หานซื่อไม่ได้พูดสิ่งใด เพียงพยักหน้าให้กับฉู่จวินสิงเจี่ยนอันอันยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าเหตุใดฉู่จวินจึงสิงต้องไว้ชีวิตเขาคนนั้น?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังสงสัย นางก็ได้ยินเซิ่งฟางร้องเสียงหลง “เขา...เขาคือคนที่ช่วยข้าไว้เมื่อตอนนั้นไม่ใช่เรอะ!”เจี่ยนอันอันมองไปยังเซิ่งฟาง ก็พบว่าใบหน้าของเขาค่อยๆ ฉายแววประหลาดใจ แม้เจี่ยนอันอันจะไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรแน่ แต่นางก็พอจะรู้สึกได้รางๆ ว่าคนผู้นี้ดูท่าจะเป็นประโยชน์กับพวกเขา ไม่นานคนกลุ่มนั้นก็บาดเจ็บล้มตายกันระเนระนาด เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังดันทุรังต่อต้าน หานซื่อและทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ ล้วนไม่ได้โจมตีคนใบหน้ามีแผลเป็นคนนั้น แม้พวกเขาจะมีข้อสงสัยในใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังปฏิบัติตามคำสั่งของฉู่จวินสิง ไม่นานมือสังหารที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนต่างก็ถูกเหล่าทหารรักษาพระองค์ฆ่าตาย ส่วนที่ถูกแทงจนบาดเจ็บ ก็นับว่าสูญเสียความสามารถในการสู้ไปแล้วพวกเขานอนกองอยู่กับพื้น แววตาโหดเหี้ยมมองมายังพวกของฉู่จวินสิง เหล่าทหารรักษาพระองค์ไม่ได้ให้พวกเขาได้มีลมหายใจอยู่ต่อ ต่างยกกระบี่ดาบเดียวจ้วงแทงคนทั้งหมดบัดนี้เหลื
เซิ่งฟางได้ยินประโยคนี้ก็โกรธจัด ยกกระบี่ในมือขึ้นหมายแทงเข้าใส่เฉินหย่งเหนียน ทหารหน้าประตูเมืองดูสถานการณ์แล้ว ต่างรีบยกเอาอาวุธในมือขึ้นคุ้มกันข้างหน้าของเฉินหย่งเหนียน “หยุดอยู่ตรงนั้น หากเจ้ากล้าเข้ามาอีกก้าว ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!” เซิ่งฟางโกรธจนทั้งร่างสั่นเทา คนที่ตอนนั้นเขาเคยให้ความเอ็นดู บัดนี้กลับปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเขม่นใส่กัน เจี่ยนอันอันก็สาวเท้าก้าวเข้ามา นางเอ่ยกับเซิ่งฟาง “ท่านเจ้าเมืองเซิ่งไม่ต้องรีบร้อนใจไป เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเถิด” เซิ่งฟางมองไปยังเฉินหย่งเหนียนระคนหยามหยัน ก่อนถอยห่างออกมาเฉินหย่งเหนียนเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเข้ามา เขาก็กล่าวอย่างดูแคลน “แล้วเจ้าเป็นใครอีก ช่างบังอาจกล้ามาช่วยพูดแทนเขา!” ใบหน้าของเจี่ยนอันอันปรากฏความเย้ยหยันในเสี้ยวรอยยิ้ม นางไม่ได้พูดสิ่งใด ทว่ากลับนำสร้อยคอทองคำเส้นหนึ่งออกมาจากมิติ ด้านบนสลักไพลินสีฟ้าเป็นจี้ห้อยเฉินหย่งเหนียนไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ เห็นแค่นางหยิบเอาสร้อยคอเส้นหนึ่งขึ้นมากวัดแกว่งไปมาเพียงเท่านั้น เฉินหย่งเหนียนรู้สึกแต่เพียงว่าเบื
