ฟู่ซิ่วอิงพอจะทราบว่านางคือบุตรีของท่านราชครูเมิ่งที่พึ่งย้ายมาหลังจากที่ท่านอ๋องเสด็จมายังเมืองหลิงโจว และนางยังเป็นสตรีที่คู่ควรกับตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องข้าง ๆ นี้มาก่อน
หากมิได้นับเหตุการณ์ที่นางและท่านอ๋องถูกวางยาพิษในครั้งก่อนจนต้องอภิเษกกันในวันนี้และเมื่อเช้าก็เป็นนางที่มารอเข้าเฝ้าท่านอ๋องทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพึ่งผ่านงานอภิเษกมาได้เพียงคืนเดียว
“แม่นางเมิ่ง เจ้ามาที่นี่ทำไมงั้นหรือ หรือว่าเจ้าก็มาไหว้พระด้วยเช่นกัน”
“หึ ไหว้พระในเวลาเช่นนี้ ช่างดูน่าเชื่อเสียจริง ๆ คนตาบอดยังมองออกเลยว่านางตามขบวนเสด็จมา”
“พระชายาอย่าเสียมารยาทสิ”
“นั่นสิเพคะ นางเป็นแขกของพระองค์เช่นนั้นก็เชิญเข้าเฝ้ากันตามสบายเถิดเพคะ หม่อมฉันไม่รบกวนขอตัวไปเดินดูด้านโน้นก่อน ที่นี่มีสิ่งที่ทำให้หม่อมฉันทั้ง “ตื่นตาตื่นใจ" และ…"น่าแปลกใจ" อยู่ไม่น้อยเลย ไปกันเถอะจินฝู"
“พระชายา แม้นว่าข่าวลือที่ว่าพระองค์จะไร้มารยาทไปบ้างตามฐานะบุตรขุนนางต่างเมืองแต่หม่อมฉันไม่คิดว่า…จะมิรู้ความถึงเพียงนี้ ขออภัยที่หม่อมฉันบังอาจวิจารณ์ตามที่เห็นนะเพคะแต่เมื่อเทียบกับสตรีที่มากด้วยความรู้เหมือนสตรีในเมืองหลวงแล้ว...ยังนับว่าด้อยกว่ามาก”
“ท่าน!!”
“อย่า…จินฝู”
ฟู่ซิ่วอิงเกือบจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแล้วหากว่าเมิ่งลี่ถิงไม่แว้งกัดนางเข้า เดิมทีการที่นางแย่งบุรุษที่เมิ่งลี่ถิงต้องการครอบครองก็ดูเป็นคนเลวอยู่แล้วนางจึงอยากหลีกทางให้
อีกอย่างหลังจากที่ซิ่วอิงสะสางเรื่องคดีของตนเองเสร็จแล้วคิดว่าระหว่างท่านอ๋องและเมิ่งลี่ถิงอาจจะยังสานสัมพันธ์ต่อไปได้ แต่ในเมื่อนางเลือกที่จะเป็นศัตรูฟู่ซิ่วอิงก็ไม่รอช้าที่จะตอบรับอย่างเต็มใจ
“แม่นางเมิ่ง ข้าคิดว่าเจ้า…” / ฉางรุ่ยหยาง
“แม่นางเมิ่ง ขออภัยด้วยที่ข้าต้องพูดเสียหน่อย ข้ากับท่านอ๋องเสด็จมาที่นี่เป็นเรื่องของพิธีการ "การอภิเษก" และเป็น ธรรมเนียมของ “คู่แต่งงาน” ในราชวงศ์ แต่เจ้า…มาที่นี่ในฐานะใดงั้นหรือ"
“ท่าน!!”
“อ้อ อีกอย่างนะ การที่เจ้า “บังเอิญ" ขึ้นมาพบพวกเราในเวลาเช่นนี้ นอกจากจะเลยช่วงที่อารามสวดมนต์ไปแล้วและมิใช่เวลาทั่วไป ข้าเองก็คิดอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเจ้าตามพวกเรามา"
“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันมิได้…”
“เจ้ามาพบพวกเราข้าก็มิได้ถือสาแต่คำพูดของเจ้าที่ล่วงล้ำถึงข้าซึ่งเป็น “พระชายาท่านอ๋อง" ในตอนนี้เจ้าเองก็สมควรรักษามารยาทให้ดี เป็นถึงบุตรีท่านราชครูผู้สูงส่งไม่ควรทำตัวให้ผู้อื่นคิดว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อยั่วยวนและอยากจะแย่งสามีผู้อื่นหรอกนะ ข้าขอตัวก่อนล่ะ"
“ท่าน!! ฮึก!! เหตุใดพระชายา….”
“ไปเถอะจินฝูอยู่ตรงนี้ข้ารู้สึกขนลุกชอบกล อารามนี้คงมิได้มีวิญญาณชั่วร้ายมากเกินไปหรอกนะ”
เมิ่งลี่ถิงถึงกับกำหมัดแน่นแต่เพราะท่านอ๋องที่หันมามองนางจึึงต้องรีบบีบน้ำตาออกมาราวกับถูกกลั่นแกล้ง
“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่…”
“เจ้าตามมา….เอ่อ ไม่ใช่ เจ้ามาที่นี่ทำไมงั้นหรือแม่นางเมิ่ง เจ้าเองก็ควรจะรู้ฐานะของตัวเองดีตามที่พระชายาเอ่ยเตือนเจ้านะ ข้าเองก็ไม่อยากจะทำลายชื่อเสียงเจ้าด้วยวิธีนี้เช่นกัน หวังว่าครั้งหน้าจะไม่มีเรื่องเช่นนี้อีก”
“ท่านอ๋องเพคะ!! เหตุใดพระองค์ทรงเปลี่ยนไปเพียงชั่วข้ามคืนเช่นนี้ หรือว่าพระองค์ทรงลืมเรื่องของสัญญา…”
“สัญญาที่ข้าให้ไว้กับท่านราชครู มันเกี่ยวอะไรกับเจ้างั้นหรือ ข้าสัญญาว่าจะธำรงไว้ซึ่งความเที่ยงตรงและดูแลเมืองหลิงโจวและแต่งตั้งขุนนางด้วยความยุติธรรม และดูแลท่านราชครูในฐานะขุนนางคนสำคัญของเสด็จพ่อ ข้าก็คิดว่าข้ามิได้บกพร่องแต่ประการใด ทั้งจวนใหม่และเบี้ยหวัดก็จัดให้ตามความเหมาะสมแล้ว เจ้ามาที่นี่ต้องการพูดสิ่งใดกันแน่”
“หม่อมฉัน….ท่านอ๋องเพคะเหตุใดพระองค์จึงยอมอภิเษกกับนาง ที่ทั้ง…หยาบคายและไร้มารยาทกับผู้อื่นเช่นนี้เล่าเพคะ”
“หยาบคายงั้นหรือ ข้าก็เห็นว่าพระชายาของข้ามิได้ทำกิริยาเช่นนั้น นางอาจจะพูดจาห้วนตรงไปบ้างก็คงเพราะเกิดในตระกูลแม่ทัพ ส่วนเรื่องมารยาท…ข้ากลับเห็นด้วยกับนาง หากว่าเจ้าอยากจะไหว้พระก็ไปที่อารามเถอะ ข้ากับพระชายาทำธุระเสร็จแล้วคงต้องกลับเสียที”
“พะ…พี่รุ่ยหยาง!!”
