เซิ่งฟางถือดาบเดินสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหาคนพวกนั้นด้วยความโมโหท่าทีของเขาทำให้กลุ่มคนที่กำลังทุบกำแพงต้องหวาดกลัวพวกเขากำเสียมในมือไว้แน่น ทำท่าจะเข้าปะทะกับเซิ่งฟางเดิมทีเซิ่งฟางคิดว่าตัวเองเคยมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าเมือง ไม่สมควรเป็นศัตรูกับชาวบ้านเหล่านี้แต่นี่พวกเขาคิดจะทุบทำลายก็ทุบเลย นี่มันรังแกกันเกินไปแล้วไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังปรักปรำตนอีกว่าเป็นโจรขายเมืองเซิ่งเฟิงโมโหเกินกว่าที่จะทนไหวจริงๆ เตรียมจะแทงดาบเล่มคมในมือออกไปจังหวะนี้เอง เจี่ยนอันอันเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาห้ามนางดึงตัวเซิ่งฟางเอาไว้ ไม่ให้เขาทำเรื่องที่ต้องเสียใจภายหลังเซิ่งฟางหยุดการกระทำของตัวเองและหันไปมองเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันส่ายหน้าให้เขาพร้อมกับกระซิบว่า “ข้าจัดการเอง ท่านอย่าได้ทำอะไรที่จะทำให้พวกเขานำไปต่อว่าได้”เซิ่งฟางนึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะรอบคอบขนาดนี้เขาลดกระบี่ในมือลงแล้วถอยออกไปยืนด้านข้างเจี่ยนอันอันพูดกับหญิงผิวซีดตัวผอมนางนั้น “ท่านป้าท่านนี้ พวกข้าจ่ายเงินซื้อบ้านหลังนี้มา แต่แล้วตอนนี้กลับถูกพวกท่านทุบทำลายกำแพง ต้องชดใช้เงินนะเจ้าคะ”ทั้งที่อายุเพียงยี่สิบแต่กลับถู
“พวกเจ้ามาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ยก็ฆ่าคน พวกข้าจะแจ้งทางการ”“ใช่ ต้องแจ้งทางการ ให้ทางการมาจับพวกเขาไปตัดหัวให้หมด”“ท่านปู่เฉินปล่อยให้คนพวกนี้เข้ามาที่หมู่บ้านของเราได้อย่างไร ครานี้มีคนตายแล้ว อย่าคิดว่าเขาจะรอดตัว”เจี่ยนอันอันแคะหูด้วยความรำคาญใจก่อนจะตวาดลั่น“หุบปากกันให้หมด หากยังกล้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว ข้าจะให้พวกเจ้ามีจุดจบแบบเดียวกับเขา!”ถ้อยคำของเจี่ยนอันอันทำให้ชาวบ้านพวกนั้นเงียบปากกันทันทีพวกเขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาเคียดแค้นแต่ไม่กล้าเข้ามาใกล้เจี่ยนอันอันเดินไปที่หญิงสาวนางนั้นแล้วใช้เท้าเตะนางพูดกับหญิงสาว “หลีกไป อย่ามานั่งเกะกะขวางทาง หากถอนพิษไม่ทัน เจ้านั่นแหละที่ต้องชดใช้ชีวิตให้เขา”หญิงสาวโกรธจนตัวสั่น นางกัดฟันกรอดแต่กลับไม่กล้าส่งเสียงใดๆนางรู้ทั้งรู้ว่าเข็มเงินนี้เป็นฝีมือของเจี่ยนอันอัน กระนั้นกลับทำได้เพียงถอยไปด้านข้างโดยไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้นหลังจากที่ดึงเข็มเงินออก เจี่ยนอันอันก็นำโอสถถอนพิษเม็ดหนึ่งจากช่องมิติออกมายัดใส่ปากซ่างชิวโอสถเม็ดละลายในปากอย่างรวดเร็วไม่นาน ซ่างชิวก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเขาร้องโอยแล้วกุมศีรษะพลางลุกขึ้นนั่ง
เขาถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน “เจ้าทำอะไรกับนาง?”เจี่ยนอันอันยักไหล่ตอบอย่างไร้เดียงสา “ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ก็แค่หักข้อมือนาง”ชาวบ้านต่างตื่นตกใจเมื่อได้ยินดังนี้เด็กสาวผู้นี้ดูแล้วอายุไม่มาก เหตุใดจึงใจคออำมหิตปานนี้นับว่าวันนี้พวกเขาเจอของยากเข้าแล้วเวลานี้มีคนไปแจ้งท่านปู่เฉินเรียบร้อยแล้วไม่นาน ท่านปู่เฉินก็เดินเข้ามาด้วยความเร่งร้อนเขามองกำแพงบ้านที่พังเสียหายไปด้านหนึ่ง มองคนสองคนที่กำลังนั่งบนพื้นท่านปู่เฉินเข้าใจทันทีและร้องตะโกนว่า “พวกเจ้ากำลังทำอะไร เหตุใดต้องสร้างปัญหาให้บ้านคนอื่นด้วย?”ซ่างชิวเห็นว่าท่านปู่เฉินมาถึงแล้วก็รีบลุกขึ้นยืนเขาอดกลั้นต่ออาการปวดแปลบในทรวงอกพร้อมกับพูดกับท่านปู่เฉิน “ท่านปู่ พวกเขาไม่เพียงคิดจะอยู่หมู่บ้านชิงสุ่ยของเราเปล่าๆ แต่ยังใช้ยาพิษกับข้า เกือบทำให้ข้าตายไปแล้ว นอกจากนี้ นังเด็กคนนี้ยังหักข้อมือของอวี้เฟิ่งด้วย”อวี้เฟิ่งวิ่งร้องไห้คร่ำครวญมาหาท่านปู่เฉิน“ท่านปู่ ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้ข้านะเจ้าคะ!”ท่านปู่เฉินมองอวี้เฟิ่งที่เอาแต่กุมข้อมือ พบว่าข้อมือของนางบวมแดงเขาไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่เมื่อค
ซ่างชิวก้าวออกมาพูดเป็นคนแรก “อวี้เฟิ่ง เจ้าพูดอะไรของเจ้า”“ก่อนหน้านี้เจ้าพูดเองว่าคนเหล่านี้มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน”“เจ้ายังบอกว่าพวกเขาขโมยแม่ไก่แก่ที่บ้านเจ้าเลี้ยงไว้มาหลายปีไปอีกต่างหาก พวกข้าถึงได้มาทวงคำอธิบายจากพวกเขา”“แต่พอมาถึงที่นี่ เจ้ากลับให้พวกข้าทุบบ้านคนอื่นเสียอย่างนั้น”ชายอีกคนก็ก้าวออกมาเหมือนกัน เขาชี้หน้าด่าทออวี้เฟิ่ง“หน็อยแน่ อวี้เฟิ่ง เจ้าช่างกลับดำเป็นขาวเก่งจริงๆ”“บ้านหลังนี้เดิมทีเป็นบ้านท่านย่าหลี่ เจ้ายังพูดว่าเจ้าสนิทกับท่านย่าหลี่ที่สุดแล้ว”“ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่แล้ว เจ้าพูดว่าถึงทุบบ้านหลังนี้ทิ้งก็ไม่มีทางเป็นเรื่อง”“อะไรกัน ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว เจ้าก็ปัดความรับผิดชอบเสียหมด แล้วโยนมาให้พวกข้ารับผิดแทนอย่างนั้นรึ?”ผู้ชายคนอื่นๆ ก็เริ่มด่าทออวี้เฟิ่งเช่นกัน“ใช่แล้ว ต่อให้แจ้งความ ถ้าจะจับก็ต้องจับอวี้เฟิ่ง จะมาจับพวกเราไม่ได้”“ข้าเสียใจจริงๆ ทำไมถึงหลงเชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนี้มาทุบผนังบ้านคนอื่นได้นะ”“ข้าบอกตั้งนานแล้วว่าอย่าไปเชื่อคำนาง นางทำร้ายพวกเราจริงๆ แล้วเนี่ย”อวี้เฟิ่งมองดูพวกเขาแต่ละคนผลัดกันด่าทอนางอย่างดุเดือดจนถึ