“ยารักษาบาดแผลหลายขวดนี้ พวกเจ้าเก็บไว้ใช้ระหว่างทางเถิด” เจี่ยนอันอันหยิบเอายารักษาบาดแผลจำนวนหนึ่งออกมาจากมิติหานซื่อรับยารักษาบาดแผลมา ประสานมือคารวะเจี่ยนอันอัน “ขอบคุณคุณหนูใหญ่เจี่ยนยิ่งนัก”ทหารรักษาพระองค์หลายนายที่ได้รับบาดเจ็บ ต่างก็พากันประสานมือคารวะ แสดงคำขอบคุณอย่างล้นหลามรอจนทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงเดินมาถึงหน้ารถม้า ในเมื่อหานซื่อไม่ต้องการนำเสบียงอาหารพวกนี้ไปด้วย นางก็ยินดีนำรถม้ากลับเข้าเมืองอินเป่ยเหล่าครอบครัวของฉู่จวินสิงที่ยืนออกันอยู่ในเมือง เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเดินเข้ามา ก็มีบ่าวรับใช้เข้ารับช่วงต่อภาระกุมบังเหียนรถม้าฮูหยินใหญ่ตรงเข้ามาหา เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล “อันอัน นายทหารพวกนั้นจะทำอย่างไรดีเล่า? หากพวกเขารู้ว่าพวกเราให้ท่านเจ้าเมืองเซิ่งเข้ามาด้วย จะต้องคอยตามรังควานพวกเราเป็นแน่ เจ้าว่าเรื่องนี้ควรทำอย่างไรดี?” เจี่ยนอันอันตบเบาๆ บนแขนของฮูหยินใหญ่ หัวเราะน้อยๆ พลางตอบ “ฮูหยินใหญ่วางใจเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีวิธีของข้า” เจี่ยนอันอันจัดแจงให้ทุกคนรออยู่ในเมืองไปก่อน ส่วนนางกลับมาหาพลทหารพวกนั้นอีกครั้ง ก่อนเอ่
ชายชราผู้นั้นเอื้อมมือมาดึงแขนเสื้อของเฉินหย่งเหนียนเมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดไม่จา“หย่งเหนียน เจ้าเป็นอะไรไป พูดอะไรบ้างสิ!”ครั้นเห็นว่าเฉินหย่งเหนียนยังคงปิดปากเงียบดังเดิม ชายชราก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาเฉินหย่งเหนียนเป็นคนที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก ในฐานะคนหมู่บ้านชิงสุ่ย เขาสุภาพกับชาวบ้านที่นี่มากแต่หลังจากกลายเป็นทหารของเมืองอินเป่ย เขาก็ไม่ค่อยกลับมาที่หมู่บ้านชิงสุ่ยอีกวันนี้กลับมาก็ไม่พูดไม่จาสักคำ ซ้ำยังพาคนมาเยอะขนาดนี้นี่เป็นครั้งแรกที่ชายชราเห็นเฉินหย่งเหนียนเป็นแบบนี้เจี่ยนอันอันเห็นชายชราเริ่มร้อนใจก็ช่วยสะกิดเฉินหย่งเหนียน“บอกไปสิ บอกไปว่าพวกข้าเป็นผู้ใด”หลังจากถูกเจี่ยนอันอันสะกิด เฉินหย่งเหนียนราวกับได้รับคำสั่งอย่างไรอย่างนั้น เขาเอ่ยว่า“ท่านปู่เฉิน คนพวกนี้คือเยียนอ๋องและครอบครัวของเขา พวกเขาถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยตามคำสั่งของฮ่องเต้ ข้าจำได้ว่าหมู่บ้านชิงสุ่ยของเรามีเรือนที่ไม่มีผู้อาศัยอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงพาพวกเขามา”ครั้นได้ยินว่าคนเหล่านี้ถูกเนรเทศมาที่นี่ตามคำสั่งของฮ่องเต้ชายชราก็ใช้ดวงตาขาวขุ่นของตัวเองจ้องมองไปที่ครอบครัวของฉู่จวินสิงเวลานี้ชาว
