โซวอ๋องหรือหย่งเทียนผู้นี้คือพระอนุชาร่วมอุทรของฮ่องเต้ต้าถัง
เขาทั้งผงาดค้ำฟ้า ไม่มีใครคานอำนาจกับเขาได้ เกรงว่าอีกไม่นานแม้แต่ฮ่องเต้ก็คงไม่อยู่ในสายตา
ทว่าเพราะเป็นพี่น้องในมารดาเดียวกัน ทั้งยังได้รับความไว้วางพระทัยมากล้น ฮ่องเต้ทรงรักและใส่ใจน้องชายคนนี้มาก
โซวอ๋องจึงเคารพพี่ชายตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ไม่เคยคิดล้ำเส้นอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ทั้งยังคอยพิทักษ์บัลลังก์ให้อีกด้วย
ผู้ครอบครองบัลลังก์มังกรคือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนับว่าเหมาะสมยิ่งแล้ว และโซวอ๋องผู้เป็นน้องชายก็ไม่เคยคิดแย่งชิงมาเป็นของตนแม้แต่ครั้งเดียว
ทั้งอดีตและปัจจุบันก็ยังคิดเช่นนั้น เขาไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิต้าถังแม้แต่น้อย
เพียงแต่...หากฮ่องเต้ทรงรักใคร่ฮองเฮาให้มากกว่านี้ และรอจนกว่าองค์ชายห้าเติบใหญ่มอบตำแหน่งรัชทายาทให้
โซวอ๋องก็คงไม่คิดร้ายกับใคร
สาเหตุแห่งความเกลียดชังของบุรุษผู้ห้าวหาญสมชายชาตินักรบผู้นี้ แท้จริงเป็นเพียงเรื่องของสตรีวังหลัง
ฮองเฮาคือสตรีเดียวในดวงใจของโซวอ๋อง แต่นางเกิดมาเพื่อเป็นหงส์เคียงมังกร ฐานะพี่สะใภ้ถูกกำหนดเอาไว้อย่างมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าพี่ชายจะรับชายารองก่อนหน้าสักกี่สิบคน แต่ฮองเฮาก็ยังคงเป็นนาง
เดิมทีตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ โซวอ๋องไม่เคยคิดเป็นอื่นกับพี่ชายเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะกับสตรีของพี่ชาย
ทว่าเมื่อนางแต่งเข้าวังและได้เป็นฮองเฮา ได้อยู่เหนือสตรีก่อนหน้าของพี่ชายทุกคน แต่กลับมีสีหน้าโศกเศร้าราวกับทุกข์ระทมขมขื่นตลอดเวลา
สตรีงดงามน่ารักสดใสค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสตรีมืดมน ไร้แสงสว่างแห่งชีวิต ไม่ต่างจากหุ่นผ้าเดินได้
แม้มีอำนาจในมือมากล้น แต่ไม่เคยมีความสุขแท้จริงกับชายผู้เป็นสามีเลยสักหน
ทำให้เขาที่ได้พบเจอนางบ่อยขึ้นจึงไม่อาจละสายตา
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่โซวอ๋องเริ่มทนมิได้ ความขัดเคืองซึมลึกถึงเพียงนี้ หัวใจของเขาเริ่มมีนางเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดก็สุดรู้
ทว่าฮ่องเต้ทรงรักสนมหลี่ฮุ่ยเยี่ยนจากใจจริง ทำทุกทางให้จ้าวเหว่ยขึ้นเป็นรัชทายาท และเมื่อสำเร็จไร้ข้อกังขาก็รีบออกราชโองการแต่งตั้งทันที ไม่มีการไต่ถามความเห็นชอบจากฮองเฮาที่กำลังตั้งครรภ์สักคำ
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น ฮองเฮาก็คลอดบุตรออกมาเป็นโอรสลำดับที่ห้า ตัวเขาโซวอ๋องจึงเริ่มทวงความยุติธรรมให้นาง
แน่นอนว่าภัยร้ายจากพี่น้องต่างมารดาของจ้าวเหว่ยย่อมมีมาไม่ขาดสาย โซวอ๋องเพียงช่วยเสริมทัพอยู่มุมมืดเท่านั้น
ไม่มีใครระแคะระคายอ๋องผู้นี้ กอปรกับมีแผนการอันแยบยลไร้จุดบอดซุกซ่อนมานานปี ปราศจากพิรุธเพียงเล็กน้อย
กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังคาดไม่ถึง ว่าแท้จริงคนที่คิดร้ายต่อบัลลังก์หาใช่คนที่ต้องการบัลลังก์ไม่
โซวอ๋องแค่ต้องการแย่งชิงตำแหน่งว่าที่องค์ราชันให้โอรสของนางในดวงใจก็เท่านั้น...
