แม้ว่าจะเจ็บเพราะความรัดแน่นที่แข็งแกร่งของมังกรของท่านอ๋องแต่ฟู่ซิ่วอิงก็ยังแอ่นกายรับเขา สัมผัสนี้ทำเอารุ่ยหยางถึงกับครางเสียงหลงออกมาและดึงนางมาจูบอย่างกระหาย พวกเขาต่างถูกไฟปรารถนาที่เร่าร้อนเข้าครอบงำจนมิอาจทนได้เมื่อเริ่มขยับกายและเร่งจังหวะขึ้น
“อาาา….ซิ่วอิง!!”
“ท่านอ๋อง….อ๊าาา ปละ…เปลี่ยนท่าเถิดเพคะ”
“ได้สิ เจ้าอยากลองท่าใด”
ซิ่วอิงทำราวกับมิใช่ตัวนางเองแต่ในเมื่อสัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดบอกให้นางต้องทำ นางลุกขึ้นหันหลังและแอ่นบั้นท้ายงามให้เขาอย่างจงใจและตบไปที่บั้นท้ายกลมกลึงนั้นเบา ๆ เพื่อยั่วยวนเขา ท่านอ๋องทนแทบไม่ไหวที่จะสอดมังกรเข้าไปทันทีเมื่อถูกนางเชื้อเชิญ
“อาา….ท่านี้….เจ้าเจ็บหรือไม่”
“ไม่เจ็บแล้วเพคะขยับเข้ามาอีก พระองค์เร่งเข้าเพคะ หม่อมฉันจะทนไม่ไหวแล้ว”
คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันพ้นข้ามคืนแต่งงานท่านอ๋องก็จะตกอยู่ภายใต้คำสั่งของพระชายาอย่างง่ายดายเช่นนี้ แม้ว่านี่อาจจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบระหว่างเขากับนางแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นางเติมเต็มเขาได้อย่างเหลือล้นจริง ๆ
“ท่านอ๋องเพคะ เร่งอีกเพคะ ใกล้แล้ว อ๊าา!!!”
นางรู้สึกถึงน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลผ่านเข้ามาด้านในกายจนเผลอตอดรัดเขาแน่นก่อนจะยอมปล่อย ร่างบางนอนหอบอยู่ด้านล่างโดยมีพระสวามีที่ยังมิได้ถอดแก่นกายมังกรออกจากตัวนางอีกทั้งยังก้มลงมากระซิบนางอย่างแผ่วเบา
“เจ้าบอกเองนะว่าไหว เช่นนั้นข้าก็จะยังไม่หยุด ต่อให้เจ้าร้องขอก็อย่าได้คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป”
“อ๊าา อ๊าา อื้อ….”
แก่นกายที่กระแทกเข้ามาไม่ยั้งในรอบที่สองทำเอาฟู่ซิ่วอิงแทบจะคลั่งตายเพราะนางพึ่งจะได้พักหายใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพระสวามีของนางเร่าร้อนจนนางมิอาจยอมเขาได้เช่นกัน
นางเปลี่ยนมานั่งคร่อมและส่งปทุมสีสวยให้เขาจัดการเองกับมือ ท่านอ๋องผู้ที่เหมือนกับถูกสั่งมีหรือจะยอมให้นางสั่งเพียงผู้เดียว เขาทั้งดูดดึงและขบเม้มจนนางครางเสียงสั่นพร้อมกับขยับเอวอยู่บนร่างแกร่งหนาของเขา ผมของเขาถูกนางดึงจนยุ่งเหยิงและเริ่มหลุดออกจากกวานที่ผูกเอาไว้
“อ๊าา เร่งอีกนิดเพคะ อึ๊ยย!!!”
ท่านอ๋องไม่ยอมแพ้ที่จะให้นางเป็นผู้คุมศึกในครั้งนี้นาน เขาดันตัวนางลงและเริ่มเป็นผู้กุมบังเหียนแทน นิ้วมือหนาถูนางดึงไปดูดเอาไว้และขบเม้มเบา ๆ ตามจังหวะที่เขากระแทกไปพร้อมกับมืออีกข้างที่บีบหน้าอกนางจนเนื้อล้นปูดออกมาตามร่องนิ้ว ช่างเป็นคืนส่งตัวที่เร่าร้อนอย่างที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อนจริง ๆ
วันถัดมา
ม่านบนเตียงยังคงถูกปิดเอาไว้เมื่อทั้งสองพระองค์ที่ยังหลับสนิทด้วยกายที่เปลือยเปล่าจากศึกรักที่กระหน่ำเกือบรุ่งสางได้หยุดลงพร้อมกับสายลูกปัดทองบางส่วนที่ถูกดึงจนขาด
ท่านอ๋องที่นอนกกกอดพระชายาเอาไว้ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาก่อนที่นางจะตื่น เขาหันไปมองคนในอ้อมกอดอย่างช้า ๆ
“คิดไม่ถึงว่าจะรับมือข้าได้นานถึงเพียงนี้ พระชายา”
“อืมม…อย่าดิ้นสิเพคะท่านพี่”
“ท่านพี่งั้นหรือ….หึ คำเรียกนี้ก็ไม่แย่นัก”
คนข้าง ๆ เริ่มรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมาพร้อมกับสบตาเขา ท่านอ๋องที่พึ่งเห็นว่าพระชายาของตนเองตาโตเพียงใดก็ยามที่นางตื่นนอนในตอนนี้เอง ตากลมโตดุจลูกกวางนี้ตราตรึงใจเขายิ่งจนมิอาจละสายตาไปได้
“เจ้า…ตื่นแล้วหรือ”
“พะ เพคะ หม่อมฉัน….โอ๊ะ!!”