ท่านปู่เฉินกล่าวพลางเหลือบมองเงินแท่งในมือตัวเองเขาส่งเงินไปตรงหน้าเจี่ยนอันอันแล้วกล่าวอีกครั้ง “เงินนี้ข้าคืนให้เจ้า ถือเสียว่าชดใช้เงินให้เจ้าแทนอวี้เฟิ่งก็แล้วกัน”เจี่ยนอันอันไม่คิดจะปล่อยอวี้เฟิ่งไปเช่นนี้นางกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านปู่เฉิน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า”“เงินของท่าน ข้าก็จะไม่รับไว้ บอกแล้วว่านี่เป็นเงินที่ซื้อบ้านของท่าน”“ท่านเก็บไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้ท่านป้าผู้นี้ขโมยไปได้เชียวนะเจ้าคะ”ท่านปู่เฉินเห็นเจี่ยนอันอันไม่ยอมรับเงิน เขาจึงกวาดสายตามองไปทางฉู่จวินสิงและคนในครอบครัวฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาดึงตัวเจี่ยนอันอันมากระซิบว่า “ข้าว่าเลิกแล้วกันเท่านี้ดีกว่า”“อย่างไรเสียวันหน้าพวกเราก็ยังต้องอาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าพวกเราผูกความแค้นกับคนที่นี่ก็คงไม่ดี”เจี่ยนอันอันมองฮูหยินใหญ่ แล้วหันไปมองท่านปู่เฉินสุดท้าย สายตานางก็ไปตกที่ร่างอวี้เฟิ่ง“ในเมื่อฮูหยินใหญ่ของพวกข้าช่วยพูดแทนท่าน วันนี้ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”“ถ้าต่อไปเจ้ามาทำเรื่องที่เป็นผลร้ายต่อคนในครอบครัวข้าอีก ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย!”อวี้เฟิ่งจ้องเจี่ยนอันอันอย่างอึ้งๆ เนิ
ซ่างชิวอึดอัดจนหน้าซีดขาวไปหมด เขากุมอกแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเจี่ยนอันอันเสียงดัง ‘ตึง!’“ครู่ก่อนข้าผิดเอง ข้าไม่ควรหลงเชื่อเสียงลือ แม่นางโปรดให้อภัยด้วย ละเว้นข้าสักครั้งเถอะ”หลังซ่างชิวพูดจบก็เริ่มหอบหายใจอย่างรุนแรงเซิ่งฟางเห็นซ่างชิวหายใจไม่สะดวกจนเหมือนจะขาดใจเสียให้ได้เขารีบกล่าวกับเจี่ยนอันอันว่า “ให้ยาแก้พิษเขาไปก่อนเถอะ ข้ายังมีเรื่องอยากถามเขา”เจี่ยนอันอันนึกขึ้นได้ว่าซ่างชิวเอาแต่พูดว่าเซิ่งฟางเป็นโจรร้ายที่ขายเมืองอินเป่ยนางก็อยากรู้เหมือนกันว่าตกลงแล้วเป็นเรื่องอะไรกันแน่เจี่ยนอันอันหยิบยาแก้พิษออกมาจากห้วงมิติ โยนไปให้ซ่างชิวซ่างชิวรีบกินยาแก้พิษลงไปทันทีโดยไม่หยุดคิดด้วยซ้ำผ่านไปไม่นาน ลมหายใจของเขาก็ราบรื่นขึ้นมากเซิ่งฟางเห็นซ่างชิวอาการดีขึ้นมากแล้ว เขายกกระบี่ในมือขึ้นไปพาดเหนือลำคอของซ่างชิวเซิ่งฟางถามเสียงเข้ม “เจ้าเอาแต่พูดว่าข้าเป็นโจรร้ายที่ขายเมืองอินเป่ย เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”ซ่างชิวเงยหน้ามองเซิ่งฟาง ดวงตาเผยความดุร้ายชิงชัง“หึ เรื่องนี้แพร่สะพัดทั่วเมืองอินเป่ยตั้งนานแล้ว”“พวกเชื้อพระวงศ์ที่ฆ่าล้างเมืองยังติดประกาศไว้ด้วย”“บนนั้นเ
