เหยียนเซ่าลุกขึ้นเดินมาหาฉู่จวินสิง จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงพื้นดังตุบนอกจากฉู่จวินสิงกับเซิ่งฟางแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่ตกตะลึงกับการกระทำของเหยียนเซ่าพวกเขามองเหยียนเซ่าด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร?ได้ยินเพียงเหยียนเซ่าพูดว่า “ข้าน้อยคารวะเยียนอ๋อง”ฉู่จวินสิงพยักหน้าให้เหยียนเซ่า ก่อนจะให้เซิ่งฟางช่วยแก้มัดเจี่ยนอันอันนึกถึงเรื่องที่เซิ่งฟางเคยเล่าให้ฟังว่าบุรุษผู้นี้เคยช่วยชีวิตเขาไว้ในที่สุดนางก็เข้าใจ ที่แท้บุรุษที่มีนามว่าเหยียนเซ่าผู้นี้ก็เป็นคนของฉู่จวินสิง ฉู่จวินสิงแนะนำให้ทุกคนรู้จัก “ขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า นามว่าเหยียนเซ่า เป็นคนที่สนิทที่ข้าให้แฝงไว้ข้างกายฉู่ชางเหยียน เป็นคนที่เชื่อถือได้”เมื่อฉู่จวินสิงแนะนำเช่นนี้ ทุกคนก็เข้าใจทันทีมิน่าเล่า ฉู่จวินสิงถึงไม่คิดจะสังหารเขาสักที ซ้ำยังยืนกรานว่าจะพามาที่นี่ด้วยที่แท้ก็เป็นคนของฉู่จวินสิงเซิ่งฟางลุกขึ้นพูดกับเหยียนเซ่าด้วยความตื้นตัน “เหยียนเซ่าเว่ย ไม่พบกันนาน หากตอนนั้นท่านไม่ช่วยข้าไว้ เกรงว่าตอนนี้ข้าคงกลายเป็นวิญญาณเฝ้าเมืองอินเป่ยไปนานแล้ว”เซิ่งฟางพูดแล้วปร
สำหรับฉู่ชางเหยียนแล้ว การหนีไปของเซิ่งฟางไม่ได้มีภัยคุกคามต่อเขามากนักเป้าหมายของเขาคือสร้างผลงานครั้งยิ่งใหญ่ กลับไปแล้วจะได้โค่นล้มราชวงศ์ของฮ่องเต้องค์ก่อน แล้วขึ้นเป็นฮ่องเต้แทนใบหน้าของเหยียนเซ่ามีแผลเป็นรอยยาวนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาหลังจากฟังเรื่องราวของเหยียนเซ่าจบ ทุกคนต่างรู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญของเขาในเมื่อเหยียนเซ่าเป็นพวกเดียวกัน เช่นนั้นก็ต้องจัดหาที่พักให้เขาเช่นกันไม่ต้องรอให้ฮูหยินใหญ่พูดอะไร บ่าวรับใช้หลายคนก็เสนอว่าจะให้เหยียนเซ่ามานอนด้วยกันเหยียนเซ่าหันไปมองฉู่จวินสิง ครั้นเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าอนุญาต เขาจึงค่อยตอบตกลงด้วยความสบายใจตอนนี้ที่พักเป็นอันจัดสรรเรียบร้อย ทุกคนเพียงแค่ต้องรอให้กลิ่นอับภายในห้องจางลงก็เข้าไปพักผ่อนได้แล้วระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ลานบ้าน จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นไม่นานก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวที่หน้าลานบ้านพวกเขาถีบประตูบ้านโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงประตูบ้านหลุดร่วงลงพื้นทุกคนในครอบครัวของฉู่จวินสิงต่างก็หันไปมองมองเห็นเพียงว่าบุรุษที่จำเซิ่งฟางได้ก่อนหน้านี้เดินสืบเท้ายาวๆ เข้ามาด้านหลังมีบุรุษอีกเจ
เซิ่งฟางถือดาบเดินสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหาคนพวกนั้นด้วยความโมโหท่าทีของเขาทำให้กลุ่มคนที่กำลังทุบกำแพงต้องหวาดกลัวพวกเขากำเสียมในมือไว้แน่น ทำท่าจะเข้าปะทะกับเซิ่งฟางเดิมทีเซิ่งฟางคิดว่าตัวเองเคยมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าเมือง ไม่สมควรเป็นศัตรูกับชาวบ้านเหล่านี้แต่นี่พวกเขาคิดจะทุบทำลายก็ทุบเลย นี่มันรังแกกันเกินไปแล้วไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังปรักปรำตนอีกว่าเป็นโจรขายเมืองเซิ่งเฟิงโมโหเกินกว่าที่จะทนไหวจริงๆ เตรียมจะแทงดาบเล่มคมในมือออกไปจังหวะนี้เอง เจี่ยนอันอันเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาห้ามนางดึงตัวเซิ่งฟางเอาไว้ ไม่ให้เขาทำเรื่องที่ต้องเสียใจภายหลังเซิ่งฟางหยุดการกระทำของตัวเองและหันไปมองเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันส่ายหน้าให้เขาพร้อมกับกระซิบว่า “ข้าจัดการเอง ท่านอย่าได้ทำอะไรที่จะทำให้พวกเขานำไปต่อว่าได้”เซิ่งฟางนึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะรอบคอบขนาดนี้เขาลดกระบี่ในมือลงแล้วถอยออกไปยืนด้านข้างเจี่ยนอันอันพูดกับหญิงผิวซีดตัวผอมนางนั้น “ท่านป้าท่านนี้ พวกข้าจ่ายเงินซื้อบ้านหลังนี้มา แต่แล้วตอนนี้กลับถูกพวกท่านทุบทำลายกำแพง ต้องชดใช้เงินนะเจ้าคะ”ทั้งที่อายุเพียงยี่สิบแต่กลับถู
“พวกเจ้ามาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ยก็ฆ่าคน พวกข้าจะแจ้งทางการ”“ใช่ ต้องแจ้งทางการ ให้ทางการมาจับพวกเขาไปตัดหัวให้หมด”“ท่านปู่เฉินปล่อยให้คนพวกนี้เข้ามาที่หมู่บ้านของเราได้อย่างไร ครานี้มีคนตายแล้ว อย่าคิดว่าเขาจะรอดตัว”เจี่ยนอันอันแคะหูด้วยความรำคาญใจก่อนจะตวาดลั่น“หุบปากกันให้หมด หากยังกล้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะให้พวกเจ้ามีจุดจบแบบเดียวกับเขา!”ถ้อยคำของเจี่ยนอันอันทำให้ชาวบ้านพวกนั้นเงียบปากกันทันทีพวกเขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาเคียดแค้นแต่ไม่กล้าเข้ามาใกล้เจี่ยนอันอันเดินไปที่หญิงสาวนางนั้นแล้วใช้เท้าเตะนางพูดกับหญิงสาว “หลีกไป อย่ามานั่งเกะกะขวางทาง หากถอนพิษไม่ทัน เจ้านั่นแหละที่ต้องชดใช้ชีวิตให้เขา”หญิงสาวโกรธจนตัวสั่น นางกัดฟันกรอดแต่กลับไม่กล้าส่งเสียงใดๆนางรู้ทั้งรู้ว่าเข็มเงินนี้เป็นฝีมือของเจี่ยนอันอัน กระนั้นกลับทำได้เพียงถอยไปด้านข้างโดยไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้นหลังจากที่ดึงเข็มเงินออก เจี่ยนอันอันก็นำโอสถถอนพิษเม็ดหนึ่งจากช่องมิติออกมายัดใส่ปากซ่างชิวโอสถเม็ดละลายในปากอย่างรวดเร็วไม่นาน ซ่างชิวก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเขาร้องโอยแล้วกุมศีรษะพลางลุกขึ้นนั่ง
เขาถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน “เจ้าทำอะไรกับนาง?”เจี่ยนอันอันยักไหล่ตอบอย่างไร้เดียงสา “ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ก็แค่หักข้อมือนาง”ชาวบ้านต่างตื่นตกใจเมื่อได้ยินดังนี้เด็กสาวผู้นี้ดูแล้วอายุไม่มาก เหตุใดจึงใจคออำมหิตปานนี้นับว่าวันนี้พวกเขาเจอของยากเข้าแล้วเวลานี้มีคนไปแจ้งท่านปู่เฉินเรียบร้อยแล้วไม่นาน ท่านปู่เฉินก็เดินเข้ามาด้วยความเร่งร้อนเขามองกำแพงบ้านที่พังเสียหายไปด้านหนึ่ง มองคนสองคนที่กำลังนั่งบนพื้นท่านปู่เฉินเข้าใจทันทีและร้องตะโกนว่า “พวกเจ้ากำลังทำอะไร เหตุใดต้องสร้างปัญหาให้บ้านคนอื่นด้วย?”ซ่างชิวเห็นว่าท่านปู่เฉินมาถึงแล้วก็รีบลุกขึ้นยืนเขาอดกลั้นต่ออาการปวดแปลบในทรวงอกพร้อมกับพูดกับท่านปู่เฉิน “ท่านปู่ พวกเขาไม่เพียงคิดจะอยู่หมู่บ้านชิงสุ่ยของเราเปล่าๆ แต่ยังใช้ยาพิษกับข้า เกือบทำให้ข้าตายไปแล้ว นอกจากนี้ นังเด็กคนนี้ยังหักข้อมือของอวี้เฟิ่งด้วย”อวี้เฟิ่งวิ่งร้องไห้คร่ำครวญมาหาท่านปู่เฉิน“ท่านปู่ ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้ข้านะเจ้าคะ!”ท่านปู่เฉินมองอวี้เฟิ่งที่เอาแต่กุมข้อมือ พบว่าข้อมือของนางบวมแดงเขาไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่เมื่อค
ซ่างชิวก้าวออกมาพูดเป็นคนแรก “อวี้เฟิ่ง เจ้าพูดอะไรของเจ้า”“ก่อนหน้านี้เจ้าพูดเองว่าคนเหล่านี้มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน”“เจ้ายังบอกว่าพวกเขาขโมยแม่ไก่แก่ที่บ้านเจ้าเลี้ยงไว้มาหลายปีไปอีกต่างหาก พวกข้าถึงได้มาทวงคำอธิบายจากพวกเขา”“แต่พอมาถึงที่นี่ เจ้ากลับให้พวกข้าทุบบ้านคนอื่นเสียอย่างนั้น”ชายอีกคนก็ก้าวออกมาเหมือนกัน เขาชี้หน้าด่าทออวี้เฟิ่ง“หน็อยแน่ อวี้เฟิ่ง เจ้าช่างกลับดำเป็นขาวเก่งจริงๆ”“บ้านหลังนี้เดิมทีเป็นบ้านท่านย่าหลี่ เจ้ายังพูดว่าเจ้าสนิทกับท่านย่าหลี่ที่สุดแล้ว”“ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่แล้ว เจ้าพูดว่าถึงทุบบ้านหลังนี้ทิ้งก็ไม่มีทางเป็นเรื่อง”“อะไรกัน ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว เจ้าก็ปัดความรับผิดชอบเสียหมด แล้วโยนมาให้พวกข้ารับผิดแทนอย่างนั้นรึ?”ผู้ชายคนอื่นๆ ก็เริ่มด่าทออวี้เฟิ่งเช่นกัน“ใช่แล้ว ต่อให้แจ้งความ ถ้าจะจับก็ต้องจับอวี้เฟิ่ง จะมาจับพวกเราไม่ได้”“ข้าเสียใจจริงๆ ทำไมถึงหลงเชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนี้มาทุบผนังบ้านคนอื่นได้นะ”“ข้าบอกตั้งนานแล้วว่าอย่าไปเชื่อคำนาง นางทำร้ายพวกเราจริงๆ แล้วเนี่ย”อวี้เฟิ่งมองดูพวกเขาแต่ละคนผลัดกันด่าทอนางอย่างดุเดือดจนถึ
