บนแขนของฉู่จวินสิงมีหัวเข็มเสียบอยู่เขาเชื่อฟังโดยการไม่ขยับเขยื้อน เพียงแค่ส่งสายตาบอกให้เจี่ยนอันอันนอนลงข้างกายเขา“มานอนลงสิ แล้วพักผ่อนให้ดีสักคืน พรุ่งนี้ยังมีธุระให้จัดการอีกมาก”เมื่อเห็นฉู่จวินสิงดึงดันให้นางนอนลง อีกทั้งบนแขนของเขายังมีเข็มคาอยู่ เขาคงไม่กล้าทำอะไรนางหลังเจี่ยนอันอันตรึกตรองสักครู่ ในที่สุดก็นอนลงข้างกายฉู่จวินสิงนางจ้องเขม็งไปที่ขวดยาซึ่งอยู่เหนือหัว มองดูน้ำยาหยดลงมาทีละหยดหวังเพียงให้ยาขวดนี้ ช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บของฉู่จวินสิงลงบ้างน้ำยาในขวดส่งผลในเรื่องการนอนหลับ เพียงไม่นานฉู่จวินสิงก็นอนหลับสนิทเจี่ยนอันอันไม่กล้านอน เพราะนางยังต้องคอยเฝ้าดูขวดยาหลังจากรอให้น้ำยาหยดจนหมด นางจึงถอดหัวเข็มที่เสียบอยู่บนแขนของฉู่จวินสิงออกหลังจากตรากตรำมาทั้งวัน เจี่ยนอันอันเองก็เหนื่อยล้าอยู่บ้างเมื่อความง่วงคืบคลาน เปลือกตาของเจี่ยนอันอันหนักอึ้งอย่างที่สุดนางหลับตา ในไม่ช้าก็นอนหลับไปเช้าวันรุ่งขึ้น เจี่ยนอันอันตื่นขึ้นเพราะเสียงโวยวายด้านนอกเมื่อนางลืมตาขึ้น รู้สึกว่ามีสายตาของใครบางคน กำลังจ้องมองตนเองพอนางหันมอง จึงเห็นฉู่จวินสิงที่ไม่รู
เจี่ยนอันอันเห็นดังนั้น ก็รู้ตัวว่ารบกวนพวกเขานางหัวเราะแล้วรีบเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าคุยกันต่อเถอะ ข้าไม่ได้ยินอะไรเลย เดี๋ยวข้าจะกลับไปนอนต่ออีกหน่อย”เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็รีบถอยหลังกลับไปทันทีนางปิดประตู แล้วกลับไปที่เตียงพวกโจรภูเขาที่อยู่ในห้องโถง เห็นเจี่ยนอันอันกลับไปในห้องแล้วพวกเขาจึงเริ่มหารือกันอีกครั้งเจี่ยนอันอันเดินมาข้างเตียง ไม่ได้สนใจสายตาฉู่จวินสิงที่กำลังจ้องมองตัวเองอยู่นางเข้าไปคว้าข้อมือของเขา แล้วตรวจชีพจรให้ฉู่จวินสิงอีกครั้งน้ำยาแก้อักเสบและยาสงบเลือดลมเมื่อคืน เริ่มเห็นผลขึ้นมาบ้างแล้วเลือดลมในร่างของฉู่จวินสิงได้สงบลงทั้งหมดร่างกายของเขากำลังฟื้นตัวไปในทางที่ดีขึ้นทั้งสองคนภายในห้องต่างเงียบงันมีเพียงเสียงโหวกเหวกโวยวายด้านนอกที่ดังขึ้นไม่หยุดเจี่ยนอันอันได้ยินโจรภูเขาคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “หัวหน้าใหญ่ ท่านจะติดตามพวกเขาไปเมืองอินเป่ยจริงหรือ? แล้วพวกข้าจะทำอย่างไร พวกข้าไม่มีหัวหน้าใหญ่ไม่ได้หรอกนะ”เสียงของเซิ่งฟางดังลอดเข้ามา “เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องโต้แย้งให้มากความ”“แต่ว่าหัวหน้าใหญ่...” เสียงของโจรภูเขาอีกคนดังขึ้น เขาพูด