ท่านอ๋องนิ่งไปเมื่อนางเอ่ยเรียกเขาเพียงชื่อ พระชายาฟู่อยู่จากตรงนั้นไม่ไกลและเสียงของเมิ่งลี่ถิงก็ดังพอที่นางจะได้ยิน
ท่านอ๋องหันไปมองใบหน้าพระชายาที่ส่ายหน้าให้เขาและเดินออกไปจากที่ตรงนั้นทันทีเขากัดกรามแน่นและหันมาปรามเมิ่งลี่ถิงอีกครั้ง นางที่เอาแต่ยืนร้องไห้อยู่ทำราวกับถูกเขารังแก
“แม่นางเมิ่ง ในเวลานี้ข้าอภิเษกและแต่งตั้งพระชายาแล้ว เสด็จพ่อเป็นผู้ประทานราชโองการสมรสให้ เรื่องนี้ท่านราชครูเองก็ทราบแล้วหวังว่าเจ้าคงจะคิดได้และอย่าได้เรียกขานข้าเช่นนี้อีก ครั้งหน้าเจ้าเองก็คงทราบว่าข้ามิอาจสั่งละเว้นโทษให้แก่เจ้าได้”
“แต่ว่า!!”
“เสี่ยวหมิง!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งแม่นางเมิ่งลงเขา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านอ๋องเพคะ แต่หม่อมฉันยัง….”
“แม่นางเมิ่งขอรับ เชิญขึ้นรถม้าเถอะขอรับอย่าทำให้ท่านอ๋องทรงลำบากพระทัยเลย”
“เป็นไปไม่ได้ ผ่านพ้นไปเพียงค่ำคืนเดียวเหตุใดเขาจึงเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ นังจิ้งจอกนั่นต้องทำเสน่ห์กับพี่รุ่ย
หยางเป็นแน่”“คุณหนูเมิ่ง!! ข้าน้อยขอเตือนท่านเป็นครั้งสุดท้าย หากว่าท่านยังกล้าพูดจาละเมิดทั้งสองพระองค์อีกข้าน้อยก็มิอาจละเว้นโทษให้กับท่านได้แล้วเช่นกัน”
“เสี่ยวหมิง นี่เจ้าไม่รู้จักข้าแล้วงั้นหรือ”
“คุณหนูเมิ่ง ในเวลานี้ท่านอ๋องทรงอภิเษกแล้วนะขอรับ…ท่านก็หักห้ามใจเสียเถิดขอรับ เรื่องของท่านกับท่านอ๋องคงเป็นไปไม่ได้แล้ว”
“ไม่!! ข้าไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ คนสกุลฟู่นั่นใช้เล่ห์เหลี่ยมมารยาทำให้ท่านอ๋องทรงต้องแต่งกับนาง ข้าจะเอาตำแหน่งของข้าคืนมาให้ได้ นางไม่คู่ควร!!”
“ทหาร!!”
“ขอรับ!!”
“คุ้มกันท่านอ๋องและพระชายา ส่งแม่นางเมิ่ง…ลงเขานับจากนี้ห้ามนางเข้าเฝ้าท่านอ๋องอีก”
""ขอรับ""
“เจ้า!! เสี่ยวหมิงนี่เจ้าทำเช่นนี้กับข้า เจ้ามิรู้หรือว่าท่านอ๋องจะต้องโกรธเจ้า”
“หากท่านอ๋องจะทรงกริ้วข้าน้อย ก็เป็นเรื่องระหว่างท่านอ๋องกับข้าน้อย มิได้เกี่ยวข้องกับผู้อื่น เชิญท่านกลับไปได้แล้ว”
“เสี่ยวหมิง!! ข้าเคยทำอะไรไม่ดีไว้กับเจ้างั้นหรือถึงได้…”
“คุณหนูเมิ่ง เรื่องนี้มิได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ท่านจะมีหรือไม่มีความแค้นใดกับข้า แต่เกี่ยวกับความถูกต้องและ…เรื่องมารยาทที่ท่านบังอาจไปสั่งสอนพระชายานั่นแหละขอรับ ข้าน้อยขอตัวก่อน”
เมิงลี่ถิงยืนกำหมัดแน่นโดยไม่กล่าวอะไรตอบกลับไปและมองไปยังหลังขององครักษ์หนุ่มคนสนิทของท่านอ๋องซึ่งก่อนหน้านี้เคยนอบน้อมกับตนเองแต่มาในวันนี้กลับมีท่าทีเช่นนี้
“ฟู่ซิ่วอิง ข้าจะต้องกำจัดเจ้าไปให้ได้ เจ้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนั้น”
“คุณหนูเจ้าคะ เรากลับกันก่อนเถอะเจ้าค่ะ พวกเขา….”
