“หยุดร้องไห้แล้วฟังแม่…ที่แม่ตีเพราะต้องการให้ลูกรู้ ว่าการโกหกมันไม่ใช่เรื่องดี แล้วยิ่งโกหกปู่ให้ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้ว ลูกเองก็ยังเล่นสนุกสนานบนความทุกข์ของคนอื่นได้ยังไง พร้อมพบ ไม่ว่าใครชวนทำอะไรไม่ดี หนูก็ต้องปฏิเสธไม่ใช่เข้าร่วม แถมยังเป็นคนคิดให้คนอื่น ๆ โกหกปู่อีก และอีกอย่าง เมื่อทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิดของตัวเอง ไม่ใช่โบ้ยความผิดให้พี่เขา มันไม่ดีเลยนะลูก ส่วนพายุ ลูกเป็นพี่คนโต ต้องคอยดูแล ปกป้องน้อง ๆ เป็นตัวอย่างที่ดีของน้อง ๆ สิลูก ไม่ใช่พาน้องไปเล่นพิเรนทร์แบบนี้ พวกลูกเป็นพี่น้องกัน ต้องรักกันไว้ อย่าทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะเมื่อเกิดอะไรขึ้น ก็มีแต่พวกเราพี่น้องเท่านั้นที่จะช่วยเหลือกันและกัน เข้าใจที่แม่พูดไหม ?” เด็กน้อยทั้งหลายพยักหน้าเข้าใจพลางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย“เอาละ ๆ เข้าใจแล้วก็ดี ปู่เองก็ไม่ได้อยากให้ทำโทษหลาน ๆ หรอก เพียงแต่แค่เป็นห่วงก็เท่านั้นเอง” “ไม่ได้หรอกค่ะพ่อ เดี๋ยวแกจะเคยตัว โตขึ้นเป็นแบบพี่ยักทำไงล่ะคะ” หญิงสาวพูดทำเอาคนโดนพาดพิงหันขวับ เขาไปเกี่ยวไรด้วยว้า !“มาหลาน ๆ มาหาปู่มา เดี๋ยวเราไปอาบน้ำล้างตัวกัน เดี๋ยวปู่เอาสระลมยางให้เล่น”
สาวน้อยผู้มาใหม่เดินชมห้องของตัวเองที่พึ่งจะย้ายเข้ามา ภายในห้องตกแต่งด้วยสีชมพูหวานแหวว มีตุ๊กตาตัวน้อยใหญ่วางเรียงรายเป็นแถวอยู่บนเตียงนอนลายคิตตี้สำหรับเด็กน้อย ซึ่งล้วนเป็นตุ๊กตาของเธอจากบ้านเก่า เหนือเตียงนอนจะเป็นมุ้งเจ้าหญิงสีชมพูแบบที่เธอชอบ ถัดจากเตียงมีโต๊ะเขียนหนังสือเล็ก ๆ ที่นั่งมองวิวนอกหน้าต่างได้ ส่วนที่มุมห้องด้านในเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำตัว เธอเดินมาหยุดนั่งบนเตียง หยิบตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดที่แม่ซื้อให้เมื่อวันเกิดมาอุ้มไว้ในอ้อมกอด พลางคุยกับเจ้ากระต่าย“ห้องสวยดีนะพี่ต่าย แต่หนูอยากให้พ่อกับแม่มาอยู่ด้วยจัง” สาวน้อยล้มตัวลงนอนบนเตียง ในใจนึกถึงวันนั้นที่พ่อกับแม่บอกว่าจะมารับเธอที่โรงเรียนตอนเย็น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาและหลังจากนั้นเธอก็ไม่เจอท่านอีกเลย วันนั้นเธอกลับบ้านกับเหมราชซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อกับแม่ เหมราชบอกกับเด็กน้อยว่าพ่อกับแม่ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศด่วนมาก จึงต้องฝากเธอไว้กับเขา“พ่อกับแม่ไปนานไหม จะกลับมารับหนูหรือเปล่า พี่ต่าย หนูคิดถึงพ่อกับแม่จัง…” เด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นจนไหล่สะท้าน จมูกแดงก่ำราวกับลูกตำลึง เธอเป็นแค่เด็กน้อยวัยเพียง 10 ขวบเท่า