ท่านปู่เฉินกล่าวพลางเหลือบมองเงินแท่งในมือตัวเองเขาส่งเงินไปตรงหน้าเจี่ยนอันอันแล้วกล่าวอีกครั้ง “เงินนี้ข้าคืนให้เจ้า ถือเสียว่าชดใช้เงินให้เจ้าแทนอวี้เฟิ่งก็แล้วกัน”เจี่ยนอันอันไม่คิดจะปล่อยอวี้เฟิ่งไปเช่นนี้นางกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านปู่เฉิน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”“เงินของท่าน ข้าก็จะไม่รับไว้ บอกแล้วว่านี่เป็นเงินที่ซื้อบ้านของท่าน”“ท่านเก็บไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้ท่านป้าผู้นี้ขโมยไปได้เชียวนะเจ้าคะ”ท่านปู่เฉินเห็นเจี่ยนอันอันไม่ยอมรับเงิน เขาจึงกวาดสายตามองไปทางฉู่จวินสิงและคนในครอบครัวฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาดึงตัวเจี่ยนอันอันมากระซิบว่า “ข้าว่าเลิกแล้วกันเท่านี้ดีกว่า”“อย่างไรเสียวันหน้าพวกเราก็ยังต้องอาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าพวกเราผูกความแค้นกับคนที่นี่ก็คงไม่ดี”เจี่ยนอันอันมองฮูหยินใหญ่ แล้วหันไปมองท่านปู่เฉินสุดท้าย สายตานางก็ไปตกที่ร่างอวี้เฟิ่ง“ในเมื่อฮูหยินใหญ่ของพวกข้าช่วยพูดแทนท่าน วันนี้ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”“ถ้าต่อไปเจ้ามาทำเรื่องที่เป็นผลร้ายต่อคนในครอบครัวข้าอีก ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย!”อวี้เฟิ่งจ้องเจี่ยนอันอันอย่างอึ้งๆ เนิ
ซ่างชิวอึดอัดจนหน้าซีดขาวไปหมด เขากุมอกแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเจี่ยนอันอันเสียงดัง ‘ตึง!’“ครู่ก่อนข้าผิดเอง ข้าไม่ควรหลงเชื่อเสียงลือ แม่นางโปรดให้อภัยด้วย ละเว้นข้าสักครั้งเถอะ”หลังซ่างชิวพูดจบก็เริ่มหอบหายใจอย่างรุนแรงเซิ่งฟางเห็นซ่างชิวหายใจไม่สะดวกจนเหมือนจะขาดใจเสียให้ได้เขารีบกล่าวกับเจี่ยนอันอันว่า “ให้ยาแก้พิษเขาไปก่อนเถอะ ข้ายังมีเรื่องอยากถามเขา”เจี่ยนอันอันนึกขึ้นได้ว่าซ่างชิวเอาแต่พูดว่าเซิ่งฟางเป็นโจรร้ายที่ขายเมืองอินเป่ยนางก็อยากรู้เหมือนกันว่าตกลงแล้วเป็นเรื่องอะไรกันแน่เจี่ยนอันอันหยิบยาแก้พิษออกมาจากห้วงมิติ โยนไปให้ซ่างชิวซ่างชิวรีบกินยาแก้พิษลงไปทันทีโดยไม่หยุดคิดด้วยซ้ำผ่านไปไม่นาน ลมหายใจของเขาก็ราบรื่นขึ้นมากเซิ่งฟางเห็นซ่างชิวอาการดีขึ้นมากแล้ว เขายกกระบี่ในมือขึ้นไปพาดเหนือลำคอของซ่างชิวเซิ่งฟางถามเสียงเข้ม “เจ้าเอาแต่พูดว่าข้าเป็นโจรร้ายที่ขายเมืองอินเป่ย เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”ซ่างชิวเงยหน้ามองเซิ่งฟาง ดวงตาเผยความดุร้ายชิงชัง“หึ เรื่องนี้แพร่สะพัดทั่วเมืองอินเป่ยตั้งนานแล้ว”“พวกเชื้อพระวงศ์ที่ฆ่าล้างเมืองยังติดประกาศไว้ด้วย”“บนนั้นเ