“จนป่านนี้เจ้าก็ยังจะโทษผู้อื่น เหตุใดจึงไม่โทษตัวเองที่มิอาจยับยั้งชั่งใจจนตกเป็นเครื่องมือของนางได้”“ท่านพ่อ!! ท่านกำลังจะพูดว่าข้าโง่และหลงกลคนแซ่ฟู่เช่นนั้นหรือเจ้าคะ”“เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร นางเกิดในสกุลแม่ทัพ ต่อให้นาง….ไร้วรยุทธ์ไปแล้วก็ใช่ว่านางจะไร้เล่ห์เหลี่ยมที่เอาไว้จัดการเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่คิดการให้รอบคอบก่อนแล้วยังไปทำเรื่องเช่นนี้ลงไป ต่อให้ข้าเป็นท่านอ๋องก็คงละเว้นเจ้าไม่ได้ในสถานการณ์แบบนั้น”“ท่านพ่อจะพูดว่า ท่านอ๋องสั่งลงโทษลูกก็เพราะสถานการณ์บังคับงั้นหรือเจ้าคะ”“แล้วเจ้าคิดว่านอกจากสั่งลงโทษเจ้าแล้วท่านอ๋องยังมีทางเลือกอื่นอีกงั้นหรือ หากไม่ทำเช่นนี้ผู้คนมากมายจะคิดเช่นไรและหากว่าเจ้ามิได้ไปติดคุกจริง ๆ เรื่องมันจะจบง่ายเช่นนี้งั้นหรือเจ้าคิดดูสิ”“แต่ว่า…แต่ว่าเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว เขามิให้ข้าเรียกขานนามของเขาอีกแล้ว”“ถิงเอ๋อร์ เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าในตอนนี้ท่านอ๋องมิได้…ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว พระองค์ทรงอภิเษก…”“ไม่!! ข้าไม่อยากฟัง ข้าไม่ยอมรับ!! ท่านพ่อลูกอยากจะพักผ่อนแล้วเจ้าค่ะ ท่านออกไปก่อนเถอะ”“ถิงเอ๋อร์ต่อให้พ่อไม่พูด ความจริงที่ว่าท่านอ๋องทรงอภิเษกไปแ
ฉางอ๋องเดินเข้ามาในห้องของนาง เมื่อเห็นกองสมุดบัญชีตรงหน้านางก็เริ่มรู้สึกเห็นใจที่นางต้องมาทำงานหนักทั้ง ๆ ที่ยังไม่หายดีเช่นนี้“หม่อมฉันเปล่านะเพคะเพียงแค่คิดว่าพระองค์อาจจะติดภารกิจแต่ว่าหม่อมฉันต้องรีบกินยาและต้องมาสะสางงานเหล่านี้ต่อเพราะไม่อยากทิ้งเอาไว้หลายวัน”“ไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวงานพวกนี้ข้าจะให้เสี่ยวหมิงหาคนมาช่วยทำแทนก็แล้วกัน”“ไม่ได้นะเพคะ งานเหล่านี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของ…”“แต่ว่าเจ้ายังบาดเจ็บอยู่และยังมีอย่างอื่นต้องทำ ไปเถอะรีบไปกินข้าว พรุ่งนี้จะไปสกุลฟู่แล้วเจ้าไม่รีบเตรียมตัวหรือ”“ได้เพคะ ไปกินข้าวกันเพคะ”ซิ่วอิงยิ้มพลางเดินมาเกาะแขนของเขาราวกับเด็กน้อยที่ดีใจเมื่อได้ของเล่นถูกใจ ท่านอ๋องพานางเดินมายังห้องเสวยเพื่อกินข้าวกลางวันวันนี้เขาจะให้นางพักผ่อนให้เต็มที่เพราะในช่วงบ่ายท่านอ๋องและเสี่ยวหมิงจะออกไปนอกเมืองแต่แน่นอนว่าเรื่องนี้เขามิได้บอกพระชายาตอนเย็นซิ่วอิงลุกจากเตียงเมื่อได้ดื่มยาของท่านหมอ เมื่อลุกขึ้นมาได้นางจึงรีบเดินไปจัดเตรียมของใช้ส่วนตัวเพื่อรอที่จะกลับไปเยือนสกุลฟู่อีกครั้ง“คุณหนูท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้วล่ะ นี่จินฝูท่านอ๋องยังไม่ก
