“ผั๊วะ!!”“อั๊ก!!”“ท่าน!!…ท่านราชครู”พระบาทของท่านอ๋องฟาดไปเต็มแรงที่ใบหน้าของผู้ที่เขาเคยเรียกว่าอาจารย์ แม้ว่าจะเป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่ได้เรียนกับเมิ่งจ๋าย เพราะความคิดและแนวทางที่ต่างกันท่านอ๋องจึงทูลขอต่อฝ่าบาทไม่เข้าเรียนกับเมิ่งจ๋ายอีก ในยามนี้เลือดที่ไหลออกจากจมูกและปากที่เบี้ยวของราชครูเฒ่ากองกับพื้น ตรงหน้ากองศัสตราวุธที่ถูกขนมาที่นี่“ท่านคงเห็นกับตาแล้วสินะ นี่เป็นความลับที่พระชายาของข้าได้บอกและได้เตือนข้าเอาไว้แล้วก่อนหน้านั้น เจ้าอาจจะฉลาดที่คิดว่าขนอาวุธทั้งหมดที่ขโมยมาได้ทั้งหมดมาไว้ที่คลังร้างแห่งนี้และโยนความผิดให้สกุลฟู่เพื่อยืมมือข้ากำจัดพวกเขาและท่านก็จะได้มีที่ยืนในวังหลิงโจว อีกทั้งยังส่งอาวุธเหล่านี้ไปให้ต่างแคว้นเก็บเงินเข้าชายพกตนเอง”“ท่าน…. เหตุใดจึง…”“แต่เจ้าไม่เคยรู้เรื่องนี้ เวลาที่ส่งมอบอาวุธระหว่างสกุลหลินมาที่สกุลฟู่…. พวกเขาจะต้องใช้ตราประทับของสกุลหลินเพื่อประทับไปที่อาวุธอีกข้างเพื่อเป็นการตรวจสอบอาวุธที่ถูกส่งมาใช้งานในกองทัพ และแน่นอนผู้ที่ถือตรานี้อยู่ต้องเป็นคนของสกุลหลินเท่านั้น…”“หมายความว่า….นี่มัน!!”“ถูกต้อง…อาวุธที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้
“ท่านพ่อ!!!”สายตาที่ยิ้มให้กับบุตรสาวค่อย ๆ หม่นลงและค้างนิ่งไปในที่สุด ราชครูเมิ่งจ๋ายสิ้นชีพด้วยฝีมือบุตรสาวของตัวเอง แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม นี่เป็นผลของการกระทำที่ผ่านมาของเขาอย่างแท้จริง เมิ่งลี่ถิงร้องไห้และตะโกนราวกับคนเสียสติ ที่จริงนางเองก็ใช่ว่าจะหายดีแต่เมื่อนางได้ยินบิดาคุยและสั่งการผู้ช่วยของเขานางจึงได้วางแผนจับตัวฟู่ซิ่วอิงมาที่นี่ทันที“ทำไม ไม่จริง!!! ท่านพ่อ….ฮือออ….”ท่านอ๋องรีบกระโดดขึ้นไปรับตัวพระชายาของพระองค์มาในทันที สภาพของพระชายาเองก็มิได้ต่างกับเมิ่งลี่ถิงเท่าใดนักแม้ว่าวรยุทธ์นางจะกลับมาแล้วแต่นางตั้งครรภ์อยู่ ร่างกายจึงยังอ่อนแออยู่มาก“อิงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงถูกนางจับตัวมาได้ เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าทำให้ข้าเกือบจะเสียสติอยู่แล้ว…”“ก็เพราะเขานั่นแหละเพคะ ช่วยนางจับหม่อมฉันมาหม่อมฉันกลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัยก็เลย…ต้องยอมมาด้วย”ซิ่วอิงหันไปมององครักษ์หนุ่มหวงลี่จินที่ทำตามคำสั่งของคุณหนูเมิ่งไปจับนางที่ตำหนักมา ซิ่วอิงจำต้องยอมมากับเขาเพราะนางเกรงว่าหากขัดขืนบุตรในครรภ์อาจจะเป็นอันตราย อีกทั้งนางเองก็ยังแสร้งว่าไร้วรยุทธ์พวกเขาจึงไม่สงสัย รอจนถึงค่ายสกุลฟ
