ห้องที่อยู่ด้านขวาสุดมีเตียงอุ่นสองหลัง ตรงกลางถูกคั่นด้วยกำแพงดินสามารถให้บ่าวรับใช้พักอยู่ที่ห้องนั้นได้หนึ่งห้องยกให้ครอบครัวของฉู่จวินหลุนทว่าอีกสองห้องที่เหลือกลับทำให้ฮูหยินใหญ่ลำบากใจนางกับฮูหยินรอง และญาติสายรองอีกห้าคนสามารถพักอยู่ในห้องเดียวกันนอกจากนี้ภายในห้องก็มีกำแพงกั้นเช่นกันสามารถให้ฉู่อันเจ๋อกับญาติสายรองห้าคนนั้นนอนบนเตียงอุ่นหลังเดียวกันได้แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงยังไม่ได้แต่งงานกันหากจะให้พวกเขาสองคนพักอยู่ห้องเดียวกัน เกรงว่าเจี่ยนอันอันคงไม่เห็นด้วยยิ่งไปกว่านั้นยังมีเซิ่งฟางอีกคน จะจัดหาที่พักให้เขาอย่างไรดี?ฮูหยินใหญ่กล่าวกับเจี่ยนอันอันด้วยความลำบากใจ “อันอัน เจ้าก็เห็นแล้วว่ามีห้องแค่นี้ เจ้าอยู่กับจวินสิงได้หรือไม่?”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าต้องนอนห้องเดียวกันกับฉู่จวินสิง ก็อดมองไปทางเขาไม่ได้พบว่าเขาไม่ได้มีท่าทีคัดค้านแต่อย่างใดตรงกันข้าม แววตาของฉู่จวินสิงฉายแววคาดหวังเจี่ยนอันอันก้มหน้าลง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีฮูหยินใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันไม่ตอบตกลงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆหากเป็นสมัยที่ยังอยู่จวนเยียนอ๋อง ไม่
เหยียนเซ่าลุกขึ้นเดินมาหาฉู่จวินสิง จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงพื้นดังตุบนอกจากฉู่จวินสิงกับเซิ่งฟางแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่ตกตะลึงกับการกระทำของเหยียนเซ่าพวกเขามองเหยียนเซ่าด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร?ได้ยินเพียงเหยียนเซ่าพูดว่า “ข้าน้อยคารวะเยียนอ๋อง”ฉู่จวินสิงพยักหน้าให้เหยียนเซ่า ก่อนจะให้เซิ่งฟางช่วยแก้มัดเจี่ยนอันอันนึกถึงเรื่องที่เซิ่งฟางเคยเล่าให้ฟังว่าบุรุษผู้นี้เคยช่วยชีวิตเขาไว้ในที่สุดนางก็เข้าใจ ที่แท้บุรุษที่มีนามว่าเหยียนเซ่าผู้นี้ก็เป็นคนของฉู่จวินสิง ฉู่จวินสิงแนะนำให้ทุกคนรู้จัก “ขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า นามว่าเหยียนเซ่า เป็นคนที่สนิทที่ข้าให้แฝงไว้ข้างกายฉู่ชางเหยียน เป็นคนที่เชื่อถือได้”เมื่อฉู่จวินสิงแนะนำเช่นนี้ ทุกคนก็เข้าใจทันทีมิน่าเล่า ฉู่จวินสิงถึงไม่คิดจะสังหารเขาสักที ซ้ำยังยืนกรานว่าจะพามาที่นี่ด้วยที่แท้ก็เป็นคนของฉู่จวินสิงเซิ่งฟางลุกขึ้นพูดกับเหยียนเซ่าด้วยความตื้นตัน “เหยียนเซ่าเว่ย ไม่พบกันนาน หากตอนนั้นท่านไม่ช่วยข้าไว้ เกรงว่าตอนนี้ข้าคงกลายเป็นวิญญาณเฝ้าเมืองอินเป่ยไปนานแล้ว”เซิ่งฟางพูดแล้วปร
