ซานซานย่อมไม่รู้ว่าชายตรงหน้ากำลังคิดสิ่งใด นางจึงยืนสงบเสงี่ยมอยู่เช่นนั้น เมื่อชายสูงศักดิ์ยังไม่เอ่ยปากอนุญาตให้จากไป นางจึงไม่ไป แต่ไม่พูดอะไร ไม่มีการประจบประแจงเอาใจหรือชวนคุยเช่นสาวน้อยไม่ประสาเพื่อให้ได้รับความโปรดปราน ขอแค่อีกฝ่ายโบกมือเบาๆ นางจะหายตัวไปทันทีจ้าวเหว่ยย่อมเข้าใจถึงกิริยาอันบ่งบอกได้ว่าไม่ปรารถนาเสวนากัน เขาจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง สุ้มเสียงทุ้มต่ำจึงเอ่ยออกมา “สนใจเดินหมากหรือไม่? พนันด้วยเงินรางวัลเป็นไร?”เรียวคิ้วงามขมวดเล็กน้อย แต่แววตาสว่างวาบจ้าวเหว่ยลอบยกยิ้มสมใจ ถึงแม้ยามนี้จะยังคิดแผนการอันใดไม่ออก ทว่าเขารู้ดี ซานซานเป็นสตรีหัวการค้า ชอบเงินที่สุด การเอาเงินเข้าล่อย่อมได้อยู่พูดคุยกับนางนานขึ้นอีกสักหน่อย จากนั้นค่อยๆ คิดแผนรับมือก็ย่อมได้ซูเหยากับลู่หลิ่งที่หลบมุมอยู่ไม่ไกลย่อมได้ยิน พวกนางจึงปรากฏกายออกมาต่อสายตารัชทายาท เพื่อรอรับคำสั่งว่าให้ไปหากระดานหมาก หลังจากได้รับสัญญาณอนุญาตทางสายตาก็รีบวิ่งไปเบิกกับขันทีทางฝั่งหน้าเรือนทันทีเมื่อมีการแจ้งถึงประสงค์ขององค์รัชทายาท แน่นอนว่าเรื่องของเขาที่มาคุยกับซานซานจึงมิใช่ความลับอีกต่อไประหว
ที่โต๊ะในศาลาริมบึง ซานซานกับจ้าวเหว่ยนั่งประจันหน้าหญิงสาวได้ยินเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจสั่งว่า “ข้าแค่อยากคุยกับเจ้า ห้ามใช้วิชามารร้ายกาจเด็ดขาด”ซานซานให้รู้สึกหน้าชาเมื่อเจอบุรุษตรงหน้าที่เรียกได้ว่าฝีมือเหนือเมฆไม่ธรรมดาเมื่อครู่ตรงมุมมืดเขาขโมยจุมพิตนางรวดเร็วปานฟ้าผ่า ทำนางตะลึง สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะยามนี้ยังรู้ทันว่านางคิดจะใช้วิชามารเอาชนะการพนันอีกเก่งกาจเกินไปแล้ว...หญิงสาวทั้งสับสนทั้งงุนงงและยิ่งไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น? ทำไม? เหตุใด? เพราะอะไร?ทุกคำถามล้วนไร้คำตอบซานซานที่บัดนี้กลายเป็นสตรีโง่งมเต็มขั้น ทำได้แต่เหม่อมองจ้าวเหว่ยไม่วางตา พวงแก้มนวลเนียนอมชมพูระเรื่อประหนึ่งสาวน้อยวัยแรกแย้ม ดวงตายังกลมโตกระจ่างใสพราวระยับรัชทายาทหนุ่มเห็นเช่นนั้นถึงกับใจสั่นหากนางยั่วยวนเขาสักนิด เขาจะจับนางกดใต้ร่างเดี๋ยวนี้เพราะเสน่หานวลนางของภรรยาช่างเย้ายวนเกินห้ามใจ ความคิดชั่วร้ายคล้ายสัตว์ป่าหิวกระหายจึงเกิดขึ้นกับบุรุษผู้สุขุมเยือกเย็นในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เขาข้ามขั้นตอนเกินไป เลือกทำตามหัวใจ แล้วจุมพิตนางก่อน ค่อยเสวนาพาเข้าเร
