จวนสกุลฟู่""ถวายบังคมท่านอ๋องและพระชายา""“ทุกท่านลุกขึ้นเถอะอย่าได้มากพิธีเลย ข้ามาในวันนี้มิได้มาพร้อมกับตำแหน่ง แต่มาเพราะเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว ท่านพ่อท่านแม่ข้าขอใช้น้ำชาแทนสุราดื่มให้พวกท่าน”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ / เพคะ” ท่านอ๋องใช้เวลากับแม่ทัพฟู่อยู่ในห้องหนังสือส่วนฟู่ซิ่วอิงนั้นออกมาคุยกับมารดาที่ห้องโถงเล็กใกล้ ๆ“เรื่องที่ข้าส่งมาให้ท่านแม่สืบเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”“แม่สืบแล้ว ดูเหมือนว่ายาสลบชนิดนี้จะรุนแรงกว่าที่หาได้ในหลิงโจวหรือละแวกนี้ มันเหมือนกับยาพิษที่ใช้กันในวังหลวง คนร้ายน่าจะมาจากเมืองหลวง”“เช่นนั้นก็แคบลงมาแล้ว แล้วพอจะได้เบาะแสอื่นหรือไม่เจ้าคะ ตอนนี้ท่านอ๋องเอาแต่สนใจเรื่องสกุลหลินที่ถูกฆ่านอกเมืองและตามหาอาวุธที่ถูกขโมย”“ใช่ ท่านพ่อของเจ้าให้คนไปตามสืบแล้ว มันน่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งนะ”“อย่างไรหรือเจ้าคะ”“ทุกคนในจวนล้วนหลับสนิทก่อนที่จะถูกฆ่าโดยทำให้เหมือนไฟไหม้จวนน่ะสิ”“หมายความว่า…ท่านแม่นี่ท่านกำลังจะพูดว่า…”“ใช่ ผลการชันสูตรศพของเถ้าแก่หลินคนของพ่อเจ้าพบว่าเขา ภรรยาและลูกล้วนหลับสนิทชนิดที่เรียกไม่ตื่น แม่ตรวจสอบแล้วเป็นยาชนิดเดียวกันกับ
ซิ่วอิงแทบจะไม่ได้พักผ่อนเมื่อมาอยู่จวนสกุลฟู่ แต่เช้านี้โชคดีหน่อยที่ท่านอ๋องกับบิดาของนางมีนัดที่จะไปเยี่ยมชมกองทัพสกุลฟู่นางจึงได้โอกาสนอนพักให้เต็มที่ก่อนที่ท่านอ๋องจะเสด็จกลับมาซิ่วอิงแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าเคยหลับเต็มอิ่มเช่นนี้มานานเท่าใดแล้วนับตั้งแต่แต่งเข้าตำหนักอ๋องร่วมเดือน“อืมม….”“คุณหนูเจ้าคะ”“อย่าพึ่ง ขอนอนอีกหน่อยเอวข้าแทบจะขยับไม่ได้แล้ว”“คุณหนูนี่จะเข้ายามอู่ (12.00 น.) แล้วนะเจ้าคะรีบตื่นเถิดเจ้าค่ะ ท่านนอนมาเกือบครึ่งวันแล้วนะเจ้าคะ”“จินฝู เจ้านี่ช่างใจร้ายยิ่งนัก”“คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้แม่นางเมิ่งมาขอเข้าเฝ้าท่านอ๋องถึงในจวนแล้วนะเจ้าคะ”“อะไรนะ!!”คำว่า “แม่นางเมิ่ง” เป็นคำสะกิดอย่างรุนแรงให้ซิ่วอิงลุกขึ้นมาในทันที นางคิดว่าเมิ่งลี่ถิงที่ถูกโบยจะหลาบจำ ยอมล่าถอยและไม่มาวุ่นวายกับชีวิตของนางอีกแล้วเสียอีกแต่ที่ไหนได้ วันนี้นางกลับมาหาเรื่องถึงจวนสกุลฟู่“นี่มันหยามหน้ากันเกินไปแล้ว เหตุใดไม่รีบบอกข้าเล่า”“คุณหนูก็ท่านเอาแต่อิดออดไม่ยอมลุกนี่เจ้าคะ คุณหนูเรื่องนี้ท่านจะไม่ยอมใช่หรือไม่เจ้าคะ”“เรื่องผู้ชายเรื่องเล็กศักดิ์ศรีของข้าเรื่องใหญ่ กล้าเข้ามาถึงถ