สำหรับฉู่ชางเหยียนแล้ว การหนีไปของเซิ่งฟางไม่ได้มีภัยคุกคามต่อเขามากนักเป้าหมายของเขาคือสร้างผลงานครั้งยิ่งใหญ่ กลับไปแล้วจะได้โค่นล้มราชวงศ์ของฮ่องเต้องค์ก่อน แล้วขึ้นเป็นฮ่องเต้แทนใบหน้าของเหยียนเซ่ามีแผลเป็นรอยยาวนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาหลังจากฟังเรื่องราวของเหยียนเซ่าจบ ทุกคนต่างรู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญของเขาในเมื่อเหยียนเซ่าเป็นพวกเดียวกัน เช่นนั้นก็ต้องจัดหาที่พักให้เขาเช่นกันไม่ต้องรอให้ฮูหยินใหญ่พูดอะไร บ่าวรับใช้หลายคนก็เสนอว่าจะให้เหยียนเซ่ามานอนด้วยกันเหยียนเซ่าหันไปมองฉู่จวินสิง ครั้นเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าอนุญาต เขาจึงค่อยตอบตกลงด้วยความสบายใจตอนนี้ที่พักเป็นอันจัดสรรเรียบร้อย ทุกคนเพียงแค่ต้องรอให้กลิ่นอับภายในห้องจางลงก็เข้าไปพักผ่อนได้แล้วระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ลานบ้าน จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นไม่นานก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวที่หน้าลานบ้านพวกเขาถีบประตูบ้านโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงประตูบ้านหลุดร่วงลงพื้นทุกคนในครอบครัวของฉู่จวินสิงต่างก็หันไปมองมองเห็นเพียงว่าบุรุษที่จำเซิ่งฟางได้ก่อนหน้านี้เดินสืบเท้ายาวๆ เข้ามาด้านหลังมีบุรุษอีกเจ
เซิ่งฟางถือดาบเดินสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหาคนพวกนั้นด้วยความโมโหท่าทีของเขาทำให้กลุ่มคนที่กำลังทุบกำแพงต้องหวาดกลัวพวกเขากำเสียมในมือไว้แน่น ทำท่าจะเข้าปะทะกับเซิ่งฟางเดิมทีเซิ่งฟางคิดว่าตัวเองเคยมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าเมือง ไม่สมควรเป็นศัตรูกับชาวบ้านเหล่านี้แต่นี่พวกเขาคิดจะทุบทำลายก็ทุบเลย นี่มันรังแกกันเกินไปแล้วไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังปรักปรำตนอีกว่าเป็นโจรขายเมืองเซิ่งเฟิงโมโหเกินกว่าที่จะทนไหวจริงๆ เตรียมจะแทงดาบเล่มคมในมือออกไปจังหวะนี้เอง เจี่ยนอันอันเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาห้ามนางดึงตัวเซิ่งฟางเอาไว้ ไม่ให้เขาทำเรื่องที่ต้องเสียใจภายหลังเซิ่งฟางหยุดการกระทำของตัวเองและหันไปมองเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันส่ายหน้าให้เขาพร้อมกับกระซิบว่า “ข้าจัดการเอง ท่านอย่าได้ทำอะไรที่จะทำให้พวกเขานำไปต่อว่าได้”เซิ่งฟางนึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะรอบคอบขนาดนี้เขาลดกระบี่ในมือลงแล้วถอยออกไปยืนด้านข้างเจี่ยนอันอันพูดกับหญิงผิวซีดตัวผอมนางนั้น “ท่านป้าท่านนี้ พวกข้าจ่ายเงินซื้อบ้านหลังนี้มา แต่แล้วตอนนี้กลับถูกพวกท่านทุบทำลายกำแพง ต้องชดใช้เงินนะเจ้าคะ”ทั้งที่อายุเพียงยี่สิบแต่กลับถู