เพื่อประกาศศักดาอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรว่าที่องค์ราชันอย่างจ้าวเหว่ย และเพื่อให้โอรสองค์อื่นๆ อยู่ในที่ในทางของตนงานเลี้ยงต้อนรับจึงเกิดขึ้นทุกครั้งหลังจากองค์รัชทายาทแห่งต้าถังชนะศึกกลับมา ทุกครายังคงเต็มไปด้วยพิธีอันทรงเกียรติและสำเริงสำราญ เปิดโอกาสให้หลายตระกูลได้พบพานสานไมตรี นับเป็นการดีต่อกระดานหมากราชสำนักหลายครั้งที่ฮ่องเต้ทรงใช้งานนี้จัดสรรขั้วอำนาจให้เป็นระบบระเบียบโดยมิต้องรอประชุมในท้องพระโรงอันเคร่งเครียดวิธีที่นิยมยังคงเป็นการมอบสมรสพระราชทาน จับสกุลนั้นเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลนี้อย่างสนุกสนาน เลื่อนขั้นขุนนางตามผลงานบ้าง ตามความดีความชอบบ้าง แล้วแต่วาระโอกาสงานรื่นเริงถูกจัดขึ้นยามพลบค่ำ โคมไฟแสงสีละลานตาราวกับยามกลางวัน เส้นสายใยผ้าสีสันสดใสระโยงระยาง ดอกไม้งดงามบานสะพรั่ง อุทยานหน้าตำหนักส่วนกลางข้างท้องพระโรงหรูหราอลังการคล้ายสรวงสวรรค์ของบรรดาเทพเซียนลงมาเดินเล่นร่วมสังสรรค์พรมแดงทอดยาวตั้งแต่ทางเข้าจนถึงแท่นประทับ สองฝั่งมีขุนนางนั่งอยู่หลังโต๊ะทรงเตี้ยแน่นขนัด แบ่งแยกชายหญิงขุนนางเก่งกาจทั้งชราและหนุ่มแน่นนั่งลดหลั่นตามขั้น ตรงกันข้ามพรมแดงกางกั้นคือฮูหยินของพวก
อีกด้านหนึ่งของงานเลี้ยงลู่หลิ่งกับนางกำนัลพี่เลี้ยงและซูเหยาเล่นอยู่ด้วยกันกระทั่งเด็กน้อยหลับใหล ซานซานจึงพาบุตรสาวเข้านอนแต่หัวค่ำหญิงสาวเลือกที่จะดึงสติคืนปัดเรื่องน่ารำคาญใจออกไป แล้วเตรียมตัวบรรเลงพิณตามที่ได้เสนอกับหลี่กุ้ยเฟยเมื่อถึงเวลางานเลี้ยง ซานซานก็เดินทางจากเรือนพักออกมารออยู่เบื้องหลังฉากกั้นในห้องหนึ่งพร้อมกับนางรำคนอื่นๆภายในห้องแห่งนี้มีหญิงสาวแต่งกายยั่วยวนเดินบิดเอวกรีดกรายส่ายบั้นท้ายเต็มไปหมด ชุดที่สวมใส่ทั้งบางทั้งพลิ้วไหวและแนบเนื้อ เปิดเผยลำแขนขาวผ่องลำคอระหงเนินเนื้ออวบอิ่ม ซานซานให้รู้สึกว่าตนเองเข้าผิดห้องเหลือเกิน เพราะคืนนี้นางแต่งกายได้ผิดแผก ด้วยชุดพระราชทานจากหลี่กุ้ยเฟยเนื้อผ้าที่หญิงสาวใส่แม้หรูหราสีอ่อนหวานลวดลายลงตัวและโดดเด่นสะดุดตาไม่น้อย แต่ค่อนข้างมิดชิด หาได้เปิดเปลือยเนื้อหนังไม่ ใบหน้ายังแต้มชาดแค่พอดีไม่ยั่วยวนเกินไปเพราะมีลูกแล้วจึงไม่ต้องการทำตัวเฉิดฉายเกินงาม ปล่อยให้พวกสาวสะพรั่งได้มีโอกาสเจิดจรัสบ้างจะเป็นไรซานซานประคองพิณเข้ามานั่งลงยังมุมหนึ่งของห้อง พลางทำความเข้าใจตามรายละเอียดที่ได้รับจากขันทีผู้ดูแลแท้จริงวังหลวงแห่งนี้
ซึ่งแท้จริงแล้ว ใครสูงใครต่ำ ซานซานมิได้สนใจ เพียงแต่การถูกจัดลำดับให้ขึ้นแสดงต่างหาก ที่ทำให้หงุดหงิดเพราะนักแสดงมืออาชีพในห้องนี้ถูกสั่งให้แสดงหลังจากคุณหนูในงานแสดงจนหมดแล้วทุกคน และที่สำคัญ ลำดับของซานซานยังเป็นลำดับสุดท้ายต่อจากนางรำคนท้ายที่สุดอีกชั้นจะบ้าตาย...