“อะไรนะ เจ้าบอกว่านาง….ฟื้นงั้นหรือ”
ท่านอ๋องหันมาถามราวกับไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน เขาเป็นคนอุ้มนางไปวางที่เตียง ร่างของเจ้าสาวของเขานั้นสิ้นใจไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย หรือนางถูกยาพิษแกล้งตายเข้าไปงั้นหรือแต่เพื่อสิ่งใดกันในเมื่อนางตั้งใจใช้ผ้าแพรขาวผูกคอตายในห้องส่งตัวแห่งนี้
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านไม่เป็นอะไรจริง ๆ ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
สตรีที่พึ่งฟื้นขึ้นมาแต่ราวกับได้เกิดใหม่มองไปยังห้องส่งตัวที่ประดับด้วยสีแดงทั้งห้องทั้งเทียนคู่และจอกสุรามงคลที่ยังมิได้ถูกยกขึ้นมาดื่ม และตรงหน้าของนาง บุรุษหนุ่มในชุดสีเดียวกับนางค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ๆ
ฟู่ซิ่วอิงพึ่งจะเห็นพระพักตร์ท่านอ๋องชัดเจนก็ในวันนี้เอง เขาเองก็ดูเหมือนจะพึ่งเห็นนางชัด ๆ ก็วันนี้เช่นกัน
“เจ้า….”
“จินฝูเจ้าออกไปก่อน”
“แต่ว่า!!”
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”
“เช่นนั้น…”
“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ต้องการหมอ ฟู่ซิ่วอิง”
นางเพียงส่ายหัวตอบเขาเบา ๆ และพยายามคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ นางจำได้ว่านั่งอยู่ในห้องส่งตัวเพื่อรอเจ้าบ่าวและนางก็เริ่มง่วงและหลับไป มารู้อีกทีก็ถูกแขวนอยู่บนคานไม้ที่สูงและไร้เรี่ยวแรงจนสิ้นลมไป
ซิ่วอิงหันไปมองรอบ ๆ เมื่อจินฝูสาวใช้ของนางออกจากห้องไป บัดนี้มีเพียงท่านอ๋องกับนางอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง
“นั่นเจ้าจะทำสิ่งใด”
นางเปิดผ้าห่มออกและลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง ฉางรุ่ยหยางถึงกับตกใจเพราะนางพึ่งจะฟื้นจาก…ความตายหากเขาเรียกไม่ผิดแต่นี่นางดูราวกับมิใช่สตรีที่ถูกจับได้เมื่อครั้งก่อนตอนอยู่บนเตียงกับเขาเลยแม้แต่น้อย นางเดินลูบไปจนทั่วห้องจนพบบางอย่าง
“อยู่นี่เอง….ช่องส่งกลิ่นยาสลบสินะ ไม่ผิดแน่”
นางลูบรอบ ๆ รู้หน้าต่างนั้น ท่านอ๋องมองตามและเผลอเดินตามนางไปด้วยและต้องตกใจอีกครั้งเมื่อซิ่วอิงหันมา
“เจ้าจะทำอะไร”
“ผ้าแพรนั่น!!”
“เจ้าหมายถึง….”
นางค่อย ๆ เดินไปที่กองผ้าแพรขาวที่ถูกวางเอาไว้มุมห้องด้านในและเริ่มสาว ๆ ดูสิ่งผิดปกติจนพบบางอย่างเป็นจุดดำ ๆ
“รอยนิ้วมือ”
“ว่าอย่างไรนะ”
“ดูจากรอยที่ทิ้งเอาไว้ น่าจะเป็นผู้ชายเพราะใหญ่กว่านิ้วของข้า”
นางพึมพำอยู่คนเดียวแต่คนข้าง ๆ กลับนึกสนใจกับท่าทีที่แปลกไปของนางจนเขาอดจะถามไม่ได้
“เจ้าคิดว่าผู้ที่ทำร้ายเจ้า…”
“แล้วเหตุใดกลิ่นยาสลบจึงหายไปอย่างรวดเร็วนัก หรือว่า…”
“นี่เจ้า…ฟังข้าอยู่หรือไม่ฟู่ซิ่วอิง”
“พระองค์หลีกไปก่อน ทางที่ดีออกไปจากห้องนี้อย่ามาเกะกะหม่อมฉัน”
“อะไรนะ!! นี่เจ้ากำลังพูดว่าข้าเกะกะงั้นหรือฟู่ซิ่วอิง!!”
“เงียบ ๆ หน่อย ขอหม่อมฉันคิดก่อน”
“เจ้า!!”
“หากพระองค์เงียบไม่เป็นก็ออกไปดื่มเหล้าแล้วส่งแขกด้านนอกก่อนอย่ามารบกวนหม่อมฉันที่นี่”
“ฟู่ซิ่วอิง นี่เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังคุยอยู่กับผู้ใด”
“ใช่แล้ว!! ยาสลายพิษ!!”
“ฟู่ซิ่วอิง!!”
อ๋องหนุ่มโกรธจนหน้าแดงเมื่อพระชายาหมาด ๆ ของเขาเอาแต่พร่ำพูดเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ ฉางรุ่ยหยางดึงนางมาที่เตียงและผลักนางล้มลงไป
เขาพึ่งจะมองนางชัด ๆ วันนี้นี่เองเพราะก่อนหน้านี้ท่านอ๋องแทบจะไม่สนใจกับการที่ต้องรับนางมาเป็นพระชายาเลยแม้แต่น้อย คิดไม่ถึงเมื่อได้สบตากับนางอีกครั้งหัวใจเขากลับเต้นรัวดุจกลองศึกเช่นนี้
“ข้าบอกให้เจ้าหยุด”
“ท่านอ๋อง พระองค์จะรีบทำพิธีส่งตัวเข้าหอหรือเพคะ”
“อะไรนะ”
ฟู่ซิ่วอิงหันมาถามท่านอ๋องด้วยความใคร่รู้ หากว่าเขามิอยากแต่งกับนางก็เพียงแค่ให้เขาหย่าก็ได้แล้วแต่ในเมื่อท่านอ๋องผู้นี้ทั้งรูปหล่อ อีกทั้งยังเป็นพระโอรสของฝ่าบาท
เขาจะกลายเป็นเกราะคุ้มกันนางอย่างดีและอีกอย่างที่สำคัญคือระหว่างเขากับนาง ค่ำคืนนี้มิใช่คืนแรกเสียหน่อยเพียงแต่คืนนั้นนางจำอะไรไม่ได้เลยเท่านั้นเอง
“นี่เจ้า!! พูดอะไรออกมาแล้วเจ้ากำลังจะทำสิ่งใด หยุดนะ!!”