“พวกเจ้ามาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ยก็ฆ่าคน พวกข้าจะแจ้งทางการ”“ใช่ ต้องแจ้งทางการ ให้ทางการมาจับพวกเขาไปตัดหัวให้หมด”“ท่านปู่เฉินปล่อยให้คนพวกนี้เข้ามาที่หมู่บ้านของเราได้อย่างไร ครานี้มีคนตายแล้ว อย่าคิดว่าเขาจะรอดตัว”เจี่ยนอันอันแคะหูด้วยความรำคาญใจก่อนจะตวาดลั่น“หุบปากกันให้หมด หากยังกล้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะให้พวกเจ้ามีจุดจบแบบเดียวกับเขา!”ถ้อยคำของเจี่ยนอันอันทำให้ชาวบ้านพวกนั้นเงียบปากกันทันทีพวกเขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาเคียดแค้นแต่ไม่กล้าเข้ามาใกล้เจี่ยนอันอันเดินไปที่หญิงสาวนางนั้นแล้วใช้เท้าเตะนางพูดกับหญิงสาว “หลีกไป อย่ามานั่งเกะกะขวางทาง หากถอนพิษไม่ทัน เจ้านั่นแหละที่ต้องชดใช้ชีวิตให้เขา”หญิงสาวโกรธจนตัวสั่น นางกัดฟันกรอดแต่กลับไม่กล้าส่งเสียงใดๆนางรู้ทั้งรู้ว่าเข็มเงินนี้เป็นฝีมือของเจี่ยนอันอัน กระนั้นกลับทำได้เพียงถอยไปด้านข้างโดยไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้นหลังจากที่ดึงเข็มเงินออก เจี่ยนอันอันก็นำโอสถถอนพิษเม็ดหนึ่งจากช่องมิติออกมายัดใส่ปากซ่างชิวโอสถเม็ดละลายในปากอย่างรวดเร็วไม่นาน ซ่างชิวก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเขาร้องโอยแล้วกุมศีรษะพลางลุกขึ้นนั่ง
เขาถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน “เจ้าทำอะไรกับนาง?”เจี่ยนอันอันยักไหล่ตอบอย่างไร้เดียงสา “ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ก็แค่หักข้อมือนาง”ชาวบ้านต่างตื่นตกใจเมื่อได้ยินดังนี้เด็กสาวผู้นี้ดูแล้วอายุไม่มาก เหตุใดจึงใจคออำมหิตปานนี้นับว่าวันนี้พวกเขาเจอของยากเข้าแล้วเวลานี้มีคนไปแจ้งท่านปู่เฉินเรียบร้อยแล้วไม่นาน ท่านปู่เฉินก็เดินเข้ามาด้วยความเร่งร้อนเขามองกำแพงบ้านที่พังเสียหายไปด้านหนึ่ง มองคนสองคนที่กำลังนั่งบนพื้นท่านปู่เฉินเข้าใจทันทีและร้องตะโกนว่า “พวกเจ้ากำลังทำอะไร เหตุใดต้องสร้างปัญหาให้บ้านคนอื่นด้วย?”ซ่างชิวเห็นว่าท่านปู่เฉินมาถึงแล้วก็รีบลุกขึ้นยืนเขาอดกลั้นต่ออาการปวดแปลบในทรวงอกพร้อมกับพูดกับท่านปู่เฉิน “ท่านปู่ พวกเขาไม่เพียงคิดจะอยู่หมู่บ้านชิงสุ่ยของเราเปล่าๆ แต่ยังใช้ยาพิษกับข้า เกือบทำให้ข้าตายไปแล้ว นอกจากนี้ นังเด็กคนนี้ยังหักข้อมือของอวี้เฟิ่งด้วย”อวี้เฟิ่งวิ่งร้องไห้คร่ำครวญมาหาท่านปู่เฉิน“ท่านปู่ ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้ข้านะเจ้าคะ!”ท่านปู่เฉินมองอวี้เฟิ่งที่เอาแต่กุมข้อมือ พบว่าข้อมือของนางบวมแดงเขาไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่เมื่อค
ซ่างชิวก้าวออกมาพูดเป็นคนแรก “อวี้เฟิ่ง เจ้าพูดอะไรของเจ้า”“ก่อนหน้านี้เจ้าพูดเองว่าคนเหล่านี้มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน”“เจ้ายังบอกว่าพวกเขาขโมยแม่ไก่แก่ที่บ้านเจ้าเลี้ยงไว้มาหลายปีไปอีกต่างหาก พวกข้าถึงได้มาทวงคำอธิบายจากพวกเขา”“แต่พอมาถึงที่นี่ เจ้ากลับให้พวกข้าทุบบ้านคนอื่นเสียอย่างนั้น”ชายอีกคนก็ก้าวออกมาเหมือนกัน เขาชี้หน้าด่าทออวี้เฟิ่ง“หน็อยแน่ อวี้เฟิ่ง เจ้าช่างกลับดำเป็นขาวเก่งจริงๆ”“บ้านหลังนี้เดิมทีเป็นบ้านท่านย่าหลี่ เจ้ายังพูดว่าเจ้าสนิทกับท่านย่าหลี่ที่สุดแล้ว”“ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่แล้ว เจ้าพูดว่าถึงทุบบ้านหลังนี้ทิ้งก็ไม่มีทางเป็นเรื่อง”“อะไรกัน ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว เจ้าก็ปัดความรับผิดชอบเสียหมด แล้วโยนมาให้พวกข้ารับผิดแทนอย่างนั้นรึ?”