นางรู้สึกราวกับเอวเริ่มเคล็ดไปอีกครั้ง ก็แน่ล่ะสิเมื่อคืนนี้นางกับเขาแทบจะมิได้พักเลยราวกับก่อสมรภูมิศึกที่ไม่มีผู้ใดยอมใครเลยจนเฮือกสุดท้ายที่นางเผลอหลับไปก่อนนั่นแหละ เมื่อเริ่มรู้ตัวก็ค่อย ๆ หดตัวกลับเข้าไปใต้ผ้าห่มอีกครั้ง
“ทำไมกัน เจ้าพึ่งจะมาอายงั้นหรือ”
“ไม่นะเพคะ พระองค์…ไม่รีบออกไปทรงงานหรือเพคะ”
“หลังคืนส่งตัวไม่ควรออกจากห้องหอแต่เช้าเจ้าก็คงรู้ธรรมเนียมนี้ดีนี่”
“ทราบเพคะ หมัวมัวบอกก่อนที่จะมาที่นี่แล้วเพคะ”
“อืม เช่นนั้นก็…”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีเรื่องด่วนจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าบอกท่านแล้วว่าอย่าเข้ามายามนี้ นี่ยังไม่ถึงเวลา”
“แต่ว่า…ท่านอ๋องเคยรับสั่งเอาไว้หากเป็นเรื่องของจวนท่านราชครูเมิ่งไม่ว่าเวลาใดก็ให้มาทูลได้ทันที”
ฟู่ซิ่วอิงหันมามองพระพักตร์ที่หันกลับมามองนางด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ซิ่วอิงหันไปมองประตูก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงทั้ง ๆ ที่เปลือยเปล่าต่อหน้าเขา
“ซิ่วอิงนั่นเจ้าจะไปที่ใด”
ท่านอ๋องกระซิบถามเมื่อเห็นนางกำลังจะลุกจากเตียง เสียงถกเถียงขององครักษ์ของเขากับสาวใช้ของนางด้านหน้าประตูยังคงดังอยู่
ซิ่วอิงเปิดผ้าห่มและเดินลงจากเตียงด้วยร่างที่เปลือยเปล่าซึ่งดึงสายตาของท่านอ๋องเอาไว้ได้ทันที พระองค์มิได้สนพระทัยกับเสียงหน้าประตูอีกแล้วเมื่อเห็นรูปร่างของพระชายาที่ยั่วยวนตรงหน้าพระพักตร์นี้
“หม่อมฉันจะไปอาบน้ำ….ล้างตัวเพคะ หากได้แช่น้ำอุ่น ๆ ที่ห้องอาบน้ำคงสบายมากขึ้น” / ฟู่ซิ่วอิง
“ท่านอ๋องจะทรงกริ้วหากว่าข้ามิได้มาแจ้ง” / เสี่ยวหมิง
“แต่ว่ายามนี้เป็นเวลาที่ส่งตัว ตามธรรมเนียมไม่ควรจะมาเรียกเช่นนี้” / จินฝู
“แต่ว่าคุณหนูเมิ่งเองก็รอไม่ได้เช่นกันเจ้าไม่เข้าใจว่าคุณหนูเมิ่งกับท่านอ๋อง....” / เสี่ยวหมิง
“แต่ในเวลานี้คุณหนูของข้าคือพระชายาท่านอ๋อง ว๊าย!!…..” / จินฝู
พวกเขาถกเถียงกันจนดันประตูห้องส่งตัวเข้าไปด้านใน แต่นอกจากห้องที่ราวกับสมรภูมิรบของเมื่อคืนด้านในนี้ก็ไม่พบทั้งท่านอ๋องหรือพระชายา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือว่า!! มีการลอบสังหารอีกแล้ว!!”
“ไม่ใช่เสียหน่อยเจ้าโง่!! มองดูสิ ทั้งสองพระองค์ไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำด้านในต่างหากออกมาได้แล้วอย่าเข้าไป”
“เช่นนั้น…แล้วคุณหนูเมิ่งข้าควรทำเช่นไรดี”
“ก็ไปบอกนางตามตรง ที่จริงแล้วนางควรจะทราบกาลเทศะ วันนี้เป็นวันอะไรหากมีมารยาทก็ไม่ควรมาเข้าเฝ้าในเวลาเช่นนี้”
“แต่ว่า…”
“ท่านจะไปบอกเองหรือว่าจะให้ข้าไปบอกให้ ข้าไม่รับประกันนะเพราะปากของข้ามิได้ถูกออกแบบมาให้พูดจาดีนักกับคนที่ไร้มารยาทเช่นนี้”
“ก็ได้ ๆ ข้าไปเองเจ้าไม่ต้องไปหรอก”
ทั้งสองเดินออกมาและรีบปิดประตูห้องส่งตัวนั้นไว้ดังเดิมและรีบเดินออกมาจากที่นั่นทันที ก่อนหน้านั้นเสียงพวกเขาที่ดังอยู่หน้าประตูเรียกความสนพระทัยท่านอ๋องได้เพียงชั่วครู่ แต่เมื่อเห็นพระชายาตรงหน้าในร่างเปลือยเปล่าก็พลันเปลี่ยนความสนพระทัยมาที่นางทันที
“พระองค์ไม่รีบไปพบนางหรือเพคะ”
“เจ้าจงใจสินะ”
“จงใจเรื่องใดเพคะ”
“หึ ฟู่ซิ่วอิงดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้เจ้าจะไม่อิ่มสินะ”
“พระองค์ทรงทราบด้วยหรือเพคะ หากมิใช่พระองค์ทรงเหนื่อยเสียก่อน อ๊ะ!!”
ท่านอ๋องที่เดินตัวเปลือยตามซิ่วอิงลงมาจากเตียงลงมาคว้าร่างพระชายาที่กล้าท้าทายเขาแต่เช้าตรู่เช่นนี้ขึ้นมาและหันมารับคำท้าของนางกลับ
“ข้าน่ะหรือจะเหนื่อย มาลองดูกันอีกทีสิว่าศึกนี้ผู้ใดกันแน่…ที่จะกำชัยชนะเอาไว้ได้กันแน่”
“แน่ใจหรือเพคะว่าจะไม่ออกไปบอกองครักษ์ของพระองค์ก่อน”
เสียงกระซิบที่ยั่วยวนอารมณ์เขาที่ข้างหูและเริ่มเบียดหน้าอกเข้ามาจนชิดทำเอาท่านอ๋องกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก
“เจ้าคิดว่ากำลังท้าทายผู้ใดอยู่กันแน่พระชายา เมื่อคืนนี้ดูท่าแล้วข้าคงป้อนเจ้าคงจะไม่อิ่มจริง ๆ สินะ”
ท่านอ๋องอุ้มพระชายาในร่างเปลือยเปล่าเดินไปด้านหลังซึ่งเป็นห้องอาบน้ำส่วนตัวโดยไม่ใส่ใจองครักษ์และสาวใช้ที่ถกเถียงกันอยู่ด้านนอกอีก
ห้องโถงรับแขก
“อะไรนะ พระองค์…มิให้เข้าเฝ้าหรือ”
“คุณหนูเมิ่ง คือว่าท่านอ๋องทรงประทับอยู่ในห้องส่งตัวตามธรรมเนียมอภิเษกกับ…”
“พอที!! ข้ารู้แล้ว ข้าเองก็เลือกเวลามาดีแล้วแต่เหตุใดจนป่านนี้ยัง….”