เมิ่งลี่ถิงหันไปมองดูรอบ ๆ ทหารองครักษ์ของตำหนักท่านอ๋องเดินเข้ามารายล้อมรอบรถม้าของนางจนแทบไม่มีที่ให้ฝ่าออกไป นางหันไปมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่โกรธจัดและเดินกลับขึ้นบนรถม้าอย่างไม่พอใจนักแต่ก็ทำอะไรมิได้เมื่อเหล่าทหารของท่านอ๋องรายล้อมพวกนางเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ
“เรื่องนี้ข้าจะนำไปแจ้งท่านพ่อแน่ ท่านอ๋องกล้าไม่เกรงใจจวนสกุลเมิ่งดูสิว่าระหว่างแม่ทัพบ้านนอกต่างเมืองนี่กับราชครูซึ่งเป็นขุนนางคนสนิทของฝ่าบาทท่านอ๋องจะทรงเกรงพระทัยผู้ใด!!”
ท่านอ๋องเดินตามพระชายามาถึงด้านหลังอาราม นางกำลังคุยกับเจ้าอาวาสที่กำลังแนะนำสถานที่ในวัดให้โดยละเอียดและเจ้าอาวาสก็กำลังเดินกลับเข้าไปในอารามแม้ว่ากิริยาที่นางพูดกับเมิ่งลี่ถิงนั้นจะดูไม่ค่อยให้เกียรติอีกฝ่ายเท่าใดแต่นางกลับมีท่าทางนอบน้อมกับเจ้าอาวาส ซึ่งท่านอ๋องพอจะเข้าพระทัยแล้วว่านางคงเลือกปฏิบัติจากท่าทางของอีกฝ่ายเป็นแน่“พระชายา กลับได้แล้วล่ะ”“แขกของพระองค์เล่าเพคะ"“นางกลับไปแล้ว แล้วอีกอย่างหนึ่งข้าก็มิได้เชื้อเชิญนางมา ดังนั้นจะเรียกว่าแขกคงจะไม่ได้”“เช่นนั้นคงต้องเรียกว่าสตรีในพระทัยมากกว่าสินะเพคะ”“ฟู่ซิ่วอิง นี่เจ้าไม่พอใจงั้นหรือ”“พระองค์ตรัสว่าจะกลับแล้วมิใช่หรือเพคะ”“หากว่าเจ้าแสดงท่าทีเช่นนี้ข้าเองก็คงคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากเจ้ากำลังแสดงอาการหึงหวงข้าอยู่”“พูดเหลวไหล!!…..…ทรงตรัสอะไรเพคะหม่อมฉันเพียงแค่รู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายเท่านั้น หากว่าคืนนั้นไม่เกิดเรื่อง….ช่างมันเถิดเพคะ”ฟู่ซิ่วอิงยังคิดถึงเรื่องครั้งก่อนตอนงานเลี้ยงที่ตนเองต้องสูญเสียพรหมจรรย์ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดนั่น คืนแห่งความอัปยศนั่นทำให้นางรู้สึกอับอายเป็นที่สุดหากว่าเขามิใช่ท่านอ๋องนางคงเลื
“แต่ว่าท่านอ๋องจะทรงยอมให้ท่านจากไปง่าย ๆ หรือเจ้าคะ พวกท่าน…เอ่อ….”“ช่างเถอะ เรื่องเช่นนั้นในยามนี้เวลานี้ไม่มีความสำคัญสำหรับข้าแล้ว”ซิ่วอิงจดจำเกี่ยวกับคืนแรกระหว่างนางและเขาไม่ได้เลย พรหมจรรย์สตรีที่สู้อุตส่าห์รักษามาเนิ่นนานเกือบสิบแปดปีแปดเปื้อนไปภายในค่ำคืนเดียวอีกทั้งนางยังไม่มีสติอีกด้วย พอตื่นมาก็พบว่าตนเองถูกทำลายวรยุทธ์จนแทบไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเอ่ยปากพูด“อะไรกันนี่ บัญชีนี้ก็ดูเรียบร้อยดีนี่นา แล้วให้ข้ามาตรวจอีกทำไมกัน”“ก็คงจะให้ตรวจตามหน้าที่เจ้าค่ะ หากว่าท่านตรวจแล้วก็ลงนามด้านหลังแล้วส่งไปที่คลังบัญชีก็จบหน้าที่แล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ได้สิ ในเมื่อรับหน้าที่มาแล้วจะทำแบบขอไปทีหาได้ไม่ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก็เสียชื่อสกุลฟู่ของข้าเสียหมด”“เจ้าค่ะ”สมุดบัญชีรายรับรายจ่ายเล่มแล้วเล่มเล่าถูกนางตรวจจนละเอียดเกือบทุกเล่ม แม้ว่าอยากจะทำให้เสร็จแต่ภารกิจเหล่านี้ก็หนักเกินกว่าจะทำเพียงวันเดียวเสร็จ“พักก่อนเถิดเจ้าค่ะคุณหนู นี่ก็เริ่มดึกแล้วท่านอ๋องคงกลับเข้าห้องบรรทมไปแล้ว”“ช่างเขาสิข้าขอดูให้จบเล่มนี้เสียก่อน ว่าแต่พรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง”“พรุ่งนี้จะเป็นการตรวจห้องเครื่องและต
ซิ่วอิงไม่รอช้าและเริ่มเปลี่ยนไปใช้ลิ้นกับหน้าอกของเขาแทน ท่านอ๋องส่งเสียงครางแหบต่ำเพราะความเสียวสุดชีวิตที่ไม่เคยพบพานมาก่อนนางช่างร้ายกาจนักที่สามารถเอาชนะความเป็นเอกบุรุษเช่นเขาได้จนทำให้เขายอมสยบแม่เสือเช่นนางบนเตียง แขนของเขาหลุดจากเชือกที่นางมัดเอาไว้และจับตัวนางได้ในที่สุด“อ๊ะ!! เป็นไปไม่ได้ ท่าน…”นางหันไปมองข้อมือของเขาที่แดงจนเริ่มมีเลือดไหลซิบออกมาเล็กน้อยเพราะแรงรัด นางมั่นใจว่ามัดเขาเอาไว้แน่นและวิธีการนี้ไม่เคยมีผู้ใดรอดมาได้ แต่ว่าท่านอ๋องกลับ…“นี่พระองค์…เหตุใดจึงทำร้ายพระวรกายพระองค์เองเช่นนี้เล่าเพคะ”“อย่าตกใจ ข้าเพียงอยากจะทำเท่านั้น อย่ากลัวจนตัวสั่นเช่นนี้เจ้ามิได้ทำอะไรผิด เรารีบจัดการให้จบศึกนี้เถอะพระชายาข้ายอมให้เจ้าสักครั้งก็ได้ อย่างไรสามีภรรยาก็มิต่างกับคนเดียวกัน”“แต่ว่า…บาดแผลของพระองค์ อ๊าา!!”