หลายวันต่อมา...
นับแต่วันนั้น “เจ้าขา” ก็ตกอยู่ในความดูแลของ “พยัคฆ์” เด็กหนุ่มที่หิ้วคอเสื้อเธอเมื่อหลายวันก่อน และตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่บนรถกระบะ 4 ประตูที่คนขับก็คือพี่ชายหมาด ๆ ของเธอ ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปโรงเรียนประจำจังหวัดที่อยู่ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน
เนื่องจากเหมราชไม่ค่อยมีเวลาไปรับ-ส่งพยัคฆ์ เขาจึงสอนลูกหัดขับรถตั้งแต่อายุ 12
“นี่ ! เลิกเอาไอ้ก้อนเน่า ๆ นั่นมากอดสักทีได้ไหม ไม่อายคนอื่นเขาบ้างหรือไง” พยัคฆ์พูดพลางเหลือบมองเธอแวบหนึ่งก่อนที่จะเลี้ยวรถเข้ารั้วโรงเรียน
“นี่พี่ต่าย ไม่ใช่ก้อนเน่า ๆ นะคะ คุณแม่ซื้อให้วันเกิดหนู” เธอพูดแล้วทำปากยู่ กอดกระชับตุ๊กตากระต่ายตัวน้อยในอ้อมกอดด้วยความรัก
“งั้นเหรอ ซักบ้างก็ดีนะ กลิ่นอย่างกับถังขยะเน่า !”
“ฮึ ! พี่พยัคฆ์ใจร้าย !!!”
@ห้องเรียน ป.4/8
“นี่พวกเรา มาดูนี่เร็ว กระต่ายตัวนี้กำลังจะแยกร่างล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เด็กผู้ชายคนหนึ่งพยายามกางแขนกางขาตุ๊กตากระต่ายเล่นอย่างสนุกสนาน เขาถือวิ่งไปรอบ ๆ ห้องเพื่อยั่วเย้าเด็กผู้หญิงที่กำลังวิ่งไล่กวดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เอามานี่นะ นั่นมันของฉัน” เจ้าขากระโดดยื้อแย่ง เพื่อหวังจะเอาตุ๊กตาของตัวเองคืน
“เก่งจริงก็มาแย่งเองสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“เอามานะ”
“นี่ดูนะ พี่ต่ายของน้องเจ้าขา กำลังจะเล่นกายกรรมโชว์ด้วยนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“บอกให้เอาคืนมาไงเล่า !”
เด็กน้อย 2 คนพยายามยื้อแย่งตุ๊กตากระต่ายกันอย่างชุลมุน โดยมีเพื่อน ๆ วัยประถมคอยเชียร์อยู่ไม่ห่าง บ้างก็หัวเราะเยาะ บ้างก็โห่ร้องด้วยความสนุกสนาน แต่ไม่มีใครคิดจะเข้าไปช่วยเด็กใหม่อย่างเจ้าขาเลยสักคน เธอยังใหม่กับที่นี่มาก การหาเพื่อนในโรงเรียนแห่งนี้ค่อนข้างยากลำบากสำหรับเธอ
แควก !
“ธะ…เธอดึงเองนะ ฉันเปล่า” เด็กชายพูดจบก็เตรียมจะวิ่งหนีไป แต่ก็ไม่ทันได้วิ่งเพราะเจ้าขาใช้มือน้อย ๆ จัดการกำผมของเด็กชายและดึงกระชากกลับจนอีกฝ่ายหงายหลังล้มลงไม่เป็นท่า
พลัก !
“โอ๊ย !”
ผัวะ !
“เจ็บนะ”
ตุ้บตั้บ ! ตุ้บตั้บ !
เจ้าขาใช้มืออันน้อยนิดต่อยไปที่หน้าเด็กชายคนนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความโมโหสุดขีด ใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กสาวตอนนี้เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งไม่ยิ้มแย้ม
นั่นมันพี่ต่ายที่คุณแม่ซื้อให้ฉันนะ !
อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด !
เธอรัวหมัดไปที่เด็กชายคนนั้นหลายที ปลดปล่อยความโมโหโกรธาในหัวใจ ความเศร้าใจต่าง ๆ นานาที่เก็บสะสมไว้ในอก ความคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่ที่ไม่ได้เจอหลายวันและความไม่คุ้นชินกับสถานที่แปลกใหม่ ความรู้สึกเหล่านี้ช่วยโหมความโกรธในใจอย่างดี
“พวกเธอหยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้าขา ธนาธิป !!!” เสียงของคุณครูเฟื่องฟ้า ครูประจำชั้นดังขึ้นทำให้เด็กทั้ง 2 คนที่กำลังชุลมุนพลันหยุดลงทันที
@ห้องพักครู
“ทะเลาะวิวาทเหรอครับ ?”
“ใช่ ครูเห็นว่าเธอเป็นพี่ก็เลยเรียกเธอมาคุยน่ะจ้ะ”
“ยายนั่นชกก่อนด้วยเหรอครับ”
“เท่าที่ฟังจากเด็กคนอื่น ๆ ในห้องก็เห็นจะใช่ เจ้าขาคงโกรธที่ธนาธิปแย่งตุ๊กตาไป แถมยังทำขาดอีก เธอคงจะมีปมอะไรในใจ ครูเลยอยากจะให้พยัคฆ์ช่วยดูแลน้องอย่างใกล้ชิดหน่อยน่ะจ้ะ”
แหงล่ะ ! ยายนั่นหวงก้อนเน่าเสียอย่างกับอะไร
“ได้ครับครู”
“ส่วนทางเจ้าธนาธิป ผู้ปกครองเขาไม่ติดใจหรอกนะ เขาเข้าใจว่าลูกเขาดื้อและคงจะเป็นฝ่ายแกล้งก่อน”
“ครับครู”
“ยังไงครูฝากน้องด้วยนะ”
“ครับ”
@บนรถ
ขณะที่ทั้งคู่นั่งรถกำลังกลับบ้าน ความเงียบก็ปกคลุมรถทั้งคัน บรรยากาศภายในรถดูอึมครึม ทั้ง 2 คนไม่พูดไม่จากัน ปกติเสียงเล็ก ๆ ของเจ้าขาจะคอยพูดไม่หยุดไม่หย่อน อาจจะเป็นเพราะเรื่องวันนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีหลายอย่าง
พยัคฆ์เหลือบมองเธอครู่หนึ่งก่อนหันกลับไปมองทางต่อ เด็กน้อยนั่งกอดเข่า สายตาเหม่อมองไปนอกรถ ในมือถือตุ๊กตากระต่ายที่ขาดวิ่น ไส้ในที่เป็นใยสังเคราะห์นั้นหลุดร่วงเกือบหมด เขาไม่รู้จะปลอบเธออย่างไร เพราะตัวเขาเองก็ไม่เคยมีน้อง เป็นลูกคนเดียวมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยต้องแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ ให้ใคร หรือแม้แต่ปลอบใจใคร เขาทำได้เพียงนั่งเงียบ ๆ แบบนี้ไปตลอดทางจนกระทั่งถึงบ้าน
เด็กหนุ่มจอดรถที่โรงจอดและเตรียมตัวจะลงรถ แต่เด็กน้อยข้าง ๆ กลับไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลย
“ถึงแล้ว” พยัคฆ์ร้องบอก
“...”