“อ้อ ลืมไปว่ายังปลดชุดเจ้าบ่าวไม่ได้ เรายังมิได้ดื่มสุรามงคลนี้เลย หวังว่าในสุราคงไม่มียาพิษอีกนะเพคะ”
“เจ้าว่าผู้ใดวางยาพิษเจ้า!! มีแต่พวกเจ้า….อึก!!”
“ดื่มไปก่อน พูดมากจริง”
นางจับจอกสุราและส่งเข้าไปที่ปากของเขาทันทีเป็นอันจบพิธีดื่มสุรามงคลในรูปแบบของฟู่ซิ่วอิง ท่านอ๋องได้แต่โกรธจนตัวสั่น นับตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยพบสตรีที่หน้าทนเช่นนางมาก่อน นางไม่มีสิ่งใดเหมือนกับสตรีที่บุรุษทั่วเมืองล้วนใฝ่หาเช่น “เมิ่งลี่ถิง” เลยสักนิด
“แคก แคก เจ้า!!…กล้าดีเช่นไร”
“ทีนี้ก็ถอดชุดเกะกะนี่ออกเถิดเพคะแล้วเราจะได้เข้าหอกัน”
“ฟู่ซิ่วอิง เจ้ามันหน้าไม่อาย”
“จะอายทำไมกันเพคะ ในเมื่อคืนนี้ก็มิใช่คืนแรกของพวกเราเสียหน่อย มาเถอะน่า ถึงอย่างไรธรรมเนียมนี้ก็มิใช่ว่าพึ่งมี อย่างไรคืนนี้ท่านก็หนีออกไปจากห้องนี้ไม่ได้อยู่ดี”
“เจ้า!!”
“มานี่เพคะ”
“เดี๋ยวก่อน ฟู่…..”
นางถอดชุดเจ้าบ่าวด้านนอกของเขาออกและก้มลงจูบเขาอย่างเงอะงะ อันที่จริงนางเองก็มิได้อยากจะทำเช่นนี้แต่หากนางยังเป็นพระชายาท่านอ๋อง การสืบเรื่องที่มีคนปองร้ายและสังหารนางจะง่ายมากขึ้น
ดังนั้นในตอนนี้นางจะยัง “หย่า” ไม่ได้นั่นเอง แต่หลังจากจบเรื่องนี้แล้ว นางขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุรุษที่มีสตรีอื่นอยู่ในใจเช่นเขาอีก
“ท่านอ๋อง พระองค์จูบไม่เป็นหรือเพคะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ นี่เจ้ากล้า…”
“เพคะ จูบราวกับทารกดูดนมมารดาเช่นนี้ อ๊ะ!!…อื้มมม!!”
คนอย่างฉางรุ่ยหยางน่ะหรือจะยอมให้ผู้ใดหมิ่นเกียรติเขาเช่นนี้ โดยเฉพาะกับสตรีปากดีเช่นนางเขาไม่มีสิ่งใดเสียเปรียบนางอยู่แล้วในเมื่อนางกล้าท้าทายเขาเช่นนี้ คืนนี้ก็อย่าหวังว่าเขาจะปล่อยนางได้นอนพัก
“อ๊าา รอก่อนเพคะ ชุดนั่น!!”
“ช่างปะไรในเมื่อเจ้ามิได้สนใจก็อย่าเสียเวลา”
“อ๊าา ท่านอ๋องพระองค์ช่างรีบร้อนนัก ดูเหมือนว่าไฟในพระทัยจะมีมากกว่าที่หม่อมฉันคิดนะเพคะ”
“เจ้าพูดมากเช่นนี้คงต้องหาอะไรอุดเสียหน่อยกระมังพระชายา”
“ท่าน!!….อ๊อก!!…”
ดุจการรับคำท้าเมื่อมังกรยักษ์ที่แข็งตัวเต็มที่ถูกยัดเข้ามาในปากอิ่มที่แต้มด้วยชาดสีแดงสดของเจ้าสาว มือทั้งสองของนางถูกตรึงพร้อมกับมือหนาอีกข้างที่กำลังเคล้นที่หน้าอกนางอย่างเมามันเพราะความเสียว
“อาา….”
(เช่นนั้นก็ได้ ในเมื่อจะใช้ท่านเป็นสะพานในการหาคนร้าย ข้าเองก็หนีวังท่านอ๋องไม่พ้น สนุกกันหน่อยก็คงไม่เสียเวลามาก)
นางสะกิดเขาให้ปล่อยเพื่อที่จะได้ปรนเปรอเขาได้สะดวกขึ้น ท่านอ๋องยอมปล่อยเมื่อนางกลับมาเป็นผู้รุกสวนเข้ามา ลิ้นและฟันของนางทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมจนเรียกเสียงครางจากอ๋องหนุ่มได้ มือที่รูดจนสุดและลิ้นที่ลากไปมาและหยุดรัวที่หัวบาน ๆ ด้านบนทำเอาท่านอ๋องครางไม้เป็นภาษา
“เจ้า!!….”
