จวนอ๋อง / ห้องรับรองแขกในตำหนัก
“เจ้า!!….เหตุใด...เจ้าถึงได้มาอยู่....ที่นี่!!”
“หม่อมฉัน….ไม่ทราบเพคะ กะ..เกิดอะไรขึ้น”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ….ด้านนอกโวยวายกันใหญ่แล้ว บุตรีท่านแม่ทัพฟู่หายตัวไปพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ากำลังหมายถึง…..นางใช่หรือไม่”
"ฉางรุ่ยหยาง" ท่านอ๋องผู้ปกครองเมืองหลิงโจว พระโอรสคนที่หกของฮ่องเต้กับพระสนม “ฉางลู่เฟย” หันมาถามองครักษ์หนุ่มข้างกายนามว่า “เสี่ยวหมิง”
“ท่านอ๋อง!!…หรือว่านางคือ….”
“เจ้าคือผู้ใด เหตุใดจึงมานอนเปลือยกายอยู่ในห้องของข้าได้”
“หม่อมฉัน!!…”
“ฟู่ซิ่วอิง!! เป็นเจ้าจริง ๆ เหตุใดจึงได้มาอยู่ที่นี่”
“ท่านพ่อ ข้า…”
“ท่านอ๋อง นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน เจ้ารีบสวมชุดเสียเถอะแล้วออกไปคุยกันข้างนอก เสี่ยวหมิง!! ปิดประตู!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์หนุ่มหันไปปิดประตูและพาคนที่มุงอยู่ที่หน้าห้องรับรองแขกออกไป ส่วนด้านในห้องในยามนี้มีเพียงเขาและนางที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความสงสัยและสภาพที่กึ่งโป๊เปลือยและดูเหมือนว่านางและบุรุษหนุ่มตรงหน้านี้ จะมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นเพราะท่านอ๋องเองก็อยู่ในสภาพที่มิได้ต่างจากนางมากนัก
“ขวับ!!”
ดาบสีเงินคมกริบพาดมาที่ไหล่ของนางอย่างจงใจ “ฟู่ซิ่วอิง” ที่มิทันได้เตรียมใจหันไปมองเขา นางในตอนนี้ไม่สามารถขยับกายได้เพราะความปวดร้าวตั้งแต่ช่วงหน้าท้องลงไปถึงขาราวกับถูกฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ แม้แต่แรงที่จะพูดกับเขาก็แทบจะไม่มีเหลือ นางถูกพิษอะไรเข้าไปกันแน่
“เจ้าบอกข้ามาดี ๆ เหตุใดเจ้าจึงต้องวางยาข้าเพื่อทำเรื่องเช่นนี้!!”
“วะ ว่าอย่างไรนะเพคะ วางยางั้นหรือ มะ ไม่จริง หม่อมฉันไม่รู้เรื่อ….”
ดาบค่อย ๆ ขยับเพื่อให้นางเงยหน้าขึ้นมาตอบ ม่านน้ำตาที่เริ่มไหลรินเพราะพระพักตร์ที่เย็นชาและสายตาแห่งความเกลียดชังไม่ต่างกับน้ำกรดที่แสบร้อนสาดมาใส่ทั้งตัวนาง แต่นางเองก็หารู้ไม่ว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร
“นึกไม่ถึงว่าจวนแม่ทัพจะกล้าทำเรื่องที่อัปยศเช่นนี้ได้”
“เปล่านะเพคะ หม่อมฉันมิได้…”
“หากเจ้ามิได้ทำ เช่นนั้น….”
“หม่อมฉัน…โอ๊ย!!”
ท่านอ๋องดึงดาบกลับเมื่อเห็นว่าสตรีตรงหน้าล้มตัวฟุบไปกับผ้าห่มเพราะความเจ็บปวด เขาต้องรู้แน่อยู่แล้วว่าระหว่างเขากับนางเกิดอะไรขึ้นเพราะเมื่องานเลี้ยงต้อนรับเมื่อคืนนี้
เขาดื่มหนักมาแต่ก็ไม่ถึงกับจำความไม่ได้ เมื่อเดินเข้ามาก็พบกับนางที่นอนกึ่งเปลือยอยู่บนเตียงเขาและ….
“นี่เจ้า!!…ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งก้านธูป รีบจัดการตัวเองเสียแล้วรีบตามข้าออกไปที่ห้องโถงเล็ก”
สิบวันถัดมา
ข่าวงานอภิเษกได้ถูกประกาศขึ้นหลังเหตุการณ์ชวนน่าสงสัยในคืนงานเลี้ยงต้อนรับท่านอ๋องสู่เมืองหลิงโจว เขาพึ่งจะเดินทางมารับตำแหน่งได้เพียงไม่กี่วันก็มีคนวางยาและส่งตัวบุตรีแม่ทัพเมืองหลิงโจวมาที่ห้องรับรองของเขาในตำหนัก
แม้ว่านางจะเป็นบุตรของแม่ทัพใหญ่เลื่องชื่อ แต่เขาที่ยังมิทันได้สืบรู้ความเป็นไปของขุนนางในเมืองนี้สักเท่าใดกลับต้องมาแต่งตั้งนางเป็นพระชายา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขากับบุตรีท่านราชครูถูกจับตามองว่าทั้งคู่จะเป็นคู่อภิเษกหลังจากที่เขาย้ายมาที่หลิงโจว
“อะไรนะเจ้าคะ ไม่ใช่ข้าแต่เป็น….คนสกุลฟู่!!”
“ลูกแม่เจ้าใจเย็น ๆ ก่อน”
“ไม่!! ผู้ใดก็ทราบว่าลูกกับท่านอ๋อง….ไม่ ลูกไม่มีทางเชื่อเหตุใดคืนนั้น...ไหนท่านแม่บอกว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยอย่างไรเล่าเหตุใดจึงได้เป็นนางที่เข้าไปในห้องบรรทมของท่านอ๋อง!!”