ทั้งสองร่างยังก่ายกอดและขยับกายอยู่ใต้น้ำมิหยุดหย่อน ซิ่วอิงที่เริ่มกอดรัดท่านอ๋องมากขึ้นเพราะนางใกล้จะถึงฝั่งเต็มทีแล้ว ท่านอ๋องทรงทราบสัญญาณนี้ดีเขาจึงได้รีบเร่งแรงกระแทกเข้าไปจนทั้งสองร้องขึ้นมาพร้อมกันน้ำที่สาดกระเซ็นไปจนทั่วห้องอาบน้ำทำให้ท่านอ๋องมิอาจปล่อยให้พระชายาของพระองค์เดินเองได้เพราะเกรงว่านางจะลื่นและหกล้ม เขารับหน้าที่อุ้มนางขึ้นมาและเช็ดกายให้นางด้วยตนเองพร้อมกับอุ้มพระชายากลับไปยังห้องบรรทม“หิวหรือไม่”“นิดหน่อยเพคะ”“เช่นนั้นก็รีบกินข้าวก่อนจะได้กินยา ข้าเห็นว่าบาดแผลฟกช้ำของเจ้ายังไม่หายดีดังนั้นคืนนี้เจ้าต้องพักผ่อน”“ก็ได้เพคะ!!”ซิ่วอิงเดินออกไปยังห้องเสวยส่วนพระองค์ข้าง ๆ เนื่องด้วยนางยังไม่หายดีดังนั้นสาวใช้จึงยกสำรับของทั้งสองพระองค์มาส่งที่ห้องนี้ซิ่วอิงนั่งกินข้าวโดยไม่รอท่านอ๋องซึ่งทำเอารุ่ยหยาง อ๋องหนุ่มถึงกับแปลกพระทัยไม่น้อยเพราะไม่คิดว่านางจะโกรธเขา“ซิ่วอิง เจ้าหิวมากเลยงั้นหรือถึงได้ไม่รอข้า”“ก็จะรีบกินข้าว ดื่มยาแล้ว "นอนพักผ่อน" เพคะ"ท่านอ๋องรู้โดยทันทีเมื่อนางพูดเน้นย้ำเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเข้าใจแล้วว่าพระชายาของเขาต้องการสื่อถึงสิ่งใดเพราะก่อนห
พระชายาเดินออกมาด้วยท่าทางที่เดินแทบไม่ไหวและพันแผลเกือบทั้งแขนโดยมีจินฝูเป็นผู้พยุงเดินออกมาพร้อมกับทหารองครักษ์ที่ยกเก้าอี้มาให้นาง เสี่ยวหมิงเป็นผู้ยกมาให้นางเอง“พระชายา พระวรกายพระองค์ยังไม่หายดีประทับที่เก้าอี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจ....เสี่ยวหมิง….แม่นางเมิ่ง พวกเจ้ายังทำร้ายข้าไม่พออีกงั้นหรือ เหตุใดจึงได้….มาก่อกวนถึงที่นี่อีก”“พระชายาเพคะ!! จินฝู เสี่ยวหมิง!! เหตุใดพวกเจ้าจึงพาพระชายาเสด็จมาถึงที่นี่ ท่านหมอบอกแล้วว่าพระชายาต้องพักฟื้น บาดแผลของพระองค์เต็มพระวรกายทั้งข้างนอกแล้วยังช้ำในเช่นนี้ยังจะ….”“หมัวมัว….ไม่เป็นไร แม่นางเมิ่ง เจ้ามาที่นี่….เพื่อมาขออภัยโทษ หรือว่า…แคก แคก”""พระชายาเพคะ""เสียงสาวใช้และหมัวมัวเดินมาและกันตัวของฟู่ซิ่วอิงที่พันผ้าพันแผลทั้งที่แขนทั้งสองข้าง คอและบาดแผลที่ริมฝีปากที่ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมา ผู้คนที่มามุงดูเริ่มสีหน้าไม่ดีเมื่อเห็นสภาพของพระชายาที่บาดเจ็บสาหัส ในสายตาพวกเขา อาการของนางดู "ร่อแร่" เต็มที“นี่พระนางบาดเจ็บถึงเพียงนี้เชียวหรือ พวกนางทำอะไรกับพระชายากันแน่”"แล้วยังกล้ามาก่อกวนถึงที่นี่แทนที่พระองค์จะได้พักผ่อน ช่างไร้มารย