เขาจะทนไม่ไหวแล้วจึงได้ดึงนางขึ้นมาและจูบนางราวกับจะกลืนเข้าไปทั้งตัว ฟู่ซิ่วอิงตอบรับสัมผัสที่เร่าร้อนนั่นได้อย่างถึงใจเขายิ่งนัก
นึกไม่ถึงว่านางจะร้อนดุจไฟเช่นนี้ นิ้วของเขาความหาถ้ำสวรรค์ด้านล่าง แค่นางแอ่นเอนรับเขาเพียงเท่านั้นก็รู้สึกอยากจะทำอย่างอื่นแล้ว
“อ๊าา ท่านอ๋องเพคะ มันเสียวมาก อ๊าาา”
นิ้วมือสากเพราะจับดาบมาครึ่งชีวิตสอดเข้าไปในร่องผกาแสนฉ่ำนั้น ลิ้นหนาสูดกลิ่นช่อปทุมสีสดหวานตรงหน้าอย่างหิวโหยราวกับหิวโหยมาแสนนาน
ทั้งคู่ลืมสิ้นทั้งศักดิ์ศรีและความหยิ่งทะนงในตนเองไม่ว่าจะเป็นฐานะท่านอ๋องสูงศักดิ์ หรือคุณหนูแห่งจวนแม่ทัพใหญ่ของเมืองหลิงโจวเมื่อถูกไฟปรารถนาเข้าครอบงำ
“อ๊าา!!! เจ็บ…แน่นเหลือเกิน อ๊ะ”
ฉางรุ่ยหยางเองก็รู้สึกไม่ต่างกับนางแต่มันทั้งเสียวแก่นกายและร้อนเร่าในเวลาเดียวกัน เหตุใดเขาจึงรู้สึกต้องการนางมากถึงเพียงนี้ และในตอนนี้ก็ยังต้องการจนไม่อยากทำอย่างอื่น
“พระชายา คืนนี้เจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้หยุดพักเลย”
แม้ว่าจะเจ็บเพราะความรัดแน่นที่แข็งแกร่งของมังกรของท่านอ๋องแต่ฟู่ซิ่วอิงก็ยังแอ่นกายรับเขา สัมผัสนี้ทำเอารุ่ยหยางถึงกับครางเสียงหลงออกมาและดึงนางมาจูบอย่างกระหาย พวกเขาต่างถูกไฟปรารถนาที่เร่าร้อนเข้าครอบงำจนมิอาจทนได้เมื่อเริ่มขยับกายและเร่งจังหวะขึ้น“อาาา….ซิ่วอิง!!”“ท่านอ๋อง….อ๊าาา ปละ…เปลี่ยนท่าเถิดเพคะ”“ได้สิ เจ้าอยากลองท่าใด”ซิ่วอิงทำราวกับมิใช่ตัวนางเองแต่ในเมื่อสัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดบอกให้นางต้องทำ นางลุกขึ้นหันหลังและแอ่นบั้นท้ายงามให้เขาอย่างจงใจและตบไปที่บั้นท้ายกลมกลึงนั้นเบา ๆ เพื่อยั่วยวนเขา ท่านอ๋องทนแทบไม่ไหวที่จะสอดมังกรเข้าไปทันทีเมื่อถูกนางเชื้อเชิญ“อาา….ท่านี้….เจ้าเจ็บหรือไม่”“ไม่เจ็บแล้วเพคะขยับเข้ามาอีก พระองค์เร่งเข้าเพคะ หม่อมฉันจะทนไม่ไหวแล้ว”คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันพ้นข้ามคืนแต่งงานท่านอ๋องก็จะตกอยู่ภายใต้คำสั่งของพระชายาอย่างง่ายดายเช่นนี้ แม้ว่านี่อาจจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบระหว่างเขากับนางแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นางเติมเต็มเขาได้อย่างเหลือล้นจริง ๆ“ท่านอ๋องเพคะ เร่งอีกเพคะ ใกล้แล้ว อ๊าา!!!”นางรู้สึกถึงน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลผ่านเข้ามาด้านในกายจนเผลอตอดรัดเข
เมิ่งลี่ถิงจำใจต้องเดินออกมาจากตำหนักท่านอ๋องด้วยมือเปล่า เดิมทีคิดว่าจะมาเพื่อสร้างรอยร้าวให้กับคนทั้งคู่เพราะถึงอย่างไรนางก็มั่นใจว่าท่านอ๋องต้องมีเยื่อใยและเป็นห่วงความรู้สึกนางอยู่บ้าง“อ๊าา ท่านอ๋อง อย่าพึ่งล้วงเข้ามาสิเพคะพระองค์ขี้โกงนี่ อร๊ายย….”“เจ้าท้าทายข้าก่อนนะพระชายา มือเจ้าก็ไม่ยอมปล่อยข้าเช่นกัน ฮึ๊ยย!! ซิ่วอิง!!”สงครามใต้น้ำในอ่างเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด เมื่อพูดจบแล้วท่านอ๋องก็ปิดปากนางด้วยจูบที่เร่าร้อน นิ้วมือที่กระดิกอยู่ในร่องกลีบด้านล่างก็ไม่ลดละเช่นกัน พอ ๆ กับอีกฝ่ายที่ใช้มือเรียวของนางรูดมังกรยักษ์กระตุ้นอยู่ใต้น้ำ“มาได้เสียทีข้าจะทนไม่ไหวแล้ว”“อันใดกันเพคะ เพียงเท่านี้ก็ทน…อ๊าา ท่านอ๋องอย่าพึ่งเลียสิเพคะ อ๊าา ก็ได้ ๆ ยอมแล้วเพคะ”ลิ้นหนาดูดดึงยอดอกจนช้ำเมื่อนางไม่ยอมสวมประสานกายเสียทีเอาแต่รูดมังกรของเขาจนเริ่มทนไม่ไหวดังนั้นเขาจึงต้องรีบกระตุ้นนางซึ่งก็ได้ผลร่างบางเอนแอ่นตามความคับแน่นใต้น้ำเมื่อร่องบุปผาของนางดูดกลืนมังกรของเขาเข้าไปและเริ่มขยับเอวเข้าหา เสียงน้ำที่ซัดกระเซ็นออกจากสระยิ่งทำให้อารมณ์ปรารถนาของทั้งคู่แตกกระเจิง“ข้าไม่มีทางเชื่อว่าท่านอ๋อง