หลังได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง ซ่างชิวก็เริ่มนึกสงสัยขึ้นมาในใจเขายังคงไม่กล้าเชื่อคำพูดของฉู่จวินสิงอยู่ดีต่อให้บนประกาศแผ่นนั้นไม่มีรอยประทับตราลัญจกรหยกก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเซิ่งฟางไม่ได้ขายเมืองอินเป่ยอยู่ดีเดิมนั้นเมืองอินเป่ยของพวกเขาเป็นเมืองอิสระแห่งหนึ่ง ไม่ได้อยู่ใต้การปกครองของฮ่องเต้แคว้นไหนผู้คนในเมืองสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระตอนนี้ประเสริฐนัก ที่นี่กลับกลายเป็นเขตปกครองของฮ่องเต้แคว้นไท่ยวนไปเสียแล้วขณะที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่เพียงแต่ไม่ปกครองเมืองอินเป่ยให้ดี แต่ยังส่งกองทัพมาประจำการที่นี่อีกต่างหากประตูเมืองปิดไว้ตลอดเวลา ไม่ปล่อยให้ชาวเมืองอินเป่ยคนไหนออกไปจากที่นี่คิดถึงตรงนี้ ซ่างชิวก็แค้นใจจนแทบจะขบฟันแตกเขามองไปทางเซิ่งฟาง เอ่ยเสียงโกรธเกรี้ยว “ต่อให้ประกาศแผ่นนี้เป็นของปลอมแล้วอย่างไร เมืองอินเป่ยย่อยยับไปแล้ว”“แต่เจ้าที่เป็นเจ้าเมือง ไยจึงยังมีชีวิตอยู่”“เจ้ากลับมาทำไม ทำไมถึงไม่ตายไปเสียข้างนอกนั่น!”เซิ่งฟางก้มหน้าเงียบงันไม่เอ่ยวาจา เขาคิดไม่ถึงว่าชื่อเสียงของตนเองในเมืองอินเป่ยจะเปลี่ยนเป็นเลวร้ายได้ถึงเพียงนี้เมื่อครู่นี้ซ่างชิวบ
ผู้ชายเหล่านั้นหยิบอีเต้อ[1]ขึ้นมาจากบนพื้น แล้วเดินออกไปจากในเรือนซ่างชิวยืนอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันให้เขาอยู่ต่อทำไมเมื่อครู่นี้เขาเห็นแล้วว่าแค่เจี่ยนอันอันแกว่งสร้องทองเส้นนั้นไม่กี่ครั้ง แววตาของชาวบ้านเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นเลื่อนลอยหัวใจเขาพลันเขม็งเกลียว ยิ่งไม่กล้าทำตัวโอหังต่อหน้าเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันชี้ไปทางประตูเรือนที่ถูกถีบจนพัง “ท่านถีบประตูบานนั้นพัง ท่านต้องรับผิดชอบซ่อมมัน”ซ่างชิวนึกว่าที่เจี่ยนอันอันให้เขาอยู่ต่อเพราะคิดจะทำร้ายตนเองคิดไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันแค่ต้องการให้เขาซ่อมประตูเรือนเขาลอบโล่งอก รีบไปซ่อมประตูเรือนทันทีประตูบานนั้นไม่ได้รับการซ่อมบำรุงมานานปี อยู่ในสภาพทรุดโทรมมาแต่แรกแล้วถึงจะติดตั้งเข้าไปใหม่ แต่ก็คงจะหลุดลงมาสักวันหนึ่งในอนาคตอยู่ดีซ่างชิวคิดว่าเขาจำเป็นต้องบอกเรื่องนี้ต่อเจี่ยนอันอันเขาบอกความคิดของตนเองออกมาเจี่ยนอันอันมองประตูเล็กน้อย แล้วหันไปมองประตูห้องของทั้งห้าห้องนางเอ่ยกับซ่างชิว “ท่านตามข้าออกไปข้างนอกสักครู่”ซ่างชิวไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันต้องการจะทำอะไร เขาไม่กล้าปฏิเสธเช่นกัน จึงได้แต่เดินตามเจี