“อิงเอ๋อร์ เจ้าช่างโง่ยิ่งนัก เจ้าหลงกลอุบายคนร้ายเสียได้ หลานปู่ ครั้งนี้เจ้าต้องทำใจให้เข้มแข็ง”“แต่ว่าหลาน…. ไม่เหลือผู้ใดแล้ว ท่านอ๋องจะต้องเดินทางไปรับสตรีอื่นเข้าวังเพื่อรักษาบ้านเมือง….หลาน….”“เด็กโง่ เจ้ายังมีลูกของเจ้า ยังมีเจ้าตัวเล็กเจ้าจะทิ้งเขางั้นหรือ เขาเป็นบุตรแห่งพยัคฆ์ตะวันออก พระโอรสของท่านอ๋อง เจ้าคิดว่าพระองค์จะไม่ไยดีพระโอรสที่เกิดจากพระชายาแล้วลุ่มหลงสตรีอื่นงั้นหรือ เหตุใดเจ้าไม่เชื่อพระทัยท่านอ๋องว่าพระองค์ทรงรักเจ้ามากเหลือเกิน”“แต่ว่า…. หลานทำใจไม่ได้”“เจ้าคิดว่าท่านอ๋องเองจะทำใจได้งั้นหรือ การที่ต้องรับสตรีนางนั้นเข้ามา เขาทำแล้วงั้นหรือเจ้าจึงได้มานอนคิดมากจนซมไข้อยู่เช่นนี้”“ท่านปู่…. หลานหมดแรงจริง ๆ เจ้าค่ะ หลาน…”“เจ้าเหลนคนนี้ช่างดื้อยิ่งนัก ร้ายกาจต้องแต่ในครรภ์ เอาล่ะปู่จะจัดการเองแต่ครั้งนี้ที่เจ้าทรุดลงมันมีสาเหตุ เจ้ารู้ดีว่าเกิดจากอะไร รีบกลับไปแก้ไขก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ จำเอาไว้เจ้าเป็นหลานปู่ ลูกหลานสกุลฟู่ต้องไม่อ่อนแอและไม่ยอมแพ้ต่อคนชั่ว!!”“ท่านปู่!!…ท่านปู่เจ้าคะ”“อิงเอ๋อร์!!….ข้ามาแล้ว ซิ่วอิงเจ้าเป็นอะไรเหตุใดนางป่วยหนักขนาด
เมิ่งลี่ถิงเดินอย่างเฉิดฉายและสง่างามเพื่อออกมาต้อนรับซ่างกงกงที่เดินทางมาพร้อมกับราชโองการของท่านอ๋องในมือ นางไม่รู้ว่าด้านในนั้นเขียนสิ่งใดไว้แต่ดูจากเหตุการณ์ที่ท่านอ๋องสั่งให้ท่านราชครูออกไปทำงานสำคัญที่นอกเมือง นั่นแสดงว่าข่าวที่นางนำไปทูลครั้งก่อนเป็นเรื่องจริง ท่านอ๋องคงจะเห็นความดีของนางจึงส่งของขวัญหลายหีบมาให้ เมื่อหีบของขวัญสี่กล่องทยอยมาวางตรงหน้าของนางก็นึกตื่นเต้น ซ่างกงกงเดินยิ้มเข้ามาอย่างเป็นมิตร“แม่นางเมิ่งลี่ถิง ท่านอ๋องมีราชโองการมาให้ท่าน”“เมิ่งลี่ถิงรับ…”“อ้อ เดี๋ยวก่อน ๆ ยังไม่ต้องรีบ ท่านอ๋องตรัสว่าเพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจของเจ้าที่มีต่อพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงขอมอบสุรานารีแดงมาให้เจ้า เชิญแม่นางเมิ่งดื่ม”“สุรานารีแดงงั้นหรือ นี่คือสุราที่ท่านอ๋องทรงประทานให้กับข้างั้นหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว แม่นางเมิ่งเชิญดื่ม”จอกสุราสีทองถูกส่งไปให้เมิ่งลี่ถิงที่มองดูด้วยความปลาบปลื้มใจและดีใจจนแทบจะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ เหล่าสาวใช้เองก็พากันยิ้มกว้างนาน ๆ พวกนางจะได้เห็นรอยยิ้มที่ดีใจของคุณหนูสักครั้งเพราะก่อนหน้านั้นนางเอาแต่โกรธแค้นและอารมณ์ร้ายทำลายข้าวของในจวนจนท่า