คุณหนูมากมายปานนั้น เวลาที่ใช้แสดงความสามารถก็นานเนิ่น ยังมีต่อกลอนหวานเลี่ยน โต้คารมไปมากว่านางจะได้ขึ้นแสดง ทุกคนคงเมาหลับหรือไม่ก็เริ่มทยอยกลับกันหมดซานซานขมวดคิ้วใคร่ครวญโดยละเอียด ในที่สุดก็ลุกขึ้นแล้วเดินมายืนกลางห้อง ยกมือขึ้นตบแรงๆ เพื่อเรียกความสนใจผลที่ได้คือนางรำหันมามองซานซานทุกคน“พี่น้องคนงามทั้งหลาย” เส้นเสียงกังวานที่เรียกขานทำเอาสาวงามขนลุกซู่ “การแสดงศาสตร์ศิลป์แต่ละครั้ง พวกท่านแยกกันแสดงตามลำดับก่อนหลังครั้งละสามสี่คนถูกต้องไหม?”เรื่องนี้ซานซานอ่านระเบียบการแสดงมาก่อนหน้า จึงรู้ได้“ถูกต้อง” นางรำคนหนึ่งตอบคำ “เจ้าสงสัยอันใดหรือ?”ซานซานมิได้ตอบคำถามนั้น แต่ถามกลับว่า “เช่นนั้น ค่าตอบแทนเล่า ได้อย่างไร?”นางรำอีกคนตอบบ้าง “ได้ไม่เท่ากันอยู่แล้ว แต่ละรอบที่ขึ้นแสดง ความโปรดปรานย่อมไม่เท่าเทียม คน
หญิงสาวนางหนึ่งอายุราวยี่สิบปีค่อยๆ เผยโฉมออกมาจากกลุ่ม แล้วถามว่า “เจ้าคือคนของวังหลวงใช่หรือไม่? คิดใช้อำนาจข่มเหงพวกเราหรือไร?”ซานซานขมวดคิ้ววูบ “ข้ามิใช่คนของใครทั้งนั้น ไม่มีเหตุผลใดต้องข่มเหงเจ้า แค่มีวิธีดีๆ ให้ได้เงินง่ายๆ แบบทั่วถึงกัน”หญิงสาวคนเดิมจึงเดินมายืนประจันหน้ากับซานซาน นางมีผิวขาวราวหิมะ แต่งกายด้วยผ้าเนื้อบางเผยสัดส่วนชัดเจน ใบหน้ารูปไข่งดงามอ่อนหวานเย้ายวนอย่างที่สุด สะคราญโฉมพิลาศล้ำยิ่งกว่าองค์หญิงต้าถังด้วยซ้ำหญิงงามกล่าวกับซานซานด้วยน้ำเสียงแว่วหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า “ข้านามว่าหยุนผิง มือพิณ ทุกครั้งที่ขึ้นแสดงฝีมือ ข้าได้รับความโปรดปรานที่สุด เรียกเงินได้มากที่สุด แต่ก็เหน็ดเหนื่อยกับการเอาตัวรอดจากขุนนางบางคนที่คิดจะติดพันเพื่อซื้อตัวเข้าจวนที่สุดเช่นกัน หากเจ้าช่วยให้ข้าลดความเสี่ยงตรงนั้นได้ โดยที่ค่าตอบแทนไม่ลดลงจากที่เคยรับ ข้าก็ยินดีมอบหน้าที่ดูแลน้องสาวทุกคนในที่นี้ของข้าให้เจ้า”“พี่ผิง!” นางรำทุกคนอุทานอย่างตกใจหยุนผิงยกมือห้ามบรรดาน้องสาวมิให้โวยวาย แล้วกล่าวต่ออย่างใจเย็น “แต่หากเจ้าทำมิได้ ด้วยความงามของข้า รวมกับการได้รับเชิญขึ้นแสดงเพลงพิณ
งานเลี้ยงดำเนินไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่นมีการสนทนาระหว่างฮ่องเต้ องค์ชาย องค์หญิง ขุนนางทั้งหลายฝ่ายบุรุษต่างมีสีหน้ารื่นรมย์เพราะถือเป็นโอกาสได้สำเริงสำราญเต็มที่ มีสตรีงดงามให้ได้ยล ทั้งยังสูงส่งมากความสามารถฝ่ายสตรียิ่งเบิกบานเพราะได้เปิดหูเปิดตาร่วมประชันโฉมและแสดงฝีมือหลังจากที่ต้องอดทนบ่มเพาะตัวตนแค่ในเรือนหัวข้อที่เสวนาล้วนแต่เป็นการสรรเสริญเยินยอประจบสอพลอ ยังมีต่อด้วยการโต้ตอบไปมาระหว่างอริที่เสแสร้งเป็นพันธมิตรนอกจากนั้นเรื่องที่คุยกันก็ไม่พ้นว่าบุตรชายหรือบุตรสาวบ้านใดเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน อายุเท่าไหร่มีความสามารถอันใด พร้อมออกเรือนหรือไม่ท่ามกลางถ้อยวาจาและเสียงหัวเราะที่แลกเปลี่ยนกัน มีเพียงบุรุษชุดม่วงขลิบทองยังคงเก็บอาการเบื่อหน่ายต่องานเช่นนี้เอาไว้ได้อย่างแนบเนียนด้วยท่าทางสุขุมนุ่มลึกใบหน้าหล่อเหลาซ่อนความเย็นชาในดวงตาคู่ดำด้วยการหลุบลงต่ำมองเพียงปลายนิ้วที่ไล้วนบนจอกเหล้าในมือขณะยกขึ้นจรดริมฝีปากเพื่อดื่มลงคอ ในใจของจ้าวเหว่ยที่เคยราบเรียบบัดนี้คล้ายมีระลอกคลื่นบางเบาเมื่อนึกถึงเรื่องราวบางประการภาพภายในห้องขังคุกหลวงอันมืดมิดปราศจากผู้อื่น ยามที่เจี้ยนจื้อห