“นี่ !” เด็กหนุ่มสะกิดแขน ไม่มีเสียงและปฏิริยาตอบกลับ ทำให้เขาเข้าใจว่าเธอหลับไปแล้ว เขาจึงเดินอ้อมไปทางฝั่งคนนั่งแล้วรวบร่างเด็กน้อยตัวจิ๋วขึ้นอุ้ม สายตาเผลอมองไปยังใบหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตา จมูกเล็ก ๆ นั้นแดงเถือกจากการร้องไห้อย่างหนัก ร้องไห้จนขี้เหร่ไปหมดเลยยายนี่
เขาพาเธอขึ้นไปส่งยังห้องนอนของที่อยู่ติดกับห้องเขา ห่มผ้าให้อย่างอ่อนโยน เด็กหนุ่มนั่งลงข้างเธอโดยไม่มีคำพูดใด ๆ ทำเพียงจ้องมองเด็กน้อยที่หลับตาพริ้ม ขนตาที่แผ่ยาวงามงอนเหมือนเส้นไหมขยับเล็กน้อย จมูกกลมมนดูน่ารัก ปากบางจิ้มลิ้มอมชมพูระเรื่อ
หน้าตาก็น่ารักดีนี่
เขาสะบัดหน้าเพื่อเรียกสติตัวเอง นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่ !
เด็กหนุ่มเดินกลับเข้าห้องตัวเองพร้อมกับตุ๊กตากระต่ายที่ขาดวิ่นตัวนั้น
เช้าวันต่อมา…ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังมาจากข้างห้อง“มีอะไร”“หนูเข้าไปได้ไหมคะ”“ไม่ได้ ฉันแก้ผ้าอยู่ มีอะไรก็พูดมา” เด็กหนุ่มพูดจบก็หยิบกุญแจรถเตรียมตัวจะไปโรงเรียน“ขอบคุณนะคะ…ที่ช่วยซ่อมพี่ต่ายให้หนู”“ฉันไม่ได้ซ่อมให้ซะหน่อย…ป้าพรหรือเปล่า ใครจะไปกล้าจับก้อนเน่า ๆ นั่นกัน”“หนูถามป้าพรแล้วค่ะ ป้าพรบอกพี่ขอยืมเข็มกับด้ายไปเมื่อคืน ไม่ได้เอามาซ่อมพี่ต่ายให้หนูเหรอ” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากประตูเชื่อมห้องของทั้งคู่ เป็นเขานั่นแหละที่นั่งซ่อมตุ๊กตาให้เธอเมื่อคืน แถมยังโดนเข็มทิ่มไปตั้งหลายที ใครจะไปรู้ล่ะว่าเย็บผ้ามันยากเย็นขนาดนี้รู้อย่างนี้ไม่ทำให้เสียก็ดี หาเรื่องเจ็บตัวชะมัด !“มันคงกลับมารวมตัวกันเองละมั้ง….ฉันจะไปรอข้างล่าง มาช้า ฉันไม่รอนะ” เด็กหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อหลีกเลี่ยงคำตอบ เสียภาพพจน์หมดถ้ายายนั่นรู้ว่าเขานั่งเย็บตุ๊กตาให้ “ไปเดี๋ยวนี้แหละค่าพี่ย้ากกก”รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าเด็กหนุ่ม ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เขาเผลอยิ้มแบบนี้ทุกครั้งที่ยายเด็กนั่นทำตัวน่ารัก นี่กูเป็นอะไรเนี่ย !วันเวลาผันผ่าน การใช้ชีวิตในวัยเรียนของทั้งคู่ก็ยังคงดำเนินไปจนเข้าสู่ช
บ้านของพยัคฆ์ที่แม่ฮ่องสอนทำธุรกิจส่งออกผลไม้ แต่เหมราชเองก็มีธุรกิจในเครือที่ต้องดูแลอีกมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เขาจึงไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องไปดูแลธุรกิจที่ต่างจังหวัด บางทีก็ไปต่างประเทศหลายวัน ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับพยัคฆ์ตั้งแต่เล็ก ๆ แม้เขาจะไม่ค่อยได้อยู่กับลูก