“พระองค์หมายความว่า….”“ข้าเรียกเขามาหารือแล้ว เขากับแม่ทัพซู่รู้จักกันดีและเป็นสหายกันมาก่อน เรื่องนี้ส่งเขาไปย่อมเจรจาง่ายกว่าข้านัก อีกอย่างหากว่าเรื่องมันเป็นไปตามที่คาด เขาจะต้องรับองค์หญิงผู้นั้นกลับมา เราค่อยหาวิธีการจัดการเรื่องนี้ทีหลัง”“พระองค์ทรงพระปรีชายิ่งนัก แต่ว่าเรื่องของราชครูเมิ่ง…”“พยานและหลักฐานพร้อมและบุตรสาวของเขาก็ทำผิดจริง ต่อให้เขาอยากเอาเรื่องข้าในเรื่องนี้ก็คงไม่มีหน้ามาขออภัยโทษแก่นางอีกแต่เรื่องนี้จะกลายเป็นการจุดคบไฟในใจของเขาให้เริ่มจัดการข้าดังนั้น…พวกเราต้องเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี จนกว่าเสิ่นหลงจะกลับมาจากชายแดนตะวันออกต้องห้ามประมาทโดยเด็ดขาด”“พ่ะย่ะค่ะ”ตำหนักท่านอ๋อง“อะไรนะเพคะ นี่พระองค์….”“อิงเอ๋อร์เจ้าอย่าพึ่งลุกขึ้นมา กินยานี่ให้หมดก่อนแล้วค่อยคุยเถอะ”“ท่านพี่ นี่ท่าน….”“กินยา แล้วข้าจะค่อย ๆ เล่าให้ฟัง”ท่านอ๋องกึ่งบังคับและขอร้องนางเพื่อให้ดื่มยาแก้พิษนั้นจนหมด เรื่องที่นางบอกเขาเมื่อคืนนี้ทำให้เขารู้สึกโกรธจนเสียสติและรีบออกไปสั่งการทันที“ท่านอ๋องเพคะ ที่หม่อมฉันป่วยก็เพราะยาบำรุงที่ท่านหมอจัดมีพิษเพคะ”“ว่าอย่างไรนะ!! เหตุใดจึงมีพิษ มัน
“ท่านราชครู หากว่าท่านใจร้อนเช่นนี้อาจจะตกหลุมพรางท่านอ๋องได้นะขอรับ นี่อาจจะเป็นอุบาย…ล่อให้ท่านลงมือ”“อุบายงั้นหรือ ข้าคิดว่าเขาหลงมัวเมาสตรีผู้นั้นจนโงหัวไม่ขึ้นต่างหาก กล้าทำร้ายลูกข้าถึงเพียงนี้ซ้ำยัง….”“แต่ว่าครั้งนี้มีทั้งหนังสือยอมรับสารภาพและ…คำตัดสินของศาลมาด้วย คิดว่าคุณหนู…”“ต่อให้ลูกข้าทำผิด โทษก็ไม่ควรหนักเช่นนี้หรือว่าเขาลืมไปแล้วว่าที่นางเป็นเช่นนี้สาเหตุก็มาจากเขาทั้งนั้น ฉางรุ่ยหยาง หากข้าไม่เห็นว่าเจ้ายังพอมีประโยชน์และคาดหวังว่าจะได้ปกครองเมืองหลิงโจว เมื่อท่าที่สำคัญนี้กับเจ้าคงไม่ปล่อยให้ถิงเอ๋อร์ถลำลึกจนกลายเป็นเช่นนี้”“นายท่าน…. นอกเมืองรายงานมาว่าคลังอาวุธส่วนหนึ่งถูกล้อมด้วยกองทัพสกุลฟู่ขอรับ”“กองทัพสกุลฟู่งั้นหรือ!!”“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ เริ่มจากเขาล่อให้ข้าออกจากเมือง เข้ามาที่นี่จัดการถิงเอ๋อร์และกำจัดคนของข้าเพื่อตามรอยจนพบกองทัพที่ซุ่มเอาไว้ เสร็จแล้วก็ขนาบหลังอาศัยจังหวะที่ข้าตกใจและโกรธเรื่องบุตรสาวลอบโจมตีตลบหลังข้า…. สั่งการให้พร้อม รอคำสั่งจากข้าเพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายอาวุธ!!”“ท่านราชครูขอรับ…”“หากรอช้ากว่านี้พวกเขาจะต้องสืบค้นจนพบอาวุธที่เ
“อะไรนะ ข้ายังมิได้ตรวจสอบหรือสอบสวนผู้ใดท่านก็จะเร่งให้เอาผิด ทำเช่นนี้มันไม่น่าแปลกใจไปหน่อยหรือท่านราชครู”“แต่ว่า หลักฐาน…”“ใช่ท่านพูดมาถูกต้องทั้งหมด เช่นนั้นจึงจำเป็นที่ข้าต้องเดินทางไปตรวจสอบหลักฐานที่แสดงว่าคนสกุลฟู่ทำความผิดจริงก่อนถึงจะสามารถตัดสินจับกุมคนมาลงโทษได้ กฎหมายบ้านเมืองมิได้เขียนบอกเอาไว้ว่าท่านสงสัยผู้ใดก็จะต้องจับมาลงโทษโดยไม่ไต่สวนได้ ท่านเป็นราชครูซึ่งรอบรู้เรื่องกฎหมายย่อมรู้ดีกว่าข้า ท่านว่าที่ข้าพูดมา ถูกต้องหรือไม่”ราชครูเมิ่งสะอึกขึ้นมาเมื่อถูกท่านอ๋องตอกกลับนิ่ม ๆ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบังคับให้ท่านอ๋องมอบคำสั่งจับกุมสกุลฟู่ก็ตาม“เอาล่ะ ท่านบอกข้าว่าอย่างไรนะ อาวุธถูกพบที่คลังอาวุธในกองทัพของสกุลฟู่งั้นหรือ เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ ไปตรวจสอบให้เห็นกับตา หากว่าคนสกุลฟู่ทำความผิดจริง รับรองว่าข้าจะไม่เข้าข้างผู้ที่ทำผิดเป็นแน่ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ใด…ยิ่งใหญ่และสำคัญแค่ไหน ท่านว่าจริงหรือไม่….ราชครูเมิ่ง”“ระ…รับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉยจนทำให้ราชครูรู้สึกขนลุกได้เสมอ พระสุรเสียงเวลาที่ตรัสออกมาก็เย็นวาบจนทำให้หนาวไ
""พ่ะย่ะค่ะ""ทหารกององครักษ์เคลื่อนตัวเข้ามานับยี่สิบคนเดินเข้ามาท่ามกลางรอยยิ้มแห่งชัยชนะของราชครูเมิ่ง แต่ทว่าก็ต้องตกใจเพราะคนที่ถูกควบคุมตัวกลับมิใช่คนสกุลฟู่แต่กลับเป็นเขาและทหารองครักษ์อีกแปดคนที่อยู่รอบกาย“พวกเจ้าทำอะไร จับข้าทำไม!! ท่านอ๋องนี่มันหมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องยืนเอามือไพล่หลังและค่อย ๆ หันมามองใบหน้าที่ตกใจของราชครูเมิ่งอีกครั้ง สีหน้าและแววตาที่เย็นวาบดุจพยัคฆ์จ้องเหยื่อทำให้เข่าของราชครูเฒ่าสั่นจนเกือบทรุด “หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ ท่านน่าจะถามตัวเองมากกว่านะ เดินหมากนำตาเดียวและประมาททิ้งหมากที่เหลือเอาไว้ให้ข้ากินเช่นนี้ ไม่สมกับเป็นท่านเลยนะเมิ่งจ๋าย”“ท่านอ๋อง!! พระองค์จะทรงเข้าข้างกบฏหรือพ่ะย่ะค่ะ!!”“ผู้ใดเป็นกบฏยังสืบไม่รู้แน่ชัด ท่านยังสามารถกล่าวหาสกุลฟู่ได้เลยแล้วถ้าหากวันนี้ข้าจะกล่าวหาท่านว่าเป็นกบฏบ้าง ท่านจะคิดเช่นไร”“ท่านอ๋อง!!! พระองค์ทรงลุ่มหลงสตรีสกุลฟู่จนหลงผิดเช่นนี้ได้เช่นไรกัน ฝ่าบาทคงต้องผิดหวังในตัวพระองค์แล้ว”“เสด็จพ่อจะผิดหวังในตัวผู้ใดยังไม่รู้ได้จนกว่าจะหาความจริงจากเรื่องนี้ เสี่ยวหมิง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”เสี่ยวหมิงพาคนสิบ
“ผั๊วะ!!”“อั๊ก!!”“ท่าน!!…ท่านราชครู”พระบาทของท่านอ๋องฟาดไปเต็มแรงที่ใบหน้าของผู้ที่เขาเคยเรียกว่าอาจารย์ แม้ว่าจะเป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่ได้เรียนกับเมิ่งจ๋าย เพราะความคิดและแนวทางที่ต่างกันท่านอ๋องจึงทูลขอต่อฝ่าบาทไม่เข้าเรียนกับเมิ่งจ๋ายอีก ในยามนี้เลือดที่ไหลออกจากจมูกและปากที่เบี้ยวของราชครูเฒ่ากองกับพื้น ตรงหน้ากองศัสตราวุธที่ถูกขนมาที่นี่“ท่านคงเห็นกับตาแล้วสินะ นี่เป็นความลับที่พระชายาของข้าได้บอกและได้เตือนข้าเอาไว้แล้วก่อนหน้านั้น