“ถิงเอ๋อร์!! เจ้าเงียบเสียงลงหน่อยสิ เจ้าฟังแม่ก่อนนะ”
“ไม่ ข้าไม่เชื่อ ข้าจะไปเข้าเฝ้าท่านอ๋อง ข้าจะ…"
“ไม่มีประโยชน์หรอก วันนี้ท่านอ๋องรับราชโองการและตกลงเรื่องพิธีอภิเษกแล้ว”
“ราชครูเมิ่งจ๋าย" เดินเข้ามาในห้องของบุตรสาวด้วยท่าทีที่สงบ สกุลเมิ่งได้รับคำสั่งให้ย้ายมาเพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับท่านอ๋องที่เมืองหลิงโจวแห่งนี้
และแน่นอนว่าทุกคนย่อมทราบดีว่าหลังจากทุกอย่างลงตัวแล้วท่านอ๋องคงมิพ้นที่จะอภิเษกกับ “เมิ่งลี่ถิง” บุตรีของท่านราชครูเป็นแน่ แต่ทว่าวันนี้นางกลับพลาดตำแหน่งพระชายาเอกไปเสียง่าย ๆ
“ไม่จริง!! ท่านพ่อไม่จริงใช่หรือไม่เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เพียงแค่บุตรสาวแม่ทัพต่ำต้อยนั่นจะสู้ฐานะบุตรีราชครูเช่นข้าได้เช่นไรกันเจ้าคะ มันต้องไม่เป็นความจริงลูกไม่ยอมนะเจ้าคะลูกสู้อุตส่าห์ตามท่านอ๋องมาถึงที่นี่ ข้าไม่ยอม!!"
“เจ้าทำอะไรไม่ได้แล้ว ฮ่องเต้ประทานราชโองการสมรสลงมาแล้ว สกุลฟู่เองก็รับไปแล้วงานอภิเษกจะถูกจัดขึ้นในอีกสิบวันข้างหน้านี้แล้ว”
“อะไรนะเจ้าคะ เหตุใดจึง….รวดเร็วปานนี้”
“ถิงเอ๋อร์ เรื่องนี้แม่ว่าเราค่อยคุยกันทีหลังเถอะนะ”
“ไม่ ข้าไม่เชื่อ ข้าจะไปเข้าเฝ้า ไม่จริง!!”
“จับนางเอาไว้ รอให้พ้นงานอภิเษกไปแล้วข้าถึงจะปล่อยนางออกไปนอกจวน ถิงเอ๋อร์ ใช่ว่าเรื่องนี้พ่อจะยินยอมแต่ตอนนี้เจ้าต้องตั้งสติเสียก่อน”
“ไม่นะท่านพ่อ!! ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะ ข้าคือพระชายาท่านอ๋อง ต้องเป็นข้าเพียงผู้เดียว ท่านพ่อ!!”
แม้ว่าจะรู้ว่าบุตรสาวเสียใจเพียงใดแต่ครั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นก็เป็นสิ่งที่แม้แต่ท่านอ๋องก็ปฏิเสธไม่ได้ งานอภิเษกถูกจัดขึ้นหลังจากนั้นตามกำหนดเวลา
เรื่องราวดูเหมือนจะไม่มีสิ่งผิดปกติใด ๆ เพราะทั้งคู่ต่างเข้าพิธีกันอย่างถูกต้อง แม้ว่าท่านอ๋องจะมิได้ยินยอมแต่เพราะความรับผิดชอบพระองค์จึงต้องทำ
งานอภิเษก / ห้องส่งตัว
“กรี๊ด!!!!! ช่วยด้วย!!! เร็ว ๆ เข้า พระชายา…..ฆ่าตัวตาย!!!”
“อะไรนะ!!!”
ผ้าแพรสีขาวพันผูกคอของเจ้าสาวในชุดสีแดงสดเอาไว้เมื่อทุกคนรวมถึงเจ้าบ่าวในงานที่เปิดประตูเข้าไปเพราะเสียงของตกในห้องแม่สื่อจึงตัดสินใจเปิดออก
ร่างของฟู่ซิ่วอิงร่วงลงมาและตกใส่ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าพระสวามีหมาด ๆ แต่สีหน้าและแววตาของเขาช่างตกใจได้อย่างเยือกเย็นนัก โชคดีที่นางไม่ทันได้เห็นว่าเขาดูมิได้เสียใจกับการที่พระชายาที่พึ่งร่วมพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและยังไม่ทันส่งตัวได้ตายลงก่อน
“เหตุใดข้าจึงอาภัพนัก แม้นจะได้อภิเษกกับท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ แต่ก็ถูกตราหน้าว่าแย่งบุรุษของสตรีอื่นอย่างหน้าไม่อาย ถูกนินทาว่าเป็นหญิงงามเมืองที่ไร้คุณสมบัติของพระชายา อีกทั้งยังมาตายในวันแต่งงานของตนเอง ไม่!! ข้าไม่ยอม!!”
“อิงเอ๋อร์”
“ทะ ท่านปู่….ท่านหรือเจ้าคะ”
“หลานปู่ คิดถึงเจ้าเหลือเกิน”
“ท่านปู่ ท่านมารับข้าไปอยู่ด้วยหรือเจ้าคะ หลานเหนื่อยเหลือเกินเจ้าค่ะ หลาน…”
“ไม่ หลานเป็นคนสกุลฟู่ เลือดในกายเจ้าเป็นเลือดของนักรบที่หลั่งเลือดเพื่อแผ่นดิน เจ้าจะมาตายโดยมิได้ลากคนชั่วมากระทำผิดเช่นนี้หาได้ไม่ ปู่มาเพื่อชี้ทางกลับไปให้เจ้า”
“แต่ว่าข้า….หลังจากถูกพิษนั่นแล้ว วรยุทธ์ของข้าก็เสื่อมถอย ยานั่นทำลายวรยุทธ์ข้าจนหมดสิ้น”
“เจ้ามิต้องกังวลใจไป หลานของข้ามีหรือที่จะให้กลับไปมือเปล่า เจ้าจงรับทุกอย่างที่บรรพบุรุษสกุลฟู่ทิ้งเอาไว้ให้รวมถึงเพลงดาบที่แข็งแกร่งที่สุดไป ลากคนชั่วออกมาและกำจัดให้สิ้นอย่าได้ปล่อยให้มันอยู่หนักแผ่นดินหลิงโจว”
“แต่ว่าหลาน…จะทำเช่นไรต่อเจ้าคะ”
“เจ้ากลับไปเจ้าก็จะรู้เองว่าต้องทำเช่นไร จงเชื่อในสัญชาตญาณแรกของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะทำสิ่งใดอย่าลืมว่าปู่จะอยู่กับเจ้าเสมอ”
“ท่านปู่ อย่าพึ่งไปเจ้าค่ะ”
ร่างของแม่ทัพฟู่เหลียงผู้เฒ่าค่อย ๆ ถอยออกไป นางจำได้เพียงวิ่งไล่ตามเท่าใดก็ไม่ทัน ยิ่งเอื้อมมือไปเท่าใดก็เอื้อมไม่ถึง
“ท่านปู่!!”