“อย่าพึ่งพูดเวลาที่ข้าต้องการเจ้าเช่นนี้ อื้มมม…”จุมพิตเร่าร้อนถูกส่งไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนน้ำอุ่น ๆ ไหลเข้าไปด้านในกายของพระชายา ร่างทั้งสองเกร็งกระตุกขึ้นพร้อมกันพร้อมกับเสียงร้องที่ดังจนจับใจความไม่ได้ว่าผู้ใดที่ร้องดังกว่ากัน ร่างบางฟุบลงกับอกกว้างอย่างอ
“มิได้หงุดหงิดเสียหน่อย ท่านหลงตัวเองเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”“ก็ได้ ๆ ไม่หงุดหงิดไม่โมโหเลยสินะ แล้วเหตุใดคิ้วเจ้าจึงขมวดชนกันยุ่งเหยิงเช่นนี้เล่ามาให้ข้าดูหน่อยสิ”เขาจับใบหน้านางและดึงเข้ามาหอมไปที่หน้าผากหนึ่งที องครักษ์หนุ่มและสาวใช้ของนางถึงกับต้องหันหน้าหนีเพราะเขินอายแทนพวกเขาแต่ทั้งคู่เองก็ต้องลอบยิ้มไปกับความน่ารักของทั้งสองพระองค์ที่ดูรักใคร่กันดี“ท่าน!!”“อ๊ะ ๆ เจ้าอย่าลืมสิว่าเราไม่เปิดเผยฐานะ ไหนเรียกว่าท่านพี่ดี ๆ สิ ข้าจะป้อนเสี่ยวหลงเปานี่เป็นรางวัล เร็ว ๆ เข้า”“คนเจ้าเล่ห์”“ฮูหยินเจ้ากำลังพูดอะไรงั้นหรือ หากพูดเช่นนี้คืนนี้เจ้าอาจจะต้อง….”“ท่านพี่อย่าข่มขู่กันสิเจ้าคะข้าจำได้ว่าข้าชนะท่านนะเจ้าคะ”“กินเสี่ยวหลงเปาของเจ้าไปเลย เอ๊า!!”“อื้มม….อร่อย”ซิ่วอิงอ้าปากเคี้ยวเสี่ยวหลงเปาของโปรดของนางเข้าปากอย่างว่าง่าย ท่านอ๋องมองนางอย่างเอ็นดูและใช้ผ้าเอื้อมไปเช็ดปากให้นางอีกด้วยท่ามกลางคนมากมายยังมีอีกโต๊ะหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นคนที่พึ่งเดินทางมาจากต่างเมืองที่นั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะที่นางนั่งเท่าใดนัก“ใช่ ข้าก็ได้ยินข่าวมาเช่นนั้น นอกเมืองนั่น…ฆ่าล้างสกุลหลินเพื่อชิงอาวุธ
สาวใช้ของสกุลเมิ่งรีบปล่อยตัวพระชายาฟู่ซิ่วอิงทันที ท่านอ๋องผลักเมิ่งลี่ถิงออกไปให้พ้นทางพร้อมกับพยุงพระชายาและช้อนตัวอุ้มนางขึ้นมาทันที“เสี่ยวหมิง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”“จับตัวผู้ที่ก่อเรื่องไปส่งที่ศาลาว่าการให้หมด เพื่อลงโทษให้สาสมและชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด!!”“ท่านอ๋องเพคะ!! หม่อมฉันเปล่านะเพคะ….นางเริ่มก่อน นางดูถูกหม่อมฉันและ…”“ซิ่วอิงเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ผู้ใดทำเจ้าบาดเจ็บบอกข้ามา”“ท่านพี่….ข้าขอร้องพวกนางแล้วแต่ว่า….”ถึงคราวของดอกบัวดำเช่นฟู่ซิ่วอิงเอาคืนแล้ว มีหรือนางจะยอมให้คนอย่างเมิ่งลี่ถิงตบตีหากมิได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว เริ่มจากยั่วยุให้นางสติแตกและทำลายข้าวของเมื่อถึงเวลานางเห็นแล้วว่าทหารกลับไปที่หออี้จูเพื่อแจ้งท่านอ๋องนางจึงยอมให้สาวใช้สกุลเมิ่งจับตัวและยอมถูกตบเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ท่านอ๋องหันไปมองหน้าเมิ่งลี่ถิงที่ตัวเลอะไปด้วยแป้งทั้งตัว“เจ้าทำร้ายนางงั้นหรือ”“ไม่นะเพคะท่านอ๋อง ฟู่ซิ่วอิง!!…นางต่อว่าหม่อมฉันก่อนและยัง…พังร้านอีกทั้งใช้ของในร้านทำร้ายหม่อมฉันคนที่อยู่ในร้านเป็นพยานให้หม่อมฉันได้ทั้งหมดเพคะ”“คุณหนู เจ้าเป็นผู้สั่งให้สาวใช้จับนางเอาไว้และเจ้าเป็นผู้ต
