ยวาจาตัดบท ในเมื่อเอ่ยปากไล่นางให้ออกห่างเช่นนี้ นางจะนั่งอยู่เป็นหัวหลักหัวตอต่อไปได้อย่างไร
“ไม่เป็นไรเล่อเล่อ ข้าไปเอาขนมที่ครัวให้คุณชายเผยก็ได้ ไม่ใช่เรื่องลำบากอันใดเลย”
“แต่เจ้าไม่ใช่สาวใช้จวนข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งใคร” คุณหนูเจียงหันไปมองประมุขของปราสาทเมฆาด้วยสายตาไม่พอใจ รู้จักกันมาก็นานไม่คิดเลยว่าสหายของพี่ชายจะนิสัยย่ำแย่เช่นนี้
“วันนี้เป็นวันสำคัญของเจ้า เจ้าอย่าได้โมโหไป ประเดี๋ยวริ้วรอยบนใบหน้าก็เกิดขึ้นเร็วหรอก” คุณหนูเหอเอื้อมมือไปตบเบา ๆ ที่หลังมือของสหายก่อนจะส่งยิ้มบางให้
“หากเจ้ากล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะตามใจเจ้า แต่หากเจ้าไม่อยากทำก็สามารถเอ่ยตามตรงได้ อย่าได้เกรงใจกัน” เป็นสหายของพี่ชายต่างหากที่ต้องเกรงใจสหายนาง กล่าวจบก็หันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเป็นอริชัดเจน
“ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ เจ้าสนทนากับคุณชายเผยไปก่อนนะ ข้าจะรีบกลับมา”
“อืม” เจียงเซียวเล่อกล่าวพลางวางมือลงบนมือสหาย คล้ายกับกุมมือกัน ทำให้บุรุษอีกคนที่นั่งอยู่เริ่มมั่นใจในความคิดของตน
คล้อยหลังสหาย คุณหนูเจียงพลันตวัดสายตามองสหายของพี่ชายด้วยแววตาไม่พอใจชัดเจน
“พี่หลี่จุน เหตุใดท่านถึงได้เสียมารยาทกับสหายของข้าเช่นนั้น”
“ดูเจ้าชอบนางมากนะเซียวเล่อ”
“ข้าย่อมชอบนางเจ้าค่ะ” หากไม่ชอบจะเป็นสหายกันได้เช่นไร
ยิ่งเพ่งพิศยิ่งน่ามอง ยามซือซือยิ้มแฝงความออดอ้อนนางเผลอยิ้มตามอยู่หลายครั้ง ช่างเป็นสตรีที่ทำให้รู้สึกสบายใจได้เสียจริง
“ชอบแบบใด สหายหรือคนรัก” น้ำเสียงของประมุขปราสาทเมฆาคล้ายจะเข้มขึ้นเล็กน้อย
“ท่านถามอันใดแปลก ๆ” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้นแต่หัวใจดวงน้อยกลับเต้นระรัว ใบหูเล็กเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำต่างจากสีหน้าที่เรียบเฉยคล้ายเก็บซ่อนอารมณ์ไว้
“ที่ข้าต้องถามเช่นนี้ เพราะท่าทีของเจ้าที่มีต่อนาง คล้ายจะชอบพอนางเช่นคนรัก”
“ยามอยู่กับนางข้ารู้สึกสบายใจยิ่งนัก ทั้งยังอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก” เพราะมัวแต่เอ่ยวาจาไปยิ้มไปนางจึงไม่ได้เห็นแววตาของอีกฝ่ายที่เข้มขึ้น
“เจ้าเป็นตุ้ยสือ?”