ห้องรับรองภายในตำหนักฮุ่ยเยี่ยนหลี่กุ้ยเฟยกำลังนั่งจิบชาด้วยกิริยางดงามสูงส่งเฉกเช่นปกติ เบื้องหน้าพระนางคือคุณหนูตระกูลไป๋ นามว่า หลินฮวาหลินฮวาคือบุตรีของอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของฮ่องเต้ นางคือว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาทเป็นสตรีที่จ้าวเหว่ยบ่ายเบี่ยงเสมอมากระทั่งต้องการหลีกเลี่ยงการได้รับสมรสพระราชทานถึงกับต้องเสนอตัวเองออกรบบ้าง บรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้านบ้าง เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับนางทว่าฝ่ายหลินฮวากลับไม่เคยละความพยายามด้วยความที่เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ บิดาเป็นอำมาตย์มากอำนาจในราชสำนัก จึงมีสิทธิพิเศษในการเข้าออกพระราชวังได้บ่อยครั้ง ไม่จำกัดจำนวนทว่าน่าเจ็บใจตรงที่ชายหญิงตระกูลชั้นสูงไม่อาจใกล้ชิดเกินงาม และรัชทายาทยังเป็นบุรุษที่หวงเนื้อหวงตัวที่สุด มิใคร่ให้สตรีใดเข้าใกล้แม้ชายผ้า ได้แต่ทำใจกล้าแอบมองอยู่ไกลๆด้วยกฎเหล็กนี้ตัวหลินฮวาจึงไม่อาจเข้าหาจ้าวเหว่ยได้โดยตรง ถึงแม้จะยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม นางจึงทำได้แค่เข้าหาพระสนมหลี่กุ้ยเฟยแทนวันนี้ เมื่อได้ข่าวว่ารัชทายาทเสด็จกลับเข้าวังหลวงแล้ว และทุกครั้งเมื่อกลับมาก็จะตรงเข้าเฝ้าพระมารดา หลินฮวาจึงใช้สิทธิพิเศษที่มีตระกูลเ
หลังจากหลินฮวานั่งลงเรียบร้อย ก็มีนางกำนัลเข้ามารินน้ำชาให้ นางจึงนั่งจิบชาอย่างใจเย็น ไม่คิดกลับ ไม่มีท่าทีว่าจะลุกออกไปทางใด ด้วยมั่นใจว่าองค์รัชทายาทต้องเสด็จมาเข้าเฝ้าพระสนมในไม่ช้าแน่ชั่วจังหวะนั้น ก็มีนางกำนัลเข้ามารายงานต่อหลี่กุ้ยเฟย“ทูลพระสนม เรื่องราววุ่นวายในอุทยานสงบลงเพราะได้รัชทายาทช่วยจัดการ พระองค์ลงโทษองครักษ์อู๋ แยกสามีภรรยาสำเร็จก็ใช้การเดินหมากเพื่อปรับอารมณ์ของซานซาน พร้อมสอบถามความเป็นมาของนางอยู่ในศาลาริมบึงเพคะ”บุตรชายผู้นี้รอบคอบเสมอ หลี่กุ้ยเฟยได้ฟังก็แย้มยิ้ม โบกมือเบาๆ ให้นางกำนัลผู้นี้ล่าถอยไป ก่อนเปรยกับหลินฮวาด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุนว่า“มีข้าราชบริพารในอาณัติมากมาย ปัญหาก็ย่อมมีมาก ดูเถิด...องค์รัชทายาทถึงกับต้องเสียเวลาดูแลจัดการด้วยตนเอง เกรงว่าคงมิได้มาเข้าเฝ้าแม่คนนี้แล้ว”ความหมายในประโยคคือ ให้หลินฮวากลับไปเสียที อย่าเสียเวลารออีกต่อไป เพราะจ้าวเหว่ยไม่ว่าง มิได้เจอแน่นอนหากแต่ความอดทนของหลินฮวามีมากโข นางคลี่ยิ้มหวานล้ำ ตอบด้วยเสียงนุ่มหวานน่าฟัง “เป็นบุญของบ่าวไพร่เหลือเกินนะเพคะ ที่มีองค์รัชทายาทเปี่ยมเมตตาถึงเพียงนี้”ความหมายคือ จ้าวเหว่ยกล
