สาวน้อยผู้มาใหม่เดินชมห้องของตัวเองที่พึ่งจะย้ายเข้ามา ภายในห้องตกแต่งด้วยสีชมพูหวานแหวว มีตุ๊กตาตัวน้อยใหญ่วางเรียงรายเป็นแถวอยู่บนเตียงนอนลายคิตตี้สำหรับเด็กน้อย ซึ่งล้วนเป็นตุ๊กตาของเธอจากบ้านเก่า เหนือเตียงนอนจะเป็นมุ้งเจ้าหญิงสีชมพูแบบที่เธอชอบ ถัดจากเตียงมีโต๊ะเขียนหนังสือเล็ก ๆ ที่นั่งมองวิวนอกหน้าต่างได้ ส่วนที่มุมห้องด้านในเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำตัว เธอเดินมาหยุดนั่งบนเตียง หยิบตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดที่แม่ซื้อให้เมื่อวันเกิดมาอุ้มไว้ในอ้อมกอด พลางคุยกับเจ้ากระต่าย
“ห้องสวยดีนะพี่ต่าย แต่หนูอยากให้พ่อกับแม่มาอยู่ด้วยจัง” สาวน้อยล้มตัวลงนอนบนเตียง ในใจนึกถึงวันนั้นที่พ่อกับแม่บอกว่าจะมารับเธอที่โรงเรียนตอนเย็น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาและหลังจากนั้นเธอก็ไม่เจอท่านอีกเลย
วันนั้นเธอกลับบ้านกับเหมราชซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อกับแม่ เหมราชบอกกับเด็กน้อยว่าพ่อกับแม่ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศด่วนมาก จึงต้องฝากเธอไว้กับเขา
“พ่อกับแม่ไปนานไหม จะกลับมารับหนูหรือเปล่า พี่ต่าย หนูคิดถึงพ่อกับแม่จัง…” เด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นจนไหล่สะท้าน จมูกแดงก่ำราวกับลูกตำลึง เธอเป็นแค่เด็กน้อยวัยเพียง 10 ขวบเท่านั้น การต้องย้ายบ้านมาอยู่ต่างถิ่นโดยที่ไม่มีพ่อแม่ มันเปล่าเปลี่ยวเดียวดายเหลือเกิน
เด็กน้อยร้องไห้จนกระทั่งหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืดแล้ว เธอจึงลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาออกมาเตรียมตัวจะลงไปกินข้าวข้างล่างกับเหมราช และ “พยัคฆ์” ลูกชายของเขา ซึ่งจะกลับจากเข้าค่ายวันนี้
แต่ก่อนจะลงไปกินข้าว ด้วยความเป็นเด็กก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น เด็กน้อยแอบเข้าไปดูห้องที่ติดอยู่กับห้องของตน
เธอเดินไปยังห้องด้านที่มีประตูอยู่บานหนึ่ง ซึ่งเป็นประตูที่เชื่อมระหว่างห้องเธอกับห้องพยัคฆ์ เปิดเข้าไปก็พบกับห้องสีดำ เตียง ผ้าปูที่นอน ทุกอย่างเป็นสีดำทั้งหมด
พี่พยัคฆ์ชอบสีดำแน่เลย ๆ สาวน้อยยิ้มร่า
อ๊ะ ! ตรงนั้นมีหุ่นยนต์สีเหลืองด้วย สวยจังเลย
เธอเดินไปหยิบหุ่นยนต์ตัวนั้นขึ้นมาดู แต่ทว่า…
ตุ้บ !
ด้วยความที่มือน้อย ๆ ของเธอจับไม่ถนัด ทำให้หุ่นยนต์เจ้ากรรมร่วงหล่นจากมือเธอ หัวหุ่นยนต์ แขน ขา ไปคนละทิศละทาง เธอพยายามก้มเก็บชิ้นส่วนมาประกอบให้เหมือนเดิมแล้ว แต่มันก็ยากเกินความสามารถเด็กอย่างเธอ ทันใดนั้นเอง…
“เฮ้ย ! ใครวะ ?”
“...”
“เธอเป็นใคร ?” เด็กหนุ่มถามอีกครั้ง สายตาเขาจับจ้องไปที่มือเธอ ทันทีที่เห็นหุ่นยนต์บัมเบิลบีที่หักเป็น 2 ท่อน ท่อนหนึ่งกระจัดกระจายอยู่บนพื้น อีกท่อนอยู่ในมือสาวน้อย เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น ขบกรามจนเป็นสัน ส่งแววตาเชือดเฉือนราวคมมีดมาที่เด็กน้อยจนตอนนี้เกือบจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ
“ขะ...ขอโทษค่ะ นะ…หนูไม่ได้ตั้งใจ…” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เด็กหนุ่มก็ก้าวเดินมากระชากเศษหุ่นยนต์ในมือเธออย่างแรง ทำให้เธอล้มลงก้นจ้ำเบ้าทันที
โอ๊ย ! เจ็บจัง
“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดเป็นขโมยแล้วเหรอ มานี่เลย !”