หลายวันต่อมา...นับแต่วันนั้น “เจ้าขา” ก็ตกอยู่ในความดูแลของ “พยัคฆ์” เด็กหนุ่มที่หิ้วคอเสื้อเธอเมื่อหลายวันก่อน และตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่บนรถกระบะ 4 ประตูที่คนขับก็คือพี่ชายหมาด ๆ ของเธอ ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปโรงเรียนประจำจังหวัดที่อยู่ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เนื่องจากเหมราชไม่ค่อยมีเวลาไปรับ-ส่งพยัคฆ์ เขาจึงสอนลูกหัดขับรถตั้งแต่อายุ 12 “นี่ ! เลิกเอาไอ้ก้อนเน่า ๆ นั่นมากอดสักทีได้ไหม ไม่อายคนอื่นเขาบ้างหรือไง” พยัคฆ์พูดพลางเหลือบมองเธอแวบหนึ่งก่อนที่จะเลี้ยวรถเข้ารั้วโรงเรียน“นี่พี่ต่าย ไม่ใช่ก้อนเน่า ๆ นะคะ คุณแม่ซื้อให้วันเกิดหนู” เธอพูดแล้วทำปากยู่ กอดกระชับตุ๊กตากระต่ายตัวน้อยในอ้อมกอดด้วยความรัก“งั้นเหรอ ซักบ้างก็ดีนะ กลิ่นอย่างกับถังขยะเน่า !” “ฮึ ! พี่พยัคฆ์ใจร้าย !!!”@ห้องเรียน ป.4/8“นี่พวกเรา มาดูนี่เร็ว กระต่ายตัวนี้กำลังจะแยกร่างล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เด็กผู้ชายคนหนึ่งพยายามกางแขนกางขาตุ๊กตากระต่ายเล่นอย่างสนุกสนาน เขาถือวิ่งไปรอบ ๆ ห้องเพื่อยั่วเย้าเด็กผู้หญิงที่กำลังวิ่งไล่กวดด้วยสีหน้าจริงจัง“เอามานี่นะ นั่นมันของฉัน” เจ้าขากระโดดยื้อแย่ง เพื่อหวังจะเอาตุ๊กตาของตัวเองคื
เช้าวันต่อมา…ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังมาจากข้างห้อง“มีอะไร”“หนูเข้าไปได้ไหมคะ”“ไม่ได้ ฉันแก้ผ้าอยู่ มีอะไรก็พูดมา” เด็กหนุ่มพูดจบก็หยิบกุญแจรถเตรียมตัวจะไปโรงเรียน“ขอบคุณนะคะ…ที่ช่วยซ่อมพี่ต่ายให้หนู”“ฉันไม่ได้ซ่อมให้ซะหน่อย…ป้าพรหรือเปล่า ใครจะไปกล้าจับก้อนเน่า ๆ นั่นกัน”“หนูถามป้าพรแล้วค่ะ ป้าพรบอกพี่ขอยืมเข็มกับด้ายไปเมื่อคืน ไม่ได้เอามาซ่อมพี่ต่ายให้หนูเหรอ” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากประตูเชื่อมห้องของทั้งคู่ เป็นเขานั่นแหละที่นั่งซ่อมตุ๊กตาให้เธอเมื่อคืน แถมยังโดนเข็มทิ่มไปตั้งหลายที ใครจะไปรู้ล่ะว่าเย็บผ้ามันยากเย็นขนาดนี้รู้อย่างนี้ไม่ทำให้เสียก็ดี หาเรื่องเจ็บตัวชะมัด !“มันคงกลับมารวมตัวกันเองละมั้ง….ฉันจะไปรอข้างล่าง มาช้า ฉันไม่รอนะ” เด็กหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อหลีกเลี่ยงคำตอบ เสียภาพพจน์หมดถ้ายายนั่นรู้ว่าเขานั่งเย็บตุ๊กตาให้ “ไปเดี๋ยวนี้แหละค่าพี่ย้ากกก”รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าเด็กหนุ่ม ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เขาเผลอยิ้มแบบนี้ทุกครั้งที่ยายเด็กนั่นทำตัวน่ารัก นี่กูเป็นอะไรเนี่ย !วันเวลาผันผ่าน การใช้ชีวิตในวัยเรียนของทั้งคู่ก็ยังคงดำเนินไปจนเข้าสู่ช