“ท่านอ๋อง เห็นแก่ไมตรีระหว่างท่านกับท่านราชครู…ได้โปรดยั้งมือด้วยพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อม…ขอรับโทษแทนนางเองได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฟู่ซิ่วอิงหันไปมองหน้าองครักษ์หนุ่มของเมิ่งลี่ถิง เขาไม่ควรเป็นคนของสกุลเมิ่งเลยจริง ๆ ช่างน่าเสียดายความภักดีนี้ยิ่งนัก“ท่านองครักษ์ กฎอีกอย่างของสกุลฟู่ก็คือ ผู้ใดทำผิดผู้นั้นรับโทษ จะรับแทนกันหาได้ไม่เพราะนอกจากจะไม่หลาบจำแล้ว ยังจะตามสร้างปัญหาไปทั่วไม่จบสิ้น ถอดเสื้อคลุมนางออก ข้าจะโบยนางด้วยตัวเอง!!”“อื้อ…อื้อ!!!”ฟู่ซิ่วอิงเดินมาเมื่อสาวใช้ถอดชุดคลุมเมิ่งลี่ถิงออก แส้ที่ฟาดลงไปที่สะโพกของเมิ่งลี่ถิงที่ร้องออกมาไม่ได้และองครักษ์ที่ได้แต่ทนมองคุณหนูของตนถูกลงโทษโดยมิอาจช่วยได้เป็นภาพที่ดูโหดร้ายยิ่งนัก ซิ่วอิงไม่ลดแรงมือลงเลยสักนิด ทุกแส้ที่ฟาดลงไปเปี่ยมไปด้วยแรงโกรธแค้นที่มีต่ออีกฝ่ายและครั้งนี้นางจะตีจนกว่าเมิ่งลี่ถิงจะทนไม่ไหว และให้สมกับความวุ่นวายที่นางได้ก่อขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า....."ข้าทนให้เจ้าหาเรื่องมานับครั้งไม่ถ้วน ในเมื่อกล้าก้าวเข้ามาหาเรื่องถึงที่นี่ ก็อย่าโทษว่าข้าไม่ปรานีเจ้า""ฮึก!!!....อื้อ...."แผลที่พึ่งหายถูกโบยซ้ำลงไปอีกครั้งจนเ
“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”“เฮ้อ…ตอนที่นางมาขอเข้าเฝ้า ท่านอ๋องมิได้ออกมารับนางเพียงคนเดียว พระองค์ขอให้แม่และท่านพ่อเจ้าอยู่ด้วยและให้นางเข้ามาพบในห้องโถง ที่ไม่ได้ไปเรียกเจ้าก็เพราะว่าท่านอ๋องอยากให้เจ้าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่มิได้ตั้งใจจะปิดบังเจ้า ทุกการกระทำของแม่นางเมิ่งผู้นั้นอยู่ในสายตาของพ่อและแม่ทั้งหมด ท่านอ๋องเพียงแค่เดินออกมาส่งนางเท่านั้นและแม่นางเมิ่งคงเห็นว่าเจ้าเดินมาจึงได้โอกาสหาเรื่องให้เจ้ากับท่านอ๋องทะเลาะกัน”“เช่นนี้นี่เอง ว่าแต่นางมาที่นี่ด้วยเรื่องอาวุธนี้หรือเจ้าคะ”“นางมาบอกว่าจะมีการเคลื่อนย้ายอาวุธที่ถูกขโมยไปจากสกุลหลินเมื่อวันก่อน”“เช่นนั้น!!…แสดงว่าทางท่านราชครูได้เบาะแส….ไม่สิ นี่มันไม่ถูกต้อง”“ใช่แล้วเจ้าเองก็คิดเช่นเดียวกันกับแม่ เพียงแค่แม่บอกเจ้าเช่นนี้เจ้าก็จับพิรุธได้ใช่หรือไม่”“เจ้าค่ะ หากว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เหตุใดท่านราชครูจึงไม่รีบส่งคนมาแจ้งต่อท่านอ๋องโดยตรง นอกเสียจากว่าเรื่องนี้….”“ใช่ นอกจากว่าเรื่องนี้ สกุลเมิ่งจะเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลังและได้รับผลประโยชน์”“เช่นนั้นก็หมายความว่าเมิ่งลี่ถิงนำเรื่องนี้มาแจ้งกับท่านอ๋อง…โดยที่