ยิ่งคิดเรียวคิ้วบุรุษยิ่งขมวดมุ่นจนเป็นปมยากคลายตัว ขัดแย้งกับบรรยากาศอันแช่มชื่นรอบกายเต็มทีหากปล่อยให้ซานซานเข้าใจผิดเรื่องเหย่หนิวต่อไป บางทีอาจจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย อย่างน้อยนางย่อมไม่ถูกเพ่งเล็ง ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากเสด็จแม่ต่อไปให้อู๋เจี๋ยได้รับผลกรรมเป็นเหย่หนิว ถูกซานซานเกลียดชัง ถูกคนรักเข้าใจผิดมหันต์ไปเช่นนั้น รอจนกว่าซานซานหายโกรธ เขาย่อมปล่อยอู๋เจี๋ยออกมาส่วนตัวเขาก็จะกลายเป็นชายหนุ่มคนใหม่ที่เข้าหานาง เป็นรัชทายาทสูงศักดิ์ผู้เพียบพร้อม เหนือชั้นกว่าเหย่หนิวทุกอย่างส่วนหลิ่งเอ๋อร์ก็เป็นองค์หญิงตัวน้อยช่วยกุมหัวใจของเสด็จแม่อยู่อีกทางให้เวลาบ่มเพาะความรักขึ้นมาใหม่แอบคบหากันไปก่อน รอกระทั่งเขาได้ขึ้นครองราชย์ มีอำนาจสิทธิ์ขาดค่อยว่ากันภายใต้สีหน้าราบเรียบเฉยชาไร้อารมณ์ รัชทายาทหนุ่มยิ่งคิดยิ่งร้อนรุ่มดังมีไฟสุมอยู่ในทรวงอก จนเลือดเดือดพล่าน เพราะเรื่องแรกที่เขาคิดการณ์ คือต้องจัดการซานซานให้ได้ก่อนดูเถิดว่าเขาจะเกี้ยวนางได้หรือไม่?ขณะที่จ้าวเหว่ยได้ข้อสรุปที่เรียกได้ว่าชั่วร้ายเพื่อภรรยา เสียงปรบมือเปิดงานด้วยการแสดงจากหอนางรำเลื่องชื่อก็เริ่มขึ้นสตรีงดงาม
การตกอยู่ในภวังค์เช่นนี้ราวกับเป็นเวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ในความรู้สึก โดยมีซานซานทำตัวคล้ายหมอกมารไอปีศาจไร้ตัวตน นางคอยควบคุมบงการทุกคนได้อย่างเหนือชั้น ไร้ใครสังเกตและต้านทาน เครื่องมือคือหยุนผิงผู้โดดเด่นและนางรำทั้งหลายที่งดงามพร้อมครอบครองดลบันดาลเนิ่นนานผ่านไปเสียงพิณค่อยๆ แผ่วจาง แล้วหยุดลงในที่สุด ทุกคนพลันบังเกิดความรู้สึกนึกคะนึงหา มิอาจแยกจาก หากเพลงพิณรุนแรงกว่านี้เกรงว่าพวกเขาคงน้ำตาไหลพรากทว่าเมื่อได้สติกลับคืนปรากฏว่านางรำสิบกว่าคนกำลังพากันทยอยกรีดกรายจากไปคล้ายหมู่ภมรอิ่มน้ำหวานกลับถิ่น พริบตาคงเหลือเพียงมือพิณสองนางยอบกายแนบพื้นนอบน้อมตามธรรมเนียมปฏิบัติของแคว้นต้าถัง ผู้ดีดพิณย่อมอยู่ต่อเพื่อรอรับรางวัลจากผู้ชมชั่วขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ต้องมนต์จนเงียบงัน ยามนั้นองค์รัชทายาทพลันได้สติกลับมาคนแรกชายหนุ่มคล้ายหลุดจากท่าทีสุขุมนุ่มลึกอันเย็นชาถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วปรบมืออย่างช้าๆ เผยสีหน้าชื่นชมอารมณ์ดี ท่าทางประหนึ่งถูกครอบงำตราตรึงจากบางสิ่งจ้าวเหว่ยผู้ไม่เคยให้ความสนใจในการแสดงครั้งใดกลับแสดงว่าชมชอบการแสดงชุดนี้จนออกนอกหน้า ทุกคนจึงได้รู้ตัวได้สติกลับคืนมา