เจี่ยนอันอันรีบกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งไปเปิดประตูเห็นเพียงเหวินอิงยืนอยู่หน้าประตู ขอบตาของนางแดงก่ำ บนใบหน้ายังมีคราบน้ำตาที่ไม่ทันเช็ดเหวินอิงเอ่ยขึ้น “ออกมากินข้าวเถอะ”เมื่อพูดจบ เหวินอิงก็หันหลังจากไปทันทีเจี่ยนอันอันไม่ได้เอ่ยถาม นางรีบเดินไปข้างเตียงนำแขนข้างหนึ่งของฉู่จวินสิงมาพาดไว้บนบ่าตัวเองเจี่ยนอันอันประคองฉู่จวินสิงให้ลงจากเตียงฉู่จวินสิงที่รูปร่างสูงโปร่ง ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงไปบนตัวเจี่ยนอันอัน เมื่อสัมผัสถึงความอ่อนนุ่มจากร่างกายเจี่ยนอันอัน หัวใจของฉู่จวินสิงเต้นช้าลงอย่างไม่มีสาเหตุเจี่ยนอันอันไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของฉู่จวินสิง นางประคองเขาให้เดินไปที่ประตูทีละก้าวเจี่ยนอันอันเดินหน้าไปอย่างยากเย็น นางเอ่ยกับฉู่จวินสิง“เมื่อคืนข้าเติมน้ำยาแก้อักเสบให้ท่านไปแล้ว ร่างกายของท่านน่าจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ตอนนี้ท่านต้องลงมาเดินบ้าง เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวโดยเร็ว”ฉู่จวินสิงตอบรับเสียงค่อย ปล่อยให้เจี่ยนอันอันประคองเขาต่อไปขณะที่เจี่ยนอันอันประคองฉู่จวินสิง รู้สึกแค่ว่าร่างกายเขาหนักมากหากไม่ใช่เพราะนางเตรียมใจไว้แต่แรก เกรงว่าตอนนี้คงถูกอี
หลังจากอาหารมื้อนี้ ทุกคนต้องเดินทางไปเมืองอินเป่ยแล้วทุกคนจึงกินกันอย่างรวดเร็วเมื่อรอให้ทุกคนกินเสร็จ หานซื่อที่เป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็หันไปเอ่ยกับทุกคน “พวกเราควรออกเดินทางได้แล้ว”ทุกคนลุกขึ้นพร้อมกันแล้วออกจากห้องโถงคราวนี้เจี่ยนอันอันไม่ได้ประคองฉู่จวินสิงเพราะพวกเขายังต้องเดินทางไกล ร่างกายของฉู่จวินสิงคงรับไม่ไหวจึงมีทหารรักษาพระองค์สองนาย ใช้เปลหามฉู่จวินสิงไปตลอดการเดินทางส่วนฉู่จวินหลุนยังคงขี่หลังฉู่อันเจ๋อดังเดิมทุกคนมาถึงหน้าค่ายโจร เจี่ยนอันอันเห็นรถม้าและเสบียงที่นางซื้อเมื่อคืนจอดอยู่หน้าประตูโจรภูเขาสามร้อยกว่าคนที่รู้ว่าเซิ่งฟางจะจากค่ายไป ล้วนล้อมรอบเขาเอาไว้ ไม่ยอมให้เขาจากไปส่วนเหวินอิงหันหลังแล้วแอบหลั่งน้ำตาเซิ่งฟางเห็นดังนั้นจึงดึงเหวินอิงเข้าไปกอด แล้วเช็ดน้ำตาให้นางอย่างสงสาร“เอาล่ะ อย่าร้องไห้เลย ใช่ว่าข้าจะไปแล้วไม่กลับสักหน่อย”“อีกอย่าง เมืองอินเป่ยไม่ได้ไกลจากที่นี่มากนัก แค่ข้ามภูเขาลูกนี้ไปพวกเราก็ได้พบกันแล้ว”“รอให้ข้าไปถึงเมืองอินเป่ย แล้วจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ ข้าจะกลับมาหาเจ้า”เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันจริง ในใจของ
