จินฝูรีบเก็บผ้าแพรนั้นให้พ้นจากสายพระเนตรท่านอ๋องในทันทีแต่มีหรือที่คนอย่างฉางอ๋องจะพลาดเพียงแค่เขาทำเป็นไม่สนใจเท่านั้นเมื่อสาวใช้ค่อย ๆ เดินออกไปจากห้องและปิดประตูห้อง
“ทำไมหรือ ยังลุกไม่ไหวงั้นหรือเช่นนั้นจะให้ข้าแต่งกายให้เจ้าด้วยหรือไม่”
“ไม่ต้องเพคะ เพียงแค่แต่งตัวหม่อมฉันทำเองได้เพคะไม่รบกวนพระวรกายอันมีค่าของพระองค์”
“ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังโกรธที่แพ้สินะ”
“หม่อมฉัน!!…เพียงแค่สลบไปก่อนไม่ถือว่าแพ้”
ท่านอ๋องทรงแย้มพระสรวลออกมาเล็กน้อยแต่กลับทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของฟู่ซิ่วอิงพองโตอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเขาเดินมาใกล้ ๆ และก้มลงมาหานางที่นั่งห่อตัวอยู่บนเตียง
“แพ้ก็คือแพ้ หากว่าเจ้าอยากจะแก้มือ คืนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้า”
“ผู้ใด….ผะ ผู้ใดจะทำเช่นนั้นเพคะ หม่อมฉันจะแต่งตัวเชิญพระองค์ออกไปก่อน”
“ช่วยไม่ได้ตอนนี้ข้าเสร็จงานแล้วและกำลังว่าง อีกอย่างห้องนี้ก็ถูกจัดเป็นห้องของพวกเรา เจ้าคงไม่ว่าหากข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ เชิญเจ้าแต่งตัวตามสบายข้าจะนั่งจิบชารออยู่ที่นี่และไปห้องเสวยพร้อมกับเจ้า เหตุใดยังไม่ลุกขึ้นมาอีก หรือจะให้ข้า…”
“ไม่เพคะ ไม่ต้องเพคะหม่อมฉันจัดการเอง”
ซิ่วอิงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินไปยังด้านหลัง ชุดของนางถูกเตรียมเอาไว้หมดแล้วเหลือเพียงรอนางมาเปลี่ยน แต่ผมของนางนั้นยังต้องจัดทรงอีกมาก ซึ่งในเวลานี้ท่านอ๋องจึงเรียกสาวใช้ของนางเข้ามาช่วย
ไม่นานซิ่วอิงก็เดินออกมาจากห้องแต่งกาย นึกไม่ถึงว่านางสวมชุดเจ้าสาวเมื่อวานว่าดูดีแล้ว เวลานางสวมชุดลำลองเช่นนี้ก็จะงดงามไม่แพ้ผู้ใดจนเขาตกตะลึง
“หม่อมฉันแต่งตัวเสร็จแล้วเพคะ”
“เอ่อ…เช่นนั้นก็ไปเถอะเจ้าคงหิวแล้ว”
“เพคะ”
ท่านอ๋องเสด็จพร้อมกับพระชายาไปยังห้องเสวยที่มีซิ่วหมัวมัวคอยจัดการกับสาวใช้ในตำหนัก เมื่อทั้งสองมายังโต๊ะเสวยอาหารทุกอย่างก็ถูกนำขึ้นตั้งโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้ว
ซิ่วอิงหิวจนหูตาลายและกินทุกอย่างบนโต๊ะจนหมัวมัวแอบอดลอบยิ้มอย่างพอใจมิได้เพราะนาน ๆ จะมีผู้ที่ชื่นชอบอาหารที่นางสั่งทำและกินจนหมดเช่นนี้
“พระชายาเพคะ นี่เป็นยาบำรุงดื่มเสียหน่อยนะเพคะ”
“ยาบำรุงหรือ บำรุงอะไรกันข้าคิดว่าข้าก็แข็งแรงพอนะเจ้าคะหมัวมัว”
“ท่านอ๋องเองก็ต้องเสวยเช่นกันเพคะ”
ยาบำรุงกลิ่นโสมถูกนำมาวางให้ทั้งคู่หลังมื้ออาหาร ซิ่วอิงยกขึ้นดื่มอย่างว่าง่าย รสชาติของยาไม่ได้แย่นักแต่ก็มิได้ดื่มง่ายเหมือนชาดอกไม้ที่นางโปรดปราน ท่านอ๋องเองก็ดื่มตามนางเช่นกัน
“นี่เป็นยาบำรุงร่างกายชั้นดี เร่งฟื้นฟูกำลังเพื่อจะได้มีบุตรโดยเร็วเพคะ”
“อะไรนะ!!….มะ มีบุตรงั้นหรือ”
ซิ่วอิงหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ยกดื่มยานั้นจนหมดด้วยสีพระพักตร์ที่เรียบเฉยราวกับรู้ดีอยู่แล้วว่ามันคือสิ่งใดแต่นาง!!….ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป
นางตั้งใจเพียงแค่จะใช้ตำแหน่งพระชายาเพื่อสืบหาคนร้ายที่ลอบสังหารนางเท่านั้นจากนั้นก็จะไปจากตำหนักอ๋องแต่กลับลืมคิดไปว่าหากต้องร่วมเตียงกับเขาเช่นนี้นางเองก็มีโอกาสตั้งครรภ์ด้วยเช่นกัน
“อืมมมเจ้าค่ะ ขอบคุณหมัวมัว….”
นางยิ้มอ่อน ๆ ส่งไปให้หมัวมัวที่ยังคงจัดแจงนำผลไม้มาวางเพื่อให้นางและท่านอ๋องล้างปาก แต่คนข้าง ๆ นางมิได้พูดอะไรออกมาเพียงแค่หันมามองนางและหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อวิเคราะห์ความคิดของอีกฝ่าย
“พระชายา เจ้าคงไม่ลืมธรรมเนียมกลับไปเยี่ยมจวนสกุลฟู่นะ เราคงต้องจัดหาของขวัญเพื่อให้แม่ทัพฟู่และรองแม่ทัพไป๋ท่านแม่ของเจ้าด้วย”
“อ้อ เพคะของขวัญ ท่านพ่อท่านแม่นอกจากอาวุธและแผนกลยุทธ์การศึกนอกนั้นพวกท่านน่าจะชอบ….”