“ต้องขออภัยด้วยขอรับแต่ว่าตามธรรมเนียมแล้วคู่อภิเษกจะไม่รับแขกหลังจากคืนส่งตัวไปอีกสามวัน อย่างไรแล้วรบกวนคุณหนูเมิ่งมาขอเข้าเฝ้าวันหลังเถิดขอรับ ข้าน้อยขอตัวก่อน”
เมิ่งลี่ถิงเดินกลับออกมาจากตำหนักท่านอ๋องพร้อมกับความโกรธที่มิได้พบท่านอ๋องอย่างที่ตั้งใจ
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์มาแย่งท่านอ๋องจากข้า เหตุใดเจ้าไม่ตายไปเสียดี ๆ กันนะนังแพศยาฟู่ซิ่วอิง!!”
เมิ่งลี่ถิงจำใจต้องเดินออกมาจากตำหนักท่านอ๋องด้วยมือเปล่า เดิมทีคิดว่าจะมาเพื่อสร้างรอยร้าวให้กับคนทั้งคู่เพราะถึงอย่างไรนางก็มั่นใจว่าท่านอ๋องต้องมีเยื่อใยและเป็นห่วงความรู้สึกนางอยู่บ้าง“อ๊าา ท่านอ๋อง อย่าพึ่งล้วงเข้ามาสิเพคะพระองค์ขี้โกงนี่ อร๊ายย….”“เจ้าท้าทายข้าก่อนนะพระชายา มือเจ้าก็ไม่ยอมปล่อยข้าเช่นกัน ฮึ๊ยย!! ซิ่วอิง!!”สงครามใต้น้ำในอ่างเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด เมื่อพูดจบแล้วท่านอ๋องก็ปิดปากนางด้วยจูบที่เร่าร้อน นิ้วมือที่กระดิกอยู่ในร่องกลีบด้านล่างก็ไม่ลดละเช่นกัน พอ ๆ กับอีกฝ่ายที่ใช้มือเรียวของนางรูดมังกรยักษ์กระตุ้นอยู่ใต้น้ำ“มาได้เสียทีข้าจะทนไม่ไหวแล้ว”“อันใดกันเพคะ เพียงเท่านี้ก็ทน…อ๊าา ท่านอ๋องอย่าพึ่งเลียสิเพคะ อ๊าา ก็ได้ ๆ ยอมแล้วเพคะ”ลิ้นหนาดูดดึงยอดอกจนช้ำเมื่อนางไม่ยอมสวมประสานกายเสียทีเอาแต่รูดมังกรของเขาจนเริ่มทนไม่ไหวดังนั้นเขาจึงต้องรีบกระตุ้นนางซึ่งก็ได้ผลร่างบางเอนแอ่นตามความคับแน่นใต้น้ำเมื่อร่องบุปผาของนางดูดกลืนมังกรของเขาเข้าไปและเริ่มขยับเอวเข้าหา เสียงน้ำที่ซัดกระเซ็นออกจากสระยิ่งทำให้อารมณ์ปรารถนาของทั้งคู่แตกกระเจิง“ข้าไม่มีทางเชื่อว่าท่านอ๋อง
จินฝูรีบเก็บผ้าแพรนั้นให้พ้นจากสายพระเนตรท่านอ๋องในทันทีแต่มีหรือที่คนอย่างฉางอ๋องจะพลาดเพียงแค่เขาทำเป็นไม่สนใจเท่านั้นเมื่อสาวใช้ค่อย ๆ เดินออกไปจากห้องและปิดประตูห้อง“ทำไมหรือ ยังลุกไม่ไหวงั้นหรือเช่นนั้นจะให้ข้าแต่งกายให้เจ้าด้วยหรือไม่”“ไม่ต้องเพคะ เพียงแค่แต่งตัวหม่อมฉันทำเองได้เพคะไม่รบกวนพระวรกายอันมีค่าของพระองค์”“ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังโกรธที่แพ้สินะ”“หม่อมฉัน!!…เพียงแค่สลบไปก่อนไม่ถือว่าแพ้”ท่านอ๋องทรงแย้มพระสรวลออกมาเล็กน้อยแต่กลับทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของฟู่ซิ่วอิงพองโตอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเขาเดินมาใกล้ ๆ และก้มลงมาหานางที่นั่งห่อตัวอยู่บนเตียง“แพ้ก็คือแพ้ หากว่าเจ้าอยากจะแก้มือ คืนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้า”“ผู้ใด….ผะ ผู้ใดจะทำเช่นนั้นเพคะ หม่อมฉันจะแต่งตัวเชิญพระองค์ออกไปก่อน”“ช่วยไม่ได้ตอนนี้ข้าเสร็จงานแล้วและกำลังว่าง อีกอย่างห้องนี้ก็ถูกจัดเป็นห้องของพวกเรา เจ้าคงไม่ว่าหากข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ เชิญเจ้าแต่งตัวตามสบายข้าจะนั่งจิบชารออยู่ที่นี่และไปห้องเสวยพร้อมกับเจ้า เหตุใดยังไม่ลุกขึ้นมาอีก หรือจะให้ข้า…”“ไม่เพคะ ไม่ต้องเพคะหม่อมฉันจัดการเอง”ซิ่วอิงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเ
ฟู่ซิ่วอิงพอจะทราบว่านางคือบุตรีของท่านราชครูเมิ่งที่พึ่งย้ายมาหลังจากที่ท่านอ๋องเสด็จมายังเมืองหลิงโจว และนางยังเป็นสตรีที่คู่ควรกับตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องข้าง ๆ นี้มาก่อนหากมิได้นับเหตุการณ์ที่นางและท่านอ๋องถูกวางยาพิษในครั้งก่อนจนต้องอภิเษกกันในวันนี้และเมื่อเช้าก็เป็นนางที่มารอเข้าเฝ้าท่านอ๋องทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพึ่งผ่านงานอภิเษกมาได้เพียงคืนเดียว“แม่นางเมิ่ง เจ้ามาที่นี่ทำไมงั้นหรือ หรือว่าเจ้าก็มาไหว้พระด้วยเช่นกัน”“หึ ไหว้พระในเวลาเช่นนี้ ช่างดูน่าเชื่อเสียจริง ๆ คนตาบอดยังมองออกเลยว่านางตามขบวนเสด็จมา”“พระชายาอย่าเสียมารยาทสิ”“นั่นสิเพคะ นางเป็นแขกของพระองค์เช่นนั้นก็เชิญเข้าเฝ้ากันตามสบายเถิดเพคะ หม่อมฉันไม่รบกวนขอตัวไปเดินดูด้านโน้นก่อน ที่นี่มีสิ่งที่ทำให้หม่อมฉันทั้ง “ตื่นตาตื่นใจ" และ…"น่าแปลกใจ" อยู่ไม่น้อยเลย ไปกันเถอะจินฝู"“พระชายา แม้นว่าข่าวลือที่ว่าพระองค์จะไร้มารยาทไปบ้างตามฐานะบุตรขุนนางต่างเมืองแต่หม่อมฉันไม่คิดว่า…จะมิรู้ความถึงเพียงนี้ ขออภัยที่หม่อมฉันบังอาจวิจารณ์ตามที่เห็นนะเพคะแต่เมื่อเทียบกับสตรีที่มากด้วยความรู้เหมือนสตรีในเมืองหลวงแล้ว...ยังนับว่าด้อ
ท่านอ๋องเดินตามพระชายามาถึงด้านหลังอาราม นางกำลังคุยกับเจ้าอาวาสที่กำลังแนะนำสถานที่ในวัดให้โดยละเอียดและเจ้าอาวาสก็กำลังเดินกลับเข้าไปในอารามแม้ว่ากิริยาที่นางพูดกับเมิ่งลี่ถิงนั้นจะดูไม่ค่อยให้เกียรติอีกฝ่ายเท่าใดแต่นางกลับมีท่าทางนอบน้อมกับเจ้าอาวาส ซึ่งท่านอ๋องพอจะเข้าพระทัยแล้วว่านางคงเลือกปฏิบัติจากท่าทางของอีกฝ่ายเป็นแน่“พระชายา กลับได้แล้วล่ะ”“แขกของพระองค์เล่าเพคะ"“นางกลับไปแล้ว แล้วอีกอย่างหนึ่งข้าก็มิได้เชื้อเชิญนางมา ดังนั้นจะเรียกว่าแขกคงจะไม่ได้”“เช่นนั้นคงต้องเรียกว่าสตรีในพระทัยมากกว่าสินะเพคะ”“ฟู่ซิ่วอิง นี่เจ้าไม่พอใจงั้นหรือ”“พระองค์ตรัสว่าจะกลับแล้วมิใช่หรือเพคะ”“หากว่าเจ้าแสดงท่าทีเช่นนี้ข้าเองก็คงคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากเจ้ากำลังแสดงอาการหึงหวงข้าอยู่”“พูดเหลวไหล!!…..…ทรงตรัสอะไรเพคะหม่อมฉันเพียงแค่รู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายเท่านั้น หากว่าคืนนั้นไม่เกิดเรื่อง….ช่างมันเถิดเพคะ”ฟู่ซิ่วอิงยังคิดถึงเรื่องครั้งก่อนตอนงานเลี้ยงที่ตนเองต้องสูญเสียพรหมจรรย์ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดนั่น คืนแห่งความอัปยศนั่นทำให้นางรู้สึกอับอายเป็นที่สุดหากว่าเขามิใช่ท่านอ๋องนางคงเลื
“แต่ว่าท่านอ๋องจะทรงยอมให้ท่านจากไปง่าย ๆ หรือเจ้าคะ พวกท่าน…เอ่อ….”“ช่างเถอะ เรื่องเช่นนั้นในยามนี้เวลานี้ไม่มีความสำคัญสำหรับข้าแล้ว”ซิ่วอิงจดจำเกี่ยวกับคืนแรกระหว่างนางและเขาไม่ได้เลย พรหมจรรย์สตรีที่สู้อุตส่าห์รักษามาเนิ่นนานเกือบสิบแปดปีแปดเปื้อนไปภายในค่ำคืนเดียวอีกทั้งนางยังไม่มีสติอีกด้วย พอตื่นมาก็พบว่าตนเองถูกทำลายวรยุทธ์จนแทบไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเอ่ยปากพูด“อะไรกันนี่ บัญชีนี้ก็ดูเรียบร้อยดีนี่นา แล้วให้ข้ามาตรวจอีกทำไมกัน”“ก็คงจะให้ตรวจตามหน้าที่เจ้าค่ะ หากว่าท่านตรวจแล้วก็ลงนามด้านหลังแล้วส่งไปที่คลังบัญชีก็จบหน้าที่แล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ได้สิ ในเมื่อรับหน้าที่มาแล้วจะทำแบบขอไปทีหาได้ไม่ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก็เสียชื่อสกุลฟู่ของข้าเสียหมด”“เจ้าค่ะ”สมุดบัญชีรายรับรายจ่ายเล่มแล้วเล่มเล่าถูกนางตรวจจนละเอียดเกือบทุกเล่ม แม้ว่าอยากจะทำให้เสร็จแต่ภารกิจเหล่านี้ก็หนักเกินกว่าจะทำเพียงวันเดียวเสร็จ“พักก่อนเถิดเจ้าค่ะคุณหนู นี่ก็เริ่มดึกแล้วท่านอ๋องคงกลับเข้าห้องบรรทมไปแล้ว”“ช่างเขาสิข้าขอดูให้จบเล่มนี้เสียก่อน ว่าแต่พรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง”“พรุ่งนี้จะเป็นการตรวจห้องเครื่องและต