บนแท่นประทับมังกร ฮ่องเต้ตรัสกับขันทีด้านหลัง“พาแม่นางฮวาไคไปพำนักในห้อง รอพาตัวเข้าวังบูรพา”ขันทีค้อมกายน้อมรับคำสั่ง “พ่ะย่ะค่ะ”ถ้อยวาจาเหล่านี้ยังคงเรียกรอยยิ้มบางเบาให้ประดับบนใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวเหว่ยเช่นเคย เขาลุกขึ้นยืนประสานมือแล้วเอ่ยกับพระบิดาทันที“ขอบพระทัยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพึงใจกับรางวัลในค่ำคืนนี้ เพียงแต่สตรีที่ปรบมือให้ หาใช่แม่นางผู้นั้นไม่ รางวัลก็ควรเปลี่ยนไป เป็นนางผู้นี้”ฮ่องเต้ขมวดพระขนง ปรายพระเนตรมองบุตรชาย “หืม?”โซวอ๋องชะงักนิ่ง หยุนผิงยอบกายแข็งค้างจ้าวเหว่ยเน้นอีกครั้งปรายสายตาไปทางซานซาน“เป็นนางพ่ะย่ะค่ะ”ยามนั้นทุกคนถึงได้สังเกตเห็นซานซานที่เดิมทีคล้ายวิญญาณ ประหนึ่งหมอกควันที่เห็นเพียงเลือนลางเวลาก่อนหน้านี้นับว่าเนิ่นนานทีเดียวที่หญิงสาวถูกความงามของหยุนผิงบดบังเอาไว้จนมิดชิดนางแค่อยู่ตามธรรมเนียมเพื่อรอรับรางวัล มิคาดฝันว่าจักกลายเป็นรางวัลเสียเอง...โซวอ๋องให้นึกกังขา จึงปรับสีหน้าตึงเครียดให้ราบเรียบดุจเดิมพลางเอ่ยด้วยเสียงทุ้มนุ่มเผยแววหยอกเอินว่า“การแสดงชุดใหญ่เพียงนี้ เหตุใดนางถึงได้รับความชอบเพียงผู้เดียวเล่า มีสิ่งใดพิเศษกระนั้
ค่ำคืนยาวนาน งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปจ้าวเหว่ยนั่งลงมองเพียงปลายนิ้วมือที่ไล้วนจอกเหล้าด้วยความเบื่อหน่ายอีกครั้ง รอเวลาอันเชื่องช้าเคลื่อนผ่านอย่างเงียบงัน ในใจคิดถึงแต่ใครบางคนอันเป็นรางวัลแห่งค่ำคืนและแล้วภายใต้ใบหน้าอันแสนจะเย็นชา รัชทายาทหนุ่มพลันได้แผนการใหม่ในการจัดการกับภรรยาในใจปรารถนาให้สิ้นสุดงานเลี้ยงโดยไวการเสวนาโต้ตอบระหว่างฮ่องเต้กับบรรดาขุนนางยังคงมีไม่ขาดสาย พร้อมเชื้อเชิญกึ่งท้าประชันฝีมือระหว่างตระกูลด้วยการนำเสนอความสามารถของบุคคลชั้นสูงคุณหนูแต่ละคนได้รับการสนับสนุนให้ออกมาแสดงฝีมือกลางลานกว้าง เปลี่ยนทุกการแสดงจากการมอบความสำราญเป็นแสดงความสามารถอันหาได้ยากยิ่งแทน มีทั้งการบรรเลงพิณ แต่งโคลงต่อกลอน และร่ายรำเมื่อการแสดงรอบนี้เป็นสตรีชั้นสูง กระทั่งการร่ายรำบิดเอวส่ายสะโพกจึงมิใช่เป็นการแสดงชั้นต่ำ อีกทั้งยังสูงส่งเทียมฟ้าทุกนางล้วนงดงามสะกดสายตา ยิ่งชาติตระกูลสูงศักดิ์ ยิ่งกลายร่างเป็นโฉมสะคราญหยาดฟ้าแต่ละนางอวดโฉมในด้านที่ดีที่สุดให้องค์รัชทายาทได้ยล พยายามดึงดูดเขาด้วยรูปโฉมและฝีมือในศาสตร์ทุกแขนงเวลาแห่งค่ำคืนค่อยๆ ดำเนินไปช้าๆ ระหว่างนั้นซานซานก็กล
บรรดาคุณหนูในงานต่างโล่งใจที่เป็นซานซาน เพราะสตรีผู้นี้ย่อมไม่อาจได้รับสิทธิ์ปีนเตียงรัชทายาท หรือต่อให้ร่วมวสันต์จริง ก็ยังต้องเป็นได้แค่สาวใช้อุ่นเตียงไร้ค่า บนแท่นประทับ โอรสสวรรค์ยังคงแย้มพระสรวลน้อยๆ พระองค์ตรัสแล้วย่อมไม่อาจคืนคำ ในเมื่อประกาศแล้วว่าจะมอบรางวัลให้บุตรชาย ก็ควรต้องเป็นไป “เช่นนั้น เจ้า...” ฮ่องเต้ชี้นิ้วไปทางซานซาน “รั้งอยู่...”เบื้องหน้าคือองค์จักรพรรดิผู้มีอำนาจล้นฟ้า ถัดมายังเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงส่ง รอบด้านยังมีแต่ชนชั้นสูงศักดิ์ ซานซานที่เป็นสตรีผู้น้อยต้อยต่ำมีหรือจะปฏิเสธได้ หญิงสาวจึงยอบกายแนบพื้นน้อมรับเสียงเบา มิอาจเป็นอื่นสิ้นคำตรัสฮ่องเต้ จ้าวเหว่ยเพียงตอบรับเสียงเรียบ “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”ครานี้หลี่กุ้ยเฟยคลายหัวคิ้ว ยกยิ้มงาม เพราะเป็นซานซานย่อมดีกว่านางรำแปลกหน้า คนกันเองทั้งนั้น ไว้ใจได้เหตุที่หลี่ฮุ่ยเยี่ยนไว้ใจซานซานมิใช่เพียงแค่นั้น แต่เป็นเพราะซานซานชอบเพียงเงินทอง ไม่ฝักใฝ่อำนาจ ไม่เป็นอันตรายต่อตำแหน่งรัชทายาทของจ้าวเหว่ยแน่นอนปราศจากเสียงคัดค้าน มีเพียงสายตายอมรับได้ รอบด้านมิได้ริษยาซานซานเทียบเท่าหยุนผิงที่งามเลิศล้ำ สายตาคล้าย