เด็กหนุ่มคว้าคอเสื้อหัวขโมยแล้วลากออกมาจากห้อง เด็กน้อยร้องไห้ด้วยเสียงสั่นเครือ มือเล็ก ๆ ยกขึ้นปัดป่ายไปมาหวังจะให้เขาปล่อยเธอลง แต่ไม่เป็นผล เขายังคงลากเธอลงไปด้านล่างของบ้าน พลางร้องเรียกผู้เป็นบิดา
“ป๋า ป๋าอยู่ไหน บ้านเรามีขโมยขึ้นบ้าน จับไปส่งตำรวจเลย”
“ฮืออออ… ฮึก ๆ ฮืออออ” สาวน้อยสะอึกสะอื้น
“เอะอะอะไรวะ กลับมาแล้วก็ไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าว ป๋ามีเรื่อง…” เหมราชยังไม่ทันได้พูดต่อก็เจอกับภาพตรงหน้า ลูกชายวัย 16 ปีกำลังดึงคอเสื้อหลานสาว ลูกของเพื่อนที่เขาพึ่งรับมาเลี้ยงเมื่อไม่กี่วันนี้ขึ้นอย่างไม่กลัวเธอหายใจไม่ออก
“มึงปล่อยน้องลงเดี๋ยวนี้ ไอ้พยัคฆ์ ! นั่นน้องมึงนะ !” พูดจบ เหมราชก็มารับตัวหลานสาวออกจากมือลูกชาย ก่อนที่หลานจะตายตามพ่อแม่ของเธอไปอีกคน เขาอุ้มเธอไปวางบนโซฟาแล้วเรียกแม่บ้านให้มาดูแลเธอต่อ เด็กน้อยยังคงร้องไห้ขวัญเสียจากเหตุการณ์เมื่อครู่
“น้องอะไรป๋า ผมลูกคนเดียว หรือว่า…ป๋า…แอบไปมีเมียน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่ลูกโตขนาดนี้เลยเหรอ...”
“มึงหุบปาก ! เด็กนั่นไม่ใช่ลูกกู...เป็นลูกเพื่อน…เมื่อไม่กี่วันก่อน พ่อแม่มันโดนรถชนตายทั้งคู่ กูเลยรับมาเลี้ยง” ประโยคหลังนายเหมลดเสียงลงระดับหนึ่ง เด็กน้อยยังไม่รู้ว่าบิดามารดาตัวเองเสียชีวิตแล้ว ด้วยความที่เหมราชเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อแม่เธอ เขาจึงทำหน้าที่ต่อโดยการรับเธอมาเลี้ยงดู ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะเสียชีวิตได้เอ่ยฝากฝังบุตรสาวไว้กับเหมราชก่อนแล้ว ราวกับทั้งคู่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้
“ผมไม่เอาน้อง ! ป๋าอยากเลี้ยงก็เลี้ยงไปคนเดียวสิ” พยัคฆ์พูดจบสายตาเขาก็มองไปที่เด็กน้อย เธอกำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับป้าแม่บ้าน
ร้องอะไรนักหนาวะ ! รำคาญจริง
“มึงต้องเลี้ยง เพราะกูก็ไม่เคยเลี้ยงเด็กผู้หญิง อีกอย่างกูรับเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อย ต่อไปนี้เด็กนั่นก็คือน้องมึง”
“ไม่เคยเลี้ยงเด็กผู้หญิงหรือไม่เคยเลี้ยงลูกล่ะป๋า กับผมนี่ก็ไม่เคยเลี้ยงปะ”
“ไอ้ &$#^ !”
หลายวันต่อมา...นับแต่วันนั้น “เจ้าขา” ก็ตกอยู่ในความดูแลของ “พยัคฆ์” เด็กหนุ่มที่หิ้วคอเสื้อเธอเมื่อหลายวันก่อน และตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่บนรถกระบะ 4 ประตูที่คนขับก็คือพี่ชายหมาด ๆ ของเธอ ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปโรงเรียนประจำจังหวัดที่อยู่ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เนื่องจากเหมราชไม่ค่อยมีเวลาไปรับ-ส่งพยัคฆ์ เขาจึงสอนลูกหัดขับรถตั้งแต่อายุ 12 “นี่ ! เลิกเอาไอ้ก้อนเน่า ๆ นั่นมากอดสักทีได้ไหม ไม่อายคนอื่นเขาบ้างหรือไง” พยัคฆ์พูดพลางเหลือบมองเธอแวบหนึ่งก่อนที่จะเลี้ยวรถเข้ารั้วโรงเรียน“นี่พี่ต่าย ไม่ใช่ก้อนเน่า ๆ นะคะ คุณแม่ซื้อให้วันเกิดหนู” เธอพูดแล้วทำปากยู่ กอดกระชับตุ๊กตากระต่ายตัวน้อยในอ้อมกอดด้วยความรัก“งั้นเหรอ ซักบ้างก็ดีนะ กลิ่นอย่างกับถังขยะเน่า !” “ฮึ ! พี่พยัคฆ์ใจร้าย !!!”@ห้องเรียน ป.4/8“นี่พวกเรา มาดูนี่เร็ว กระต่ายตัวนี้กำลังจะแยกร่างล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เด็กผู้ชายคนหนึ่งพยายามกางแขนกางขาตุ๊กตากระต่ายเล่นอย่างสนุกสนาน เขาถือวิ่งไปรอบ ๆ ห้องเพื่อยั่วเย้าเด็กผู้หญิงที่กำลังวิ่งไล่กวดด้วยสีหน้าจริงจัง“เอามานี่นะ นั่นมันของฉัน” เจ้าขากระโดดยื้อแย่ง เพื่อหวังจะเอาตุ๊กตาของตัวเองคื