“อาจจะใช่ก็ได้เจ้าค่ะ” แต่นางรู้สึกพึงใจเช่นนั้นกับซือซือเพียงคนเดียว หาใช่รู้สึกเช่นนั้นกับสตรีอื่น
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าตัวเจ้ามีเจ้าของจับจองแล้ว” กล่าวจบใบหน้าคมคายของสหายพี่ชายก็ยื่นเข้ามาใกล้
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าตัวเจ้ามีเจ้าของจับจองแล้ว” กล่าวจบใบหน้าคมคายของสหายพี่ชายก็ยื่นเข้ามาใกล้ “ข้าจำได้ว่าตนเองยังไม่มีคู่หมายนะเจ้าคะ” นางผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอยออกห่างด้วยหัวใจที่เต้นระรัวยิ่งกว่ายามสหายเข้าใกล้อีก “ที่ยังไม่มีคู่หมายเพราะเมื่อถึงเวลาก็จะได้กลายเป็นฮูหยินเลยต่างหาก” กล่าวจบเผยหลี่จุนก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยติดเย็นชาต่างจากท่าทางขี้เล่นชอบหยอกเย้านางเช่นทุกครั้ง “พี่หลี่จุน ท่านบอกข้าก่อนสิเจ้าคะ ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร กลับมาบอกข้าก่อนเจ้าค่ะ” คุณหนูเจียงส่งเสียงร้องเรียกตามหลังบุรุษที่เดินหายลับไปจากสายตาแล้ว ‘พี่หลี่จุนหมายความถึงใคร พี่รองทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากทราบเหตุใดถึงไม่บอกกล่าวน้องสาวเช่นนาง
“พี่ชายท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ วันนี้บังเอิญได้พบกัน ข้าต้องขอโทษเรื่องที่แย่งเสี่ยวหลงเปาจากท่านจริง ๆ” นางเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายอย่างจริงใจ รูปก็งามหน้าตาก็หล่อเหลาไม่คิดเลยว่าใจคอจะคับแคบเช่นนี้ ‘วันนี้ที่จวนตระกูลเจียงมีงานเลี้ยง คนผู้นี้หากไม่เป็นญาติของสหายนาง ก็คงเป็นคุณชายที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเจียง’ “วันนั้นเจ้าบอกว่าต้องนำเสี่ยวหลงเปาไปให้สหาย...” “เจ้าค่ะ นางป่วยข้าอยากให้นางได้กินของอร่อย จึงทำตัวเสียมารยาทกับท่านไป ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” นางกล่าวก่อนจะส่งยิ้มคล้ายออดอ้อนให้อีกฝ่ายยอมให้อภัย “แล้วนางได้กินหรือไม่ มิใช่เจ้าแอบกินไปก่อน” “ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได
“ขออภัยที่ข้ามีตาหามีแววไม่ เพราะไม่ทราบจริง ๆ ว่าท่านคือพี่รองของเล่อเล่อ ข้าจึงไม่ได้ทักทาย และวันนั้นข้าต้องขอโทษจริง ๆ นะเจ้าคะที่เสียมารยาทแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาจากท่าน หวังว่าคุณชายรองเจียงจะมีเมตตาให้อภัยข้าที่ไม่รู้ความเจ้าค่ะ” หมดกันท่าทางออดอ้อนที่ฝึกหน้ากระจกหวังให้พระเอกเอ็นดู พบเจอกันครั้งแรกว่าไม่ประทับใจแล้ว ครั้งที่สองก็ยิ่งไม่น่าประทับใจ แล้วเขาจะเอ็นดูนางได้เช่นไร แต่เอาเถิดตราบใดที่นางยังเป็นสหายที่แสนดีของเจียงเซียวเล่อ นางก็ยังมีเกราะปกป้องคุ้มครอง “แย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกันซือซือ” คุณหนูเจียงจับมือสหายพลางเอ่ยถาม “ข้าเห็นว่าเจ้าอยากกินเสี่ยวหลงเปาร้านท่านป้าจางมาก วันนั้นพ