หลังจากที่ท่านปู่เฉินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะจัดหาที่พักให้พวกเขาก่อนค่อยว่ากัน“ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าก็ตามข้ามาเถิด”ท่านปู่เฉินพูดแล้วก็พาครอบครัวของฉู่จวินสิงเดินไปทางบ้านที่ไม่มีคนอยู่หลังนั้นทว่าคำพูดของท่านปู่เฉินกลับได้รับการคัดค้านอย่างรุนแรงจากชาวบ้านคนอื่นๆหญิงสาวผิวซีดตัวผอมนางนั้นวิ่งมาบังหน้าท่านปู่เฉินและขวางทางทุกคนไว้“ท่านปู่เฉิน ท่านจะให้พวกเขาอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยของเราไม่ได้”บุรุษที่จำเซิ่งฟางได้ผู้นั้นก็ร้องคัดค้านเช่นกัน“ใช่แล้วท่านปู่เฉิน พวกเขาเป็นผู้ใดมาจากไหนก็ไม่รู้ จะให้อยู่ที่นี่ไม่ได้”ชาวบ้านคนอื่นร้องเสียงดัง ต้องการขับไล่ครอบครัวของฉู่จวินสิงออกจากหมู่บ้านท่านปู่เฉินลำบากใจเช่นกันด้านหนึ่งก็เป็นผู้ถูกเนรเทศโดยราชโองการของฮ่องเต้ อีกด้านก็เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขาไม่อยากล่วงเกินฝ่ายใดทั้งนั้นในตอนนี้เอง เฉินหย่งเหนียนที่นิ่งทื่อมาโดยตลอดก็พูดขึ้นว่า“ท่านปู่รีบพาพวกเขาไปที่บ้านหลังนั้นเถิด นี่เป็นราชโองการจากฮ่องเต้ พวกเราไม่อาจขัดขืน”คำพูดของเฉินหย่งเหนียนทำให้ชาวบ้านพวกนั้นเงียบเสียงทันที
เขามองเจี่ยนอันอันแล้วมองคนอื่นๆครั้นเห็นว่าไม่มีผู้ใดคัดค้านจึงยอมเก็บเงินก้อนนี้เข้าสู่อกเสื้อ“ดีๆ ๆ นับจากวันนี้พวกเจ้าก็จงพักอยู่ที่นี่ หากวันหน้ามีปัญหาอะไร ก็มาหาข้าที่บ้านที่อยู่ทางสุดขอบตะวันตกของหมู่บ้านชิงสุ่ยได้ ที่นั่นคือบ้านของข้าเอง”เจี่ยนอันอันส่งยิ้มเห็นฟันให้อีกฝ่าย “เกรงว่าหลังจากนี้คงมีเรื่องต้องรบกวนท่านปู่เฉินเยอะมาก หวังว่าท่านจะไม่รังเกียจ”ท่านปู่เฉินเห็นเจี่ยนอันอันเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเช่นนี้มีรอยยิ้มซื่อๆ เผยออกมา“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เช่นนั้นข้ากลับก่อนล่ะ”หลังจากที่ท่านเฉินปู่กลับไป เจี่ยนอันอันจึงมองไปยังเฉินหย่งเหนียนที่ยืนอยู่ด้านข้างนางดีดนิ้วใส่เฉินหย่งเหนียนพลางพูดว่า “จำไว้ เจ้าเป็นคนพาพวกข้ามาที่นี่ด้วยความเต็มใจ หากมีผู้ใดถาม เจ้าก็ห้ามโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น”เฉินหย่งเหนียนพยักหน้าอย่างเหม่อลอยเจี่ยนอันอันปัดมือว่า “เจ้ากลับไปเถอะ ที่นี่ไม่มีธุระของเจ้าแล้ว”เฉินหย่งเหนียนทำความเคารพให้กับเจี่ยนอันอันแล้วสาวเท้ายาวๆ จากไปหลังจากที่เฉินหย่งเหนียนจากไป ฮูหยินใหญ่จึงค่อยมองห้องหับเหล่านี้นางมีสีหน้าเป็นกังวลสถานที่แห่งนี้ไม่อาจเทีย
พวกเขาต่างถอนหายใจโล่งอกเมื่อพบว่าบนรถม้ามีฟืนอยู่หนึ่งกระสอบสาวใช้สองนางไปตักน้ำจากบ่อน้ำร้างอยู่นานกว่าจะตักน้ำได้หนึ่งถังพวกเขามีอาหารอยู่เต็มรถม้า วันนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอาหารแล้วหลังจากที่สาวใช้สองนางล้างทำความสะอาดหม้อเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็มอบตะบันไฟอันหนึ่งให้พวกนางบ่าวรับใช้สองสามคนเริ่มขนอาหารบนรถม้า รวมถึงไก่ฟ้ากับกระต่ายป่าเข้ามาในบ้านไม่นานบรรดาสาวใช้ก็เริ่มก่อไฟทำอาหารเจี่ยนอันอันซื้อเกลือกับเครื่องปรุงรสเพิ่มจากร้านค้าในมิติแล้วมอบให้สาวใช้ทั้งสองฮูหยินใหญ่กับคนอื่นๆ ไม่ได้อยู่ว่างเช่นกันพวกนางเริ่มปัดกวาดฝุ่นภายในห้องมีเพียงฉู่จวินสิงกับฉู่จวินหลุนที่นั่งมองทุกคนยุ่งกับการทำงานอยู่กลางลานบ้านส่วนเหยียนเซ่าเว่ยที่ถูกจับมาก็เอาแต่นั่งเงียบอยู่ในมุมทันใดนั้นเอง มีเสียงกรีดร้องดังมาจากในบ้านครั้นเจี่ยนอันอันมาถึงก็พบว่าฮูหยินรองกำลังชี้ไปที่หนูตัวหนึ่งด้วยสีหน้าซีดเผือดเจี่ยนอันอันเห็นว่ามีหนูตัวผอมแห้งตัวหนึ่งนอนอยู่ที่พื้นมันกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าทีละน้อยๆเซิ่งฟางเดินมาดูเช่นกัน เมื่อเห็นว่าฮูหยินรองกลัวหนูก็เดินเข้าไปกระทืบมันตา
ห้องที่อยู่ด้านขวาสุดมีเตียงอุ่นสองหลัง ตรงกลางถูกคั่นด้วยกำแพงดินสามารถให้บ่าวรับใช้พักอยู่ที่ห้องนั้นได้หนึ่งห้องยกให้ครอบครัวของฉู่จวินหลุนทว่าอีกสองห้องที่เหลือกลับทำให้ฮูหยินใหญ่ลำบากใจนางกับฮูหยินรอง และญาติสายรองอีกห้าคนสามารถพักอยู่ในห้องเดียวกันนอกจากนี้ภายในห้องก็มีกำแพงกั้นเช่นกันสามารถให้ฉู่อันเจ๋อกับญาติสายรองห้าคนนั้นนอนบนเตียงอุ่นหลังเดียวกันได้แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงยังไม่ได้แต่งงานกันหากจะให้พวกเขาสองคนพักอยู่ห้องเดียวกัน เกรงว่าเจี่ยนอันอันคงไม่เห็นด้วยยิ่งไปกว่านั้นยังมีเซิ่งฟางอีกคน จะจัดหาที่พักให้เขาอย่างไรดี?ฮูหยินใหญ่กล่าวกับเจี่ยนอันอันด้วยความลำบากใจ “อันอัน เจ้าก็เห็นแล้วว่ามีห้องแค่นี้ เจ้าอยู่กับจวินสิงได้หรือไม่?”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าต้องนอนห้องเดียวกันกับฉู่จวินสิง ก็อดมองไปทางเขาไม่ได้พบว่าเขาไม่ได้มีท่าทีคัดค้านแต่อย่างใดตรงกันข้าม แววตาของฉู่จวินสิงฉายแววคาดหวังเจี่ยนอันอันก้มหน้าลง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีฮูหยินใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันไม่ตอบตกลงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆหากเป็นสมัยที่ยังอยู่จวนเยียนอ๋อง ไม่
เจี่ยนอันอันไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วจึงก้าวยาวๆ ออกไปข้างนอกคนทั้งสี่ขึ้นไปนั่งบนรถม้าแล้วตรงไปยังจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวไม่ได้อยู่ในอำเภอไถหยาง แต่อยู่ในเมืองหลักระหว่างทางพวกเจี่ยนอันอันรู้สึกหิว แต่ตอนนี้พวกนางไม่มีกะจิตกะใจจะไปกินข้าวในร้านอาหารเลยสักนิดเจี่ยนอันอันซื้อขนมปังกับน้ำจากร้านค้าในมิติแล้วแจกจ่ายให้พวกฉู่จวินสิงสามคนพวกเขาไม่เคยเห็นขนมปังมาก่อน ต่างมองห่อขนมปังอย่างอึ้งงัน ไม่รู้ว่าควรกินอย่างไรเจี่ยนอันอันบอกพวกเขาว่าต้องฉีกซองออกเสียก่อนจึงจะสามารถกินอาหารที่อยู่ข้างในได้คนทั้งสามฉีกซองขนมปังโดยเลียนแบบท่าทางของเจี่ยนอันอันกลิ่นหอมของขนมปังลอยเข้าจมูก ประกอบกับคนทั้งสี่กำลังหิวจึงรีบกัดกินคำโตเซิ่งฟางกินพลางถามว่า “อันอัน นี่คืออะไรหรือ เหตุใดจึงนุ่มอร่อยเช่นนี้?”เจี่ยนอันอันดื่มน้ำคำหนึ่ง กลืนขนมปังในปากลงไป“นี่คือของว่างที่ข้าทำขึ้นมาในบ้าน ข้าตั้งชื่อให้มันว่าขนมปัง”“ที่ข้ายังมีอีกเยอะ พวกท่านกินให้เต็มที่”“ขนมปังค่อนข้างติดคอ พวกท่านกินน้ำตามไปด้วย”ฉู่จวินสิงเคยเห็นน้ำแร่มาก่อน เขารู้ว่าควรเปิดของสิ่งนี้อย่างไรเขาหมุน