ซิ่วอิงไม่รอช้าและเริ่มเปลี่ยนไปใช้ลิ้นกับหน้าอกของเขาแทน ท่านอ๋องส่งเสียงครางแหบต่ำเพราะความเสียวสุดชีวิตที่ไม่เคยพบพานมาก่อนนางช่างร้ายกาจนักที่สามารถเอาชนะความเป็นเอกบุรุษเช่นเขาได้จนทำให้เขายอมสยบแม่เสือเช่นนางบนเตียง แขนของเขาหลุดจากเชือกที่นางมัดเอาไว้และจับตัวนางได้ในที่สุด“อ๊ะ!! เป็นไปไม่ได้ ท่าน…”นางหันไปมองข้อมือของเขาที่แดงจนเริ่มมีเลือดไหลซิบออกมาเล็กน้อยเพราะแรงรัด นางมั่นใจว่ามัดเขาเอาไว้แน่นและวิธีการนี้ไม่เคยมีผู้ใดรอดมาได้ แต่ว่าท่านอ๋องกลับ…“นี่พระองค์…เหตุใดจึงทำร้ายพระวรกายพระองค์เองเช่นนี้เล่าเพคะ”“อย่าตกใจ ข้าเพียงอยากจะทำเท่านั้น อย่ากลัวจนตัวสั่นเช่นนี้เจ้ามิได้ทำอะไรผิด เรารีบจัดการให้จบศึกนี้เถอะพระชายาข้ายอมให้เจ้าสักครั้งก็ได้ อย่างไรสามีภรรยาก็มิต่างกับคนเดียวกัน”“แต่ว่า…บาดแผลของพระองค์ อ๊าา!!”“อย่าพึ่งพูดเวลาที่ข้าต้องการเจ้าเช่นนี้ อื้มมม…”จุมพิตเร่าร้อนถูกส่งไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนน้ำอุ่น ๆ ไหลเข้าไปด้านในกายของพระชายา ร่างทั้งสองเกร็งกระตุกขึ้นพร้อมกันพร้อมกับเสียงร้องที่ดังจนจับใจความไม่ได้ว่าผู้ใดที่ร้องดังกว่ากัน ร่างบางฟุบลงกับอกกว้างอย่างอ
“มิได้หงุดหงิดเสียหน่อย ท่านหลงตัวเองเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”“ก็ได้ ๆ ไม่หงุดหงิดไม่โมโหเลยสินะ แล้วเหตุใดคิ้วเจ้าจึงขมวดชนกันยุ่งเหยิงเช่นนี้เล่ามาให้ข้าดูหน่อยสิ”เขาจับใบหน้านางและดึงเข้ามาหอมไปที่หน้าผากหนึ่งที องครักษ์หนุ่มและสาวใช้ของนางถึงกับต้องหันหน้าหนีเพราะเขินอายแทนพวกเขาแต่ทั้งคู่เองก็ต้องลอบยิ้มไปกับความน่ารักของทั้งสองพระองค์ที่ดูรักใคร่กันดี“ท่าน!!”“อ๊ะ ๆ เจ้าอย่าลืมสิว่าเราไม่เปิดเผยฐานะ ไหนเรียกว่าท่านพี่ดี ๆ สิ ข้าจะป้อนเสี่ยวหลงเปานี่เป็นรางวัล เร็ว ๆ เข้า”“คนเจ้าเล่ห์”“ฮูหยินเจ้ากำลังพูดอะไรงั้นหรือ หากพูดเช่นนี้คืนนี้เจ้าอาจจะต้อง….”“ท่านพี่อย่าข่มขู่กันสิเจ้าคะข้าจำได้ว่าข้าชนะท่านนะเจ้าคะ”“กินเสี่ยวหลงเปาของเจ้าไปเลย เอ๊า!!”“อื้มม….อร่อย”ซิ่วอิงอ้าปากเคี้ยวเสี่ยวหลงเปาของโปรดของนางเข้าปากอย่างว่าง่าย ท่านอ๋องมองนางอย่างเอ็นดูและใช้ผ้าเอื้อมไปเช็ดปากให้นางอีกด้วยท่ามกลางคนมากมายยังมีอีกโต๊ะหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นคนที่พึ่งเดินทางมาจากต่างเมืองที่นั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะที่นางนั่งเท่าใดนัก“ใช่ ข้าก็ได้ยินข่าวมาเช่นนั้น นอกเมืองนั่น…ฆ่าล้างสกุลหลินเพื่อชิงอาวุธ
สาวใช้ของสกุลเมิ่งรีบปล่อยตัวพระชายาฟู่ซิ่วอิงทันที ท่านอ๋องผลักเมิ่งลี่ถิงออกไปให้พ้นทางพร้อมกับพยุงพระชายาและช้อนตัวอุ้มนางขึ้นมาทันที“เสี่ยวหมิง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”“จับตัวผู้ที่ก่อเรื่องไปส่งที่ศาลาว่าการให้หมด เพื่อลงโทษให้สาสมและชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด!!”“ท่านอ๋องเพคะ!! หม่อมฉันเปล่านะเพคะ….นางเริ่มก่อน นางดูถูกหม่อมฉันและ…”“ซิ่วอิงเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ผู้ใดทำเจ้าบาดเจ็บบอกข้ามา”“ท่านพี่….ข้าขอร้องพวกนางแล้วแต่ว่า….”ถึงคราวของดอกบัวดำเช่นฟู่ซิ่วอิงเอาคืนแล้ว มีหรือนางจะยอมให้คนอย่างเมิ่งลี่ถิงตบตีหากมิได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว เริ่มจากยั่วยุให้นางสติแตกและทำลายข้าวของเมื่อถึงเวลานางเห็นแล้วว่าทหารกลับไปที่หออี้จูเพื่อแจ้งท่านอ๋องนางจึงยอมให้สาวใช้สกุลเมิ่งจับตัวและยอมถูกตบเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ท่านอ๋องหันไปมองหน้าเมิ่งลี่ถิงที่ตัวเลอะไปด้วยแป้งทั้งตัว“เจ้าทำร้ายนางงั้นหรือ”“ไม่นะเพคะท่านอ๋อง ฟู่ซิ่วอิง!!…นางต่อว่าหม่อมฉันก่อนและยัง…พังร้านอีกทั้งใช้ของในร้านทำร้ายหม่อมฉันคนที่อยู่ในร้านเป็นพยานให้หม่อมฉันได้ทั้งหมดเพคะ”“คุณหนู เจ้าเป็นผู้สั่งให้สาวใช้จับนางเอาไว้และเจ้าเป็นผู้ต