“ท่านพ่อ ท่านทราบได้อย่างไรเจ้าคะว่าวรยุทธ์ของลูก….กลับมาแล้ว”“แรงที่เจ้าผลักบุตรสกุลเมิ่งและแรงมือที่ฟาดใส่ท่านอ๋องไม่เหมือนกับแรงสตรีทั่วไป ข้าเป็นพ่อของเจ้ามีหรือจะมองไม่ออก แต่เหตุใดเจ้าจึงปิดเรื่องนี้เป็นความลับ หรือว่าเจ้ากำลังสืบหาผู้ที่วางยาเจ้าอยู่งั้นหรือ”“ใช่เจ้าค่ะ และข้าก็ทราบแล้วว่าน่าจะเป็นเมิ่งลี่ถิงและมารดาของนาง ท่านแม่สืบทราบจนสิ้นแล้ว และลูกเองก็ได้มีโอกาสประมือกับนางในวันก่อน นางทราบว่าลูกไม่มีวรยุทธ์จึงได้กล้ารังแกข้า”“เจ้าหมายถึงวันที่เจ้าถูกทำร้ายกลางตลาดนั่นน่ะหรือ”“เจ้าค่ะ”“ที่แท้เจ้าก็แค่ล่องูออกจากรู เรื่องนี้เจ้าก็มิได้บอกท่านอ๋องสินะ”“ยังเจ้าค่ะ ข้ายังไม่มีโอกาสได้บอกเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องเป็นคนฉลาด พ่อว่าไม่แน่ว่าพระองค์อาจจะรู้อยู่นานแล้วก็ได้ว่าวรยุทธ์ของเจ้ากลับมา”“คงไม่หรอกเจ้าค่ะ ลูกมิได้ทำสิ่งใดให้เขาสงสัยเรื่องนี้ลูกขอให้ท่านพ่อเก็บเอาไว้เป็นความลับก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ จนกว่าจะหาคนผิดมาลงโทษได้ลูกจะยังไม่เปิดเผย”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถอะแต่เรื่องที่จะตามท่านอ๋องออกไปพ่อคงไม่อนุญาต วันนี้เจ้ากลับเรือนพักไปก่อนเถอะ รอท่านอ๋องกลับมาแล้วค่อยคุยกันด
ท่านอ๋องดึงนางกระชับเข้ามากอดให้แน่นมากกว่าเดิมเมื่อนางถามจบ แต่เขาเองก็เงียบไปเช่นกัน แม้ว่าซิ่วอิงจะทำใจได้ว่าก่อนหน้านั้นเขาเองก็มิได้รู้สึกอะไรกับนางก็ตาม แต่ในเมื่อสวรรค์ลิขิตให้พานพบกันเช่นนี้วันนี้นางจึงอยากจะทราบเกี่ยวกับความรู้สึกของท่านอ๋องก่อนหน้านั้น“ในตอนนั้นข้าคิดเพียงว่าจะตั้งใจศึกษางานในหลิงโจวก่อน เรื่องอื่นไม่เคยคิดถึงแม้แต่เรื่องการอภิเษกก็มิได้ใส่ใจ เมื่อทราบว่าราชครูเมิ่งและบุตรสาวตามลงมาด้วยข้าก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ช้าก็เร็วคงต้องเลือกระหว่างเจ้ากับนาง แต่ด้วยเพราะความที่ข้าไม่เคยรู้จักเจ้ามาก่อน หน้าตาเป็นเช่นไรก็ไม่เคยเห็น จึงได้คิดว่าหากแต่ง ๆ ให้จบไปก็คงจบเรื่อง”“หมายความว่าอย่างไรเพคะ แต่ง ๆ ไปให้จบเรื่อง”“ชีวิตในวังหลวงมิได้มีสิทธิ์เลือกได้เสมอไป พี่ชายข้าเป็นองค์รัชทายาทและต้องแต่งพระชายาที่มีบิดาเป็นเสนาบดี ทั้งคู่ก็มิได้รักกันแต่ก็ต้องแต่งงานกัน สุดท้ายพี่ชายข้าก็มีพระสนมอีกสามคนเพราะมิได้สตรีที่ต้องใจ”“เช่นนั้นพวกองค์ชายทั้งหลาย…”“ก็มีบ้างที่มีโอกาสได้แต่งงานกับสตรีที่รักหากว่านางมีฐานะที่เหมาะสมมากพอ แต่สำหรับข้าการแต่งงานมันคือเชือกที่คล้องข
“แต่ว่า…นี่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง อื้อ….อืม….” ลิ้นหนาเข้าล้วงล้ำเข้าไปในรวงปากอิ่มเพื่อกอบโกยความหวาน มือหนาเริ่มเลื่อนลงไปปลดสายชุดนอนของนางออกด้วยความเคยชินเพราะเขาทำเช่นนี้เกือบทุกค่ำคืน มือนางเองก็เริ่มปลดชุดให้กับเขา ความแข็งตึงของมังกรยักษ์นางรู้สึกได้สักพักหนึ่งแล้วเพียงแต่ยังไม่อยากทักเพื่อให้เขามีโอกาส แต่พระสวามีของนางก็มักจะหาโอกาสให้ตัวเองได้เสมอ“อื้อ เสียว….