“มิใช่เรื่องเหล่านั้น ของขวัญต้องเป็นสิ่งที่ให้ตามความเหมาะสม สิ่งที่เจ้ากล่าวมาใช้เป็นของขวัญมิได้”
“เช่นนั้นพระองค์ก็คงเป็นชาชั้นดี ภาพวาดหายากจากนักวาดเลื่องชื่อหรือแท่นฝนหมึกและงานปักผ้าไหมชั้นเยี่ยมจากเจียงหนานอะไรพวกนั้นสินะเพคะ”
“อืมใช่แล้ว หมัวมัวรบกวนท่านจัดเตรียมเอาไว้ให้ทีก็แล้วกัน ถึงเวลาข้าจะได้นำไปมอบให้สกุลฟู่”
“เพคะท่านอ๋อง พระชายาเพคะกินผลไม้นี่เสียหน่อยนะเพคะจะได้มีแรง”
ซิ่วอิงหันไปมองอาหารและผลไม้แต่ละจานที่นางจัดมาวางให้ตรงหน้า หากมิได้เพิ่มพลังก็เพื่อเสริมให้มีแรง นางเริ่มมองหมัวมัวที่เอาแต่ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้นางและเดินออกไปจากห้องเสวย ท่านอ๋องยังคงยกจอกชาจิบอย่างไม่ใส่ใจ
“นี่นางกะจะให้หม่อมฉัน….”
“ใช่เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของพระชายาที่พึงกระทำมิใช่หรอกหรือ”
“หนะ หน้าที่หรือเพคะ มิใช่เพียงแค่แต่งงานแล้วคอยเดินตามพระองค์ ยิ้มท่าประหลาดเวลาออกงานและพักเงียบ ๆ ในตำหนักหรอกหรือเพคะ”
“เจ้าพูดอะไร หรือว่าลืมหลักสามเชื่อฟังสี่จรรยาของสตรีไปสิ้นแล้ว หรือว่าเจ้า…กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่”
ฟู่ซิ่วอิงคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องในยามปกติช่างดูเป็นคนเยือกเย็นและสุขุมดูสง่างามเช่นนี้ สายพระเนตรที่จ้องมาสบตากับนางราวกับพยายามจะอ่านเข้าไปถึงจิตใจ แม้ว่ายามอยู่บนเตียงเขาจะเร่าร้อนและดุดันเพียงใดแต่พยัคฆ์ฤาจะทิ้งลายสิ้นได้
“ข้าจะต้องพาเจ้าไปยังศาลบรรพชนอีก เจ้ากินเสร็จแล้วก็รีบเตรียมตัวเถอะ”
“พะ…เพคะ ตอนนี้เลยหรือเพคะ”
“ที่จริงเราต้องไปตั้งแต่ตอนเช้าแล้วแต่ว่าเห็นแก่ที่เจ้าอ่อนเพลียและเหน็ดเหนื่อย ไปยามนี้ก็มิได้ผิดธรรมเนียมอันใดข้ามิใช่คนใจร้ายถึงเพียงนั้น ไปกันเถอะ”
“เพคะ”
พระชายาฟู่เดินตามท่านอ๋องเพื่อไปขึ้นรถม้าที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ด้านหน้าตำหนัก เมื่อทั้งสองพระองค์ขึ้นรถม้าแล้วขบวนก็เริ่มเคลื่อนออกจากตำหนักท่านอ๋องมุ่งขึ้นเขายังอารามที่เชิงเขาด้านตะวันออกซึ่งเป็นพระอารามหลวงของราชวงศ์
อารามเซิ่งจวิ่น
“ถึงแล้วล่ะ”
ท่านอ๋องเดินนำนางลงจากรถม้าและยื่นพระหัตถ์มารอรับนางที่ด้านล่าง พระชายายื่นมือออกไปให้เขาจับและพาเดินไปยังหอบรรพชนด้านในซึ่งมีเพียงองค์พระประธานและแสงจากเทียนนับร้อยเล่มที่ถูกจุดก่อนที่พวกเขาจะมาถึง
“ศาลบรรพชนอยู่เมืองหลวง เอาไว้มีโอกาสเราค่อยไปกราบไหว้ แต่ที่พาเจ้ามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อจะมากราบไหว้ตามหลักพิธีการที่ถูกต้องเท่านั้น”
“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”
ทั้งสองคุกเข่าลงและรับธูปที่เตรียมเอาไว้มาพร้อมกับคำนับไปสามครั้งและส่งธูปไปปักในกระถางเป็นอันเสร็จพิธี
“หม่อมฉันไม่เคยมาที่อารามแห่งนี้มาก่อน คิดไม่ถึงว่าจะมีที่ที่หม่อมฉันไม่เคยไปมาก่อนในหลิงโจว”
“ที่นี่เป็นพระอารามหลวง นาน ๆ จะมีผู้คนเข้ามานอกจากเหล่าเชื้อพระวงศ์แล้วไม่ค่อยมีผู้ใดทราบเท่าใดนักแต่ก็มิได้ถูกละเลยเพราะทางราชสำนักยังส่งคนมาดูแลเป็นอย่างดี”
“หากมองจากตรงนี้ สามารถมองเห็นตำหนักพระองค์ได้อย่างชัดเจน น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยสังเกตเชิงเขาลูกนี้มาก่อนเลย”
“นั่นคงเป็นเพราะทางขึ้นที่ค่อนข้างสูงชันและเส้นทางที่มิได้อนุญาตให้ผู้ใดผ่านมามากนัก จึงไม่มีผู้ใดมา”
“เป็นเช่นนี้เอง เช่นนั้นแล้วนอกจากพวกเรา….”