เช้าวันต่อมา…ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังมาจากข้างห้อง“มีอะไร”“หนูเข้าไปได้ไหมคะ”“ไม่ได้ ฉันแก้ผ้าอยู่ มีอะไรก็พูดมา” เด็กหนุ่มพูดจบก็หยิบกุญแจรถเตรียมตัวจะไปโรงเรียน“ขอบคุณนะคะ…ที่ช่วยซ่อมพี่ต่ายให้หนู”“ฉันไม่ได้ซ่อมให้ซะหน่อย…ป้าพรหรือเปล่า ใครจะไปกล้าจับก้อนเน่า ๆ นั่นกัน”“หนูถามป้าพรแล้วค่ะ ป้าพรบอกพี่ขอยืมเข็มกับด้ายไปเมื่อคืน ไม่ได้เอามาซ่อมพี่ต่ายให้หนูเหรอ” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากประตูเชื่อมห้องของทั้งคู่ เป็นเขานั่นแหละที่นั่งซ่อมตุ๊กตาให้เธอเมื่อคืน แถมยังโดนเข็มทิ่มไปตั้งหลายที ใครจะไปรู้ล่ะว่าเย็บผ้ามันยากเย็นขนาดนี้รู้อย่างนี้ไม่ทำให้เสียก็ดี หาเรื่องเจ็บตัวชะมัด !“มันคงกลับมารวมตัวกันเองละมั้ง….ฉันจะไปรอข้างล่าง มาช้า ฉันไม่รอนะ” เด็กหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อหลีกเลี่ยงคำตอบ เสียภาพพจน์หมดถ้ายายนั่นรู้ว่าเขานั่งเย็บตุ๊กตาให้ “ไปเดี๋ยวนี้แหละค่าพี่ย้ากกก”รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าเด็กหนุ่ม ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เขาเผลอยิ้มแบบนี้ทุกครั้งที่ยายเด็กนั่นทำตัวน่ารัก นี่กูเป็นอะไรเนี่ย !วันเวลาผันผ่าน การใช้ชีวิตในวัยเรียนของทั้งคู่ก็ยังคงดำเนินไปจนเข้าสู่ช
บ้านของพยัคฆ์ที่แม่ฮ่องสอนทำธุรกิจส่งออกผลไม้ แต่เหมราชเองก็มีธุรกิจในเครือที่ต้องดูแลอีกมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เขาจึงไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องไปดูแลธุรกิจที่ต่างจังหวัด บางทีก็ไปต่างประเทศหลายวัน ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับพยัคฆ์ตั้งแต่เล็ก ๆ แม้เขาจะไม่ค่อยได้อยู่กับลูก แต่เขาก็ให้แม่บ้านหรือป้าพรคอยดูแลอยู่ตลอด ส่วนสวนผลไม้หรือธุรกิจในบ้านจะมีลุงชัชซึ่งเป็นน้องชายช่วยดูแลด้วยอีกแรงเหมราชหวังให้พยัคฆ์เรียนจบแล้วมาช่วยเขาดูแลธุรกิจที่บ้านต่อจากเขา เพราะเขาเองก็อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ดังนั้นทุกเสาร์-อาทิตย์เหมราชจะให้พยัคฆ์มาเรียนรู้งานในสวนอยู่เป็นประจำ ส่วนเจ้าขาเองก็จะติดสอยห้อยตามเขาไปด้วยเสมอ ทั้งคู่ตัวติดกันจนคนงานในสวนเห็นจนชินตาไปแล้ว “ตกปลาอีกแล้วเหรอคะ…พี่ยักไปเถอะ หนูไม่ไปหรอก สงสารน้องปลา” เด็กน้อยหน้ามุ่ย พร้อมกับสะบัดหน้าหนี อีกครั้งแล้วที่พี่ยักของเธอชวนไปตกปลา เธอไม่ชอบเลยจริง ๆ การที่เอาตะขอไปเกี่ยวปากปลา ดึงขึ้นมา แล้วก็ปล่อยลงไป ไม่เห็นน่าสนุกตรงไหนเลย ดูน่าสงสารออก แต่พี่ยักกลับบอกว่ามันเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ใคร ๆ เขาก็ทำกัน แต่เธอไม่เห็นด้วยเลย ทุกครั้งที
“ไอ้ฉิบหาย ! ไอ้ลูกเวร ! กูบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้พาน้องไปเล่นแถวนั้น…” เสียงก่นด่าของเหมราชดังไปทั่วลานบ้าน คนงานในสวนต่างพากันมามุงดูประหนึ่งล้อมวงดูคอนเสิร์ต“ผมขอโทษป๋า...” คราวนี้พยัคฆ์ไม่ได้เถียงผู้เป็นพ่อเหมือนที่เคยทำ เขาเองก็รู้สึกผิดมาก ๆ กับเจ้าขา วินาทีที่ไม่เห็นเธออยู่จุดที่เล่นน้ำ มันสามารถทำให้เขาหัวใจแทบหยุดเต้นได้เลย “เดี๋ยวพอน้องจบ ป.6 กูจะให้ไปเรียนกรุงเทพฯ ห่าง ๆ จากมึงซะบ้าง ไม่งั้นได้ตายก่อนเรียนจบพอดี”“ป๋าว่าไงนะ…ใครจะไปเรียนกรุงเทพฯ ?” เด็กหนุ่มพยายามถามซ้ำ หวังให้ตัวเองได้ยินผิดไป“กูจะให้เจ้าขาไปเรียนที่กรุงเทพฯ ไปอยู่กับลุงวิทย์ที่นั่น ลูกเขาก็เรียนด้วยจะได้มีเพื่อน…”“ไปไม่ได้นะป๋า !” เด็กหนุ่มพูดแย้งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพ่อจะให้น้องสาวที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดต้องห่างตนไป“ไปได้ กูคุยกับเขาไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพอน้องเรียนจบ ป.6 ก็ทำเรื่องย้ายโรงเรียนเลย”“ไปไม่ได้ป๋า ผมไม่ให้ไป เรียนที่นี่ก็ได้ ทำไมต้องไปกรุงเทพฯ แล้วน้องจะอยู่ยังไง น้องไม่รู้จักใครเลยนะป๋า” เด็กหนุ่มกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพยายามจะหาเหตุผลร้อยแปดที่คิดได้ใน
วันปิดภาคเรียน“วันนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”“หนูอยากกินไอศกรีมสเวนเซ่นส์ค่ะ”“ได้คร้าบบบ คุณผู้หญิง” เด็กหนุ่มโค้งคำนับให้เธอประหนึ่งเธอเป็นเจ้าหญิง วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับเจ้าหญิงตัวน้อยที่เดินข้าง ๆ คนนี้ วันพรุ่งนี้เธอจะต้องไปเรียนที่กรุงเทพฯ แล้ว หลายปีเลยจนกว่าเธอจะเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาเดินจูงมือเธอมาถึงร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ จังหวะที่กำลังเดินเข้าไปในร้าน สายตาของเด็กสาวในร้านอายุน่าจะประมาณ 15-16 ปี จับจ้องมาที่เขา “แกดูนั่น ใช่พี่พยัคฆ์ ม.6/5 หรือเปล่าวะแก”“ไหน ๆ”“นั่นไง เดินมากับน้องสาวเขาน่ะ”“เออ ใช่พี่พยัคฆ์จริง ๆ ด้วย เสียดาย ฉันจะไม่ได้เจอหน้าหล่อ ๆ ของพี่เขาแล้วอะ ไปขอเฟซบุ๊กพี่เขากันไหมแก เอาไว้ส่องเวลาคิดถึง”“เออ ๆ ดี ๆ”“พี่ยัก…พี่สาวตรงนั้นเขามองพี่กันทำไมเหรอคะ ?” เด็กน้อยถามอย่างสงสัย พี่ ๆ พวกนั้นมองพี่ยักของเธอแล้วหันกลับไปซุบซิบอะไรบางอย่าง “ไม่รู้สิ” เขาไม่สนใจอาการระริกระรี้ของสาว ๆ พวกนั้น ทำเพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วยื่นเมนูให้เธอ“แต่พี่เขาชี้มาทางพี่ด้วยนะคะ แปลกจัง ทำไมพี่ ๆ เขาแก้มแดงแจ๋เลย อากาศก็ไม่ร้อนนะคะ”“ช่า
30 นาทีผ่านไป…เด็กหนุ่มยื่นกระดาษให้เฮียโจ้“โอ้โฮ ! ไอ้หนุ่ม เอ็งเป็นจิตรกรเรอะ ทำไมวาดสวยงี้วะ” เฮียโจ้ตะลึงกับผลงานการวาดรูปของพยัคฆ์ ในกระดาษที่ยื่นให้เป็นลายเสือ ด้านล่างมีคำว่า PAYAK&JAOKHA เด็กหนุ่มยิ้มด้วยความภูมิใจ ถึงเขาจะเรียนวิชาอื่นไม่ค่อยเก่ง แต่เรื่องศิลปะการวาดรูปเขาถนัดนัก “พี่ยักไม่ได้เป็นจิตรกรหรอกค่ะ แต่พี่ยักชอบวาดรูป วาดสวยมาก ๆ เลยนะคะ” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งพูดขึ้น“เออ ข้าเชื่อเอ็งนังหนู”“ผมขอวันนี้จบงานเลยนะเฮีย ไม่ค่อยมีเวลามาน่ะ”“วันเดียวเนี่ยนะ รูปที่เอ็งวาดมา ข้าว่าอย่างน้อย ๆ ต้อง 3 วันนู่นถึงจะเสร็จ เอ็งไม่ไหวหรอก เชื่อข้า”“ไหวเฮีย ผมไหว ผมให้ทั้งคืนเลย บวกเงินเพิ่มก็ได้”“เอางั้นเลยนะ เอ็งไม่เปลี่ยนใจแน่นะ”“ไม่เปลี่ยนเฮีย”“โอเค…มา ขึ้นเขียง”8 ชั่วโมงผ่านไป…ตี 2…บ้านเหมราชเด็กหนุ่มค่อย ๆ เดินย่องเข้าบ้านตัวเอง ภายในบ้านมืดสนิท เขาใช้ความเคยชินเดินเอามือและเท้าควานหาสิ่งกีดขวางข้างหน้า พยายามจำตำแหน่งของบ้านเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเปิดไฟ บนหลังเขามีเด็กน้อยอยู่ เธอนอนหลับบนหลังเขาอย่างสบายใจน้ำลายไหลยืด เขาเดินขึ้นบ