คล้อยหลังหลินฮวาที่รีบล่าถอยออกไป ประหนึ่งหนีตาย ไม่ต้องการพบพานผู้ใด จ้าวเหว่ยก็เดินเข้ามาเมื่อร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีน้ำเงินปรากฏ หลี่กุ้ยเฟยจึงถามเสียงขรึม “เหว่ยเอ๋อร์มาแล้วหรือ? ได้เจอคุณหนูไป๋หรือไม่?”นางต้องถามเพื่อความแน่ใจ ว่าสตรีผู้นั้นมิได้โปรยเสน่ห์ใส่บุตรชายของตนระหว่างทาง“ลูกเห็นชายผ้าสีชมพูลัดเลาะหายไปตรงมุมระเบียงท่าทางคล้ายเร่งรีบ ที่แท้ก็คุณหนูไป๋ เสด็จแม่คงมิได้ไล่นางไปกระมัง”จ้าวเหว่ยตอบเสียงเรียบ ใบหน้าไร้อารมณ์ พลางนั่งลงตรงโต๊ะเดียวกับมารดา รอจนนางกำนัลเข้ามารินน้ำชาก่อนยอบกายถอยไป จึงยกถ้วยชาขึ้นจิบ แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น“หากนางมารบกวนเสด็จแม่อีก ลูกจะเข้าเฝ้าเสด็จพ่อทูลตามตรงให้เด็ดขาดว่าไม่ประสงค์เกี่ยวข้องอันใด”หลี่กุ้ยเฟยได้ฟังก็ถอนหายใจ “เหว่ยเอ๋อร์อย่าได้ใจร้อนวู่วามเกินไป อำนาจบางกลุ่มไม่อาจตัดให้ขาด บางกลุ่มยิ่งไม่อาจผสานจนเหนียวแน่นยากสลัดหลุดพ้น ยังคงทำได้แค่ปล่อยตัวตามสบายไปกับกระแสแรงลม ไหลนิ่งไปตามเส้นสายธาราริน”ถ้อยวาจาของมารดา จ้าวเหว่ยล้วนเข้าใจ เขาจึงนิ่งเงียบไม่ต่อความอีก เรื่องสตรีอื่นไม่เคยอยู่ในความคิดของเขาอยู่แล้วแค่เรื่องขอ
มุมมืดในตรอกคับแคบแห่งหนึ่งของเมืองหมิงเวย รอบด้านเงียบสงัดวังเวงรกร้างว่างเปล่าปราศจากผู้ใดลึกเข้าไปมีร่างของชายหนุ่มรูปงามยืนเอามือไพล่หลังเงียบงัน ท่าทางของเขาทั้งสง่างามทั้งองอาจห้าวหาญ เคร่งขรึมเย็นชา กิริยาสูงส่งเหนือสามัญเขาคืออ๋องเจ็ด นาม ถังหย่งเทียน หรือ โซวอ๋องข้างกายโซวอ๋องคือสตรีโฉมสะคราญในชุดสีแดงเพลิง แท้จริงนางมีใบหน้างดงามหยาดเยิ้ม รูปร่างระหงอ้อนแอ้น ท่าทางอ่อนโยนเป็นเลิศ เพียงแต่ยามนี้กลับไม่มีความอ่อนหวานปรากฏสักนิด เพราะดวงตาของนางเป็นสีแววแดงน่ากลัว ข้างแก้มและลำคอยังมีรอยอักขระน่าเกลียด เล็บมือยาวแหลมคมกริบปานปลายมีดลักษณะคือผู้สำเร็จเคล็ดวิชากรงเล็บกระชากวิญญาณ สามารถเข่นฆ่าศัตรูได้แม้ปราศจากอาวุธใดในมือ นับเป็นจอมยุทธ์ฝีมือสูงส่งผู้หนึ่งแห่งยุทธภพ ทั้งร้ายกาจเลือดเย็น ทั้งอำมหิตโฉดชั่วไม่เกรงกลัวใคร ผู้ซึ่งชาวยุทธ์ขนานนามว่า นางมารโลหิต ผู้แทนแห่งสำนัก นารีแดง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค มีสมุนในอาณัติเป็นนักฆ่านับหมื่นชีวิตกระจายไปทั่วแคว้น“สมุนของข้าตายจนหมดในดาบเดียวด้วยกระบวนท่าวายุคลั่งแห่งตำนาน เกรงว่าคนผู้นั้นจักเป็นยอดฝีมือยากต่อกร”เสียงเย็นเยีย
โซวอ๋องหรือหย่งเทียนผู้นี้คือพระอนุชาร่วมอุทรของฮ่องเต้ต้าถัง เขาทั้งผงาดค้ำฟ้า ไม่มีใครคานอำนาจกับเขาได้ เกรงว่าอีกไม่นานแม้แต่ฮ่องเต้ก็คงไม่อยู่ในสายตาทว่าเพราะเป็นพี่น้องในมารดาเดียวกัน ทั้งยังได้รับความไว้วางพระทัยมากล้น ฮ่องเต้ทรงรักและใส่ใจน้องชายคนนี้มากโซวอ๋องจึงเคารพพี่ชายตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ไม่เคยคิดล้ำเส้นอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ทั้งยังคอยพิทักษ์บัลลังก์ให้อีกด้วยผู้ครอบครองบัลลังก์มังกรคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนับว่าเหมาะสมยิ่งแล้ว และโซวอ๋องผู้เป็นน้องชายก็ไม่เคยคิดแย่งชิงมาเป็นของตนแม้แต่ครั้งเดียวทั้งอดีตและปัจจุบันก็ยังคิดเช่นนั้น เขาไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิต้าถังแม้แต่น้อยเพียงแต่...