พระชายาเดินออกมาด้วยท่าทางที่เดินแทบไม่ไหวและพันแผลเกือบทั้งแขนโดยมีจินฝูเป็นผู้พยุงเดินออกมาพร้อมกับทหารองครักษ์ที่ยกเก้าอี้มาให้นาง เสี่ยวหมิงเป็นผู้ยกมาให้นางเอง“พระชายา พระวรกายพระองค์ยังไม่หายดีประทับที่เก้าอี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจ....เสี่ยวหมิง….แม่นางเมิ่ง พวกเจ้ายังทำร้ายข้าไม่พออีกงั้นหรือ เหตุใดจึงได้….มาก่อกวนถึงที่นี่อีก”“พระชายาเพคะ!! จินฝู เสี่ยวหมิง!! เหตุใดพวกเจ้าจึงพาพระชายาเสด็จมาถึงที่นี่ ท่านหมอบอกแล้วว่าพระชายาต้องพักฟื้น บาดแผลของพระองค์เต็มพระวรกายทั้งข้างนอกแล้วยังช้ำในเช่นนี้ยังจะ….”“หมัวมัว….ไม่เป็นไร แม่นางเมิ่ง เจ้ามาที่นี่….เพื่อมาขออภัยโทษ หรือว่า…แคก แคก”""พระชายาเพคะ""เสียงสาวใช้และหมัวมัวเดินมาและกันตัวของฟู่ซิ่วอิงที่พันผ้าพันแผลทั้งที่แขนทั้งสองข้าง คอและบาดแผลที่ริมฝีปากที่ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมา ผู้คนที่มามุงดูเริ่มสีหน้าไม่ดีเมื่อเห็นสภาพของพระชายาที่บาดเจ็บสาหัส ในสายตาพวกเขา อาการของนางดู "ร่อแร่" เต็มที“นี่พระนางบาดเจ็บถึงเพียงนี้เชียวหรือ พวกนางทำอะไรกับพระชายากันแน่”"แล้วยังกล้ามาก่อกวนถึงที่นี่แทนที่พระองค์จะได้พักผ่อน ช่างไร้มารย
ทั้งสองร่างยังก่ายกอดและขยับกายอยู่ใต้น้ำมิหยุดหย่อน ซิ่วอิงที่เริ่มกอดรัดท่านอ๋องมากขึ้นเพราะนางใกล้จะถึงฝั่งเต็มทีแล้ว ท่านอ๋องทรงทราบสัญญาณนี้ดีเขาจึงได้รีบเร่งแรงกระแทกเข้าไปจนทั้งสองร้องขึ้นมาพร้อมกันน้ำที่สาดกระเซ็นไปจนทั่วห้องอาบน้ำทำให้ท่านอ๋องมิอาจปล่อยให้พระชายาของพระองค์เดินเองได้เพราะเกรงว่านางจะลื่นและหกล้ม เขารับหน้าที่อุ้มนางขึ้นมาและเช็ดกายให้นางด้วยตนเองพร้อมกับอุ้มพระชายากลับไปยังห้องบรรทม“หิวหรือไม่”“นิดหน่อยเพคะ”“เช่นนั้นก็รีบกินข้าวก่อนจะได้กินยา ข้าเห็นว่าบาดแผลฟกช้ำของเจ้ายังไม่หายดีดังนั้นคืนนี้เจ้าต้องพักผ่อน”“ก็ได้เพคะ!!”ซิ่วอิงเดินออกไปยังห้องเสวยส่วนพระองค์ข้าง ๆ เนื่องด้วยนางยังไม่หายดีดังนั้นสาวใช้จึงยกสำรับของทั้งสองพระองค์มาส่งที่ห้องนี้ซิ่วอิงนั่งกินข้าวโดยไม่รอท่านอ๋องซึ่งทำเอารุ่ยหยาง อ๋องหนุ่มถึงกับแปลกพระทัยไม่น้อยเพราะไม่คิดว่านางจะโกรธเขา“ซิ่วอิง เจ้าหิวมากเลยงั้นหรือถึงได้ไม่รอข้า”“ก็จะรีบกินข้าว ดื่มยาแล้ว "นอนพักผ่อน" เพคะ"ท่านอ๋องรู้โดยทันทีเมื่อนางพูดเน้นย้ำเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเข้าใจแล้วว่าพระชายาของเขาต้องการสื่อถึงสิ่งใดเพราะก่อนห
ฉางอ๋องเดินเข้ามาในห้องของนาง เมื่อเห็นกองสมุดบัญชีตรงหน้านางก็เริ่มรู้สึกเห็นใจที่นางต้องมาทำงานหนักทั้ง ๆ ที่ยังไม่หายดีเช่นนี้“หม่อมฉันเปล่านะเพคะเพียงแค่คิดว่าพระองค์อาจจะติดภารกิจแต่ว่าหม่อมฉันต้องรีบกินยาและต้องมาสะสางงานเหล่านี้ต่อเพราะไม่อยากทิ้งเอาไว้หลายวัน”“ไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวงานพวกนี้ข้าจะให้เสี่ยวหมิงหาคนมาช่วยทำแทนก็แล้วกัน”“ไม่ได้นะเพคะ งานเหล่านี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของ…”“แต่ว่าเจ้ายังบาดเจ็บอยู่และยังมีอย่างอื่นต้องทำ ไปเถอะรีบไปกินข้าว พรุ่งนี้จะไปสกุลฟู่แล้วเจ้าไม่รีบเตรียมตัวหรือ”“ได้เพคะ ไปกินข้าวกันเพคะ”ซิ่วอิงยิ้มพลางเดินมาเกาะแขนของเขาราวกับเด็กน้อยที่ดีใจเมื่อได้ของเล่นถูกใจ ท่านอ๋องพานางเดินมายังห้องเสวยเพื่อกินข้าวกลางวันวันนี้เขาจะให้นางพักผ่อนให้เต็มที่เพราะในช่วงบ่ายท่านอ๋องและเสี่ยวหมิงจะออกไปนอกเมืองแต่แน่นอนว่าเรื่องนี้เขามิได้บอกพระชายาตอนเย็นซิ่วอิงลุกจากเตียงเมื่อได้ดื่มยาของท่านหมอ เมื่อลุกขึ้นมาได้นางจึงรีบเดินไปจัดเตรียมของใช้ส่วนตัวเพื่อรอที่จะกลับไปเยือนสกุลฟู่อีกครั้ง“คุณหนูท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้วล่ะ นี่จินฝูท่านอ๋องยังไม่ก