@กรุงเทพมหานคร“รับโทรศัพท์พี่ด้วยนะ อย่าลืมกินข้าวเช้า ตอนเย็นอย่ากินของเผ็ดมากเดี๋ยวปวดท้อง แล้วก็อย่าออกมาแอบกินขนมกลางดึกล่ะ แอร์ฯ ก่อนนอนให้เปิด 25 องศาพอ เข้าใจที่พี่พูดไหม”“ค่าพี่ย้ากกกก บ๊ายบายนะคะ อย่าลืมมาหาหนูด้วยน้า”เด็กน้อยโบกมือให้พี่ชายที่โผล่หัวออกมาจากรถเอสยูวี ขณะรถกำลังเคลื่อนออกไป เขามองเธอโดยไม่ละสายตาเลยแม้แต่น้อย มือข้างหนึ่งโบกไปมา คล้าย ๆ เหมือนเธอจะเห็นเขาเช็ดน้ำตาที่แก้ม“พี่รักหนูนะ…ไว้ถึงบ้านแล้วจะโทร.หา”“หนูก็รักพี่ค่ะ”วันเวลาล่วงเลยผ่านไป…หลังจากที่ฉันได้เข้ามาเรียนกรุงเทพฯ ช่วงแรก ๆ บอกเลยว่ายังปรับตัวไม่ค่อยได้ แต่โชคดีที่มี “วีวี่” ลูกสาวของลุงวิทย์ เธอเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับฉัน เธอคอยอยู่เป็นเพื่อนตลอด พาไปกินของอร่อย ๆ พาไปเที่ยวเล่นหาอะไรสนุกๆทำแก้เหงา จนฉันเริ่มชินกับการอยู่ที่นี่บ้างแล้วลุงวิทย์เองก็ดูแลฉันเป็นอย่างดี ไปรับ-ส่งที่โรงเรียนพร้อมกับวีวี่ตลอด เขาดูแลวีวี่อย่างไรก็ดูแลฉันแบบนั้น ส่วนพี่พยัคฆ์ในช่วง ม.1-ม.4 เขามาหาบ่อยมาก บ่อยมาก ๆ เรียกได้ว่าแทบทุกอาทิตย์ บางครั้งในวันธรรมดาช่วงเย็น ๆ เขาก็มา ทุกครั้งที่มาก็จะมาค้างที่บ้านลุงวิ
@บนรถ หญิงสาวนั่งคิดไปถึงวันเวลาเก่า ๆ ของเธอและพี่ชายที่เคยมีร่วมกัน แม้ว่าเธอจะบอกตัวเองอีกสักกี่พันรอบว่าเขาไม่ใช่พี่ชายเธออีกแล้ว แต่ภายในใจก็ยังคงคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาของเขาและเธออยู่ดี หญิงสาวอยู่บนรถปาเจโร สปอร์ต ที่กำลังจอดติดไฟแดง จุดมุ่งหมายคือมหาวิทยาลัย วิทยายังคงเป็นคนไปรับ-ส่งพวกเธออยู่แม้ว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ตาม ในขณะที่เธอกำลังนั่งรถไปเรียนอยู่นั้น… “ยายเจ้า ๆ มานี่ ๆ มาดูนี่ นั่นใช่พี่พยัคฆ์หรือเปล่า ?” เสียงของวีวี่ทำให้เธอหลุดจากภวังค์ วีวี่ชี้ไม้ชี้มือไปยังชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดซูตสีดำทั้งตัวดูภูมิฐาน รูปร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้าง ผิวไม่ถึงกับขาวแต่ก็ไม่ดำ และหน้าตาของเขานั้นทำให้เธอนิ่งอึ้งไป สมองของเธอขาวโพลน หัวใจแทบกระเด็นออกมา ใช่ ! เป็นเขาจริง ๆ พี่พยัคฆ์ พี่ชายที่หายไปจากชีวิตเธอ 2 ปีเต็ม ! ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าตึกตึกหนึ่งที่ใหญ่โตมากทีเดียว เธอจำได้เมื่อ 2 ปีก่อน ตึกนี้กำลังก่อสร้างอยู่เลย ข้าง ๆ เขามีผู้หญิงคนหนึ่ง ! ผู้หญิง ? ที่ดูสวย สง่า ขาว ขายาวเรียว และที่สำคัญนมใหญ่มาก หล่อนใส่ชุดมินิเดรสสีดำแขนยาว เธอยิ้มหัวเราะอยู่กับเขา เขาเองก็พู
หลังจากคุยกับเพื่อนสนิทหญิงสาวก็กลับเข้าไปทำงานตามปกติ แต่จนแล้วจนรอดเธอกลับไม่มีกะจิตกะใจทำงานแม้แต่น้อย ในหัวเธอเต็มไปด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน คืนที่ทะเลาะกันกับแฟนหนุ่ม ไม่รู้ป่านนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง ความคิดสับสนวุ่นวายจนเธอต้องไปสงบจิตสงบใจบนดาดฟ้าของบริษัทเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาไม่กลับมาบ้าน ไม่โทร.มา ไม่ส่งข้อความหาฉันเลย เขาไม่เชื่อใจ คิดว่าฉันมีคนอื่น คงกะจะทิ้งฉันแล้วจริง ๆ ใช่ไหมคนบ้า ! พี่ยักบ้า ! ทำไมถึงไม่เชื่อใจกันบ้างเลย เธอนั่งกอดเข่าอยู่บนดาดฟ้าของที่ทำงาน แววตาหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มตอนนี้ดูเศร้าลงราวกับจะไม่มีความสุขอีก“ทำไมมานั่งที่นี่คนเดียว ?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังเดินมาทักเธออัศวเดินมานั่งข้าง ๆ เธอ เขาหันมองเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก วันนี้เธอพยายามหลบหน้าเขามาตลอด เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบคืนนั้นอีก และยิ่งยายวีวี่บอกว่าเขาชอบเธอและอยากแย่งเธอจากแฟนหนุ่ม ยิ่งทำให้เธออยากจะอยู่ให้ห่างจากเขา“แค่มาสูดอากาศน่ะค่ะ” เธอตอบโดยไม่มองหน้าเขา และพยายามจะลุกขึ้นหนีไป แต่ชายหนุ่มก็จับแขนเธอไว้ก่อน“คุยกันก่อนสิ”“ปล่อยค่ะ”“นั่ง
