“ไอ้ฉิบหาย ! ไอ้ลูกเวร ! กูบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้พาน้องไปเล่นแถวนั้น…” เสียงก่นด่าของเหมราชดังไปทั่วลานบ้าน คนงานในสวนต่างพากันมามุงดูประหนึ่งล้อมวงดูคอนเสิร์ต
“ผมขอโทษป๋า...” คราวนี้พยัคฆ์ไม่ได้เถียงผู้เป็นพ่อเหมือนที่เคยทำ เขาเองก็รู้สึกผิดมาก ๆ กับเจ้าขา วินาทีที่ไม่เห็นเธออยู่จุดที่เล่นน้ำ มันสามารถทำให้เขาหัวใจแทบหยุดเต้นได้เลย
“เดี๋ยวพอน้องจบ ป.6 กูจะให้ไปเรียนกรุงเทพฯ ห่าง ๆ จากมึงซะบ้าง ไม่งั้นได้ตายก่อนเรียนจบพอดี”
“ป๋าว่าไงนะ…ใครจะไปเรียนกรุงเทพฯ ?” เด็กหนุ่มพยายามถามซ้ำ หวังให้ตัวเองได้ยินผิดไป
“กูจะให้เจ้าขาไปเรียนที่กรุงเทพฯ ไปอยู่กับลุงวิทย์ที่นั่น ลูกเขาก็เรียนด้วยจะได้มีเพื่อน…”
“ไปไม่ได้นะป๋า !” เด็กหนุ่มพูดแย้งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพ่อจะให้น้องสาวที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดต้องห่างตนไป
“ไปได้ กูคุยกับเขาไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพอน้องเรียนจบ ป.6 ก็ทำเรื่องย้ายโรงเรียนเลย”
“ไปไม่ได้ป๋า ผมไม่ให้ไป เรียนที่นี่ก็ได้ ทำไมต้องไปกรุงเทพฯ แล้วน้องจะอยู่ยังไง น้องไม่รู้จักใครเลยนะป๋า” เด็กหนุ่มกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพยายามจะหาเหตุผลร้อยแปดที่คิดได้ในหัวมายับยั้งความคิดของพ่อ ถึงในใจจะรู้ว่าไม่มีทางเปลี่ยนใจพ่อได้ แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ไม่มีวัน…ไม่มีวันที่จะให้เธอไปเด็ดขาด แค่คิดว่าไม่มีเธออยู่ข้างกาย หัวใจมันก็ปวดหนึบขึ้นมา ราวกับจะแตกสลายให้ได้
“อยู่กับลุงวิทย์ เมียเขา ลูกเขาไง เขาดูแลน้องมึงได้ไม่ต้องห่วง มึงห่วงตัวเองก่อนเถอะ จะจบ ม.6 อยู่แล้ว ยังทำตัวไร้แก่นสาร ใครจะหวังพึ่งมึงได้”
“ป๋า…ผมขอร้อง ให้น้องอยู่ที่นี่เถอะ ผมสาบานจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว ขอร้องนะป๋า” เด็กหนุ่มขอร้องคนเป็นพ่อด้วยใจหวาดหวั่น เขาทรุดตัวลงปล่อยโฮโดยไม่อายใคร
“เฮ้อ ! พยัคฆ์เอ๊ย กูเข้าใจนะว่ามึงเลี้ยงของมึงมาตั้งแต่เด็ก แต่เพื่ออนาคตของน้อง มึงต้องเข้าใจ น้องมันเรียนเก่ง กูก็อยากให้น้องไปเรียนที่ดี ๆ” เหมราชเริ่มลดเสียงลง เขาเข้าใจว่าพยัคฆ์ผูกพันกับเจ้าขามาก แต่เรื่องนี้เขาเองก็คิดไว้มานานแล้ว ยิ่งหลังจากได้คุยกับวิทย์เพื่อนที่ทำธุรกิจด้วยกันก็บอกว่าที่กรุงเทพฯ โรงเรียนมีพร้อมทุกอย่าง ค่อนข้างดีกว่าโรงเรียนต่างจังหวัด เขาเลยอยากให้เธอไปเรียนกรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้เข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ได้มีงานดี ๆ ทำ
“แล้วจะไปกี่ปี ?” เด็กหนุ่มเสียงอ่อน เพราะรู้ถึงการแพ้พ่ายแล้ว เขาไม่สามารถเปลี่ยนใจพ่อได้จริง ๆ
“ก็จนจบมหา’ลัยนั่นแหละ”
“10 ปีเลยนะป๋า”
“เออสิวะ”
“...” เด็กหนุ่มเงียบไป ใช้ความคิดที่มีอยู่ทั้งหมดพยายามเค้นหาหนทางอีกครั้ง 10 กว่าปี เขารออยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ ๆ ไม่มีทาง แต่ถ้าไม่อยู่ก็ไปด้วยเลยสิ ใช่ ! ไปเรียนที่นั่นด้วยเลย
ทำไมพึ่งมาคิดได้วะ ไอ้พยัคฆ์ ! เอ็งนี่มันฉลาดจริงเชียว !