อาา….ท่านพี่…” มือนางสอดเขาไปที่เรือนผมดกของเขาอย่างจงใจเมื่อท่านอ๋องค่อย ๆ เลื่อนกายลงไปยังส่วนล่างของนางซึ่งนางรู้ทันทีว่าเขาจะใช้เวลากับส่วนนั้นอีกนาน“อ๊าา อ๊าา”“ซิ่วอิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าส่วนใดในเรือนร่างเจ้าที่ข้าชอบมากที่สุด”“อื้อ…ไม่ เร็ว ๆ เข้าเถิดเพคะหม่อมฉัน…อ๊าา ทนไม่ไหวแล้ว”“พระชายาของข้าช่างร้อนแรงขึ้นทุกวัน….ซิ่วอิง…มอบโอรสให้ข้าสักคนเถิด” ซิ่วอิงไม่มีเวลาได้ตกใจเมื่อท่านอ๋องพลันสอดใส่มังกรยักษ์ที่แข็งแรงนั้นเข้ามาโดยเร็ว นางเสียวจนเผลอร้องออกมาเพราะเขาไม่ทันให้นางทันได้เตรียมใจ มือเรียวไขว่คว้ารอบคอของเขาเอาไว้มั่นเพื่อจะให้ลดจังหวะลงหน่อยแต่กลับกลายเป็นว่าเขาดึง
“ท่าน…. รองแม่ทัพเสิ่นหลง”“เหตุใดเจ้าทำหน้าเช่นนั้นกันเล่า ข้าเร่งเข้าหลิงโจวมาก็เพื่อมาพบท่านแม่ทัพ แต่เห็นว่ายังไม่กลับมาจากประชุมเช้าในราชสำนักข้าเลยแวะมาหาเจ้าก่อน ดูหน้าเจ้าสิเหตุใดจึงทำท่าตกใจเช่นนั้น มานี่มาข้าจะปลอบใจเจ้า”“เอ่อ…”ซิ่วอิงไม่ทันได้ตั้งหลักหรือถอยชายหนุ่มก็เดินเข้ามาสวมกอดนางไม่ต่างจากในวันวานที่เขากอดนางเพื่อปลอบใจในตอนที่นางยังเด็ก แต่ในเวลานี้“ปล่อยพระชายาของข้าเดี๋ยวนี้!!”“ท่านอ๋อง!!”“อะไรนะ…. พระชายางั้นหรือ”“ผวั๊ะ!!”“ท่านอ๋องเพคะ โปรดยั้งมือก่อนเพคะ”หมัดหนัก ๆ ถูกส่งไปให้ผู้ที่บังอาจสวมกอดพระชายาของเขาต่อหน้า ท่านอ๋องและแม่ทัพฟู่พึ่งจะกลับมาถึงจวนท่านอ๋องรีบเดินกลับมายังห้องพักแต่กลับพบว่าพระชายายืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งในสวนจึงรีบเดินเข้ามา ไม่คิดว่ายังไม่ทันเดินไปถึง นางก็ถูกผู้อื่นดึงเข้าไปกอด“พระทัยเย็นก่อนเพคะ”“นี่เจ้าเข้าข้างมันงั้นหรือ!!”“ซิ่วอิง…เขาคือ…”“เสิ่นหลง!!”“ท่านแม่ทัพ”เสิ่นหลงหันไปคารวะบิดาของนางก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะรุนแรงมากกว่านี้ ซิ่วอิงเดินมาดึงท่านอ๋องและลากเขากึ่งบังคับให้เดินล่าถอยออกมา“ปล่อยข้านะ”“ฟังหม่อมฉันก่อ
“กรี๊ด!!!!!….”แรงเบ่งเฮือกสุดท้ายทำเอาซิ่วอิงแทบหมดแรงเมื่อหัวของเด็กโผล่ออกมาเพียงครึ่งเดียว นางพักหายใจและเบ่งอีกครั้งจนเด็กอีกคนถูกดึงออกมาพร้อมกับเสียงร้องที่ดังกว่าคนแรก“เด็กผู้หญิงเพคะ เป็นท่านหญิงเพคะ”"เร็ว ๆ เข้า รีบไปเตรียมผ้ามาอีกผืน“อิงเอ๋อร์ได้ยินหรือไม่ บุตรแฝด เราได้ลูกแฝด”“หม่อมฉัน…. ท่านพี่….”“คนเก่งของข้า….”