“แต่ว่า….”“ไม่มีแต่ ในเมื่อข้าสั่งลงโทษผู้กระทำผิดไปหมดแล้ว แม้แต่พระชายาก็คงละเว้นโทษมิได้เช่นกัน”ริมฝีปากหนาจรดลงไปยังกกหูของซิ่วอิงอย่างหยอกเย้ากึ่งร้องขอ ซิ่วอิงมีหรือจะกล้าปฏิเสธเขาเมื่อนางเองก็รอช่วงเวลาเช่นนี้มานาน มือเรียวค่อย ๆ เอื้อมไปปลดเข็มขัดหนังของพระสวามีออกอย่างนึกเอาใจ เสียงหัวเราะในลำคอของท่านอ๋องบ่งบอกถึงความพอพระทัยในสิ่งที่พระชายากำลังทำ เขายอมให้นางถอดฉลองพระองค์ออกโดยง่ายส่วนตัวเขาเองก็ทำเช่นเดียวกัน“อิงเอ๋อร์ เจ้างดงามมาก…คิดไม่ถึงว่ายามที่เจ้าตั้งครรภ์จะดูอิ่มเอิบงดงามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก”“อย่ามองเช่นนั้นสิเพคะ…”“ไม่มองก็ได้ เช่นนั้นก็เตรียมตัวรับการลงโทษอย่างเดียวก็พอ”“อ๊ะ…อย่างรีบร้อนเพคะ อ๊าา”นิ้วสากเย็นเลื่อนลงไปเพื่อเปิดทางร่องผกาหวานฉ่ำที่เริ่มมีน้ำไหลเยิ้มออกมาต้อนรับสัมผัสของเขา ร่างบางเอนแอ่นตามสัมผัสและเริ่มตอบกลับเขาอย่างจงใจ“อื้อ…ท่านพี่!!”ลิ้นสากหนาเลื่อนลงมาที่ยอดปทุมสีสดตรงหน้าที่เริ่มเต่งตึงขึ้นเพราะอายุครรภ์ เขารู้สึกอิ่มเอมกับเรือนร่างอวบอัดที่มากขึ้นของพระชายา ไม่ว่าเวลาใดที่สัมผัสล้วนแต่ประทับใจและยากที่หยุดรักนางได้“อิงเอ๋อร์ของข
“แคก แคก หม่อมฉันหนาว…ผ้าห่ม ขอผ้าห่มอีกผืน”“ผ้าห่มงั้นหรือ เดี๋ยวข้ารีบหาให้เจ้านอนเฉย ๆ อย่าลุกขึ้นมาข้าจะรีบไปหาผ้าห่มมาเพิ่มให้”สุดท้ายซิ่วอิงก็ไม่ต่างกับตุ๊กตาหน้าหนาวที่ห่มผ้าหนาจนมองเห็นแค่ใบหน้า ท่านหมอหูถูกเรียกมาแต่เช้าตรู่ ท่านอ๋องที่คอยใช้ผ้าเช็ดอุ้งมือให้ซิ่วอิงเพื่อให้นางรู้สึกดีขึ้นเพราะตอนนี้นางบอกว่านางร้อน เขาจึงรีบย้ายผ้าห่มออกมาจากตัวนาง หมัวมัวเดินเข้ามาพร้อมกับท่านหมอที่เดินทางมาถึง สายตาตำหนิที่ส่งมาให้ท่านอ๋องนั้นทำเอาเขาไม่กล้าพูดอะไร“อิงเอ๋อร์ หมอมาแล้วรอเดี๋ยวนะ”แม้แต่เสียงก็ดูเหมือนว่าจะหายไปพร้อมกับไข้ที่เริ่มสูงขึ้น ท่านหมอบอกว่านางเป็นไข้เพราะอากาศเปลี่ยน ร่างกายของพระชายาต้องลมหนาวนานเกินไปอีกทั้งเกิดเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจและทำให้ตกใจกะทันหันจึงทำให้นางป่วยได้ ดังนั้นช่วงนี้คงได้แต่นอนพักในห้องห้ามออกไปต้องลมหนาวที่กำลังเปลี่ยนฤดูอีก“ต้องโทษบุตรราชครูร้ายกาจนั่นที่กล้าลักพาตัวพระชายาไป โธ่เอ๊ยพระองค์ตั้งครรภ์นี้ก็แสนลำบากยิ่งนัก ท่านอ๋อง!! อย่าให้หม่อมฉันถึงกับต้องสั่งแยกห้องบรรทมให้ทั้งสองพระองค์เลยนะเพคะ”“อะไรกันข้าทำอะไรผิด ข้าก็ดูแลน