บ้านของพยัคฆ์ที่แม่ฮ่องสอนทำธุรกิจส่งออกผลไม้ แต่เหมราชเองก็มีธุรกิจในเครือที่ต้องดูแลอีกมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เขาจึงไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องไปดูแลธุรกิจที่ต่างจังหวัด บางทีก็ไปต่างประเทศหลายวัน ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับพยัคฆ์ตั้งแต่เล็ก ๆ แม้เขาจะไม่ค่อยได้อยู่กับลูก แต่เขาก็ให้แม่บ้านหรือป้าพรคอยดูแลอยู่ตลอด ส่วนสวนผลไม้หรือธุรกิจในบ้านจะมีลุงชัชซึ่งเป็นน้องชายช่วยดูแลด้วยอีกแรงเหมราชหวังให้พยัคฆ์เรียนจบแล้วมาช่วยเขาดูแลธุรกิจที่บ้านต่อจากเขา เพราะเขาเองก็อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ดังนั้นทุกเสาร์-อาทิตย์เหมราชจะให้พยัคฆ์มาเรียนรู้งานในสวนอยู่เป็นประจำ ส่วนเจ้าขาเองก็จะติดสอยห้อยตามเขาไปด้วยเสมอ ทั้งคู่ตัวติดกันจนคนงานในสวนเห็นจนชินตาไปแล้ว “ตกปลาอีกแล้วเหรอคะ…พี่ยักไปเถอะ หนูไม่ไปหรอก สงสารน้องปลา” เด็กน้อยหน้ามุ่ย พร้อมกับสะบัดหน้าหนี อีกครั้งแล้วที่พี่ยักของเธอชวนไปตกปลา เธอไม่ชอบเลยจริง ๆ การที่เอาตะขอไปเกี่ยวปากปลา ดึงขึ้นมา แล้วก็ปล่อยลงไป ไม่เห็นน่าสนุกตรงไหนเลย ดูน่าสงสารออก แต่พี่ยักกลับบอกว่ามันเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ใคร ๆ เขาก็ทำกัน แต่เธอไม่เห็นด้วยเลย ทุกครั้งที
“ไอ้ฉิบหาย ! ไอ้ลูกเวร ! กูบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้พาน้องไปเล่นแถวนั้น…” เสียงก่นด่าของเหมราชดังไปทั่วลานบ้าน คนงานในสวนต่างพากันมามุงดูประหนึ่งล้อมวงดูคอนเสิร์ต“ผมขอโทษป๋า...” คราวนี้พยัคฆ์ไม่ได้เถียงผู้เป็นพ่อเหมือนที่เคยทำ เขาเองก็รู้สึกผิดมาก ๆ กับเจ้าขา วินาทีที่ไม่เห็นเธออยู่จุดที่เล่นน้ำ มันสามารถทำให้เขาหัวใจแทบหยุดเต้นได้เลย “เดี๋ยวพอน้องจบ ป.6 กูจะให้ไปเรียนกรุงเทพฯ ห่าง ๆ จากมึงซะบ้าง ไม่งั้นได้ตายก่อนเรียนจบพอดี”“ป๋าว่าไงนะ…ใครจะไปเรียนกรุงเทพฯ ?” เด็กหนุ่มพยายามถามซ้ำ หวังให้ตัวเองได้ยินผิดไป“กูจะให้เจ้าขาไปเรียนที่กรุงเทพฯ ไปอยู่กับลุงวิทย์ที่นั่น ลูกเขาก็เรียนด้วยจะได้มีเพื่อน…”“ไปไม่ได้นะป๋า !” เด็กหนุ่มพูดแย้งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพ่อจะให้น้องสาวที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดต้องห่างตนไป“ไปได้ กูคุยกับเขาไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพอน้องเรียนจบ ป.6 ก็ทำเรื่องย้ายโรงเรียนเลย”“ไปไม่ได้ป๋า ผมไม่ให้ไป เรียนที่นี่ก็ได้ ทำไมต้องไปกรุงเทพฯ แล้วน้องจะอยู่ยังไง น้องไม่รู้จักใครเลยนะป๋า” เด็กหนุ่มกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพยายามจะหาเหตุผลร้อยแปดที่คิดได้ใน