เจี่ยนอันอันหันไปถามเซิ่งฟาง “หัวหน้าใหญ่ หากท่านจากไป ผู้คนในค่ายไม่แตกแยกกันหมดหรือ?”เซิ่งฟางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องนี้ไม่เป็นไร มีหัวหน้ารองกับผู้อาวุโสทั้งแปดอยู่ คนพวกนั้นจะเชื่อฟังเป็นอย่างดี”เจี่ยนอันอันนึกไม่ถึงว่าภายในค่ายโจรแห่งนี้ นอกจากเซิ่งฟางกับเหวินอิงที่เป็นหัวหน้าทั้งสองคนแล้ว ยังมีผู้อาวุโสอีกแปดคนด้วยดูท่าคนทั้งแปดที่พูดคุยกับพวกเขาในห้องโถง ก็คือผู้อาวุโสแปดคนนั้นเมื่อมีเซิ่งฟางนำทาง การเดินขึ้นเขาของทุกคนจึงราบรื่นขึ้นมากในไม่ช้าพวกเขาก็ขึ้นไปถึงยอดเขาหานซื่อถามเจี่ยนอันอัน “คุณหนูใหญ่เจี่ยน พวกเราจะพักกันที่นี่สักครู่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันหันมองคนอื่นๆ ในครอบครัว ทุกคนดูเหน็ดเหนื่อยกันมากนางพยักหน้า “พักกันสักครู่เถอะ”หานซื่อจึงให้ทุกคนพักผ่อนทันทีเซิ่งฟางนึกไม่ถึงว่าหานซื่อที่เป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ จะเชื่อฟังเจี่ยนอันอันขนาดนี้เขานึกถึงเรื่องที่หานซื่อเคยบอก เจี่ยนอันอันเป็นคนช่วยชีวิตหานซื่อเอาไว้เรื่องนี้ทำให้รู้ว่าหานซื่อเป็นคนที่สำนึกในบุญคุญของผู้อื่นหากโน้มน้าวให้หานซื่ออยู่ใต้บังคับบัญชา ภายหน้าเขาต้องจงรักภักดิ์ดีต่อเจี่ยนอ
เจี่ยนอันอันตัดสินใจวางภารกิจของห้วงมิติเอาไว้ก่อนเรื่องธัญพืชห้าชนิดกับน้ำพุวิญญาณ อย่างไรก็ไว้ค่อยว่ากันเถอะเจี่ยนอันอันลุกยืนขึ้น ตรงไปอยู่ข้างกายหานซื่อ ก่อนเอ่ยกับเขาเบาๆ “เมื่อครู่ข้าเห็นนิมิตอีกแล้ว ตอนกลางวันที่หน้าประตูเมืองอินเป่ยจะมีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น พวกเขาล้วนเป็นคนที่ฮ่องเต้ส่งมาลอบสังหารคนทั้งสกุลของฉู่จวินสิง พวกเจ้าเฝ้าระวังไว้หน่อยเถิด” หานซื่อเพียงฟังจบ สีหน้าพลันก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมา เขารีบนำคำเหล่านี้ บอกต่อไปยังทหารรักษาพระองค์พวกนั้นเจี่ยนอันอันตรงไปหาฉู่จวินสิงกับฉู่อันเจ๋อ นำเรื่องนิมิตที่ตนเห็นบอกแก่คนทั้งสอง ทั้งสองคนต่างเชื่อในความสามารถเห็นนิมิตของเจี่ยนอันอันอยู่นานแล้ว ใบหน้าของฉู่จวินหลุนก็ฉายแววเคร่งเครียดออกมาเช่นกัน ฉู่อันเจ๋อโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ฮ่องเต้สุนัขพรรค์นี้เหตุใดจึงกัดพวกเขาไม่ปล่อยเสียที หานซื่อเห็นทุกคนต่างสงบจิตสงบใจลงได้บ้างแล้ว จึงได้ลุกยืนขึ้น แจ้งกำหนดการลงเขาเนื่องด้วยภูเขาลูกนี้ค่อนข้างสูงชัน เส้นทางลงเขาจึงลำบากตามไปด้วยคนทั้งกลุ่มเดินกันอยู่หนึ่งชั่วยามกว่า จึงลงจากเขาได้สำเร็จ ทหารรักษาพระอ