“อิงเอ๋อร์…ในที่สุดเจ้าก็ยอมพูดเสียที ข้าคิดว่าจะต้องรอคนที่สามคลอดเสียอีกกว่าเจ้าจะยอมบอกรักข้า”“ฟังคำตรัสนั่นสิ ช่างเหลวไหลยิ่งนักเพคะ เหตุใดหม่อมฉันต้องรอถึงเพียงนั้น อีกอย่าง…ทำไมต้องบุตรคนที่สี่ใครจะไปอุ้มท้องตั้งครรภ์ได้มากถึงเพียงนั้นเพคะ”“ข้านี่อย่างไร ข้าเป็นคนขยันนะ และที่สำคัญหากเรามีบุตรด้วยกันมากเท่าใดก็จะไม่มีขุนนางคนใดกล้าเสนอให้ข้ารับพระสนมเข้าวังหลังเพิ่มอย่างไรเล่า”“ไม่ถามหม่อมฉันเลยสักคำก็คิดเอาเอง”“แล้วเจ้าอยากมีกี่คนเล่า”“หากว่าหม่อมฉันมิต้องแพ้ท้องหนักเหมือนกับครรภ์นี้หม่อมฉันก็มิได้คิดเอาไว้เช่นกันเพคะ คงจะตามพระทัยพระองค์”“เพราะข้ารู้เช่นนี้อย่างไรเล่าจึงได้กำหนดเอาไว้แล้วว่าอยากจะมีสักห้า หรือหกคน”“นั่น!!…ไม่มากไปหน่อยหรือเพคะ หม่อมฉันคิดเอาไว้เพียงสามคนเท่านั้นเอง พระองค์เห็นว่า….”ท่านอ๋องบรรทมจนสนิทไปหลังจากคุยกับนางจบ เสียงลมหายใจของเขาสม่ำเสมอซิ่วอิงจึงมั่นใจว่าเขาหลับสนิทไปหลังจากภารกิจที่เหน็ดเหนื่อย มือเรียวบางหันไปจับแก้มหนาของคนข้าง ๆ พร้อมกับยิ้ม“หากว่าไม่มีเรื่องคืนนั้น ผู้ที่อยู่ข้าง ๆ พระวรกายของพระองค์จะเป็นผู้ใดกันนะเพคะ”ซิ่วอิงซุกกายเ
"ในตอนนั้นฝ่าบาททรงเรียกหม่อมฉันเข้าไปหารือพร้อมกับจดหมายลับที่เขียนตอบกลับฉบับหนึ่งเพคะ"“จดหมายงั้นหรือ…ท่านอย่าบอกนะ จดหมายฉบับนั้น….”“เป็นจดหมายตอบรับราชโองการของแม่ทัพฟู่ "ฟู่เฉิงลี่" เพคะ"“แม่ทัพฟู่งั้นหรือ แต่คืนนั้น!!”“เรื่องในคืนนั้นมีเพียงหม่อมฉันและสาวใช้ที่มาจากวังหลวงทราบแค่สามคนเพคะ แม้ว่าแม่ทัพฟู่จะตอบรับพระบัญชาของฝ่าบาทแต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะด้วยวิธีการนี้ หม่อมฉันเพียงบอกไปว่าขอเพียงแค่ให้พบว่าท่านอ๋องและบุตรสาวสกุลฟู่อยู่ด้วยกันในห้อง เพียงเท่านี้ก็สามารถดำเนินการตามแผนการไปได้ แต่เรื่องวางยาท่านอ๋อง….ฝ่าบาทมิให้หม่อมฉันบอกกับแม่ทัพฟู่เพคะ”“ที่แท้สกุลฟู่เองก็ทราบ เช่นนั้น…”“ท่านอ๋องเพคะ แม้ว่าแม่ทัพฟู่จะทราบเรื่องนี้แต่ว่าพระชายามิทรงทราบเรื่องนี้เพคะ ดังนั้น…”“ท่านออกไปก่อนเถอะ ข้าขออยู่คนเดียวสักพัก”“ท่านอ๋องเพคะ ฝ่าบาททรงเป็นห่วงพระองค์จึงได้…”“ท่านออกไปก่อนเถอะ”แม้ว่าหมัวมัวจะยืนยันหนักแน่นในเรื่องคืนแรกระหว่างเขากับฟู่ซิ่วอิงที่เกิดขึ้นในวังแล้วว่าพระชายาของพระองค์ไม่ทราบเรื่อง และแม้ว่าแม่ทัพฟู่ผู้พ่อเองจะทราบเรื่องนี้แต่ก็มิได้อยู่ในแผนการวางยาที่หมัวมัว
“อ๊าา!!….ท่านพี่ ท่านี้มัน…เสียวเพคะ”ท่านอ๋องดึงแขนนางทั้งสองข้างมาตรึงขึงเอาไว้ พร้อมกับกระแทกสวนไปทางด้านหลัง แม้ร่างของนางจะเอนแอ่นมารับแต่เขาก็ยังไม่ลดแรงที่สวนกลับไป หน้าอกเต่งตึงที่เริ่มโตขึ้นตามอายุครรภ์เริ่มล้นจากฝ่ามือหนาของเขาจนเห็นได้ชัด นางน่าสัมผัสไปทั่วทั้งร่างเช่นนี้มีหรือที่เขาจะหยุดรักนางได้“อาา อิงเอ๋อร์ของข้า ข้างในนี้ของเจ้าช่างอบอุ่น รัดแน่นยิ่งนัก”“อ๊าา อย่าบีบเพคะ มันเสียว!!…อ๊าา..รุ่ยหยาง!!”