ผู้ชายคนอื่นๆ ก็เริ่มด่าทออวี้เฟิ่งเช่นกัน“ใช่แล้ว ต่อให้แจ้งความ ถ้าจะจับก็ต้องจับอวี้เฟิ่ง จะมาจับพวกเราไม่ได้”“ข้าเสียใจจริงๆ ทำไมถึงหลงเชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนี้มาทุบผนังบ้านคนอื่นได้นะ”“ข้าบอกตั้งนานแล้วว่าอย่าไปเชื่อคำนาง นางทำร้ายพวกเราจริงๆ แล้วเนี่ย”อวี้เฟิ่งมองดูพวกเขาแต่ละคนผลัดกันด่าทอนางอย่างดุเดือดจนถึ
ท่านปู่เฉินกล่าวพลางเหลือบมองเงินแท่งในมือตัวเองเขาส่งเงินไปตรงหน้าเจี่ยนอันอันแล้วกล่าวอีกครั้ง “เงินนี้ข้าคืนให้เจ้า ถือเสียว่าชดใช้เงินให้เจ้าแทนอวี้เฟิ่งก็แล้วกัน”เจี่ยนอันอันไม่คิดจะปล่อยอวี้เฟิ่งไปเช่นนี้นางกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านปู่เฉิน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”“เงินของท่าน ข้าก็จะไม่รับไว้ บอกแล้วว่านี่เป็นเงินที่ซื้อบ้านของท่าน”“ท่านเก็บไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้ท่านป้าผู้นี้ขโมยไปได้เชียวนะเจ้าคะ”ท่านปู่เฉินเห็นเจี่ยนอันอันไม่ยอมรับเงิน เขาจึงกวาดสายตามองไปทางฉู่จวินสิงและคนในครอบครัวฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาดึงตัวเจี่ยนอันอันมากระซิบว่า “ข้าว่าเลิกแล้วกันเท่านี้ดีกว่า”“อย่างไรเสียวันหน้าพวกเราก็ยังต้องอาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าพวกเราผูกความแค้นกับคนที่นี่ก็คงไม่ดี”เจี่ยนอันอันมองฮูหยินใหญ่ แล้วหันไปมองท่านปู่เฉินสุดท้าย สายตานางก็ไปตกที่ร่างอวี้เฟิ่ง“ในเมื่อฮูหยินใหญ่ของพวกข้าช่วยพูดแทนท่าน วันนี้ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”“ถ้าต่อไปเจ้ามาทำเรื่องที่เป็นผลร้ายต่อคนในครอบครัวข้าอีก ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย!”อวี้เฟิ่งจ้องเจี่ยนอันอันอย่างอึ้งๆ เนิ
เจี่ยนอันอันไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วจึงก้าวยาวๆ ออกไปข้างนอกคนทั้งสี่ขึ้นไปนั่งบนรถม้าแล้วตรงไปยังจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวไม่ได้อยู่ในอำเภอไถหยาง แต่อยู่ในเมืองหลักระหว่างทางพวกเจี่ยนอันอันรู้สึกหิว แต่ตอนนี้พวกนางไม่มีกะจิตกะใจจะไปกินข้าวในร้านอาหารเลยสักนิดเจี่ยนอันอันซื้อขนมปังกับน้ำจากร้านค้าในมิติแล้วแจกจ่ายให้พวกฉู่จวินสิงสามคนพวกเขาไม่เคยเห็นขนมปังมาก่อน ต่างมองห่อขนมปังอย่างอึ้งงัน ไม่รู้ว่าควรกินอย่างไรเจี่ยนอันอันบอกพวกเขาว่าต้องฉีกซองออกเสียก่อนจึงจะสามารถกินอาหารที่อยู่ข้างในได้คนทั้งสามฉีกซองขนมปังโดยเลียนแบบท่าทางของเจี่ยนอันอันกลิ่นหอมของขนมปังลอยเข้าจมูก ประกอบกับคนทั้งสี่กำลังหิวจึงรีบกัดกินคำโตเซิ่งฟางกินพลางถามว่า “อันอัน นี่คืออะไรหรือ เหตุใดจึงนุ่มอร่อยเช่นนี้?”