นายทหารนามว่าเฉินหย่งเหนียนผู้นี้ ปีนั้นยังเป็นลูกสมุนของเซิ่งฟาง ได้รับความช่วยเหลือและชี้แนะจากเซิ่งฟางไปก็ไม่น้อย ทว่านึกไม่ถึงว่าหลังเกิดเหตุสังหารหมู่ จะทำให้เซิ่งฟางกลายมาเป็นนักโทษหากไม่ใช่เพราะคนของเยียนอ๋องเข้าช่วยจนเขาลี้รอดมาได้เกรงว่าเขาในตอนนี้คงกลายเป็นวิญญาณไปนานแล้ว แต่สิ่งที่เซิ่งฟางคิดไม่ถึงก็คือ ในตอนนี้เขากลับมาแล้ว ทว่าเฉินหย่งเหนียนกลับไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาอีกต่อไปเซิ่งฟางกุมกระบี่ในมือไว้แน่น ชี้ไปยังนายทหารบนหอประตูเมืองพลางพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “เฉินหย่งเหนียน เจ้าตั้งตารอเถอะ รอข้าเข้าไปยังเมืองอินเป่ยได้เมื่อไหร่ เจ้าศพไม่สวยแน่”เฉินหย่งเหนียนหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ไม่ได้เห็นเซิ่งฟางในสายตาสักนิด เจี่ยนอันอันปราดมองเฉินหย่งเหนียน ในใจก็เกิดแผนการณ์ขึ้นมา เวลานี้เอง หนึ่งในมือสังหารก็ได้มาถึงด้านหลังของฉู่จวินสิงแล้ว ปลายดาบกำลังจะแทงเข้าที่ร่างของฉู่จวินสิง ฉู่จวินสิงรับรู้ได้ถึงเจตนาฆ่า จึงรีบเบี่ยงตัวหลบไปอีกทาง ดาบเล่มนั้นจึงแทงเข้าที่พื้นแทนมือสังหารเห็นว่าฉู่จวินสิงบาดเจ็บสาหัส ไม่อยู่ในสภาพจะเอาคืนได้ ก็ยิ่งกำเริบเสิบส
หานซื่อไม่ได้พูดสิ่งใด เพียงพยักหน้าให้กับฉู่จวินสิงเจี่ยนอันอันยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าเหตุใดฉู่จวินจึงสิงต้องไว้ชีวิตเขาคนนั้น?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังสงสัย นางก็ได้ยินเซิ่งฟางร้องเสียงหลง “เขา...เขาคือคนที่ช่วยข้าไว้เมื่อตอนนั้นไม่ใช่เรอะ!”เจี่ยนอันอันมองไปยังเซิ่งฟาง ก็พบว่าใบหน้าของเขาค่อยๆ ฉายแววประหลาดใจ แม้เจี่ยนอันอันจะไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรแน่ แต่นางก็พอจะรู้สึกได้รางๆ ว่าคนผู้นี้ดูท่าจะเป็นประโยชน์กับพวกเขา ไม่นานคนกลุ่มนั้นก็บาดเจ็บล้มตายกันระเนระนาด เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังดันทุรังต่อต้าน หานซื่อและทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ ล้วนไม่ได้โจมตีคนใบหน้ามีแผลเป็นคนนั้น แม้พวกเขาจะมีข้อสงสัยในใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังปฏิบัติตามคำสั่งของฉู่จวินสิง ไม่นานมือสังหารที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนต่างก็ถูกเหล่าทหารรักษาพระองค์ฆ่าตาย ส่วนที่ถูกแทงจนบาดเจ็บ ก็นับว่าสูญเสียความสามารถในการสู้ไปแล้วพวกเขานอนกองอยู่กับพื้น แววตาโหดเหี้ยมมองมายังพวกของฉู่จวินสิง เหล่าทหารรักษาพระองค์ไม่ได้ให้พวกเขาได้มีลมหายใจอยู่ต่อ ต่างยกกระบี่ดาบเดียวจ้วงแทงคนทั้งหมดบัดนี้เหลื
