นายทหารนามว่าเฉินหย่งเหนียนผู้นี้ ปีนั้นยังเป็นลูกสมุนของเซิ่งฟาง ได้รับความช่วยเหลือและชี้แนะจากเซิ่งฟางไปก็ไม่น้อย ทว่านึกไม่ถึงว่าหลังเกิดเหตุสังหารหมู่ จะทำให้เซิ่งฟางกลายมาเป็นนักโทษหากไม่ใช่เพราะคนของเยียนอ๋องเข้าช่วยจนเขาลี้รอดมาได้เกรงว่าเขาในตอนนี้คงกลายเป็นวิญญาณไปนานแล้ว แต่สิ่งที่เซิ่งฟางคิดไม่ถึงก็คือ ในตอนนี้เขากลับมาแล้ว ทว่าเฉินหย่งเหนียนกลับไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาอีกต่อไปเซิ่งฟางกุมกระบี่ในมือไว้แน่น ชี้ไปยังนายทหารบนหอประตูเมืองพลางพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “เฉินหย่งเหนียน เจ้าตั้งตารอเถอะ รอข้าเข้าไปยังเมืองอินเป่ยได้เมื่อไหร่ เจ้าศพไม่สวยแน่”เฉินหย่งเหนียนหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ไม่ได้เห็นเซิ่งฟางในสายตาสักนิด เจี่ยนอันอันปราดมองเฉินหย่งเหนียน ในใจก็เกิดแผนการณ์ขึ้นมา เวลานี้เอง หนึ่งในมือสังหารก็ได้มาถึงด้านหลังของฉู่จวินสิงแล้ว ปลายดาบกำลังจะแทงเข้าที่ร่างของฉู่จวินสิง ฉู่จวินสิงรับรู้ได้ถึงเจตนาฆ่า จึงรีบเบี่ยงตัวหลบไปอีกทาง ดาบเล่มนั้นจึงแทงเข้าที่พื้นแทนมือสังหารเห็นว่าฉู่จวินสิงบาดเจ็บสาหัส ไม่อยู่ในสภาพจะเอาคืนได้ ก็ยิ่งกำเริบเสิบส
หานซื่อไม่ได้พูดสิ่งใด เพียงพยักหน้าให้กับฉู่จวินสิงเจี่ยนอันอันยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าเหตุใดฉู่จวินจึงสิงต้องไว้ชีวิตเขาคนนั้น?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังสงสัย นางก็ได้ยินเซิ่งฟางร้องเสียงหลง “เขา...เขาคือคนที่ช่วยข้าไว้เมื่อตอนนั้นไม่ใช่เรอะ!”เจี่ยนอันอันมองไปยังเซิ่งฟาง ก็พบว่าใบหน้าของเขาค่อยๆ ฉายแววประหลาดใจ แม้เจี่ยนอันอันจะไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรแน่ แต่นางก็พอจะรู้สึกได้รางๆ ว่าคนผู้นี้ดูท่าจะเป็นประโยชน์กับพวกเขา ไม่นานคนกลุ่มนั้นก็บาดเจ็บล้มตายกันระเนระนาด เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังดันทุรังต่อต้าน หานซื่อและทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ ล้วนไม่ได้โจมตีคนใบหน้ามีแผลเป็นคนนั้น แม้พวกเขาจะมีข้อสงสัยในใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังปฏิบัติตามคำสั่งของฉู่จวินสิง ไม่นานมือสังหารที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนต่างก็ถูกเหล่าทหารรักษาพระองค์ฆ่าตาย ส่วนที่ถูกแทงจนบาดเจ็บ ก็นับว่าสูญเสียความสามารถในการสู้ไปแล้วพวกเขานอนกองอยู่กับพื้น แววตาโหดเหี้ยมมองมายังพวกของฉู่จวินสิง เหล่าทหารรักษาพระองค์ไม่ได้ให้พวกเขาได้มีลมหายใจอยู่ต่อ ต่างยกกระบี่ดาบเดียวจ้วงแทงคนทั้งหมดบัดนี้เหลื