ในปีนั้นตอนที่เกิดการสังหารหมู่ขึ้น คนในครอบครัวของจงซิ่นเองก็ไม่รอดลูกชายลูกสะใภ้ของเขา ล้วนแต่ตายในน้ำมือของศัตรูจงซิ่นเพื่อที่จะแก้แค้นให้คนในครอบครัว ก็โวยวายที่จะไปฆ่าคนในราชวงศ์ในตอนนั้นเวินอี๋พยายามห้ามเอาไว้อย่างเต็มที่ แล้วยังบอกเขาว่าด้านนอกนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าเขาจะมีแรงพละกำลังเต็มที่ ทว่าเพียงแค่สองหมัดยากจะเอาชนะสี่มือได้เขาอยากจะแก้แค้นก็ไม่ควรจะรีบร้อนในตอนนี้รอจนเมื่อดึกสงัดผู้คนเงียบสงบลง ค่อยไปแก้แค้นก็ยังไม่สายทว่าจงซิ่นในตอนนั้นถูกความแค้นท่วมท้นทำให้ตาบอดไป เขายืนกรานจะไปแก้แค้นคนที่สังหารครอบครัวเขาจงซิ่นไม่ได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของเวินอี๋ หยิบมีดเล่นยาวแล้วเดินออกไปเวินอี๋กังวลในความปลอดภัยของจงซิ่น แต่ก็ไม่อยากทิ้งจงหลานเอาไว้ที่บ้านเพียงลำพัง พ่อแม่ของจงหลานเพื่อที่จะปกป้องนางแล้ว ถึงได้ตายไปภายใต้คมมีดของศัตรูหากว่านางถูกฆ่า เกรงว่าจงซิ่นคงไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างปกติไปตลอดเพื่อที่จะปกป้องจงหลาน เวินอี๋จึงรออยู่ที่บ้านรอจนเมื่อจงซิ่นกลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่างกาย ก็มองเห็นเวินอี๋นอนอยู่กลางลานบ้านแล้วจงหลานอายุสองขวบนั่งร้อ
และในตอนที่จงซิ่นกำลังสงสัยอยู่นั้น เซิ่งฟางก็เดินเข้ามาในตอนที่รู้ว่าจะไปบ้านของจงซิ่นเพื่อช่วยคน เซิ่งฟางเองก็ไม่ได้คัดค้านฉู่จวินสิงให้จงซิ่นขึ้นมานั่งบนรถม้า ไม่นานนักก็พากันเดินทางไปยังบ้านของจงซิ่นตลอดทาง จงซิ่นอดที่จะมองไปยังเจี่ยนอันอันเป็นระยะๆ ไม่ได้เขาพบว่าเจี่ยนอันอันเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง เหมือนว่าจะมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเวินอี๋เอาไว้ทว่าไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเจี่ยนอันอันอายุยังน้อย ไม่เหมือนกับคนที่มีทักษะทางการแพทย์เจี่ยนอันอันรู้ว่าจงซิ่นกำลังสงสัยในความสามารถขอองตน แต่นางไม่ใส่ใจนางแน่ใจว่าจะรักษาร่างกายเวินอี๋ได้ระหว่างทางไปยังบ้านของจงซิ่น จงซิ่นก็ได้รู้ว่าเจี่ยนอันอันเป็นภรรยาของฉู่จวินสิงรถม้าไม่นานนักก็มาถึงประตูบ้านจงซิ่น จงซิ่นลงมาจากรถม้าก่อน เคาะประตูดังขึ้นประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยอายุราวเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งโผล่หัวออกมาเมื่อนางเห็นว่าจงซิ่นกลับมาแล้ว ก็รีบเปิดประตูเรือนขึ้น“ท่านปู่ ท่านรีบไปดูเข้า ท่านลุงเวินไม่สบายอีกแล้ว”จงซิ่นได้ยินคำนี้เข้า ก็รีบเดินเข้าไปทว่าเขาเพิ่งจะเดินไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก็ค