หากฮ่องเต้ทรงรักใคร่ฮองเฮาให้มากกว่านี้ และรอจนกว่าองค์ชายห้าเติบใหญ่มอบตำแหน่งรัชทายาทให้โซวอ๋องก็คงไม่คิดร้ายกับใครสาเหตุแห่งความเกลียดชังของบุรุษผู้ห้าวหาญสมชายชาตินักรบผู้นี้ แท้จริงเป็นเพียงเรื่องของสตรีวังหลังฮองเฮาคือสตรีเดียวในดวงใจของโซวอ๋อง แต่นางเกิดมาเพื่อเป็นหงส์เคียงมังกร ฐานะพี่สะใภ้ถูกกำหนดเอาไว้อย่างมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าพี่ชายจะรับชายารองก่อนหน้าสักกี่สิบคน แต่ฮองเฮา
เพื่อประกาศศักดาอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรว่าที่องค์ราชันอย่างจ้าวเหว่ย และเพื่อให้โอรสองค์อื่นๆ อยู่ในที่ในทางของตนงานเลี้ยงต้อนรับจึงเกิดขึ้นทุกครั้งหลังจากองค์รัชทายาทแห่งต้าถังชนะศึกกลับมา ทุกครายังคงเต็มไปด้วยพิธีอันทรงเกียรติและสำเริงสำราญ เปิดโอกาสให้หลายตระกูลได้พบพานสานไมตรี นับเป็นการดีต่อกระดานหมากราชสำนักหลายครั้งที่ฮ่องเต้ทรงใช้งานนี้จัดสรรขั้วอำนาจให้เป็นระบบระเบียบโดยมิต้องรอประชุมในท้องพระโรงอันเคร่งเครียดวิธีที่นิยมยังคงเป็นการมอบสมรสพระราชทาน จับสกุลนั้นเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลนี้อย่างสนุกสนาน เลื่อนขั้นขุนนางตามผลงานบ้าง ตามความดีความชอบบ้าง แล้วแต่วาระโอกาสงานรื่นเริงถูกจัดขึ้นยามพลบค่ำ โคมไฟแสงสีละลานตาราวกับยามกลางวัน เส้นสายใยผ้าสีสันสดใสระโยงระยาง ดอกไม้งดงามบานสะพรั่ง อุทยานหน้าตำหนักส่วนกลางข้างท้องพระโรงหรูหราอลังการคล้ายสรวงสวรรค์ของบรรดาเทพเซียนลงมาเดินเล่นร่วมสังสรรค์พรมแดงทอดยาวตั้งแต่ทางเข้าจนถึงแท่นประทับ สองฝั่งมีขุนนางนั่งอยู่หลังโต๊ะทรงเตี้ยแน่นขนัด แบ่งแยกชายหญิงขุนนางเก่งกาจทั้งชราและหนุ่มแน่นนั่งลดหลั่นตามขั้น ตรงกันข้ามพรมแดงกางกั้นคือฮูหยินของพวก
รัชทายาทหนุ่มไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดีซานซานยังคงคิดถึงชายอัปลักษณ์แม้ว่ากำลังร่วมรักกับชายงามสูงศักดิ์จ้าวเหว่ยรู้ดี ว่านางใต้ร่างมิได้รักเขาที่เป็นเชื้อพระวงศ์ ทว่าสายตาที่อีกฝ่ายมองอู๋เจี๋ยที่คิดว่าเป็นเหย่หนิวก็ไม่มีความรักหลงเหลืออยู่เช่นกันก่อนหน้านี้ยามที่ประจันหน้า ทั้งแววตาทั้งท่าทาง เผยชัดแจ้งถึงความแค้นเคืองชิงชัง ไม่มีความหลังให้จดจำหวนคืนนางชัดเจนปานนั้น