“งั้นผมขอไปด้วย…จบ ม.6 แล้ว ผมขอไปต่อมหา’ลัยในกรุงเทพฯ นะป๋า”
เหมราชหันมองหน้าลูกชายตัวเอง ถอนหายใจแล้วพูดในสิ่งที่คนฟังไม่อยากได้ยิน
“มึงไปไม่ได้…ไปแล้วใครจะช่วยกูดูแลงานที่บ้าน”
“โธ่ป๋า…ลุงชัชก็อยู่ ขาดผมไปคนเดียวไม่ทำให้ธุรกิจเจ๊งหรอก”
“มันเป็นลูกกูหรือไงล่ะ...ฉิบหาย ! แทนที่ลูกอย่างมึงจะอยู่ช่วยงาน กลับมาปัดหน้าที่ให้คนอื่นรับผิดชอบ…พอ ๆ ๆ กูไม่อยากเถียงกับมึงแล้ว กลับห้องไปดูแลน้อง กูพูดคำไหนคำนั้นไม่ต้องมาวอแว”
“ป๋าาาา…ขอร้องเถอะ”
เหมราชพูดเสร็จก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้เด็กหนุ่มนั่งหน้าเศร้าอยู่อย่างนั้น คำพูดของผู้เป็นพ่อบาดลึกถึงขั้วหัวใจ เขารู้สึกหมดหนทางแล้วจริง ๆ
@ห้องเจ้าขา
“ป้าพรบอกว่าป๋าจะให้หนูไปเรียนที่กรุงเทพฯ…จริงหรือเปล่าคะพี่ยัก” เด็กน้อยพูดเสียงแผ่วเบา เธอนอนห่มผ้า โผล่หน้าออกมามองเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งเช็ดตัวให้อยู่ข้าง ๆ แต่เขาไม่ตอบเธอ เพียงแค่พยักหน้าอย่างเนือย ๆ
“แล้ว…พี่ยักไปด้วยหรือเปล่า” เด็กน้อยเกาะแขนเขา สายตาจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มอย่างคาดหวัง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ การส่ายหน้า พี่ยักไม่ได้ไปด้วยเหรอ…งั้นเธอก็จะไม่ไป
“งั้นหนูก็ไม่ไปค่ะ หนูจะอยู่กับพี่”
“ไม่ได้หรอก ป๋าตัดสินใจแล้ว ยังไงหนูก็ต้องไป” เด็กหนุ่มยื่นมือมาปัดปอยผมที่ระอยู่ข้างแก้มเนียนใสของเธอ เขารู้ว่ามันยากที่จะต้องยอมให้เธอไป แต่ในใจเขาก็อยากให้เธอมีอนาคตที่ดีเหมือนกัน
“พี่ยักอยากให้หนูไปไหมคะ”
เขาพยักหน้าตอบเธอ แววตาสะท้อนความปวดใจออกมาเต็มเปี่ยม
“งั้นหนูจะไปค่ะ…” เธอดันตัวขึ้นนั่ง เอื้อมสองมือน้อย ๆ มากอดเขา ตบหลังเขาเบา ๆ คล้ายกับจะปลอบ
“หนูรักพี่นะคะ”
วันปิดภาคเรียน“วันนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”“หนูอยากกินไอศกรีมสเวนเซ่นส์ค่ะ”“ได้คร้าบบบ คุณผู้หญิง” เด็กหนุ่มโค้งคำนับให้เธอประหนึ่งเธอเป็นเจ้าหญิง วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับเจ้าหญิงตัวน้อยที่เดินข้าง ๆ คนนี้ วันพรุ่งนี้เธอจะต้องไปเรียนที่กรุงเทพฯ แล้ว หลายปีเลยจนกว่าเธอจะเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาเดินจูงมือเธอมาถึงร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ จังหวะที่กำลังเดินเข้าไปในร้าน สายตาของเด็กสาวในร้านอายุน่าจะประมาณ 15-16 ปี จับจ้องมาที่เขา “แกดูนั่น ใช่พี่พยัคฆ์ ม.6/5 หรือเปล่าวะแก”“ไหน ๆ”“นั่นไง เดินมากับน้องสาวเขาน่ะ”“เออ ใช่พี่พยัคฆ์จริง ๆ ด้วย เสียดาย ฉันจะไม่ได้เจอหน้าหล่อ ๆ ของพี่เขาแล้วอะ ไปขอเฟซบุ๊กพี่เขากันไหมแก เอาไว้ส่องเวลาคิดถึง”“เออ ๆ ดี ๆ”“พี่ยัก…พี่สาวตรงนั้นเขามองพี่กันทำไมเหรอคะ ?” เด็กน้อยถามอย่างสงสัย พี่ ๆ พวกนั้นมองพี่ยักของเธอแล้วหันกลับไปซุบซิบอะไรบางอย่าง “ไม่รู้สิ” เขาไม่สนใจอาการระริกระรี้ของสาว ๆ พวกนั้น ทำเพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วยื่นเมนูให้เธอ“แต่พี่เขาชี้มาทางพี่ด้วยนะคะ แปลกจัง ทำไมพี่ ๆ เขาแก้มแดงแจ๋เลย อากาศก็ไม่ร้อนนะคะ”“ช่า