เจ้าอาจจะฉลาดที่คิดว่าขนอาวุธทั้งหมดที่ขโมยมาได้ทั้งหมดมาไว้ที่คลังร้างแห่งนี้และโยนความผิดให้สกุลฟู่เพื่อยืมมือข้ากำจัดพวกเขาและท่านก็จะได้มีที่ยืนในวังหลิงโจว อีกทั้งยังส่งอาวุธเหล่านี้ไปให้ต่างแคว้นเก็บเงินเข้าชายพกตนเอง”“ท่าน…. เหตุใดจึง…”“แต่เจ้าไม่เคยรู้เรื่องนี้ เวลาที่ส่งมอบอาวุธระหว่างสกุลหลินมาที่สกุลฟู่…. พวกเขาจะต้องใช้ตราประทับของสกุลหลินเพื่อประทับไปที่อาวุธอีกข้างเพื่อเป็นการตรวจสอบอาวุธที่ถูกส่งมาใช้งานในกองทัพ และแน่นอนผู้ที่ถือตรานี้อยู่ต้องเป็นคนของสกุลหลินเท่านั้น…”“หมายความว่า….นี่มัน!!”“ถูกต้อง…อาวุธที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้
“ท่านพ่อ!!!”สายตาที่ยิ้มให้กับบุตรสาวค่อย ๆ หม่นลงและค้างนิ่งไปในที่สุด ราชครูเมิ่งจ๋ายสิ้นชีพด้วยฝีมือบุตรสาวของตัวเอง แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม นี่เป็นผลของการกระทำที่ผ่านมาของเขาอย่างแท้จริง เมิ่งลี่ถิงร้องไห้และตะโกนราวกับคนเสียสติ ที่จริงนางเองก็ใช่ว่าจะหายดีแต่เมื่อนางได้ยินบิดาคุยและสั่งการผู้ช่วยของเขานางจึงได้วางแผนจับตัวฟู่ซิ่วอิงมาที่นี่ทันที“ทำไม ไม่จริง!!! ท่านพ่อ….ฮือออ….”ท่านอ๋องรีบกระโดดขึ้นไปรับตัวพระชายาของพระองค์มาในทันที สภาพของพระชายาเองก็มิได้ต่างกับเมิ่งลี่ถิงเท่าใดนักแม้ว่าวรยุทธ์นางจะกลับมาแล้วแต่นางตั้งครรภ์อยู่ ร่างกายจึงยังอ่อนแออยู่มาก“อิงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงถูกนางจับตัวมาได้ เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าทำให้ข้าเกือบจะเสียสติอยู่แล้ว…”“ก็เพราะเขานั่นแหละเพคะ ช่วยนางจับหม่อมฉันมาหม่อมฉันกลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัยก็เลย…ต้องยอมมาด้วย”ซิ่วอิงหันไปมององครักษ์หนุ่มหวงลี่จินที่ทำตามคำสั่งของคุณหนูเมิ่งไปจับนางที่ตำหนักมา ซิ่วอิงจำต้องยอมมากับเขาเพราะนางเกรงว่าหากขัดขืนบุตรในครรภ์อาจจะเป็นอันตราย อีกทั้งนางเองก็ยังแสร้งว่าไร้วรยุทธ์พวกเขาจึงไม่สงสัย รอจนถึงค่ายสกุลฟ
“กรี๊ด!!!!!….”แรงเบ่งเฮือกสุดท้ายทำเอาซิ่วอิงแทบหมดแรงเมื่อหัวของเด็กโผล่ออกมาเพียงครึ่งเดียว นางพักหายใจและเบ่งอีกครั้งจนเด็กอีกคนถูกดึงออกมาพร้อมกับเสียงร้องที่ดังกว่าคนแรก“เด็กผู้หญิงเพคะ เป็นท่านหญิงเพคะ”"เร็ว ๆ เข้า รีบไปเตรียมผ้ามาอีกผืน“อิงเอ๋อร์ได้ยินหรือไม่ บุตรแฝด เราได้ลูกแฝด”“หม่อมฉัน…. ท่านพี่….”“คนเก่งของข้า….”