เสี่ยวหมิงเดินกลับไปเมื่อสั่งการเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยไม่หันมามองเมิ่งลี่ถิงอีก นับจากวันนี้เขาสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะปกป้องพระชายาด้วยชีวิตและจะไม่ยอมให้คนสกุลเมิ่งมาทำร้ายพระชายาของท่านอ๋องอีกตำหนักท่านอ๋องท่านอ๋องอุ้มพระชายาที่ตัวเปื้อนเลือดเข้ามา หมัวมัวและสาวใช้ต่างตกใจกันจนทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นพระชายาในสภาพเช่นนี้"รีบตามหมอหลวงมาเร็ว ๆ เข้า!!"“พะ เพคะท่านอ๋อง แย่แล้วเร็ว ๆ เข้ารีบให้คนไปตามท่านหมอ เจ้าน่ะ รีบไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้ามา จินฝู!! เร็วเข้าเจ้ารีบไปเตรียมชุดมาเปลี่ยนให้พระชายาเร็ว”“เจ้าค่ะหมัวมัว”ท่านอ๋องพาซิ่วอิงเดินเข้าไปในห้องบรรทมและจัดการถอดชุดคลุมด้านนอกของนางออก จินฝูที่วิ่งนำชุดใหม่มาให้พระชายาเปลี่ยนก็ถูกสั่งให้เอาวางไว้ ฟู่ซิ่วอิงในตอนนี้ยังมีสติอยู่แต่ท่านอ๋องทำราวกับว่านางบาดเจ็บหนักจนเกือบตายก็มิปาน“ข้าจะเปลี่ยนชุดให้นางเอง เจ้ารีบไปเตรียมน้ำและผ้ามาเช็ดหน้าให้นาง”“เพคะท่านอ๋อง”“หม่อมฉัน…ทำเองก็ได้เพคะเพียงแค่เปลี่ยนชุด หม่อมฉันมิได้ป่วยใกล้ตายนะเพคะ”“เจ้านอนเฉย ๆ ไปเถอะ ถูกตีขนาดนี้เหตุใดเจ้าไม่เรียกให้ผู้อื่นช่วยแล้วสาวใช้เจ้าไปที่ใดเหตุใดจินฝูจึงไ
เสี่ยวหมิงรับจดหมายนั้นมาและเป็นผู้ที่นำเอาไปให้กับบัณฑิตหวังที่ถูกส่งมาจากจวนราชครูเมิ่งพร้อมกับแจ้งตามคำสั่งท่านอ๋องราวกับถอดพระราชดำริของท่านอ๋องมาคำต่อคำ“เอ่อ แต่ว่าคุณหนูเมิ่งเป็นถึง….”“ท่านบัณฑิตท่านอ๋องทรงฝากเตือนท่านมาว่า บัณฑิตย่อมมีคุณธรรมนำจิตใจที่สูงส่งถึงจะเรียกว่าวิญญูชนอย่างแท้จริง เรื่องนี้ผิดถูกท่านเองก็ควรจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ท่านอ๋องทรงฝากจดหมายนี้ให้ท่านมอบให้กับท่านราชครูขอรับ”“เอ่อ…เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน”“ขออภัยที่ไม่ส่ง ลาก่อน”บัณฑิตหวังเดินกลับออกมาพร้อมกับจดหมายในมือ เขาเดินออกมาและหันกลับไปมองในตำหนักท่านอ๋องอีกครั้งพร้อมกับรำพึงออกมาเบา ๆ“ราชครูเมิ่ง ท่านเล่นงานผิดคนเสียแล้ว ท่านอ๋องมิใช่อ้อยหวานที่เคี้ยวง่ายอย่างที่ท่านคิด พยัคฆ์ซ่อนเล็บน่ากลัวที่สุด ครั้งนี้ข้าเกือบจะทำผิดพลาดไปเพราะหลงเชื่อในคำของขุนนางเก่าแก่ไปเสียแล้ว”จวนราชครูเมิ่ง“อะไรนะ!! แม้แต่บัณฑิตอันดับหนึ่งก็ไม่ยอมให้เข้าเฝ้างั้นหรือ นี่มันเป็นไปได้เช่นไรกัน”“ขอรับ ท่านอ๋องทรงตรัสว่าพระชายาบาดเจ็บสาหัสจากเรื่องในวันนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท่านอ๋องทรงกริ้วมากเนื่องจาก…เอ่อ คุณหนูทำ
“จนป่านนี้เจ้าก็ยังจะโทษผู้อื่น เหตุใดจึงไม่โทษตัวเองที่มิอาจยับยั้งชั่งใจจนตกเป็นเครื่องมือของนางได้”“ท่านพ่อ!! ท่านกำลังจะพูดว่าข้าโง่และหลงกลคนแซ่ฟู่เช่นนั้นหรือเจ้าคะ”“เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร นางเกิดในสกุลแม่ทัพ ต่อให้นาง….ไร้วรยุทธ์ไปแล้วก็ใช่ว่านางจะไร้เล่ห์เหลี่ยมที่เอาไว้จัดการเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่คิดการให้รอบคอบก่อนแล้วยังไปทำเรื่องเช่นนี้ลงไป ต่อให้ข้าเป็นท่านอ๋องก็คงละเว้นเจ้าไม่ได้ในสถานการณ์แบบนั้น”“ท่านพ่อจะพูดว่า ท่านอ๋องสั่งลงโทษลูกก็เพราะสถานการณ์บังคับงั้นหรือเจ้าคะ”“แล้วเจ้าคิดว่านอกจากสั่งลงโทษเจ้าแล้วท่านอ๋องยังมีทางเลือกอื่นอีกงั้นหรือ หากไม่ทำเช่นนี้ผู้คนมากมายจะคิดเช่นไรและหากว่าเจ้ามิได้ไปติดคุกจริง ๆ เรื่องมันจะจบง่ายเช่นนี้งั้นหรือเจ้าคิดดูสิ”“แต่ว่า…แต่ว่าเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว เขามิให้ข้าเรียกขานนามของเขาอีกแล้ว”“ถิงเอ๋อร์ เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าในตอนนี้ท่านอ๋องมิได้…ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว พระองค์ทรงอภิเษก…”“ไม่!! ข้าไม่อยากฟัง ข้าไม่ยอมรับ!! ท่านพ่อลูกอยากจะพักผ่อนแล้วเจ้าค่ะ ท่านออกไปก่อนเถอะ”“ถิงเอ๋อร์ต่อให้พ่อไม่พูด ความจริงที่ว่าท่านอ๋องทรงอภิเษกไปแ
“กรี๊ด!!!!!….”แรงเบ่งเฮือกสุดท้ายทำเอาซิ่วอิงแทบหมดแรงเมื่อหัวของเด็กโผล่ออกมาเพียงครึ่งเดียว นางพักหายใจและเบ่งอีกครั้งจนเด็กอีกคนถูกดึงออกมาพร้อมกับเสียงร้องที่ดังกว่าคนแรก“เด็กผู้หญิงเพคะ เป็นท่านหญิงเพคะ”"เร็ว ๆ เข้า รีบไปเตรียมผ้ามาอีกผืน“อิงเอ๋อร์ได้ยินหรือไม่ บุตรแฝด เราได้ลูกแฝด”“หม่อมฉัน…. ท่านพี่….”“คนเก่งของข้า….”การคลอดบุตรแต่ละครั้งล้วนทำให้ฟู่ซิ่วอิงหมดแรงไปนาน อีกทั้งครั้งนี้เป็นบุตรแฝดซึ่งทำเอาตำหนักท่านอ๋องวุ่นวายเป็นการใหญ่เพราะมิได้ตระเตรียมของเอาไว้เผื่อสำหรับเลี้ยงเด็กถึงสองคน แต่นั่นมิใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใดเพราะก่อนหน้านี้ยังมีชุดและเปลของท่านชายหานเยว่และท่านหญิงซีอวิ๋นอยู่“อิงเอ๋อร์…. เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าลุกไหวแล้วงั้นหรือ"“หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพคะ”“ไม่ได้ ถึงไม่เป็นไรแต่เจ้าจะเดินไปเดินมาเช่นนี้หาได้ไม่ ข้า…”“เสด็จพ่อ…”“เฮ้อ…เจ้าหานเยว่ตัวแสบ ตัวขัดจังหวะ”“ท่านพี่ เหตุใดต้องว่าลูกเช่นนั้นเพคะ”“เขาเอาแต่ให้ข้าฝึกดาบให้ทั้งวัน ข้าไล่ไปฝึกกับเสี่ยวหมิงแล้วก็ยังตามข้ามาอีก”“เสด็จพ่ออยู่นี่เอง เสด็จแม่….”“ชู่ววว…. เบา ๆ หน่อยเยว่เอ๋อร์ เว่ยอิง กับ
“อ๊าา ท่านพี่…”ลิ้นหนาดูดหน้าอกรุนแรง ซิ่วอิงทั้งเจ็บและเสียว นางพึ่งจะเข้าใจเขาในตอนนี้เช่นกัน เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่าจะทำกับผู้ใดก็ได้แต่ต้องทำกับคนที่รักกันเท่านั้น นางช่างโง่นักที่ไปดูถูกความรู้สึกของเขา ร่างบางเอนกายเพื่อให้พระสวามีได้ดูดดื่มปทุมหอมหวานได้เต็มอิ่ม ท่านอ๋องพลันรวบกายนางขึ้นมากอดเอาไว้“ซิ่วอิง ข้ารักเจ้ายิ่งกว่าชีวิต อย่าได้ผลักไสข้าไปอีกเลย อย่าไปจากข้าเลยนะ เจ้าเคยบอกว่าหากวันใดเจ้าสืบหาคนร้ายได้เจ้าก็จะจากไป ข้าจดจำคำนี้เอาไว้และรั้งเจ้าทุกวิถีทางจนเจ้าเลิกเอ่ยคำนี้ออกมา ข้าทำให้เจ้าตั้งครรภ์และมั่นใจว่าเจ้าจะไม่หนีข้าไปอีก แต่เหตุใดวันนี้เจ้า…”“หม่อมฉันขอโทษเพคะ หม่อมฉันจะไม่ไปไหนอีกแล้ว รุ่ยหยางหม่อมฉันเพียงแต่รักพระองค์และหวงพระองค์มากเท่านั้นจึงไม่อยากสูญเสียความรู้สึกนี้ไป หม่อมฉันผิดเองเพคะที่ไม่ไว้ใจพระองค์ อย่าโกรธหม่อมฉันเลยนะเพคะ”ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดเข้ามาจนแน่น ซิ่วอิงเองก็กอดเขาแน่นไม่แพ้กัน ต่างก็ไม่ยอมให้ผู้ใดพูดคำว่าหนีหรือจากไป ท่านอ๋องค่อย ๆ หันมาสบตานางอีกครั้ง“ข้าไม่เคยโกรธเจ้าเพียงแค่นึกน้อยใจในบางครั้งเท่านั้น แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ต้อง
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”เหล่าขุนนางต้องรีบรับคำตามที่ท่านอ๋องตรัส เพราะจะมีผู้ใดในหลิงโจวบ้างที่ไม่ทราบว่าท่านอ๋องทรงรักและหวงพระชายาฟู่ซิ่วอิงมากเพียงใด ความคลั่งรักของพระองค์ร่ำลือไกลไปถึงเมืองหลวงจนเป็นที่กล่าวขานไปกว่าครึ่งแคว้นหอดูดาว“ดูนั่นสิเพคะ เริ่มจุดดอกไม้ไฟกันแล้ว”“อืม เจ้าชอบดอกไม้ไฟงั้นหรือ”“ชอบสิเพคะ เวลาที่มันกระจายตัวบนท้องฟ้ายามราตรีช่างเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เกินจะบรรยาย”“แต่เจ้างดงามกว่าบุปผาทั้งหลายในใต้หล้านี้ แม้นดอกไม้ไฟที่แต่งแต้มสีสันบนนภาในราตรีก็มิอาจเทียบความงามของเจ้าได้ อิงเอ๋อร์…เจ้าเป็นบุปผาที่มีค่ายิ่งกว่าสมบัติใดในใต้หล้า สำหรับข้าแล้วนอกจากเจ้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีก”จุมพิตหวานซึ่งเมื่อตรัสจบถูกส่งไปให้นาง ซิ่วอิงทราบดีอยู่แล้วว่าท่านอ๋องมิอาจรั้งรอได้อีก กลิ่นสุราเลื่องชื่อที่นางเตรียมยังคงระอุเร่าร้อนในปากของรุ่ยหยางก่อนจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ดุจถูกไฟแผดเผาจนอาภรณ์ของทั้งคู่ถูกสลัดออกจนสิ้นบนหอดูดาวที่ไร้ผู้คน“อ๊ะ อื้อ….ดียิ่งนัก”ระเบียงกว้างพร้อมเตียงนุ่มแบบเปิดโล่งด้านบนสุดของหอดูดาวคือสนามรักในคืนนี้ แม้ว่าจะมีม่านเสาเตียงเพื่อปกปิดด้านในเอาไว้แต่ใน