พวกเขาไม่ยอมลงมาเสียที คงกลัวจะถูกคนของทางการพบเห็นว่ามาพักอยู่ที่นี่ไม่นานก็มีเสี่ยวเอ้อยกอาหารออกมา แล้วเดินขึ้นชั้นบนไปเขาเคาะประตู ครู่หนึ่งจึงมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา พร้อมรับเอาถาดอาหารเข้าไปคนในห้องยังได้พูดจาบางอย่างกับเสี่ยวเอ้อ เห็นเพียงเสี่ยวเอ้อพยักหน้าหงึกหงัก หลังจากรับเงินมาแล้วจึงเดินลงชั้นล่างไปเมื่อมั่นใจว่าพวกเขายังอยู่ในห้อง เพียงไม่ได้ปรากฏตัวเท่านั้นฉู่จวินสิงจึงค่อยๆ กินข้าวช้าลงด้วยรอจนกระทั่งทั้งคู่กินข้าวเสร็จ ผู้คนในโถงกินข้าวก็ได้ออกไปกว่าครึ่งแล้วเจี่ยนอันอันซับคราบน้ำมันที่มุมปาก พลางกล่าวด้วยความพึงพอใจ “อาหารโรงเตี๊ยมนี้ช่างถูกปากข้านัก”ฉู่จวินสิงยิ้มๆ มิได้พูดจาทั้งคู่เดินขึ้นชั้นบนไป แต่มิได้กลับเข้าห้องของตน กลับเดินมาหยุดที่หน้าห้องหม่าลู่และเฉินเช่อแทนฉู่จวินสิงยกมือขึ้นเคาะประตู ไม่นานในห้องก็มีเสียงคล้ายหวาดระแวงของเฉินเช่อ“ใคร?”ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงต่ำ “เฉินเช่อ เปิดประตู เป็นข้าเองฉู่จวินสิง”ขาดคำมิทันไร จึงได้ยินในห้องมีเสียงฝีเท้าคนเดินและไม่นานประตูก็ถูกแง้มออกเป็นซอกเล็กเมื่อเฉินเช่อเห็นผู้ที่มายืนอยู่ด้านนอก มิใช
ฉู่จวินสิงกล่าวจบ จึงปล่อยมือเจี่ยนอันอันแล้วลุกขึ้นเดินออกไปเจี่ยนอันอันเอนกายนอนลงบนเตียงเช่นเดิม มือกุมที่หน้าท้องแบนราบลูกคนนี้มาเร็วเกินไป จนนางไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจแต่มาหวนคิดอีกที เมื่อเด็กเลือกที่จะมาอยู่กับพวกเขา นางจึงมีหน้าที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอให้ลูกลืมตาดูโลกเมื่อใด นางจะเลี้ยงดูให้ใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนตนเองเจี่ยนอันอันนำยาบำรุงจากห้วงมิติออกมาแล้วกินเข้าไป พลันอาการหน้ามืดวิงเวียนค่อยบรรเทาลงบ้างนางลงจากเตียง เดินมาถึงนอกประตู จึงเห็นฉู่จวินสิงยืนอยู่ด้านนอกผู้เดียว คล้ายรับลมเย็นอยู่เจี่ยนอันอันเดินมาข้างกาย พลางเรียกเบาๆ “ท่านพี่”ฉู่จวินสิงกำลังใช้ความคิดบางอย่างอยู่ แม้กระทั่งเจี่ยนอันอันเดินออกมา เขาก็ยังไม่รู้ตัวเมื่อถูกนางเรียกเข้า จึงได้ตั้งสติกลับมาโชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย มิเช่นนั้นหากให้ใครได้ยินเข้า ชายหนุ่มผู้หนึ่งเรียกหนุ่มอีกคนว่าท่านพี่ คงได้ตกใจจนตาถลนออกนอกเบ้าเป็นแน่แท้ ฉู่จวินสิงมองไปยังชั้นล่าง ยังไม่เห็นวี่แววลูกน้องสองคนจะมาถึงเขาจึงดึงตัวเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องไป“เหตุใดเจ้าจึงไม่นอนพักอี