ความเร็วของรถที่ขับเคลื่อนอยู่บนท้องถนนไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด สิ่งที่ทำให้เขากลัวมากที่สุดคือการสูญเสียคนที่เขารักต่างหาก จังหวะที่เขาเห็นภาพนั้น ภาพที่ชายคนอื่นซึ่งไม่ใช่เขายื่นหน้าทาบทับใบหน้าเธอ หัวใจเขาแทบจะหลุดออกมา คล้ายมีคนโยนก้อนหินหนัก ๆ ลงในใจ เขาพยายามจะไม่คิดอะไร พยายามจะเชื่อใจเธอ แต่เขาก็ทำไม่ได้จริง ๆ แม้ปากจะบอกไปว่าเชื่อใจไปแล้วก็ตาม พอนึกถึงภาพนั้น หัวใจเขาก็เหมือนถูกบดขยี้ ความโกรธคุกรุ่นอยู่ภายในใจแทบจะระเบิดออกมา ความเกลียดแค้นชิงชังมีมากเมื่อนึกถึงผู้ชายคนนั้น แม้เขาจะเห็นหน้าไม่ชัด แต่ก็พอรู้ตำแหน่งหน้าที่ของมัน…มึงจะได้กลายเป็นศพต่อไปแน่ กูสาบานเลย !!!@บ้านอัศวรถสปอร์ตสีดำจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง…ป้ายหน้าบ้านเขียนว่า ‘ตระกูลเมธาอัครโยธิน’ ชายหนุ่มก้าวลงจากรถแล้วเดินไปกดออดหน้าบ้าน ไม่นานนักก็มีคนงานออกมา“มาหาใคร ?” คนงานวัยกลางคนถาม“อัศว”“นัดไว้หรือเปล่า ?”“ไม่ได้นัด บอกไปว่า กูชื่อพยัคฆ์ เป็นผัวของเจ้าขา” เขาจับปืนที่อยู่ตรงกางเกงขึ้นมาประหนึ่งว่ากูมีปืน ถ้าไม่รีบไปแจ้งนายมึง กระสุนจะได้เจาะที่หัวกะโหลกมึงแน่ คนงานพยักหน้ารับด้วยใบหน
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งเข้าสู่เวลา 4 ทุ่มครึ่ง ทีมงานพี่ขิมทยอยกลับกันไปจนเหลือแค่ฉันกับพี่ขิม 2 คน ส่วนบอส…รายนั้นน่าจะกลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วมั้ง ไม่เห็นเลยตั้งแต่ช่วงนั้น“วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่าน้องเจ้า พรุ่งนี้เราค่อยมาต่อกัน” “ได้ค่ะพี่ แต่เดี๋ยวหนูขอจัดการส่วนนี้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยลงไป พี่ไปก่อนเลยค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ วันนี้ขอบคุณอีกครั้งนะน้องเจ้า”“ค่ะพี่ สวัสดีค่ะ”เธอนั่งทำงานต่ออีกสักพัก…ไม่นานงานสำหรับวันนี้ก็เสร็จ หญิงสาวเก็บข้าวของเตรียมตัวจะลงไปข้างล่าง“ทำไมยังไม่กลับ ?” หญิงสาวหันไปตามเสียงก็พบกับเจ้านายตัวใหญ่ยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์อยู่“กำลังจะกลับค่ะ”“กลับดึกแบบนี้แฟนไม่โทร.ตามแย่เลยเหรอ ?”นั่นสิ ลืมนึกไปเลย พี่ยักต้องเป็นห่วงมากแน่ ๆ เธอไม่เคยกลับดึกขนาดนี้มาก่อน หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปรากฏว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์หมด แย่แล้ว !“บอกเขาเดี๋ยวผมไปส่ง” ชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้“ขอบคุณค่ะ แต่หนูให้แฟนมารับดีกว่า คงไม่เหมาะถ้าจะให้ท่านประธานไปส่ง”“เธอนี่ คิดมากเกินไปไหม” หญิงสาวไม่ตอบ จัดการกดโทรศัพท์โทร.หาแฟนหนุ่ม แต่ทันใดนั้น…ขวับ !“ไม่ต้องโทร.แล
หลายวันต่อมา…หลังจากที่ฉันย้ายเข้าไปทำงานอยู่ในห้องของคุณอัศว ฉันก็ได้ทำงานเอกสารบ้างนิดหน่อย บางครั้งที่เขาไปคุยงานนอกสถานที่ ก็มักจะพาฉันไปด้วย บางครั้งก็จะกินข้าวจากข้างนอกมาเลย แต่ทุกครั้งที่ไปพี่รดาก็จะไม่ได้ไปทุกที พี่รดาก็ดูไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไร กลับอยากให้ฉันไปแทนเธอด้วยซ้ำ เขาไม่ได้ใช้งานอะไรฉันมากนัก ส่วนพี่รดาก็ดูจะไม่ค่อยหางานมาให้แล้วเหมือนกัน ส่วนมากเขาจะชอบถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ของฉันเสียมากกว่า มีอยู่หนหนึ่งตอนไปกินข้าว เขาถามว่าฉันกับพี่พยัคฆ์ว่าเรียกกันว่าอะไร แล้วบอกให้เรียกเขาแบบนั้นบ้าง แต่ฉันก็ปฏิเสธไป