จินฝูรีบเก็บผ้าแพรนั้นให้พ้นจากสายพระเนตรท่านอ๋องในทันทีแต่มีหรือที่คนอย่างฉางอ๋องจะพลาดเพียงแค่เขาทำเป็นไม่สนใจเท่านั้นเมื่อสาวใช้ค่อย ๆ เดินออกไปจากห้องและปิดประตูห้อง“ทำไมหรือ ยังลุกไม่ไหวงั้นหรือเช่นนั้นจะให้ข้าแต่งกายให้เจ้าด้วยหรือไม่”“ไม่ต้องเพคะ เพียงแค่แต่งตัวหม่อมฉันทำเองได้เพคะไม่รบกวนพระวรกายอันมีค่าของพระองค์”“ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังโกรธที่แพ้สินะ”“หม่อมฉัน!!…เพียงแค่สลบไปก่อนไม่ถือว่าแพ้”ท่านอ๋องทรงแย้มพระสรวลออกมาเล็กน้อยแต่กลับทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของฟู่ซิ่วอิงพองโตอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเขาเดินมาใกล้ ๆ และก้มลงมาหานางที่นั่งห่อตัวอยู่บนเตียง“แพ้ก็คือแพ้ หากว่าเจ้าอยากจะแก้มือ คืนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้า”“ผู้ใด….ผะ ผู้ใดจะทำเช่นนั้นเพคะ หม่อมฉันจะแต่งตัวเชิญพระองค์ออกไปก่อน”“ช่วยไม่ได้ตอนนี้ข้าเสร็จงานแล้วและกำลังว่าง อีกอย่างห้องนี้ก็ถูกจัดเป็นห้องของพวกเรา เจ้าคงไม่ว่าหากข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ เชิญเจ้าแต่งตัวตามสบายข้าจะนั่งจิบชารออยู่ที่นี่และไปห้องเสวยพร้อมกับเจ้า เหตุใดยังไม่ลุกขึ้นมาอีก หรือจะให้ข้า…”“ไม่เพคะ ไม่ต้องเพคะหม่อมฉันจัดการเอง”ซิ่วอิงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเ
ฟู่ซิ่วอิงพอจะทราบว่านางคือบุตรีของท่านราชครูเมิ่งที่พึ่งย้ายมาหลังจากที่ท่านอ๋องเสด็จมายังเมืองหลิงโจว และนางยังเป็นสตรีที่คู่ควรกับตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องข้าง ๆ นี้มาก่อนหากมิได้นับเหตุการณ์ที่นางและท่านอ๋องถูกวางยาพิษในครั้งก่อนจนต้องอภิเษกกันในวันนี้และเมื่อเช้าก็เป็นนางที่มารอเข้าเฝ้าท่านอ๋องทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพึ่งผ่านงานอภิเษกมาได้เพียงคืนเดียว“แม่นางเมิ่ง เจ้ามาที่นี่ทำไมงั้นหรือ หรือว่าเจ้าก็มาไหว้พระด้วยเช่นกัน”“หึ ไหว้พระในเวลาเช่นนี้ ช่างดูน่าเชื่อเสียจริง ๆ คนตาบอดยังมองออกเลยว่านางตามขบวนเสด็จมา”“พระชายาอย่าเสียมารยาทสิ”“นั่นสิเพคะ นางเป็นแขกของพระองค์เช่นนั้นก็เชิญเข้าเฝ้ากันตามสบายเถิดเพคะ หม่อมฉันไม่รบกวนขอตัวไปเดินดูด้านโน้นก่อน ที่นี่มีสิ่งที่ทำให้หม่อมฉันทั้ง “ตื่นตาตื่นใจ" และ…"น่าแปลกใจ" อยู่ไม่น้อยเลย ไปกันเถอะจินฝู"“พระชายา แม้นว่าข่าวลือที่ว่าพระองค์จะไร้มารยาทไปบ้างตามฐานะบุตรขุนนางต่างเมืองแต่หม่อมฉันไม่คิดว่า…จะมิรู้ความถึงเพียงนี้ ขออภัยที่หม่อมฉันบังอาจวิจารณ์ตามที่เห็นนะเพคะแต่เมื่อเทียบกับสตรีที่มากด้วยความรู้เหมือนสตรีในเมืองหลวงแล้ว...ยังนับว่าด้อ
ท่านอ๋องเดินตามพระชายามาถึงด้านหลังอาราม นางกำลังคุยกับเจ้าอาวาสที่กำลังแนะนำสถานที่ในวัดให้โดยละเอียดและเจ้าอาวาสก็กำลังเดินกลับเข้าไปในอารามแม้ว่ากิริยาที่นางพูดกับเมิ่งลี่ถิงนั้นจะดูไม่ค่อยให้เกียรติอีกฝ่ายเท่าใดแต่นางกลับมีท่าทางนอบน้อมกับเจ้าอาวาส ซึ่งท่านอ๋องพอจะเข้าพระทัยแล้วว่านางคงเลือกปฏิบัติจากท่าทางของอีกฝ่ายเป็นแน่“พระชายา กลับได้แล้วล่ะ”“แขกของพระองค์เล่าเพคะ"“นางกลับไปแล้ว แล้วอีกอย่างหนึ่งข้าก็มิได้เชื้อเชิญนางมา ดังนั้นจะเรียกว่าแขกคงจะไม่ได้”“เช่นนั้นคงต้องเรียกว่าสตรีในพระทัยมากกว่าสินะเพคะ”“ฟู่ซิ่วอิง นี่เจ้าไม่พอใจงั้นหรือ”“พระองค์ตรัสว่าจะกลับแล้วมิใช่หรือเพคะ”“หากว่าเจ้าแสดงท่าทีเช่นนี้ข้าเองก็คงคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากเจ้ากำลังแสดงอาการหึงหวงข้าอยู่”“พูดเหลวไหล!!…..…ทรงตรัสอะไรเพคะหม่อมฉันเพียงแค่รู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายเท่านั้น หากว่าคืนนั้นไม่เกิดเรื่อง….ช่างมันเถิดเพคะ”ฟู่ซิ่วอิงยังคิดถึงเรื่องครั้งก่อนตอนงานเลี้ยงที่ตนเองต้องสูญเสียพรหมจรรย์ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดนั่น คืนแห่งความอัปยศนั่นทำให้นางรู้สึกอับอายเป็นที่สุดหากว่าเขามิใช่ท่านอ๋องนางคงเลื