“เหตุใดพระองค์ช่างหน้าไม่อายเช่นนี้นะ หากรู้เช่นนี้หม่อมฉันไม่บอกก่อนหรอกเพคะ”“เจ้าก็อย่าใจร้ายนักเลย ข้ากับเจ้าจะรักกันได้อีกสักกี่ครั้งกัน ครรภ์เจ้าก็เริ่มโตแล้วหลังจากนี้ก็ทำได้แค่นอนกอดเจ้าอย่างเดียวแล้ว”เพราะซิ่วอิงทราบดีนางถึงได้ยอมตามใจท่านอ๋องเพราะหลังจากที่อายุครรภ์มากขึ้นนางก็จะเริ่มรับศึกรักกับเขาไม่ได้เหมือนเคยอีกแล้ว แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่เคยคิดระแวงว่าท่านอ๋องจะหาสตรีอื่นมาทดแทนเพราะหากเขาต้องการคงทำไปนานแล้วงานเทศกาล“ข้ายังไม่เคยเห็นงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อนเลยเพคะ”“เจ้าโชคดีที่มาในช่วงนี้ ทางโน้นเป็นตลาดกลางคืน ส่วนด้านนี้เป็นด้านการละเล่น มีการร่ายรำหาคู่ ร่ายรำกระบองไฟและการละเล่นที่แปลกตาหากเจ้าอยากไปดูก็…ชวนเสิ่นหลงไปได้”“ข้า!! ไปกับท่านมิได้หรือ”“ข้าพาเจ้าไปดูได้นะอินเหมย หากเจ้าอยากจะลอยโคม เจ้าเคยบอกว่าอยากจะไปอธิษฐานให้เสด็จแม่นี่ ข้าจะพาเจ้าไป”“ท่านจำได้ด้วยหรือ”“ข้าย่อมจำทุกสิ่งที่เจ้าพูดได้เป็นอย่างดี”“อะฮึ่ม!! ดูเหมือนว่าข้ากับพระชายาจะเป็นส่วนเกินเสียแล้ว เอาล่ะได้เวลาแล้วเสิ่นหลง เจ้าพาองค์หญิงไปนั่งที่แขกเถอะ”“แต่ว่
"อะไรนะเพคะ เดี๋ยวก่อน อ๊ะ รุ่ยหยางพระองค์คงจะไม่…."“เมื่อครู่นี้พอเห็นหน้าเสิ่นหลงแล้วข้าก็นึกหึงเจ้าขึ้นมา ช่วยไม่ได้ที่เจ้ากับเขาดันมีความหลังด้วยกันโดยที่ไม่มีข้าอยู่......ข้าหึง”“ท่านพี่เพคะ แต่ว่าในตอนนั้นพวกเรายังไม่เคยรู้จักกันเลยนะเพคะ อ๊ะ อย่า…. เดี๋ยวก่อน…เย็นนี้เราต้อง อ๊าา ท่านพี่”ร่างของพระชายาถูกวางลงอย่างแผ่วเบาที่เตียงพักในห้องอักษร ท่านอ๋องจงใจเลือกที่นี่เพราะมีเตียงสำหรับเอนหลังอยู่ ห้องหับที่มิดชิดและยังเป็นเขตหวงห้ามมิให้สาวใช้ที่ต่ำกว่าสาวใช้ของพระชายาหรือองครักษ์เช่นเสี่ยวหมิงเข้ามาได้ทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้นชุดรุงรังของซิ่วอิงถูกท่านอ๋องปลดออกโดยง่าย ในตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะปลดชุดของนางง่ายมากไปเรื่อย ๆ เพราะซิ่วอิงสวมใส่แบบหลวม ๆ กับครรภ์ที่เริ่มโตขึ้น“อื้อ…อ๊าา สะ…เสียวเหลือเกิน อ๊าา”“กางขาออกอีกได้หรือไม่ ข้าทำให้เจ้าเจ็บหรือไม่อิงเอ๋อร์”ปลายลิ้นเพียงสัมผัสกลีบผกาที่แฉะรออยู่ของนางทำให้เขารู้ว่านางเองก็ตื่นเต้นกับสถานที่เช่นนี้ แม้ว่าปากนางจะพร่ำบอกว่าอย่าและห้ามเขาก็ตาม แต่ความต้องการของทั้งคู่ที่มีให้กันดุจน้ำมันใกล้ไฟที่พร้อมจะจุดติดและลุกลามตลอ
“อะไรนะเพคะ!! ไม่จริงหรอกเขาน่ะ!!…เขา….”“เขาตามเจ้ามาอย่างรวดเร็วจนมาพบเจ้าที่ลานพิธี”“นั่นเพราะเขากลัวว่าข้าจะทำร้ายท่านต่างหาก”“ที่เขามาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะถูกท่านอ๋องสั่งลงโทษ”“นั่นเพราะท่านอ๋องรักท่านมากจนไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องท่าน ช่างน่าอิจฉายิ่งนักเพคะ”“อินเหมย เจ้าไม่เข้าใจที่ข้ากำลังจะบอกเจ้า ข้าหมายความว่าการที่เสิ่นหลงทะยานควบม้าเข้ามาในเขตพระราชพิธีสำคัญเช่นนี้ที่จริงมีโทษหนักแต่เพราะความเป็นห่วงเกรงว่าเจ้าจะต้องโทษร้ายแรง เขาถึงกับยอมคุกเข่ารอท่านอ๋องในห้องทรงอักษรเพื่อขออภัยโทษแก่เจ้าเพราะคิดว่าท่านอ๋องจะสั่งลงโทษเจ้า”“อะไรนะเพคะ แต่ว่า!!”“เจ้าจึงไม่เห็นเขาเดินตามออกมาอย่างไรเล่า เขานั่งคุกเข่าอยู่ในห้อง หากเจ้าไม่เชื่อข้าจะพาเจ้าไปดูให้เห็นกับตา”“ไม่เพคะ!! หม่อมฉัน…พี่ซิ่วอิ่งแล้วเขาทำเช่นนั้นเพื่ออะไร”“เจ้ายังไม่รู้อีกงั้นหรือ เมื่อครู่นี้เจ้าก็บอกเองนี่ว่าพระสวามีของข้ามีนิสัยเช่นไร เสิ่นหลงรู้เรื่องนี้ดีกว่าเจ้าเสียอีก เขาจึงยอมเอาตัวเองเข้าแลกกับโทษที่เจ้าจะได้รับเช่นไรเล่า”“เช่นนั้น...ไม่ได้นะเพคะ ท่านพี่ซิ่วอิงข้าขอร้องข้าจะไปเข้าเฝ้าท่านอ๋อง ข้าจะข