การคลอดบุตรแต่ละครั้งล้วนทำให้ฟู่ซิ่วอิงหมดแรงไปนาน อีกทั้งครั้งนี้เป็นบุตรแฝดซึ่งทำเอาตำหนักท่านอ๋องวุ่นวายเป็นการใหญ่เพราะมิได้ตระเตรียมของเอาไว้เผื่อสำหรับเลี้ยงเด็กถึงสองคน แต่นั่นมิใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใดเพราะก่อนหน้านี้ยังมีชุดและเปลของท่านชายหานเยว่และท่านหญิงซีอวิ๋นอยู่“อิงเอ๋อร์…. เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าลุกไหวแล้วงั้นหรือ"“หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพคะ”“ไม่ได้ ถึงไม่เป็นไรแต่เจ้าจะเดินไปเดินมาเช่นนี้หาได้ไม่ ข้า…”“เสด็จพ่อ…”“เฮ้อ…เจ้าหานเยว่ตัวแสบ ตัวขัดจังหวะ”“ท่านพี่ เหตุใดต้องว่าลูกเช่นนั้นเพคะ”“เขาเอาแต่ให้ข้าฝึกดาบให้ทั้งวัน ข้าไล่ไปฝึกกับเสี่ยวหมิงแล้วก็ยังตามข้ามาอีก”“เสด็จพ่ออยู่นี่เอง เสด็จแม่….”“ชู่ววว…. เบา ๆ หน่อยเยว่เอ๋อร์ เว่ยอิง กับ
“อ๊าา ท่านพี่…”ลิ้นหนาดูดหน้าอกรุนแรง ซิ่วอิงทั้งเจ็บและเสียว นางพึ่งจะเข้าใจเขาในตอนนี้เช่นกัน เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าจะทำกับผู้ใดก็ได้แต่ต้องทำกับคนที่รักกันเท่านั้น นางช่างโง่นักที่ไปดูถูกความรู้สึกของเขา ร่างบางเอนกายเพื่อให้พระสวามีได้ดูดดื่มปทุมหอมหวานได้เต็มอิ่ม ท่านอ๋องพลันรวบกายนางขึ้นมากอดเอาไว้“ซิ่วอิง ข้ารักเจ้ายิ่งกว่าชีวิต อย่าได้ผลักไสข้าไปอีกเลย อย่าไปจากข้าเลยนะ เจ้าเคยบอกว่าหากวันใดเจ้าสืบหาคนร้ายได้เจ้าก็จะจากไป ข้าจดจำคำนี้เอาไว้และรั้งเจ้าทุกวิถีทางจนเจ้าเลิกเอ่ยคำนี้ออกมา ข้าทำให้เจ้าตั้งครรภ์และมั่นใจว่าเจ้าจะไม่หนีข้าไปอีก แต่เหตุใดวันนี้เจ้า…”“หม่อมฉันขอโทษเพคะ หม่อมฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว รุ่ยหยางหม่อมฉันเพียงแต่รักพระองค์และหวงพระองค์มากเท่านั้นจึงไม่อยากสูญเสียความรู้สึกนี้ไป หม่อมฉันผิดเองเพคะที่ไม่ไว้ใจพระองค์ อย่าโกรธหม่อมฉันเลยนะเพคะ”ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดเข้ามาจนแน่น ซิ่วอิงเองก็กอดเขาแน่นไม่แพ้กัน ต่างก็ไม่ยอมให้ผู้ใดพูดคำว่าหนีหรือจากไป ท่านอ๋องค่อย ๆ หันมาสบตานางอีกครั้ง“ข้าไม่เคยโกรธเจ้าเพียงแค่นึกน้อยใจในบางครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ต้อง
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”เหล่าขุนนางต้องรีบรับคำตามที่ท่านอ๋องตรัส เพราะจะมีผู้ใดในหลิงโจวบ้างที่ไม่ทราบว่าท่านอ๋องทรงรักและหวงพระชายาฟู่ซิ่วอิงมากเพียงใด ความคลั่งรักของพระองค์ร่ำลือไกลไปถึงเมืองหลวงจนเป็นที่กล่าวขานไปกว่าครึ่งแคว้นหอดูดาว“ดูนั่นสิเพคะ เริ่มจุดดอกไม้ไฟกันแล้ว”“อืม เจ้าชอบดอกไม้ไฟงั้นหรือ”“ชอบสิเพคะ เวลาที่มันกระจายตัวบนท้องฟ้ายามราตรีช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เกินจะบรรยาย”“แต่เจ้างดงามกว่าบุปผาทั้งหลายในใต้หล้านี้ แม้นดอกไม้ไฟที่แต่งแต้มสีสันบนนภาในราตรีก็มิอาจเทียบความงามของเจ้าได้ อิงเอ๋อร์…เจ้าเป็นบุปผาที่มีค่ายิ่งกว่าสมบัติใดในใต้หล้า สำหรับข้าแล้วนอกจากเจ้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีก”จุมพิตหวานซึ่งเมื่อตรัสจบถูกส่งไปให้นาง ซิ่วอิงทราบดีอยู่แล้วว่าท่านอ๋องมิอาจรั้งรอได้อีก กลิ่นสุราเลื่องชื่อที่นางเตรียมยังคงระอุเร่าร้อนในปากของรุ่ยหยางก่อนจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ดุจถูกไฟแผดเผาจนอาภรณ์ของทั้งคู่ถูกสลัดออกจนสิ้นบนหอดูดาวที่ไร้ผู้คน“อ๊ะ อื้อ….