การคลอดบุตรแต่ละครั้งล้วนทำให้ฟู่ซิ่วอิงหมดแรงไปนาน อีกทั้งครั้งนี้เป็นบุตรแฝดซึ่งทำเอาตำหนักท่านอ๋องวุ่นวายเป็นการใหญ่เพราะมิได้ตระเตรียมของเอาไว้เผื่อสำหรับเลี้ยงเด็กถึงสองคน แต่นั่นมิใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใดเพราะก่อนหน้านี้ยังมีชุดและเปลของท่านชายหานเยว่และท่านหญิงซีอวิ๋นอยู่“อิงเอ๋อร์…. เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าลุกไหวแล้วงั้นหรือ"“หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพคะ”“ไม่ได้ ถึงไม่เป็นไรแต่เจ้าจะเดินไปเดินมาเช่นนี้หาได้ไม่ ข้า…”“เสด็จพ่อ…”“เฮ้อ…เจ้าหานเยว่ตัวแสบ ตัวขัดจังหวะ”“ท่านพี่ เหตุใดต้องว่าลูกเช่นนั้นเพคะ”“เขาเอาแต่ให้ข้าฝึกดาบให้ทั้งวัน ข้าไล่ไปฝึกกับเสี่ยวหมิงแล้วก็ยังตามข้ามาอีก”“เสด็จพ่ออยู่นี่เอง เสด็จแม่….”“ชู่ววว…. เบา ๆ หน่อยเยว่เอ๋อร์ เว่ยอิง กับ
“อ๊าา ท่านพี่…”ลิ้นหนาดูดหน้าอกรุนแรง ซิ่วอิงทั้งเจ็บและเสียว นางพึ่งจะเข้าใจเขาในตอนนี้เช่นกัน เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าจะทำกับผู้ใดก็ได้แต่ต้องทำกับคนที่รักกันเท่านั้น นางช่างโง่นักที่ไปดูถูกความรู้สึกของเขา ร่างบางเอนกายเพื่อให้พระสวามีได้ดูดดื่มปทุมหอมหวานได้เต็มอิ่ม ท่านอ๋องพลันรวบกายนางขึ้นมากอดเอาไว้“ซิ่วอิง ข้ารักเจ้ายิ่งกว่าชีวิต อย่าได้ผลักไสข้าไปอีกเลย อย่าไปจากข้าเลยนะ เจ้าเคยบอกว่าหากวันใดเจ้าสืบหาคนร้ายได้เจ้าก็จะจากไป ข้าจดจำคำนี้เอาไว้และรั้งเจ้าทุกวิถีทางจนเจ้าเลิกเอ่ยคำนี้ออกมา ข้าทำให้เจ้าตั้งครรภ์และมั่นใจว่าเจ้าจะไม่หนีข้าไปอีก แต่เหตุใดวันนี้เจ้า…”“หม่อมฉันขอโทษเพคะ หม่อมฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว รุ่ยหยางหม่อมฉันเพียงแต่รักพระองค์และหวงพระองค์มากเท่านั้นจึงไม่อยากสูญเสียความรู้สึกนี้ไป หม่อมฉันผิดเองเพคะที่ไม่ไว้ใจพระองค์ อย่าโกรธหม่อมฉันเลยนะเพคะ”ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดเข้ามาจนแน่น ซิ่วอิงเองก็กอดเขาแน่นไม่แพ้กัน ต่างก็ไม่ยอมให้ผู้ใดพูดคำว่าหนีหรือจากไป ท่านอ๋องค่อย ๆ หันมาสบตานางอีกครั้ง“ข้าไม่เคยโกรธเจ้าเพียงแค่นึกน้อยใจในบางครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ต้อง
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”เหล่าขุนนางต้องรีบรับคำตามที่ท่านอ๋องตรัส เพราะจะมีผู้ใดในหลิงโจวบ้างที่ไม่ทราบว่าท่านอ๋องทรงรักและหวงพระชายาฟู่ซิ่วอิงมากเพียงใด ความคลั่งรักของพระองค์ร่ำลือไกลไปถึงเมืองหลวงจนเป็นที่กล่าวขานไปกว่าครึ่งแคว้นหอดูดาว“ดูนั่นสิเพคะ เริ่มจุดดอกไม้ไฟกันแล้ว”“อืม เจ้าชอบดอกไม้ไฟงั้นหรือ”“ชอบสิเพคะ เวลาที่มันกระจายตัวบนท้องฟ้ายามราตรีช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เกินจะบรรยาย”“แต่เจ้างดงามกว่าบุปผาทั้งหลายในใต้หล้านี้ แม้นดอกไม้ไฟที่แต่งแต้มสีสันบนนภาในราตรีก็มิอาจเทียบความงามของเจ้าได้ อิงเอ๋อร์…เจ้าเป็นบุปผาที่มีค่ายิ่งกว่าสมบัติใดในใต้หล้า สำหรับข้าแล้วนอกจากเจ้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีก”จุมพิตหวานซึ่งเมื่อตรัสจบถูกส่งไปให้นาง ซิ่วอิงทราบดีอยู่แล้วว่าท่านอ๋องมิอาจรั้งรอได้อีก กลิ่นสุราเลื่องชื่อที่นางเตรียมยังคงระอุเร่าร้อนในปากของรุ่ยหยางก่อนจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ดุจถูกไฟแผดเผาจนอาภรณ์ของทั้งคู่ถูกสลัดออกจนสิ้นบนหอดูดาวที่ไร้ผู้คน“อ๊ะ อื้อ….