“พระชายา!!! พระชายาฟื้นแล้วเพคะท่านอ๋อง!!”
“อะไรนะ เจ้าบอกว่านาง….ฟื้นงั้นหรือ”ท่านอ๋องหันมาถามราวกับไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน เขาเป็นคนอุ้มนางไปวางที่เตียง ร่างของเจ้าสาวของเขานั้นสิ้นใจไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย หรือนางถูกยาพิษแกล้งตายเข้าไปงั้นหรือแต่เพื่อสิ่งใดกันในเมื่อนางตั้งใจใช้ผ้าแพรขาวผูกคอตายในห้องส่งตัวแห่งนี้“คุณหนูเจ้าคะ ท่านไม่เป็นอะไรจริง ๆ ใช่หรือไม่เจ้าคะ”สตรีที่พึ่งฟื้นขึ้นมาแต่ราวกับได้เกิดใหม่มองไปยังห้องส่งตัวที่ประดับด้วยสีแดงทั้งห้องทั้งเทียนคู่และจอกสุรามงคลที่ยังมิได้ถูกยกขึ้นมาดื่ม และตรงหน้าของนาง บุรุษหนุ่มในชุดสีเดียวกับนางค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ๆฟู่ซิ่วอิงพึ่งจะเห็นพระพักตร์ท่านอ๋องชัดเจนก็ในวันนี้เอง เขาเองก็ดูเหมือนจะพึ่งเห็นนางชัด ๆ ก็วันนี้เช่นกัน“เจ้า….”“จินฝูเจ้าออกไปก่อน”“แต่ว่า!!”“ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”“เช่นนั้น…”“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ต้องการหมอ ฟู่ซิ่วอิง”นางเพียงส่ายหัวตอบเขาเบา ๆ และพยายามคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ นางจำได้ว่านั่งอยู่ในห้องส่งตัวเพื่อรอเจ้าบ่าวและนางก็เริ่มง่วงและหลับไป มารู้อีกทีก็ถูกแขวนอยู่บนคานไม้ที่สูงและไร้เรี่ยวแรงจนสิ้นลมไปซิ่วอิงหันไปมองรอบ ๆ เมื่อจิ
แม้ว่าจะเจ็บเพราะความรัดแน่นที่แข็งแกร่งของมังกรของท่านอ๋องแต่ฟู่ซิ่วอิงก็ยังแอ่นกายรับเขา สัมผัสนี้ทำเอารุ่ยหยางถึงกับครางเสียงหลงออกมาและดึงนางมาจูบอย่างกระหาย พวกเขาต่างถูกไฟปรารถนาที่เร่าร้อนเข้าครอบงำจนมิอาจทนได้เมื่อเริ่มขยับกายและเร่งจังหวะขึ้น“อาาา….ซิ่วอิง!!”“ท่านอ๋อง….อ๊าาา ปละ…เปลี่ยนท่าเถิดเพคะ”“ได้สิ เจ้าอยากลองท่าใด”ซิ่วอิงทำราวกับมิใช่ตัวนางเองแต่ในเมื่อสัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดบอกให้นางต้องทำ นางลุกขึ้นหันหลังและแอ่นบั้นท้ายงามให้เขาอย่างจงใจและตบไปที่บั้นท้ายกลมกลึงนั้นเบา ๆ เพื่อยั่วยวนเขา ท่านอ๋องทนแทบไม่ไหวที่จะสอดมังกรเข้าไปทันทีเมื่อถูกนางเชื้อเชิญ“อาา….ท่านี้….เจ้าเจ็บหรือไม่”“ไม่เจ็บแล้วเพคะขยับเข้ามาอีก พระองค์เร่งเข้าเพคะ หม่อมฉันจะทนไม่ไหวแล้ว”คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันพ้นข้ามคืนแต่งงานท่านอ๋องก็จะตกอยู่ภายใต้คำสั่งของพระชายาอย่างง่ายดายเช่นนี้ แม้ว่านี่อาจจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบระหว่างเขากับนางแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นางเติมเต็มเขาได้อย่างเหลือล้นจริง ๆ“ท่านอ๋องเพคะ เร่งอีกเพคะ ใกล้แล้ว อ๊าา!!!”นางรู้สึกถึงน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลผ่านเข้ามาด้านในกายจนเผลอตอดรัดเข
เมิ่งลี่ถิงจำใจต้องเดินออกมาจากตำหนักท่านอ๋องด้วยมือเปล่า เดิมทีคิดว่าจะมาเพื่อสร้างรอยร้าวให้กับคนทั้งคู่เพราะถึงอย่างไรนางก็มั่นใจว่าท่านอ๋องต้องมีเยื่อใยและเป็นห่วงความรู้สึกนางอยู่บ้าง“อ๊าา ท่านอ๋อง อย่าพึ่งล้วงเข้ามาสิเพคะพระองค์ขี้โกงนี่ อร๊ายย….”“เจ้าท้าทายข้าก่อนนะพระชายา มือเจ้าก็ไม่ยอมปล่อยข้าเช่นกัน ฮึ๊ยย!! ซิ่วอิง!!”สงครามใต้น้ำในอ่างเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด เมื่อพูดจบแล้วท่านอ๋องก็ปิดปากนางด้วยจูบที่เร่าร้อน นิ้วมือที่กระดิกอยู่ในร่องกลีบด้านล่างก็ไม่ลดละเช่นกัน พอ ๆ กับอีกฝ่ายที่ใช้มือเรียวของนางรูดมังกรยักษ์กระตุ้นอยู่ใต้น้ำ“มาได้เสียทีข้าจะทนไม่ไหวแล้ว”“อันใดกันเพคะ เพียงเท่านี้ก็ทน…อ๊าา ท่านอ๋องอย่าพึ่งเลียสิเพคะ อ๊าา ก็ได้ ๆ ยอมแล้วเพคะ”ลิ้นหนาดูดดึงยอดอกจนช้ำเมื่อนางไม่ยอมสวมประสานกายเสียทีเอาแต่รูดมังกรของเขาจนเริ่มทนไม่ไหวดังนั้นเขาจึงต้องรีบกระตุ้นนางซึ่งก็ได้ผลร่างบางเอนแอ่นตามความคับแน่นใต้น้ำเมื่อร่องบุปผาของนางดูดกลืนมังกรของเขาเข้าไปและเริ่มขยับเอวเข้าหา เสียงน้ำที่ซัดกระเซ็นออกจากสระยิ่งทำให้อารมณ์ปรารถนาของทั้งคู่แตกกระเจิง“ข้าไม่มีทางเชื่อว่าท่านอ๋อง