บนแท่นประทับมังกร ฮ่องเต้ตรัสกับขันทีด้านหลัง“พาแม่นางฮวาไคไปพำนักในห้อง รอพาตัวเข้าวังบูรพา”ขันทีค้อมกายน้อมรับคำสั่ง “พ่ะย่ะค่ะ”ถ้อยวาจาเหล่านี้ยังคงเรียกรอยยิ้มบางเบาให้ประดับบนใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวเหว่ยเช่นเคย เขาลุกขึ้นยืนประสานมือแล้วเอ่ยกับพระบิดาทันที“ขอบพระทัยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพึงใจกับรางวัลในค่ำคืนนี้ เพียงแต่สตรีที่ปรบมือให้ หาใช่แม่นางผู้นั้นไม่ รางวัลก็ควรเปลี่ยนไป เป็นนางผู้นี้”ฮ่องเต้ขมวดพระขนง ปรายพระเนตรมองบุตรชาย “หืม?”โซวอ๋องชะงักนิ่ง หยุนผิงยอบกายแข็งค้างจ้าวเหว่ยเน้นอีกครั้งปรายสายตาไปทางซานซาน“เป็นนางพ่ะย่ะค่ะ”ยามนั้นทุกคนถึงได้สังเกตเห็นซานซานที่เดิมทีคล้ายวิญญาณ ประหนึ่งหมอกควันที่เห็นเพียงเลือนลางเวลาก่อนหน้านี้นับว่าเนิ่นนานทีเดียวที่หญิงสาวถูกความงามของหยุนผิงบดบังเอาไว้จนมิดชิดนางแค่อยู่ตามธรรมเนียมเพื่อรอรับรางวัล มิคาดฝันว่าจักกลายเป็นรางวัลเสียเอง...โซวอ๋องให้นึกกังขา จึงปรับสีหน้าตึงเครียดให้ราบเรียบดุจเดิมพลางเอ่ยด้วยเสียงทุ้มนุ่มเผยแววหยอกเอินว่า“การแสดงชุดใหญ่เพียงนี้ เหตุใดนางถึงได้รับความชอบเพียงผู้เดียวเล่า มีสิ่งใดพิเศษกระนั้
การตกอยู่ในภวังค์เช่นนี้ราวกับเป็นเวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ในความรู้สึก โดยมีซานซานทำตัวคล้ายหมอกมารไอปีศาจไร้ตัวตน นางคอยควบคุมบงการทุกคนได้อย่างเหนือชั้น ไร้ใครสังเกตและต้านทาน เครื่องมือคือหยุนผิงผู้โดดเด่นและนางรำทั้งหลายที่งดงามพร้อมครอบครองดลบันดาลเนิ่นนานผ่านไปเสียงพิณค่อยๆ แผ่วจาง แล้วหยุดลงในที่สุด ทุกคนพลันบังเกิดความรู้สึกนึกคะนึงหา มิอาจแยกจาก หากเพลงพิณรุนแรงกว่านี้เกรงว่าพวกเขาคงน้ำตาไหลพรากทว่าเมื่อได้สติกลับคืนปรากฏว่านางรำสิบกว่าคนกำลังพากันทยอยกรีดกรายจากไปคล้ายหมู่ภมรอิ่มน้ำหวานกลับถิ่น พริบตาคงเหลือเพียงมือพิณสองนางยอบกายแนบพื้นนอบน้อมตามธรรมเนียมปฏิบัติของแคว้นต้าถัง ผู้ดีดพิณย่อมอยู่ต่อเพื่อรอรับรางวัลจากผู้ชมชั่วขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ต้องมนต์จนเงียบงัน ยามนั้นองค์รัชทายาทพลันได้สติกลับมาคนแรกชายหนุ่มคล้ายหลุดจากท่าทีสุขุมนุ่มลึกอันเย็นชาถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วปรบมืออย่างช้าๆ เผยสีหน้าชื่นชมอารมณ์ดี ท่าทางประหนึ่งถูกครอบงำตราตรึงจากบางสิ่งจ้าวเหว่ยผู้ไม่เคยให้ความสนใจในการแสดงครั้งใดกลับแสดงว่าชมชอบการแสดงชุดนี้จนออกนอกหน้า ทุกคนจึงได้รู้ตัวได้สติกลับคืนมา