ดียิ่งนัก”ระเบียงกว้างพร้อมเตียงนุ่มแบบเปิดโล่งด้านบนสุดของหอดูดาวคือสนามรักในคืนนี้ แม้ว่าจะมีม่านเสาเตียงเพื่อปกปิดด้านในเอาไว้แต่ใน
“เหตุใดพระองค์ช่างหน้าไม่อายเช่นนี้นะ หากรู้เช่นนี้หม่อมฉันไม่บอกก่อนหรอกเพคะ”“เจ้าก็อย่าใจร้ายนักเลย ข้ากับเจ้าจะรักกันได้อีกสักกี่ครั้งกัน ครรภ์เจ้าก็เริ่มโตแล้วหลังจากนี้ก็ทำได้แค่นอนกอดเจ้าอย่างเดียวแล้ว”เพราะซิ่วอิงทราบดีนางถึงได้ยอมตามใจท่านอ๋องเพราะหลังจากที่อายุครรภ์มากขึ้นนางก็จะเริ่มรับศึกรักกับเขาไม่ได้เหมือนเคยอีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่เคยคิดระแวงว่าท่านอ๋องจะหาสตรีอื่นมาทดแทนเพราะหากเขาต้องการคงทำไปนานแล้วงานเทศกาล“ข้ายังไม่เคยเห็นงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อนเลยเพคะ”“เจ้าโชคดีที่มาในช่วงนี้ ทางโน้นเป็นตลาดกลางคืน ส่วนด้านนี้เป็นด้านการละเล่น มีการร่ายรำหาคู่ ร่ายรำกระบองไฟและการละเล่นที่แปลกตาหากเจ้าอยากไปดูก็…ชวนเสิ่นหลงไปได้”“ข้า!! ไปกับท่านมิได้หรือ”“ข้าพาเจ้าไปดูได้นะอินเหมย หากเจ้าอยากจะลอยโคม เจ้าเคยบอกว่าอยากจะไปอธิษฐานให้เสด็จแม่นี่ ข้าจะพาเจ้าไป”“ท่านจำได้ด้วยหรือ”“ข้าย่อมจำทุกสิ่งที่เจ้าพูดได้เป็นอย่างดี”“อะฮึ่ม!! ดูเหมือนว่าข้ากับพระชายาจะเป็นส่วนเกินเสียแล้ว เอาล่ะได้เวลาแล้วเสิ่นหลง เจ้าพาองค์หญิงไปนั่งที่แขกเถอะ”“แต่ว่
"อะไรนะเพคะ เดี๋ยวก่อน อ๊ะ รุ่ยหยางพระองค์คงจะไม่…."“เมื่อครู่นี้พอเห็นหน้าเสิ่นหลงแล้วข้าก็นึกหึงเจ้าขึ้นมา ช่วยไม่ได้ที่เจ้ากับเขาดันมีความหลังด้วยกันโดยที่ไม่มีข้าอยู่......ข้าหึง”“ท่านพี่เพคะ แต่ว่าในตอนนั้นพวกเรายังไม่เคยรู้จักกันเลยนะเพคะ อ๊ะ อย่า…. เดี๋ยวก่อน…เย็นนี้เราต้อง อ๊าา ท่านพี่”ร่างของพระชายาถูกวางลงอย่างแผ่วเบาที่เตียงพักในห้องอักษร ท่านอ๋องจงใจเลือกที่นี่เพราะมีเตียงสำหรับเอนหลังอยู่ ห้องหับที่มิดชิดและยังเป็นเขตหวงห้ามมิให้สาวใช้ที่ต่ำกว่าสาวใช้ของพระชายาหรือองครักษ์เช่นเสี่ยวหมิงเข้ามาได้ทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้นชุดรุงรังของซิ่วอิงถูกท่านอ๋องปลดออกโดยง่าย ในตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะปลดชุดของนางง่ายมากไปเรื่อย ๆ เพราะซิ่วอิงสวมใส่แบบหลวม ๆ กับครรภ์ที่เริ่มโตขึ้น“อื้อ…อ๊าา สะ…เสียวเหลือเกิน อ๊าา”“กางขาออกอีกได้หรือไม่ ข้าทำให้เจ้าเจ็บหรือไม่อิงเอ๋อร์”ปลายลิ้นเพียงสัมผัสกลีบผกาที่แฉะรออยู่ของนางทำให้เขารู้ว่านางเองก็ตื่นเต้นกับสถานที่เช่นนี้ แม้ว่าปากนางจะพร่ำบอกว่าอย่าและห้ามเขาก็ตาม แต่ความต้องการของทั้งคู่ที่มีให้กันดุจน้ำมันใกล้ไฟที่พร้อมจะจุดติดและลุกลามตลอ