หมัวมัวเดินเข้าไปในตำหนักพร้อมกับประตูที่ปิดตามหลังนาง เมิ่งลี่ถิงโกรธจนตัวสั่นเมื่อได้รับรู้ความจริงที่แม่นมของท่านอ๋องพึ่งจะบอกนาง….“หมายความว่า…เรื่องทั้งหมดในวันนี้ท่านอ๋องเป็นผู้จัดฉากขึ้นงั้นหรือ จะบอกว่าท่านอ๋องเลือกนางมิใช่ข้างั้นหรือ ไม่มีทางเป็นไปไม่ได้!! ข้าไม่มีทางเชื่อ ข้าไม่มีทางพ่ายแพ้นาง!!” เสียงตะโกนของเมิ่งลี่ถิงยังคงดังตามหลังมาหลังจากที่ประตูปิดแล้ว หมัวมัวได้แต่ทอดถอนใจให้กับสตรีสูงศักดิ์ที่ครั้งหนึ่งนางเคยรักและเอ็นดู ท่านอ๋องและซิ่วอิงเองก็ได้ยินเช่นกันเพราะทั้งสองพึ่งจะเดินเข้ามา ซิ่วอิงจึงหันไปบอกฉางรุ่ยหยางเพื่อให้ปล่อยนางลง“ปล่อยหม่อมฉันลงเถิดเพคะมาถึงที่นี่ไม่ต้องเสแสร้งว่าบาดเจ็บหนักแล้ว”“ไม่ได้ ในเมื่อเจ้าเลือกจะเล่นละครแล้วก็จงเล่นให้สมบทบาทสิจะมาหยุดกลางคันหาได้ไม่ เจ้าจะรู้ได้เช่นไรกันว่านางมิได้ส่งคนลอบมองในตำหนักของพวกเรา”“หากนางกล้าทำเช่นนั้นหม่อมแันก็ยอมแพ้แล้วเพคะ""ไม่ได้ เจ้าเป็นถึงพระชายาจะมาเอ่ยเรื่องเช่นนี้เจ้าอยากโดนลงโทษเหมือนนางงั้นหรือ""เป็นเพราะใครกันเล่าถึงต้องทำเช่นนี้ น่าเบื่อยิ่งนัก”“ต้องขอโทษเจ้าด้วยแต่เพราะบิด
วันถัดมา ซิ่วอิงจำแทบไม่ได้เลยว่านางนอนหลับไปเมื่อใดเพราะพระสวามีตัวดีเรี่ยวแรงดีดุจพ่อวัวและไม่ยอมให้นางหยุดพัก เรื่องที่เกิดขึ้นราวกับทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ผูกพันแนบแน่นมากยิ่งขึ้นเมื่อท่านอ๋องเห็นว่าพระชายาระแวงแคลงใจในเรื่องของสตรีอื่นพระองค์ก็พยายามจะทำให้นางวางใจได้ในเรื่องนี้“อื้อ…”“ตื่นแล้วงั้นหรือ”“พระองค์…ขยับออกไปหน่อยสิเพคะ หม่อมฉัน…รู้สึกชาไปหมดแล้ว”“ช่วยไม่ได้ หากค่ำคืนใดมิได้นอนท่านี้ข้าเองก็จะนอนไม่หลับ”“คนเจ้าเล่ห์”“มันเป็นเพราะเจ้า อย่าได้โทษข้าสิใครใช้ให้เจ้าทำให้ข้าคลั่งถึงเพียงนี้กันเล่า”“อย่าบีบสิ อยู่เฉย ๆ มิได้หรืออย่างไรเพคะ” นางหันไปตีท่อนแขนแข็งแรงที่ซุกอยู่ที่หน้าอกของนางและเริ่มบีบเคล้นด้านในและค่อย ๆ เลื่อนไปยังปลายยอดที่เริ่มชูชันขึ้นรับกับนิ้วของเขา“อื้อ…อย่า….”“นี่ยังเช้าอยู่เลย ข้าคิดว่าอีกสักรอบหรือสองรอบก็ยังไม่ไปถึงสกุลฟู่สายหรอกนะ”“ไม่เอาเพคะ หม่อมฉันหมดแรง อ๊าา….ท่านอ๋อง!!” จมูกของเขาเริ่มซุกไซ้ไปทั่วซอกคอและเริ่มพรมจูบไปยังแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยร่องรอยของศึกรักเมื่อคืนนี้ แม้ว่านางจะหลับไปก่อนที่เขาจ
จวนสกุลฟู่""ถวายบังคมท่านอ๋องและพระชายา""“ทุกท่านลุกขึ้นเถอะอย่าได้มากพิธีเลย ข้ามาในวันนี้มิได้มาพร้อมกับตำแหน่ง แต่มาเพราะเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว ท่านพ่อท่านแม่ข้าขอใช้น้ำชาแทนสุราดื่มให้พวกท่าน”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ” ท่านอ๋องใช้เวลากับแม่ทัพฟู่อยู่ในห้องหนังสือส่วนฟู่ซิ่วอิงนั้นออกมาคุยกับมารดาที่ห้องโถงเล็กใกล้ ๆ“เรื่องที่ข้าส่งมาให้ท่านแม่สืบเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”“แม่สืบแล้ว ดูเหมือนว่ายาสลบชนิดนี้จะรุนแรงกว่าที่หาได้ในหลิงโจวหรือละแวกนี้ มันเหมือนกับยาพิษที่ใช้กันในวังหลวง คนร้ายน่าจะมาจากเมืองหลวง”“เช่นนั้นก็แคบลงมาแล้ว แล้วพอจะได้เบาะแสอื่นหรือไม่เจ้าคะ ตอนนี้ท่านอ๋องเอาแต่สนใจเรื่องสกุลหลินที่ถูกฆ่านอกเมืองและตามหาอาวุธที่ถูกขโมย”“ใช่ ท่านพ่อของเจ้าให้คนไปตามสืบแล้ว มันน่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งนะ”“อย่างไรหรือเจ้าคะ”“ทุกคนในจวนล้วนหลับสนิทก่อนที่จะถูกฆ่าโดยทำให้เหมือนไฟไหม้จวนน่ะสิ”“หมายความว่า…ท่านแม่นี่ท่านกำลังจะพูดว่า…”“ใช่ ผลการชันสูตรศพของเถ้าแก่หลินคนของพ่อเจ้าพบว่าเขา ภรรยาและลูกล้วนหลับสนิทชนิดที่เรียกไม่ตื่น แม่ตรวจสอบแล้วเป็นยาชนิดเดียวกันกับ
ซิ่วอิงแทบจะไม่ได้พักผ่อนเมื่อมาอยู่จวนสกุลฟู่ แต่เช้านี้โชคดีหน่อยที่ท่านอ๋องกับบิดาของนางมีนัดที่จะไปเยี่ยมชมกองทัพสกุลฟู่นางจึงได้โอกาสนอนพักให้เต็มที่ก่อนที่ท่านอ๋องจะเสด็จกลับมาซิ่วอิงแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าเคยหลับเต็มอิ่มเช่นนี้มานานเท่าใดแล้วนับตั้งแต่แต่งเข้าตำหนักอ๋องร่วมเดือน“อืมม….”“คุณหนูเจ้าคะ”“อย่าพึ่ง ขอนอนอีกหน่อยเอวข้าแทบจะขยับไม่ได้แล้ว”“คุณหนูนี่จะเข้ายามอู่ (12.00 น.) แล้วนะเจ้าคะรีบตื่นเถิดเจ้าค่ะ ท่านนอนมาเกือบครึ่งวันแล้วนะเจ้าคะ”“จินฝู เจ้านี่ช่างใจร้ายยิ่งนัก”“คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้แม่นางเมิ่งมาขอเข้าเฝ้าท่านอ๋องถึงในจวนแล้วนะเจ้าคะ”“อะไรนะ!!”คำว่า “แม่นางเมิ่ง” เป็นคำสะกิดอย่างรุนแรงให้ซิ่วอิงลุกขึ้นมาในทันที นางคิดว่าเมิ่งลี่ถิงที่ถูกโบยจะหลาบจำ ยอมล่าถอยและไม่มาวุ่นวายกับชีวิตของนางอีกแล้วเสียอีกแต่ที่ไหนได้ วันนี้นางกลับมาหาเรื่องถึงจวนสกุลฟู่“นี่มันหยามหน้ากันเกินไปแล้ว เหตุใดไม่รีบบอกข้าเล่า”“คุณหนูก็ท่านเอาแต่อิดออดไม่ยอมลุกนี่เจ้าคะ คุณหนูเรื่องนี้ท่านจะไม่ยอมใช่หรือไม่เจ้าคะ”“เรื่องผู้ชายเรื่องเล็กศักดิ์ศรีของข้าเรื่องใหญ่ กล้าเข้ามาถึงถ
“กรี๊ด!!!!!….”แรงเบ่งเฮือกสุดท้ายทำเอาซิ่วอิงแทบหมดแรงเมื่อหัวของเด็กโผล่ออกมาเพียงครึ่งเดียว นางพักหายใจและเบ่งอีกครั้งจนเด็กอีกคนถูกดึงออกมาพร้อมกับเสียงร้องที่ดังกว่าคนแรก“เด็กผู้หญิงเพคะ เป็นท่านหญิงเพคะ”"เร็ว ๆ เข้า รีบไปเตรียมผ้ามาอีกผืน“อิงเอ๋อร์ได้ยินหรือไม่ บุตรแฝด เราได้ลูกแฝด”“หม่อมฉัน…. ท่านพี่….”“คนเก่งของข้า….”