ฟู่ซิ่วอิงหันไปมองขบวนรถม้าที่พึ่งขึ้นเขาตามพวกเขามาติด ๆ ท่านอ๋องเองก็หันไปมองตามนางเช่นกันเมื่อเห็นว่านางหยุดพูดไป เขาก็นึกแปลกใจเช่นกันที่พบผู้อื่นในวันสำคัญเช่นนี้ ไม่นานนักคนในรถม้าก็เดินออกมาซึ่งทำให้พระชายาข้าง ๆ ของเขาถึงกับพ่นลมออกมาทางจมูกจนเขาได้ยินชัดเจน
“หม่อมฉันเมิ่งลี่ถิงถวายบังคมท่านอ๋อง…และพระชายาเพคะ”
ฟู่ซิ่วอิงพอจะทราบว่านางคือบุตรีของท่านราชครูเมิ่งที่พึ่งย้ายมาหลังจากที่ท่านอ๋องเสด็จมายังเมืองหลิงโจว และนางยังเป็นสตรีที่คู่ควรกับตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องข้าง ๆ นี้มาก่อนหากมิได้นับเหตุการณ์ที่นางและท่านอ๋องถูกวางยาพิษในครั้งก่อนจนต้องอภิเษกกันในวันนี้และเมื่อเช้าก็เป็นนางที่มารอเข้าเฝ้าท่านอ๋องทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพึ่งผ่านงานอภิเษกมาได้เพียงคืนเดียว“แม่นางเมิ่ง เจ้ามาที่นี่ทำไมงั้นหรือ หรือว่าเจ้าก็มาไหว้พระด้วยเช่นกัน”“หึ ไหว้พระในเวลาเช่นนี้ ช่างดูน่าเชื่อเสียจริง ๆ คนตาบอดยังมองออกเลยว่านางตามขบวนเสด็จมา”“พระชายาอย่าเสียมารยาทสิ”“นั่นสิเพคะ นางเป็นแขกของพระองค์เช่นนั้นก็เชิญเข้าเฝ้ากันตามสบายเถิดเพคะ หม่อมฉันไม่รบกวนขอตัวไปเดินดูด้านโน้นก่อน ที่นี่มีสิ่งที่ทำให้หม่อมฉันทั้ง “ตื่นตาตื่นใจ" และ…"น่าแปลกใจ" อยู่ไม่น้อยเลย ไปกันเถอะจินฝู"“พระชายา แม้นว่าข่าวลือที่ว่าพระองค์จะไร้มารยาทไปบ้างตามฐานะบุตรขุนนางต่างเมืองแต่หม่อมฉันไม่คิดว่า…จะมิรู้ความถึงเพียงนี้ ขออภัยที่หม่อมฉันบังอาจวิจารณ์ตามที่เห็นนะเพคะแต่เมื่อเทียบกับสตรีที่มากด้วยความรู้เหมือนสตรีในเมืองหลวงแล้ว...ยังนับว่าด้อ
ท่านอ๋องเดินตามพระชายามาถึงด้านหลังอาราม นางกำลังคุยกับเจ้าอาวาสที่กำลังแนะนำสถานที่ในวัดให้โดยละเอียดและเจ้าอาวาสก็กำลังเดินกลับเข้าไปในอารามแม้ว่ากิริยาที่นางพูดกับเมิ่งลี่ถิงนั้นจะดูไม่ค่อยให้เกียรติอีกฝ่ายเท่าใดแต่นางกลับมีท่าทางนอบน้อมกับเจ้าอาวาส ซึ่งท่านอ๋องพอจะเข้าพระทัยแล้วว่านางคงเลือกปฏิบัติจากท่าทางของอีกฝ่ายเป็นแน่“พระชายา กลับได้แล้วล่ะ”“แขกของพระองค์เล่าเพคะ"“นางกลับไปแล้ว แล้วอีกอย่างหนึ่งข้าก็มิได้เชื้อเชิญนางมา ดังนั้นจะเรียกว่าแขกคงจะไม่ได้”“เช่นนั้นคงต้องเรียกว่าสตรีในพระทัยมากกว่าสินะเพคะ”“ฟู่ซิ่วอิง นี่เจ้าไม่พอใจงั้นหรือ”“พระองค์ตรัสว่าจะกลับแล้วมิใช่หรือเพคะ”“หากว่าเจ้าแสดงท่าทีเช่นนี้ข้าเองก็คงคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากเจ้ากำลังแสดงอาการหึงหวงข้าอยู่”“พูดเหลวไหล!!…..…ทรงตรัสอะไรเพคะหม่อมฉันเพียงแค่รู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายเท่านั้น หากว่าคืนนั้นไม่เกิดเรื่อง….ช่างมันเถิดเพคะ”ฟู่ซิ่วอิงยังคิดถึงเรื่องครั้งก่อนตอนงานเลี้ยงที่ตนเองต้องสูญเสียพรหมจรรย์ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดนั่น คืนแห่งความอัปยศนั่นทำให้นางรู้สึกอับอายเป็นที่สุดหากว่าเขามิใช่ท่านอ๋องนางคงเลื
“แต่ว่าท่านอ๋องจะทรงยอมให้ท่านจากไปง่าย ๆ หรือเจ้าคะ พวกท่าน…เอ่อ….”“ช่างเถอะ เรื่องเช่นนั้นในยามนี้เวลานี้ไม่มีความสำคัญสำหรับข้าแล้ว”ซิ่วอิงจดจำเกี่ยวกับคืนแรกระหว่างนางและเขาไม่ได้เลย พรหมจรรย์สตรีที่สู้อุตส่าห์รักษามาเนิ่นนานเกือบสิบแปดปีแปดเปื้อนไปภายในค่ำคืนเดียวอีกทั้งนางยังไม่มีสติอีกด้วย พอตื่นมาก็พบว่าตนเองถูกทำลายวรยุทธ์จนแทบไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเอ่ยปากพูด“อะไรกันนี่ บัญชีนี้ก็ดูเรียบร้อยดีนี่นา แล้วให้ข้ามาตรวจอีกทำไมกัน”“ก็คงจะให้ตรวจตามหน้าที่เจ้าค่ะ หากว่าท่านตรวจแล้วก็ลงนามด้านหลังแล้วส่งไปที่คลังบัญชีก็จบหน้าที่แล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ได้สิ ในเมื่อรับหน้าที่มาแล้วจะทำแบบขอไปทีหาได้ไม่ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก็เสียชื่อสกุลฟู่ของข้าเสียหมด”“เจ้าค่ะ”สมุดบัญชีรายรับรายจ่ายเล่มแล้วเล่มเล่าถูกนางตรวจจนละเอียดเกือบทุกเล่ม แม้ว่าอยากจะทำให้เสร็จแต่ภารกิจเหล่านี้ก็หนักเกินกว่าจะทำเพียงวันเดียวเสร็จ“พักก่อนเถิดเจ้าค่ะคุณหนู นี่ก็เริ่มดึกแล้วท่านอ๋องคงกลับเข้าห้องบรรทมไปแล้ว”“ช่างเขาสิข้าขอดูให้จบเล่มนี้เสียก่อน ว่าแต่พรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง”“พรุ่งนี้จะเป็นการตรวจห้องเครื่องและต