วันปิดภาคเรียน“วันนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”“หนูอยากกินไอศกรีมสเวนเซ่นส์ค่ะ”“ได้คร้าบบบ คุณผู้หญิง” เด็กหนุ่มโค้งคำนับให้เธอประหนึ่งเธอเป็นเจ้าหญิง วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับเจ้าหญิงตัวน้อยที่เดินข้าง ๆ คนนี้ วันพรุ่งนี้เธอจะต้องไปเรียนที่กรุงเทพฯ แล้ว หลายปีเลยจนกว่าเธอจะเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาเดินจูงมือเธอมาถึงร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ จังหวะที่กำลังเดินเข้าไปในร้าน สายตาของเด็กสาวในร้านอายุน่าจะประมาณ 15-16 ปี จับจ้องมาที่เขา “แกดูนั่น ใช่พี่พยัคฆ์ ม.6/5 หรือเปล่าวะแก”“ไหน ๆ”“นั่นไง เดินมากับน้องสาวเขาน่ะ”“เออ ใช่พี่พยัคฆ์จริง ๆ ด้วย เสียดาย ฉันจะไม่ได้เจอหน้าหล่อ ๆ ของพี่เขาแล้วอะ ไปขอเฟซบุ๊กพี่เขากันไหมแก เอาไว้ส่องเวลาคิดถึง”“เออ ๆ ดี ๆ”“พี่ยัก…พี่สาวตรงนั้นเขามองพี่กันทำไมเหรอคะ ?” เด็กน้อยถามอย่างสงสัย พี่ ๆ พวกนั้นมองพี่ยักของเธอแล้วหันกลับไปซุบซิบอะไรบางอย่าง “ไม่รู้สิ” เขาไม่สนใจอาการระริกระรี้ของสาว ๆ พวกนั้น ทำเพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วยื่นเมนูให้เธอ“แต่พี่เขาชี้มาทางพี่ด้วยนะคะ แปลกจัง ทำไมพี่ ๆ เขาแก้มแดงแจ๋เลย อากาศก็ไม่ร้อนนะคะ”“ช่า
30 นาทีผ่านไป…เด็กหนุ่มยื่นกระดาษให้เฮียโจ้“โอ้โฮ ! ไอ้หนุ่ม เอ็งเป็นจิตรกรเรอะ ทำไมวาดสวยงี้วะ” เฮียโจ้ตะลึงกับผลงานการวาดรูปของพยัคฆ์ ในกระดาษที่ยื่นให้เป็นลายเสือ ด้านล่างมีคำว่า PAYAK&JAOKHA เด็กหนุ่มยิ้มด้วยความภูมิใจ ถึงเขาจะเรียนวิชาอื่นไม่ค่อยเก่ง แต่เรื่องศิลปะการวาดรูปเขาถนัดนัก “พี่ยักไม่ได้เป็นจิตรกรหรอกค่ะ แต่พี่ยักชอบวาดรูป วาดสวยมาก ๆ เลยนะคะ” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งพูดขึ้น“เออ ข้าเชื่อเอ็งนังหนู”“ผมขอวันนี้จบงานเลยนะเฮีย ไม่ค่อยมีเวลามาน่ะ”“วันเดียวเนี่ยนะ รูปที่เอ็งวาดมา ข้าว่าอย่างน้อย ๆ ต้อง 3 วันนู่นถึงจะเสร็จ เอ็งไม่ไหวหรอก เชื่อข้า”“ไหวเฮีย ผมไหว ผมให้ทั้งคืนเลย บวกเงินเพิ่มก็ได้”“เอางั้นเลยนะ เอ็งไม่เปลี่ยนใจแน่นะ”“ไม่เปลี่ยนเฮีย”“โอเค…มา ขึ้นเขียง”8 ชั่วโมงผ่านไป…ตี 2…บ้านเหมราชเด็กหนุ่มค่อย ๆ เดินย่องเข้าบ้านตัวเอง ภายในบ้านมืดสนิท เขาใช้ความเคยชินเดินเอามือและเท้าควานหาสิ่งกีดขวางข้างหน้า พยายามจำตำแหน่งของบ้านเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเปิดไฟ บนหลังเขามีเด็กน้อยอยู่ เธอนอนหลับบนหลังเขาอย่างสบายใจน้ำลายไหลยืด เขาเดินขึ้นบ
“หยุดร้องไห้แล้วฟังแม่…ที่แม่ตีเพราะต้องการให้ลูกรู้ ว่าการโกหกมันไม่ใช่เรื่องดี แล้วยิ่งโกหกปู่ให้ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้ว ลูกเองก็ยังเล่นสนุกสนานบนความทุกข์ของคนอื่นได้ยังไง พร้อมพบ ไม่ว่าใครชวนทำอะไรไม่ดี หนูก็ต้องปฏิเสธไม่ใช่เข้าร่วม แถมยังเป็นคนคิดให้คนอื่น ๆ โกหกปู่อีก และอีกอย่าง เมื่อทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิดของตัวเอง ไม่ใช่โบ้ยความผิดให้พี่เขา มันไม่ดีเลยนะลูก ส่วนพายุ ลูกเป็นพี่คนโต ต้องคอยดูแล