จงซิ่นจ้องมองฉู่จวินสิงขึ้นๆ ลงๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น“ท่านคือเยียนอ๋องคนนั้นที่ถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยหรือ?”ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจำตนเองได้ ก็พยักหน้าออกมา “เป็นข้าเอง”จงซิ่นที่เดิมขมวดคิ้วอยู่ก็ผ่อนคลายลงทันทีเขาเคยได้ยินเวินอี๋พูดออกมา เยียนอ๋องจากแคว้นไท่ยวนทั้งกล้าหาญและเก่งการสู้รบ ทำความดีความชอบให้แคว้นไท่ยวนมาไม่น้อย ส่วนวิชาลูกเตะทลายเมฆานั้น ก็เป็นเยียนอ๋องที่สร้างขึ้นมาจงซิ่นอยากจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับเขาได้ที่นี่จงซิ่นรีบกำหมัดโค้งกายทำความเคารพฉู่จวินสิง“ข้าน้อยจงซิ่น คารวะเยียนอ๋อง”ฉู่จวินสิงรีบพูดขึ้น “มาตอนนี้ข้าไม่ใช่เยียนอ๋องอะไรนั่นอีกแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องทำความเคารพอะไรเช่นนี้อีก”จงซิ่นยืดตัวขึ้น ใบหน้าค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มยินดีขึ้นมา“ข้าอยางจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่า จะมาพบกับท่านที่นี่ได้”จงซิ่นตื่นเต้นมากเช่นนี้ ทำให้ฉู่จวินสิงประหลาดใจเล็กน้อย“ผู้เฒ่าจงไปเรียนลูกเตะทลายเมฆามาจากที่ใดกัน?”วิชาเตะนี้เขาเคยสอนไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และคนคนนั้นก็ตายไปในสนามรบเมื
จ้าวลิ่วกอดความทะเยอทะยานมายังเมืองหลวง แต่ก็พบว่าที่นี้หาเงินได้ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้เดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร ในตอนที่อยู่ที่บ้านก็ไม่เคยไปทำงานที่ทุ่งนาอะไรเลยหลังจากที่มาในเมืองแล้ว เขาถึงกับอึ้งตะลึงไปโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงาม แตกต่างไปจากความสงบสุขของหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างสิ้นเชิงจ้าวลิ่วคลุกคลีอยู่ด้านนอกมาสองปี แต่กลับคลุกคลีจนกลายเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมหากว่าถูกครอบครัวจางต้าเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะดุด่าเขาว่าอย่างไรแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาจะรู้จักกับพี่ห้าของเขาได้ไม่นานจ้าวลิ่วก็โพล่งออกมา “ข้าไม่รู้จักจ้าวอู่”เขาเพิ่งจะพูดคำนี้ออกมาจบ ก็เสียใจเสียจนอยากจะกัดลิ้นของตนเองทิ้งเสียเมื่อครู่นี้เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดถึงชื่อของจ้าวอู่ แต่ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะสารภาพมันออกไปเองแล้วเจี่ยนอันอันกลอกตาไปมาให้จ้าวลิ่ว นางไม่ได้เปิดโปงเขา แต่พูดกับเซิ่งฟางออกมา“พี่เซิ่ง ท่านนำตัวเขากลับไปขังที่ว่าการอำเภอเสียก่อน”“รอจนเมื่อเรื่องของพวกเราจัดการกันเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมาสั่งสอนเขาให้ดีๆ”เซิ่งฟางพยักหน้า แล้วจ้อง