ซิ่วอิงไม่รอช้าและเริ่มเปลี่ยนไปใช้ลิ้นกับหน้าอกของเขาแทน ท่านอ๋องส่งเสียงครางแหบต่ำเพราะความเสียวสุดชีวิตที่ไม่เคยพบพานมาก่อนนางช่างร้ายกาจนักที่สามารถเอาชนะความเป็นเอกบุรุษเช่นเขาได้จนทำให้เขายอมสยบแม่เสือเช่นนางบนเตียง แขนของเขาหลุดจากเชือกที่นางมัดเอาไว้และจับตัวนางได้ในที่สุด“อ๊ะ!! เป็นไปไม่ได้ ท่าน…”นางหันไปมองข้อมือของเขาที่แดงจนเริ่มมีเลือดไหลซิบออกมาเล็กน้อยเพราะแรงรัด นางมั่นใจว่ามัดเขาเอาไว้แน่นและวิธีการนี้ไม่เคยมีผู้ใดรอดมาได้ แต่ว่าท่านอ๋องกลับ…“นี่พระองค์…เหตุใดจึงทำร้ายพระวรกายพระองค์เองเช่นนี้เล่าเพคะ”“อย่าตกใจ ข้าเพียงอยากจะทำเท่านั้น อย่ากลัวจนตัวสั่นเช่นนี้เจ้ามิได้ทำอะไรผิด เรารีบจัดการให้จบศึกนี้เถอะพระชายาข้ายอมให้เจ้าสักครั้งก็ได้ อย่างไรสามีภรรยาก็มิต่างกับคนเดียวกัน”“แต่ว่า…บาดแผลของพระองค์ อ๊าา!!”“อย่าพึ่งพูดเวลาที่ข้าต้องการเจ้าเช่นนี้ อื้มมม…”จุมพิตเร่าร้อนถูกส่งไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนน้ำอุ่น ๆ ไหลเข้าไปด้านในกายของพระชายา ร่างทั้งสองเกร็งกระตุกขึ้นพร้อมกันพร้อมกับเสียงร้องที่ดังจนจับใจความไม่ได้ว่าผู้ใดที่ร้องดังกว่ากัน ร่างบางฟุบลงกับอกกว้างอย่างอ
“มิได้หงุดหงิดเสียหน่อย ท่านหลงตัวเองเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”“ก็ได้ ๆ ไม่หงุดหงิดไม่โมโหเลยสินะ แล้วเหตุใดคิ้วเจ้าจึงขมวดชนกันยุ่งเหยิงเช่นนี้เล่ามาให้ข้าดูหน่อยสิ”เขาจับใบหน้านางและดึงเข้ามาหอมไปที่หน้าผากหนึ่งที องครักษ์หนุ่มและสาวใช้ของนางถึงกับต้องหันหน้าหนีเพราะเขินอายแทนพวกเขาแต่ทั้งคู่เองก็ต้องลอบยิ้มไปกับความน่ารักของทั้งสองพระองค์ที่ดูรักใคร่กันดี“ท่าน!!”“อ๊ะ ๆ เจ้าอย่าลืมสิว่าเราไม่เปิดเผยฐานะ ไหนเรียกว่าท่านพี่ดี ๆ สิ ข้าจะป้อนเสี่ยวหลงเปานี่เป็นรางวัล เร็ว ๆ เข้า”“คนเจ้าเล่ห์”“ฮูหยินเจ้ากำลังพูดอะไรงั้นหรือ หากพูดเช่นนี้คืนนี้เจ้าอาจจะต้อง….”“ท่านพี่อย่าข่มขู่กันสิเจ้าคะข้าจำได้ว่าข้าชนะท่านนะเจ้าคะ”“กินเสี่ยวหลงเปาของเจ้าไปเลย เอ๊า!!”“อื้มม….อร่อย”ซิ่วอิงอ้าปากเคี้ยวเสี่ยวหลงเปาของโปรดของนางเข้าปากอย่างว่าง่าย ท่านอ๋องมองนางอย่างเอ็นดูและใช้ผ้าเอื้อมไปเช็ดปากให้นางอีกด้วยท่ามกลางคนมากมายยังมีอีกโต๊ะหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นคนที่พึ่งเดินทางมาจากต่างเมืองที่นั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะที่นางนั่งเท่าใดนัก“ใช่ ข้าก็ได้ยินข่าวมาเช่นนั้น นอกเมืองนั่น…ฆ่าล้างสกุลหลินเพื่อชิงอาวุธ
สาวใช้ของสกุลเมิ่งรีบปล่อยตัวพระชายาฟู่ซิ่วอิงทันที ท่านอ๋องผลักเมิ่งลี่ถิงออกไปให้พ้นทางพร้อมกับพยุงพระชายาและช้อนตัวอุ้มนางขึ้นมาทันที“เสี่ยวหมิง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”“จับตัวผู้ที่ก่อเรื่องไปส่งที่ศาลาว่าการให้หมด เพื่อลงโทษให้สาสมและชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด!!”“ท่านอ๋องเพคะ!! หม่อมฉันเปล่านะเพคะ….นางเริ่มก่อน นางดูถูกหม่อมฉันและ…”“ซิ่วอิงเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ผู้ใดทำเจ้าบาดเจ็บบอกข้ามา”“ท่านพี่….ข้าขอร้องพวกนางแล้วแต่ว่า….”