เซิ่งฟางได้ยินประโยคนี้ก็โกรธจัด ยกกระบี่ในมือขึ้นหมายแทงเข้าใส่เฉินหย่งเหนียน ทหารหน้าประตูเมืองดูสถานการณ์แล้ว ต่างรีบยกเอาอาวุธในมือขึ้นคุ้มกันข้างหน้าของเฉินหย่งเหนียน “หยุดอยู่ตรงนั้น หากเจ้ากล้าเข้ามาอีกก้าว ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!” เซิ่งฟางโกรธจนทั้งร่างสั่นเทา คนที่ตอนนั้นเขาเคยให้ความเอ็นดู บัดนี้กลับปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเขม่นใส่กัน เจี่ยนอันอันก็สาวเท้าก้าวเข้ามา นางเอ่ยกับเซิ่งฟาง “ท่านเจ้าเมืองเซิ่งไม่ต้องรีบร้อนใจไป เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเถิด” เซิ่งฟางมองไปยังเฉินหย่งเหนียนระคนหยามหยัน ก่อนถอยห่างออกมาเฉินหย่งเหนียนเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเข้ามา เขาก็กล่าวอย่างดูแคลน “แล้วเจ้าเป็นใครอีก ช่างบังอาจกล้ามาช่วยพูดแทนเขา!” ใบหน้าของเจี่ยนอันอันปรากฏความเย้ยหยันในเสี้ยวรอยยิ้ม นางไม่ได้พูดสิ่งใด ทว่ากลับนำสร้อยคอทองคำเส้นหนึ่งออกมาจากมิติ ด้านบนสลักไพลินสีฟ้าเป็นจี้ห้อยเฉินหย่งเหนียนไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ เห็นแค่นางหยิบเอาสร้อยคอเส้นหนึ่งขึ้นมากวัดแกว่งไปมาเพียงเท่านั้น เฉินหย่งเหนียนรู้สึกแต่เพียงว่าเบื
“ยารักษาบาดแผลหลายขวดนี้ พวกเจ้าเก็บไว้ใช้ระหว่างทางเถิด” เจี่ยนอันอันหยิบเอายารักษาบาดแผลจำนวนหนึ่งออกมาจากมิติหานซื่อรับยารักษาบาดแผลมา ประสานมือคารวะเจี่ยนอันอัน “ขอบคุณคุณหนูใหญ่เจี่ยนยิ่งนัก”ทหารรักษาพระองค์หลายนายที่ได้รับบาดเจ็บ ต่างก็พากันประสานมือคารวะ แสดงคำขอบคุณอย่างล้นหลามรอจนทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงเดินมาถึงหน้ารถม้า ในเมื่อหานซื่อไม่ต้องการนำเสบียงอาหารพวกนี้ไปด้วย นางก็ยินดีนำรถม้ากลับเข้าเมืองอินเป่ยเหล่าครอบครัวของฉู่จวินสิงที่ยืนออกันอยู่ในเมือง เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเดินเข้ามา ก็มีบ่าวรับใช้เข้ารับช่วงต่อภาระกุมบังเหียนรถม้าฮูหยินใหญ่ตรงเข้ามาหา เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล “อันอัน นายทหารพวกนั้นจะทำอย่างไรดีเล่า? หากพวกเขารู้ว่าพวกเราให้ท่านเจ้าเมืองเซิ่งเข้ามาด้วย จะต้องคอยตามรังควานพวกเราเป็นแน่ เจ้าว่าเรื่องนี้ควรทำอย่างไรดี?” เจี่ยนอันอันตบเบาๆ บนแขนของฮูหยินใหญ่ หัวเราะน้อยๆ พลางตอบ “ฮูหยินใหญ่วางใจเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีวิธีของข้า” เจี่ยนอันอันจัดแจงให้ทุกคนรออยู่ในเมืองไปก่อน ส่วนนางกลับมาหาพลทหารพวกนั้นอีกครั้ง ก่อนเอ่