จินฝูรีบเก็บผ้าแพรนั้นให้พ้นจากสายพระเนตรท่านอ๋องในทันทีแต่มีหรือที่คนอย่างฉางอ๋องจะพลาดเพียงแค่เขาทำเป็นไม่สนใจเท่านั้นเมื่อสาวใช้ค่อย ๆ เดินออกไปจากห้องและปิดประตูห้อง“ทำไมหรือ ยังลุกไม่ไหวงั้นหรือเช่นนั้นจะให้ข้าแต่งกายให้เจ้าด้วยหรือไม่”“ไม่ต้องเพคะ เพียงแค่แต่งตัวหม่อมฉันทำเองได้เพคะไม่รบกวนพระวรกายอันมีค่าของพระองค์”“ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังโกรธที่แพ้สินะ”“หม่อมฉัน!!…เพียงแค่สลบไปก่อนไม่ถือว่าแพ้”ท่านอ๋องทรงแย้มพระสรวลออกมาเล็กน้อยแต่กลับทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของฟู่ซิ่วอิงพองโตอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเขาเดินมาใกล้ ๆ และก้มลงมาหานางที่นั่งห่อตัวอยู่บนเตียง“แพ้ก็คือแพ้ หากว่าเจ้าอยากจะแก้มือ คืนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้า”“ผู้ใด….ผะ ผู้ใดจะทำเช่นนั้นเพคะ หม่อมฉันจะแต่งตัวเชิญพระองค์ออกไปก่อน”“ช่วยไม่ได้ตอนนี้ข้าเสร็จงานแล้วและกำลังว่าง อีกอย่างห้องนี้ก็ถูกจัดเป็นห้องของพวกเรา เจ้าคงไม่ว่าหากข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ เชิญเจ้าแต่งตัวตามสบายข้าจะนั่งจิบชารออยู่ที่นี่และไปห้องเสวยพร้อมกับเจ้า เหตุใดยังไม่ลุกขึ้นมาอีก หรือจะให้ข้า…”“ไม่เพคะ ไม่ต้องเพคะหม่อมฉันจัดการเอง”ซิ่วอิงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเ
ฟู่ซิ่วอิงพอจะทราบว่านางคือบุตรีของท่านราชครูเมิ่งที่พึ่งย้ายมาหลังจากที่ท่านอ๋องเสด็จมายังเมืองหลิงโจว และนางยังเป็นสตรีที่คู่ควรกับตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องข้าง ๆ นี้มาก่อนหากมิได้นับเหตุการณ์ที่นางและท่านอ๋องถูกวางยาพิษในครั้งก่อนจนต้องอภิเษกกันในวันนี้และเมื่อเช้าก็เป็นนางที่มารอเข้าเฝ้าท่านอ๋องทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพึ่งผ่านงานอภิเษกมาได้เพียงคืนเดียว“แม่นางเมิ่ง เจ้ามาที่นี่ทำไมงั้นหรือ หรือว่าเจ้าก็มาไหว้พระด้วยเช่นกัน”“หึ ไหว้พระในเวลาเช่นนี้ ช่างดูน่าเชื่อเสียจริง ๆ คนตาบอดยังมองออกเลยว่านางตามขบวนเสด็จมา”“พระชายาอย่าเสียมารยาทสิ”“นั่นสิเพคะ นางเป็นแขกของพระองค์เช่นนั้นก็เชิญเข้าเฝ้ากันตามสบายเถิดเพคะ หม่อมฉันไม่รบกวนขอตัวไปเดินดูด้านโน้นก่อน ที่นี่มีสิ่งที่ทำให้หม่อมฉันทั้ง “ตื่นตาตื่นใจ" และ…"น่าแปลกใจ" อยู่ไม่น้อยเลย ไปกันเถอะจินฝู"“พระชายา แม้นว่าข่าวลือที่ว่าพระองค์จะไร้มารยาทไปบ้างตามฐานะบุตรขุนนางต่างเมืองแต่หม่อมฉันไม่คิดว่า…จะมิรู้ความถึงเพียงนี้ ขออภัยที่หม่อมฉันบังอาจวิจารณ์ตามที่เห็นนะเพคะแต่เมื่อเทียบกับสตรีที่มากด้วยความรู้เหมือนสตรีในเมืองหลวงแล้ว...ยังนับว่าด้อ
ท่านอ๋องเดินตามพระชายามาถึงด้านหลังอาราม นางกำลังคุยกับเจ้าอาวาสที่กำลังแนะนำสถานที่ในวัดให้โดยละเอียดและเจ้าอาวาสก็กำลังเดินกลับเข้าไปในอารามแม้ว่ากิริยาที่นางพูดกับเมิ่งลี่ถิงนั้นจะดูไม่ค่อยให้เกียรติอีกฝ่ายเท่าใดแต่นางกลับมีท่าทางนอบน้อมกับเจ้าอาวาส ซึ่งท่านอ๋องพอจะเข้าพระทัยแล้วว่านางคงเลือกปฏิบัติจากท่าทางของอีกฝ่ายเป็นแน่“พระชายา กลับได้แล้วล่ะ”“แขกของพระองค์เล่าเพคะ"“นางกลับไปแล้ว แล้วอีกอย่างหนึ่งข้าก็มิได้เชื้อเชิญนางมา ดังนั้นจะเรียกว่าแขกคงจะไม่ได้”“เช่นนั้นคงต้องเรียกว่าสตรีในพระทัยมากกว่าสินะเพคะ”“ฟู่ซิ่วอิง นี่เจ้าไม่พอใจงั้นหรือ”“พระองค์ตรัสว่าจะกลับแล้วมิใช่หรือเพคะ”“หากว่าเจ้าแสดงท่าทีเช่นนี้ข้าเองก็คงคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากเจ้ากำลังแสดงอาการหึงหวงข้าอยู่”“พูดเหลวไหล!!