ถึงคราวของดอกบัวดำเช่นฟู่ซิ่วอิงเอาคืนแล้ว มีหรือนางจะยอมให้คนอย่างเมิ่งลี่ถิงตบตีหากมิได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว เริ่มจากยั่วยุให้นางสติแตกและทำลายข้าวของเมื่อถึงเวลานางเห็นแล้วว่าทหารกลับไปที่หออี้จูเพื่อแจ้งท่านอ๋องนางจึงยอมให้สาวใช้สกุลเมิ่งจับตัวและยอมถูกตบเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ท่านอ๋องหันไปมองหน้าเมิ่งลี่ถิงที่ตัวเลอะไปด้วยแป้งทั้งตัว“เจ้าทำร้ายนางงั้นหรือ”“ไม่นะเพคะท่านอ๋อง ฟู่ซิ่วอิง!!…นางต่อว่าหม่อมฉันก่อนและยัง…พังร้านอีกทั้งใช้ของในร้านทำร้ายหม่อมฉันคนที่อยู่ในร้านเป็นพยานให้หม่อมฉันได้ทั้งหมดเพคะ”“คุณหนู เจ้าเป็นผู้สั่งให้สาวใช้จับนางเอาไว้และเจ้าเป็นผู้ต
เสี่ยวหมิงเดินกลับไปเมื่อสั่งการเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยไม่หันมามองเมิ่งลี่ถิงอีก นับจากวันนี้เขาสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะปกป้องพระชายาด้วยชีวิตและจะไม่ยอมให้คนสกุลเมิ่งมาทำร้ายพระชายาของท่านอ๋องอีกตำหนักท่านอ๋องท่านอ๋องอุ้มพระชายาที่ตัวเปื้อนเลือดเข้ามา หมัวมัวและสาวใช้ต่างตกใจกันจนทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นพระชายาในสภาพเช่นนี้"รีบตามหมอหลวงมาเร็ว ๆ เข้า!!"“พะ เพคะท่านอ๋อง แย่แล้วเร็ว ๆ เข้ารีบให้คนไปตามท่านหมอ เจ้าน่ะ รีบไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้ามา จินฝู!! เร็วเข้าเจ้ารีบไปเตรียมชุดมาเปลี่ยนให้พระชายาเร็ว”“เจ้าค่ะหมัวมัว”ท่านอ๋องพาซิ่วอิงเดินเข้าไปในห้องบรรทมและจัดการถอดชุดคลุมด้านนอกของนางออก จินฝูที่วิ่งนำชุดใหม่มาให้พระชายาเปลี่ยนก็ถูกสั่งให้เอาวางไว้ ฟู่ซิ่วอิงในตอนนี้ยังมีสติอยู่แต่ท่านอ๋องทำราวกับว่านางบาดเจ็บหนักจนเกือบตายก็มิปาน“ข้าจะเปลี่ยนชุดให้นางเอง เจ้ารีบไปเตรียมน้ำและผ้ามาเช็ดหน้าให้นาง”“เพคะท่านอ๋อง”“หม่อมฉัน…ทำเองก็ได้เพคะเพียงแค่เปลี่ยนชุด หม่อมฉันมิได้ป่วยใกล้ตายนะเพคะ”“เจ้านอนเฉย ๆ ไปเถอะ ถูกตีขนาดนี้เหตุใดเจ้าไม่เรียกให้ผู้อื่นช่วยแล้วสาวใช้เจ้าไปที่ใดเหตุใดจินฝูจึงไ
เสี่ยวหมิงรับจดหมายนั้นมาและเป็นผู้ที่นำเอาไปให้กับบัณฑิตหวังที่ถูกส่งมาจากจวนราชครูเมิ่งพร้อมกับแจ้งตามคำสั่งท่านอ๋องราวกับถอดพระราชดำริของท่านอ๋องมาคำต่อคำ“เอ่อ แต่ว่าคุณหนูเมิ่งเป็นถึง….”“ท่านบัณฑิตท่านอ๋องทรงฝากเตือนท่านมาว่า บัณฑิตย่อมมีคุณธรรมนำจิตใจที่สูงส่งถึงจะเรียกว่าวิญญูชนอย่างแท้จริง เรื่องนี้ผิดถูกท่านเองก็ควรจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ท่านอ๋องทรงฝากจดหมายนี้ให้ท่านมอบให้กับท่านราชครูขอรับ”“เอ่อ…เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน”“ขออภัยที่ไม่ส่ง ลาก่อน”บัณฑิตหวังเดินกลับออกมาพร้อมกับจดหมายในมือ เขาเดินออกมาและหันกลับไปมองในตำหนักท่านอ๋องอีกครั้งพร้อมกับรำพึงออกมาเบา ๆ“ราชครูเมิ่ง ท่านเล่นงานผิดคนเสียแล้ว ท่านอ๋องมิใช่อ้อยหวานที่เคี้ยวง่ายอย่างที่ท่านคิด พยัคฆ์ซ่อนเล็บน่ากลัวที่สุด ครั้งนี้ข้าเกือบจะทำผิดพลาดไปเพราะหลงเชื่อในคำของขุนนางเก่าแก่ไปเสียแล้ว”จวนราชครูเมิ่ง“อะไรนะ!! แม้แต่บัณฑิตอันดับหนึ่งก็ไม่ยอมให้เข้าเฝ้างั้นหรือ นี่มันเป็นไปได้เช่นไรกัน”“ขอรับ ท่านอ๋องทรงตรัสว่าพระชายาบาดเจ็บสาหัสจากเรื่องในวันนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท่านอ๋องทรงกริ้วมากเนื่องจาก…เอ่อ คุณหนูทำ