มือของท่านอ๋องเอื้อมไปบดเม็ดทับทิมเหนือร่องสวรรค์ที่มีมังกรยักษ์ของเขาเฝ้าอยู่ สัมผัสช่างดียิ่งนักเมื่อรับรู้ว่ากายของเขาอยู่ด้านในกายของนางประสานเป็นหนึ่งเดียวก่อนจะเริ่มกระแทกถี่ขึ้นจนซิ่วอิงแทบจะหมดเสียงร้องเพราะนางเริ่มคอแห้งแล้ว“โอ๊ะ!! อึ๊ยยย…ไม่ไหวแล้วเพคะ จะเสร็จ!! อ๊าาา….”“ข้าด้วย รอก่อน ไปพร้อมกัน อาา….”เสียงของทั้งคู่พร้อมกับเสียงขาเตียงไม้หรูหรานั้นดังไปพร้อม ๆ กับสัมผัสที่ร้อนแรงของทั้งคู่ กลางดึกสงัดเมื่อสงครามรักที่ดุเดือดยุติลง ท่านอ๋องจึงได้อุ้มนางไปล้างตัวและได้โอกาสแช่น้ำไปพร้อมกับนาง เขารู้สึกว่าไข้ของเขาลดลงจนแทบไม่เหลือเมื่อได้อยู่กับนาง“เป็นเช่น
ฟู่ซิ่วอิงรู้สึกหน้ามืดทันทีและเหมือนจะค่อย ๆ หมดแรง ท่านอ๋องรีบประคองนางเอาไว้และพานางมานั่งที่เก้าอี้พร้อมกับกอดนางเอาไว้แน่น มือนางเริ่มเย็นเพราะความตกใจ เขารู้แน่ชัดแล้วว่านางไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับคืนนั้นจริง ๆ นางกับเขาก็ไม่ต่างกัน “อะไรกัน…เหตุใดจึงเป็น…ท่านพ่อหรือเพคะ”“ใช่ หมัวมัวสารภาพทุกอย่างกับข้าตอนที่นางยอมมอบยาถอนพิษครั้งสุดท้ายให้ข้า อิงเอ๋อร์ที่ข้าบอกเจ้าในเรื่องนี้ก็เพื่อมิให้เจ้าโกรธและพาลตำหนิท่านพ่อของเจ้า”“แล้วพระองค์ ทรงโกรธหมัวมัวหรือไม่เพคะเมื่อทรงทราบความจริงที่นางทูลพระองค์”“ข้า…”นางถามเพราะรู้นิสัยของท่านอ๋องดีว่าเขาคงโกรธมากที่รู้ว่าคนใกล้ตัวทำเรื่องเช่นนี้ลับหลัง หากนางเข้าใจไม่ผิดเขาคงโกรธฝ่าบาทด้วย“พระองค์โกรธสินะเพคะ”“ข้ายอมรับว่าตอนที่ได้รับฟังครั้งแรกข้าโกรธมาก โกรธจนอยากจะสั่งประหารนางที่เป็นแม่นมที่เลี้ยงดูข้ามา อีกทั้งเสด็จพ่อ…ข้าคิดว่าตนเองสามารถจัดการราชครูเมิ่งได้ด้วยตัวเองแต่ที่ไหนได้ ผู้ที่อยู่เหนือกระดานหมากนี้แต่แรกมิใช่ข้าแต่เป็น…”“ไม่แปลกหรอกเพคะ ฮ่องเต้คือเจ้าชีวิตโอรสสวรรค์ย่อมรู้ดีว่าสิ่งใดที่เหมาะสมและถูกต้อง เพียงแค่บางครั้งพระอ
“กรี๊ด!!!!!….”แรงเบ่งเฮือกสุดท้ายทำเอาซิ่วอิงแทบหมดแรงเมื่อหัวของเด็กโผล่ออกมาเพียงครึ่งเดียว นางพักหายใจและเบ่งอีกครั้งจนเด็กอีกคนถูกดึงออกมาพร้อมกับเสียงร้องที่ดังกว่าคนแรก“เด็กผู้หญิงเพคะ เป็นท่านหญิงเพคะ”"เร็ว ๆ เข้า รีบไปเตรียมผ้ามาอีกผืน“อิงเอ๋อร์ได้ยินหรือไม่ บุตรแฝด เราได้ลูกแฝด”“หม่อมฉัน…. ท่านพี่….”“คนเก่งของข้า….”การคลอดบุตรแต่ละครั้งล้วนทำให้ฟู่ซิ่วอิงหมดแรงไปนาน อีกทั้งครั้งนี้เป็นบุตรแฝดซึ่งทำเอาตำหนักท่านอ๋องวุ่นวายเป็นการใหญ่เพราะมิได้ตระเตรียมของเอาไว้เผื่อสำหรับเลี้ยงเด็กถึงสองคน แต่นั่นมิใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใดเพราะก่อนหน้านี้ยังมีชุดและเปลของท่านชายหานเยว่และท่านหญิงซีอวิ๋นอยู่“อิงเอ๋อร์…. เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าลุกไหวแล้วงั้นหรือ"“หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพคะ”“ไม่ได้ ถึงไม่เป็นไรแต่เจ้าจะเดินไปเดินมาเช่นนี้หาได้ไม่ ข้า…”“เสด็จพ่อ…”“เฮ้อ…เจ้าหานเยว่ตัวแสบ ตัวขัดจังหวะ”“ท่านพี่ เหตุใดต้องว่าลูกเช่นนั้นเพคะ”“เขาเอาแต่ให้ข้าฝึกดาบให้ทั้งวัน ข้าไล่ไปฝึกกับเสี่ยวหมิงแล้วก็ยังตามข้ามาอีก”“เสด็จพ่ออยู่นี่เอง เสด็จแม่….”“ชู่ววว…. เบา ๆ หน่อยเยว่เอ๋อร์ เว่ยอิง กับ