…..…ทรงตรัสอะไรเพคะหม่อมฉันเพียงแค่รู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายเท่านั้น หากว่าคืนนั้นไม่เกิดเรื่อง….ช่างมันเถิดเพคะ”ฟู่ซิ่วอิงยังคิดถึงเรื่องครั้งก่อนตอนงานเลี้ยงที่ตนเองต้องสูญเสียพรหมจรรย์ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดนั่น คืนแห่งความอัปยศนั่นทำให้นางรู้สึกอับอายเป็นที่สุดหากว่าเขามิใช่ท่านอ๋องนางคงเลื
“แต่ว่าท่านอ๋องจะทรงยอมให้ท่านจากไปง่าย ๆ หรือเจ้าคะ พวกท่าน…เอ่อ….”“ช่างเถอะ เรื่องเช่นนั้นในยามนี้เวลานี้ไม่มีความสำคัญสำหรับข้าแล้ว”ซิ่วอิงจดจำเกี่ยวกับคืนแรกระหว่างนางและเขาไม่ได้เลย พรหมจรรย์สตรีที่สู้อุตส่าห์รักษามาเนิ่นนานเกือบสิบแปดปีแปดเปื้อนไปภายในค่ำคืนเดียวอีกทั้งนางยังไม่มีสติอีกด้วย พอตื่นมาก็พบว่าตนเองถูกทำลายวรยุทธ์จนแทบไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเอ่ยปากพูด“อะไรกันนี่ บัญชีนี้ก็ดูเรียบร้อยดีนี่นา แล้วให้ข้ามาตรวจอีกทำไมกัน”“ก็คงจะให้ตรวจตามหน้าที่เจ้าค่ะ หากว่าท่านตรวจแล้วก็ลงนามด้านหลังแล้วส่งไปที่คลังบัญชีก็จบหน้าที่แล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ได้สิ ในเมื่อรับหน้าที่มาแล้วจะทำแบบขอไปทีหาได้ไม่ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก็เสียชื่อสกุลฟู่ของข้าเสียหมด”“เจ้าค่ะ”สมุดบัญชีรายรับรายจ่ายเล่มแล้วเล่มเล่าถูกนางตรวจจนละเอียดเกือบทุกเล่ม แม้ว่าอยากจะทำให้เสร็จแต่ภารกิจเหล่านี้ก็หนักเกินกว่าจะทำเพียงวันเดียวเสร็จ“พักก่อนเถิดเจ้าค่ะคุณหนู นี่ก็เริ่มดึกแล้วท่านอ๋องคงกลับเข้าห้องบรรทมไปแล้ว”“ช่างเขาสิข้าขอดูให้จบเล่มนี้เสียก่อน ว่าแต่พรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง”“พรุ่งนี้จะเป็นการตรวจห้องเครื่องและต
ซิ่วอิงไม่รอช้าและเริ่มเปลี่ยนไปใช้ลิ้นกับหน้าอกของเขาแทน ท่านอ๋องส่งเสียงครางแหบต่ำเพราะความเสียวสุดชีวิตที่ไม่เคยพบพานมาก่อนนางช่างร้ายกาจนักที่สามารถเอาชนะความเป็นเอกบุรุษเช่นเขาได้จนทำให้เขายอมสยบแม่เสือเช่นนางบนเตียง แขนของเขาหลุดจากเชือกที่นางมัดเอาไว้และจับตัวนางได้ในที่สุด“อ๊ะ!! เป็นไปไม่ได้ ท่าน…”นางหันไปมองข้อมือของเขาที่แดงจนเริ่มมีเลือดไหลซิบออกมาเล็กน้อยเพราะแรงรัด นางมั่นใจว่ามัดเขาเอาไว้แน่นและวิธีการนี้ไม่เคยมีผู้ใดรอดมาได้ แต่ว่าท่านอ๋องกลับ…“นี่พระองค์…เหตุใดจึงทำร้ายพระวรกายพระองค์เองเช่นนี้เล่าเพคะ”“อย่าตกใจ ข้าเพียงอยากจะทำเท่านั้น อย่ากลัวจนตัวสั่นเช่นนี้เจ้ามิได้ทำอะไรผิด เรารีบจัดการให้จบศึกนี้เถอะพระชายาข้ายอมให้เจ้าสักครั้งก็ได้ อย่างไรสามีภรรยาก็มิต่างกับคนเดียวกัน”“แต่ว่า…บาดแผลของพระองค์ อ๊าา!!”“อย่าพึ่งพูดเวลาที่ข้าต้องการเจ้าเช่นนี้ อื้มมม…”จุมพิตเร่าร้อนถูกส่งไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนน้ำอุ่น ๆ ไหลเข้าไปด้านในกายของพระชายา ร่างทั้งสองเกร็งกระตุกขึ้นพร้อมกันพร้อมกับเสียงร้องที่ดังจนจับใจความไม่ได้ว่าผู้ใดที่ร้องดังกว่ากัน ร่างบางฟุบลงกับอกกว้างอย่างอ