แต่กลับ…ชั่วขณะหนึ่งที่เห็นเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลายามก้มลงต่ำพร้อมลมหายใจหนักหน่วงรินรดข้างแก้ม ซานซานก็เริ่มจับกระแสความคิดของจ้าวเหว่ยได้เพราะใบหน้าใกล้กันถึงเพียงนี้ สายตาดำจัดของเขาร้อนแรงปานนั้น ราวกับมีเปลวเพลิงเต้นระริกไม่หยุด ทั้งตื่นเต้นทั้งสับสนระคนแปลกใจเรียวคิ้วงามขมวดวูบ “ท่านได้ยินนี่”เสียงหัวเราะทุ้มนุ่มพลันบังเกิด “ข้ามิได้หูหนวก”ซานซานยิ่งรู้สึกผิด “หม่อมฉันมิได้ตั้งใจ”จ้าวเหว่ยหยุดขยับกาย แต่ยังรักษาความรู้สึกรัญจวนใจเอาไว้ด้วยการฝังนิ่งตรึงนาง ก้มหน้าหอมแก้มนวลแรงๆ หนึ่งที เอ่ยเสียงสั่นพร่าอย่างใจดีว่า “เจ้าแก้ตัวด้วยการเรียกนามข้าได้”หญิงสาวเบือนหน้าหนี “หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ”ชายหนุ่มไม
บนเตียงนุ่มที่เริ่มอุ่นร้อนขึ้นเรื่อยๆ ร่างสองร่างเปล่าเปลือยกอดกระหวัดรัดรึงด้วยความทุลักทุเลเพราะฝ่ายสตรีไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มานานมาก ทั้งยังรู้สึกแปลกหน้ายิ่ง จึงตอบสนองเงอะงะพอควรจ้าวเหว่ยถอนใบหน้าออกจากซอกคอขาว ในใจนึกเอ็นดูระคนสงสาร แต่ท่าทางตื่นเต้นของซานซานทำเขานึกอยากแกล้งอย่างที่สุด ไม่มีแม้เศษเสี้ยวความคิดที่จะคลายวงแขนปลายจมูกโด่งสันไล่หอมแก้มนวลไม่หยุดยั้ง ริมฝีปากยังไล่จุมพิตไปทั่วใบหน้า ลำคอ เนินอก ทิ้งร่องรอยลึกซึ้งไม่มีเกรงใจ จนซานซานต้องถอยร่นจนชิดผนังห้องข้างเตียงอย่างหมดท่าบุรุษยิ่งนานยิ่งรุกล้ำ จนใบหน้าขาวผ่องเนียนนุ่มยิ่งนานยิ่งเห่อแดงร้อนแรงกว่าถ่านไฟ กิริยาท่าทางดุจดรุณีวัยแรกแย้ม มิใช่จอมยุทธ์หญิงอีกต่อไป ซึ่งซานซานเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนถึงได้กลายร่างเป็นขี้ผึ้งลนไฟไปเช่นนี้จ้าวเหว่ยยังคงรุกไล่จุมพิตซานซานไปทั่ว ฝังใบหน้ากับหน้าอกอวบอิ่ม ดูดกลืนยอดถันชูชัน กระทั่งนางเขินอายจนพลิกตัวหันหลังให้เพื่อทำใจ เขาก็ยังไล่จูบนางทางด้านหลังประทับตราตั้งแต่เรือนผม ท้ายทอย หัวไหล่ แผ่นหลังนวลเนียนฝ่ามือร้อนลวกยังจับกระชับเอวคอดกิ่ว ลูบไล้วกวนตรงหน้าท้องแบนราบ จนซ
บรรยากาศตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายทันที จ้าวเหว่ยยิ้มอ่อน วงแขนยิ่งกระชับ “หากบอกว่าใช่”ซานซานให้รู้สึกขนลุกชูชัน “เราตกลงกันแล้วว่าไม่มีเรื่องงมงายไร้สาระ หากยังเอ่ยเช่นนี้ เห็นทีหม่อมฉันคงไม่สะดวกแล้ว”จ้าวเหว่ยหัวเราะในลำคอเอ่ยเสียงนุ่ม “เจ้ากล้า”ซานซานแค่นยิ้ม “จ้องนาน สี่หีบ!”“...”สมเป็นนาง...ไม่ว่าเรื่องใดยิ่งไม่เคยนึกหวั่น นอกจากไม่กลัวหรือเขินอายยังกล้าท้าทาย...แน่นอนว่าจ้าวเหว่ยไม่มีทางปล่อยซานซานไปสามีที่ห่างเหินการร่วมรักกับภรรยาเนิ่นนานปี เมื่อเจอกันอีกทีไม่พุ่งกายเข้าใส่ก็คงมิใช่คนปกติเขายังไม่ลืมย้ำเสียงหนัก“เจ้าปรนนิบัติข้าได้แค่คนเดียว เข้าใจหรือไม่?”