“จนป่านนี้เจ้าก็ยังจะโทษผู้อื่น เหตุใดจึงไม่โทษตัวเองที่มิอาจยับยั้งชั่งใจจนตกเป็นเครื่องมือของนางได้”“ท่านพ่อ!! ท่านกำลังจะพูดว่าข้าโง่และหลงกลคนแซ่ฟู่เช่นนั้นหรือเจ้าคะ”“เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร นางเกิดในสกุลแม่ทัพ ต่อให้นาง….ไร้วรยุทธ์ไปแล้วก็ใช่ว่านางจะไร้เล่ห์เหลี่ยมที่เอาไว้จัดการเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่คิดการให้รอบคอบก่อนแล้วยังไปทำเรื่องเช่นนี้ลงไป ต่อให้ข้าเป็นท่านอ๋องก็คงละเว้นเจ้าไม่ได้ในสถานการณ์แบบนั้น”“ท่านพ่อจะพูดว่า ท่านอ๋องสั่งลงโทษลูกก็เพราะสถานการณ์บังคับงั้นหรือเจ้าคะ”“แล้วเจ้าคิดว่านอกจากสั่งลงโทษเจ้าแล้วท่านอ๋องยังมีทางเลือกอื่นอีกงั้นหรือ หากไม่ทำเช่นนี้ผู้คนมากมายจะคิดเช่นไรและหากว่าเจ้ามิได้ไปติดคุกจริง ๆ เรื่องมันจะจบง่ายเช่นนี้งั้นหรือเจ้าคิดดูสิ”“แต่ว่า…แต่ว่าเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว เขามิให้ข้าเรียกขานนามของเขาอีกแล้ว”“ถิงเอ๋อร์ เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าในตอนนี้ท่านอ๋องมิได้…ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว พระองค์ทรงอภิเษก…”“ไม่!! ข้าไม่อยากฟัง ข้าไม่ยอมรับ!! ท่านพ่อลูกอยากจะพักผ่อนแล้วเจ้าค่ะ ท่านออกไปก่อนเถอะ”“ถิงเอ๋อร์ต่อให้พ่อไม่พูด ความจริงที่ว่าท่านอ๋องทรงอภิเษกไปแ
เสี่ยวหมิงรับจดหมายนั้นมาและเป็นผู้ที่นำเอาไปให้กับบัณฑิตหวังที่ถูกส่งมาจากจวนราชครูเมิ่งพร้อมกับแจ้งตามคำสั่งท่านอ๋องราวกับถอดพระราชดำริของท่านอ๋องมาคำต่อคำ“เอ่อ แต่ว่าคุณหนูเมิ่งเป็นถึง….”“ท่านบัณฑิตท่านอ๋องทรงฝากเตือนท่านมาว่า บัณฑิตย่อมมีคุณธรรมนำจิตใจที่สูงส่งถึงจะเรียกว่าวิญญูชนอย่างแท้จริง เรื่องนี้ผิดถูกท่านเองก็ควรจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ท่านอ๋องทรงฝากจดหมายนี้ให้ท่านมอบให้กับท่านราชครูขอรับ”“เอ่อ…เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน”“ขออภัยที่ไม่ส่ง ลาก่อน”บัณฑิตหวังเดินกลับออกมาพร้อมกับจดหมายในมือ เขาเดินออกมาและหันกลับไปมองในตำหนักท่านอ๋องอีกครั้งพร้อมกับรำพึงออกมาเบา ๆ“ราชครูเมิ่ง ท่านเล่นงานผิดคนเสียแล้ว ท่านอ๋องมิใช่อ้อยหวานที่เคี้ยวง่ายอย่างที่ท่านคิด พยัคฆ์ซ่อนเล็บน่ากลัวที่สุด ครั้งนี้ข้าเกือบจะทำผิดพลาดไปเพราะหลงเชื่อในคำของขุนนางเก่าแก่ไปเสียแล้ว”จวนราชครูเมิ่ง“อะไรนะ!! แม้แต่บัณฑิตอันดับหนึ่งก็ไม่ยอมให้เข้าเฝ้างั้นหรือ นี่มันเป็นไปได้เช่นไรกัน”“ขอรับ ท่านอ๋องทรงตรัสว่าพระชายาบาดเจ็บสาหัสจากเรื่องในวันนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท่านอ๋องทรงกริ้วมากเนื่องจาก…เอ่อ คุณหนูทำ
เสี่ยวหมิงเดินกลับไปเมื่อสั่งการเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยไม่หันมามองเมิ่งลี่ถิงอีก นับจากวันนี้เขาสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะปกป้องพระชายาด้วยชีวิตและจะไม่ยอมให้คนสกุลเมิ่งมาทำร้ายพระชายาของท่านอ๋องอีกตำหนักท่านอ๋องท่านอ๋องอุ้มพระชายาที่ตัวเปื้อนเลือดเข้ามา หมัวมัวและสาวใช้ต่างตกใจกันจนทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นพระชายาในสภาพเช่นนี้"รีบตามหมอหลวงมาเร็ว ๆ เข้า!!"“พะ เพคะท่านอ๋อง แย่แล้วเร็ว ๆ เข้ารีบให้คนไปตามท่านหมอ เจ้าน่ะ รีบไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้ามา จินฝู!! เร็วเข้าเจ้ารีบไปเตรียมชุดมาเปลี่ยนให้พระชายาเร็ว”“เจ้าค่ะหมัวมัว”ท่านอ๋องพาซิ่วอิงเดินเข้าไปในห้องบรรทมและจัดการถอดชุดคลุมด้านนอกของนางออก จินฝูที่วิ่งนำชุดใหม่มาให้พระชายาเปลี่ยนก็ถูกสั่งให้เอาวางไว้ ฟู่ซิ่วอิงในตอนนี้ยังมีสติอยู่แต่ท่านอ๋องทำราวกับว่านางบาดเจ็บหนักจนเกือบตายก็มิปาน“ข้าจะเปลี่ยนชุดให้นางเอง เจ้ารีบไปเตรียมน้ำและผ้ามาเช็ดหน้าให้นาง”“เพคะท่านอ๋อง”“หม่อมฉัน…ทำเองก็ได้เพคะเพียงแค่เปลี่ยนชุด หม่อมฉันมิได้ป่วยใกล้ตายนะเพคะ”“เจ้านอนเฉย ๆ ไปเถอะ ถูกตีขนาดนี้เหตุใดเจ้าไม่เรียกให้ผู้อื่นช่วยแล้วสาวใช้เจ้าไปที่ใดเหตุใดจินฝูจึงไ