พระชายาเดินออกมาด้วยท่าทางที่เดินแทบไม่ไหวและพันแผลเกือบทั้งแขนโดยมีจินฝูเป็นผู้พยุงเดินออกมาพร้อมกับทหารองครักษ์ที่ยกเก้าอี้มาให้นาง เสี่ยวหมิงเป็นผู้ยกมาให้นางเอง“พระชายา พระวรกายพระองค์ยังไม่หายดีประทับที่เก้าอี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจ....เสี่ยวหมิง….แม่นางเมิ่ง พวกเจ้ายังทำร้ายข้าไม่พออีกงั้นหรือ เหตุใดจึงได้….มาก่อกวนถึงที่นี่อีก”“พระชายาเพคะ!! จินฝู เสี่ยวหมิง!! เหตุใดพวกเจ้าจึงพาพระชายาเสด็จมาถึงที่นี่ ท่านหมอบอกแล้วว่าพระชายาต้องพักฟื้น บาดแผลของพระองค์เต็มพระวรกายทั้งข้างนอกแล้วยังช้ำในเช่นนี้ยังจะ….”“หมัวมัว….ไม่เป็นไร แม่นางเมิ่ง เจ้ามาที่นี่….เพื่อมาขออภัยโทษ หรือว่า…แคก แคก”""พระชายาเพคะ""เสียงสาวใช้และหมัวมัวเดินมาและกันตัวของฟู่ซิ่วอิงที่พันผ้าพันแผลทั้งที่แขนทั้งสองข้าง คอและบาดแผลที่ริมฝีปากที่ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมา ผู้คนที่มามุงดูเริ่มสีหน้าไม่ดีเมื่อเห็นสภาพของพระชายาที่บาดเจ็บสาหัส ในสายตาพวกเขา อาการของนางดู "ร่อแร่" เต็มที“นี่พระนางบาดเจ็บถึงเพียงนี้เชียวหรือ พวกนางทำอะไรกับพระชายากันแน่”"แล้วยังกล้ามาก่อกวนถึงที่นี่แทนที่พระองค์จะได้พักผ่อน ช่างไร้มารย
ทั้งสองร่างยังก่ายกอดและขยับกายอยู่ใต้น้ำมิหยุดหย่อน ซิ่วอิงที่เริ่มกอดรัดท่านอ๋องมากขึ้นเพราะนางใกล้จะถึงฝั่งเต็มทีแล้ว ท่านอ๋องทรงทราบสัญญาณนี้ดีเขาจึงได้รีบเร่งแรงกระแทกเข้าไปจนทั้งสองร้องขึ้นมาพร้อมกันน้ำที่สาดกระเซ็นไปจนทั่วห้องอาบน้ำทำให้ท่านอ๋องมิอาจปล่อยให้พระชายาของพระองค์เดินเองได้เพราะเกรงว่านางจะลื่นและหกล้ม เขารับหน้าที่อุ้มนางขึ้นมาและเช็ดกายให้นางด้วยตนเองพร้อมกับอุ้มพระชายากลับไปยังห้องบรรทม“หิวหรือไม่”“นิดหน่อยเพคะ”“เช่นนั้นก็รีบกินข้าวก่อนจะได้กินยา ข้าเห็นว่าบาดแผลฟกช้ำของเจ้ายังไม่หายดีดังนั้นคืนนี้เจ้าต้องพักผ่อน”“ก็ได้เพคะ!!”ซิ่วอิงเดินออกไปยังห้องเสวยส่วนพระองค์ข้าง ๆ เนื่องด้วยนางยังไม่หายดีดังนั้นสาวใช้จึงยกสำรับของทั้งสองพระองค์มาส่งที่ห้องนี้ซิ่วอิงนั่งกินข้าวโดยไม่รอท่านอ๋องซึ่งทำเอารุ่ยหยาง อ๋องหนุ่มถึงกับแปลกพระทัยไม่น้อยเพราะไม่คิดว่านางจะโกรธเขา“ซิ่วอิง เจ้าหิวมากเลยงั้นหรือถึงได้ไม่รอข้า”“ก็จะรีบกินข้าว ดื่มยาแล้ว "นอนพักผ่อน" เพคะ"ท่านอ๋องรู้โดยทันทีเมื่อนางพูดเน้นย้ำเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเข้าใจแล้วว่าพระชายาของเขาต้องการสื่อถึงสิ่งใดเพราะก่อนห
ฉางอ๋องเดินเข้ามาในห้องของนาง เมื่อเห็นกองสมุดบัญชีตรงหน้านางก็เริ่มรู้สึกเห็นใจที่นางต้องมาทำงานหนักทั้ง ๆ ที่ยังไม่หายดีเช่นนี้“หม่อมฉันเปล่านะเพคะเพียงแค่คิดว่าพระองค์อาจจะติดภารกิจแต่ว่าหม่อมฉันต้องรีบกินยาและต้องมาสะสางงานเหล่านี้ต่อเพราะไม่อยากทิ้งเอาไว้หลายวัน”“ไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวงานพวกนี้ข้าจะให้เสี่ยวหมิงหาคนมาช่วยทำแทนก็แล้วกัน”“ไม่ได้นะเพคะ งานเหล่านี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของ…”“แต่ว่าเจ้ายังบาดเจ็บอยู่และยังมีอย่างอื่นต้องทำ ไปเถอะรีบไปกินข้าว พรุ่งนี้จะไปสกุลฟู่แล้วเจ้าไม่รีบเตรียมตัวหรือ”“ได้เพคะ ไปกินข้าวกันเพคะ”ซิ่วอิงยิ้มพลางเดินมาเกาะแขนของเขาราวกับเด็กน้อยที่ดีใจเมื่อได้ของเล่นถูกใจ ท่านอ๋องพานางเดินมายังห้องเสวยเพื่อกินข้าวกลางวันวันนี้เขาจะให้นางพักผ่อนให้เต็มที่เพราะในช่วงบ่ายท่านอ๋องและเสี่ยวหมิงจะออกไปนอกเมืองแต่แน่นอนว่าเรื่องนี้เขามิได้บอกพระชายาตอนเย็นซิ่วอิงลุกจากเตียงเมื่อได้ดื่มยาของท่านหมอ เมื่อลุกขึ้นมาได้นางจึงรีบเดินไปจัดเตรียมของใช้ส่วนตัวเพื่อรอที่จะกลับไปเยือนสกุลฟู่อีกครั้ง“คุณหนูท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้วล่ะ นี่จินฝูท่านอ๋องยังไม่ก