เจี่ยนอันอันดื่มน้ำคำหนึ่ง กลืนขนมปังในปากลงไป“นี่คือของว่างที่ข้าทำขึ้นมาในบ้าน ข้าตั้งชื่อให้มันว่าขนมปัง”“ที่ข้ายังมีอีกเยอะ พวกท่านกินให้เต็มที่”“ขนมปังค่อนข้างติดคอ พวกท่านกินน้ำตามไปด้วย”ฉู่จวินสิงเคยเห็นน้ำแร่มาก่อน เขารู้ว่าควรเปิดของสิ่งนี้อย่างไรเขาหมุน
ในปีนั้นตอนที่เกิดการสังหารหมู่ขึ้น คนในครอบครัวของจงซิ่นเองก็ไม่รอดลูกชายลูกสะใภ้ของเขา ล้วนแต่ตายในน้ำมือของศัตรูจงซิ่นเพื่อที่จะแก้แค้นให้คนในครอบครัว ก็โวยวายที่จะไปฆ่าคนในราชวงศ์ในตอนนั้นเวินอี๋พยายามห้ามเอาไว้อย่างเต็มที่ แล้วยังบอกเขาว่าด้านนอกนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าเขาจะมีแรงพละกำลังเต็มที่ ทว่าเพียงแค่สองหมัดยากจะเอาชนะสี่มือได้เขาอยากจะแก้แค้นก็ไม่ควรจะรีบร้อนในตอนนี้รอจนเมื่อดึกสงัดผู้คนเงียบสงบลง ค่อยไปแก้แค้นก็ยังไม่สายทว่าจงซิ่นในตอนนั้นถูกความแค้นท่วมท้นทำให้ตาบอดไป เขายืนกรานจะไปแก้แค้นคนที่สังหารครอบครัวเขาจงซิ่นไม่ได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของเวินอี๋ หยิบมีดเล่นยาวแล้วเดินออกไปเวินอี๋กังวลในความปลอดภัยของจงซิ่น แต่ก็ไม่อยากทิ้งจงหลานเอาไว้ที่บ้านเพียงลำพัง พ่อแม่ของจงหลานเพื่อที่จะปกป้องนางแล้ว ถึงได้ตายไปภายใต้คมมีดของศัตรูหากว่านางถูกฆ่า เกรงว่าจงซิ่นคงไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างปกติไปตลอดเพื่อที่จะปกป้องจงหลาน เวินอี๋จึงรออยู่ที่บ้านรอจนเมื่อจงซิ่นกลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่างกาย ก็มองเห็นเวินอี๋นอนอยู่กลางลานบ้านแล้วจงหลานอายุสองขวบนั่งร้อ
และในตอนที่จงซิ่นกำลังสงสัยอยู่นั้น เซิ่งฟางก็เดินเข้ามาในตอนที่รู้ว่าจะไปบ้านของจงซิ่นเพื่อช่วยคน เซิ่งฟางเองก็ไม่ได้คัดค้านฉู่จวินสิงให้จงซิ่นขึ้นมานั่งบนรถม้า ไม่นานนักก็พากันเดินทางไปยังบ้านของจงซิ่นตลอดทาง จงซิ่นอดที่จะมองไปยังเจี่ยนอันอันเป็นระยะๆ ไม่ได้เขาพบว่าเจี่ยนอันอันเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง เหมือนว่าจะมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเวินอี๋เอาไว้ทว่าไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเจี่ยนอันอันอายุยังน้อย ไม่เหมือนกับคนที่มีทักษะทางการแพทย์เจี่ยนอันอันรู้ว่าจงซิ่นกำลังสงสัยในความสามารถขอองตน แต่นางไม่ใส่ใจนางแน่ใจว่าจะรักษาร่างกายเวินอี๋ได้ระหว่างทางไปยังบ้านของจงซิ่น จงซิ่นก็ได้รู้ว่าเจี่ยนอันอันเป็นภรรยาของฉู่จวินสิงรถม้าไม่นานนักก็มาถึงประตูบ้านจงซิ่น จงซิ่นลงมาจากรถม้าก่อน เคาะประตูดังขึ้นประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยอายุราวเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งโผล่หัวออกมาเมื่อนางเห็นว่าจงซิ่นกลับมาแล้ว ก็รีบเปิดประตูเรือนขึ้น“ท่านปู่ ท่านรีบไปดูเข้า ท่านลุงเวินไม่สบายอีกแล้ว”จงซิ่นได้ยินคำนี้เข้า ก็รีบเดินเข้าไปทว่าเขาเพิ่งจะเดินไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก็ค