ปกป้องน้อง ๆ เป็นตัวอย่างที่ดีของน้อง ๆ สิลูก ไม่ใช่พาน้องไปเล่นพิเรนทร์แบบนี้ พวกลูกเป็นพี่น้องกัน ต้องรักกันไว้ อย่าทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะเมื่อเกิดอะไรขึ้น ก็มีแต่พวกเราพี่น้องเท่านั้นที่จะช่วยเหลือกันและกัน เข้าใจที่แม่พูดไหม ?” เด็กน้อยทั้งหลายพยักหน้าเข้าใจพลางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย“เอาละ ๆ เข้าใจแล้วก็ดี ปู่เองก็ไม่ได้อยากให้ทำโทษหลาน ๆ หรอก เพียงแต่แค่เป็นห่วงก็เท่านั้นเอง” “ไม่ได้หรอกค่ะพ่อ เดี๋ยวแกจะเคยตัว โตขึ้นเป็นแบบพี่ยักทำไงล่ะคะ” หญิงสาวพูดทำเอาคนโดนพาดพิงหันขวับ เขาไปเกี่ยวไรด้วยว้า !“มาหลาน ๆ มาหาปู่มา เดี๋ยวเราไปอาบน้ำล้างตัวกัน เดี๋ยวปู่เอาสระลมยางให้เล่น”
8 ปีต่อมา…“แยกขาหน่อยสิจ๊ะเมียจ๋า” ชายหนุ่มสั่งขณะที่เขากำลังดันแก่นกายอันใหญ่โตเข้าไปในกายเนื้อหญิงสาวที่นอนหงายอยู่ด้านล่าง หญิงสาวว่าง่ายยอมทำตามโดยไม่อิดออด เสียงเร่งเร้าของเธอทำให้ความเร่าร้อนก่อตัวขึ้นภายในกายเขา ทันทีที่สอดเข้าไป…ความใหญ่โตทำให้หญิงสาวร้องครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่“ร้องดัง ๆ เลยค่ะที่รัก วันนี้ลูกไม่อยู่ บ้านนี้เป็นของเราแล้ว ร้องดัง ๆ สิคะ !” ชายหนุ่มบอก มือของยังเขากอบกุมที่เนินเนื้อของเมียสาวที่นอนครางกระเส่าอย่างได้อารมณ์ “ที่รัก…ขา…หนู…สะ...เสียวมากเลย” “อย่างนั้นแหละจ้ะยาหยี” ชายหนุ่มเร่งเครื่องความเร็วเดินหน้าเต็มกำลัง นานหลายเดือนแล้วที่เขาไม่ได้จัดเมียตัวเอง ตั้งแต่มีลูก...เมียก็เริ่มสนใจแต่ลูก ซึ่งลูกก็มีแต่ผู้ชาย เขาที่อยากมีลูกผู้หญิงก็พยายามหาเวลาเพื่อที่จะผลิตให้ได้สักคน แต่ก็เจอมารผจญ มารที่ว่าก็คือ ลูก ๆ ของเขาเอง ทุกครั้งที่เขาจะทำเรื่องอย่างว่า ก็เหมือนไอ้ 3 หน่อมันจะรู้ทุกครั้ง ครั้งนี้พ่อเขากลับมา ก็ได้โอกาสฝากลูก ๆ ไว้กับพ่อชั่วคราว ส่วนเขาเองก็จะได้มีเวลาปั๊มลูกสาวสักที...แต่ไม่ทันจะได้เสร็จสม…เสียงเรียกจากด้านนอกก็ดังขึ้น“ไอ้ย้ากกก…ม
@งานวัดประจำปีวันนี้เป็นวันลอยกระทง พยัคฆ์พาแฟนสาวไปเที่ยวงานประจำปีที่วัดแถวบ้าน เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ เขาและเธอก็พากันไปงานวัดบ่อย ๆ ชายหนุ่มพาแฟนสาวเดินเที่ยวภายในงาน บรรยากาศค่อนข้างครึกครื้น แสงไฟจากร้านค้าต่าง ๆ หรือซุ้มขายของต่างก็ติดไฟเรียกผู้คนกันระนาว เสียงเพลงบรรเลงอย่างอื้ออึง ซุ้มการละเล่นต่าง ๆ มีคนมุงล้อมเล่นกันอย่างสนุกสนาน ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาจากทั่วทุกที่ ทั้งเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น หรือแม้แต่คนเฒ่าคนแก่ก็มาร่วมงานวัดครั้งนี้ด้วย เพราะมีซุ้มให้ทำบุญอยู่ตรงมุมโบสถ์ของวัด ทั้ง 2 คนเดินมาเรื่อยก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านขนมสายไหม “อยากกินเหรอคะ ?” ชายหนุ่มถามแฟนสาวตรงหน้า หญิงสาวระบายยิ้มหวาน พยักหน้าหงึก ๆ เป็นการให้คำตอบ เขาซื้อให้เธอ 1 ไม้ใหญ่สีชมพูฟูฟ่อง หญิงสาวกัดลงคำหนึ่งก็หลับตาปี๋ รสชาติความหวานแล่นถึงโสตประสาท “ขอพี่ชิมมั่ง” หญิงสาวกำลังจะยื่นสายไหมในมือให้แฟนหนุ่มชิม แต่เขากลับเอาหน้าเข้ามาใกล้แล้วตวัดลิ้นเลียที่ริมฝีปากเธอหน้าตาเฉย ทำเอาเจ้าตัวตกใจฟาดมือเล็ก ๆ ไปที่อกเขาอย่างจัง“พี่ยัก ! อายคนเขา”“อายทำไมคะ เขาจะได้รู้ว่าหนูมากับแฟนไง”“แค่ใส่เสื้อคู่เขาก็รู
@บ้านเหมราช“หนูไม่ต้องไปหรอกค่ะ อยู่นี่แหละเดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้ว” พยัคฆ์พูด ก่อนจะเตรียมตัวออกไปทำบุญครบรอบวันตายของแม่เขา“ทุกครั้งเลย วันครบรอบวันตายแม่พี่ทีไรหนูไม่เคยได้ไปเลย ทำไมเหรอคะ กลัวหนูไปรู้อะไรเข้าเหรอ ?” หญิงสาวเอียงคอถามอย่างทะเล้น“เปล่าซะหน่อย ก็เห็นว่าต้องไปดูไร่ชาไม่ใช่หรือไง พี่ไปเดี๋ยวเดียวเอง”“หนูก็อยากทำบุญให้แม่พี่บ้างนี่คะ ตอนเด็ก ๆ ก็ยังไปได้เลย ทำไมตอนนี้ถึงไปไม่ได้แล้วล่ะคะ” “ไปแล้วห้ามซนนะ ถ้าพี่ไม่ให้ไปตรงไหนก็ห้ามไปล่ะ เข้าใจไหมคะ ?” “เข้าใจค่า…พี่ย้ากกก” หญิงสาวเขย่งปลายเท้าจุมพิตเบา ๆ ที่แก้มแฟนหนุ่ม เขายิ้มมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยท่าทีมีความสุขล้น จากนั้นทั้ง 2 คนก็ออกเดินทางไปยังวัดแถวบ้าน @วัดหลังจากถวายสังฆทาน สวดมนต์ นำอาหารและเครื่องดื่มมาถวายพระสงฆ์เรียบร้อยแล้ว เหมราชก็นำพยัคฆ์และเจ้าขาไปที่อัฐิของ ‘ลลิน’ หรือแม่ของพยัคฆ์ เพื่อจุดธูปเทียนและวางดอกไม้ที่หน้ารูป“ป๋า ผมขอถามอะไรหน่อยสิ” พยัคฆ์พูดขึ้นหลังจุดธูปเทียนและวางดอกไม้เรียบร้อยแล้ว “ถามอะไร ?”“แม่ไม่ได้ป่วยตายใช่ไหมป๋า”“ใครบอกเอ็ง”“ไม่มีใครบอก แต่ผมรู้สึกได้ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าน
หลังจากที่ฟังผู้เป็นพ่อพูด เรื่องราวที่อัศวเคยเข้าใจกับที่พ่อเล่า มันทำให้เขาหยุดชะงักราวกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกหยุดหมุนไปโดยปริยาย เขาเข้าใจผิดมาตลอดว่าแม่ทิ้งเขาไปเพราะมีชู้ และไม่ยอมรับเขาไปเพราะรังเกียจเขา ที่แท้เป็นเพราะพ่อแท้ ๆ ของเขาเองต่างหากที่ทำผิดต่อแม่ พ่อทิ้งแม่ไปแต่งงานใหม่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ! ทำไมเขาต้องมารับรู้อะไรแบบนี้ตอนนี้ด้วย ! เขารู้สึกดีใจที่แม่ไม่ได้คิดจะทิ้งเขา แต่กลับต้องมาเสียใจเพราะคนที่ทิ้งแม่ไปก็คือพ่อเขาเอง “ทำไมพ่อทำแบบนี้ ทำไมถึงทิ้งแม่ไป ทำไมถึงต้องมาพรากแม่ไปจากผม” ชายหนุ่มร้องไห้กอดหญิงสาวตรงหน้าด้วยความอาลัยและคิดถึงผู้เป็นแม่ที่เขารักมากที่สุด“พ่อขอโทษลูก พ่อขอโทษ อภัยให้พ่อด้วย พ่อเองก็เสียใจ และจมอยู่กับมันมามากพอควรกับเรื่องนี้ พ่อขอรับผิดทุกอย่างไว้เอง แกปล่อยน้องเขาลงมาเถอะนะ ถือว่าพ่อขอ” อดิสรเอ่ยปลอบลูกชายปล่อยเธอ ปล่อยเธอไป…ทำไมเขาถึงไม่มีความรู้สึกอยากจะปล่อยหญิงสาวในอ้อมกอดคนนี้ให้ออกจากอ้อมแขนเลย ราวกับว่าเธอคนนี้เป็นของเขามานานแล้ว“ผมปล่อยไม่ได้พ่อ” เพราะเขารักเธอเข้าแล้วจริง ๆ ความจริงรักตั้งแต่เจอหน้าเธอครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ หญิงส
“จะดีเหรอวะ...มึงเดี้ยงซะขนาดนี้...ยังจะมาดวลอะไร” อัศวมองน้องชายต่างพ่อตรงหน้าราวกับเป็นขยะชิ้นหนึ่ง“กูไหว...ถ้ามึงแพ้กู…มึงต้องปล่อยเจ้าขาไป” พยัคฆ์ตอบ เขาพยายามจะรวบรวมสติและกำลังกายของตัวเองให้ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง แม้ร่างกายตอนนี้จะไม่อำนวยก็ตาม แต่ใจเขาเชื่ออย่างสุดใจว่าสามารถทำได้ เขาต้องยื้อมันไว้ระหว่างที่พ่อกำลังมา“เฮอะ…สภาพอย่างมึงยังมีหน้ามาต่อรองกูอีก”“หรือมึงกลัวแพ้ ?”“ปากดี...อยากตายก็มาเถอะ กูจะสงเคราะห์ให้” อัศวทิ้งปืนในมือ สาวเท้าเข้าไปปล่อยหมัดหนัก ๆ ปะทะที่ใบหน้าคมคายของผู้เป็นน้อง ความเจ็บปวดพลุ่งพล่านเข้าไปยังโสตประสาทของชายหนุ่มที่นอนกองอยู่บนพื้น“พี่ยัก !! อย่าทำอะไรเขานะ” หญิงสาวที่ซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ตะโกนเสียงดังออกมา “ออกมาแล้วเหรอคนสวย” อัศวหันมองเธอ…เขาจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าสะสวยราวกับตุ๊กตามีชีวิตของเธอ “เจ้าอย่าออกมา…กลับไปที่เดิม !!” ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้น เขาอาศัยจังหวะที่อัศวมองแฟนสาวของเขา จัดการเตะเข้าที่ขาตามด้วยการพุ่งหมัดปะทะที่ใบหน้าผู้เป็นพี่จนหงายหลังไป อัศวนอนหงายหายใจหอบ เขาถุยเลือดลงบนพื้นและเช็ดเลือดที่มุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วปะทะกันอ
ก๊อก ๆ ๆ “เสร็จหรือยัง ?” เสียงอัศวเรียกเธอจากด้านนอก ทำให้หญิงสาวต้องหยุดความคิดที่จะหนีไว้ก่อน“เสร็จแล้ว...กำลังไป”“ขอบอกไว้เลยนะ ถ้าคิดหนี…เธอจะไม่ได้เจอหน้ามันอีก !!” เขาขู่ นี่เขากำลังขู่ฉัน ? เขาทำอะไรพี่ยัก ? หรือว่าที่พี่ยักไม่กลับมาเมื่อคืนก็เป็นเพราะเขา ?หญิงสาวรีบเปิดประตูออกมา จ้องหน้าคนตัวใหญ่ตรงหน้าด้วยแววตาเกลียดชัง“เขาอยู่ไหน ? คุณเอาเขาไปไว้ที่ไหน ?” เขาไม่ตอบ แต่กลับจับจูงแขนเธอให้เดินตามเขาไปด้านหน้าของเรือยอช์ต ที่มีเบาะรองนั่งสีขาววางอยู่ ไฟสีเหลืองส่องสะท้อนทะเลยามกลางคืนระยิบระยับ มีเสียงเพลงเปิดคลอเบา ๆ“นั่งลง”เธอนั่งลงตามเขาสั่งอย่างจำใจ…กลัวที่สุดว่าความคิดไม่เข้าท่าของเธอจะเกิดขึ้นจริง ๆ“ตกลงคุณเอาพี่ยักไปไว้ที่ไหน ?”“มันยังไม่ตายหรอก…ไม่ต้องห่วง…แค่เกือบน่ะ”“หมายความว่าไง ? ทำไมเขาถึงโดนทำร้าย คุณทำอะไรเขา ?”“มันต่างหากที่จะฆ่าฉัน…พกปืนเข้าบ้านคนอื่นยามวิกาล แค่นี้ฉันก็ส่งมันเข้าคุกได้แล้ว...ฉันสั่งสอนมันให้จำไว้ว่ามันเล่นผิดคนก็เท่านั้น”พี่ยัก…ทำไมถึงทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้นะ ! “แล้วคุณจะปล่อยเขาไหม ?”“ขึ้นอยู่กับว่า…คืนนี้เธอจะทำให้ฉัน…พึงพอใ
“ค้นหาตำแหน่งเบอร์นี้ให้ฉัน…ขอด่วนที่สุด !!” พยัคฆ์โทรศัพท์สั่งลูกน้องตัวเองให้หาตำแหน่งเบอร์ของอัศวเพื่อตามล่ามันที่ลักพาตัวแฟนสาวเขา เพียงไม่นานเขาก็ได้รับตำแหน่งซึ่งอยู่กลางทะเลแห่งหนึ่งของภาคใต้ ไอ้ระยำ !! ถ้ากูเจอมึงตอนนี้กูจะสับมึงเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนให้ปลาแดกเลยคอยดู !!! ไม่รู้ป่านนี้ยายน้องเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง จะคิดถึงเขาหรือเปล่า หรือว่ากำลังมีความสุขดีกับมัน แต่ขออย่าให้เป็นอย่างหลังเลย ถ้าเป็นแบบนั้น เขาคงรับไม่ได้จริง ๆตอนนี้เขากำลังนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบิน ‘ภูเก็ต’ ระหว่างนั่งเครื่องใจเขาก็ยังกังวลอยู่หลายเรื่อง ทั้งเรื่องแฟนสาวและยังเรื่องเมื่อคืน ความข้องใจนี้ทำให้เจ้าตัวโทร.ไปหาผู้เป็นบิดาเพื่อถามเอาคำตอบ“ว่าไงไอ้ลูกชาย หายหัวไปเลยนะตั้งแต่ได้อยู่กับสาว ! ลืมกูแล้วสิมึง !!”“ป๋า ผมมีเรื่องอยากจะถาม”“เรื่องไรวะ ?”“ผมเป็นลูกผัวน้อยเหรอวะป๋า”“ผัวน้อยอะไรของมึง…”“ก็ป๋าไปแย่งเมียคนอื่นเขา...ถ้าไม่ใช่ผัวน้อยจะเรียกว่าอะไร ?”“ดะ…เดี๋ยว ๆ มึงไปเอามาจากไหน กูไม่เคยเป็นผัวน้อยใครเว้ย แม่มึงนี่กูเอามาอย่างสุจริตนะจะบอกให้”“แม่เคยแต่งงานมีลูกมาแล้วใช่ไหมล่ะป๋า”“ใครบอก
หลังจากคุยกับเพื่อนสนิทหญิงสาวก็กลับเข้าไปทำงานตามปกติ แต่จนแล้วจนรอดเธอกลับไม่มีกะจิตกะใจทำงานแม้แต่น้อย ในหัวเธอเต็มไปด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน คืนที่ทะเลาะกันกับแฟนหนุ่ม ไม่รู้ป่านนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง ความคิดสับสนวุ่นวายจนเธอต้องไปสงบจิตสงบใจบนดาดฟ้าของบริษัทเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาไม่กลับมาบ้าน ไม่โทร.มา ไม่ส่งข้อความหาฉันเลย เขาไม่เชื่อใจ คิดว่าฉันมีคนอื่น คงกะจะทิ้งฉันแล้วจริง ๆ ใช่ไหมคนบ้า ! พี่ยักบ้า ! ทำไมถึงไม่เชื่อใจกันบ้างเลย เธอนั่งกอดเข่าอยู่บนดาดฟ้าของที่ทำงาน แววตาหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มตอนนี้ดูเศร้าลงราวกับจะไม่มีความสุขอีก“ทำไมมานั่งที่นี่คนเดียว ?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังเดินมาทักเธออัศวเดินมานั่งข้าง ๆ เธอ เขาหันมองเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก วันนี้เธอพยายามหลบหน้าเขามาตลอด เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบคืนนั้นอีก และยิ่งยายวีวี่บอกว่าเขาชอบเธอและอยากแย่งเธอจากแฟนหนุ่ม ยิ่งทำให้เธออยากจะอยู่ให้ห่างจากเขา“แค่มาสูดอากาศน่ะค่ะ” เธอตอบโดยไม่มองหน้าเขา และพยายามจะลุกขึ้นหนีไป แต่ชายหนุ่มก็จับแขนเธอไว้ก่อน“คุยกันก่อนสิ”“ปล่อยค่ะ”“นั่ง