4 การโต้เถียงระหว่างพี่น้อง ในใจของเหอซือซือยามนี้ภาวนาให้พี่ชายของสหายมีคนมาเรียกตัวไปด่วน นางจะได้ไม่ต้องนั่งร่วมรถม้ากับเขา ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่านางจะต้องเกาะแข้งเกาะขาพระเอกอย่างเขาเพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ถึงตอนจบ แต่ทว่านางกลับรู้สึกว่าคนผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด ยามเขาเอ่ยวาจา เขาเหมือนกำลังไล่ต้อนและมองนางเป็นเหยื่อ
“โอ๊ะ! นั่นคุณหนูเหริน มิใช่หรือ พี่รองนางคงมารอท่านใช่หรือไม่” เจียงเซียวเล่อรีบเอื้อมมือไปเขย่าตัวพี่ชายให้ตื่นขึ้นเพื่อมองสตรีที่กำลังจะเดินเข้าจวน “นางจะมารอข้าด้วยเหตุใด ไม่ได้สนิทสนมกันเสียหน่อย” “ไม่ได้สนิทกันจริงหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินว่านางไปหาท่านที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง” “เซียวเล่อ เจ้าลืมแล้วหรือพี่ชายของเจ้าเปิดร้านเหวินจื้อเพื่อขายภาพวาดและของล้ำค่า ทั้งยังรับจ้างหาของหายากให้ผู้ว่าจ้าง คุณหนูผู้นั้นเป็นเพียงผู้ว่าจ้าง หาได้สนิทสนมกับพี่ไม่” เขากล่าวจบก็ลืมตาขึ้นหันไปจ้องมองน้องสาวแต่สายตากลับเลยไปมองสตรีที่นั่งนิ่งคล้ายกับไม่รับรู้บทสนทนาของสองพี่น้อง “ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้วสตรีผู้นั้นใช้ข้ออ้างเรื่องการว่าจ้างเพื่อเข้าหาท่าน แต่ท่านก็ไม่เชื
สิ่งใดที่ควรกล่าวก็กล่าวไปหมดแล้ว คุณชายรองเจียงจึงเดินตามพ่อบ้านไปพบเหอฮูหยินตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ คล้อยหลังพี่ชายรูปงามของสหายได้ไม่นาน นางก็เริ่มเปิดปากเอ่ยถามเรื่องของเหรินเซียวเหยาทันที “เมื่อครู่ที่เจ้าสนทนากับพี่ชายในรถม้า เรื่องคุณหนูเหริน แท้จริงนางยังไม่ได้เป็นคนรักของพี่ชายเจ้าหรือ” “ก็ยังน่ะสิ แม้จะพยายามเข้าหาเพียงใด พี่ชายข้าก็ยังไม่หลวมตัวเสียที ข้าจึงกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะพลาดพลั้งให้กับมารยาของเหรินเสี่ยวเหยา” “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ค่อยชอบนางนะ” “ข้าไม่ชอบสตรีที่ทั่วทั้งตัวมีแต่วาจาโกหก ทั้งยังเสแสร้งเช่นสตรีดอกบัวขาว แสร้งทำตนเองงดงามและสูงส่ง แต่แท้จริงก็เป็นเพียงดอกบัวที่แปดเปื้อนเพราะฝีมือตนเอง” ‘น้องสามีกับว่าที่พี่สะใภ้ไม่ถูกกัน’ ในจวนเจียงคงครึกครื้นไม่น้อย “เล่อเล่อ แต่หากพี่ชายของเจ้าพึงใจนางขึ้นมาจริง ๆ เจ้าก็ต้องยอมรับมันนะ” “ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางยอมรับสตรีผู้นั้นเข้ามาในตระกูลเจียงเด็ดขาด เจ้าอย่าได้คิดเข้าข้างนางเพียงเพราะจวนอยู่ใกล้กัน” พูดแล้วก็รู้