ยิ่งคิดเรียวคิ้วบุรุษยิ่งขมวดมุ่นจนเป็นปมยากคลายตัว ขัดแย้งกับบรรยากาศอันแช่มชื่นรอบกายเต็มทีหากปล่อยให้ซานซานเข้าใจผิดเรื่องเหย่หนิวต่อไป บางทีอาจจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย อย่างน้อยนางย่อมไม่ถูกเพ่งเล็ง ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากเสด็จแม่ต่อไปให้อู๋เจี๋ยได้รับผลกรรมเป็นเหย่หนิว ถูกซานซานเกลียดชัง ถูกคนรักเข้าใจผิดมหันต์ไปเช่นนั้น รอจนกว่าซานซานหายโกรธ เขาย่อมปล่อยอู๋เจี๋ยออกมาส่วนตัวเขาก็จะกลายเป็นชายหนุ่มคนใหม่ที่เข้าหานาง เป็นรัชทายาทสูงศักดิ์ผู้เพียบพร้อม เหนือชั้นกว่าเหย่หนิวทุกอย่างส่วนหลิ่งเอ๋อร์ก็เป็นองค์หญิงตัวน้อยช่วยกุมหัวใจของเสด็จแม่อยู่อีกทางให้เวลาบ่มเพาะความรักขึ้นมาใหม่แอบคบหากันไปก่อน รอกระทั่งเขาได้ขึ้นครองราชย์ มีอำนาจสิทธิ์ขาดค่อยว่ากันภายใต้สีหน้าราบเรียบเฉยชาไร้อารมณ์ รัชทายาทหนุ่มยิ่งคิดยิ่งร้อนรุ่มดังมีไฟสุมอยู่ในทรวงอก จนเลือดเดือดพล่าน เพราะเรื่องแรกที่เขาคิดการณ์ คือต้องจัดการซานซานให้ได้ก่อนดูเถิดว่าเขาจะเกี้ยวนางได้หรือไม่?ขณะที่จ้าวเหว่ยได้ข้อสรุปที่เรียกได้ว่าชั่วร้ายเพื่อภรรยา เสียงปรบมือเปิดงานด้วยการแสดงจากหอนางรำเลื่องชื่อก็เริ่มขึ้นสตรีงดงาม
งานเลี้ยงดำเนินไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่นมีการสนทนาระหว่างฮ่องเต้ องค์ชาย องค์หญิง ขุนนางทั้งหลายฝ่ายบุรุษต่างมีสีหน้ารื่นรมย์เพราะถือเป็นโอกาสได้สำเริงสำราญเต็มที่ มีสตรีงดงามให้ได้ยล ทั้งยังสูงส่งมากความสามารถฝ่ายสตรียิ่งเบิกบานเพราะได้เปิดหูเปิดตาร่วมประชันโฉมและแสดงฝีมือหลังจากที่ต้องอดทนบ่มเพาะตัวตนแค่ในเรือนหัวข้อที่เสวนาล้วนแต่เป็นการสรรเสริญเยินยอประจบสอพลอ ยังมีต่อด้วยการโต้ตอบไปมาระหว่างอริที่เสแสร้งเป็นพันธมิตรนอกจากนั้นเรื่องที่คุยกันก็ไม่พ้นว่าบุตรชายหรือบุตรสาวบ้านใดเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน อายุเท่าไหร่มีความสามารถอันใด พร้อมออกเรือนหรือไม่ท่ามกลางถ้อยวาจาและเสียงหัวเราะที่แลกเปลี่ยนกัน มีเพียงบุรุษชุดม่วงขลิบทองยังคงเก็บอาการเบื่อหน่ายต่องานเช่นนี้เอาไว้ได้อย่างแนบเนียนด้วยท่าทางสุขุมนุ่มลึกใบหน้าหล่อเหลาซ่อนความเย็นชาในดวงตาคู่ดำด้วยการหลุบลงต่ำมองเพียงปลายนิ้วที่ไล้วนบนจอกเหล้าในมือขณะยกขึ้นจรดริมฝีปากเพื่อดื่มลงคอ ในใจของจ้าวเหว่ยที่เคยราบเรียบบัดนี้คล้ายมีระลอกคลื่นบางเบาเมื่อนึกถึงเรื่องราวบางประการภาพภายในห้องขังคุกหลวงอันมืดมิดปราศจากผู้อื่น ยามที่เจี้ยนจื้อห
หญิงสาวนางหนึ่งอายุราวยี่สิบปีค่อยๆ เผยโฉมออกมาจากกลุ่ม แล้วถามว่า “เจ้าคือคนของวังหลวงใช่หรือไม่? คิดใช้อำนาจข่มเหงพวกเราหรือไร?”