จงซิ่นจ้องมองฉู่จวินสิงขึ้นๆ ลงๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น“ท่านคือเยียนอ๋องคนนั้นที่ถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยหรือ?”ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจำตนเองได้ ก็พยักหน้าออกมา “เป็นข้าเอง”จงซิ่นที่เดิมขมวดคิ้วอยู่ก็ผ่อนคลายลงทันทีเขาเคยได้ยินเวินอี๋พูดออกมา เยียนอ๋องจากแคว้นไท่ยวนทั้งกล้าหาญและเก่งการสู้รบ ทำความดีความชอบให้แคว้นไท่ยวนมาไม่น้อย ส่วนวิชาลูกเตะทลายเมฆานั้น ก็เป็นเยียนอ๋องที่สร้างขึ้นมาจงซิ่นอยากจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับเขาได้ที่นี่จงซิ่นรีบกำหมัดโค้งกายทำความเคารพฉู่จวินสิง“ข้าน้อยจงซิ่น คารวะเยียนอ๋อง”ฉู่จวินสิงรีบพูดขึ้น “มาตอนนี้ข้าไม่ใช่เยียนอ๋องอะไรนั่นอีกแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องทำความเคารพอะไรเช่นนี้อีก”จงซิ่นยืดตัวขึ้น ใบหน้าค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มยินดีขึ้นมา“ข้าอยางจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่า จะมาพบกับท่านที่นี่ได้”จงซิ่นตื่นเต้นมากเช่นนี้ ทำให้ฉู่จวินสิงประหลาดใจเล็กน้อย“ผู้เฒ่าจงไปเรียนลูกเตะทลายเมฆามาจากที่ใดกัน?”วิชาเตะนี้เขาเคยสอนไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และคนคนนั้นก็ตายไปในสนามรบเมื
จ้าวลิ่วกอดความทะเยอทะยานมายังเมืองหลวง แต่ก็พบว่าที่นี้หาเงินได้ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้เดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร ในตอนที่อยู่ที่บ้านก็ไม่เคยไปทำงานที่ทุ่งนาอะไรเลยหลังจากที่มาในเมืองแล้ว เขาถึงกับอึ้งตะลึงไปโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงาม แตกต่างไปจากความสงบสุขของหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างสิ้นเชิงจ้าวลิ่วคลุกคลีอยู่ด้านนอกมาสองปี แต่กลับคลุกคลีจนกลายเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมหากว่าถูกครอบครัวจางต้าเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะดุด่าเขาว่าอย่างไรแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาจะรู้จักกับพี่ห้าของเขาได้ไม่นานจ้าวลิ่วก็โพล่งออกมา “ข้าไม่รู้จักจ้าวอู่”เขาเพิ่งจะพูดคำนี้ออกมาจบ ก็เสียใจเสียจนอยากจะกัดลิ้นของตนเองทิ้งเสียเมื่อครู่นี้เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดถึงชื่อของจ้าวอู่ แต่ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะสารภาพมันออกไปเองแล้วเจี่ยนอันอันกลอกตาไปมาให้จ้าวลิ่ว นางไม่ได้เปิดโปงเขา แต่พูดกับเซิ่งฟางออกมา“พี่เซิ่ง ท่านนำตัวเขากลับไปขังที่ว่าการอำเภอเสียก่อน”“รอจนเมื่อเรื่องของพวกเราจัดการกันเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมาสั่งสอนเขาให้ดีๆ”เซิ่งฟางพยักหน้า แล้วจ้อง