ดียิ่งนัก”ระเบียงกว้างพร้อมเตียงนุ่มแบบเปิดโล่งด้านบนสุดของหอดูดาวคือสนามรักในคืนนี้ แม้ว่าจะมีม่านเสาเตียงเพื่อปกปิดด้านในเอาไว้แต่ใน
“เหตุใดพระองค์ช่างหน้าไม่อายเช่นนี้นะ หากรู้เช่นนี้หม่อมฉันไม่บอกก่อนหรอกเพคะ”“เจ้าก็อย่าใจร้ายนักเลย ข้ากับเจ้าจะรักกันได้อีกสักกี่ครั้งกัน ครรภ์เจ้าก็เริ่มโตแล้วหลังจากนี้ก็ทำได้แค่นอนกอดเจ้าอย่างเดียวแล้ว”เพราะซิ่วอิงทราบดีนางถึงได้ยอมตามใจท่านอ๋องเพราะหลังจากที่อายุครรภ์มากขึ้นนางก็จะเริ่มรับศึกรักกับเขาไม่ได้เหมือนเคยอีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่เคยคิดระแวงว่าท่านอ๋องจะหาสตรีอื่นมาทดแทนเพราะหากเขาต้องการคงทำไปนานแล้วงานเทศกาล“ข้ายังไม่เคยเห็นงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อนเลยเพคะ”“เจ้าโชคดีที่มาในช่วงนี้ ทางโน้นเป็นตลาดกลางคืน ส่วนด้านนี้เป็นด้านการละเล่น มีการร่ายรำหาคู่ ร่ายรำกระบองไฟและการละเล่นที่แปลกตาหากเจ้าอยากไปดูก็…ชวนเสิ่นหลงไปได้”“ข้า!! ไปกับท่านมิได้หรือ”“ข้าพาเจ้าไปดูได้นะอินเหมย หากเจ้าอยากจะลอยโคม เจ้าเคยบอกว่าอยากจะไปอธิษฐานให้เสด็จแม่นี่ ข้าจะพาเจ้าไป”“ท่านจำได้ด้วยหรือ”“ข้าย่อมจำทุกสิ่งที่เจ้าพูดได้เป็นอย่างดี”“อะฮึ่ม!! ดูเหมือนว่าข้ากับพระชายาจะเป็นส่วนเกินเสียแล้ว เอาล่ะได้เวลาแล้วเสิ่นหลง เจ้าพาองค์หญิงไปนั่งที่แขกเถอะ”“แต่ว่
"อะไรนะเพคะ เดี๋ยวก่อน อ๊ะ รุ่ยหยางพระองค์คงจะไม่…."“เมื่อครู่นี้พอเห็นหน้าเสิ่นหลงแล้วข้าก็นึกหึงเจ้าขึ้นมา ช่วยไม่ได้ที่เจ้ากับเขาดันมีความหลังด้วยกันโดยที่ไม่มีข้าอยู่......ข้าหึง”“ท่านพี่เพคะ แต่ว่าในตอนนั้นพวกเรายังไม่เคยรู้จักกันเลยนะเพคะ อ๊ะ อย่า…. เดี๋ยวก่อน…เย็นนี้เราต้อง อ๊าา ท่านพี่”ร่างของพระชายาถูกวางลงอย่างแผ่วเบาที่เตียงพักในห้องอักษร ท่านอ๋องจงใจเลือกที่นี่เพราะมีเตียงสำหรับเอนหลังอยู่ ห้องหับที่มิดชิดและยังเป็นเขตหวงห้ามมิให้สาวใช้ที่ต่ำกว่าสาวใช้ของพระชายาหรือองครักษ์เช่นเสี่ยวหมิงเข้ามาได้ทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้นชุดรุงรังของซิ่วอิงถูกท่านอ๋องปลดออกโดยง่าย ในตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะปลดชุดของนางง่ายมากไปเรื่อย ๆ เพราะซิ่วอิงสวมใส่แบบหลวม ๆ กับครรภ์ที่เริ่มโตขึ้น“อื้อ…อ๊าา สะ…เสียวเหลือเกิน อ๊าา”“กางขาออกอีกได้หรือไม่ ข้าทำให้เจ้าเจ็บหรือไม่อิงเอ๋อร์”ปลายลิ้นเพียงสัมผัสกลีบผกาที่แฉะรออยู่ของนางทำให้เขารู้ว่านางเองก็ตื่นเต้นกับสถานที่เช่นนี้ แม้ว่าปากนางจะพร่ำบอกว่าอย่าและห้ามเขาก็ตาม แต่ความต้องการของทั้งคู่ที่มีให้กันดุจน้ำมันใกล้ไฟที่พร้อมจะจุดติดและลุกลามตลอ