บอกเหตุผลว่ามันคงไม่เหมาะ เพราะเขาเป็นเจ้านายเธอเป็นลูกน้อง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้อยากเรียกเขาว่าพี่ด้วย มันดูแปลกพิลึกที่เขาชอบถามอะไรและทำตัวแปลก ๆ ใส่ แต่มันก็ดีกว่าการโหมงานหนักจนทำให้ไม่มีเวลากินข้าว แบบนั้นฉันคงจะตายก่อนฝึกงานจบพอดีนี่ก็หมดเวลาไปแล้ว 1 เดือน เหลืออีก 5 เดือนก็ฝึกงานเสร็จ หน้าที่ของเธอในแต่ละวันก็ไม่ค่อยมีอะไร เช้ามาจัดโต๊ะทำงานให้เขา เช็กอีเมล ดูตารางงาน ความจริงหน้าที่พวกนี้ก็คล้าย ๆ เลขานุการอยู่เหมือนกัน แต่ก็ช่างเถอะ จะเป็นอะไรก็ช่าง หล
@บ้านพยัคฆ์ วันนี้ยัยวีวี่มาค้างที่บ้าน สงสัยมีเรื่องจะเมาท์มอยเยอะ เรา 2 คนนั่งอยู่ในห้องที่พี่พยัคฆ์บอกจะเอาไว้ให้ลูก ส่วนเขาน่ะเหรอ นอนห้องนั้นไปคนเดียว…ตอนแรกที่บอกเขาว่ายัยวีวี่มานอนด้วย เขาจะไม่ยอมด้วยซ้ำ บอกว่าจะไม่ได้นอนกอดเธอตั้ง 1 คืน…มันทรมานใจอย่างนู้นอย่างนี้ หาข้ออ้างมาสารพัด จนเธอต้องปลอบไปยกใหญ่ด้วยการใช้ปาก…ก่อนที่ยัยวีวี่จะมา ไม่งั้นไม่ยอมท่าเดียว…คนหื่นที่แท้ทรู !! “ฉันนะแก…เจอเขาแล้วใจเต้นตุ้บ ๆ เลย ยิ่งมองใกล้ ๆ ยิ่งหวั่นไหวอะแก…” ยัยวีวี่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ให้เธอฟัง ทำไมมันช่างแตกต่างกับฉันเหลือเกิน ยัยวีวี่บอกว่าเจอพี่ที่ทำงานดีมาก คอยสอนงานให้ทุกอย่าง แถมหล่อบาดใจจนยัยวีวี่ถึงขั้นหลงรักเลยทีเดียว“เออ แล้วแกล่ะ เป็นไงบ้าง ?” “เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ…”“โอ้โฮ ที่ฉันดีใจก่อนหน้านี้ทำให้รู้สึกผิดไปเลยว่ะ ดูแกจะโดนยายรดาเล่นงานเอาซะแล้วแหละ”“ไม่รู้พรุ่งนี้จะโดนอะไรอีกบ้าง”“แต่ฉันสงสัย…ว่าทำไมคุณอัศวต้องพาแกไปกินข้าวด้วยวะ”“ใครอัศว อ๋อ...ประธานตัวใหญ่นั่นน่ะเหรอ เห็นเขาบอกหาเพื่อนกินข้าวน่ะ...สงสัยไม่มีคนคบมั้งแก”“ใช่เหรอวะ…ระดับประธานบริษัทเลยนะ พี
ฉันกำลังนั่งมองเอกสารที่สูงท่วมหัวจนมองไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน…ตอนนี้เที่ยงแล้วก็ยังไม่ได้กินข้าวเลย…ฮือ ๆ ๆ อยากกลับบ้านจัง หลังจากที่พี่รดาเข้ามาก็แจกแจงงานให้กับนักศึกษาฝึกงานคนอื่น ๆ ยัยวีวี่เองก็พลอยกระเด็นไปอยู่คนละแผนก…ส่วนฉันเหรอ…ทำทุกอย่างค่ะ ตั้งแต่ถ่ายเอกสาร เรียงเอกสาร เติมหมึกเครื่องพรินต์ ชงกาแฟ ซื้อกาแฟ ตอนนี้ต้องมานั่งคัดแยกเอกสารของแต่ละปีให้เข้าที่…ถึงจะรู้ว่าพี่รดาแกล้งแน่ ๆ แต่ก็พยายามอดทนทำไมน่ะเหรอ...เพราะถ้าไม่ทำต่อที่นี่ ก็ไม่มีที่ให้ไปแล้ว...ดังนั้นจึงต้องอดทนไปก่อน…บอกตัวเองไว้นะเจ้าขา…แกต้องสู้ !เสียงโทรศัพท์ดัง ~~“ฮัลโหลค่ะพี่ยัก…”“กินข้าวยังจ๊ะทูนหัว” แค่ได้ยินเสียงน้ำตาเธอก็จะไหลออกมาแล้ว“กินแล้วค่ะ พึ่งกินกับยัยวี่เมื่อกี้นี้เอง อิ่มมากเลยค่ะ…พี่ยักล่ะคะ” ยังไม่ได้กินเลยต่างหาก หิวจนไส้กิ่วไปหมดแล้ว“เรียบร้อยจ้ะ…เป็นไงบ้างฝึกงานครึ่งวันแรก เหนื่อยไหมคะ ?” เหนื่อยค่ะ เหนื่อยมาก “ไม่เหนื่อยเลยค่ะ สบายมาก” “เหรอคะ ทำได้ใช่ไหม ?”“ได้สิคะ แฟนพี่ยักเก่งอยู่แล้ว”“ตั้งใจทำงานนะคะ ตอนเย็นเจอกันค่ะ…พี่รักหนูนะ”“หนูก็รักพี่ค่ะ”หลังจากวางสายพี่พยัคฆ์ หญิงสา