ผู้คนที่ผ่านไปมาจดจำเซิ่งฟางได้นานแล้ว แต่พวกเขาเพียงแต่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่มีใครช่วยพูดให้จ้าวลิ่วถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังโกรธแค้นอยู่ในใจเพราะเรื่องสังหารหมู่ในปีนั้นแต่พวกเขาก็ไม่ล่วงเกินเจ้าหน้าที่ทางการ ต่างก็พากันคอยเป็นผู้รับชมอยู่ด้านข้างจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าไม่มีใครคอยช่วยพูดแทนเขา ก็โมโหเป็นอย่างมาก คิดที่จะดิ้นรนให้หลุดรอดออกมาจากมือของจงซิ่นทว่ามือของจงซิ่นที่จับเขาเอาไว้ก็ยิ่งออกแรงมากยิ่งขึ้นจ้าวลิ่วเจ็บเสียจนต้องกัดฟัน ทั่วทั้งกายอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาขึ้นมาข้อมือของเขาแทบจะหัก ชายชราผู้นี้ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยเขาไปเซิ่งฟางยกมือขึ้น แล้วเหวี่ยงไปยังใบหน้าอีกด้านหนึ่งของจ้าวลิ่วสองฝ่ามือนี้ ทำเสียจนใบหน้าของจ้าวลิ่วบวมจนกลายเป็นหมูมุมปากของจ้าวลิ่วมีเลือดไหลซึมออกมาผู้คนที่ผ่านไปมาคอยดูอยู่ด้านข้าง ก็ตกใจเสียจนต้องก้าวถอยหลังไปพวกเขาต่างก็ลอบยินดีที่ตนเองไม่ได้ปากมากช่วยพูดให้กับจ้าวลิ่วมิฉะนั้นแล้วฝ่ามือนี้ เกรงว่าคงจะตกลงบนใบหน้าของพวกเขาแทนจ้าวลิ่วถูกตบเสียจนวิงเวียนดวงตาพร่ามัว ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆเขาควรจะหยิบเอาถุงเงินนั่น ไปร้านอาห
เมื่อเห็นว่ากีบม้ากำลังจะตกลงบนกายของขอทาน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องดังขึ้น“จ้าวลิ่ว เจ้าบ้านี่ไม่ต้องการชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ!”คนนั้นเมื่อพูดจบ ก็รีบพุ่งเข้ามาเตะลงบนกายของจ้าวลิ่วจ้าวลิ่วที่เดิมทีผอมบางอ่อนแรง เมื่อถูกเตะเข้าก็กลิ้งไปริมถนนกีบม้าตกลงบนถนนอย่างแรง ม้าส่งเสียงร้องดังขึ้น หลังจากที่กีบม้าเหยียบลงบนพื้นอย่างแรงเพียงไม่กี่ครั้ง ถึงได้หยุดลง ในตอนที่เจี่ยนอันอันได้ยินคนผู้นั้นเรียกขอทานว่าจ้าวลิ่วนั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้นางจำที่จ้าวอู่พูดได้ว่า เขามีน้องหกอยู่คนหนึ่งเข้ามาในเมืองเมื่อสองปีก่อนเขาตามหาน้องหกคนนั้นมาสองปีกว่า ก็ตามหาไม่พบส่วนน้องหกคนนั้นของเขา ชื่อว่าจ้าวลิ่วเจี่ยนอันอันมองไปยังจ้าวลิ่วด้วยความสงสัย พบเพียงใบหน้าของเขาสกปรกอย่างมากไม่มีทางที่จะมองรูปลักษณ์เดิมได้ชัดเจนจ้าวลิ่วลุกขึ้นมา แล้วรีบไปยังเบื้องหน้าของคนที่เตะเขาอย่างไม่ยินยอม“ตาเฒ่านี่ เตะข้าทำอะไรกัน?”“เจ้ารู้หรือไม่ที่เจ้าเพิ่งจะทำไปเมื่อครู่นี้ มาทำลายเรื่องดีๆ ของข้าไปอย่างสิ้นเชิง”เจี่ยนอันอันมองไปยังคนที่เตะจ้าวลิ่ว ก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นชา