“เจ้าชื่นชอบเหอซือซือในฐานะใด สหายหรือคนรัก?” คำถามของพี่ชายคนรองทำให้นางชะงักไปเล็กน้อย นั่นสิ! นางชื่นชอบซือซือในฐานะใด หากไม่เพราะยามใกล้ชิดเกินพอดีกับเผยหลี่จุนแล้วนางรู้สึกแปลก ๆ นางคงสามารถตอบได้อย่างมั่นใจว่าพึงใจสหายในฐานะคนรัก แต่ยามนี้นางกลับไม่มั่นใจในความรู้สึกของตนมากนัก หรือนางจะชื่นชอบเหอซือซือเพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย ทั้งยังรู้สึกสบายใจยามได้สนทนาและชอบอีกฝ่ายในฐานะสหายจริง ๆ “เรื่องนั้นท่านจะอยากทราบไปด้วยเหตุใด” ในเมื่อยังไม่มั่นใจนางก็จะไม่กล่าวมันออกไปเด็ดขาด “เจ้าก็อยากจะทราบเรื่องพี่ไปด้วยเหตุใด” “ข้าไม่ถามท่านแล้วก็ได้ แต่พี่รอง! ท่านอย่ามายุ่ง
“ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่เจ้ากับนางเคยยื้อแย่งกับเมื่อตอนเป็นเด็ก จนสุดท้ายมันหล่นแตกไม่มีใครได้ไปสักคนใช่หรือไม่” มุมปากของเผยหลี่จุนยกยิ้ม คงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมากจึงมีความชื่นชอบเหมือนกันกระมัง “แล้วเจ้าจะเกี้ยวพาเซียวเล่อเช่นไร” “ก่อนอื่นข้าจะพักที่จวนเจียงอย่างไม่มีกำหนดกลับเพื่อคอยสอดส่องดูแลนางไม่ให้ทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับคุณหนูเหอ” “งานที่ปราสาทเมฆามิใช่ว่าขาดเจ้าไม่ได้หรือ” “เรื่องนั้นข้ามีหนทางจัดการงาน” ก็แค่หากมีเรื่องใดต้องลงนามก็ให้ไป๋เซ่อกับเฮยเซ่อสลับกันนำมาส่งให้ แล้วทิ้งอีกคนให้ดูแลจัดการปราสาทเมฆา หากไ
“ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่เจ้ากับนางเคยยื้อแย่งกับเมื่อตอนเป็นเด็ก จนสุดท้ายมันหล่นแตกไม่มีใครได้ไปสักคนใช่หรือไม่” มุมปากของเผยหลี่จุนยกยิ้ม คงเพราะเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันมากจึงมีความชื่นชอบเหมือนกันกระมัง “แล้วเจ้าจะเกี้ยวพาเซียวเล่อเช่นไร” “ก่อนอื่นข้าจะพักที่จวนเจียงอย่างไม่มีกำหนดกลับเพื่อคอยสอดส่องดูแลนางไม่ให้ทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับคุณหนูเหอ” “งานที่ปราสาทเมฆามิใช่ว่าขาดเจ้าไม่ได้หรือ” “เรื่องนั้นข้ามีหนทางจัดการงาน” ก็แค่หากมีเรื่องใดต้องลงนามก็ให้ไป๋เซ่อกับเฮยเซ่อสลับกันนำมาส่งให้ แล้วทิ้งอีกคนให้ดูแลจัดการปราสาทเมฆา หากไ
“เจ้าชื่นชอบเหอซือซือในฐานะใด สหายหรือคนรัก?” คำถามของพี่ชายคนรองทำให้นางชะงักไปเล็กน้อย นั่นสิ! นางชื่นชอบซือซือในฐานะใด หากไม่เพราะยามใกล้ชิดเกินพอดีกับเผยหลี่จุนแล้วนางรู้สึกแปลก ๆ นางคงสามารถตอบได้อย่างมั่นใจว่าพึงใจสหายในฐานะคนรัก แต่ยามนี้นางกลับไม่มั่นใจในความรู้สึกของตนมากนัก หรือนางจะชื่นชอบเหอซือซือเพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย ทั้งยังรู้สึกสบายใจยามได้สนทนาและชอบอีกฝ่ายในฐานะสหายจริง ๆ “เรื่องนั้นท่านจะอยากทราบไปด้วยเหตุใด” ในเมื่อยังไม่มั่นใจนางก็จะไม่กล่าวมันออกไปเด็ดขาด “เจ้าก็อยากจะทราบเรื่องพี่ไปด้วยเหตุใด” “ข้าไม่ถามท่านแล้วก็ได้ แต่พี่รอง! ท่านอย่ามายุ่ง