เขาตื่นเต้นจนนั่งลงที่เตียง พร้อมจับมือเจี่ยนอันอันไว้ วางที่ริมฝีปากแล้วจุมพิตเบาๆ“ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดเราสองคนก็จะมีทายาทแล้ว”“แสดงว่าสิ่งที่ข้าทำไปก่อนหน้านี้ นับว่าไม่เสียเปล่า”เจี่ยนอันอันมองดูสีหน้าตื่นเต้นยินดีของฉู่จวินสิง นางกลับไม่ยินดียินร้ายและไม่นานก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“เมื่อครู่นี้ท่านหมายความว่ากระไร อะไรคือสิ่งที่ทำไม่เสียเปล่า?”หรือว่าก่อนหน้านี้ฉู่จวินสิงนำยาคุมกำเนิดของนาง ไปสับเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น?แต่ความคิดนี้ผุดขึ้น พลันถูกเจี่ยนอันอันลบทิ้งไปเขามิใช่คนในยุคปัจจุบันเสียหน่อย จะรู้ได้อย่างไรว่ายังมียาชนิดอื่นทดแทนยาคุมกำเนิดได้แล้วฉับพลันเจี่ยนอันอันก็นึกขึนได้ว่า ครั้งแรกที่นางมีอะไรกับฉู่จวินสิง ตอนนั้นนางไม่ได้กินยาคำนวณเวลาดูแล้ว ห่างจากตอนนั้นถึงตอนนี้ ก็ประมาณหนึ่งเดือนจริงๆเจี่ยนอันอันพลันนิ่งอึ้ง นางนึกเสียใจที่วันนั้นเหตุใดจึงไม่กินยาก่อน?แต่ตอนนี้ไม่ว่าพูดอย่างไรก็สายเกินแก้ นางไม่ต้องการมีลูกเร็วขนาดนี้ แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วฉู่จวินสิงมองหน้าเจี่ยนอันอัน ประเดี๋ยวก็คิ้วขมวด ประเดี๋ยวก็ให้หมดอาลัยตายอยากเขารู้สึกห่อเหี่ยวลง
ยามนี้เจี่ยนอันอันรู้สึกคล้ายวิงเวียนศีรษะ เห็นทีต้องกลับไปพักเอาแรงเสียหน่อยแล้วระหว่างทางกลับโรงเตี๊ยม เจี่ยนอันอันถามฉู่จวินสิง “ท่านรู้สึกเวียนศีรษะบ้างหรือไม่?”ฉู่จวินสิงส่ายหน้า เป็นเชิงว่าตนมิได้รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใดแต่เขากลับรู้สึกว่า มือของเจี่ยนอันอันค่อนข้างเย็น“เจ้าเป็นอะไร ร่างกายไม่สบายใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าเบาๆ นางกำลังรู้สึกว่าเวลาเดินคล้ายตัวลอยอย่างไรชอบกลสองเท้าเหมือนดั่งย่ำอยู่บนปุยนุ่น มีความทรมานนักฉู่จวินสิงเห็นท่าไม่สู้ดี จึงก้มตัวลงต่อหน้านาง“ขึ้นมา ข้าจะแบกเจ้ากลับไป”เจี่ยนอันอันมิได้โต้แย้ง เพราะนางรู้สึกไม่ใคร่สบายจริงๆ จึงไม่คิดขัดขืน พลางแนบลงแผ่นหลังฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแบกนางแล้วเดินต่อ ระหว่างทางยังถอยถามไถ่อาการเป็นระยะเจี่ยงอันอันเพียงคิดว่าอาจเพราะเมื่อครู่ฆ่าคนมากเกินไป และสูดกลิ่นคาวเลือดมากไปด้วยบวกกับยาเม็ดนั้น นางใช้เวลาอันสั้นในการปรุงออกมาสรรพคุณของยาคงไม่ดีเท่ายาที่ผลิตได้ในยุคปัจจุบันนางซบอยู่แผ่นหลังฉู่จวินสิง พร้อมนำความคิดตนพูดให้เขาฟังฉู่จวินสิงเริ่มใช้วิชาตัวเบา ทำให้การเดินเท้ารวดเร็วกว่าเมื่อคร
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก