“ท่าน…. รองแม่ทัพเสิ่นหลง”“เหตุใดเจ้าทำหน้าเช่นนั้นกันเล่า ข้าเร่งเข้าหลิงโจวมาก็เพื่อมาพบท่านแม่ทัพ แต่เห็นว่ายังไม่กลับมาจากประชุมเช้าในราชสำนักข้าเลยแวะมาหาเจ้าก่อน ดูหน้าเจ้าสิเหตุใดจึงทำท่าตกใจเช่นนั้น มานี่มาข้าจะปลอบใจเจ้า”“เอ่อ…”ซิ่วอิงไม่ทันได้ตั้งหลักหรือถอยชายหนุ่มก็เดินเข้ามาสวมกอดนางไม่ต่างจากในวันวานที่เขากอดนางเพื่อปลอบใจในตอนที่นางยังเด็ก แต่ในเวลานี้“ปล่อยพระชายาของข้าเดี๋ยวนี้!!”“ท่านอ๋อง!!”“อะไรนะ…. พระชายางั้นหรือ”“ผวั๊ะ!!”“ท่านอ๋องเพคะ โปรดยั้งมือก่อนเพคะ”หมัดหนัก ๆ ถูกส่งไปให้ผู้ที่บังอาจสวมกอดพระชายาของเขาต่อหน้า ท่านอ๋องและแม่ทัพฟู่พึ่งจะกลับมาถึงจวนท่านอ๋องรีบเดินกลับมายังห้องพักแต่กลับพบว่าพระชายายืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งในสวนจึงรีบเดินเข้ามา ไม่คิดว่ายังไม่ทันเดินไปถึง นางก็ถูกผู้อื่นดึงเข้าไปกอด“พระทัยเย็นก่อนเพคะ”“นี่เจ้าเข้าข้างมันงั้นหรือ!!”“ซิ่วอิง…เขาคือ…”“เสิ่นหลง!!”“ท่านแม่ทัพ”เสิ่นหลงหันไปคารวะบิดาของนางก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะรุนแรงมากกว่านี้ ซิ่วอิงเดินมาดึงท่านอ๋องและลากเขากึ่งบังคับให้เดินล่าถอยออกมา“ปล่อยข้านะ”“ฟังหม่อมฉันก่อ
“อะไรนะเพคะ….กลับหรือเพคะแต่ว่าพระองค์บอกว่าเรายังอยู่อีกสองคืน…”“ข้าเปลี่ยนแผนการนิดหน่อย เจ้าคงไม่ลืมเรื่องการสืบหาผู้ลักลอบขโมยอาวุธนะ เรื่องนี้สำคัญมาก ไปเร็วเข้าไม่ต้องถามมากแล้ว”“เอ่อ แต่ว่า…เดี๋ยวสิเพคะ ไปเช่นนี้เลยงั้นหรือเพคะ”“ใช่เดี๋ยวนี้เลย ไปเช่นนี้แหละเจ้าสวยอยู่แล้วไม่ต้องแต่งมากหรอกน่ารีบไปเถอะเดี๋ยวแดดแรงจะร้อนมากกว่านี้”“เอ่อ….นี่…จินฝู ข้าฝาก…”นางไม่ทันได้พูดอะไรแต่จินฝูที่ได้รับคำสั่งจากเสี่ยวหมิงก็รู้แล้วว่าเกิดพายุลูกหึงขึ้นกลางจวนสกุลฟู่และต้องรีบอพยพกลับโดยด่วนนางจึงไม่ถามอะไรและไม่กล้าสบตาของทั้งคู่อีกด้วย ท่านอ๋องรีบพาพระชายามาร่ำลาแม่ทัพฟู่และฮูหยิน“อะไรนะ กะ…กลับเลยงั้นหรือเพคะ แต่ว่าตาม…”“กระหม่อมเข้าใจแล้ว ฮูหยินหากเจ้าคิดถึงอิงเอ๋อร์ เอาไว้แวะไปเยี่ยมนางก็ย่อมได้ท่านอ๋องมิทรงห้ามเจ้าหรอก”“ท่านพ่อกล่าวได้ถูกแล้ว ท่านแม่ครั้งนี้ต้องขออภัยแต่เพราะเหตุการณ์ไม่ปกติและจำเป็นเร่งด่วนจึงต้องขอลากลับก่อนกำหนด เอาไว้วันหน้าข้าจะหาเวลาพาซิ่วอิงกลับมาเยี่ยมพวกท่านใหม่อีกครั้ง”แม่ทัพฟู่รู้ดีว่าท่านอ๋องเพียงยกข้ออ้างเรื่องสืบสวนอาวุธขึ้นมาเพื่อจะพาซิ่วอิงกลับต
รถม้าวิ่งเข้าไปในตำหนักแล้วท่านอ๋องเปิดประตูออกมาพร้อมกับอุ้มตัวพระชายาออกมาด้วยและรีบพานางเดินเข้าไปด้านในตำหนักอย่างรวดเร็วมิใช่ว่านางเดินไม่ไหวแต่เพราะท่านอ๋องเอาแต่จับและรุกล้ำล่วงเกินและรังแกนางจนชุดของพระชายาหลุดลุ่ยและก็สวมกลับเข้าไปไม่ทันดังนั้นท่านอ๋องจึงไม่อยากเสียเวลาเลยอุ้มนางออกมาเอง“เพราะพระองค์คนเดียวเลยเห็นหรือไม่ สายตาคนอื่น ๆ มองพวกเราคิดดี ๆ ไม่ได้เลยนะเพคะ”“ช่างปะไรถึงอย่างไรเจ้ากับข้าก็เป็นสามีภรรยาและนี่ก็ยังไม่พ้นช่วงดื่มน้ำผึ้งและเรายังถือเป็นข้าวใหม่ปลามันกันอยู่ ทุกคนย่อมคิดไม่ต่างกัน”“เอ๊ะ หม่อมฉันลืมของ…อ๊ะ!! รุ่ยหยางนี่ท่าน!!…”“ข้าอยู่กับเจ้าแล้วอุ้มเจ้ามาถึงที่นี่ยังจะไม่ลืมห่อผ้านั้นอีกงั้นหรือ เจ้าอยากให้ข้าโกรธมากกว่านี้หรืออย่างไร”“อ๊ะ ไม่ใช่นะเพคะเพียงแต่ว่า อื้อ…อ๊าา เร็วเกินไปแล้ว เบาหน่อยสิเพคะ”“ไม่ได้ ข้าทนมาเกือบหนึ่งก้านธูปกว่าที่เราจะมาถึงตำหนักนี่ ให้ข้าได้ชื่นชมเจ้าให้เต็มรักสักหน่อยเถอะอยู่ที่จวนสกุลฟู่…”“อย่าตรัสเช่นนั้นนะเพคะ อยู่ที่นั่นก็มิได้….น้อยไปกว่าที่นี่…อ๊าา เดี๋ยวก่อน อ๊าา!!!”“อย่าพึ่งกระตุ้นข้าสิยอดรัก เจ้าคงไม่อยากหมด
ดาบในมือท่านอ๋องพลันหล่นลงไปที่พื้น สายพระเนตรจ้องมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของพระชายาและยังคงเกาะชั้นวางอาวุธในห้องของเขาเอาไว้แน่นด้วยความตกพระทัยแปลกใจระคนดีใจจนแทบจะกระโดดตัวลอยหากพระชายาของพระองค์มิได้ยืนมองด้วยสายตาโกรธแค้นเช่นนี้“อะไรนะ….เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่า….”“ออกไป!! พระองค์อยากไปนักก็รีบไปเลย!!”“อิงเอ๋อร์…เจ้าบอกว่าเจ้ากำลังตั้งครรภ์งั้นหรือ เรากำลังจะมีลูกด้วยกันเหตุใดเจ้าไม่บอกข้า”“พระองค์เองยังมีเรื่องที่ไม่ได้บอกหม่อมฉันเลยนี่เพคะ”“เจ้าก็เลยปิดบังข้างั้นหรือ ซิ่วอิงนี่มันเกินไปแล้ว!!”“เกินไปอย่างไรเพคะ เรื่องที่หม่อมฉันตั้งครรภ์หมอหลวงพึ่งตรวจพบเมื่อเช้าตอนที่หม่อมฉันอาเจียนหลังกินอาหารเช้าเข้าไป พระองค์ทรงประชุมอยู่ในวัง หมัวมัวจึงเรียกหมอหลวงมาตรวจจึงได้รู้ เดิมทีคิดว่าตั้งใจจะทูลกับพระองค์ในคืนนี้ แต่สิ่งที่พระองค์บอกกับหม่อมฉันคือจะออกไปข้างนอก!!”“แต่ว่า!! เรื่องนี้….”“พระองค์ตรัสเองว่ากองทัพสกุลฟู่เข้มแข็งไว้วางพระทัยได้ แล้วเหตุใดจึงไม่บอกหม่อมฉันเลยสักคำ พระองค์ทำเรื่องนี้ลับหลังหม่อมฉัน…”“อิงเอ๋อร์…ฟังข้า”“ไม่!! ข้าไม่ฟัง ไม่อยากฟัง….อะไร….ทั้ง…”“อิงเอ๋อร
ซิ่วอิงมิได้ตอบท่านอ๋อง นางเผลอหลับไปแล้วหลังจากที่ได้ยินว่าเขาจะไม่ไปไหนหัวใจของนางก็พลันอบอุ่นขึ้นมา แม้นว่าจะดูเหมือนเห็นแก่ตัวแต่ในบริบทของสตรีตั้งครรภ์ช่วงสองเดือนแรกเป็นช่วงที่ภาวะอารมณ์ของนางจะแปรปรวนมากที่สุด นางเพียงแค่ต้องการความปลอดภัยเท่านั้นในเมื่อเขารับปากว่าจะอยู่ด้วยนางก็หลับสนิทไปทั้งคืน….สามวันถัดมา“ข้าต้องกินยานี่…ไปอีกนานเท่าใดกัน”“คุณหนูเจ้าคะ นี่เป็นยาบำรุงครรภ์ช่วงนี้ท่านต้องดื่มนะเจ้าคะ แม้ว่ากลิ่นมันจะรุนแรงแต่ก็….เพื่อ…”“ก็ได้ ๆ พอแล้วอย่าพูดเยอะเลยรีบเอามาเถอะ”กลิ่นของยาบำรุงครรภ์ที่หมอหลวงจัดมาให้มีกลิ่นที่ซิ่วอิงไม่ชอบอยู่แต่นางก็ต้องฝืนกินเข้าไป นางจำกลิ่นของหญ้าชนิดนี้ได้เพราะนางเคยได้กลิ่นมันในครั้งแรกที่หมัวมัวสั่งให้คนไปต้มมาให้ กลิ่นมันแรงเตะจมูกทำเอานางอาเจียนไปหลายครั้งกว่าจะกลั้นใจดื่มลงไปจนหมด“ข้าคงไม่อาเจียนออกมาหรอกนะ ขอน้ำหน่อยเร็ว ๆ เข้า”“นี่เจ้าค่ะน้ำเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องออกไปประชุมแล้วงั้นหรือ”“เจ้าค่ะ ออกไปแต่เช้าเลยเห็นว่าพระองค์เรียกนายท่านกับ ฮูหยินมาเข้าเฝ้าแต่เช้าเลยเจ้าค่ะ”“คงจะบอกเรื่องนี้กระมัง ไปเถอะลงไปข้างล่างกันข้าทนกลิ
แต่เซี่ยนหยานอยู่ทางตะวันออก พวกเขากับเราต่างคนต่างอยู่มาตั้งนานแล้ว ท่านปู่เคยบอกข้าว่าดินแดนที่น่าอยู่ที่สุดก็คือชายแดนฝั่งตะวันออก แต่ก็น่ากลัวที่สุดเช่นกัน"“ใช่ เพราะว่าที่นั่นอุดมไปด้วยทรัพยากรทั้งน้ำมันดิบและเหมืองแร่ แม้ว่าจะทำสัญญาสงบศึกสามสิบปีแต่ก็อย่างที่ทุกคนทราบ แต่ละฝ่ายไม่เคยมีใครไว้ใจกัน ขอเพียงมีชนวนก่อเหตุสงครามก็จะเกิดขึ้นทันที”“ท่านปู่บอกว่ากองทัพสกุลฟู่ที่อยู่ที่นั่นไม่เคยมีปัญหากับคนของเซี่ยนหยานอีกทั้งความสัมพันธ์ยังเป็นมิตรกัน แต่ว่านั่นก็เป็นเรื่องของเมื่อสิบปีมาแล้ว”“บัดนี้จักรพรรดิพระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ข้าเองยังไม่เคยพบมาก่อนแต่ว่า….ราชครูเมิ่งเคยร่วมเดินทางไปกับคณะทูตเพื่อเชื่อมสัมพันธ์เมื่อสี่ปีก่อนตอนที่จักรพรรดิขึ้นครองบัลลังก์ใหม่ ๆ”“ดังนั้นพระองค์จึงคิดว่าเขากับองค์จักรพรรดิของทางเซี่ยนหยาน….”“ข้าสืบมาแน่ชัดว่าพวกเขาตกลงเรื่องดินแดนกันเอาไว้อีกทั้งจดหมายที่ข้าส่งไปราวสามครั้งถูกส่งกลับมาหมด นั่นก็เพราะราชครูเมิ่งแอบกระทำการลับหลังข้าอย่างลับ ๆ จักรพรรดิของเซี่ยนหยานจึงไม่ตอบรับคำขอเข้าพบของข้าเลยสักครั้ง”“เช่นนั้นก็ลำบากแล้ว หากว่าเป็นเมื่อก่อ
“อิงเอ๋อร์ เจ้าช่างโง่ยิ่งนัก เจ้าหลงกลอุบายคนร้ายเสียได้ หลานปู่ ครั้งนี้เจ้าต้องทำใจให้เข้มแข็ง”“แต่ว่าหลาน…. ไม่เหลือผู้ใดแล้ว ท่านอ๋องจะต้องเดินทางไปรับสตรีอื่นเข้าวังเพื่อรักษาบ้านเมือง….หลาน….”“เด็กโง่ เจ้ายังมีลูกของเจ้า ยังมีเจ้าตัวเล็กเจ้าจะทิ้งเขางั้นหรือ เขาเป็นบุตรแห่งพยัคฆ์ตะวันออก พระโอรสของท่านอ๋อง เจ้าคิดว่าพระองค์จะไม่ไยดีพระโอรสที่เกิดจากพระชายาแล้วลุ่มหลงสตรีอื่นงั้นหรือ เหตุใดเจ้าไม่เชื่อพระทัยท่านอ๋องว่าพระองค์ทรงรักเจ้ามากเหลือเกิน”“แต่ว่า…. หลานทำใจไม่ได้”“เจ้าคิดว่าท่านอ๋องเองจะทำใจได้งั้นหรือ การที่ต้องรับสตรีนางนั้นเข้ามา เขาทำแล้วงั้นหรือเจ้าจึงได้มานอนคิดมากจนซมไข้อยู่เช่นนี้”“ท่านปู่…. หลานหมดแรงจริง ๆ เจ้าค่ะ หลาน…”“เจ้าเหลนคนนี้ช่างดื้อยิ่งนัก ร้ายกาจต้องแต่ในครรภ์ เอาล่ะปู่จะจัดการเองแต่ครั้งนี้ที่เจ้าทรุดลงมันมีสาเหตุ เจ้ารู้ดีว่าเกิดจากอะไร รีบกลับไปแก้ไขก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ จำเอาไว้เจ้าเป็นหลานปู่ ลูกหลานสกุลฟู่ต้องไม่อ่อนแอและไม่ยอมแพ้ต่อคนชั่ว!!”“ท่านปู่!!…ท่านปู่เจ้าคะ”“อิงเอ๋อร์!!….ข้ามาแล้ว ซิ่วอิงเจ้าเป็นอะไรเหตุใดนางป่วยหนักขนาด
เมิ่งลี่ถิงเดินอย่างเฉิดฉายและสง่างามเพื่อออกมาต้อนรับซ่างกงกงที่เดินทางมาพร้อมกับราชโองการของท่านอ๋องในมือ นางไม่รู้ว่าด้านในนั้นเขียนสิ่งใดไว้แต่ดูจากเหตุการณ์ที่ท่านอ๋องสั่งให้ท่านราชครูออกไปทำงานสำคัญที่นอกเมือง นั่นแสดงว่าข่าวที่นางนำไปทูลครั้งก่อนเป็นเรื่องจริง ท่านอ๋องคงจะเห็นความดีของนางจึงส่งของขวัญหลายหีบมาให้ เมื่อหีบของขวัญสี่กล่องทยอยมาวางตรงหน้าของนางก็นึกตื่นเต้น ซ่างกงกงเดินยิ้มเข้ามาอย่างเป็นมิตร“แม่นางเมิ่งลี่ถิง ท่านอ๋องมีราชโองการมาให้ท่าน”“เมิ่งลี่ถิงรับ…”“อ้อ เดี๋ยวก่อน ๆ ยังไม่ต้องรีบ ท่านอ๋องตรัสว่าเพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจของเจ้าที่มีต่อพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงขอมอบสุรานารีแดงมาให้เจ้า เชิญแม่นางเมิ่งดื่ม”“สุรานารีแดงงั้นหรือ นี่คือสุราที่ท่านอ๋องทรงประทานให้กับข้างั้นหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว แม่นางเมิ่งเชิญดื่ม”จอกสุราสีทองถูกส่งไปให้เมิ่งลี่ถิงที่มองดูด้วยความปลาบปลื้มใจและดีใจจนแทบจะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ เหล่าสาวใช้เองก็พากันยิ้มกว้างนาน ๆ พวกนางจะได้เห็นรอยยิ้มที่ดีใจของคุณหนูสักครั้งเพราะก่อนหน้านั้นนางเอาแต่โกรธแค้นและอารมณ์ร้ายทำลายข้าวของในจวนจนท่า
“กรี๊ด!!!!!….”แรงเบ่งเฮือกสุดท้ายทำเอาซิ่วอิงแทบหมดแรงเมื่อหัวของเด็กโผล่ออกมาเพียงครึ่งเดียว นางพักหายใจและเบ่งอีกครั้งจนเด็กอีกคนถูกดึงออกมาพร้อมกับเสียงร้องที่ดังกว่าคนแรก“เด็กผู้หญิงเพคะ เป็นท่านหญิงเพคะ”"เร็ว ๆ เข้า รีบไปเตรียมผ้ามาอีกผืน“อิงเอ๋อร์ได้ยินหรือไม่ บุตรแฝด เราได้ลูกแฝด”“หม่อมฉัน…. ท่านพี่….”“คนเก่งของข้า….”การคลอดบุตรแต่ละครั้งล้วนทำให้ฟู่ซิ่วอิงหมดแรงไปนาน อีกทั้งครั้งนี้เป็นบุตรแฝดซึ่งทำเอาตำหนักท่านอ๋องวุ่นวายเป็นการใหญ่เพราะมิได้ตระเตรียมของเอาไว้เผื่อสำหรับเลี้ยงเด็กถึงสองคน แต่นั่นมิใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใดเพราะก่อนหน้านี้ยังมีชุดและเปลของท่านชายหานเยว่และท่านหญิงซีอวิ๋นอยู่“อิงเอ๋อร์…. เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าลุกไหวแล้วงั้นหรือ"“หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพคะ”“ไม่ได้ ถึงไม่เป็นไรแต่เจ้าจะเดินไปเดินมาเช่นนี้หาได้ไม่ ข้า…”“เสด็จพ่อ…”“เฮ้อ…เจ้าหานเยว่ตัวแสบ ตัวขัดจังหวะ”“ท่านพี่ เหตุใดต้องว่าลูกเช่นนั้นเพคะ”“เขาเอาแต่ให้ข้าฝึกดาบให้ทั้งวัน ข้าไล่ไปฝึกกับเสี่ยวหมิงแล้วก็ยังตามข้ามาอีก”“เสด็จพ่ออยู่นี่เอง เสด็จแม่….”“ชู่ววว…. เบา ๆ หน่อยเยว่เอ๋อร์ เว่ยอิง กับ
“อ๊าา ท่านพี่…”ลิ้นหนาดูดหน้าอกรุนแรง ซิ่วอิงทั้งเจ็บและเสียว นางพึ่งจะเข้าใจเขาในตอนนี้เช่นกัน เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าจะทำกับผู้ใดก็ได้แต่ต้องทำกับคนที่รักกันเท่านั้น นางช่างโง่นักที่ไปดูถูกความรู้สึกของเขา ร่างบางเอนกายเพื่อให้พระสวามีได้ดูดดื่มปทุมหอมหวานได้เต็มอิ่ม ท่านอ๋องพลันรวบกายนางขึ้นมากอดเอาไว้“ซิ่วอิง ข้ารักเจ้ายิ่งกว่าชีวิต อย่าได้ผลักไสข้าไปอีกเลย อย่าไปจากข้าเลยนะ เจ้าเคยบอกว่าหากวันใดเจ้าสืบหาคนร้ายได้เจ้าก็จะจากไป ข้าจดจำคำนี้เอาไว้และรั้งเจ้าทุกวิถีทางจนเจ้าเลิกเอ่ยคำนี้ออกมา ข้าทำให้เจ้าตั้งครรภ์และมั่นใจว่าเจ้าจะไม่หนีข้าไปอีก แต่เหตุใดวันนี้เจ้า…”“หม่อมฉันขอโทษเพคะ หม่อมฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว รุ่ยหยางหม่อมฉันเพียงแต่รักพระองค์และหวงพระองค์มากเท่านั้นจึงไม่อยากสูญเสียความรู้สึกนี้ไป หม่อมฉันผิดเองเพคะที่ไม่ไว้ใจพระองค์ อย่าโกรธหม่อมฉันเลยนะเพคะ”ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดเข้ามาจนแน่น ซิ่วอิงเองก็กอดเขาแน่นไม่แพ้กัน ต่างก็ไม่ยอมให้ผู้ใดพูดคำว่าหนีหรือจากไป ท่านอ๋องค่อย ๆ หันมาสบตานางอีกครั้ง“ข้าไม่เคยโกรธเจ้าเพียงแค่นึกน้อยใจในบางครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ต้อง
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”เหล่าขุนนางต้องรีบรับคำตามที่ท่านอ๋องตรัส เพราะจะมีผู้ใดในหลิงโจวบ้างที่ไม่ทราบว่าท่านอ๋องทรงรักและหวงพระชายาฟู่ซิ่วอิงมากเพียงใด ความคลั่งรักของพระองค์ร่ำลือไกลไปถึงเมืองหลวงจนเป็นที่กล่าวขานไปกว่าครึ่งแคว้นหอดูดาว“ดูนั่นสิเพคะ เริ่มจุดดอกไม้ไฟกันแล้ว”“อืม เจ้าชอบดอกไม้ไฟงั้นหรือ”“ชอบสิเพคะ เวลาที่มันกระจายตัวบนท้องฟ้ายามราตรีช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เกินจะบรรยาย”“แต่เจ้างดงามกว่าบุปผาทั้งหลายในใต้หล้านี้ แม้นดอกไม้ไฟที่แต่งแต้มสีสันบนนภาในราตรีก็มิอาจเทียบความงามของเจ้าได้ อิงเอ๋อร์…เจ้าเป็นบุปผาที่มีค่ายิ่งกว่าสมบัติใดในใต้หล้า สำหรับข้าแล้วนอกจากเจ้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีก”จุมพิตหวานซึ่งเมื่อตรัสจบถูกส่งไปให้นาง ซิ่วอิงทราบดีอยู่แล้วว่าท่านอ๋องมิอาจรั้งรอได้อีก กลิ่นสุราเลื่องชื่อที่นางเตรียมยังคงระอุเร่าร้อนในปากของรุ่ยหยางก่อนจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ดุจถูกไฟแผดเผาจนอาภรณ์ของทั้งคู่ถูกสลัดออกจนสิ้นบนหอดูดาวที่ไร้ผู้คน“อ๊ะ อื้อ….ดียิ่งนัก”ระเบียงกว้างพร้อมเตียงนุ่มแบบเปิดโล่งด้านบนสุดของหอดูดาวคือสนามรักในคืนนี้ แม้ว่าจะมีม่านเสาเตียงเพื่อปกปิดด้านในเอาไว้แต่ใน
“เหตุใดพระองค์ช่างหน้าไม่อายเช่นนี้นะ หากรู้เช่นนี้หม่อมฉันไม่บอกก่อนหรอกเพคะ”“เจ้าก็อย่าใจร้ายนักเลย ข้ากับเจ้าจะรักกันได้อีกสักกี่ครั้งกัน ครรภ์เจ้าก็เริ่มโตแล้วหลังจากนี้ก็ทำได้แค่นอนกอดเจ้าอย่างเดียวแล้ว”เพราะซิ่วอิงทราบดีนางถึงได้ยอมตามใจท่านอ๋องเพราะหลังจากที่อายุครรภ์มากขึ้นนางก็จะเริ่มรับศึกรักกับเขาไม่ได้เหมือนเคยอีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่เคยคิดระแวงว่าท่านอ๋องจะหาสตรีอื่นมาทดแทนเพราะหากเขาต้องการคงทำไปนานแล้วงานเทศกาล“ข้ายังไม่เคยเห็นงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อนเลยเพคะ”“เจ้าโชคดีที่มาในช่วงนี้ ทางโน้นเป็นตลาดกลางคืน ส่วนด้านนี้เป็นด้านการละเล่น มีการร่ายรำหาคู่ ร่ายรำกระบองไฟและการละเล่นที่แปลกตาหากเจ้าอยากไปดูก็…ชวนเสิ่นหลงไปได้”“ข้า!! ไปกับท่านมิได้หรือ”“ข้าพาเจ้าไปดูได้นะอินเหมย หากเจ้าอยากจะลอยโคม เจ้าเคยบอกว่าอยากจะไปอธิษฐานให้เสด็จแม่นี่ ข้าจะพาเจ้าไป”“ท่านจำได้ด้วยหรือ”“ข้าย่อมจำทุกสิ่งที่เจ้าพูดได้เป็นอย่างดี”“อะฮึ่ม!! ดูเหมือนว่าข้ากับพระชายาจะเป็นส่วนเกินเสียแล้ว เอาล่ะได้เวลาแล้วเสิ่นหลง เจ้าพาองค์หญิงไปนั่งที่แขกเถอะ”“แต่ว่
"อะไรนะเพคะ เดี๋ยวก่อน อ๊ะ รุ่ยหยางพระองค์คงจะไม่…."“เมื่อครู่นี้พอเห็นหน้าเสิ่นหลงแล้วข้าก็นึกหึงเจ้าขึ้นมา ช่วยไม่ได้ที่เจ้ากับเขาดันมีความหลังด้วยกันโดยที่ไม่มีข้าอยู่......ข้าหึง”“ท่านพี่เพคะ แต่ว่าในตอนนั้นพวกเรายังไม่เคยรู้จักกันเลยนะเพคะ อ๊ะ อย่า…. เดี๋ยวก่อน…เย็นนี้เราต้อง อ๊าา ท่านพี่”ร่างของพระชายาถูกวางลงอย่างแผ่วเบาที่เตียงพักในห้องอักษร ท่านอ๋องจงใจเลือกที่นี่เพราะมีเตียงสำหรับเอนหลังอยู่ ห้องหับที่มิดชิดและยังเป็นเขตหวงห้ามมิให้สาวใช้ที่ต่ำกว่าสาวใช้ของพระชายาหรือองครักษ์เช่นเสี่ยวหมิงเข้ามาได้ทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้นชุดรุงรังของซิ่วอิงถูกท่านอ๋องปลดออกโดยง่าย ในตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะปลดชุดของนางง่ายมากไปเรื่อย ๆ เพราะซิ่วอิงสวมใส่แบบหลวม ๆ กับครรภ์ที่เริ่มโตขึ้น“อื้อ…อ๊าา สะ…เสียวเหลือเกิน อ๊าา”“กางขาออกอีกได้หรือไม่ ข้าทำให้เจ้าเจ็บหรือไม่อิงเอ๋อร์”ปลายลิ้นเพียงสัมผัสกลีบผกาที่แฉะรออยู่ของนางทำให้เขารู้ว่านางเองก็ตื่นเต้นกับสถานที่เช่นนี้ แม้ว่าปากนางจะพร่ำบอกว่าอย่าและห้ามเขาก็ตาม แต่ความต้องการของทั้งคู่ที่มีให้กันดุจน้ำมันใกล้ไฟที่พร้อมจะจุดติดและลุกลามตลอ
“อะไรนะเพคะ!! ไม่จริงหรอกเขาน่ะ!!…เขา….”“เขาตามเจ้ามาอย่างรวดเร็วจนมาพบเจ้าที่ลานพิธี”“นั่นเพราะเขากลัวว่าข้าจะทำร้ายท่านต่างหาก”“ที่เขามาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะถูกท่านอ๋องสั่งลงโทษ”“นั่นเพราะท่านอ๋องรักท่านมากจนไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องท่าน ช่างน่าอิจฉายิ่งนักเพคะ”“อินเหมย เจ้าไม่เข้าใจที่ข้ากำลังจะบอกเจ้า ข้าหมายความว่าการที่เสิ่นหลงทะยานควบม้าเข้ามาในเขตพระราชพิธีสำคัญเช่นนี้ที่จริงมีโทษหนักแต่เพราะความเป็นห่วงเกรงว่าเจ้าจะต้องโทษร้ายแรง เขาถึงกับยอมคุกเข่ารอท่านอ๋องในห้องทรงอักษรเพื่อขออภัยโทษแก่เจ้าเพราะคิดว่าท่านอ๋องจะสั่งลงโทษเจ้า”“อะไรนะเพคะ แต่ว่า!!”“เจ้าจึงไม่เห็นเขาเดินตามออกมาอย่างไรเล่า เขานั่งคุกเข่าอยู่ในห้อง หากเจ้าไม่เชื่อข้าจะพาเจ้าไปดูให้เห็นกับตา”“ไม่เพคะ!! หม่อมฉัน…พี่ซิ่วอิ่งแล้วเขาทำเช่นนั้นเพื่ออะไร”“เจ้ายังไม่รู้อีกงั้นหรือ เมื่อครู่นี้เจ้าก็บอกเองนี่ว่าพระสวามีของข้ามีนิสัยเช่นไร เสิ่นหลงรู้เรื่องนี้ดีกว่าเจ้าเสียอีก เขาจึงยอมเอาตัวเองเข้าแลกกับโทษที่เจ้าจะได้รับเช่นไรเล่า”“เช่นนั้น...ไม่ได้นะเพคะ ท่านพี่ซิ่วอิงข้าขอร้องข้าจะไปเข้าเฝ้าท่านอ๋อง ข้าจะข
“หยุด!!”ซู่อินเหมยต้องตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงตวาดที่ดุดันของพระชายาซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ท่านอ๋องหยุดตีโพยตีพายได้“อิงเอ๋อร์…เจ้า...”“หม่อมฉันมิได้เป็นอันใดทั้งนั้นเพคะหยุดโวยวายได้แล้ว”“แต่ข้าได้ยินเสียง…”“จินฝู!! ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าอย่าเสียงดัง เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามันเป็นเช่นไร”“พระชายาเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใด…”“ไม่มีอะไรก็แค่องค์หญิงดีใจเลยเสียงดังไปหน่อยเท่านั้น จินฝูตกใจก็เลยตะโกนเพคะเหตุใดจึงได้ทำเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ด้วยเล่าเพคะ”“ก็ข้า…”“เป็นห่วง พอเถอะเพคะท่านอ๋อง เรามีแขกอยู่นะเพคะองค์หญิงตกพระทัยหมดแล้ว อินเหมยเจ้าไปกับข้า”“พะ เพคะพี่ซิ่วอิง”“พี่ซิ่วอิงงั้นหรือ”พระชายาไม่ลืมที่จะหันมาค้อนใส่พระสวามีที่ตื่นตกใจราวกับฟ้าถล่มอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขานิ่งไปแล้ว“พระองค์มีสิ่งใดจะทำก็ไปเถิดเพคะ รองแม่ทัพเสิ่นรอรายงานเหตุการณ์ชายแดนอยู่ในห้องทรงอักษรนะเพคะ หม่อมฉันกับองค์หญิงขอตัวก่อน แล้วไม่ต้องวิ่งออกมาอีก เข้าพระทัยหรือไม่เพคะ”“เอ่อ…เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ”“ท่านอ๋อง!!”“ก็ได้ ๆ ข้าไปแล้ว จินฝู…ดูแลพระชายาให้ดีล่ะ”
“เพราะแบบนั้นข้าก็เลยจำเป็นต้องใช้เสิ่นหลงอย่างไรเล่า แม้ว่าจะมิใช่เชื้อพระวงศ์แต่เป็นถึงรองแม่ทัพมีฝีมือ หากตกลงกันได้ก็แต่งตั้งเป็นแม่ทัพคุมดินแดนตะวันออกแล้วแต่งงานกับองค์หญิงแทนอย่างไรเล่า เจ้าก็สังเกตเห็นท่าทีของทั้งสองคนมิใช่หรือ ข้าคิดว่าข้าทำสำเร็จแล้ว”“หมายความว่าพระองค์ทรงทราบอยู่แล้วว่านางจะต้องเดินทางมาที่นี่เพียงแต่ว่าจะมาในฐานะใดเท่านั้นงั้นหรือเพคะ”“ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาที่นี่ในวันนี้เท่านั้นเอง เอาไว้ค่อยกลับไปคุยที่วังเถอะ ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากเท่าใดนักหรอกคงต้องให้คนจัดที่พักรับรองให้นางเสียก่อน”วังหลิงโจว / ตำหนักหน้า“ฝากท่านจัดการด้วยก็แล้วกัน”“เพคะท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ”หมัวมัวรับคำสั่งและรีบเดินออกไปสั่งการเพื่อจัดที่พักให้องค์หญิงต่างแคว้น ที่จริงนางมีสาวใช้และบริวารตามมาอีกราว ๆ สิบคนแต่ทุกคนไม่มีผู้ใดทราบว่าองค์หญิงจะแอบออกมานอกโรงเตี๊ยมที่พักอยู่นอกเมืองเพื่อหนีเข้ามาในเมืองก่อน“องค์หญิงเชิญนั่ง”“ขอบพระทัย”อินเหมยนั่งตามคำเชื้อเชิญของท่านอ๋อง ซู่อินเหมยหันไปมองยังพระชายาที่ประทับลงข้าง ๆ โดยมีท่านอ๋องคอยพยุงราวกับเกรงว่านางจะล้ม
“องค์หญิงงั้นหรือ”“ได้ยินหรือไม่ นางเป็นองค์หญิงจากต่างแคว้น”“แล้วมาที่นี่ทำไม แล้วยังกล้าจะเข้ามาลอบทำร้ายพระชายา”เสิ่นหลงหันไปมองสตรีที่ถูกเสี่ยวหมิงจับตัวอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวหมิงพยักหน้าให้เขาพลันปล่อยตัวนางในทันที“องค์หญิง กลับไปกับกระหม่อมก่อนในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าเฝ้านะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่!! ข้าก็แค่อยากจะเห็นหน้านางให้ชัด ๆ ว่าจะเป็นคนเช่นไร คนที่….”“องค์หญิง ดูเหมือนว่าท่านจะมีเรื่องอึดอัดพระทัยที่จะเอ่ยใช่หรือไม่”ซิ่วอิงและท่านอ๋องเดินลงมาจากที่ประทับเพื่อมาพบกับแขกที่มาเยือนกะทันหัน เห็นท่าทีและใบหน้าที่แดงจรดกกหูของอีกฝ่ายจึงเข้าใจองค์หญิงต่างแคว้นก่อนหน้านี้นางมีท่าทีไม่ยอมคนแต่เพียงแค่เสิ่นหลงปรากฏตัวนางก็มีทีท่าจะอ่อนยวบลง ท่านอ๋องหันมาลอบยิ้มกับนางอีกทั้งกระซิบให้นางช่วยรองแม่ทัพเสิ่นเสียหน่อยเพราะดูแล้วเขาคงเร่งรีบควบบังเหียนอาชามาไกลพอสมควรกว่าจะตาม “ซู่อินเหมย” มาได้ทัน“เจ้าจะ!!….”“เรียกข้าว่าซิ่วอิงก็ได้ มาเถอะเจ้าเป็นถึงองค์หญิงของเซียนหยางย่อมเป็นแขกของข้ากับท่านอ๋อง ตรงนี้คนมากไม่สะดวกรับรองเจ้า กลับวังไปกับข้าก่อนแล้วค่อยคุยเถอะ”“องค์หญิง พระองค์ทรงรับ