30 นาทีผ่านไป…เด็กหนุ่มยื่นกระดาษให้เฮียโจ้“โอ้โฮ ! ไอ้หนุ่ม เอ็งเป็นจิตรกรเรอะ ทำไมวาดสวยงี้วะ” เฮียโจ้ตะลึงกับผลงานการวาดรูปของพยัคฆ์ ในกระดาษที่ยื่นให้เป็นลายเสือ ด้านล่างมีคำว่า PAYAK&JAOKHA เด็กหนุ่มยิ้มด้วยความภูมิใจ ถึงเขาจะเรียนวิชาอื่นไม่ค่อยเก่ง แต่เรื่องศิลปะการวาดรูปเขาถนัดนัก “พี่ยักไม่ได้เป็นจิตรกรหรอกค่ะ แต่พี่ยักชอบวาดรูป วาดสวยมาก ๆ เลยนะคะ” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งพูดขึ้น“เออ ข้าเชื่อเอ็งนังหนู”“ผมขอวันนี้จบงานเลยนะเฮีย ไม่ค่อยมีเวลามาน่ะ”“วันเดียวเนี่ยนะ รูปที่เอ็งวาดมา ข้าว่าอย่างน้อย ๆ ต้อง 3 วันนู่นถึงจะเสร็จ เอ็งไม่ไหวหรอก เชื่อข้า”“ไหวเฮีย ผมไหว ผมให้ทั้งคืนเลย บวกเงินเพิ่มก็ได้”“เอางั้นเลยนะ เอ็งไม่เปลี่ยนใจแน่นะ”“ไม่เปลี่ยนเฮีย”“โอเค…มา ขึ้นเขียง”8 ชั่วโมงผ่านไป…ตี 2…บ้านเหมราชเด็กหนุ่มค่อย ๆ เดินย่องเข้าบ้านตัวเอง ภายในบ้านมืดสนิท เขาใช้ความเคยชินเดินเอามือและเท้าควานหาสิ่งกีดขวางข้างหน้า พยายามจำตำแหน่งของบ้านเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเปิดไฟ บนหลังเขามีเด็กน้อยอยู่ เธอนอนหลับบนหลังเขาอย่างสบายใจน้ำลายไหลยืด เขาเดินขึ้นบ
@กรุงเทพมหานคร“รับโทรศัพท์พี่ด้วยนะ อย่าลืมกินข้าวเช้า ตอนเย็นอย่ากินของเผ็ดมากเดี๋ยวปวดท้อง แล้วก็อย่าออกมาแอบกินขนมกลางดึกล่ะ แอร์ฯ ก่อนนอนให้เปิด 25 องศาพอ เข้าใจที่พี่พูดไหม”“ค่าพี่ย้ากกกก บ๊ายบายนะคะ อย่าลืมมาหาหนูด้วยน้า”เด็กน้อยโบกมือให้พี่ชายที่โผล่หัวออกมาจากรถเอสยูวี ขณะรถกำลังเคลื่อนออกไป เขามองเธอโดยไม่ละสายตาเลยแม้แต่น้อย มือข้างหนึ่งโบกไปมา คล้าย ๆ เหมือนเธอจะเห็นเขาเช็ดน้ำตาที่แก้ม“พี่รักหนูนะ…ไว้ถึงบ้านแล้วจะโทร.หา”“หนูก็รักพี่ค่ะ”วันเวลาล่วงเลยผ่านไป…หลังจากที่ฉันได้เข้ามาเรียนกรุงเทพฯ ช่วงแรก ๆ บอกเลยว่ายังปรับตัวไม่ค่อยได้ แต่โชคดีที่มี “วีวี่” ลูกสาวของลุงวิทย์ เธอเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับฉัน เธอคอยอยู่เป็นเพื่อนตลอด พาไปกินของอร่อย ๆ พาไปเที่ยวเล่นหาอะไรสนุกๆทำแก้เหงา จนฉันเริ่มชินกับการอยู่ที่นี่บ้างแล้วลุงวิทย์เองก็ดูแลฉันเป็นอย่างดี ไปรับ-ส่งที่โรงเรียนพร้อมกับวีวี่ตลอด เขาดูแลวีวี่อย่างไรก็ดูแลฉันแบบนั้น ส่วนพี่พยัคฆ์ในช่วง ม.1-ม.4 เขามาหาบ่อยมาก บ่อยมาก ๆ เรียกได้ว่าแทบทุกอาทิตย์ บางครั้งในวันธรรมดาช่วงเย็น ๆ เขาก็มา ทุกครั้งที่มาก็จะมาค้างที่บ้านลุงวิ
@บนรถ หญิงสาวนั่งคิดไปถึงวันเวลาเก่า ๆ ของเธอและพี่ชายที่เคยมีร่วมกัน แม้ว่าเธอจะบอกตัวเองอีกสักกี่พันรอบว่าเขาไม่ใช่พี่ชายเธออีกแล้ว แต่ภายในใจก็ยังคงคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาของเขาและเธออยู่ดี หญิงสาวอยู่บนรถปาเจโร สปอร์ต ที่กำลังจอดติดไฟแดง จุดมุ่งหมายคือมหาวิทยาลัย วิทยายังคงเป็นคนไปรับ-ส่งพวกเธออยู่แม้ว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ตาม ในขณะที่เธอกำลังนั่งรถไปเรียนอยู่นั้น… “ยายเจ้า ๆ มานี่ ๆ มาดูนี่ นั่นใช่พี่พยัคฆ์หรือเปล่า ?” เสียงของวีวี่ทำให้เธอหลุดจากภวังค์ วีวี่ชี้ไม้ชี้มือไปยังชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดซูตสีดำทั้งตัวดูภูมิฐาน รูปร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้าง ผิวไม่ถึงกับขาวแต่ก็ไม่ดำ และหน้าตาของเขานั้นทำให้เธอนิ่งอึ้งไป สมองของเธอขาวโพลน หัวใจแทบกระเด็นออกมา ใช่ ! เป็นเขาจริง ๆ พี่พยัคฆ์ พี่ชายที่หายไปจากชีวิตเธอ 2 ปีเต็ม ! ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าตึกตึกหนึ่งที่ใหญ่โตมากทีเดียว เธอจำได้เมื่อ 2 ปีก่อน ตึกนี้กำลังก่อสร้างอยู่เลย ข้าง ๆ เขามีผู้หญิงคนหนึ่ง ! ผู้หญิง ? ที่ดูสวย สง่า ขาว ขายาวเรียว และที่สำคัญนมใหญ่มาก หล่อนใส่ชุดมินิเดรสสีดำแขนยาว เธอยิ้มหัวเราะอยู่กับเขา เขาเองก็พู