แต่เขาก็ให้แม่บ้านหรือป้าพรคอยดูแลอยู่ตลอด ส่วนสวนผลไม้หรือธุรกิจในบ้านจะมีลุงชัชซึ่งเป็นน้องชายช่วยดูแลด้วยอีกแรงเหมราชหวังให้พยัคฆ์เรียนจบแล้วมาช่วยเขาดูแลธุรกิจที่บ้านต่อจากเขา เพราะเขาเองก็อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ดังนั้นทุกเสาร์-อาทิตย์เหมราชจะให้พยัคฆ์มาเรียนรู้งานในสวนอยู่เป็นประจำ ส่วนเจ้าขาเองก็จะติดสอยห้อยตามเขาไปด้วยเสมอ ทั้งคู่ตัวติดกันจนคนงานในสวนเห็นจนชินตาไปแล้ว “ตกปลาอีกแล้วเหรอคะ…พี่ยักไปเถอะ หนูไม่ไปหรอก สงสารน้องปลา” เด็กน้อยหน้ามุ่ย พร้อมกับสะบัดหน้าหนี อีกครั้งแล้วที่พี่ยักของเธอชวนไปตกปลา เธอไม่ชอบเลยจริง ๆ การที่เอาตะขอไปเกี่ยวปากปลา ดึงขึ้นมา แล้วก็ปล่อยลงไป ไม่เห็นน่าสนุกตรงไหนเลย ดูน่าสงสารออก แต่พี่ยักกลับบอกว่ามันเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ใคร ๆ เขาก็ทำกัน แต่เธอไม่เห็นด้วยเลย ทุกครั้งที
“ไอ้ฉิบหาย ! ไอ้ลูกเวร ! กูบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้พาน้องไปเล่นแถวนั้น…” เสียงก่นด่าของเหมราชดังไปทั่วลานบ้าน คนงานในสวนต่างพากันมามุงดูประหนึ่งล้อมวงดูคอนเสิร์ต“ผมขอโทษป๋า...” คราวนี้พยัคฆ์ไม่ได้เถียงผู้เป็นพ่อเหมือนที่เคยทำ เขาเองก็รู้สึกผิดมาก ๆ กับเจ้าขา วินาทีที่ไม่เห็นเธออยู่จุดที่เล่นน้ำ มันสามารถทำให้เขาหัวใจแทบหยุดเต้นได้เลย “เดี๋ยวพอน้องจบ ป.6 กูจะให้ไปเรียนกรุงเทพฯ ห่าง ๆ จากมึงซะบ้าง ไม่งั้นได้ตายก่อนเรียนจบพอดี”“ป๋าว่าไงนะ…ใครจะไปเรียนกรุงเทพฯ ?” เด็กหนุ่มพยายามถามซ้ำ หวังให้ตัวเองได้ยินผิดไป“กูจะให้เจ้าขาไปเรียนที่กรุงเทพฯ ไปอยู่กับลุงวิทย์ที่นั่น ลูกเขาก็เรียนด้วยจะได้มีเพื่อน…”“ไปไม่ได้นะป๋า !” เด็กหนุ่มพูดแย้งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพ่อจะให้น้องสาวที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดต้องห่างตนไป“ไปได้ กูคุยกับเขาไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพอน้องเรียนจบ ป.6 ก็ทำเรื่องย้ายโรงเรียนเลย”“ไปไม่ได้ป๋า ผมไม่ให้ไป เรียนที่นี่ก็ได้ ทำไมต้องไปกรุงเทพฯ แล้วน้องจะอยู่ยังไง น้องไม่รู้จักใครเลยนะป๋า” เด็กหนุ่มกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพยายามจะหาเหตุผลร้อยแปดที่คิดได้ใน