“อ๊าา ท่านพี่…”ลิ้นหนาดูดหน้าอกรุนแรง ซิ่วอิงทั้งเจ็บและเสียว นางพึ่งจะเข้าใจเขาในตอนนี้เช่นกัน เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าจะทำกับผู้ใดก็ได้แต่ต้องทำกับคนที่รักกันเท่านั้น นางช่างโง่นักที่ไปดูถูกความรู้สึกของเขา ร่างบางเอนกายเพื่อให้พระสวามีได้ดูดดื่มปทุมหอมหวานได้เต็มอิ่ม ท่านอ๋องพลันรวบกายนางขึ้นมากอดเอาไว้“ซิ่วอิง ข้ารักเจ้ายิ่งกว่าชีวิต อย่าได้ผลักไสข้าไปอีกเลย อย่าไปจากข้าเลยนะ เจ้าเคยบอกว่าหากวันใดเจ้าสืบหาคนร้ายได้เจ้าก็จะจากไป ข้าจดจำคำนี้เอาไว้และรั้งเจ้าทุกวิถีทางจนเจ้าเลิกเอ่ยคำนี้ออกมา ข้าทำให้เจ้าตั้งครรภ์และมั่นใจว่าเจ้าจะไม่หนีข้าไปอีก แต่เหตุใดวันนี้เจ้า…”“หม่อมฉันขอโทษเพคะ หม่อมฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว รุ่ยหยางหม่อมฉันเพียงแต่รักพระองค์และหวงพระองค์มากเท่านั้นจึงไม่อยากสูญเสียความรู้สึกนี้ไป หม่อมฉันผิดเองเพคะที่ไม่ไว้ใจพระองค์ อย่าโกรธหม่อมฉันเลยนะเพคะ”ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดเข้ามาจนแน่น ซิ่วอิงเองก็กอดเขาแน่นไม่แพ้กัน ต่างก็ไม่ยอมให้ผู้ใดพูดคำว่าหนีหรือจากไป ท่านอ๋องค่อย ๆ หันมาสบตานางอีกครั้ง“ข้าไม่เคยโกรธเจ้าเพียงแค่นึกน้อยใจในบางครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ต้อง
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”เหล่าขุนนางต้องรีบรับคำตามที่ท่านอ๋องตรัส เพราะจะมีผู้ใดในหลิงโจวบ้างที่ไม่ทราบว่าท่านอ๋องทรงรักและหวงพระชายาฟู่ซิ่วอิงมากเพียงใด ความคลั่งรักของพระองค์ร่ำลือไกลไปถึงเมืองหลวงจนเป็นที่กล่าวขานไปกว่าครึ่งแคว้นหอดูดาว“ดูนั่นสิเพคะ เริ่มจุดดอกไม้ไฟกันแล้ว”“อืม เจ้าชอบดอกไม้ไฟงั้นหรือ”“ชอบสิเพคะ เวลาที่มันกระจายตัวบนท้องฟ้ายามราตรีช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เกินจะบรรยาย”“แต่เจ้างดงามกว่าบุปผาทั้งหลายในใต้หล้านี้ แม้นดอกไม้ไฟที่แต่งแต้มสีสันบนนภาในราตรีก็มิอาจเทียบความงามของเจ้าได้ อิงเอ๋อร์…เจ้าเป็นบุปผาที่มีค่ายิ่งกว่าสมบัติใดในใต้หล้า สำหรับข้าแล้วนอกจากเจ้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีก”จุมพิตหวานซึ่งเมื่อตรัสจบถูกส่งไปให้นาง ซิ่วอิงทราบดีอยู่แล้วว่าท่านอ๋องมิอาจรั้งรอได้อีก กลิ่นสุราเลื่องชื่อที่นางเตรียมยังคงระอุเร่าร้อนในปากของรุ่ยหยางก่อนจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ดุจถูกไฟแผดเผาจนอาภรณ์ของทั้งคู่ถูกสลัดออกจนสิ้นบนหอดูดาวที่ไร้ผู้คน“อ๊ะ อื้อ….ดียิ่งนัก”ระเบียงกว้างพร้อมเตียงนุ่มแบบเปิดโล่งด้านบนสุดของหอดูดาวคือสนามรักในคืนนี้ แม้ว่าจะมีม่านเสาเตียงเพื่อปกปิดด้านในเอาไว้แต่ใน