1 ปีผ่านไป…วันเลือกที่ฝึกงาน…“เอาไงดียัยวี่...ถ้าฉันไม่ไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น แต่ฝึกที่ไทยฉันก็จะไม่ได้เป็นคนเลือกบริษัทเอง ถ้าขืนไปบริษัทที่ไม่ดี ฉันไม่ต้องทนอยู่ไปครึ่งปีเลยเหรอ” หญิงสาวร้องโอดครวญ เธอต้องเลือกระหว่างฝึกงานที่ญี่ปุ่น ซึ่งจะห่างจากแฟนหนุ่มแค่ 3 เดือน กับการฝึกงานในไทย ได้อยู่ใกล้กัน แต่ไม่ได้เป็นคนเลือกบริษัทเอง แถมยังต้องฝึก 6 เดือน “เอาไงก็เอาเลยแก…แกเลือกอันไหน ฉันก็จะตามแกไปทุกที่เลย” โชคดีที่ยังมียัยวีวี่ ต่อให้เจออะไรไม่ดี ยัยเพื่อนคนนี้ก็จะคอยปกป้องฉันเสมอ…เอาวะ…ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว“งั้นฝึกในไทยก็แล้วกัน…ฉันไม่อยากห่างจากพี่ยักเลย”“แหม ! ฉันกะอยู่แล้วแหละย่ะ…นี่ไม่รู้ว่าติดผัวหรือติดอย่างอื่นกันแน่นะเนี่ย”“บ้าเหรอยัยวี่ พูดไรน่าเกลียด” ความจริงติดทั้ง 2 อย่างเลยต่างหากล่ะ@บ้านพยัคฆ์ ห้องนอน“หนูเลือกฝึกงานที่นี่เพราะพี่เลยเหรอคะคนสวย...” ชายหนุ่มพูดขณะนอนกางแขนให้แฟนสาวนอนหนุน มือข้างหนึ่งของเขาลูบที่หัวไหล่เธอเบา ๆ“หนูกลัวว่าพี่จะร้องไห้คิดถึงหนูมากกว่าค่ะ”“พี่ต้องร้องแน่ ๆ ถ้าหนูไม่อยู่…แต่ถ้าหนูอยู่ที่นี่ หนูจะเป็นฝ่ายร้องแทนนะคะ” “พี่ยักบ้า ! พูดอะไรล
หลายวันต่อมา…@มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร@โรงอาหาร“พี่ปลาวาฬเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่รดาจริง ๆ !!”“ชัวร์ แหล่งข่าวของฉันคอนเฟิร์มมาแล้ว…2 คนนั้นวางแผนกันมาอย่างดี แกเชื่อฉันสิ” ยัยวีวี่ยืนยันหนักแน่นจากข้อมูลที่ไปสืบมา “ไม่อยากจะเชื่อเลย”“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อย่ะ…วันนั้นที่เกิดเรื่อง แกได้กินอะไรจากใครบ้างไหม ?”“กินอะไรน่ะเหรอ อ้อ ! พี่ปลาวาฬเอาน้ำมาให้ฉันตอนพักเที่ยง…แต่กว่าฉันจะได้กินก็ปาไปช่วงเย็น ๆ แล้ว”“นั่นแหละคือเริ่มต้นแผนการ หวังจะให้แกกินยาให้เพลีย แล้วเข้าไปนอนในห้อง จากนั้นก็ให้พี่รดามาขโมยกุญแจห้องจากฉันไง” “ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง…ทั้ง 2 คนก็เท่ากับทำลายอนาคตฉันเลยนะ”“พี่ปลาวาฬน่ะกะจะแอ้มแกอยู่แล้ว ส่วนยัยรดา…ฉันว่ามันแค้นแกมากกว่า…คงคิดว่าถ้ากำจัดแกไปได้…หล่อนคงจะกลับมาอยู่เคียงข้างกับพี่พยัคฆ์อีกครั้งได้น่ะสิ”“แต่คนตายไปแล้ว ฉันไม่ถือสาหรอก ฉันอโหสิกรรมให้เขาไปแล้วด้วย…”“เออ…จะว่าไป ข่าวก็เงียบหายไปเลยนะแก อย่างกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นแน่ะ คนอะไรจะเมาจนเดินเข้าป่าไปให้ช้างเหยียบ แถมยังโดนพี่ยักแกอัดซะน่วมขนาดนั้นแล้วด้วย…”“นั่นน่ะสิ”“ฉันว่านะ...ยัยรด
“หยาบคายที่สุด ออกไปจากห้องเจ้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น…” เธอมองหาสิ่งรอบตัวที่พอจะเป็นอาวุธได้บ้าง ทันใดนั้นก็เห็นช้อนส้อมที่กินข้าวเมื่อตอนเย็น แต่ขณะที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบ พี่ปลาวาฬก็เหมือนจะรู้ทันว่าเธอมองสิ่งใดอยู่ เขารีบวิ่งไปปัดจานตก ช้อนส้อมกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทางจากนั้นเขาก็เข้ามารวบร่างเธอแล้วผลักลงบนเตียง…จับแขนเธอยกขึ้นเหนือศีรษะ หญิงสาวพยายามดิ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี กรีดร้องจนเสียงแทบแหบ เขาใช้มือปิดปากเธอและอีกข้างก็เอามือจับรั้งแขนเธอไว้ พลั่ก !เขาต่อยเข้าที่ท้องเธอทำให้เสียงกรีดร้องเงียบไป แทนที่ด้วยหยาดน้ำตา ชายหนุ่มซุกไซ้ที่ซอกคอขาวผ่องของเธออย่างหื่นกระหาย วินาทีนี้เธอคิดถึงเขา คิดถึงเขาเหลือเกิน ภาวนาด้วยน้ำตาหวังให้เขามาช่วย และถ้าเขาไม่มา เมื่อผ่านคืนนี้ไป เธอจะมองหน้าเขาอย่างไร ก็ในเมื่อเธอไม่สะอาดอีกต่อไปแล้ว เขาจะยังรักเธอเหมือนเดิม หรือจะรังเกียจและทิ้งเธอไป หยดน้ำเอ่อล้นรอบดวงตา เธอร้องไห้อย่างไม่มีเสียง ความเจ็บปวดทั้งกายและใจกลั่นออกมาเป็นน้ำตาปัง ! เสียงพังประตูทำให้ชายหนุ่มที่กำลังคร่อมตัวหญิงสาวชะงักไป “ไอ้สัตว์นรก !!”ผลัวะ ! “มึงกล้ามากเลยนะที่ทำแ