การคลอดบุตรแต่ละครั้งล้วนทำให้ฟู่ซิ่วอิงหมดแรงไปนาน อีกทั้งครั้งนี้เป็นบุตรแฝดซึ่งทำเอาตำหนักท่านอ๋องวุ่นวายเป็นการใหญ่เพราะมิได้ตระเตรียมของเอาไว้เผื่อสำหรับเลี้ยงเด็กถึงสองคน แต่นั่นมิใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใดเพราะก่อนหน้านี้ยังมีชุดและเปลของท่านชายหานเยว่และท่านหญิงซีอวิ๋นอยู่“อิงเอ๋อร์…. เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าลุกไหวแล้วงั้นหรือ"“หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพคะ”“ไม่ได้ ถึงไม่เป็นไรแต่เจ้าจะเดินไปเดินมาเช่นนี้หาได้ไม่ ข้า…”“เสด็จพ่อ…”“เฮ้อ…เจ้าหานเยว่ตัวแสบ ตัวขัดจังหวะ”“ท่านพี่ เหตุใดต้องว่าลูกเช่นนั้นเพคะ”“เขาเอาแต่ให้ข้าฝึกดาบให้ทั้งวัน ข้าไล่ไปฝึกกับเสี่ยวหมิงแล้วก็ยังตามข้ามาอีก”“เสด็จพ่ออยู่นี่เอง เสด็จแม่….”“ชู่ววว…. เบา ๆ หน่อยเยว่เอ๋อร์ เว่ยอิง กับ
“อ๊าา ท่านพี่…”ลิ้นหนาดูดหน้าอกรุนแรง ซิ่วอิงทั้งเจ็บและเสียว นางพึ่งจะเข้าใจเขาในตอนนี้เช่นกัน เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าจะทำกับผู้ใดก็ได้แต่ต้องทำกับคนที่รักกันเท่านั้น นางช่างโง่นักที่ไปดูถูกความรู้สึกของเขา ร่างบางเอนกายเพื่อให้พระสวามีได้ดูดดื่มปทุมหอมหวานได้เต็มอิ่ม ท่านอ๋องพลันรวบกายนางขึ้นมากอดเอาไว้“ซิ่วอิง ข้ารักเจ้ายิ่งกว่าชีวิต อย่าได้ผลักไสข้าไปอีกเลย อย่าไปจากข้าเลยนะ เจ้าเคยบอกว่าหากวันใดเจ้าสืบหาคนร้ายได้เจ้าก็จะจากไป ข้าจดจำคำนี้เอาไว้และรั้งเจ้าทุกวิถีทางจนเจ้าเลิกเอ่ยคำนี้ออกมา ข้าทำให้เจ้าตั้งครรภ์และมั่นใจว่าเจ้าจะไม่หนีข้าไปอีก แต่เหตุใดวันนี้เจ้า…”“หม่อมฉันขอโทษเพคะ หม่อมฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว รุ่ยหยางหม่อมฉันเพียงแต่รักพระองค์และหวงพระองค์มากเท่านั้นจึงไม่อยากสูญเสียความรู้สึกนี้ไป หม่อมฉันผิดเองเพคะที่ไม่ไว้ใจพระองค์ อย่าโกรธหม่อมฉันเลยนะเพคะ”ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดเข้ามาจนแน่น ซิ่วอิงเองก็กอดเขาแน่นไม่แพ้กัน ต่างก็ไม่ยอมให้ผู้ใดพูดคำว่าหนีหรือจากไป ท่านอ๋องค่อย ๆ หันมาสบตานางอีกครั้ง“ข้าไม่เคยโกรธเจ้าเพียงแค่นึกน้อยใจในบางครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ต้อง
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”เหล่าขุนนางต้องรีบรับคำตามที่ท่านอ๋องตรัส เพราะจะมีผู้ใดในหลิงโจวบ้างที่ไม่ทราบว่าท่านอ๋องทรงรักและหวงพระชายาฟู่ซิ่วอิงมากเพียงใด ความคลั่งรักของพระองค์ร่ำลือไกลไปถึงเมืองหลวงจนเป็นที่กล่าวขานไปกว่าครึ่งแคว้นหอดูดาว“ดูนั่นสิเพคะ เริ่มจุดดอกไม้ไฟกันแล้ว”“อืม เจ้าชอบดอกไม้ไฟงั้นหรือ”“ชอบสิเพคะ เวลาที่มันกระจายตัวบนท้องฟ้ายามราตรีช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เกินจะบรรยาย”“แต่เจ้างดงามกว่าบุปผาทั้งหลายในใต้หล้านี้ แม้นดอกไม้ไฟที่แต่งแต้มสีสันบนนภาในราตรีก็มิอาจเทียบความงามของเจ้าได้ อิงเอ๋อร์…เจ้าเป็นบุปผาที่มีค่ายิ่งกว่าสมบัติใดในใต้หล้า สำหรับข้าแล้วนอกจากเจ้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีก”จุมพิตหวานซึ่งเมื่อตรัสจบถูกส่งไปให้นาง ซิ่วอิงทราบดีอยู่แล้วว่าท่านอ๋องมิอาจรั้งรอได้อีก กลิ่นสุราเลื่องชื่อที่นางเตรียมยังคงระอุเร่าร้อนในปากของรุ่ยหยางก่อนจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ดุจถูกไฟแผดเผาจนอาภรณ์ของทั้งคู่ถูกสลัดออกจนสิ้นบนหอดูดาวที่ไร้ผู้คน“อ๊ะ อื้อ….