“เหตุใดพระองค์ช่างหน้าไม่อายเช่นนี้นะ หากรู้เช่นนี้หม่อมฉันไม่บอกก่อนหรอกเพคะ”“เจ้าก็อย่าใจร้ายนักเลย ข้ากับเจ้าจะรักกันได้อีกสักกี่ครั้งกัน ครรภ์เจ้าก็เริ่มโตแล้วหลังจากนี้ก็ทำได้แค่นอนกอดเจ้าอย่างเดียวแล้ว”เพราะซิ่วอิงทราบดีนางถึงได้ยอมตามใจท่านอ๋องเพราะหลังจากที่อายุครรภ์มากขึ้นนางก็จะเริ่มรับศึกรักกับเขาไม่ได้เหมือนเคยอีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่เคยคิดระแวงว่าท่านอ๋องจะหาสตรีอื่นมาทดแทนเพราะหากเขาต้องการคงทำไปนานแล้วงานเทศกาล“ข้ายังไม่เคยเห็นงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อนเลยเพคะ”“เจ้าโชคดีที่มาในช่วงนี้ ทางโน้นเป็นตลาดกลางคืน ส่วนด้านนี้เป็นด้านการละเล่น มีการร่ายรำหาคู่ ร่ายรำกระบองไฟและการละเล่นที่แปลกตาหากเจ้าอยากไปดูก็…ชวนเสิ่นหลงไปได้”“ข้า!! ไปกับท่านมิได้หรือ”“ข้าพาเจ้าไปดูได้นะอินเหมย หากเจ้าอยากจะลอยโคม เจ้าเคยบอกว่าอยากจะไปอธิษฐานให้เสด็จแม่นี่ ข้าจะพาเจ้าไป”“ท่านจำได้ด้วยหรือ”“ข้าย่อมจำทุกสิ่งที่เจ้าพูดได้เป็นอย่างดี”“อะฮึ่ม!! ดูเหมือนว่าข้ากับพระชายาจะเป็นส่วนเกินเสียแล้ว เอาล่ะได้เวลาแล้วเสิ่นหลง เจ้าพาองค์หญิงไปนั่งที่แขกเถอะ”“แต่ว่
"อะไรนะเพคะ เดี๋ยวก่อน อ๊ะ รุ่ยหยางพระองค์คงจะไม่…."“เมื่อครู่นี้พอเห็นหน้าเสิ่นหลงแล้วข้าก็นึกหึงเจ้าขึ้นมา ช่วยไม่ได้ที่เจ้ากับเขาดันมีความหลังด้วยกันโดยที่ไม่มีข้าอยู่......ข้าหึง”“ท่านพี่เพคะ แต่ว่าในตอนนั้นพวกเรายังไม่เคยรู้จักกันเลยนะเพคะ อ๊ะ อย่า…. เดี๋ยวก่อน…เย็นนี้เราต้อง อ๊าา ท่านพี่”ร่างของพระชายาถูกวางลงอย่างแผ่วเบาที่เตียงพักในห้องอักษร ท่านอ๋องจงใจเลือกที่นี่เพราะมีเตียงสำหรับเอนหลังอยู่ ห้องหับที่มิดชิดและยังเป็นเขตหวงห้ามมิให้สาวใช้ที่ต่ำกว่าสาวใช้ของพระชายาหรือองครักษ์เช่นเสี่ยวหมิงเข้ามาได้ทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้นชุดรุงรังของซิ่วอิงถูกท่านอ๋องปลดออกโดยง่าย ในตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะปลดชุดของนางง่ายมากไปเรื่อย ๆ เพราะซิ่วอิงสวมใส่แบบหลวม ๆ กับครรภ์ที่เริ่มโตขึ้น“อื้อ…อ๊าา สะ…เสียวเหลือเกิน อ๊าา”“กางขาออกอีกได้หรือไม่ ข้าทำให้เจ้าเจ็บหรือไม่อิงเอ๋อร์”ปลายลิ้นเพียงสัมผัสกลีบผกาที่แฉะรออยู่ของนางทำให้เขารู้ว่านางเองก็ตื่นเต้นกับสถานที่เช่นนี้ แม้ว่าปากนางจะพร่ำบอกว่าอย่าและห้ามเขาก็ตาม แต่ความต้องการของทั้งคู่ที่มีให้กันดุจน้ำมันใกล้ไฟที่พร้อมจะจุดติดและลุกลามตลอ