ซานซานขมวดคิ้ววูบ “ข้ามิใช่คนของใครทั้งนั้น ไม่มีเหตุผลใดต้องข่มเหงเจ้า แค่มีวิธีดีๆ ให้ได้เงินง่ายๆ แบบทั่วถึงกัน”หญิงสาวคนเดิมจึงเดินมายืนประจันหน้ากับซานซาน นางมีผิวขาวราวหิมะ แต่งกายด้วยผ้าเนื้อบางเผยสัดส่วนชัดเจน ใบหน้ารูปไข่งดงามอ่อนหวานเย้ายวนอย่างที่สุด สะคราญโฉมพิลาศล้ำยิ่งกว่าองค์หญิงต้าถังด้วยซ้ำหญิงงามกล่าวกับซานซานด้วยน้ำเสียงแว่วหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า “ข้านามว่าหยุนผิง มือพิณ ทุกครั้งที่ขึ้นแสดงฝีมือ ข้าได้รับความโปรดปรานที่สุด เรียกเงินได้มากที่สุด แต่ก็เหน็ดเหนื่อยกับการเอาตัวรอดจากขุนนางบางคนที่คิดจะติดพันเพื่อซื้อตัวเข้าจวนที่สุดเช่นกัน หากเจ้าช่วยให้ข้าลดความเสี่ยงตรงนั้นได้ โดยที่ค่าตอบแทนไม่ลดลงจากที่เคยรับ ข้าก็ยินดีมอบหน้าที่ดูแลน้องสาวทุกคนในที่นี้ของข้าให้เจ้า”“พี่ผิง!” นางรำทุกคนอุทานอย่างตกใจหยุนผิงยกมือห้ามบรรดาน้องสาวมิให้โวยวาย แล้วกล่าวต่ออย่างใจเย็น “แต่หากเจ้าทำมิได้ ด้วยความงามของข้า รวมกับการได้รับเชิญขึ้นแสดงเพลงพิณ
ซึ่งแท้จริงแล้ว ใครสูงใครต่ำ ซานซานมิได้สนใจ เพียงแต่การถูกจัดลำดับให้ขึ้นแสดงต่างหาก ที่ทำให้หงุดหงิดเพราะนักแสดงมืออาชีพในห้องนี้ถูกสั่งให้แสดงหลังจากคุณหนูในงานแสดงจนหมดแล้วทุกคน และที่สำคัญ ลำดับของซานซานยังเป็นลำดับสุดท้ายต่อจากนางรำคนท้ายที่สุดอีกชั้นจะบ้าตาย...คุณหนูมากมายปานนั้น เวลาที่ใช้แสดงความสามารถก็นานเนิ่น ยังมีต่อกลอนหวานเลี่ยน โต้คารมไปมากว่านางจะได้ขึ้นแสดง ทุกคนคงเมาหลับหรือไม่ก็เริ่มทยอยกลับกันหมดซานซานขมวดคิ้วใคร่ครวญโดยละเอียด ในที่สุดก็ลุกขึ้นแล้วเดินมายืนกลางห้อง ยกมือขึ้นตบแรงๆ เพื่อเรียกความสนใจผลที่ได้คือนางรำหันมามองซานซานทุกคน“พี่น้องคนงามทั้งหลาย” เส้นเสียงกังวานที่เรียกขานทำเอาสาวงามขนลุกซู่ “การแสดงศาสตร์ศิลป์แต่ละครั้ง พวกท่านแยกกันแสดงตามลำดับก่อนหลังครั้งละสามสี่คนถูกต้องไหม?”เรื่องนี้ซานซานอ่านระเบียบการแสดงมาก่อนหน้า จึงรู้ได้“ถูกต้อง” นางรำคนหนึ่งตอบคำ “เจ้าสงสัยอันใดหรือ?”ซานซานมิได้ตอบคำถามนั้น แต่ถามกลับว่า “เช่นนั้น ค่าตอบแทนเล่า ได้อย่างไร?”นางรำอีกคนตอบบ้าง “ได้ไม่เท่ากันอยู่แล้ว แต่ละรอบที่ขึ้นแสดง ความโปรดปรานย่อมไม่เท่าเทียม คน
อีกด้านหนึ่งของงานเลี้ยงลู่หลิ่งกับนางกำนัลพี่เลี้ยงและซูเหยาเล่นอยู่ด้วยกันกระทั่งเด็กน้อยหลับใหล ซานซานจึงพาบุตรสาวเข้านอนแต่หัวค่ำหญิงสาวเลือกที่จะดึงสติคืนปัดเรื่องน่ารำคาญใจออกไป แล้วเตรียมตัวบรรเลงพิณตามที่ได้เสนอกับหลี่กุ้ยเฟยเมื่อถึงเวลางานเลี้ยง ซานซานก็เดินทางจากเรือนพักออกมารออยู่เบื้องหลังฉากกั้นในห้องหนึ่งพร้อมกับนางรำคนอื่นๆภายในห้องแห่งนี้มีหญิงสาวแต่งกายยั่วยวนเดินบิดเอวกรีดกรายส่ายบั้นท้ายเต็มไปหมด ชุดที่สวมใส่ทั้งบางทั้งพลิ้วไหวและแนบเนื้อ เปิดเผยลำแขนขาวผ่องลำคอระหงเนินเนื้ออวบอิ่ม ซานซานให้รู้สึกว่าตนเองเข้าผิดห้องเหลือเกิน เพราะคืนนี้นางแต่งกายได้ผิดแผก ด้วยชุดพระราชทานจากหลี่กุ้ยเฟยเนื้อผ้าที่หญิงสาวใส่แม้หรูหราสีอ่อนหวานลวดลายลงตัวและโดดเด่นสะดุดตาไม่น้อย แต่ค่อนข้างมิดชิด หาได้เปิดเปลือยเนื้อหนังไม่ ใบหน้ายังแต้มชาดแค่พอดีไม่ยั่วยวนเกินไปเพราะมีลูกแล้วจึงไม่ต้องการทำตัวเฉิดฉายเกินงาม ปล่อยให้พวกสาวสะพรั่งได้มีโอกาสเจิดจรัสบ้างจะเป็นไรซานซานประคองพิณเข้ามานั่งลงยังมุมหนึ่งของห้อง พลางทำความเข้าใจตามรายละเอียดที่ได้รับจากขันทีผู้ดูแลแท้จริงวังหลวงแห่งนี้