ดียิ่งนัก”ระเบียงกว้างพร้อมเตียงนุ่มแบบเปิดโล่งด้านบนสุดของหอดูดาวคือสนามรักในคืนนี้ แม้ว่าจะมีม่านเสาเตียงเพื่อปกปิดด้านในเอาไว้แต่ใน
“เหตุใดพระองค์ช่างหน้าไม่อายเช่นนี้นะ หากรู้เช่นนี้หม่อมฉันไม่บอกก่อนหรอกเพคะ”“เจ้าก็อย่าใจร้ายนักเลย ข้ากับเจ้าจะรักกันได้อีกสักกี่ครั้งกัน ครรภ์เจ้าก็เริ่มโตแล้วหลังจากนี้ก็ทำได้แค่นอนกอดเจ้าอย่างเดียวแล้ว”เพราะซิ่วอิงทราบดีนางถึงได้ยอมตามใจท่านอ๋องเพราะหลังจากที่อายุครรภ์มากขึ้นนางก็จะเริ่มรับศึกรักกับเขาไม่ได้เหมือนเคยอีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่เคยคิดระแวงว่าท่านอ๋องจะหาสตรีอื่นมาทดแทนเพราะหากเขาต้องการคงทำไปนานแล้วงานเทศกาล“ข้ายังไม่เคยเห็นงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อนเลยเพคะ”“เจ้าโชคดีที่มาในช่วงนี้ ทางโน้นเป็นตลาดกลางคืน ส่วนด้านนี้เป็นด้านการละเล่น มีการร่ายรำหาคู่ ร่ายรำกระบองไฟและการละเล่นที่แปลกตาหากเจ้าอยากไปดูก็…ชวนเสิ่นหลงไปได้”“ข้า!! ไปกับท่านมิได้หรือ”“ข้าพาเจ้าไปดูได้นะอินเหมย หากเจ้าอยากจะลอยโคม เจ้าเคยบอกว่าอยากจะไปอธิษฐานให้เสด็จแม่นี่ ข้าจะพาเจ้าไป”“ท่านจำได้ด้วยหรือ”“ข้าย่อมจำทุกสิ่งที่เจ้าพูดได้เป็นอย่างดี”“อะฮึ่ม!! ดูเหมือนว่าข้ากับพระชายาจะเป็นส่วนเกินเสียแล้ว เอาล่ะได้เวลาแล้วเสิ่นหลง เจ้าพาองค์หญิงไปนั่งที่แขกเถอะ”“แต่ว่
"อะไรนะเพคะ เดี๋ยวก่อน อ๊ะ รุ่ยหยางพระองค์คงจะไม่…."“เมื่อครู่นี้พอเห็นหน้าเสิ่นหลงแล้วข้าก็นึกหึงเจ้าขึ้นมา ช่วยไม่ได้ที่เจ้ากับเขาดันมีความหลังด้วยกันโดยที่ไม่มีข้าอยู่......ข้าหึง”“ท่านพี่เพคะ แต่ว่าในตอนนั้นพวกเรายังไม่เคยรู้จักกันเลยนะเพคะ อ๊ะ อย่า…. เดี๋ยวก่อน…เย็นนี้เราต้อง อ๊าา ท่านพี่”ร่างของพระชายาถูกวางลงอย่างแผ่วเบาที่เตียงพักในห้องอักษร ท่านอ๋องจงใจเลือกที่นี่เพราะมีเตียงสำหรับเอนหลังอยู่ ห้องหับที่มิดชิดและยังเป็นเขตหวงห้ามมิให้สาวใช้ที่ต่ำกว่าสาวใช้ของพระชายาหรือองครักษ์เช่นเสี่ยวหมิงเข้ามาได้ทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้นชุดรุงรังของซิ่วอิงถูกท่านอ๋องปลดออกโดยง่าย ในตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะปลดชุดของนางง่ายมากไปเรื่อย ๆ เพราะซิ่วอิงสวมใส่แบบหลวม ๆ กับครรภ์ที่เริ่มโตขึ้น“อื้อ…อ๊าา สะ…เสียวเหลือเกิน อ๊าา”“กางขาออกอีกได้หรือไม่ ข้าทำให้เจ้าเจ็บหรือไม่อิงเอ๋อร์”ปลายลิ้นเพียงสัมผัสกลีบผกาที่แฉะรออยู่ของนางทำให้เขารู้ว่านางเองก็ตื่นเต้นกับสถานที่เช่นนี้ แม้ว่าปากนางจะพร่ำบอกว่าอย่าและห้ามเขาก็ตาม แต่ความต้องการของทั้งคู่ที่มีให้กันดุจน้ำมันใกล้ไฟที่พร้อมจะจุดติดและลุกลามตลอ