“อะไรนะเพคะ!! ไม่จริงหรอกเขาน่ะ!!…เขา….”“เขาตามเจ้ามาอย่างรวดเร็วจนมาพบเจ้าที่ลานพิธี”“นั่นเพราะเขากลัวว่าข้าจะทำร้ายท่านต่างหาก”“ที่เขามาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะถูกท่านอ๋องสั่งลงโทษ”“นั่นเพราะท่านอ๋องรักท่านมากจนไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องท่าน ช่างน่าอิจฉายิ่งนักเพคะ”“อินเหมย เจ้าไม่เข้าใจที่ข้ากำลังจะบอกเจ้า ข้าหมายความว่าการที่เสิ่นหลงทะยานควบม้าเข้ามาในเขตพระราชพิธีสำคัญเช่นนี้ที่จริงมีโทษหนักแต่เพราะความเป็นห่วงเกรงว่าเจ้าจะต้องโทษร้ายแรง เขาถึงกับยอมคุกเข่ารอท่านอ๋องในห้องทรงอักษรเพื่อขออภัยโทษแก่เจ้าเพราะคิดว่าท่านอ๋องจะสั่งลงโทษเจ้า”“อะไรนะเพคะ แต่ว่า!!”“เจ้าจึงไม่เห็นเขาเดินตามออกมาอย่างไรเล่า เขานั่งคุกเข่าอยู่ในห้อง หากเจ้าไม่เชื่อข้าจะพาเจ้าไปดูให้เห็นกับตา”“ไม่เพคะ!! หม่อมฉัน…พี่ซิ่วอิ่งแล้วเขาทำเช่นนั้นเพื่ออะไร”“เจ้ายังไม่รู้อีกงั้นหรือ เมื่อครู่นี้เจ้าก็บอกเองนี่ว่าพระสวามีของข้ามีนิสัยเช่นไร เสิ่นหลงรู้เรื่องนี้ดีกว่าเจ้าเสียอีก เขาจึงยอมเอาตัวเองเข้าแลกกับโทษที่เจ้าจะได้รับเช่นไรเล่า”“เช่นนั้น...ไม่ได้นะเพคะ ท่านพี่ซิ่วอิงข้าขอร้องข้าจะไปเข้าเฝ้าท่านอ๋อง ข้าจะข
“หยุด!!”ซู่อินเหมยต้องตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงตวาดที่ดุดันของพระชายาซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ท่านอ๋องหยุดตีโพยตีพายได้“อิงเอ๋อร์…เจ้า...”“หม่อมฉันมิได้เป็นอันใดทั้งนั้นเพคะหยุดโวยวายได้แล้ว”“แต่ข้าได้ยินเสียง…”“จินฝู!! ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าอย่าเสียงดัง เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามันเป็นเช่นไร”“พระชายาเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใด…”“ไม่มีอะไรก็แค่องค์หญิงดีใจเลยเสียงดังไปหน่อยเท่านั้น จินฝูตกใจก็เลยตะโกนเพคะเหตุใดจึงได้ทำเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ด้วยเล่าเพคะ”“ก็ข้า…”“เป็นห่วง พอเถอะเพคะท่านอ๋อง เรามีแขกอยู่นะเพคะองค์หญิงตกพระทัยหมดแล้ว อินเหมยเจ้าไปกับข้า”“พะ เพคะพี่ซิ่วอิง”“พี่ซิ่วอิงงั้นหรือ”พระชายาไม่ลืมที่จะหันมาค้อนใส่พระสวามีที่ตื่นตกใจราวกับฟ้าถล่มอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขานิ่งไปแล้ว“พระองค์มีสิ่งใดจะทำก็ไปเถิดเพคะ รองแม่ทัพเสิ่นรอรายงานเหตุการณ์ชายแดนอยู่ในห้องทรงอักษรนะเพคะ หม่อมฉันกับองค์หญิงขอตัวก่อน แล้วไม่ต้องวิ่งออกมาอีก เข้าพระทัยหรือไม่เพคะ”“เอ่อ…เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ”“ท่านอ๋อง!!”“ก็ได้ ๆ ข้าไปแล้ว จินฝู…ดูแลพระชายาให้ดีล่ะ”