“หวังว่าท่านจะรักษาคำพูด” เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็โบกมือขึ้น “ท่านไปได้แล้ว เรื่องที่ท่านมายังที่ว่าการอำเภอ ห้ามบอกผู้อื่น”เจ้าเมืองตานรีบตอบรับออกมา เขาหันไปมองยังเซิ่งฟาง ก็พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้กับเขาหลังจากที่เจ้าเมืองตานโค้งคำนับให้กับทั้งสี่คนแล้ว ก็รีบเดินออกไปในตอนที่เขามายังที่ว่าการอำเภอนั้น ไม่ได้นั่งเกี้ยว และก็ไม่ได้สวมเครื่องแบบทางการมา เพียงแต่สวมเสื้อผ้าธรรมดาเท่านั้นเขาเองก็กลัวว่าตนเองจะสะดุดตาจนเกินไป แล้วถูกคนของผู้ว่ามณฑลจงโจวจดจำได้เข้าหลังจากที่เดินออกจากที่ว่าการอำเภอแล้วนั้น เจ้าเมืองตานก็รีบมุ่งหน้ากลับไปยังจวนของตนเองเขาก้มหน้าเดินอย่างเร่งรีบ จนชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเจ้าเมืองตานเงยหน้าขึ้น ก็พบกับขอทานที่ทั่วทั้งเนื้อตัวสกปรกมอมแมม ถูกเขาชนจนล้มลงกับพื้นขอทานล้มลงร้อง “โอ๊ย” ออกมา ใบหน้าที่สกปรกนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเจ้าเมืองตานรีบร้อนกลับไปยังจวน จึงไม่ได้สนใจขอทานนั่น เขาส่งเสียงเย็นชา ก่อนจะรีบจากไปที่เขาไม่รู้ก็คือ ในตอนที่เขาชนเข้ากับขอทานเมื่อครู่นี้นั้น ถุงเงินตรงเอวของเขา ได้ตกไปอยู่ในมือของขอทานนั่นแล้วขอทานส่งเสียงร้องดัง “โอ๊ย”
สายตาของเจี่ยนอันอันจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของเจ้าเมืองตาน อย่างจะคิดมองหาท่าทีโกหกจากสีหน้าของเขาในตอนที่เจ้าเมืองพูดออกมานั้น สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม สายตาเผยให้เห็นความโกรธแค้นออกมาดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดโกหก สายตาของเจี่ยนอันอันดูเย็นชา จนทำให้ในใจของเจ้าเมืองตานที่มองดูเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเขาไม่กล้าที่จะสบสายตากับเจี่ยนอันอัน จึงทำได้เพียงมองไปยังทิศทางอื่นเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเย็นชา “ท่านเพิ่งจะพูดออกมาว่า ท่านสนิทชิดเชื้อกันท่านผู้ว่ามณฑลจงโจว”“แล้วทำไมท่านยังจะนำเรื่องนี้มาบอกพวกเราอีก”“ท่านไม่กลัวหรือว่าคำที่ท่านพูดออกมาเหล่านี้ จะลอยเข้าหูผู้ว่ามณฑลจงโจวเข้า?”แน่นอกว่าเจ้าเมืองตานย่อมหวาดกลัว เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากสมคบคิดกับคนชั่วอีกในตอนแรกที่เขามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ว่ามณฑลจงโจวนั้น ทั้งหมดก็เป็นเพียงเพราะว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นคนบ้านเกิดเดียวกัน เขาถือว่าผู้ว่ามณฑลเป็นคนสนิท ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะหารือกับอีกฝ่ายมาโดยตลอดเพียงแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงนั้น ผู้ว่ามณฑลจงโจวจะเข้าร่วมสมคบคิดกับคนที่มาเพื่อทำการสังหารหมู่ในปีนั้นไม่เพียงแต่เท่านี้ เขาเพื่