พระชายาเดินออกมาด้วยท่าทางที่เดินแทบไม่ไหวและพันแผลเกือบทั้งแขนโดยมีจินฝูเป็นผู้พยุงเดินออกมาพร้อมกับทหารองครักษ์ที่ยกเก้าอี้มาให้นาง เสี่ยวหมิงเป็นผู้ยกมาให้นางเอง“พระชายา พระวรกายพระองค์ยังไม่หายดีประทับที่เก้าอี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจ....เสี่ยวหมิง….แม่นางเมิ่ง พวกเจ้ายังทำร้ายข้าไม่พออีกงั้นหรือ เหตุใดจึงได้….มาก่อกวนถึงที่นี่อีก”“พระชายาเพคะ!! จินฝู เสี่ยวหมิง!! เหตุใดพวกเจ้าจึงพาพระชายาเสด็จมาถึงที่นี่ ท่านหมอบอกแล้วว่าพระชายาต้องพักฟื้น บาดแผลของพระองค์เต็มพระวรกายทั้งข้างนอกแล้วยังช้ำในเช่นนี้ยังจะ….”“หมัวมัว….ไม่เป็นไร แม่นางเมิ่ง เจ้ามาที่นี่….เพื่อมาขออภัยโทษ หรือว่า…แคก แคก”""พระชายาเพคะ""เสียงสาวใช้และหมัวมัวเดินมาและกันตัวของฟู่ซิ่วอิงที่พันผ้าพันแผลทั้งที่แขนทั้งสองข้าง คอและบาดแผลที่ริมฝีปากที่ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมา ผู้คนที่มามุงดูเริ่มสีหน้าไม่ดีเมื่อเห็นสภาพของพระชายาที่บาดเจ็บสาหัส ในสายตาพวกเขา อาการของนางดู "ร่อแร่" เต็มที“นี่พระนางบาดเจ็บถึงเพียงนี้เชียวหรือ พวกนางทำอะไรกับพระชายากันแน่”"แล้วยังกล้ามาก่อกวนถึงที่นี่แทนที่พระองค์จะได้พักผ่อน ช่างไร้มารย
ทั้งสองร่างยังก่ายกอดและขยับกายอยู่ใต้น้ำมิหยุดหย่อน ซิ่วอิงที่เริ่มกอดรัดท่านอ๋องมากขึ้นเพราะนางใกล้จะถึงฝั่งเต็มทีแล้ว ท่านอ๋องทรงทราบสัญญาณนี้ดีเขาจึงได้รีบเร่งแรงกระแทกเข้าไปจนทั้งสองร้องขึ้นมาพร้อมกันน้ำที่สาดกระเซ็นไปจนทั่วห้องอาบน้ำทำให้ท่านอ๋องมิอาจปล่อยให้พระชายาของพระองค์เดินเองได้เพราะเกรงว่านางจะลื่นและหกล้ม เขารับหน้าที่อุ้มนางขึ้นมาและเช็ดกายให้นางด้วยตนเองพร้อมกับอุ้มพระชายากลับไปยังห้องบรรทม“หิวหรือไม่”“นิดหน่อยเพคะ”“เช่นนั้นก็รีบกินข้าวก่อนจะได้กินยา ข้าเห็นว่าบาดแผลฟกช้ำของเจ้ายังไม่หายดีดังนั้นคืนนี้เจ้าต้องพักผ่อน”“ก็ได้เพคะ!!”ซิ่วอิงเดินออกไปยังห้องเสวยส่วนพระองค์ข้าง ๆ เนื่องด้วยนางยังไม่หายดีดังนั้นสาวใช้จึงยกสำรับของทั้งสองพระองค์มาส่งที่ห้องนี้ซิ่วอิงนั่งกินข้าวโดยไม่รอท่านอ๋องซึ่งทำเอารุ่ยหยาง อ๋องหนุ่มถึงกับแปลกพระทัยไม่น้อยเพราะไม่คิดว่านางจะโกรธเขา“ซิ่วอิง เจ้าหิวมากเลยงั้นหรือถึงได้ไม่รอข้า”“ก็จะรีบกินข้าว ดื่มยาแล้ว "นอนพักผ่อน" เพคะ"ท่านอ๋องรู้โดยทันทีเมื่อนางพูดเน้นย้ำเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเข้าใจแล้วว่าพระชายาของเขาต้องการสื่อถึงสิ่งใดเพราะก่อนห
ฉางอ๋องเดินเข้ามาในห้องของนาง เมื่อเห็นกองสมุดบัญชีตรงหน้านางก็เริ่มรู้สึกเห็นใจที่นางต้องมาทำงานหนักทั้ง ๆ ที่ยังไม่หายดีเช่นนี้“หม่อมฉันเปล่านะเพคะเพียงแค่คิดว่าพระองค์อาจจะติดภารกิจแต่ว่าหม่อมฉันต้องรีบกินยาและต้องมาสะสางงานเหล่านี้ต่อเพราะไม่อยากทิ้งเอาไว้หลายวัน”“ไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวงานพวกนี้ข้าจะให้เสี่ยวหมิงหาคนมาช่วยทำแทนก็แล้วกัน”“ไม่ได้นะเพคะ งานเหล่านี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของ…”“แต่ว่าเจ้ายังบาดเจ็บอยู่และยังมีอย่างอื่นต้องทำ ไปเถอะรีบไปกินข้าว พรุ่งนี้จะไปสกุลฟู่แล้วเจ้าไม่รีบเตรียมตัวหรือ”“ได้เพคะ ไปกินข้าวกันเพคะ”ซิ่วอิงยิ้มพลางเดินมาเกาะแขนของเขาราวกับเด็กน้อยที่ดีใจเมื่อได้ของเล่นถูกใจ ท่านอ๋องพานางเดินมายังห้องเสวยเพื่อกินข้าวกลางวันวันนี้เขาจะให้นางพักผ่อนให้เต็มที่เพราะในช่วงบ่ายท่านอ๋องและเสี่ยวหมิงจะออกไปนอกเมืองแต่แน่นอนว่าเรื่องนี้เขามิได้บอกพระชายาตอนเย็นซิ่วอิงลุกจากเตียงเมื่อได้ดื่มยาของท่านหมอ เมื่อลุกขึ้นมาได้นางจึงรีบเดินไปจัดเตรียมของใช้ส่วนตัวเพื่อรอที่จะกลับไปเยือนสกุลฟู่อีกครั้ง“คุณหนูท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้วล่ะ นี่จินฝูท่านอ๋องยังไม่ก