ชายหนุ่มเดินออกจากห้อง VVIP ที่อยู่ด้านบนลงมาด้านล่าง แล้วมานั่งตรงบาร์ขนาดกะทัดรัด เขาสั่งเครื่องดื่มบาร์เทนเดอร์เสร็จก็นั่งจมอยู่กับความคิดมากมายตามลำพัง กี่ปีแล้ว ? กี่ปีที่เขาไม่ได้ติดต่อเธอไป 10 ปีหรือเปล่า ? ทำไมมันดูยาวนานเหลือเกิน ความจริงก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ติดต่อเธอไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปหา ไม่ใช่ว่าเขาจะทิ้งเธอไปไหนแต่เพราะคำพูดของผู้เป็นพ่อเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนที่เขาจบปริญญาตรีใหม่ ๆ ทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางชีวิตตัวเอง จากที่คิดง่าย ๆ แค่จะไปอยู่กับน้องสาวของเขา ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน ไม่ได้วางแผนชีวิตตัวเอง ตอนนั้นพอฟังคำพูดพ่อแล้ว มันทำให้ต้องเปลี่ยนใจ ตัดใจทำในสิ่งที่เขาควรทำ ‘เพื่อเธอ’ ‘เฮอะ ! ดี มึงไปเลยนะ ไปให้น้องมันหาเลี้ยงมึงเลย มึงคิดว่ากูไม่รู้เหรอว่ามึงคิดยังไงกับน้องน่ะ ฮะ ! ไอ้ยัก !’ ‘ป๋า !!!’ ‘กูไม่ได้ห้ามมึงหรอกนะ กูรู้ว่ามึงรักน้องแบบไหน เพราะงั้นกูเลยต้องคอยบอกคอยสอนมึงอยู่นี่ไง’ ‘...’ ‘ถ้ามึงอยากดูแลน้องจริง ๆ มึงต้องทำให้น้องมั่นใจว่าฝากชีวิตไว้ไม่ผิดคน การมีหน้าที่การงานที่ดีทำก็เป็นอีกทางที่จะทำให้มึงมีอนาคตที่ดี สามารถเลี้ยงดูน้องได้
“เจ้าขา !! ทำไมเมาแบบนี้ !” พยัคฆ์ร้องเรียก เขาเดินเข้าไปอุ้มคนตัวเล็กที่กำลังค่อย ๆ ถกเสื้อขึ้นจนทำให้เห็นบราเซียตัวจิ๋วสีชมพูหวานแหววยายเจ้า ! เขาอยากจะฟาดแม่น้องสาวตัวดีคนนี้เหลือเกิน เขาอุตส่าห์เฝ้าหวง ทะนุถนอมมาหลายปี ไอ้พวกเวรนี่เชียร์ให้ถอดก็จะถอดง่าย ๆ อย่างนี้เลย ชายหนุ่มคิดในใจ“หืมมม อาราย นี่ครายกันน่ะ อ๊ะ ! ปล่อยช้านน้าาา” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงยานคางกว่าปกติ เธอดิ้นพราดอยู่ในอ้อมแขนแกร่งกำยำของเขา น้ำหนักเธอเบาหวิว เขาแทบจะไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินออกไปทางด้านหลังของผับ ก็มีมือมือหนึ่งกระชากที่แขนเขา “เฮ้ย ! ไอ้หน้าหล่อ แกกำลังจะทำอะไรวะ น้องเขาเป็นญาติแกหรือไง จะมาอุ้มมั่ว ๆ แบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอ” ชายหน้าเหียกคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่หึ ! ทำเกินไปงั้นเหรอ แล้วทีพวกมึงเชียร์ให้น้องกูถอดเสื้อผ้า มันไม่เกินไปตรงไหน ?ชายหนุ่มไม่ตอบเพียงแต่ก้าวเดินต่อไป“กูถามไม่ได้ยินเหรอ ไอ้หน้าหล่อ”คำก็หล่อ สองคำก็หล่อ เออ กูไม่เถียง เพราะหลักฐานก็เห็น ๆ กันอยู่ !ชายหนุ่มหันหน้ากลับไปตอบไอ้หน้าเหียกนั่นทันที“กูเป็นผัว มึงจะทำไม ! ผัวง้อ
เช้าวันต่อมา…ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายเป็นอัมพาตแบบเฉียบพลัน มีบางอย่างมากดทับที่บริเวณช่วงหน้าอกและขา มันชาวาบไปหมด รู้สึกหายใจลำบาก นี่ฉันโดน ‘ผีอำ’ งั้นเหรอหญิงสาวพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก หันมองรอบ ๆ ตัวอย่างช้า ๆ ก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้าพี่พยัคฆ์ !!ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ไม่สิ…ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ เท่าที่จำได้ เมื่อคืนหลังจากกลับบ้านไปฉันก็แอบออกไป Zeeza Night Club สั่งเหล้ามานั่งดื่มคนเดียว ความอยากลืมภาพที่ได้เห็น ภาพเขาที่หัวเราะพูดคุยกันอย่างมีความสุขกับผู้หญิงคนนั้น หลังจากนั้น ฉันก็จำอะไรไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีก็มานอนให้พี่ชายที่ฉันคิดอยากจะลืมกอดอยู่แบบนี้เธอพยายามผละตัวเองออกจากลำแขนและขาที่แข็งแกร่งของเขา ให้ตายสิ ! หนักเป็นบ้าเลย“อื้ออออ…อะ…อ๊า…เจ้าขา…” นี่เขา…กำลัง…ละเมอคราง ? ชื่อฉันงั้นเหรอ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไอ้พี่บ้า มีแฟนอยู่แล้ว มาครางชื่อคนอื่นทำไมกันเล่า เธอใช้มืออันน้อยนิดทุบไปหน้าอกเขาด้วยความโมโห“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้พี่บ้า !!”ชายหนุ่มสะดุ้งตื่น เขามองใบหน้าที่เลอะเปรอเปื้อนไปด้วยเครื่องสำอาง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดลงเลย ตื่นแล้วเหรอ ยายตั
ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไปขวางหน้าหญิงสาว ก่อนที่คนเจ้าอารมณ์จะเดินออกจากบ้านไปด้วยความโกรธ“หลีกค่ะ ! หนูจะกลับบ้าน”“ไม่ให้ไป”“หนูจะไป”ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลง เขารวบร่างเล็กของเธอขึ้นพาดบ่าที่กำยำของเขา หญิงสาวดิ้นพราดเอามือทุบที่หลังเขาพลางร้องตะโกนให้ปล่อย“ปล่อยหนู…ปล่อยหนูลงนะ…หนูจะฟ้องป๋า คอยดู !!” ชายหนุ่มอุ้มเธอพาดบ่าแล้วเดินออกจากบ้านไป เขาเจอตรีรดาที่กำลังจะเดินผ่านสวนหย่อมหน้าบ้านพอดี“มีอะไรกันคะ…พะ...พยัคฆ์…นี่คือ...” เธอถาม สีหน้าดูงุนงงอย่างมาก “น้องสาวน่ะ…คุณมาก็ดี…ช่วยเตรียมชุดนักศึกษาให้ผมชุดหนึ่ง…อ้อ ! แล้วก็ช่วยเลื่อนนัดวันนี้ทั้งหมดให้ผมด้วย”“ค่ะ…แต่ว่าพยัคฆ์คะ…นัดนี้สำคั…”“ปล่อยหนูลงเดี๋ยวนี้นะไอ้พี่บ้า !!! หนูไม่ไปไหนทั้งนั้นนนน”เพียะ ! เพียะ ! เขาตีก้นฉัน !! นี่เขากล้าตีก้นฉันต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นเลยเหรอ“ถ้าไม่เงียบ…พี่จะตีเธออีก” “...”@บริษัท พี แอนด์ เจ อินเตอร์เนชันแนลชายหนุ่มพาเธอมาที่บริษัทของเขา ซึ่งเป็นตึกที่เธอเจอเขาเมื่อวาน เขาพาเธอขึ้นมายังชั้นบนสุดและห้องที่เธอกำลังนั่งอยู่นี้เป็นห้องทำงานของเขา ภายในห้องมีกระจกรอบด้าน มีโซฟารับแขกและโต๊ะทำงา
หลังจากคุยกับเพื่อนสนิทหญิงสาวก็กลับเข้าไปทำงานตามปกติ แต่จนแล้วจนรอดเธอกลับไม่มีกะจิตกะใจทำงานแม้แต่น้อย ในหัวเธอเต็มไปด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน คืนที่ทะเลาะกันกับแฟนหนุ่ม ไม่รู้ป่านนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง ความคิดสับสนวุ่นวายจนเธอต้องไปสงบจิตสงบใจบนดาดฟ้าของบริษัทเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาไม่กลับมาบ้าน ไม่โทร.มา ไม่ส่งข้อความหาฉันเลย เขาไม่เชื่อใจ คิดว่าฉันมีคนอื่น คงกะจะทิ้งฉันแล้วจริง ๆ ใช่ไหมคนบ้า ! พี่ยักบ้า ! ทำไมถึงไม่เชื่อใจกันบ้างเลย เธอนั่งกอดเข่าอยู่บนดาดฟ้าของที่ทำงาน แววตาหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มตอนนี้ดูเศร้าลงราวกับจะไม่มีความสุขอีก“ทำไมมานั่งที่นี่คนเดียว ?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังเดินมาทักเธออัศวเดินมานั่งข้าง ๆ เธอ เขาหันมองเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก วันนี้เธอพยายามหลบหน้าเขามาตลอด เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบคืนนั้นอีก และยิ่งยายวีวี่บอกว่าเขาชอบเธอและอยากแย่งเธอจากแฟนหนุ่ม ยิ่งทำให้เธออยากจะอยู่ให้ห่างจากเขา“แค่มาสูดอากาศน่ะค่ะ” เธอตอบโดยไม่มองหน้าเขา และพยายามจะลุกขึ้นหนีไป แต่ชายหนุ่มก็จับแขนเธอไว้ก่อน“คุยกันก่อนสิ”“ปล่อยค่ะ”“นั่ง