ผู้คนที่ผ่านไปมาจดจำเซิ่งฟางได้นานแล้ว แต่พวกเขาเพียงแต่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่มีใครช่วยพูดให้จ้าวลิ่วถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังโกรธแค้นอยู่ในใจเพราะเรื่องสังหารหมู่ในปีนั้นแต่พวกเขาก็ไม่ล่วงเกินเจ้าหน้าที่ทางการ ต่างก็พากันคอยเป็นผู้รับชมอยู่ด้านข้างจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าไม่มีใครคอยช่วยพูดแทนเขา ก็โมโหเป็นอย่างมาก คิดที่จะดิ้นรนให้หลุดรอดออกมาจากมือของจงซิ่นทว่ามือของจงซิ่นที่จับเขาเอาไว้ก็ยิ่งออกแรงมากยิ่งขึ้นจ้าวลิ่วเจ็บเสียจนต้องกัดฟัน ทั่วทั้งกายอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาขึ้นมาข้อมือของเขาแทบจะหัก ชายชราผู้นี้ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยเขาไปเซิ่งฟางยกมือขึ้น แล้วเหวี่ยงไปยังใบหน้าอีกด้านหนึ่งของจ้าวลิ่วสองฝ่ามือนี้ ทำเสียจนใบหน้าของจ้าวลิ่วบวมจนกลายเป็นหมูมุมปากของจ้าวลิ่วมีเลือดไหลซึมออกมาผู้คนที่ผ่านไปมาคอยดูอยู่ด้านข้าง ก็ตกใจเสียจนต้องก้าวถอยหลังไปพวกเขาต่างก็ลอบยินดีที่ตนเองไม่ได้ปากมากช่วยพูดให้กับจ้าวลิ่วมิฉะนั้นแล้วฝ่ามือนี้ เกรงว่าคงจะตกลงบนใบหน้าของพวกเขาแทนจ้าวลิ่วถูกตบเสียจนวิงเวียนดวงตาพร่ามัว ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆเขาควรจะหยิบเอาถุงเงินนั่น ไปร้านอาห
เมื่อเห็นว่ากีบม้ากำลังจะตกลงบนกายของขอทาน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องดังขึ้น“จ้าวลิ่ว เจ้าบ้านี่ไม่ต้องการชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ!”คนนั้นเมื่อพูดจบ ก็รีบพุ่งเข้ามาเตะลงบนกายของจ้าวลิ่วจ้าวลิ่วที่เดิมทีผอมบางอ่อนแรง เมื่อถูกเตะเข้าก็กลิ้งไปริมถนนกีบม้าตกลงบนถนนอย่างแรง ม้าส่งเสียงร้องดังขึ้น หลังจากที่กีบม้าเหยียบลงบนพื้นอย่างแรงเพียงไม่กี่ครั้ง ถึงได้หยุดลง ในตอนที่เจี่ยนอันอันได้ยินคนผู้นั้นเรียกขอทานว่าจ้าวลิ่วนั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้นางจำที่จ้าวอู่พูดได้ว่า เขามีน้องหกอยู่คนหนึ่งเข้ามาในเมืองเมื่อสองปีก่อนเขาตามหาน้องหกคนนั้นมาสองปีกว่า ก็ตามหาไม่พบส่วนน้องหกคนนั้นของเขา ชื่อว่าจ้าวลิ่วเจี่ยนอันอันมองไปยังจ้าวลิ่วด้วยความสงสัย พบเพียงใบหน้าของเขาสกปรกอย่างมากไม่มีทางที่จะมองรูปลักษณ์เดิมได้ชัดเจนจ้าวลิ่วลุกขึ้นมา แล้วรีบไปยังเบื้องหน้าของคนที่เตะเขาอย่างไม่ยินยอม“ตาเฒ่านี่ เตะข้าทำอะไรกัน?”“เจ้ารู้หรือไม่ที่เจ้าเพิ่งจะทำไปเมื่อครู่นี้ มาทำลายเรื่องดีๆ ของข้าไปอย่างสิ้นเชิง”เจี่ยนอันอันมองไปยังคนที่เตะจ้าวลิ่ว ก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นชา