“อะไรนะเพคะ!! ไม่จริงหรอกเขาน่ะ!!…เขา….”“เขาตามเจ้ามาอย่างรวดเร็วจนมาพบเจ้าที่ลานพิธี”“นั่นเพราะเขากลัวว่าข้าจะทำร้ายท่านต่างหาก”“ที่เขามาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะถูกท่านอ๋องสั่งลงโทษ”“นั่นเพราะท่านอ๋องรักท่านมากจนไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องท่าน ช่างน่าอิจฉายิ่งนักเพคะ”“อินเหมย เจ้าไม่เข้าใจที่ข้ากำลังจะบอกเจ้า ข้าหมายความว่าการที่เสิ่นหลงทะยานควบม้าเข้ามาในเขตพระราชพิธีสำคัญเช่นนี้ที่จริงมีโทษหนักแต่เพราะความเป็นห่วงเกรงว่าเจ้าจะต้องโทษร้ายแรง เขาถึงกับยอมคุกเข่ารอท่านอ๋องในห้องทรงอักษรเพื่อขออภัยโทษแก่เจ้าเพราะคิดว่าท่านอ๋องจะสั่งลงโทษเจ้า”“อะไรนะเพคะ แต่ว่า!!”“เจ้าจึงไม่เห็นเขาเดินตามออกมาอย่างไรเล่า เขานั่งคุกเข่าอยู่ในห้อง หากเจ้าไม่เชื่อข้าจะพาเจ้าไปดูให้เห็นกับตา”“ไม่เพคะ!! หม่อมฉัน…พี่ซิ่วอิ่งแล้วเขาทำเช่นนั้นเพื่ออะไร”“เจ้ายังไม่รู้อีกงั้นหรือ เมื่อครู่นี้เจ้าก็บอกเองนี่ว่าพระสวามีของข้ามีนิสัยเช่นไร เสิ่นหลงรู้เรื่องนี้ดีกว่าเจ้าเสียอีก เขาจึงยอมเอาตัวเองเข้าแลกกับโทษที่เจ้าจะได้รับเช่นไรเล่า”“เช่นนั้น...ไม่ได้นะเพคะ ท่านพี่ซิ่วอิงข้าขอร้องข้าจะไปเข้าเฝ้าท่านอ๋อง ข้าจะข
“หยุด!!”ซู่อินเหมยต้องตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงตวาดที่ดุดันของพระชายาซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ท่านอ๋องหยุดตีโพยตีพายได้“อิงเอ๋อร์…เจ้า...”“หม่อมฉันมิได้เป็นอันใดทั้งนั้นเพคะหยุดโวยวายได้แล้ว”“แต่ข้าได้ยินเสียง…”“จินฝู!! ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าอย่าเสียงดัง เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามันเป็นเช่นไร”“พระชายาเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใด…”“ไม่มีอะไรก็แค่องค์หญิงดีใจเลยเสียงดังไปหน่อยเท่านั้น จินฝูตกใจก็เลยตะโกนเพคะเหตุใดจึงได้ทำเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ด้วยเล่าเพคะ”“ก็ข้า…”“เป็นห่วง พอเถอะเพคะท่านอ๋อง เรามีแขกอยู่นะเพคะองค์หญิงตกพระทัยหมดแล้ว อินเหมยเจ้าไปกับข้า”“พะ เพคะพี่ซิ่วอิง”“พี่ซิ่วอิงงั้นหรือ”พระชายาไม่ลืมที่จะหันมาค้อนใส่พระสวามีที่ตื่นตกใจราวกับฟ้าถล่มอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขานิ่งไปแล้ว“พระองค์มีสิ่งใดจะทำก็ไปเถิดเพคะ รองแม่ทัพเสิ่นรอรายงานเหตุการณ์ชายแดนอยู่ในห้องทรงอักษรนะเพคะ หม่อมฉันกับองค์หญิงขอตัวก่อน แล้วไม่ต้องวิ่งออกมาอีก เข้าพระทัยหรือไม่เพคะ”“เอ่อ…เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ”“ท่านอ๋อง!!”“ก็ได้ ๆ ข้าไปแล้ว จินฝู…ดูแลพระชายาให้ดีล่ะ”