“แต่ว่าท่านอ๋องจะทรงยอมให้ท่านจากไปง่าย ๆ หรือเจ้าคะ พวกท่าน…เอ่อ….”“ช่างเถอะ เรื่องเช่นนั้นในยามนี้เวลานี้ไม่มีความสำคัญสำหรับข้าแล้ว”ซิ่วอิงจดจำเกี่ยวกับคืนแรกระหว่างนางและเขาไม่ได้เลย พรหมจรรย์สตรีที่สู้อุตส่าห์รักษามาเนิ่นนานเกือบสิบแปดปีแปดเปื้อนไปภายในค่ำคืนเดียวอีกทั้งนางยังไม่มีสติอีกด้วย พอตื่นมาก็พบว่าตนเองถูกทำลายวรยุทธ์จนแทบไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเอ่ยปากพูด“อะไรกันนี่ บัญชีนี้ก็ดูเรียบร้อยดีนี่นา แล้วให้ข้ามาตรวจอีกทำไมกัน”“ก็คงจะให้ตรวจตามหน้าที่เจ้าค่ะ หากว่าท่านตรวจแล้วก็ลงนามด้านหลังแล้วส่งไปที่คลังบัญชีก็จบหน้าที่แล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ได้สิ ในเมื่อรับหน้าที่มาแล้วจะทำแบบขอไปทีหาได้ไม่ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก็เสียชื่อสกุลฟู่ของข้าเสียหมด”“เจ้าค่ะ”สมุดบัญชีรายรับรายจ่ายเล่มแล้วเล่มเล่าถูกนางตรวจจนละเอียดเกือบทุกเล่ม แม้ว่าอยากจะทำให้เสร็จแต่ภารกิจเหล่านี้ก็หนักเกินกว่าจะทำเพียงวันเดียวเสร็จ“พักก่อนเถิดเจ้าค่ะคุณหนู นี่ก็เริ่มดึกแล้วท่านอ๋องคงกลับเข้าห้องบรรทมไปแล้ว”“ช่างเขาสิข้าขอดูให้จบเล่มนี้เสียก่อน ว่าแต่พรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง”“พรุ่งนี้จะเป็นการตรวจห้องเครื่องและต
ซิ่วอิงไม่รอช้าและเริ่มเปลี่ยนไปใช้ลิ้นกับหน้าอกของเขาแทน ท่านอ๋องส่งเสียงครางแหบต่ำเพราะความเสียวสุดชีวิตที่ไม่เคยพบพานมาก่อนนางช่างร้ายกาจนักที่สามารถเอาชนะความเป็นเอกบุรุษเช่นเขาได้จนทำให้เขายอมสยบแม่เสือเช่นนางบนเตียง แขนของเขาหลุดจากเชือกที่นางมัดเอาไว้และจับตัวนางได้ในที่สุด“อ๊ะ!! เป็นไปไม่ได้ ท่าน…”นางหันไปมองข้อมือของเขาที่แดงจนเริ่มมีเลือดไหลซิบออกมาเล็กน้อยเพราะแรงรัด นางมั่นใจว่ามัดเขาเอาไว้แน่นและวิธีการนี้ไม่เคยมีผู้ใดรอดมาได้ แต่ว่าท่านอ๋องกลับ…“นี่พระองค์…เหตุใดจึงทำร้ายพระวรกายพระองค์เองเช่นนี้เล่าเพคะ”“อย่าตกใจ ข้าเพียงอยากจะทำเท่านั้น อย่ากลัวจนตัวสั่นเช่นนี้เจ้ามิได้ทำอะไรผิด เรารีบจัดการให้จบศึกนี้เถอะพระชายาข้ายอมให้เจ้าสักครั้งก็ได้ อย่างไรสามีภรรยาก็มิต่างกับคนเดียวกัน”“แต่ว่า…บาดแผลของพระองค์ อ๊าา!!”“อย่าพึ่งพูดเวลาที่ข้าต้องการเจ้าเช่นนี้ อื้มมม…”จุมพิตเร่าร้อนถูกส่งไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนน้ำอุ่น ๆ ไหลเข้าไปด้านในกายของพระชายา ร่างทั้งสองเกร็งกระตุกขึ้นพร้อมกันพร้อมกับเสียงร้องที่ดังจนจับใจความไม่ได้ว่าผู้ใดที่ร้องดังกว่ากัน ร่างบางฟุบลงกับอกกว้างอย่างอ
“มิได้หงุดหงิดเสียหน่อย ท่านหลงตัวเองเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”“ก็ได้ ๆ ไม่หงุดหงิดไม่โมโหเลยสินะ แล้วเหตุใดคิ้วเจ้าจึงขมวดชนกันยุ่งเหยิงเช่นนี้เล่ามาให้ข้าดูหน่อยสิ”เขาจับใบหน้านางและดึงเข้ามาหอมไปที่หน้าผากหนึ่งที องครักษ์หนุ่มและสาวใช้ของนางถึงกับต้องหันหน้าหนีเพราะเขินอายแทนพวกเขาแต่ทั้งคู่เองก็ต้องลอบยิ้มไปกับความน่ารักของทั้งสองพระองค์ที่ดูรักใคร่กันดี“ท่าน!!”“อ๊ะ ๆ เจ้าอย่าลืมสิว่าเราไม่เปิดเผยฐานะ ไหนเรียกว่าท่านพี่ดี ๆ สิ ข้าจะป้อนเสี่ยวหลงเปานี่เป็นรางวัล เร็ว ๆ เข้า”“คนเจ้าเล่ห์”“ฮูหยินเจ้ากำลังพูดอะไรงั้นหรือ หากพูดเช่นนี้คืนนี้เจ้าอาจจะต้อง….”“ท่านพี่อย่าข่มขู่กันสิเจ้าคะข้าจำได้ว่าข้าชนะท่านนะเจ้าคะ”“กินเสี่ยวหลงเปาของเจ้าไปเลย เอ๊า!!”“อื้มม….อร่อย”ซิ่วอิงอ้าปากเคี้ยวเสี่ยวหลงเปาของโปรดของนางเข้าปากอย่างว่าง่าย ท่านอ๋องมองนางอย่างเอ็นดูและใช้ผ้าเอื้อมไปเช็ดปากให้นางอีกด้วยท่ามกลางคนมากมายยังมีอีกโต๊ะหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นคนที่พึ่งเดินทางมาจากต่างเมืองที่นั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะที่นางนั่งเท่าใดนัก“ใช่ ข้าก็ได้ยินข่าวมาเช่นนั้น นอกเมืองนั่น…ฆ่าล้างสกุลหลินเพื่อชิงอาวุธ
พระชายาเดินออกมาด้วยท่าทางที่เดินแทบไม่ไหวและพันแผลเกือบทั้งแขนโดยมีจินฝูเป็นผู้พยุงเดินออกมาพร้อมกับทหารองครักษ์ที่ยกเก้าอี้มาให้นาง เสี่ยวหมิงเป็นผู้ยกมาให้นางเอง“พระชายา พระวรกายพระองค์ยังไม่หายดีประทับที่เก้าอี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจ....เสี่ยวหมิง….แม่นางเมิ่ง พวกเจ้ายังทำร้ายข้าไม่พออีกงั้นหรือ เหตุใดจึงได้….มาก่อกวนถึงที่นี่อีก”“พระชายาเพคะ!! จินฝู เสี่ยวหมิง!! เหตุใดพวกเจ้าจึงพาพระชายาเสด็จมาถึงที่นี่ ท่านหมอบอกแล้วว่าพระชายาต้องพักฟื้น บาดแผลของพระองค์เต็มพระวรกายทั้งข้างนอกแล้วยังช้ำในเช่นนี้ยังจะ….”“หมัวมัว….ไม่เป็นไร แม่นางเมิ่ง เจ้ามาที่นี่….เพื่อมาขออภัยโทษ หรือว่า…แคก แคก”""พระชายาเพคะ""เสียงสาวใช้และหมัวมัวเดินมาและกันตัวของฟู่ซิ่วอิงที่พันผ้าพันแผลทั้งที่แขนทั้งสองข้าง คอและบาดแผลที่ริมฝีปากที่ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมา ผู้คนที่มามุงดูเริ่มสีหน้าไม่ดีเมื่อเห็นสภาพของพระชายาที่บาดเจ็บสาหัส ในสายตาพวกเขา อาการของนางดู "ร่อแร่" เต็มที“นี่พระนางบาดเจ็บถึงเพียงนี้เชียวหรือ พวกนางทำอะไรกับพระชายากันแน่”"แล้วยังกล้ามาก่อกวนถึงที่นี่แทนที่พระองค์จะได้พักผ่อน ช่างไร้มารย
ทั้งสองร่างยังก่ายกอดและขยับกายอยู่ใต้น้ำมิหยุดหย่อน ซิ่วอิงที่เริ่มกอดรัดท่านอ๋องมากขึ้นเพราะนางใกล้จะถึงฝั่งเต็มทีแล้ว ท่านอ๋องทรงทราบสัญญาณนี้ดีเขาจึงได้รีบเร่งแรงกระแทกเข้าไปจนทั้งสองร้องขึ้นมาพร้อมกันน้ำที่สาดกระเซ็นไปจนทั่วห้องอาบน้ำทำให้ท่านอ๋องมิอาจปล่อยให้พระชายาของพระองค์เดินเองได้เพราะเกรงว่านางจะลื่นและหกล้ม เขารับหน้าที่อุ้มนางขึ้นมาและเช็ดกายให้นางด้วยตนเองพร้อมกับอุ้มพระชายากลับไปยังห้องบรรทม“หิวหรือไม่”“นิดหน่อยเพคะ”“เช่นนั้นก็รีบกินข้าวก่อนจะได้กินยา ข้าเห็นว่าบาดแผลฟกช้ำของเจ้ายังไม่หายดีดังนั้นคืนนี้เจ้าต้องพักผ่อน”“ก็ได้เพคะ!!”ซิ่วอิงเดินออกไปยังห้องเสวยส่วนพระองค์ข้าง ๆ เนื่องด้วยนางยังไม่หายดีดังนั้นสาวใช้จึงยกสำรับของทั้งสองพระองค์มาส่งที่ห้องนี้ซิ่วอิงนั่งกินข้าวโดยไม่รอท่านอ๋องซึ่งทำเอารุ่ยหยาง อ๋องหนุ่มถึงกับแปลกพระทัยไม่น้อยเพราะไม่คิดว่านางจะโกรธเขา“ซิ่วอิง เจ้าหิวมากเลยงั้นหรือถึงได้ไม่รอข้า”“ก็จะรีบกินข้าว ดื่มยาแล้ว "นอนพักผ่อน" เพคะ"ท่านอ๋องรู้โดยทันทีเมื่อนางพูดเน้นย้ำเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเข้าใจแล้วว่าพระชายาของเขาต้องการสื่อถึงสิ่งใดเพราะก่อนห
ฉางอ๋องเดินเข้ามาในห้องของนาง เมื่อเห็นกองสมุดบัญชีตรงหน้านางก็เริ่มรู้สึกเห็นใจที่นางต้องมาทำงานหนักทั้ง ๆ ที่ยังไม่หายดีเช่นนี้“หม่อมฉันเปล่านะเพคะเพียงแค่คิดว่าพระองค์อาจจะติดภารกิจแต่ว่าหม่อมฉันต้องรีบกินยาและต้องมาสะสางงานเหล่านี้ต่อเพราะไม่อยากทิ้งเอาไว้หลายวัน”“ไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวงานพวกนี้ข้าจะให้เสี่ยวหมิงหาคนมาช่วยทำแทนก็แล้วกัน”“ไม่ได้นะเพคะ งานเหล่านี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของ…”“แต่ว่าเจ้ายังบาดเจ็บอยู่และยังมีอย่างอื่นต้องทำ ไปเถอะรีบไปกินข้าว พรุ่งนี้จะไปสกุลฟู่แล้วเจ้าไม่รีบเตรียมตัวหรือ”“ได้เพคะ ไปกินข้าวกันเพคะ”ซิ่วอิงยิ้มพลางเดินมาเกาะแขนของเขาราวกับเด็กน้อยที่ดีใจเมื่อได้ของเล่นถูกใจ ท่านอ๋องพานางเดินมายังห้องเสวยเพื่อกินข้าวกลางวันวันนี้เขาจะให้นางพักผ่อนให้เต็มที่เพราะในช่วงบ่ายท่านอ๋องและเสี่ยวหมิงจะออกไปนอกเมืองแต่แน่นอนว่าเรื่องนี้เขามิได้บอกพระชายาตอนเย็นซิ่วอิงลุกจากเตียงเมื่อได้ดื่มยาของท่านหมอ เมื่อลุกขึ้นมาได้นางจึงรีบเดินไปจัดเตรียมของใช้ส่วนตัวเพื่อรอที่จะกลับไปเยือนสกุลฟู่อีกครั้ง“คุณหนูท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้วล่ะ นี่จินฝูท่านอ๋องยังไม่ก