ชายชราผู้นั้นเอื้อมมือมาดึงแขนเสื้อของเฉินหย่งเหนียนเมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดไม่จา“หย่งเหนียน เจ้าเป็นอะไรไป พูดอะไรบ้างสิ!”ครั้นเห็นว่าเฉินหย่งเหนียนยังคงปิดปากเงียบดังเดิม ชายชราก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาเฉินหย่งเหนียนเป็นคนที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก ในฐานะคนหมู่บ้านชิงสุ่ย เขาสุภาพกับชาวบ้านที่นี่มากแต่หลังจากกลายเป็นทหารของเมืองอินเป่ย เขาก็ไม่ค่อยกลับมาที่หมู่บ้านชิงสุ่ยอีกวันนี้กลับมาก็ไม่พูดไม่จาสักคำ ซ้ำยังพาคนมาเยอะขนาดนี้นี่เป็นครั้งแรกที่ชายชราเห็นเฉินหย่งเหนียนเป็นแบบนี้เจี่ยนอันอันเห็นชายชราเริ่มร้อนใจก็ช่วยสะกิดเฉินหย่งเหนียน“บอกไปสิ บอกไปว่าพวกข้าเป็นผู้ใด”หลังจากถูกเจี่ยนอันอันสะกิด เฉินหย่งเหนียนราวกับได้รับคำสั่งอย่างไรอย่างนั้น เขาเอ่ยว่า“ท่านปู่เฉิน คนพวกนี้คือเยียนอ๋องและครอบครัวของเขา พวกเขาถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยตามคำสั่งของฮ่องเต้ ข้าจำได้ว่าหมู่บ้านชิงสุ่ยของเรามีเรือนที่ไม่มีผู้อาศัยอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงพาพวกเขามา”ครั้นได้ยินว่าคนเหล่านี้ถูกเนรเทศมาที่นี่ตามคำสั่งของฮ่องเต้ชายชราก็ใช้ดวงตาขาวขุ่นของตัวเองจ้องมองไปที่ครอบครัวของฉู่จวินสิงเวลานี้ชาว
หลังจากที่ท่านปู่เฉินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะจัดหาที่พักให้พวกเขาก่อนค่อยว่ากัน“ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าก็ตามข้ามาเถิด”ท่านปู่เฉินพูดแล้วก็พาครอบครัวของฉู่จวินสิงเดินไปทางบ้านที่ไม่มีคนอยู่หลังนั้นทว่าคำพูดของท่านปู่เฉินกลับได้รับการคัดค้านอย่างรุนแรงจากชาวบ้านคนอื่นๆหญิงสาวผิวซีดตัวผอมนางนั้นวิ่งมาบังหน้าท่านปู่เฉินและขวางทางทุกคนไว้“ท่านปู่เฉิน ท่านจะให้พวกเขาอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยของเราไม่ได้”บุรุษที่จำเซิ่งฟางได้ผู้นั้นก็ร้องคัดค้านเช่นกัน“ใช่แล้วท่านปู่เฉิน พวกเขาเป็นผู้ใดมาจากไหนก็ไม่รู้ จะให้อยู่ที่นี่ไม่ได้”ชาวบ้านคนอื่นร้องเสียงดัง ต้องการขับไล่ครอบครัวของฉู่จวินสิงออกจากหมู่บ้านท่านปู่เฉินลำบากใจเช่นกันด้านหนึ่งก็เป็นผู้ถูกเนรเทศโดยราชโองการของฮ่องเต้ อีกด้านก็เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขาไม่อยากล่วงเกินฝ่ายใดทั้งนั้นในตอนนี้เอง เฉินหย่งเหนียนที่นิ่งทื่อมาโดยตลอดก็พูดขึ้นว่า“ท่านปู่รีบพาพวกเขาไปที่บ้านหลังนั้นเถิด นี่เป็นราชโองการจากฮ่องเต้ พวกเราไม่อาจขัดขืน”คำพูดของเฉินหย่งเหนียนทำให้ชาวบ้านพวกนั้นเงียบเสียงทันที