“อะไรนะเพคะ!! ไม่จริงหรอกเขาน่ะ!!…เขา….”“เขาตามเจ้ามาอย่างรวดเร็วจนมาพบเจ้าที่ลานพิธี”“นั่นเพราะเขากลัวว่าข้าจะทำร้ายท่านต่างหาก”“ที่เขามาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะถูกท่านอ๋องสั่งลงโทษ”“นั่นเพราะท่านอ๋องรักท่านมากจนไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องท่าน ช่างน่าอิจฉายิ่งนักเพคะ”“อินเหมย เจ้าไม่เข้าใจที่ข้ากำลังจะบอกเจ้า ข้าหมายความว่าการที่เสิ่นหลงทะยานควบม้าเข้ามาในเขตพระราชพิธีสำคัญเช่นนี้ที่จริงมีโทษหนักแต่เพราะความเป็นห่วงเกรงว่าเจ้าจะต้องโทษร้ายแรง เขาถึงกับยอมคุกเข่ารอท่านอ๋องในห้องทรงอักษรเพื่อขออภัยโทษแก่เจ้าเพราะคิดว่าท่านอ๋องจะสั่งลงโทษเจ้า”“อะไรนะเพคะ แต่ว่า!!”“เจ้าจึงไม่เห็นเขาเดินตามออกมาอย่างไรเล่า เขานั่งคุกเข่าอยู่ในห้อง หากเจ้าไม่เชื่อข้าจะพาเจ้าไปดูให้เห็นกับตา”“ไม่เพคะ!! หม่อมฉัน…พี่ซิ่วอิ่งแล้วเขาทำเช่นนั้นเพื่ออะไร”“เจ้ายังไม่รู้อีกงั้นหรือ เมื่อครู่นี้เจ้าก็บอกเองนี่ว่าพระสวามีของข้ามีนิสัยเช่นไร เสิ่นหลงรู้เรื่องนี้ดีกว่าเจ้าเสียอีก เขาจึงยอมเอาตัวเองเข้าแลกกับโทษที่เจ้าจะได้รับเช่นไรเล่า”“เช่นนั้น...ไม่ได้นะเพคะ ท่านพี่ซิ่วอิงข้าขอร้องข้าจะไปเข้าเฝ้าท่านอ๋อง ข้าจะข
“หยุด!!”ซู่อินเหมยต้องตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงตวาดที่ดุดันของพระชายาซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ท่านอ๋องหยุดตีโพยตีพายได้“อิงเอ๋อร์…เจ้า...”“หม่อมฉันมิได้เป็นอันใดทั้งนั้นเพคะหยุดโวยวายได้แล้ว”“แต่ข้าได้ยินเสียง…”“จินฝู!! ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าอย่าเสียงดัง เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามันเป็นเช่นไร”“พระชายาเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใด…”“ไม่มีอะไรก็แค่องค์หญิงดีใจเลยเสียงดังไปหน่อยเท่านั้น จินฝูตกใจก็เลยตะโกนเพคะเหตุใดจึงได้ทำเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ด้วยเล่าเพคะ”“ก็ข้า…”“เป็นห่วง พอเถอะเพคะท่านอ๋อง เรามีแขกอยู่นะเพคะองค์หญิงตกพระทัยหมดแล้ว อินเหมยเจ้าไปกับข้า”“พะ เพคะพี่ซิ่วอิง”“พี่ซิ่วอิงงั้นหรือ”พระชายาไม่ลืมที่จะหันมาค้อนใส่พระสวามีที่ตื่นตกใจราวกับฟ้าถล่มอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขานิ่งไปแล้ว“พระองค์มีสิ่งใดจะทำก็ไปเถิดเพคะ รองแม่ทัพเสิ่นรอรายงานเหตุการณ์ชายแดนอยู่ในห้องทรงอักษรนะเพคะ หม่อมฉันกับองค์หญิงขอตัวก่อน แล้วไม่ต้องวิ่งออกมาอีก เข้าพระทัยหรือไม่เพคะ”“เอ่อ…เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ”“ท่านอ๋อง!!”“ก็ได้ ๆ ข้าไปแล้ว จินฝู…ดูแลพระชายาให้ดีล่ะ”