“จนป่านนี้เจ้าก็ยังจะโทษผู้อื่น เหตุใดจึงไม่โทษตัวเองที่มิอาจยับยั้งชั่งใจจนตกเป็นเครื่องมือของนางได้”“ท่านพ่อ!! ท่านกำลังจะพูดว่าข้าโง่และหลงกลคนแซ่ฟู่เช่นนั้นหรือเจ้าคะ”“เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร นางเกิดในสกุลแม่ทัพ ต่อให้นาง….ไร้วรยุทธ์ไปแล้วก็ใช่ว่านางจะไร้เล่ห์เหลี่ยมที่เอาไว้จัดการเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่คิดการให้รอบคอบก่อนแล้วยังไปทำเรื่องเช่นนี้ลงไป ต่อให้ข้าเป็นท่านอ๋องก็คงละเว้นเจ้าไม่ได้ในสถานการณ์แบบนั้น”“ท่านพ่อจะพูดว่า ท่านอ๋องสั่งลงโทษลูกก็เพราะสถานการณ์บังคับงั้นหรือเจ้าคะ”“แล้วเจ้าคิดว่านอกจากสั่งลงโทษเจ้าแล้วท่านอ๋องยังมีทางเลือกอื่นอีกงั้นหรือ หากไม่ทำเช่นนี้ผู้คนมากมายจะคิดเช่นไรและหากว่าเจ้ามิได้ไปติดคุกจริง ๆ เรื่องมันจะจบง่ายเช่นนี้งั้นหรือเจ้าคิดดูสิ”“แต่ว่า…แต่ว่าเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว เขามิให้ข้าเรียกขานนามของเขาอีกแล้ว”“ถิงเอ๋อร์ เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าในตอนนี้ท่านอ๋องมิได้…ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว พระองค์ทรงอภิเษก…”“ไม่!! ข้าไม่อยากฟัง ข้าไม่ยอมรับ!! ท่านพ่อลูกอยากจะพักผ่อนแล้วเจ้าค่ะ ท่านออกไปก่อนเถอะ”“ถิงเอ๋อร์ต่อให้พ่อไม่พูด ความจริงที่ว่าท่านอ๋องทรงอภิเษกไปแ
เสี่ยวหมิงรับจดหมายนั้นมาและเป็นผู้ที่นำเอาไปให้กับบัณฑิตหวังที่ถูกส่งมาจากจวนราชครูเมิ่งพร้อมกับแจ้งตามคำสั่งท่านอ๋องราวกับถอดพระราชดำริของท่านอ๋องมาคำต่อคำ“เอ่อ แต่ว่าคุณหนูเมิ่งเป็นถึง….”“ท่านบัณฑิตท่านอ๋องทรงฝากเตือนท่านมาว่า บัณฑิตย่อมมีคุณธรรมนำจิตใจที่สูงส่งถึงจะเรียกว่าวิญญูชนอย่างแท้จริง เรื่องนี้ผิดถูกท่านเองก็ควรจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ท่านอ๋องทรงฝากจดหมายนี้ให้ท่านมอบให้กับท่านราชครูขอรับ”“เอ่อ…เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน”“ขออภัยที่ไม่ส่ง ลาก่อน”บัณฑิตหวังเดินกลับออกมาพร้อมกับจดหมายในมือ เขาเดินออกมาและหันกลับไปมองในตำหนักท่านอ๋องอีกครั้งพร้อมกับรำพึงออกมาเบา ๆ“ราชครูเมิ่ง ท่านเล่นงานผิดคนเสียแล้ว ท่านอ๋องมิใช่อ้อยหวานที่เคี้ยวง่ายอย่างที่ท่านคิด พยัคฆ์ซ่อนเล็บน่ากลัวที่สุด ครั้งนี้ข้าเกือบจะทำผิดพลาดไปเพราะหลงเชื่อในคำของขุนนางเก่าแก่ไปเสียแล้ว”จวนราชครูเมิ่ง“อะไรนะ!! แม้แต่บัณฑิตอันดับหนึ่งก็ไม่ยอมให้เข้าเฝ้างั้นหรือ นี่มันเป็นไปได้เช่นไรกัน”“ขอรับ ท่านอ๋องทรงตรัสว่าพระชายาบาดเจ็บสาหัสจากเรื่องในวันนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท่านอ๋องทรงกริ้วมากเนื่องจาก…เอ่อ คุณหนูทำ
เสี่ยวหมิงเดินกลับไปเมื่อสั่งการเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยไม่หันมามองเมิ่งลี่ถิงอีก นับจากวันนี้เขาสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะปกป้องพระชายาด้วยชีวิตและจะไม่ยอมให้คนสกุลเมิ่งมาทำร้ายพระชายาของท่านอ๋องอีกตำหนักท่านอ๋องท่านอ๋องอุ้มพระชายาที่ตัวเปื้อนเลือดเข้ามา หมัวมัวและสาวใช้ต่างตกใจกันจนทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นพระชายาในสภาพเช่นนี้"รีบตามหมอหลวงมาเร็ว ๆ เข้า!!"“พะ เพคะท่านอ๋อง แย่แล้วเร็ว ๆ เข้ารีบให้คนไปตามท่านหมอ เจ้าน่ะ รีบไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้ามา จินฝู!! เร็วเข้าเจ้ารีบไปเตรียมชุดมาเปลี่ยนให้พระชายาเร็ว”“เจ้าค่ะหมัวมัว”ท่านอ๋องพาซิ่วอิงเดินเข้าไปในห้องบรรทมและจัดการถอดชุดคลุมด้านนอกของนางออก จินฝูที่วิ่งนำชุดใหม่มาให้พระชายาเปลี่ยนก็ถูกสั่งให้เอาวางไว้ ฟู่ซิ่วอิงในตอนนี้ยังมีสติอยู่แต่ท่านอ๋องทำราวกับว่านางบาดเจ็บหนักจนเกือบตายก็มิปาน“ข้าจะเปลี่ยนชุดให้นางเอง เจ้ารีบไปเตรียมน้ำและผ้ามาเช็ดหน้าให้นาง”“เพคะท่านอ๋อง”“หม่อมฉัน…ทำเองก็ได้เพคะเพียงแค่เปลี่ยนชุด หม่อมฉันมิได้ป่วยใกล้ตายนะเพคะ”“เจ้านอนเฉย ๆ ไปเถอะ ถูกตีขนาดนี้เหตุใดเจ้าไม่เรียกให้ผู้อื่นช่วยแล้วสาวใช้เจ้าไปที่ใดเหตุใดจินฝูจึงไ