“จนป่านนี้เจ้าก็ยังจะโทษผู้อื่น เหตุใดจึงไม่โทษตัวเองที่มิอาจยับยั้งชั่งใจจนตกเป็นเครื่องมือของนางได้”“ท่านพ่อ!! ท่านกำลังจะพูดว่าข้าโง่และหลงกลคนแซ่ฟู่เช่นนั้นหรือเจ้าคะ”“เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร นางเกิดในสกุลแม่ทัพ ต่อให้นาง….ไร้วรยุทธ์ไปแล้วก็ใช่ว่านางจะไร้เล่ห์เหลี่ยมที่เอาไว้จัดการเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่คิดการให้รอบคอบก่อนแล้วยังไปทำเรื่องเช่นนี้ลงไป ต่อให้ข้าเป็นท่านอ๋องก็คงละเว้นเจ้าไม่ได้ในสถานการณ์แบบนั้น”“ท่านพ่อจะพูดว่า ท่านอ๋องสั่งลงโทษลูกก็เพราะสถานการณ์บังคับงั้นหรือเจ้าคะ”“แล้วเจ้าคิดว่านอกจากสั่งลงโทษเจ้าแล้วท่านอ๋องยังมีทางเลือกอื่นอีกงั้นหรือ หากไม่ทำเช่นนี้ผู้คนมากมายจะคิดเช่นไรและหากว่าเจ้ามิได้ไปติดคุกจริง ๆ เรื่องมันจะจบง่ายเช่นนี้งั้นหรือเจ้าคิดดูสิ”“แต่ว่า…แต่ว่าเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว เขามิให้ข้าเรียกขานนามของเขาอีกแล้ว”“ถิงเอ๋อร์ เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าในตอนนี้ท่านอ๋องมิได้…ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว พระองค์ทรงอภิเษก…”“ไม่!! ข้าไม่อยากฟัง ข้าไม่ยอมรับ!! ท่านพ่อลูกอยากจะพักผ่อนแล้วเจ้าค่ะ ท่านออกไปก่อนเถอะ”“ถิงเอ๋อร์ต่อให้พ่อไม่พูด ความจริงที่ว่าท่านอ๋องทรงอภิเษกไปแ
เสี่ยวหมิงรับจดหมายนั้นมาและเป็นผู้ที่นำเอาไปให้กับบัณฑิตหวังที่ถูกส่งมาจากจวนราชครูเมิ่งพร้อมกับแจ้งตามคำสั่งท่านอ๋องราวกับถอดพระราชดำริของท่านอ๋องมาคำต่อคำ“เอ่อ แต่ว่าคุณหนูเมิ่งเป็นถึง….”“ท่านบัณฑิตท่านอ๋องทรงฝากเตือนท่านมาว่า บัณฑิตย่อมมีคุณธรรมนำจิตใจที่สูงส่งถึงจะเรียกว่าวิญญูชนอย่างแท้จริง เรื่องนี้ผิดถูกท่านเองก็ควรจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ท่านอ๋องทรงฝากจดหมายนี้ให้ท่านมอบให้กับท่านราชครูขอรับ”“เอ่อ…เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน”“ขออภัยที่ไม่ส่ง ลาก่อน”บัณฑิตหวังเดินกลับออกมาพร้อมกับจดหมายในมือ เขาเดินออกมาและหันกลับไปมองในตำหนักท่านอ๋องอีกครั้งพร้อมกับรำพึงออกมาเบา ๆ“ราชครูเมิ่ง ท่านเล่นงานผิดคนเสียแล้ว ท่านอ๋องมิใช่อ้อยหวานที่เคี้ยวง่ายอย่างที่ท่านคิด พยัคฆ์ซ่อนเล็บน่ากลัวที่สุด ครั้งนี้ข้าเกือบจะทำผิดพลาดไปเพราะหลงเชื่อในคำของขุนนางเก่าแก่ไปเสียแล้ว”จวนราชครูเมิ่ง“อะไรนะ!! แม้แต่บัณฑิตอันดับหนึ่งก็ไม่ยอมให้เข้าเฝ้างั้นหรือ นี่มันเป็นไปได้เช่นไรกัน”“ขอรับ ท่านอ๋องทรงตรัสว่าพระชายาบาดเจ็บสาหัสจากเรื่องในวันนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท่านอ๋องทรงกริ้วมากเนื่องจาก…เอ่อ คุณหนูทำ
เสี่ยวหมิงเดินกลับไปเมื่อสั่งการเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยไม่หันมามองเมิ่งลี่ถิงอีก นับจากวันนี้เขาสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะปกป้องพระชายาด้วยชีวิตและจะไม่ยอมให้คนสกุลเมิ่งมาทำร้ายพระชายาของท่านอ๋องอีกตำหนักท่านอ๋องท่านอ๋องอุ้มพระชายาที่ตัวเปื้อนเลือดเข้ามา หมัวมัวและสาวใช้ต่างตกใจกันจนทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นพระชายาในสภาพเช่นนี้"รีบตามหมอหลวงมาเร็ว ๆ เข้า!!"“พะ เพคะท่านอ๋อง แย่แล้วเร็ว ๆ เข้ารีบให้คนไปตามท่านหมอ เจ้าน่ะ รีบไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้ามา จินฝู!! เร็วเข้าเจ้ารีบไปเตรียมชุดมาเปลี่ยนให้พระชายาเร็ว”“เจ้าค่ะหมัวมัว”ท่านอ๋องพาซิ่วอิงเดินเข้าไปในห้องบรรทมและจัดการถอดชุดคลุมด้านนอกของนางออก จินฝูที่วิ่งนำชุดใหม่มาให้พระชายาเปลี่ยนก็ถูกสั่งให้เอาวางไว้ ฟู่ซิ่วอิงในตอนนี้ยังมีสติอยู่แต่ท่านอ๋องทำราวกับว่านางบาดเจ็บหนักจนเกือบตายก็มิปาน“ข้าจะเปลี่ยนชุดให้นางเอง เจ้ารีบไปเตรียมน้ำและผ้ามาเช็ดหน้าให้นาง”“เพคะท่านอ๋อง”“หม่อมฉัน…ทำเองก็ได้เพคะเพียงแค่เปลี่ยนชุด หม่อมฉันมิได้ป่วยใกล้ตายนะเพคะ”“เจ้านอนเฉย ๆ ไปเถอะ ถูกตีขนาดนี้เหตุใดเจ้าไม่เรียกให้ผู้อื่นช่วยแล้วสาวใช้เจ้าไปที่ใดเหตุใดจินฝูจึงไ