“เพราะแบบนั้นข้าก็เลยจำเป็นต้องใช้เสิ่นหลงอย่างไรเล่า แม้ว่าจะมิใช่เชื้อพระวงศ์แต่เป็นถึงรองแม่ทัพมีฝีมือ หากตกลงกันได้ก็แต่งตั้งเป็นแม่ทัพคุมดินแดนตะวันออกแล้วแต่งงานกับองค์หญิงแทนอย่างไรเล่า เจ้าก็สังเกตเห็นท่าทีของทั้งสองคนมิใช่หรือ ข้าคิดว่าข้าทำสำเร็จแล้ว”“หมายความว่าพระองค์ทรงทราบอยู่แล้วว่านางจะต้องเดินทางมาที่นี่เพียงแต่ว่าจะมาในฐานะใดเท่านั้นงั้นหรือเพคะ”“ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาที่นี่ในวันนี้เท่านั้นเอง เอาไว้ค่อยกลับไปคุยที่วังเถอะ ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากเท่าใดนักหรอกคงต้องให้คนจัดที่พักรับรองให้นางเสียก่อน”วังหลิงโจว / ตำหนักหน้า“ฝากท่านจัดการด้วยก็แล้วกัน”“เพคะท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ”หมัวมัวรับคำสั่งและรีบเดินออกไปสั่งการเพื่อจัดที่พักให้องค์หญิงต่างแคว้น ที่จริงนางมีสาวใช้และบริวารตามมาอีกราว ๆ สิบคนแต่ทุกคนไม่มีผู้ใดทราบว่าองค์หญิงจะแอบออกมานอกโรงเตี๊ยมที่พักอยู่นอกเมืองเพื่อหนีเข้ามาในเมืองก่อน“องค์หญิงเชิญนั่ง”“ขอบพระทัย”อินเหมยนั่งตามคำเชื้อเชิญของท่านอ๋อง ซู่อินเหมยหันไปมองยังพระชายาที่ประทับลงข้าง ๆ โดยมีท่านอ๋องคอยพยุงราวกับเกรงว่านางจะล้ม
“องค์หญิงงั้นหรือ”“ได้ยินหรือไม่ นางเป็นองค์หญิงจากต่างแคว้น”“แล้วมาที่นี่ทำไม แล้วยังกล้าจะเข้ามาลอบทำร้ายพระชายา”เสิ่นหลงหันไปมองสตรีที่ถูกเสี่ยวหมิงจับตัวอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวหมิงพยักหน้าให้เขาพลันปล่อยตัวนางในทันที“องค์หญิง กลับไปกับกระหม่อมก่อนในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าเฝ้านะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่!! ข้าก็แค่อยากจะเห็นหน้านางให้ชัด ๆ ว่าจะเป็นคนเช่นไร คนที่….”“องค์หญิง ดูเหมือนว่าท่านจะมีเรื่องอึดอัดพระทัยที่จะเอ่ยใช่หรือไม่”ซิ่วอิงและท่านอ๋องเดินลงมาจากที่ประทับเพื่อมาพบกับแขกที่มาเยือนกะทันหัน เห็นท่าทีและใบหน้าที่แดงจรดกกหูของอีกฝ่ายจึงเข้าใจองค์หญิงต่างแคว้นก่อนหน้านี้นางมีท่าทีไม่ยอมคนแต่เพียงแค่เสิ่นหลงปรากฏตัวนางก็มีทีท่าจะอ่อนยวบลง ท่านอ๋องหันมาลอบยิ้มกับนางอีกทั้งกระซิบให้นางช่วยรองแม่ทัพเสิ่นเสียหน่อยเพราะดูแล้วเขาคงเร่งรีบควบบังเหียนอาชามาไกลพอสมควรกว่าจะตาม “ซู่อินเหมย” มาได้ทัน“เจ้าจะ!!….”“เรียกข้าว่าซิ่วอิงก็ได้ มาเถอะเจ้าเป็นถึงองค์หญิงของเซียนหยางย่อมเป็นแขกของข้ากับท่านอ๋อง ตรงนี้คนมากไม่สะดวกรับรองเจ้า กลับวังไปกับข้าก่อนแล้วค่อยคุยเถอะ”“องค์หญิง พระองค์ทรงรับ