“หวังว่าท่านจะรักษาคำพูด” เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็โบกมือขึ้น “ท่านไปได้แล้ว เรื่องที่ท่านมายังที่ว่าการอำเภอ ห้ามบอกผู้อื่น”เจ้าเมืองตานรีบตอบรับออกมา เขาหันไปมองยังเซิ่งฟาง ก็พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้กับเขาหลังจากที่เจ้าเมืองตานโค้งคำนับให้กับทั้งสี่คนแล้ว ก็รีบเดินออกไปในตอนที่เขามายังที่ว่าการอำเภอนั้น ไม่ได้นั่งเกี้ยว และก็ไม่ได้สวมเครื่องแบบทางการมา เพียงแต่สวมเสื้อผ้าธรรมดาเท่านั้นเขาเองก็กลัวว่าตนเองจะสะดุดตาจนเกินไป แล้วถูกคนของผู้ว่ามณฑลจงโจวจดจำได้เข้าหลังจากที่เดินออกจากที่ว่าการอำเภอแล้วนั้น เจ้าเมืองตานก็รีบมุ่งหน้ากลับไปยังจวนของตนเองเขาก้มหน้าเดินอย่างเร่งรีบ จนชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเจ้าเมืองตานเงยหน้าขึ้น ก็พบกับขอทานที่ทั่วทั้งเนื้อตัวสกปรกมอมแมม ถูกเขาชนจนล้มลงกับพื้นขอทานล้มลงร้อง “โอ๊ย” ออกมา ใบหน้าที่สกปรกนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเจ้าเมืองตานรีบร้อนกลับไปยังจวน จึงไม่ได้สนใจขอทานนั่น เขาส่งเสียงเย็นชา ก่อนจะรีบจากไปที่เขาไม่รู้ก็คือ ในตอนที่เขาชนเข้ากับขอทานเมื่อครู่นี้นั้น ถุงเงินตรงเอวของเขา ได้ตกไปอยู่ในมือของขอทานนั่นแล้วขอทานส่งเสียงร้องดัง “โอ๊ย”
สายตาของเจี่ยนอันอันจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของเจ้าเมืองตาน อย่างจะคิดมองหาท่าทีโกหกจากสีหน้าของเขาในตอนที่เจ้าเมืองพูดออกมานั้น สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม สายตาเผยให้เห็นความโกรธแค้นออกมาดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดโกหก สายตาของเจี่ยนอันอันดูเย็นชา จนทำให้ในใจของเจ้าเมืองตานที่มองดูเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเขาไม่กล้าที่จะสบสายตากับเจี่ยนอันอัน จึงทำได้เพียงมองไปยังทิศทางอื่นเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเย็นชา “ท่านเพิ่งจะพูดออกมาว่า ท่านสนิทชิดเชื้อกันท่านผู้ว่ามณฑลจงโจว”“แล้วทำไมท่านยังจะนำเรื่องนี้มาบอกพวกเราอีก”“ท่านไม่กลัวหรือว่าคำที่ท่านพูดออกมาเหล่านี้ จะลอยเข้าหูผู้ว่ามณฑลจงโจวเข้า?”แน่นอกว่าเจ้าเมืองตานย่อมหวาดกลัว เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากสมคบคิดกับคนชั่วอีกในตอนแรกที่เขามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ว่ามณฑลจงโจวนั้น ทั้งหมดก็เป็นเพียงเพราะว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นคนบ้านเกิดเดียวกัน เขาถือว่าผู้ว่ามณฑลเป็นคนสนิท ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะหารือกับอีกฝ่ายมาโดยตลอดเพียงแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงนั้น ผู้ว่ามณฑลจงโจวจะเข้าร่วมสมคบคิดกับคนที่มาเพื่อทำการสังหารหมู่ในปีนั้นไม่เพียงแต่เท่านี้ เขาเพื่