วันปิดภาคเรียน“วันนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”“หนูอยากกินไอศกรีมสเวนเซ่นส์ค่ะ”“ได้คร้าบบบ คุณผู้หญิง” เด็กหนุ่มโค้งคำนับให้เธอประหนึ่งเธอเป็นเจ้าหญิง วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับเจ้าหญิงตัวน้อยที่เดินข้าง ๆ คนนี้ วันพรุ่งนี้เธอจะต้องไปเรียนที่กรุงเทพฯ แล้ว หลายปีเลยจนกว่าเธอจะเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาเดินจูงมือเธอมาถึงร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ จังหวะที่กำลังเดินเข้าไปในร้าน สายตาของเด็กสาวในร้านอายุน่าจะประมาณ 15-16 ปี จับจ้องมาที่เขา “แกดูนั่น ใช่พี่พยัคฆ์ ม.6/5 หรือเปล่าวะแก”“ไหน ๆ”“นั่นไง เดินมากับน้องสาวเขาน่ะ”“เออ ใช่พี่พยัคฆ์จริง ๆ ด้วย เสียดาย ฉันจะไม่ได้เจอหน้าหล่อ ๆ ของพี่เขาแล้วอะ ไปขอเฟซบุ๊กพี่เขากันไหมแก เอาไว้ส่องเวลาคิดถึง”“เออ ๆ ดี ๆ”“พี่ยัก…พี่สาวตรงนั้นเขามองพี่กันทำไมเหรอคะ ?” เด็กน้อยถามอย่างสงสัย พี่ ๆ พวกนั้นมองพี่ยักของเธอแล้วหันกลับไปซุบซิบอะไรบางอย่าง “ไม่รู้สิ” เขาไม่สนใจอาการระริกระรี้ของสาว ๆ พวกนั้น ทำเพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วยื่นเมนูให้เธอ“แต่พี่เขาชี้มาทางพี่ด้วยนะคะ แปลกจัง ทำไมพี่ ๆ เขาแก้มแดงแจ๋เลย อากาศก็ไม่ร้อนนะคะ”“ช่า
สาวน้อยผู้มาใหม่เดินชมห้องของตัวเองที่พึ่งจะย้ายเข้ามา ภายในห้องตกแต่งด้วยสีชมพูหวานแหวว มีตุ๊กตาตัวน้อยใหญ่วางเรียงรายเป็นแถวอยู่บนเตียงนอนลายคิตตี้สำหรับเด็กน้อย ซึ่งล้วนเป็นตุ๊กตาของเธอจากบ้านเก่า เหนือเตียงนอนจะเป็นมุ้งเจ้าหญิงสีชมพูแบบที่เธอชอบ ถัดจากเตียงมีโต๊ะเขียนหนังสือเล็ก ๆ ที่นั่งมองวิวนอกหน้าต่างได้ ส่วนที่มุมห้องด้านในเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำตัว เธอเดินมาหยุดนั่งบนเตียง หยิบตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดที่แม่ซื้อให้เมื่อวันเกิดมาอุ้มไว้ในอ้อมกอด พลางคุยกับเจ้ากระต่าย“ห้องสวยดีนะพี่ต่าย แต่หนูอยากให้พ่อกับแม่มาอยู่ด้วยจัง” สาวน้อยล้มตัวลงนอนบนเตียง ในใจนึกถึงวันนั้นที่พ่อกับแม่บอกว่าจะมารับเธอที่โรงเรียนตอนเย็น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาและหลังจากนั้นเธอก็ไม่เจอท่านอีกเลย วันนั้นเธอกลับบ้านกับเหมราชซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อกับแม่ เหมราชบอกกับเด็กน้อยว่าพ่อกับแม่ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศด่วนมาก จึงต้องฝากเธอไว้กับเขา“พ่อกับแม่ไปนานไหม จะกลับมารับหนูหรือเปล่า พี่ต่าย หนูคิดถึงพ่อกับแม่จัง…” เด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นจนไหล่สะท้าน จมูกแดงก่ำราวกับลูกตำลึง เธอเป็นแค่เด็กน้อยวัยเพียง 10 ขวบเท่า