“จนป่านนี้เจ้าก็ยังจะโทษผู้อื่น เหตุใดจึงไม่โทษตัวเองที่มิอาจยับยั้งชั่งใจจนตกเป็นเครื่องมือของนางได้”“ท่านพ่อ!! ท่านกำลังจะพูดว่าข้าโง่และหลงกลคนแซ่ฟู่เช่นนั้นหรือเจ้าคะ”“เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร นางเกิดในสกุลแม่ทัพ ต่อให้นาง….ไร้วรยุทธ์ไปแล้วก็ใช่ว่านางจะไร้เล่ห์เหลี่ยมที่เอาไว้จัดการเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่คิดการให้รอบคอบก่อนแล้วยังไปทำเรื่องเช่นนี้ลงไป ต่อให้ข้าเป็นท่านอ๋องก็คงละเว้นเจ้าไม่ได้ในสถานการณ์แบบนั้น”“ท่านพ่อจะพูดว่า ท่านอ๋องสั่งลงโทษลูกก็เพราะสถานการณ์บังคับงั้นหรือเจ้าคะ”“แล้วเจ้าคิดว่านอกจากสั่งลงโทษเจ้าแล้วท่านอ๋องยังมีทางเลือกอื่นอีกงั้นหรือ หากไม่ทำเช่นนี้ผู้คนมากมายจะคิดเช่นไรและหากว่าเจ้ามิได้ไปติดคุกจริง ๆ เรื่องมันจะจบง่ายเช่นนี้งั้นหรือเจ้าคิดดูสิ”“แต่ว่า…แต่ว่าเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว เขามิให้ข้าเรียกขานนามของเขาอีกแล้ว”“ถิงเอ๋อร์ เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าในตอนนี้ท่านอ๋องมิได้…ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว พระองค์ทรงอภิเษก…”“ไม่!! ข้าไม่อยากฟัง ข้าไม่ยอมรับ!! ท่านพ่อลูกอยากจะพักผ่อนแล้วเจ้าค่ะ ท่านออกไปก่อนเถอะ”“ถิงเอ๋อร์ต่อให้พ่อไม่พูด ความจริงที่ว่าท่านอ๋องทรงอภิเษกไปแ
เสี่ยวหมิงรับจดหมายนั้นมาและเป็นผู้ที่นำเอาไปให้กับบัณฑิตหวังที่ถูกส่งมาจากจวนราชครูเมิ่งพร้อมกับแจ้งตามคำสั่งท่านอ๋องราวกับถอดพระราชดำริของท่านอ๋องมาคำต่อคำ“เอ่อ แต่ว่าคุณหนูเมิ่งเป็นถึง….”“ท่านบัณฑิตท่านอ๋องทรงฝากเตือนท่านมาว่า บัณฑิตย่อมมีคุณธรรมนำจิตใจที่สูงส่งถึงจะเรียกว่าวิญญูชนอย่างแท้จริง เรื่องนี้ผิดถูกท่านเองก็ควรจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ท่านอ๋องทรงฝากจดหมายนี้ให้ท่านมอบให้กับท่านราชครูขอรับ”“เอ่อ…เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน”“ขออภัยที่ไม่ส่ง ลาก่อน”บัณฑิตหวังเดินกลับออกมาพร้อมกับจดหมายในมือ เขาเดินออกมาและหันกลับไปมองในตำหนักท่านอ๋องอีกครั้งพร้อมกับรำพึงออกมาเบา ๆ“ราชครูเมิ่ง ท่านเล่นงานผิดคนเสียแล้ว ท่านอ๋องมิใช่อ้อยหวานที่เคี้ยวง่ายอย่างที่ท่านคิด พยัคฆ์ซ่อนเล็บน่ากลัวที่สุด ครั้งนี้ข้าเกือบจะทำผิดพลาดไปเพราะหลงเชื่อในคำของขุนนางเก่าแก่ไปเสียแล้ว”จวนราชครูเมิ่ง“อะไรนะ!! แม้แต่บัณฑิตอันดับหนึ่งก็ไม่ยอมให้เข้าเฝ้างั้นหรือ นี่มันเป็นไปได้เช่นไรกัน”“ขอรับ ท่านอ๋องทรงตรัสว่าพระชายาบาดเจ็บสาหัสจากเรื่องในวันนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท่านอ๋องทรงกริ้วมากเนื่องจาก…เอ่อ คุณหนูทำ
เสี่ยวหมิงเดินกลับไปเมื่อสั่งการเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยไม่หันมามองเมิ่งลี่ถิงอีก นับจากวันนี้เขาสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะปกป้องพระชายาด้วยชีวิตและจะไม่ยอมให้คนสกุลเมิ่งมาทำร้ายพระชายาของท่านอ๋องอีกตำหนักท่านอ๋องท่านอ๋องอุ้มพระชายาที่ตัวเปื้อนเลือดเข้ามา หมัวมัวและสาวใช้ต่างตกใจกันจนทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นพระชายาในสภาพเช่นนี้"รีบตามหมอหลวงมาเร็ว ๆ เข้า!!"“พะ เพคะท่านอ๋อง แย่แล้วเร็ว ๆ เข้ารีบให้คนไปตามท่านหมอ เจ้าน่ะ รีบไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้ามา จินฝู!! เร็วเข้าเจ้ารีบไปเตรียมชุดมาเปลี่ยนให้พระชายาเร็ว”“เจ้าค่ะหมัวมัว”ท่านอ๋องพาซิ่วอิงเดินเข้าไปในห้องบรรทมและจัดการถอดชุดคลุมด้านนอกของนางออก จินฝูที่วิ่งนำชุดใหม่มาให้พระชายาเปลี่ยนก็ถูกสั่งให้เอาวางไว้ ฟู่ซิ่วอิงในตอนนี้ยังมีสติอยู่แต่ท่านอ๋องทำราวกับว่านางบาดเจ็บหนักจนเกือบตายก็มิปาน“ข้าจะเปลี่ยนชุดให้นางเอง เจ้ารีบไปเตรียมน้ำและผ้ามาเช็ดหน้าให้นาง”“เพคะท่านอ๋อง”“หม่อมฉัน…ทำเองก็ได้เพคะเพียงแค่เปลี่ยนชุด หม่อมฉันมิได้ป่วยใกล้ตายนะเพคะ”“เจ้านอนเฉย ๆ ไปเถอะ ถูกตีขนาดนี้เหตุใดเจ้าไม่เรียกให้ผู้อื่นช่วยแล้วสาวใช้เจ้าไปที่ใดเหตุใดจินฝูจึงไ