สาวใช้ของสกุลเมิ่งรีบปล่อยตัวพระชายาฟู่ซิ่วอิงทันที ท่านอ๋องผลักเมิ่งลี่ถิงออกไปให้พ้นทางพร้อมกับพยุงพระชายาและช้อนตัวอุ้มนางขึ้นมาทันที“เสี่ยวหมิง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”“จับตัวผู้ที่ก่อเรื่องไปส่งที่ศาลาว่าการให้หมด เพื่อลงโทษให้สาสมและชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด!!”“ท่านอ๋องเพคะ!! หม่อมฉันเปล่านะเพคะ….นางเริ่มก่อน นางดูถูกหม่อมฉันและ…”“ซิ่วอิงเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ผู้ใดทำเจ้าบาดเจ็บบอกข้ามา”“ท่านพี่….ข้าขอร้องพวกนางแล้วแต่ว่า….”ถึงคราวของดอกบัวดำเช่นฟู่ซิ่วอิงเอาคืนแล้ว มีหรือนางจะยอมให้คนอย่างเมิ่งลี่ถิงตบตีหากมิได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว เริ่มจากยั่วยุให้นางสติแตกและทำลายข้าวของเมื่อถึงเวลานางเห็นแล้วว่าทหารกลับไปที่หออี้จูเพื่อแจ้งท่านอ๋องนางจึงยอมให้สาวใช้สกุลเมิ่งจับตัวและยอมถูกตบเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ท่านอ๋องหันไปมองหน้าเมิ่งลี่ถิงที่ตัวเลอะไปด้วยแป้งทั้งตัว“เจ้าทำร้ายนางงั้นหรือ”“ไม่นะเพคะท่านอ๋อง ฟู่ซิ่วอิง!!…นางต่อว่าหม่อมฉันก่อนและยัง…พังร้านอีกทั้งใช้ของในร้านทำร้ายหม่อมฉันคนที่อยู่ในร้านเป็นพยานให้หม่อมฉันได้ทั้งหมดเพคะ”“คุณหนู เจ้าเป็นผู้สั่งให้สาวใช้จับนางเอาไว้และเจ้าเป็นผู้ต
“มิได้หงุดหงิดเสียหน่อย ท่านหลงตัวเองเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”“ก็ได้ ๆ ไม่หงุดหงิดไม่โมโหเลยสินะ แล้วเหตุใดคิ้วเจ้าจึงขมวดชนกันยุ่งเหยิงเช่นนี้เล่ามาให้ข้าดูหน่อยสิ”เขาจับใบหน้านางและดึงเข้ามาหอมไปที่หน้าผากหนึ่งที องครักษ์หนุ่มและสาวใช้ของนางถึงกับต้องหันหน้าหนีเพราะเขินอายแทนพวกเขาแต่ทั้งคู่เองก็ต้องลอบยิ้มไปกับความน่ารักของทั้งสองพระองค์ที่ดูรักใคร่กันดี“ท่าน!!”“อ๊ะ ๆ เจ้าอย่าลืมสิว่าเราไม่เปิดเผยฐานะ ไหนเรียกว่าท่านพี่ดี ๆ สิ ข้าจะป้อนเสี่ยวหลงเปานี่เป็นรางวัล เร็ว ๆ เข้า”“คนเจ้าเล่ห์”“ฮูหยินเจ้ากำลังพูดอะไรงั้นหรือ หากพูดเช่นนี้คืนนี้เจ้าอาจจะต้อง….”“ท่านพี่อย่าข่มขู่กันสิเจ้าคะข้าจำได้ว่าข้าชนะท่านนะเจ้าคะ”“กินเสี่ยวหลงเปาของเจ้าไปเลย เอ๊า!!”“อื้มม….อร่อย”ซิ่วอิงอ้าปากเคี้ยวเสี่ยวหลงเปาของโปรดของนางเข้าปากอย่างว่าง่าย ท่านอ๋องมองนางอย่างเอ็นดูและใช้ผ้าเอื้อมไปเช็ดปากให้นางอีกด้วยท่ามกลางคนมากมายยังมีอีกโต๊ะหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นคนที่พึ่งเดินทางมาจากต่างเมืองที่นั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะที่นางนั่งเท่าใดนัก“ใช่ ข้าก็ได้ยินข่าวมาเช่นนั้น นอกเมืองนั่น…ฆ่าล้างสกุลหลินเพื่อชิงอาวุธ
ซิ่วอิงไม่รอช้าและเริ่มเปลี่ยนไปใช้ลิ้นกับหน้าอกของเขาแทน ท่านอ๋องส่งเสียงครางแหบต่ำเพราะความเสียวสุดชีวิตที่ไม่เคยพบพานมาก่อนนางช่างร้ายกาจนักที่สามารถเอาชนะความเป็นเอกบุรุษเช่นเขาได้จนทำให้เขายอมสยบแม่เสือเช่นนางบนเตียง แขนของเขาหลุดจากเชือกที่นางมัดเอาไว้และจับตัวนางได้ในที่สุด“อ๊ะ!! เป็นไปไม่ได้ ท่าน…”นางหันไปมองข้อมือของเขาที่แดงจนเริ่มมีเลือดไหลซิบออกมาเล็กน้อยเพราะแรงรัด นางมั่นใจว่ามัดเขาเอาไว้แน่นและวิธีการนี้ไม่เคยมีผู้ใดรอดมาได้ แต่ว่าท่านอ๋องกลับ…“นี่พระองค์…เหตุใดจึงทำร้ายพระวรกายพระองค์เองเช่นนี้เล่าเพคะ”“อย่าตกใจ ข้าเพียงอยากจะทำเท่านั้น อย่ากลัวจนตัวสั่นเช่นนี้เจ้ามิได้ทำอะไรผิด เรารีบจัดการให้จบศึกนี้เถอะพระชายาข้ายอมให้เจ้าสักครั้งก็ได้ อย่างไรสามีภรรยาก็มิต่างกับคนเดียวกัน”“แต่ว่า…บาดแผลของพระองค์ อ๊าา!!”“อย่าพึ่งพูดเวลาที่ข้าต้องการเจ้าเช่นนี้ อื้มมม…”จุมพิตเร่าร้อนถูกส่งไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนน้ำอุ่น ๆ ไหลเข้าไปด้านในกายของพระชายา ร่างทั้งสองเกร็งกระตุกขึ้นพร้อมกันพร้อมกับเสียงร้องที่ดังจนจับใจความไม่ได้ว่าผู้ใดที่ร้องดังกว่ากัน ร่างบางฟุบลงกับอกกว้างอย่างอ