ความเร็วของรถที่ขับเคลื่อนอยู่บนท้องถนนไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด สิ่งที่ทำให้เขากลัวมากที่สุดคือการสูญเสียคนที่เขารักต่างหาก จังหวะที่เขาเห็นภาพนั้น ภาพที่ชายคนอื่นซึ่งไม่ใช่เขายื่นหน้าทาบทับใบหน้าเธอ หัวใจเขาแทบจะหลุดออกมา คล้ายมีคนโยนก้อนหินหนัก ๆ ลงในใจ เขาพยายามจะไม่คิดอะไร พยายามจะเชื่อใจเธอ แต่เขาก็ทำไม่ได้จริง ๆ แม้ปากจะบอกไปว่าเชื่อใจไปแล้วก็ตาม พอนึกถึงภาพนั้น หัวใจเขาก็เหมือนถูกบดขยี้ ความโกรธคุกรุ่นอยู่ภายในใจแทบจะระเบิดออกมา ความเกลียดแค้นชิงชังมีมากเมื่อนึกถึงผู้ชายคนนั้น แม้เขาจะเห็นหน้าไม่ชัด แต่ก็พอรู้ตำแหน่งหน้าที่ของมัน…มึงจะได้กลายเป็นศพต่อไปแน่ กูสาบานเลย !!!@บ้านอัศวรถสปอร์ตสีดำจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง…ป้ายหน้าบ้านเขียนว่า ‘ตระกูลเมธาอัครโยธิน’ ชายหนุ่มก้าวลงจากรถแล้วเดินไปกดออดหน้าบ้าน ไม่นานนักก็มีคนงานออกมา“มาหาใคร ?” คนงานวัยกลางคนถาม“อัศว”“นัดไว้หรือเปล่า ?”“ไม่ได้นัด บอกไปว่า กูชื่อพยัคฆ์ เป็นผัวของเจ้าขา” เขาจับปืนที่อยู่ตรงกางเกงขึ้นมาประหนึ่งว่ากูมีปืน ถ้าไม่รีบไปแจ้งนายมึง กระสุนจะได้เจาะที่หัวกะโหลกมึงแน่ คนงานพยักหน้ารับด้วยใบหน
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งเข้าสู่เวลา 4 ทุ่มครึ่ง ทีมงานพี่ขิมทยอยกลับกันไปจนเหลือแค่ฉันกับพี่ขิม 2 คน ส่วนบอส…รายนั้นน่าจะกลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วมั้ง ไม่เห็นเลยตั้งแต่ช่วงนั้น“วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่าน้องเจ้า พรุ่งนี้เราค่อยมาต่อกัน” “ได้ค่ะพี่ แต่เดี๋ยวหนูขอจัดการส่วนนี้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยลงไป พี่ไปก่อนเลยค่ะ”“งั้นพี่ไปก่อนนะ วันนี้ขอบคุณอีกครั้งนะน้องเจ้า”“ค่ะพี่ สวัสดีค่ะ”เธอนั่งทำงานต่ออีกสักพัก…ไม่นานงานสำหรับวันนี้ก็เสร็จ หญิงสาวเก็บข้าวของเตรียมตัวจะลงไปข้างล่าง“ทำไมยังไม่กลับ ?” หญิงสาวหันไปตามเสียงก็พบกับเจ้านายตัวใหญ่ยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์อยู่“กำลังจะกลับค่ะ”“กลับดึกแบบนี้แฟนไม่โทร.ตามแย่เลยเหรอ ?”นั่นสิ ลืมนึกไปเลย พี่ยักต้องเป็นห่วงมากแน่ ๆ เธอไม่เคยกลับดึกขนาดนี้มาก่อน หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปรากฏว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์หมด แย่แล้ว !“บอกเขาเดี๋ยวผมไปส่ง” ชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้“ขอบคุณค่ะ แต่หนูให้แฟนมารับดีกว่า คงไม่เหมาะถ้าจะให้ท่านประธานไปส่ง”“เธอนี่ คิดมากเกินไปไหม” หญิงสาวไม่ตอบ จัดการกดโทรศัพท์โทร.หาแฟนหนุ่ม แต่ทันใดนั้น…ขวับ !“ไม่ต้องโทร.แล
หลายวันต่อมา…หลังจากที่ฉันย้ายเข้าไปทำงานอยู่ในห้องของคุณอัศว ฉันก็ได้ทำงานเอกสารบ้างนิดหน่อย บางครั้งที่เขาไปคุยงานนอกสถานที่ ก็มักจะพาฉันไปด้วย บางครั้งก็จะกินข้าวจากข้างนอกมาเลย แต่ทุกครั้งที่ไปพี่รดาก็จะไม่ได้ไปทุกที พี่รดาก็ดูไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไร กลับอยากให้ฉันไปแทนเธอด้วยซ้ำ เขาไม่ได้ใช้งานอะไรฉันมากนัก ส่วนพี่รดาก็ดูจะไม่ค่อยหางานมาให้แล้วเหมือนกัน ส่วนมากเขาจะชอบถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ของฉันเสียมากกว่า มีอยู่หนหนึ่งตอนไปกินข้าว เขาถามว่าฉันกับพี่พยัคฆ์ว่าเรียกกันว่าอะไร แล้วบอกให้เรียกเขาแบบนั้นบ้าง แต่ฉันก็ปฏิเสธไป บอกเหตุผลว่ามันคงไม่เหมาะ เพราะเขาเป็นเจ้านายเธอเป็นลูกน้อง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้อยากเรียกเขาว่าพี่ด้วย มันดูแปลกพิลึกที่เขาชอบถามอะไรและทำตัวแปลก ๆ ใส่ แต่มันก็ดีกว่าการโหมงานหนักจนทำให้ไม่มีเวลากินข้าว แบบนั้นฉันคงจะตายก่อนฝึกงานจบพอดีนี่ก็หมดเวลาไปแล้ว 1 เดือน เหลืออีก 5 เดือนก็ฝึกงานเสร็จ หน้าที่ของเธอในแต่ละวันก็ไม่ค่อยมีอะไร เช้ามาจัดโต๊ะทำงานให้เขา เช็กอีเมล ดูตารางงาน ความจริงหน้าที่พวกนี้ก็คล้าย ๆ เลขานุการอยู่เหมือนกัน แต่ก็ช่างเถอะ จะเป็นอะไรก็ช่าง หล