“เพราะแบบนั้นข้าก็เลยจำเป็นต้องใช้เสิ่นหลงอย่างไรเล่า แม้ว่าจะมิใช่เชื้อพระวงศ์แต่เป็นถึงรองแม่ทัพมีฝีมือ หากตกลงกันได้ก็แต่งตั้งเป็นแม่ทัพคุมดินแดนตะวันออกแล้วแต่งงานกับองค์หญิงแทนอย่างไรเล่า เจ้าก็สังเกตเห็นท่าทีของทั้งสองคนมิใช่หรือ ข้าคิดว่าข้าทำสำเร็จแล้ว”“หมายความว่าพระองค์ทรงทราบอยู่แล้วว่านางจะต้องเดินทางมาที่นี่เพียงแต่ว่าจะมาในฐานะใดเท่านั้นงั้นหรือเพคะ”“ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาที่นี่ในวันนี้เท่านั้นเอง เอาไว้ค่อยกลับไปคุยที่วังเถอะ ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากเท่าใดนักหรอกคงต้องให้คนจัดที่พักรับรองให้นางเสียก่อน”วังหลิงโจว / ตำหนักหน้า“ฝากท่านจัดการด้วยก็แล้วกัน”“เพคะท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ”หมัวมัวรับคำสั่งและรีบเดินออกไปสั่งการเพื่อจัดที่พักให้องค์หญิงต่างแคว้น ที่จริงนางมีสาวใช้และบริวารตามมาอีกราว ๆ สิบคนแต่ทุกคนไม่มีผู้ใดทราบว่าองค์หญิงจะแอบออกมานอกโรงเตี๊ยมที่พักอยู่นอกเมืองเพื่อหนีเข้ามาในเมืองก่อน“องค์หญิงเชิญนั่ง”“ขอบพระทัย”อินเหมยนั่งตามคำเชื้อเชิญของท่านอ๋อง ซู่อินเหมยหันไปมองยังพระชายาที่ประทับลงข้าง ๆ โดยมีท่านอ๋องคอยพยุงราวกับเกรงว่านางจะล้ม
“องค์หญิงงั้นหรือ”“ได้ยินหรือไม่ นางเป็นองค์หญิงจากต่างแคว้น”“แล้วมาที่นี่ทำไม แล้วยังกล้าจะเข้ามาลอบทำร้ายพระชายา”เสิ่นหลงหันไปมองสตรีที่ถูกเสี่ยวหมิงจับตัวอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวหมิงพยักหน้าให้เขาพลันปล่อยตัวนางในทันที“องค์หญิง กลับไปกับกระหม่อมก่อนในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าเฝ้านะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่!! ข้าก็แค่อยากจะเห็นหน้านางให้ชัด ๆ ว่าจะเป็นคนเช่นไร คนที่….”“องค์หญิง ดูเหมือนว่าท่านจะมีเรื่องอึดอัดพระทัยที่จะเอ่ยใช่หรือไม่”ซิ่วอิงและท่านอ๋องเดินลงมาจากที่ประทับเพื่อมาพบกับแขกที่มาเยือนกะทันหัน เห็นท่าทีและใบหน้าที่แดงจรดกกหูของอีกฝ่ายจึงเข้าใจองค์หญิงต่างแคว้นก่อนหน้านี้นางมีท่าทีไม่ยอมคนแต่เพียงแค่เสิ่นหลงปรากฏตัวนางก็มีทีท่าจะอ่อนยวบลง ท่านอ๋องหันมาลอบยิ้มกับนางอีกทั้งกระซิบให้นางช่วยรองแม่ทัพเสิ่นเสียหน่อยเพราะดูแล้วเขาคงเร่งรีบควบบังเหียนอาชามาไกลพอสมควรกว่าจะตาม “ซู่อินเหมย” มาได้ทัน“เจ้าจะ!!….”“เรียกข้าว่าซิ่วอิงก็ได้ มาเถอะเจ้าเป็นถึงองค์หญิงของเซียนหยางย่อมเป็นแขกของข้ากับท่านอ๋อง ตรงนี้คนมากไม่สะดวกรับรองเจ้า กลับวังไปกับข้าก่อนแล้วค่อยคุยเถอะ”“องค์หญิง พระองค์ทรงรับ