“เพราะแบบนั้นข้าก็เลยจำเป็นต้องใช้เสิ่นหลงอย่างไรเล่า แม้ว่าจะมิใช่เชื้อพระวงศ์แต่เป็นถึงรองแม่ทัพมีฝีมือ หากตกลงกันได้ก็แต่งตั้งเป็นแม่ทัพคุมดินแดนตะวันออกแล้วแต่งงานกับองค์หญิงแทนอย่างไรเล่า เจ้าก็สังเกตเห็นท่าทีของทั้งสองคนมิใช่หรือ ข้าคิดว่าข้าทำสำเร็จแล้ว”“หมายความว่าพระองค์ทรงทราบอยู่แล้วว่านางจะต้องเดินทางมาที่นี่เพียงแต่ว่าจะมาในฐานะใดเท่านั้นงั้นหรือเพคะ”“ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาที่นี่ในวันนี้เท่านั้นเอง เอาไว้ค่อยกลับไปคุยที่วังเถอะ ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากเท่าใดนักหรอกคงต้องให้คนจัดที่พักรับรองให้นางเสียก่อน”วังหลิงโจว / ตำหนักหน้า“ฝากท่านจัดการด้วยก็แล้วกัน”“เพคะท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ”หมัวมัวรับคำสั่งและรีบเดินออกไปสั่งการเพื่อจัดที่พักให้องค์หญิงต่างแคว้น ที่จริงนางมีสาวใช้และบริวารตามมาอีกราว ๆ สิบคนแต่ทุกคนไม่มีผู้ใดทราบว่าองค์หญิงจะแอบออกมานอกโรงเตี๊ยมที่พักอยู่นอกเมืองเพื่อหนีเข้ามาในเมืองก่อน“องค์หญิงเชิญนั่ง”“ขอบพระทัย”อินเหมยนั่งตามคำเชื้อเชิญของท่านอ๋อง ซู่อินเหมยหันไปมองยังพระชายาที่ประทับลงข้าง ๆ โดยมีท่านอ๋องคอยพยุงราวกับเกรงว่านางจะล้ม
“องค์หญิงงั้นหรือ”“ได้ยินหรือไม่ นางเป็นองค์หญิงจากต่างแคว้น”“แล้วมาที่นี่ทำไม แล้วยังกล้าจะเข้ามาลอบทำร้ายพระชายา”เสิ่นหลงหันไปมองสตรีที่ถูกเสี่ยวหมิงจับตัวอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวหมิงพยักหน้าให้เขาพลันปล่อยตัวนางในทันที“องค์หญิง กลับไปกับกระหม่อมก่อนในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าเฝ้านะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่!! ข้าก็แค่อยากจะเห็นหน้านางให้ชัด ๆ ว่าจะเป็นคนเช่นไร คนที่….”“องค์หญิง ดูเหมือนว่าท่านจะมีเรื่องอึดอัดพระทัยที่จะเอ่ยใช่หรือไม่”ซิ่วอิงและท่านอ๋องเดินลงมาจากที่ประทับเพื่อมาพบกับแขกที่มาเยือนกะทันหัน เห็นท่าทีและใบหน้าที่แดงจรดกกหูของอีกฝ่ายจึงเข้าใจองค์หญิงต่างแคว้นก่อนหน้านี้นางมีท่าทีไม่ยอมคนแต่เพียงแค่เสิ่นหลงปรากฏตัวนางก็มีทีท่าจะอ่อนยวบลง ท่านอ๋องหันมาลอบยิ้มกับนางอีกทั้งกระซิบให้นางช่วยรองแม่ทัพเสิ่นเสียหน่อยเพราะดูแล้วเขาคงเร่งรีบควบบังเหียนอาชามาไกลพอสมควรกว่าจะตาม “ซู่อินเหมย” มาได้ทัน“เจ้าจะ!!….”“เรียกข้าว่าซิ่วอิงก็ได้ มาเถอะเจ้าเป็นถึงองค์หญิงของเซียนหยางย่อมเป็นแขกของข้ากับท่านอ๋อง ตรงนี้คนมากไม่สะดวกรับรองเจ้า กลับวังไปกับข้าก่อนแล้วค่อยคุยเถอะ”“องค์หญิง พระองค์ทรงรับ