สาวใช้ของสกุลเมิ่งรีบปล่อยตัวพระชายาฟู่ซิ่วอิงทันที ท่านอ๋องผลักเมิ่งลี่ถิงออกไปให้พ้นทางพร้อมกับพยุงพระชายาและช้อนตัวอุ้มนางขึ้นมาทันที“เสี่ยวหมิง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”“จับตัวผู้ที่ก่อเรื่องไปส่งที่ศาลาว่าการให้หมด เพื่อลงโทษให้สาสมและชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด!!”“ท่านอ๋องเพคะ!! หม่อมฉันเปล่านะเพคะ….นางเริ่มก่อน นางดูถูกหม่อมฉันและ…”“ซิ่วอิงเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ผู้ใดทำเจ้าบาดเจ็บบอกข้ามา”“ท่านพี่….ข้าขอร้องพวกนางแล้วแต่ว่า….”ถึงคราวของดอกบัวดำเช่นฟู่ซิ่วอิงเอาคืนแล้ว มีหรือนางจะยอมให้คนอย่างเมิ่งลี่ถิงตบตีหากมิได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว เริ่มจากยั่วยุให้นางสติแตกและทำลายข้าวของเมื่อถึงเวลานางเห็นแล้วว่าทหารกลับไปที่หออี้จูเพื่อแจ้งท่านอ๋องนางจึงยอมให้สาวใช้สกุลเมิ่งจับตัวและยอมถูกตบเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ท่านอ๋องหันไปมองหน้าเมิ่งลี่ถิงที่ตัวเลอะไปด้วยแป้งทั้งตัว“เจ้าทำร้ายนางงั้นหรือ”“ไม่นะเพคะท่านอ๋อง ฟู่ซิ่วอิง!!…นางต่อว่าหม่อมฉันก่อนและยัง…พังร้านอีกทั้งใช้ของในร้านทำร้ายหม่อมฉันคนที่อยู่ในร้านเป็นพยานให้หม่อมฉันได้ทั้งหมดเพคะ”“คุณหนู เจ้าเป็นผู้สั่งให้สาวใช้จับนางเอาไว้และเจ้าเป็นผู้ต
“มิได้หงุดหงิดเสียหน่อย ท่านหลงตัวเองเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”“ก็ได้ ๆ ไม่หงุดหงิดไม่โมโหเลยสินะ แล้วเหตุใดคิ้วเจ้าจึงขมวดชนกันยุ่งเหยิงเช่นนี้เล่ามาให้ข้าดูหน่อยสิ”เขาจับใบหน้านางและดึงเข้ามาหอมไปที่หน้าผากหนึ่งที องครักษ์หนุ่มและสาวใช้ของนางถึงกับต้องหันหน้าหนีเพราะเขินอายแทนพวกเขาแต่ทั้งคู่เองก็ต้องลอบยิ้มไปกับความน่ารักของทั้งสองพระองค์ที่ดูรักใคร่กันดี“ท่าน!!”“อ๊ะ ๆ เจ้าอย่าลืมสิว่าเราไม่เปิดเผยฐานะ ไหนเรียกว่าท่านพี่ดี ๆ สิ ข้าจะป้อนเสี่ยวหลงเปานี่เป็นรางวัล เร็ว ๆ เข้า”“คนเจ้าเล่ห์”“ฮูหยินเจ้ากำลังพูดอะไรงั้นหรือ หากพูดเช่นนี้คืนนี้เจ้าอาจจะต้อง….”“ท่านพี่อย่าข่มขู่กันสิเจ้าคะข้าจำได้ว่าข้าชนะท่านนะเจ้าคะ”“กินเสี่ยวหลงเปาของเจ้าไปเลย เอ๊า!!”“อื้มม….อร่อย”ซิ่วอิงอ้าปากเคี้ยวเสี่ยวหลงเปาของโปรดของนางเข้าปากอย่างว่าง่าย ท่านอ๋องมองนางอย่างเอ็นดูและใช้ผ้าเอื้อมไปเช็ดปากให้นางอีกด้วยท่ามกลางคนมากมายยังมีอีกโต๊ะหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นคนที่พึ่งเดินทางมาจากต่างเมืองที่นั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะที่นางนั่งเท่าใดนัก“ใช่ ข้าก็ได้ยินข่าวมาเช่นนั้น นอกเมืองนั่น…ฆ่าล้างสกุลหลินเพื่อชิงอาวุธ
ซิ่วอิงไม่รอช้าและเริ่มเปลี่ยนไปใช้ลิ้นกับหน้าอกของเขาแทน ท่านอ๋องส่งเสียงครางแหบต่ำเพราะความเสียวสุดชีวิตที่ไม่เคยพบพานมาก่อนนางช่างร้ายกาจนักที่สามารถเอาชนะความเป็นเอกบุรุษเช่นเขาได้จนทำให้เขายอมสยบแม่เสือเช่นนางบนเตียง แขนของเขาหลุดจากเชือกที่นางมัดเอาไว้และจับตัวนางได้ในที่สุด“อ๊ะ!! เป็นไปไม่ได้ ท่าน…”นางหันไปมองข้อมือของเขาที่แดงจนเริ่มมีเลือดไหลซิบออกมาเล็กน้อยเพราะแรงรัด นางมั่นใจว่ามัดเขาเอาไว้แน่นและวิธีการนี้ไม่เคยมีผู้ใดรอดมาได้ แต่ว่าท่านอ๋องกลับ…“นี่พระองค์…เหตุใดจึงทำร้ายพระวรกายพระองค์เองเช่นนี้เล่าเพคะ”“อย่าตกใจ ข้าเพียงอยากจะทำเท่านั้น อย่ากลัวจนตัวสั่นเช่นนี้เจ้ามิได้ทำอะไรผิด เรารีบจัดการให้จบศึกนี้เถอะพระชายาข้ายอมให้เจ้าสักครั้งก็ได้ อย่างไรสามีภรรยาก็มิต่างกับคนเดียวกัน”“แต่ว่า…บาดแผลของพระองค์ อ๊าา!!”“อย่าพึ่งพูดเวลาที่ข้าต้องการเจ้าเช่นนี้ อื้มมม…”จุมพิตเร่าร้อนถูกส่งไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนน้ำอุ่น ๆ ไหลเข้าไปด้านในกายของพระชายา ร่างทั้งสองเกร็งกระตุกขึ้นพร้อมกันพร้อมกับเสียงร้องที่ดังจนจับใจความไม่ได้ว่าผู้ใดที่ร้องดังกว่ากัน ร่างบางฟุบลงกับอกกว้างอย่างอ