@บ้านพยัคฆ์ วันนี้ยัยวีวี่มาค้างที่บ้าน สงสัยมีเรื่องจะเมาท์มอยเยอะ เรา 2 คนนั่งอยู่ในห้องที่พี่พยัคฆ์บอกจะเอาไว้ให้ลูก ส่วนเขาน่ะเหรอ นอนห้องนั้นไปคนเดียว…ตอนแรกที่บอกเขาว่ายัยวีวี่มานอนด้วย เขาจะไม่ยอมด้วยซ้ำ บอกว่าจะไม่ได้นอนกอดเธอตั้ง 1 คืน…มันทรมานใจอย่างนู้นอย่างนี้ หาข้ออ้างมาสารพัด จนเธอต้องปลอบไปยกใหญ่ด้วยการใช้ปาก…ก่อนที่ยัยวีวี่จะมา ไม่งั้นไม่ยอมท่าเดียว…คนหื่นที่แท้ทรู !! “ฉันนะแก…เจอเขาแล้วใจเต้นตุ้บ ๆ เลย ยิ่งมองใกล้ ๆ ยิ่งหวั่นไหวอะแก…” ยัยวีวี่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ให้เธอฟัง ทำไมมันช่างแตกต่างกับฉันเหลือเกิน ยัยวีวี่บอกว่าเจอพี่ที่ทำงานดีมาก คอยสอนงานให้ทุกอย่าง แถมหล่อบาดใจจนยัยวีวี่ถึงขั้นหลงรักเลยทีเดียว“เออ แล้วแกล่ะ เป็นไงบ้าง ?” “เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ…”“โอ้โฮ ที่ฉันดีใจก่อนหน้านี้ทำให้รู้สึกผิดไปเลยว่ะ ดูแกจะโดนยายรดาเล่นงานเอาซะแล้วแหละ”“ไม่รู้พรุ่งนี้จะโดนอะไรอีกบ้าง”“แต่ฉันสงสัย…ว่าทำไมคุณอัศวต้องพาแกไปกินข้าวด้วยวะ”“ใครอัศว อ๋อ...ประธานตัวใหญ่นั่นน่ะเหรอ เห็นเขาบอกหาเพื่อนกินข้าวน่ะ...สงสัยไม่มีคนคบมั้งแก”“ใช่เหรอวะ…ระดับประธานบริษัทเลยนะ พี
ฉันกำลังนั่งมองเอกสารที่สูงท่วมหัวจนมองไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน…ตอนนี้เที่ยงแล้วก็ยังไม่ได้กินข้าวเลย…ฮือ ๆ ๆ อยากกลับบ้านจัง หลังจากที่พี่รดาเข้ามาก็แจกแจงงานให้กับนักศึกษาฝึกงานคนอื่น ๆ ยัยวีวี่เองก็พลอยกระเด็นไปอยู่คนละแผนก…ส่วนฉันเหรอ…ทำทุกอย่างค่ะ ตั้งแต่ถ่ายเอกสาร เรียงเอกสาร เติมหมึกเครื่องพรินต์ ชงกาแฟ ซื้อกาแฟ ตอนนี้ต้องมานั่งคัดแยกเอกสารของแต่ละปีให้เข้าที่…ถึงจะรู้ว่าพี่รดาแกล้งแน่ ๆ แต่ก็พยายามอดทนทำไมน่ะเหรอ...เพราะถ้าไม่ทำต่อที่นี่ ก็ไม่มีที่ให้ไปแล้ว...ดังนั้นจึงต้องอดทนไปก่อน…บอกตัวเองไว้นะเจ้าขา…แกต้องสู้ !เสียงโทรศัพท์ดัง ~~“ฮัลโหลค่ะพี่ยัก…”“กินข้าวยังจ๊ะทูนหัว” แค่ได้ยินเสียงน้ำตาเธอก็จะไหลออกมาแล้ว“กินแล้วค่ะ พึ่งกินกับยัยวี่เมื่อกี้นี้เอง อิ่มมากเลยค่ะ…พี่ยักล่ะคะ” ยังไม่ได้กินเลยต่างหาก หิวจนไส้กิ่วไปหมดแล้ว“เรียบร้อยจ้ะ…เป็นไงบ้างฝึกงานครึ่งวันแรก เหนื่อยไหมคะ ?” เหนื่อยค่ะ เหนื่อยมาก “ไม่เหนื่อยเลยค่ะ สบายมาก” “เหรอคะ ทำได้ใช่ไหม ?”“ได้สิคะ แฟนพี่ยักเก่งอยู่แล้ว”“ตั้งใจทำงานนะคะ ตอนเย็นเจอกันค่ะ…พี่รักหนูนะ”“หนูก็รักพี่ค่ะ”หลังจากวางสายพี่พยัคฆ์ หญิงสา