“ย่อมเป็นเช่นนั้นเพคะ รีบๆ ทำเถิด”แม้เอ่ยเช่นนั้น แต่ร่างระหงอ้อนแอ้นกลับนอนนิ่งแข็งทื่อบุรุษยกยิ้มเอ็นดูแวบหนึ่งก่อนก้มหน้าลงจรดริมฝีปากตนกับนางแผ่วเบาคล้ายภมรหยอกเย้ากลีบบุปผาซานซานพลันเบิกตากว้าง รู้สึกได้ว่ากลีบปากอีกฝ่ายร้อนมากๆ จนอาจจะลวกปากนางได้อึดใจก็เปลี่ยนเป็นกะพริบตาถี่ๆ เพราะรู้สึกได้ถึงจุมพิตที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ต่อมาก็กลายเป็นรุกล้ำแต่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เรียวลิ้นร้อนชื้นตวัดออกมาจากปากชายเหนือร่างเข้า
ความอุ่นร้อนจากวงแขนและแผงอกแผ่ซ่านรอบกายทันใด ซานซานพลันตัวแข็งทื่อ ใบหน้าร้อนผ่าว ใบหูแดงก่ำ ท่าทางประหนึ่งสาวน้อยแรกแย้มเพิ่งเข้าหอครั้งแรกเพราะห่างเหินรสสัมผัสและการร่วมรักมานานปี ทั้งยังเป็นชายอื่นมิใช่สามี ไม่เกร็งก็คงไม่ใช่และนางก็ไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงยินยอมให้เขาง่ายดายในขณะที่กำลังสั่นระริกทั้งตัว หัวใจเต้นตุบๆ แทบทะลุอก ซานซานยังได้ยินเจ้าของวงแขนเอ่ยเสียงเครียด“เจ้าไม่ควรทำตัวเยี่ยงนี้ และยิ่งมิใช่หญิงขายเรือนร่าง”“แน่นอนว่าหม่อมฉันมิใช่ แต่ในเมื่อเป็นพระบัญชา ไยต้องคิดมากเล่า”“เจ้า...” รัชทายาทหนุ่มนึกเข่นเขี้ยวเหลือเกิน “เรื่องเช่นนี้ เจ้าควรคิดให้มาก เข้าใจหรือไม่?”ซานซานได้ฟังพลันนิ่งเงียบไปหากศักดิ์ศรีของนางที่ต้องรักษาคือสิ่งที่สามารถยึดเหนี่ยวบุรุษใจร้ายให้เห็นค่า มิสู้ทำลายศักดิ์ศรีนั้นทิ้งไปเสียหากต้องแย่งชิงบุรุษไร้ใจกับสตรีแสนดีเช่นซูเหยานางคงทรมานจนตาย หากสะสมเงินทองได้มากพอก็ออกจากวังไปเป็นเจ้าสำนักดูแลสมุนมารเหตุผลอันหลากหลายประการ ซานซานพลันสรุปได้ว่า รัชทายาทหนุ่มตรงหน้านับได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ไม่เลวหึ! เป็นสตรีที่ดีแล้วอย่างไร สามีก็ทิ้งไปอยู่ดี
ตำแหน่งสูงส่ง รูปโฉมเป็นเอก บุรุษผู้หนึ่งมีสตรีทั่วเมืองหมายปอง หวังเกี่ยวดองนับไม่ถ้วน กลับถูกนางตรงหน้าลืมสิ้น“เจ้ากล้าลืมข้า...” เส้นเสียงยามเอ่ยฟังดูปวดใจไม่น้อยซานซานยิ้มเก้อกระดากปฏิเสธเสียงอ่อน “ก็ไม่เชิงเพคะ”ชายหนุ่มรู้สึกไม่ยินยอม แววตาคมดำยิ่งนานยิ่งร้อนแรง ร่างสูงจึงปักหลักนั่งบนเตียงไม่คิดขยับไปทางใด ฝ่ามือยังเอื้อมลงมาตบบนที่นอนเบาๆ หมายถึงคำสั่งมิอาจละเลย สตรีผู้เป็นรางวัลแห่งค่ำคืนย่อมต้องทำหน้าที่อันพึงมีบนเตียงนอนรัชทายาทหนุ่มเริ่มเอาแต่ใจ เผยความต้องการชัดเจน ดวงตาคมปลาบของเขาร้อนแรงมาก บ่งบอกเจตนารมณ์ได้ว่าคืนนี้เขามาด้วยจุดประสงค์ใดบุรุษสูงศักดิ์ก็เช่นนี้ พวกเขาสามารถปลดปล่อยอารมณ์กระสันตามวัยได้เต็มที่กับนางกำนัลหรือใครก็ตามได้ทุกเวลา โดยมิต้องแต่งงานเหมือนชาวชนบท และสำหรับซานซาน เรื่องที่ฮ่องเต้มอบนางให้เป็นรางวัลของเอกบุรุษเฉกเช่นรัชทายาท แท้จริงหาใช่เรื่องต้องคิดมากไม่สตรีผู้หนึ่งมิใช่คนดีอันใด ลูกก็มีแล้ว สามีก็ทิ้งขว้างเลิกรา ซานซานจึงไม่คิดเล่นตัวเยี่ยงคุณหนูผุดผ่อง หากอีกฝ่ายต้องการ นางก็ไม่คิดปฏิเสธ เพียงแต่ค่าตอบแทนต้องสูงมากหน่อยเท่านั้น ปรนนิ