สิ่งใดที่ควรกล่าวก็กล่าวไปหมดแล้ว คุณชายรองเจียงจึงเดินตามพ่อบ้านไปพบเหอฮูหยินตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ คล้อยหลังพี่ชายรูปงามของสหายได้ไม่นาน นางก็เริ่มเปิดปากเอ่ยถามเรื่องของเหรินเซียวเหยาทันที “เมื่อครู่ที่เจ้าสนทนากับพี่ชายในรถม้า เรื่องคุณหนูเหริน แท้จริงนางยังไม่ได้เป็นคนรักของพี่ชายเจ้าหรือ” “ก็ยังน่ะสิ แม้จะพยายามเข้าหาเพียงใด พี่ชายข้าก็ยังไม่หลวมตัวเสียที ข้าจึงกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะพลาดพลั้งให้กับมารยาของเหรินเสี่ยวเหยา” “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ค่อยชอบนางนะ” “ข้าไม่ชอบสตรีที่ทั่วทั้งตัวมีแต่วาจาโกหก ทั้งยังเสแสร้งเช่นสตรีดอกบัวขาว แสร้งทำตนเองงดงามและสูงส่ง แต่แท้จริงก็เป็นเพียงดอกบัวที่แปดเปื้อนเพราะฝีมือตนเอง” ‘น้องสามีกับว่าที่พี่สะใภ้ไม่ถูกกัน’ ในจวนเจียงคงครึกครื้นไม่น้อย “เล่อเล่อ แต่หากพี่ชายของเจ้าพึงใจนางขึ้นมาจริง ๆ เจ้าก็ต้องยอมรับมันนะ” “ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางยอมรับสตรีผู้นั้นเข้ามาในตระกูลเจียงเด็ดขาด เจ้าอย่าได้คิดเข้าข้างนางเพียงเพราะจวนอยู่ใกล้กัน” พูดแล้วก็รู้
“โอ๊ะ! นั่นคุณหนูเหริน มิใช่หรือ พี่รองนางคงมารอท่านใช่หรือไม่” เจียงเซียวเล่อรีบเอื้อมมือไปเขย่าตัวพี่ชายให้ตื่นขึ้นเพื่อมองสตรีที่กำลังจะเดินเข้าจวน “นางจะมารอข้าด้วยเหตุใด ไม่ได้สนิทสนมกันเสียหน่อย” “ไม่ได้สนิทกันจริงหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินว่านางไปหาท่านที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง” “เซียวเล่อ เจ้าลืมแล้วหรือพี่ชายของเจ้าเปิดร้านเหวินจื้อเพื่อขายภาพวาดและของล้ำค่า ทั้งยังรับจ้างหาของหายากให้ผู้ว่าจ้าง คุณหนูผู้นั้นเป็นเพียงผู้ว่าจ้าง หาได้สนิทสนมกับพี่ไม่” เขากล่าวจบก็ลืมตาขึ้นหันไปจ้องมองน้องสาวแต่สายตากลับเลยไปมองสตรีที่นั่งนิ่งคล้ายกับไม่รับรู้บทสนทนาของสองพี่น้อง “ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้วสตรีผู้นั้นใช้ข้ออ้างเรื่องการว่าจ้างเพื่อเข้าหาท่าน แต่ท่านก็ไม่เชื
4 การโต้เถียงระหว่างพี่น้อง ในใจของเหอซือซือยามนี้ภาวนาให้พี่ชายของสหายมีคนมาเรียกตัวไปด่วน นางจะได้ไม่ต้องนั่งร่วมรถม้ากับเขา ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่านางจะต้องเกาะแข้งเกาะขาพระเอกอย่างเขาเพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ถึงตอนจบ แต่ทว่านางกลับรู้สึกว่าคนผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด ยามเขาเอ่ยวาจา เขาเหมือนกำลังไล่ต้อนและมองนางเป็นเหยื่อ
“ขออภัยที่ข้ามีตาหามีแววไม่ เพราะไม่ทราบจริง ๆ ว่าท่านคือพี่รองของเล่อเล่อ ข้าจึงไม่ได้ทักทาย และวันนั้นข้าต้องขอโทษจริง ๆ นะเจ้าคะที่เสียมารยาทแย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาจากท่าน หวังว่าคุณชายรองเจียงจะมีเมตตาให้อภัยข้าที่ไม่รู้ความเจ้าค่ะ” หมดกันท่าทางออดอ้อนที่ฝึกหน้ากระจกหวังให้พระเอกเอ็นดู พบเจอกันครั้งแรกว่าไม่ประทับใจแล้ว ครั้งที่สองก็ยิ่งไม่น่าประทับใจ แล้วเขาจะเอ็นดูนางได้เช่นไร แต่เอาเถิดตราบใดที่นางยังเป็นสหายที่แสนดีของเจียงเซียวเล่อ นางก็ยังมีเกราะปกป้องคุ้มครอง “แย่งซื้อเสี่ยวหลงเปาหรือ ตั้งแต่เมื่อใดกันซือซือ” คุณหนูเจียงจับมือสหายพลางเอ่ยถาม “ข้าเห็นว่าเจ้าอยากกินเสี่ยวหลงเปาร้านท่านป้าจางมาก วันนั้นพ