“อะไรนะเพคะ!! ไม่จริงหรอกเขาน่ะ!!…เขา….”“เขาตามเจ้ามาอย่างรวดเร็วจนมาพบเจ้าที่ลานพิธี”“นั่นเพราะเขากลัวว่าข้าจะทำร้ายท่านต่างหาก”“ที่เขามาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะถูกท่านอ๋องสั่งลงโทษ”“นั่นเพราะท่านอ๋องรักท่านมากจนไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องท่าน ช่างน่าอิจฉายิ่งนักเพคะ”“อินเหมย เจ้าไม่เข้าใจที่ข้ากำลังจะบอกเจ้า ข้าหมายความว่าการที่เสิ่นหลงทะยานควบม้าเข้ามาในเขตพระราชพิธีสำคัญเช่นนี้ที่จริงมีโทษหนักแต่เพราะความเป็นห่วงเกรงว่าเจ้าจะต้องโทษร้ายแรง เขาถึงกับยอมคุกเข่ารอท่านอ๋องในห้องทรงอักษรเพื่อขออภัยโทษแก่เจ้าเพราะคิดว่าท่านอ๋องจะสั่งลงโทษเจ้า”“อะไรนะเพคะ แต่ว่า!!”“เจ้าจึงไม่เห็นเขาเดินตามออกมาอย่างไรเล่า เขานั่งคุกเข่าอยู่ในห้อง หากเจ้าไม่เชื่อข้าจะพาเจ้าไปดูให้เห็นกับตา”“ไม่เพคะ!! หม่อมฉัน…พี่ซิ่วอิ่งแล้วเขาทำเช่นนั้นเพื่ออะไร”“เจ้ายังไม่รู้อีกงั้นหรือ เมื่อครู่นี้เจ้าก็บอกเองนี่ว่าพระสวามีของข้ามีนิสัยเช่นไร เสิ่นหลงรู้เรื่องนี้ดีกว่าเจ้าเสียอีก เขาจึงยอมเอาตัวเองเข้าแลกกับโทษที่เจ้าจะได้รับเช่นไรเล่า”“เช่นนั้น...ไม่ได้นะเพคะ ท่านพี่ซิ่วอิงข้าขอร้องข้าจะไปเข้าเฝ้าท่านอ๋อง ข้าจะข
“หยุด!!”ซู่อินเหมยต้องตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงตวาดที่ดุดันของพระชายาซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ท่านอ๋องหยุดตีโพยตีพายได้“อิงเอ๋อร์…เจ้า...”“หม่อมฉันมิได้เป็นอันใดทั้งนั้นเพคะหยุดโวยวายได้แล้ว”“แต่ข้าได้ยินเสียง…”“จินฝู!! ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าอย่าเสียงดัง เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามันเป็นเช่นไร”“พระชายาเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใด…”“ไม่มีอะไรก็แค่องค์หญิงดีใจเลยเสียงดังไปหน่อยเท่านั้น จินฝูตกใจก็เลยตะโกนเพคะเหตุใดจึงได้ทำเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ด้วยเล่าเพคะ”“ก็ข้า…”“เป็นห่วง พอเถอะเพคะท่านอ๋อง เรามีแขกอยู่นะเพคะองค์หญิงตกพระทัยหมดแล้ว อินเหมยเจ้าไปกับข้า”“พะ เพคะพี่ซิ่วอิง”“พี่ซิ่วอิงงั้นหรือ”พระชายาไม่ลืมที่จะหันมาค้อนใส่พระสวามีที่ตื่นตกใจราวกับฟ้าถล่มอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขานิ่งไปแล้ว“พระองค์มีสิ่งใดจะทำก็ไปเถิดเพคะ รองแม่ทัพเสิ่นรอรายงานเหตุการณ์ชายแดนอยู่ในห้องทรงอักษรนะเพคะ หม่อมฉันกับองค์หญิงขอตัวก่อน แล้วไม่ต้องวิ่งออกมาอีก เข้าพระทัยหรือไม่เพคะ”“เอ่อ…เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ”“ท่านอ๋อง!!”“ก็ได้ ๆ ข้าไปแล้ว จินฝู…ดูแลพระชายาให้ดีล่ะ”