ตำหนักฮุ่ยเยี่ยนถึงแม้งานเลี้ยงเลิกราไปนานแล้ว ล่วงเข้ายามดึกสงัดรอบด้านมืดสนิทมากแล้ว แต่ภายในเรือนพักยังมีห้องหนึ่งที่มีแสงเทียนสว่างเรืองรองซานซานใช้เวลาปักผ้าบนชุดให้ลู่หลิ่งเสร็จไปสองผืน จากนั้นก็เริ่มหยิบกระดาษมากางขึงตรงหน้าสายตาจ้องแน่นิ่งแล้วจรดปลายพู่กันเริ่มวางแผนการชีวิตอันซับซ้อนของตนด้วยเส้นสายระโยงระยางที่มีนางเข้าใจอยู่คนเดียวในกระดาษ เป็นข้อมูลเชิงลึกที่นางได้รู้จากหยุนผิง เกี่ยวกับเส้นสายขั้วอำนาจแห่งวังหลวงฮ่องเต้ต้าถังมีอำนาจหลักคือโซวอ๋องผู้มีกองกำลังในมือนับไม่ถ้วนเพื่อค้ำยันราชบัลลังก์ บริหารอำนาจราชสำนักผ่านตระกูลของพระสนมคนงามเต็มวัง องค์ชายอื่นๆ มีอำนาจจากการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ใช้เล่ห์เสน่หาบุรุษเพื่อให้สตรีหนุนหลังในขณะที่ผู้อื่นมีอำนาจพร้อมพรั่งทั้งสุขสำราญเต็มที่ มีเพียงรัชทายาทที่มีอำนาจฝั่งมารดาอย่างหลี่กุ้ยเฟย และบารมีจากไพร่ฟ้าที่แผ่ไพศาลเกรียงไกร แต่ภายในตำหนักบูรพากลับปราศจากอิสตรี ไม่มีชายาเลยสักคนทั้งๆ ที่เขามีเสน่ห์มากล้น เป็นเอกบุรุษปานนั้น สมกับตำแหน่งจักรพรรดิโดยแท้ ทว่ากลับต้องทนเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้ซานซานอดมิได้ที่จักรู้สึกเป็นห่ว
“อาจารย์ได้โปรดกลับไปกับข้าเถิด เป็นประมุขนารีแดง" ซานซานขมวดคิ้วมุ่น ครุ่นคิดเคร่งเครียดก่อนปฏิเสธตามตรง “ข้ายังไม่มีเงิน ยังไม่สามารถเลี้ยงสมุนมากมายปานนั้น กำลังอยู่ในช่วงตั้งตัว เอาไว้ร่ำรวยเมื่อใดค่อยกลับไปแล้วกัน”เรื่องเงินถือเป็นปัจจัยสำคัญของพวกนักฆ่ารับจ้าง หาใช่ลาภยศชื่อเสียงเยี่ยงคนของวังหลวงไม่ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันสำนักในยุทธภพเหล่านี้ทำงานให้ชนชั้นสูงอยู่เงียบๆ รับเงินเป็นกอบเป็นกำเพื่อดำรงชีพ ทำงานลึกลับฝังตัวซ่อนเร้นให้องค์กรใต้ดินมาช้านานเมื่อได้รับคำปฏิเสธ หยุนผิงจึงมีสีหน้าเศร้าสลด อดคิดมิได้ว่า ควรเร่งหาเงินให้มาก อาจารย์จะได้กลับสำนัก นางเอ่ยเสียงเครือ “อาจารย์...เช่นนั้นข้าจะช่วยท่านเก็บเงินอีกทางหนึ่ง”“หืม...” ซานซานมองหน้าหยุนผิง พลางถามเสียงเรียบ “คงมิใช่เร่งสังหารเป้าหมายหรอกกระมัง”“แล้วจะให้ทำเช่นใดเล่า งานสำเร็จย่อมได้เงินมากโข”ซานซานหรี่ตาใคร่ครวญลึกซึ้ง ก่อนถามเสียงขรึม“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าถูกผู้มีอำนาจขู่บังคับให้ทำงานสังหารบุคคลสำคัญ ผู้ใดว่าจ้างให้มาสังหารใครรึ? ได้คุ้มเสียหรือไม่?”หยุนผิงมีสีหน้าลำบากใจยากเอื้อนเอ่ยซานซานนิ่งคิดใช้เวลาไตร่ตร