สาวใช้ของสกุลเมิ่งรีบปล่อยตัวพระชายาฟู่ซิ่วอิงทันที ท่านอ๋องผลักเมิ่งลี่ถิงออกไปให้พ้นทางพร้อมกับพยุงพระชายาและช้อนตัวอุ้มนางขึ้นมาทันที“เสี่ยวหมิง!!”“พ่ะย่ะค่ะ”“จับตัวผู้ที่ก่อเรื่องไปส่งที่ศาลาว่าการให้หมด เพื่อลงโทษให้สาสมและชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด!!”“ท่านอ๋องเพคะ!! หม่อมฉันเปล่านะเพคะ….นางเริ่มก่อน นางดูถูกหม่อมฉันและ…”“ซิ่วอิงเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ผู้ใดทำเจ้าบาดเจ็บบอกข้ามา”“ท่านพี่….ข้าขอร้องพวกนางแล้วแต่ว่า….”ถึงคราวของดอกบัวดำเช่นฟู่ซิ่วอิงเอาคืนแล้ว มีหรือนางจะยอมให้คนอย่างเมิ่งลี่ถิงตบตีหากมิได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว เริ่มจากยั่วยุให้นางสติแตกและทำลายข้าวของเมื่อถึงเวลานางเห็นแล้วว่าทหารกลับไปที่หออี้จูเพื่อแจ้งท่านอ๋องนางจึงยอมให้สาวใช้สกุลเมิ่งจับตัวและยอมถูกตบเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ท่านอ๋องหันไปมองหน้าเมิ่งลี่ถิงที่ตัวเลอะไปด้วยแป้งทั้งตัว“เจ้าทำร้ายนางงั้นหรือ”“ไม่นะเพคะท่านอ๋อง ฟู่ซิ่วอิง!!…นางต่อว่าหม่อมฉันก่อนและยัง…พังร้านอีกทั้งใช้ของในร้านทำร้ายหม่อมฉันคนที่อยู่ในร้านเป็นพยานให้หม่อมฉันได้ทั้งหมดเพคะ”“คุณหนู เจ้าเป็นผู้สั่งให้สาวใช้จับนางเอาไว้และเจ้าเป็นผู้ต
“มิได้หงุดหงิดเสียหน่อย ท่านหลงตัวเองเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”“ก็ได้ ๆ ไม่หงุดหงิดไม่โมโหเลยสินะ แล้วเหตุใดคิ้วเจ้าจึงขมวดชนกันยุ่งเหยิงเช่นนี้เล่ามาให้ข้าดูหน่อยสิ”เขาจับใบหน้านางและดึงเข้ามาหอมไปที่หน้าผากหนึ่งที องครักษ์หนุ่มและสาวใช้ของนางถึงกับต้องหันหน้าหนีเพราะเขินอายแทนพวกเขาแต่ทั้งคู่เองก็ต้องลอบยิ้มไปกับความน่ารักของทั้งสองพระองค์ที่ดูรักใคร่กันดี“ท่าน!!”“อ๊ะ ๆ เจ้าอย่าลืมสิว่าเราไม่เปิดเผยฐานะ ไหนเรียกว่าท่านพี่ดี ๆ สิ ข้าจะป้อนเสี่ยวหลงเปานี่เป็นรางวัล เร็ว ๆ เข้า”“คนเจ้าเล่ห์”“ฮูหยินเจ้ากำลังพูดอะไรงั้นหรือ หากพูดเช่นนี้คืนนี้เจ้าอาจจะต้อง….”“ท่านพี่อย่าข่มขู่กันสิเจ้าคะข้าจำได้ว่าข้าชนะท่านนะเจ้าคะ”“กินเสี่ยวหลงเปาของเจ้าไปเลย เอ๊า!!”“อื้มม….อร่อย”ซิ่วอิงอ้าปากเคี้ยวเสี่ยวหลงเปาของโปรดของนางเข้าปากอย่างว่าง่าย ท่านอ๋องมองนางอย่างเอ็นดูและใช้ผ้าเอื้อมไปเช็ดปากให้นางอีกด้วยท่ามกลางคนมากมายยังมีอีกโต๊ะหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นคนที่พึ่งเดินทางมาจากต่างเมืองที่นั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะที่นางนั่งเท่าใดนัก“ใช่ ข้าก็ได้ยินข่าวมาเช่นนั้น นอกเมืองนั่น…ฆ่าล้างสกุลหลินเพื่อชิงอาวุธ
ซิ่วอิงไม่รอช้าและเริ่มเปลี่ยนไปใช้ลิ้นกับหน้าอกของเขาแทน ท่านอ๋องส่งเสียงครางแหบต่ำเพราะความเสียวสุดชีวิตที่ไม่เคยพบพานมาก่อนนางช่างร้ายกาจนักที่สามารถเอาชนะความเป็นเอกบุรุษเช่นเขาได้จนทำให้เขายอมสยบแม่เสือเช่นนางบนเตียง แขนของเขาหลุดจากเชือกที่นางมัดเอาไว้และจับตัวนางได้ในที่สุด“อ๊ะ!! เป็นไปไม่ได้ ท่าน…”นางหันไปมองข้อมือของเขาที่แดงจนเริ่มมีเลือดไหลซิบออกมาเล็กน้อยเพราะแรงรัด นางมั่นใจว่ามัดเขาเอาไว้แน่นและวิธีการนี้ไม่เคยมีผู้ใดรอดมาได้ แต่ว่าท่านอ๋องกลับ…“นี่พระองค์…เหตุใดจึงทำร้ายพระวรกายพระองค์เองเช่นนี้เล่าเพคะ”“อย่าตกใจ ข้าเพียงอยากจะทำเท่านั้น อย่ากลัวจนตัวสั่นเช่นนี้เจ้ามิได้ทำอะไรผิด เรารีบจัดการให้จบศึกนี้เถอะพระชายาข้ายอมให้เจ้าสักครั้งก็ได้ อย่างไรสามีภรรยาก็มิต่างกับคนเดียวกัน”“แต่ว่า…บาดแผลของพระองค์ อ๊าา!!”“อย่าพึ่งพูดเวลาที่ข้าต้องการเจ้าเช่นนี้ อื้มมม…”จุมพิตเร่าร้อนถูกส่งไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนน้ำอุ่น ๆ ไหลเข้าไปด้านในกายของพระชายา ร่างทั้งสองเกร็งกระตุกขึ้นพร้อมกันพร้อมกับเสียงร้องที่ดังจนจับใจความไม่ได้ว่าผู้ใดที่ร้องดังกว่ากัน ร่างบางฟุบลงกับอกกว้างอย่างอ