สาวใช้ของสกุลเมิ่งรีบปล่อยตัวพระชายาฟู่ซิ่วอิงทันที ท่านอ๋องผลักเมิ่งลี่ถิงออกไปให้พ้นทางพร้อมกับพยุงพระชายาและช้อนตัวอุ้มนางขึ้นมาทันที“เสี่ยวหมิง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”“จับตัวผู้ที่ก่อเรื่องไปส่งที่ศาลาว่าการให้หมด เพื่อลงโทษให้สาสมและชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด!!”“ท่านอ๋องเพคะ!! หม่อมฉันเปล่านะเพคะ….นางเริ่มก่อน นางดูถูกหม่อมฉันและ…”“ซิ่วอิงเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ผู้ใดทำเจ้าบาดเจ็บบอกข้ามา”“ท่านพี่….ข้าขอร้องพวกนางแล้วแต่ว่า….”ถึงคราวของดอกบัวดำเช่นฟู่ซิ่วอิงเอาคืนแล้ว มีหรือนางจะยอมให้คนอย่างเมิ่งลี่ถิงตบตีหากมิได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว เริ่มจากยั่วยุให้นางสติแตกและทำลายข้าวของเมื่อถึงเวลานางเห็นแล้วว่าทหารกลับไปที่หออี้จูเพื่อแจ้งท่านอ๋องนางจึงยอมให้สาวใช้สกุลเมิ่งจับตัวและยอมถูกตบเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ท่านอ๋องหันไปมองหน้าเมิ่งลี่ถิงที่ตัวเลอะไปด้วยแป้งทั้งตัว“เจ้าทำร้ายนางงั้นหรือ”“ไม่นะเพคะท่านอ๋อง ฟู่ซิ่วอิง!!…นางต่อว่าหม่อมฉันก่อนและยัง…พังร้านอีกทั้งใช้ของในร้านทำร้ายหม่อมฉันคนที่อยู่ในร้านเป็นพยานให้หม่อมฉันได้ทั้งหมดเพคะ”“คุณหนู เจ้าเป็นผู้สั่งให้สาวใช้จับนางเอาไว้และเจ้าเป็นผู้ต
“มิได้หงุดหงิดเสียหน่อย ท่านหลงตัวเองเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”“ก็ได้ ๆ ไม่หงุดหงิดไม่โมโหเลยสินะ แล้วเหตุใดคิ้วเจ้าจึงขมวดชนกันยุ่งเหยิงเช่นนี้เล่ามาให้ข้าดูหน่อยสิ”เขาจับใบหน้านางและดึงเข้ามาหอมไปที่หน้าผากหนึ่งที องครักษ์หนุ่มและสาวใช้ของนางถึงกับต้องหันหน้าหนีเพราะเขินอายแทนพวกเขาแต่ทั้งคู่เองก็ต้องลอบยิ้มไปกับความน่ารักของทั้งสองพระองค์ที่ดูรักใคร่กันดี“ท่าน!!”“อ๊ะ ๆ เจ้าอย่าลืมสิว่าเราไม่เปิดเผยฐานะ ไหนเรียกว่าท่านพี่ดี ๆ สิ ข้าจะป้อนเสี่ยวหลงเปานี่เป็นรางวัล เร็ว ๆ เข้า”“คนเจ้าเล่ห์”“ฮูหยินเจ้ากำลังพูดอะไรงั้นหรือ หากพูดเช่นนี้คืนนี้เจ้าอาจจะต้อง….”“ท่านพี่อย่าข่มขู่กันสิเจ้าคะข้าจำได้ว่าข้าชนะท่านนะเจ้าคะ”“กินเสี่ยวหลงเปาของเจ้าไปเลย เอ๊า!!”“อื้มม….อร่อย”ซิ่วอิงอ้าปากเคี้ยวเสี่ยวหลงเปาของโปรดของนางเข้าปากอย่างว่าง่าย ท่านอ๋องมองนางอย่างเอ็นดูและใช้ผ้าเอื้อมไปเช็ดปากให้นางอีกด้วยท่ามกลางคนมากมายยังมีอีกโต๊ะหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นคนที่พึ่งเดินทางมาจากต่างเมืองที่นั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะที่นางนั่งเท่าใดนัก“ใช่ ข้าก็ได้ยินข่าวมาเช่นนั้น นอกเมืองนั่น…ฆ่าล้างสกุลหลินเพื่อชิงอาวุธ
ซิ่วอิงไม่รอช้าและเริ่มเปลี่ยนไปใช้ลิ้นกับหน้าอกของเขาแทน ท่านอ๋องส่งเสียงครางแหบต่ำเพราะความเสียวสุดชีวิตที่ไม่เคยพบพานมาก่อนนางช่างร้ายกาจนักที่สามารถเอาชนะความเป็นเอกบุรุษเช่นเขาได้จนทำให้เขายอมสยบแม่เสือเช่นนางบนเตียง แขนของเขาหลุดจากเชือกที่นางมัดเอาไว้และจับตัวนางได้ในที่สุด“อ๊ะ!! เป็นไปไม่ได้ ท่าน…”นางหันไปมองข้อมือของเขาที่แดงจนเริ่มมีเลือดไหลซิบออกมาเล็กน้อยเพราะแรงรัด นางมั่นใจว่ามัดเขาเอาไว้แน่นและวิธีการนี้ไม่เคยมีผู้ใดรอดมาได้ แต่ว่าท่านอ๋องกลับ…“นี่พระองค์…เหตุใดจึงทำร้ายพระวรกายพระองค์เองเช่นนี้เล่าเพคะ”“อย่าตกใจ ข้าเพียงอยากจะทำเท่านั้น อย่ากลัวจนตัวสั่นเช่นนี้เจ้ามิได้ทำอะไรผิด เรารีบจัดการให้จบศึกนี้เถอะพระชายาข้ายอมให้เจ้าสักครั้งก็ได้ อย่างไรสามีภรรยาก็มิต่างกับคนเดียวกัน”“แต่ว่า…บาดแผลของพระองค์ อ๊าา!!”“อย่าพึ่งพูดเวลาที่ข้าต้องการเจ้าเช่นนี้ อื้มมม…”จุมพิตเร่าร้อนถูกส่งไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนน้ำอุ่น ๆ ไหลเข้าไปด้านในกายของพระชายา ร่างทั้งสองเกร็งกระตุกขึ้นพร้อมกันพร้อมกับเสียงร้องที่ดังจนจับใจความไม่ได้ว่าผู้ใดที่ร้องดังกว่ากัน ร่างบางฟุบลงกับอกกว้างอย่างอ