ซานซานปัดมืออีกฝ่ายออกจากไหล่ตนพลางเอ่ยเนิบช้า“ในเมื่อเจ้าล่วงรู้วิชาของข้า และข้าก็ล่วงรู้วิชาของเจ้า เกรงว่าสองเราคงเป็นศิษย์สำนักเดียวกันกระมัง”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซานซานก็นิ่งคิดชั่วครู่ไม่ถูก! เคล็ดวิชานี้ เป็นนางที่คิดค้นไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว จะเป็นศิษย์สำนักเดียวกันได้อย่างไร นางควรเป็นอาจารย์ทวดของอีกฝ่ายถึงจะถูกต้อง!คิดเสร็จหญิงสาวก็โบกมือไม่ถือสา กล่าวเสียงเรียบว่า“เอาล่ะๆ นางมารเช่นเจ้ากล้าปลอมตัวเป็นนางรำเข้ามาในงานของวังหลวง คงถูกว่าจ้างมากระมัง จะสังหารใครรึ?”ประหนึ่งคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ หยุนผิงยิ่งอึ้งตะลึงงัน ปลายนิ้วสั่นเบาๆ เล็บแหลมคมเริ่มหดกลับเข้ามาในเนื้อ ผิวกายที่มีอักขระน่ากลัวค่อยๆ เลือนหาย ท้ายที่สุดนัยน์ตาสีแดงปานโลหิตก็ดำขลับเช่นเดิม เผยความงดงามหยาดเยิ้มดุจเดิมเพราะเคล็ดวิชาในตำนานมีเพียงอาจารย์ทวดต้นตำรับเท่านั้นที่สามารถล่วงรู้ได้ว่าวิชาที่ตกทอดเป็นเพียงหนึ่งในวิชาใดหยุนผิงคุกเข่ากระแทกพื้นเรียกซานซานเสียงสั่นเครือ “ท่านอาจารย์ทวด...”ถึงแม้จะทำใจเอาไว้แล้ว แต่หางคิ้วก็อดกระตุกมิได้ “เรียกเสียแก่เลยเชียว เรียกแค่อาจารย์หญิงก็พอกระมัง”หยุนผิงยืน
ค่ำคืนยาวนาน งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปจ้าวเหว่ยนั่งลงมองเพียงปลายนิ้วมือที่ไล้วนจอกเหล้าด้วยความเบื่อหน่ายอีกครั้ง รอเวลาอันเชื่องช้าเคลื่อนผ่านอย่างเงียบงัน ในใจคิดถึงแต่ใครบางคนอันเป็นรางวัลแห่งค่ำคืนและแล้วภายใต้ใบหน้าอันแสนจะเย็นชา รัชทายาทหนุ่มพลันได้แผนการใหม่ในการจัดการกับภรรยาในใจปรารถนาให้สิ้นสุดงานเลี้ยงโดยไวการเสวนาโต้ตอบระหว่างฮ่องเต้กับบรรดาขุนนางยังคงมีไม่ขาดสาย พร้อมเชื้อเชิญกึ่งท้าประชันฝีมือระหว่างตระกูลด้วยการนำเสนอความสามารถของบุคคลชั้นสูงคุณหนูแต่ละคนได้รับการสนับสนุนให้ออกมาแสดงฝีมือกลางลานกว้าง เปลี่ยนทุกการแสดงจากการมอบความสำราญเป็นแสดงความสามารถอันหาได้ยากยิ่งแทน มีทั้งการบรรเลงพิณ แต่งโคลงต่อกลอน และร่ายรำเมื่อการแสดงรอบนี้เป็นสตรีชั้นสูง กระทั่งการร่ายรำบิดเอวส่ายสะโพกจึงมิใช่เป็นการแสดงชั้นต่ำ อีกทั้งยังสูงส่งเทียมฟ้าทุกนางล้วนงดงามสะกดสายตา ยิ่งชาติตระกูลสูงศักดิ์ ยิ่งกลายร่างเป็นโฉมสะคราญหยาดฟ้าแต่ละนางอวดโฉมในด้านที่ดีที่สุดให้องค์รัชทายาทได้ยล พยายามดึงดูดเขาด้วยรูปโฉมและฝีมือในศาสตร์ทุกแขนงเวลาแห่งค่ำคืนค่อยๆ ดำเนินไปช้าๆ ระหว่างนั้นซานซานก็กล