เขามองเจี่ยนอันอันแล้วมองคนอื่นๆครั้นเห็นว่าไม่มีผู้ใดคัดค้านจึงยอมเก็บเงินก้อนนี้เข้าสู่อกเสื้อ“ดีๆ ๆ นับจากวันนี้พวกเจ้าก็จงพักอยู่ที่นี่ หากวันหน้ามีปัญหาอะไร ก็มาหาข้าที่บ้านที่อยู่ทางสุดขอบตะวันตกของหมู่บ้านชิงสุ่ยได้ ที่นั่นคือบ้านของข้าเอง”เจี่ยนอันอันส่งยิ้มเห็นฟันให้อีกฝ่าย “เกรงว่าหลังจากนี้คงมีเรื่องต้องรบกวนท่านปู่เฉินเยอะมาก หวังว่าท่านจะไม่รังเกียจ”ท่านปู่เฉินเห็นเจี่ยนอันอันเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเช่นนี้มีรอยยิ้มซื่อๆ เผยออกมา“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เช่นนั้นข้ากลับก่อนล่ะ”หลังจากที่ท่านเฉินปู่กลับไป เจี่ยนอันอันจึงมองไปยังเฉินหย่งเหนียนที่ยืนอยู่ด้านข้างนางดีดนิ้วใส่เฉินหย่งเหนียนพลางพูดว่า “จำไว้ เจ้าเป็นคนพาพวกข้ามาที่นี่ด้วยความเต็มใจ หากมีผู้ใดถาม เจ้าก็ห้ามโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น”เฉินหย่งเหนียนพยักหน้าอย่างเหม่อลอยเจี่ยนอันอันปัดมือว่า “เจ้ากลับไปเถอะ ที่นี่ไม่มีธุระของเจ้าแล้ว”เฉินหย่งเหนียนทำความเคารพให้กับเจี่ยนอันอันแล้วสาวเท้ายาวๆ จากไปหลังจากที่เฉินหย่งเหนียนจากไป ฮูหยินใหญ่จึงค่อยมองห้องหับเหล่านี้นางมีสีหน้าเป็นกังวลสถานที่แห่งนี้ไม่อาจเทีย
พวกเขาต่างถอนหายใจโล่งอกเมื่อพบว่าบนรถม้ามีฟืนอยู่หนึ่งกระสอบสาวใช้สองนางไปตักน้ำจากบ่อน้ำร้างอยู่นานกว่าจะตักน้ำได้หนึ่งถังพวกเขามีอาหารอยู่เต็มรถม้า วันนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอาหารแล้วหลังจากที่สาวใช้สองนางล้างทำความสะอาดหม้อเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็มอบตะบันไฟอันหนึ่งให้พวกนางบ่าวรับใช้สองสามคนเริ่มขนอาหารบนรถม้า รวมถึงไก่ฟ้ากับกระต่ายป่าเข้ามาในบ้านไม่นานบรรดาสาวใช้ก็เริ่มก่อไฟทำอาหารเจี่ยนอันอันซื้อเกลือกับเครื่องปรุงรสเพิ่มจากร้านค้าในมิติแล้วมอบให้สาวใช้ทั้งสองฮูหยินใหญ่กับคนอื่นๆ ไม่ได้อยู่ว่างเช่นกันพวกนางเริ่มปัดกวาดฝุ่นภายในห้องมีเพียงฉู่จวินสิงกับฉู่จวินหลุนที่นั่งมองทุกคนยุ่งกับการทำงานอยู่กลางลานบ้านส่วนเหยียนเซ่าเว่ยที่ถูกจับมาก็เอาแต่นั่งเงียบอยู่ในมุมทันใดนั้นเอง มีเสียงกรีดร้องดังมาจากในบ้านครั้นเจี่ยนอันอันมาถึงก็พบว่าฮูหยินรองกำลังชี้ไปที่หนูตัวหนึ่งด้วยสีหน้าซีดเผือดเจี่ยนอันอันเห็นว่ามีหนูตัวผอมแห้งตัวหนึ่งนอนอยู่ที่พื้นมันกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าทีละน้อยๆเซิ่งฟางเดินมาดูเช่นกัน เมื่อเห็นว่าฮูหยินรองกลัวหนูก็เดินเข้าไปกระทืบมันตา