“หยุด!!”ซู่อินเหมยต้องตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงตวาดที่ดุดันของพระชายาซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ท่านอ๋องหยุดตีโพยตีพายได้“อิงเอ๋อร์…เจ้า...”“หม่อมฉันมิได้เป็นอันใดทั้งนั้นเพคะหยุดโวยวายได้แล้ว”“แต่ข้าได้ยินเสียง…”“จินฝู!! ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าอย่าเสียงดัง เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามันเป็นเช่นไร”“พระชายาเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว”“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใด…”“ไม่มีอะไรก็แค่องค์หญิงดีใจเลยเสียงดังไปหน่อยเท่านั้น จินฝูตกใจก็เลยตะโกนเพคะเหตุใดจึงได้ทำเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ด้วยเล่าเพคะ”“ก็ข้า…”“เป็นห่วง พอเถอะเพคะท่านอ๋อง เรามีแขกอยู่นะเพคะองค์หญิงตกพระทัยหมดแล้ว อินเหมยเจ้าไปกับข้า”“พะ เพคะพี่ซิ่วอิง”“พี่ซิ่วอิงงั้นหรือ”พระชายาไม่ลืมที่จะหันมาค้อนใส่พระสวามีที่ตื่นตกใจราวกับฟ้าถล่มอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขานิ่งไปแล้ว“พระองค์มีสิ่งใดจะทำก็ไปเถิดเพคะ รองแม่ทัพเสิ่นรอรายงานเหตุการณ์ชายแดนอยู่ในห้องทรงอักษรนะเพคะ หม่อมฉันกับองค์หญิงขอตัวก่อน แล้วไม่ต้องวิ่งออกมาอีก เข้าพระทัยหรือไม่เพคะ”“เอ่อ…เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ”“ท่านอ๋อง!!”“ก็ได้ ๆ ข้าไปแล้ว จินฝู…ดูแลพระชายาให้ดีล่ะ”
“เพราะแบบนั้นข้าก็เลยจำเป็นต้องใช้เสิ่นหลงอย่างไรเล่า แม้ว่าจะมิใช่เชื้อพระวงศ์แต่เป็นถึงรองแม่ทัพมีฝีมือ หากตกลงกันได้ก็แต่งตั้งเป็นแม่ทัพคุมดินแดนตะวันออกแล้วแต่งงานกับองค์หญิงแทนอย่างไรเล่า เจ้าก็สังเกตเห็นท่าทีของทั้งสองคนมิใช่หรือ ข้าคิดว่าข้าทำสำเร็จแล้ว”“หมายความว่าพระองค์ทรงทราบอยู่แล้วว่านางจะต้องเดินทางมาที่นี่เพียงแต่ว่าจะมาในฐานะใดเท่านั้นงั้นหรือเพคะ”“ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาที่นี่ในวันนี้เท่านั้นเอง เอาไว้ค่อยกลับไปคุยที่วังเถอะ ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากเท่าใดนักหรอกคงต้องให้คนจัดที่พักรับรองให้นางเสียก่อน”วังหลิงโจว / ตำหนักหน้า“ฝากท่านจัดการด้วยก็แล้วกัน”“เพคะท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ”หมัวมัวรับคำสั่งและรีบเดินออกไปสั่งการเพื่อจัดที่พักให้องค์หญิงต่างแคว้น ที่จริงนางมีสาวใช้และบริวารตามมาอีกราว ๆ สิบคนแต่ทุกคนไม่มีผู้ใดทราบว่าองค์หญิงจะแอบออกมานอกโรงเตี๊ยมที่พักอยู่นอกเมืองเพื่อหนีเข้ามาในเมืองก่อน“องค์หญิงเชิญนั่ง”“ขอบพระทัย”อินเหมยนั่งตามคำเชื้อเชิญของท่านอ๋อง ซู่อินเหมยหันไปมองยังพระชายาที่ประทับลงข้าง ๆ โดยมีท่านอ๋องคอยพยุงราวกับเกรงว่านางจะล้ม
“องค์หญิงงั้นหรือ”“ได้ยินหรือไม่ นางเป็นองค์หญิงจากต่างแคว้น”“แล้วมาที่นี่ทำไม แล้วยังกล้าจะเข้ามาลอบทำร้ายพระชายา”เสิ่นหลงหันไปมองสตรีที่ถูกเสี่ยวหมิงจับตัวอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวหมิงพยักหน้าให้เขาพลันปล่อยตัวนางในทันที“องค์หญิง กลับไปกับกระหม่อมก่อนในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าเฝ้านะพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่!! ข้าก็แค่อยากจะเห็นหน้านางให้ชัด ๆ ว่าจะเป็นคนเช่นไร คนที่….”“องค์หญิง ดูเหมือนว่าท่านจะมีเรื่องอึดอัดพระทัยที่จะเอ่ยใช่หรือไม่”ซิ่วอิงและท่านอ๋องเดินลงมาจากที่ประทับเพื่อมาพบกับแขกที่มาเยือนกะทันหัน เห็นท่าทีและใบหน้าที่แดงจรดกกหูของอีกฝ่ายจึงเข้าใจองค์หญิงต่างแคว้นก่อนหน้านี้นางมีท่าทีไม่ยอมคนแต่เพียงแค่เสิ่นหลงปรากฏตัวนางก็มีทีท่าจะอ่อนยวบลง ท่านอ๋องหันมาลอบยิ้มกับนางอีกทั้งกระซิบให้นางช่วยรองแม่ทัพเสิ่นเสียหน่อยเพราะดูแล้วเขาคงเร่งรีบควบบังเหียนอาชามาไกลพอสมควรกว่าจะตาม “ซู่อินเหมย” มาได้ทัน“เจ้าจะ!!….”“เรียกข้าว่าซิ่วอิงก็ได้ มาเถอะเจ้าเป็นถึงองค์หญิงของเซียนหยางย่อมเป็นแขกของข้ากับท่านอ๋อง ตรงนี้คนมากไม่สะดวกรับรองเจ้า กลับวังไปกับข้าก่อนแล้วค่อยคุยเถอะ”“องค์หญิง พระองค์ทรงรับ