“เพราะแบบนั้นข้าก็เลยจำเป็นต้องใช้เสิ่นหลงอย่างไรเล่า แม้ว่าจะมิใช่เชื้อพระวงศ์แต่เป็นถึงรองแม่ทัพมีฝีมือ หากตกลงกันได้ก็แต่งตั้งเป็นแม่ทัพคุมดินแดนตะวันออกแล้วแต่งงานกับองค์หญิงแทนอย่างไรเล่า เจ้าก็สังเกตเห็นท่าทีของทั้งสองคนมิใช่หรือ ข้าคิดว่าข้าทำสำเร็จแล้ว”“หมายความว่าพระองค์ทรงทราบอยู่แล้วว่านางจะต้องเดินทางมาที่นี่เพียงแต่ว่าจะมาในฐานะใดเท่านั้นงั้นหรือเพคะ”“ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาที่นี่ในวันนี้เท่านั้นเอง เอาไว้ค่อยกลับไปคุยที่วังเถอะ ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากเท่าใดนักหรอกคงต้องให้คนจัดที่พักรับรองให้นางเสียก่อน”วังหลิงโจว / ตำหนักหน้า“ฝากท่านจัดการด้วยก็แล้วกัน”“เพคะท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ”หมัวมัวรับคำสั่งและรีบเดินออกไปสั่งการเพื่อจัดที่พักให้องค์หญิงต่างแคว้น ที่จริงนางมีสาวใช้และบริวารตามมาอีกราว ๆ สิบคนแต่ทุกคนไม่มีผู้ใดทราบว่าองค์หญิงจะแอบออกมานอกโรงเตี๊ยมที่พักอยู่นอกเมืองเพื่อหนีเข้ามาในเมืองก่อน“องค์หญิงเชิญนั่ง”“ขอบพระทัย”อินเหมยนั่งตามคำเชื้อเชิญของท่านอ๋อง ซู่อินเหมยหันไปมองยังพระชายาที่ประทับลงข้าง ๆ โดยมีท่านอ๋องคอยพยุงราวกับเกรงว่านางจะล้ม
“องค์หญิงงั้นหรือ”“ได้ยินหรือไม่ นางเป็นองค์หญิงจากต่างแคว้น”“แล้วมาที่นี่ทำไม แล้วยังกล้าจะเข้ามาลอบทำร้ายพระชายา”เสิ่นหลงหันไปมองสตรีที่ถูกเสี่ยวหมิงจับตัวอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวหมิงพยักหน้าให้เขาพลันปล่อยตัวนางในทันที“องค์หญิง กลับไปกับกระหม่อมก่อนในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าเฝ้านะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่!! ข้าก็แค่อยากจะเห็นหน้านางให้ชัด ๆ ว่าจะเป็นคนเช่นไร คนที่….”“องค์หญิง ดูเหมือนว่าท่านจะมีเรื่องอึดอัดพระทัยที่จะเอ่ยใช่หรือไม่”ซิ่วอิงและท่านอ๋องเดินลงมาจากที่ประทับเพื่อมาพบกับแขกที่มาเยือนกะทันหัน เห็นท่าทีและใบหน้าที่แดงจรดกกหูของอีกฝ่ายจึงเข้าใจองค์หญิงต่างแคว้นก่อนหน้านี้นางมีท่าทีไม่ยอมคนแต่เพียงแค่เสิ่นหลงปรากฏตัวนางก็มีทีท่าจะอ่อนยวบลง ท่านอ๋องหันมาลอบยิ้มกับนางอีกทั้งกระซิบให้นางช่วยรองแม่ทัพเสิ่นเสียหน่อยเพราะดูแล้วเขาคงเร่งรีบควบบังเหียนอาชามาไกลพอสมควรกว่าจะตาม “ซู่อินเหมย” มาได้ทัน“เจ้าจะ!!….”“เรียกข้าว่าซิ่วอิงก็ได้ มาเถอะเจ้าเป็นถึงองค์หญิงของเซียนหยางย่อมเป็นแขกของข้ากับท่านอ๋อง ตรงนี้คนมากไม่สะดวกรับรองเจ้า กลับวังไปกับข้าก่อนแล้วค่อยคุยเถอะ”“องค์หญิง พระองค์ทรงรับ