“พี่ชายท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ วันนี้บังเอิญได้พบกัน ข้าต้องขอโทษเรื่องที่แย่งเสี่ยวหลงเปาจากท่านจริง ๆ” นางเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายอย่างจริงใจ รูปก็งามหน้าตาก็หล่อเหลาไม่คิดเลยว่าใจคอจะคับแคบเช่นนี้ ‘วันนี้ที่จวนตระกูลเจียงมีงานเลี้ยง คนผู้นี้หากไม่เป็นญาติของสหายนาง ก็คงเป็นคุณชายที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเจียง’ “วันนั้นเจ้าบอกว่าต้องนำเสี่ยวหลงเปาไปให้สหาย...” “เจ้าค่ะ นางป่วยข้าอยากให้นางได้กินของอร่อย จึงทำตัวเสียมารยาทกับท่านไป ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” นางกล่าวก่อนจะส่งยิ้มคล้ายออดอ้อนให้อีกฝ่ายยอมให้อภัย “แล้วนางได้กินหรือไม่ มิใช่เจ้าแอบกินไปก่อน” “ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าตัวเจ้ามีเจ้าของจับจองแล้ว” กล่าวจบใบหน้าคมคายของสหายพี่ชายก็ยื่นเข้ามาใกล้ “ข้าจำได้ว่าตนเองยังไม่มีคู่หมายนะเจ้าคะ” นางผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอยออกห่างด้วยหัวใจที่เต้นระรัวยิ่งกว่ายามสหายเข้าใกล้อีก “ที่ยังไม่มีคู่หมายเพราะเมื่อถึงเวลาก็จะได้กลายเป็นฮูหยินเลยต่างหาก” กล่าวจบเผยหลี่จุนก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยติดเย็นชาต่างจากท่าทางขี้เล่นชอบหยอกเย้านางเช่นทุกครั้ง “พี่หลี่จุน ท่านบอกข้าก่อนสิเจ้าคะ ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร กลับมาบอกข้าก่อนเจ้าค่ะ” คุณหนูเจียงส่งเสียงร้องเรียกตามหลังบุรุษที่เดินหายลับไปจากสายตาแล้ว ‘พี่หลี่จุนหมายความถึงใคร พี่รองทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากทราบเหตุใดถึงไม่บอกกล่าวน้องสาวเช่นนาง
“วันนี้พี่หลี่จุนดูแปลก ๆ นะเจ้าคะ จะลุกจะนั่งท่านเคยขออนุญาตข้าที่ใดกัน” เจียงเซียวเล่อกล่าวอย่างไม่ได้คิดอันใดในตอนแรกก่อนจะชะงักแล้วหันมามองสหายของพี่ชาย “พี่เพิ่งทราบว่ารองเจ้ากรมยุติธรรมเหอมีบุตรสาวที่หน้าตาน่ารักเช่นนี้” ท่านประมุขแห่งปราสาทเมฆาที่ทรุดกายลงนั่งข้างคุณหนูเหอกล่าว สายตาจับจ้องที่อีกฝ่ายอย่างไม่วางตา “พี่หลี่จุน ท่านจะไปเจ้าชู้ประตูดินกับใครก็ได้ แต่ห้ามมาทำกับสหายของข้า” เจียงเซียวเล่อกล่าวก่อนจะลุกมายืนเบียดแทรกตรงกลางเพื่อไม่ให้สหายของพี่ชายได้จ้องมองนาง “พี่แค่อยากสนทนากับคนงาม พี่ผิดที่ใด ที่ผ่านมาพี่หาได้ทำตัวเจ้าสำราญหยอกเย้าสตรีไปทั่วไม่” “ผิดเจ้าค่ะ ข้าไม่อนุญาตให้ท่านข้องแวะกับสหายของข้า”