1 ปีผ่านไป…วันเลือกที่ฝึกงาน…“เอาไงดียัยวี่...ถ้าฉันไม่ไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น แต่ฝึกที่ไทยฉันก็จะไม่ได้เป็นคนเลือกบริษัทเอง ถ้าขืนไปบริษัทที่ไม่ดี ฉันไม่ต้องทนอยู่ไปครึ่งปีเลยเหรอ” หญิงสาวร้องโอดครวญ เธอต้องเลือกระหว่างฝึกงานที่ญี่ปุ่น ซึ่งจะห่างจากแฟนหนุ่มแค่ 3 เดือน กับการฝึกงานในไทย ได้อยู่ใกล้กัน แต่ไม่ได้เป็นคนเลือกบริษัทเอง แถมยังต้องฝึก 6 เดือน “เอาไงก็เอาเลยแก…แกเลือกอันไหน ฉันก็จะตามแกไปทุกที่เลย” โชคดีที่ยังมียัยวีวี่ ต่อให้เจออะไรไม่ดี ยัยเพื่อนคนนี้ก็จะคอยปกป้องฉันเสมอ…เอาวะ…ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว“งั้นฝึกในไทยก็แล้วกัน…ฉันไม่อยากห่างจากพี่ยักเลย”“แหม ! ฉันกะอยู่แล้วแหละย่ะ…นี่ไม่รู้ว่าติดผัวหรือติดอย่างอื่นกันแน่นะเนี่ย”“บ้าเหรอยัยวี่ พูดไรน่าเกลียด” ความจริงติดทั้ง 2 อย่างเลยต่างหากล่ะ@บ้านพยัคฆ์ ห้องนอน“หนูเลือกฝึกงานที่นี่เพราะพี่เลยเหรอคะคนสวย...” ชายหนุ่มพูดขณะนอนกางแขนให้แฟนสาวนอนหนุน มือข้างหนึ่งของเขาลูบที่หัวไหล่เธอเบา ๆ“หนูกลัวว่าพี่จะร้องไห้คิดถึงหนูมากกว่าค่ะ”“พี่ต้องร้องแน่ ๆ ถ้าหนูไม่อยู่…แต่ถ้าหนูอยู่ที่นี่ หนูจะเป็นฝ่ายร้องแทนนะคะ” “พี่ยักบ้า ! พูดอะไรล
หลายวันต่อมา…@มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร@โรงอาหาร“พี่ปลาวาฬเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่รดาจริง ๆ !!”“ชัวร์ แหล่งข่าวของฉันคอนเฟิร์มมาแล้ว…2 คนนั้นวางแผนกันมาอย่างดี แกเชื่อฉันสิ” ยัยวีวี่ยืนยันหนักแน่นจากข้อมูลที่ไปสืบมา “ไม่อยากจะเชื่อเลย”“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อย่ะ…วันนั้นที่เกิดเรื่อง แกได้กินอะไรจากใครบ้างไหม ?”“กินอะไรน่ะเหรอ อ้อ ! พี่ปลาวาฬเอาน้ำมาให้ฉันตอนพักเที่ยง…แต่กว่าฉันจะได้กินก็ปาไปช่วงเย็น ๆ แล้ว”“นั่นแหละคือเริ่มต้นแผนการ หวังจะให้แกกินยาให้เพลีย แล้วเข้าไปนอนในห้อง จากนั้นก็ให้พี่รดามาขโมยกุญแจห้องจากฉันไง” “ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง…ทั้ง 2 คนก็เท่ากับทำลายอนาคตฉันเลยนะ”“พี่ปลาวาฬน่ะกะจะแอ้มแกอยู่แล้ว ส่วนยัยรดา…ฉันว่ามันแค้นแกมากกว่า…คงคิดว่าถ้ากำจัดแกไปได้…หล่อนคงจะกลับมาอยู่เคียงข้างกับพี่พยัคฆ์อีกครั้งได้น่ะสิ”“แต่คนตายไปแล้ว ฉันไม่ถือสาหรอก ฉันอโหสิกรรมให้เขาไปแล้วด้วย…”“เออ…จะว่าไป ข่าวก็เงียบหายไปเลยนะแก อย่างกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นแน่ะ คนอะไรจะเมาจนเดินเข้าป่าไปให้ช้างเหยียบ แถมยังโดนพี่ยักแกอัดซะน่วมขนาดนั้นแล้วด้วย…”“นั่นน่ะสิ”“ฉันว่านะ...ยัยรด
“หยาบคายที่สุด ออกไปจากห้องเจ้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น…” เธอมองหาสิ่งรอบตัวที่พอจะเป็นอาวุธได้บ้าง ทันใดนั้นก็เห็นช้อนส้อมที่กินข้าวเมื่อตอนเย็น แต่ขณะที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบ พี่ปลาวาฬก็เหมือนจะรู้ทันว่าเธอมองสิ่งใดอยู่ เขารีบวิ่งไปปัดจานตก ช้อนส้อมกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทางจากนั้นเขาก็เข้ามารวบร่างเธอแล้วผลักลงบนเตียง…จับแขนเธอยกขึ้นเหนือศีรษะ หญิงสาวพยายามดิ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี กรีดร้องจนเสียงแทบแหบ เขาใช้มือปิดปากเธอและอีกข้างก็เอามือจับรั้งแขนเธอไว้ พลั่ก !เขาต่อยเข้าที่ท้องเธอทำให้เสียงกรีดร้องเงียบไป แทนที่ด้วยหยาดน้ำตา ชายหนุ่มซุกไซ้ที่ซอกคอขาวผ่องของเธออย่างหื่นกระหาย วินาทีนี้เธอคิดถึงเขา คิดถึงเขาเหลือเกิน ภาวนาด้วยน้ำตาหวังให้เขามาช่วย และถ้าเขาไม่มา เมื่อผ่านคืนนี้ไป เธอจะมองหน้าเขาอย่างไร ก็ในเมื่อเธอไม่สะอาดอีกต่อไปแล้ว เขาจะยังรักเธอเหมือนเดิม หรือจะรังเกียจและทิ้งเธอไป หยดน้ำเอ่อล้นรอบดวงตา เธอร้องไห้อย่างไม่มีเสียง ความเจ็บปวดทั้งกายและใจกลั่นออกมาเป็นน้ำตาปัง ! เสียงพังประตูทำให้ชายหนุ่มที่กำลังคร่อมตัวหญิงสาวชะงักไป “ไอ้สัตว์นรก !!”ผลัวะ ! “มึงกล้ามากเลยนะที่ทำแ