วันปิดภาคเรียน“วันนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”“หนูอยากกินไอศกรีมสเวนเซ่นส์ค่ะ”“ได้คร้าบบบ คุณผู้หญิง” เด็กหนุ่มโค้งคำนับให้เธอประหนึ่งเธอเป็นเจ้าหญิง วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับเจ้าหญิงตัวน้อยที่เดินข้าง ๆ คนนี้ วันพรุ่งนี้เธอจะต้องไปเรียนที่กรุงเทพฯ แล้ว หลายปีเลยจนกว่าเธอจะเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาเดินจูงมือเธอมาถึงร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ จังหวะที่กำลังเดินเข้าไปในร้าน สายตาของเด็กสาวในร้านอายุน่าจะประมาณ 15-16 ปี จับจ้องมาที่เขา “แกดูนั่น ใช่พี่พยัคฆ์ ม.6/5 หรือเปล่าวะแก”“ไหน ๆ”“นั่นไง เดินมากับน้องสาวเขาน่ะ”“เออ ใช่พี่พยัคฆ์จริง ๆ ด้วย เสียดาย ฉันจะไม่ได้เจอหน้าหล่อ ๆ ของพี่เขาแล้วอะ ไปขอเฟซบุ๊กพี่เขากันไหมแก เอาไว้ส่องเวลาคิดถึง”“เออ ๆ ดี ๆ”“พี่ยัก…พี่สาวตรงนั้นเขามองพี่กันทำไมเหรอคะ ?” เด็กน้อยถามอย่างสงสัย พี่ ๆ พวกนั้นมองพี่ยักของเธอแล้วหันกลับไปซุบซิบอะไรบางอย่าง “ไม่รู้สิ” เขาไม่สนใจอาการระริกระรี้ของสาว ๆ พวกนั้น ทำเพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วยื่นเมนูให้เธอ“แต่พี่เขาชี้มาทางพี่ด้วยนะคะ แปลกจัง ทำไมพี่ ๆ เขาแก้มแดงแจ๋เลย อากาศก็ไม่ร้อนนะคะ”“ช่า
“ไอ้ฉิบหาย ! ไอ้ลูกเวร ! กูบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้พาน้องไปเล่นแถวนั้น…” เสียงก่นด่าของเหมราชดังไปทั่วลานบ้าน คนงานในสวนต่างพากันมามุงดูประหนึ่งล้อมวงดูคอนเสิร์ต“ผมขอโทษป๋า...” คราวนี้พยัคฆ์ไม่ได้เถียงผู้เป็นพ่อเหมือนที่เคยทำ เขาเองก็รู้สึกผิดมาก ๆ กับเจ้าขา วินาทีที่ไม่เห็นเธออยู่จุดที่เล่นน้ำ มันสามารถทำให้เขาหัวใจแทบหยุดเต้นได้เลย “เดี๋ยวพอน้องจบ ป.6 กูจะให้ไปเรียนกรุงเทพฯ ห่าง ๆ จากมึงซะบ้าง ไม่งั้นได้ตายก่อนเรียนจบพอดี”“ป๋าว่าไงนะ…ใครจะไปเรียนกรุงเทพฯ ?” เด็กหนุ่มพยายามถามซ้ำ หวังให้ตัวเองได้ยินผิดไป“กูจะให้เจ้าขาไปเรียนที่กรุงเทพฯ ไปอยู่กับลุงวิทย์ที่นั่น ลูกเขาก็เรียนด้วยจะได้มีเพื่อน…”“ไปไม่ได้นะป๋า !” เด็กหนุ่มพูดแย้งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพ่อจะให้น้องสาวที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดต้องห่างตนไป“ไปได้ กูคุยกับเขาไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพอน้องเรียนจบ ป.6 ก็ทำเรื่องย้ายโรงเรียนเลย”“ไปไม่ได้ป๋า ผมไม่ให้ไป เรียนที่นี่ก็ได้ ทำไมต้องไปกรุงเทพฯ แล้วน้องจะอยู่ยังไง น้องไม่รู้จักใครเลยนะป๋า” เด็กหนุ่มกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพยายามจะหาเหตุผลร้อยแปดที่คิดได้ใน
บ้านของพยัคฆ์ที่แม่ฮ่องสอนทำธุรกิจส่งออกผลไม้ แต่เหมราชเองก็มีธุรกิจในเครือที่ต้องดูแลอีกมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เขาจึงไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องไปดูแลธุรกิจที่ต่างจังหวัด บางทีก็ไปต่างประเทศหลายวัน ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับพยัคฆ์ตั้งแต่เล็ก ๆ แม้เขาจะไม่ค่อยได้อยู่กับลูก แต่เขาก็ให้แม่บ้านหรือป้าพรคอยดูแลอยู่ตลอด ส่วนสวนผลไม้หรือธุรกิจในบ้านจะมีลุงชัชซึ่งเป็นน้องชายช่วยดูแลด้วยอีกแรงเหมราชหวังให้พยัคฆ์เรียนจบแล้วมาช่วยเขาดูแลธุรกิจที่บ้านต่อจากเขา เพราะเขาเองก็อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ดังนั้นทุกเสาร์-อาทิตย์เหมราชจะให้พยัคฆ์มาเรียนรู้งานในสวนอยู่เป็นประจำ ส่วนเจ้าขาเองก็จะติดสอยห้อยตามเขาไปด้วยเสมอ ทั้งคู่ตัวติดกันจนคนงานในสวนเห็นจนชินตาไปแล้ว “ตกปลาอีกแล้วเหรอคะ…พี่ยักไปเถอะ หนูไม่ไปหรอก สงสารน้องปลา” เด็กน้อยหน้ามุ่ย พร้อมกับสะบัดหน้าหนี อีกครั้งแล้วที่พี่ยักของเธอชวนไปตกปลา เธอไม่ชอบเลยจริง ๆ การที่เอาตะขอไปเกี่ยวปากปลา ดึงขึ้นมา แล้วก็ปล่อยลงไป ไม่เห็นน่าสนุกตรงไหนเลย ดูน่าสงสารออก แต่พี่ยักกลับบอกว่ามันเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ใคร ๆ เขาก็ทำกัน แต่เธอไม่เห็นด้วยเลย ทุกครั้งที
เช้าวันต่อมา…ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังมาจากข้างห้อง“มีอะไร”“หนูเข้าไปได้ไหมคะ”“ไม่ได้ ฉันแก้ผ้าอยู่ มีอะไรก็พูดมา” เด็กหนุ่มพูดจบก็หยิบกุญแจรถเตรียมตัวจะไปโรงเรียน“ขอบคุณนะคะ…ที่ช่วยซ่อมพี่ต่ายให้หนู”“ฉันไม่ได้ซ่อมให้ซะหน่อย…ป้าพรหรือเปล่า ใครจะไปกล้าจับก้อนเน่า ๆ นั่นกัน”“หนูถามป้าพรแล้วค่ะ ป้าพรบอกพี่ขอยืมเข็มกับด้ายไปเมื่อคืน ไม่ได้เอามาซ่อมพี่ต่ายให้หนูเหรอ” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากประตูเชื่อมห้องของทั้งคู่ เป็นเขานั่นแหละที่นั่งซ่อมตุ๊กตาให้เธอเมื่อคืน แถมยังโดนเข็มทิ่มไปตั้งหลายที ใครจะไปรู้ล่ะว่าเย็บผ้ามันยากเย็นขนาดนี้รู้อย่างนี้ไม่ทำให้เสียก็ดี หาเรื่องเจ็บตัวชะมัด !“มันคงกลับมารวมตัวกันเองละมั้ง….ฉันจะไปรอข้างล่าง มาช้า ฉันไม่รอนะ” เด็กหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อหลีกเลี่ยงคำตอบ เสียภาพพจน์หมดถ้ายายนั่นรู้ว่าเขานั่งเย็บตุ๊กตาให้ “ไปเดี๋ยวนี้แหละค่าพี่ย้ากกก”รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าเด็กหนุ่ม ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เขาเผลอยิ้มแบบนี้ทุกครั้งที่ยายเด็กนั่นทำตัวน่ารัก นี่กูเป็นอะไรเนี่ย !วันเวลาผันผ่าน การใช้ชีวิตในวัยเรียนของทั้งคู่ก็ยังคงดำเนินไปจนเข้าสู่ช
หลายวันต่อมา...นับแต่วันนั้น “เจ้าขา” ก็ตกอยู่ในความดูแลของ “พยัคฆ์” เด็กหนุ่มที่หิ้วคอเสื้อเธอเมื่อหลายวันก่อน และตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่บนรถกระบะ 4 ประตูที่คนขับก็คือพี่ชายหมาด ๆ ของเธอ ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปโรงเรียนประจำจังหวัดที่อยู่ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เนื่องจากเหมราชไม่ค่อยมีเวลาไปรับ-ส่งพยัคฆ์ เขาจึงสอนลูกหัดขับรถตั้งแต่อายุ 12 “นี่ ! เลิกเอาไอ้ก้อนเน่า ๆ นั่นมากอดสักทีได้ไหม ไม่อายคนอื่นเขาบ้างหรือไง” พยัคฆ์พูดพลางเหลือบมองเธอแวบหนึ่งก่อนที่จะเลี้ยวรถเข้ารั้วโรงเรียน“นี่พี่ต่าย ไม่ใช่ก้อนเน่า ๆ นะคะ คุณแม่ซื้อให้วันเกิดหนู” เธอพูดแล้วทำปากยู่ กอดกระชับตุ๊กตากระต่ายตัวน้อยในอ้อมกอดด้วยความรัก“งั้นเหรอ ซักบ้างก็ดีนะ กลิ่นอย่างกับถังขยะเน่า !” “ฮึ ! พี่พยัคฆ์ใจร้าย !!!”@ห้องเรียน ป.4/8“นี่พวกเรา มาดูนี่เร็ว กระต่ายตัวนี้กำลังจะแยกร่างล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เด็กผู้ชายคนหนึ่งพยายามกางแขนกางขาตุ๊กตากระต่ายเล่นอย่างสนุกสนาน เขาถือวิ่งไปรอบ ๆ ห้องเพื่อยั่วเย้าเด็กผู้หญิงที่กำลังวิ่งไล่กวดด้วยสีหน้าจริงจัง“เอามานี่นะ นั่นมันของฉัน” เจ้าขากระโดดยื้อแย่ง เพื่อหวังจะเอาตุ๊กตาของตัวเองคื
สาวน้อยผู้มาใหม่เดินชมห้องของตัวเองที่พึ่งจะย้ายเข้ามา ภายในห้องตกแต่งด้วยสีชมพูหวานแหวว มีตุ๊กตาตัวน้อยใหญ่วางเรียงรายเป็นแถวอยู่บนเตียงนอนลายคิตตี้สำหรับเด็กน้อย ซึ่งล้วนเป็นตุ๊กตาของเธอจากบ้านเก่า เหนือเตียงนอนจะเป็นมุ้งเจ้าหญิงสีชมพูแบบที่เธอชอบ ถัดจากเตียงมีโต๊ะเขียนหนังสือเล็ก ๆ ที่นั่งมองวิวนอกหน้าต่างได้ ส่วนที่มุมห้องด้านในเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำตัว เธอเดินมาหยุดนั่งบนเตียง หยิบตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดที่แม่ซื้อให้เมื่อวันเกิดมาอุ้มไว้ในอ้อมกอด พลางคุยกับเจ้ากระต่าย“ห้องสวยดีนะพี่ต่าย แต่หนูอยากให้พ่อกับแม่มาอยู่ด้วยจัง” สาวน้อยล้มตัวลงนอนบนเตียง ในใจนึกถึงวันนั้นที่พ่อกับแม่บอกว่าจะมารับเธอที่โรงเรียนตอนเย็น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาและหลังจากนั้นเธอก็ไม่เจอท่านอีกเลย วันนั้นเธอกลับบ้านกับเหมราชซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อกับแม่ เหมราชบอกกับเด็กน้อยว่าพ่อกับแม่ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศด่วนมาก จึงต้องฝากเธอไว้กับเขา“พ่อกับแม่ไปนานไหม จะกลับมารับหนูหรือเปล่า พี่ต่าย หนูคิดถึงพ่อกับแม่จัง…” เด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นจนไหล่สะท้าน จมูกแดงก่ำราวกับลูกตำลึง เธอเป็นแค่เด็กน้อยวัยเพียง 10 ขวบเท่า