“เอาล่ะ เอาล่ะ” เจี่ยนอันอันพูดขึ้น จูบลงไปบนใบหน้าของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงชี้ไปยังริมฝีปากของตนเอง “ที่นี่ก็ต้องการ”เจี่ยนอันอันเพื่อให้ฉู่จวินสิงสบายใจ จูบลงไปบนริมฝีปากของฉู่จวินสิงราวกับว่าข้างๆ นั้นไม่มีใครอยู่การกระทำที่ใกล้ชิดกันของทั้งสองคน ทำให้เหยียนซวงรู้สึกอิจฉาขึ้นมานางก็หวังว่าตัวเองจะมีสามีเช่นนี้ในใจของเหยียนซวง ทันใดนั้นก็ปรากฏใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งขึ้นมานางรีบส่ายศีรษะอย่างแรง แล้วแอบคิดว่าตนเองเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้จู่ๆ ก็คิดถึงชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมาหลังจากที่เจี่ยนอันอันบอกลากับฉู่จวินสิงแล้ว ก็นำเหยียนซวงขึ้นรถม้าไปเจี่ยนอันอันขับรถม้า มุ่งหน้าไปทางอำเภอไถหยางระหว่างทางเจี่ยนอันอันหันไปมองยังเหยียนซวง ก็เห็นว่านางเหมือนกำลังมีเรื่องในใจให้ครุ่นคิดเจี่ยนอันอันเองก็ไม่ได้คิดมาก ก็คิดเพียงว่าเหยียนซวงกำลังกังวลในความปลอดภัยของน้องชายนางเหวี่ยงแส้ม้า อย่างคิดจะให้รถม้าไปให้เร็วยิ่งขึ้น“แม่นางเจี่ยน คนผู้นั้นคือใครกัน? ข้าเห็นว่าพวกท่านทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันไม่เลวเลย เขาเป็นอะไรกับท่านอย่างนั้นหรือ?”“ใคร?” เจี่ยนอันอันไม่เข้าใจ และหันกลับไปมองเ
เจี่ยนอันอันไม่ได้อยู่ต่อนาน ก็นำเหยียนซวงกลับบ้านพร้อมฉู่จวินสิงทั้งสามคนเดิมทีก็ไม่ได้กินข้าวมากเท่าไหร่ ดีที่เหล่าสาวใช้เก็บอาหารเอาไว้ให้พวกเขาพวกเขานั่งลงตรงโต๊ะ เจี่ยนอันอันกินข้าวไปพลาง แล้วนำความคิดของตนเองพูดออกมาแน่นอนว่าฉู่จวินสิงย่อมต้องเห็นด้วยเขาไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะช่วยคิดให้กับทุกคนเช่นนี้ความรักที่มีต่อเจี่ยนอันอันในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกหลายส่วนและในตอนที่ทั้งสามคนกำลังนั่งกินข้าวอยู่นั้น เสียงล้อหมุนก็ดังขึ้นไม่นานนักฉู่จวินหลุนก็ควบคุมรถเข็นมาหยุดที่หน้าโต๊ะฉู่จวินหลุนส่งเสียงพูดออกมา “จวินสิง เจ้าพูดความจริงกับข้ามา ตกลงแล้วเจ้ารังแกอันอันหรือไม่?”ฉู่จวินสิงหันไปมองทางพี่ใหญ่ ก็เห็นว่าพี่ใหญ่กำลังมองมาทางเขาด้วยสีหน้าจริงจังเจี่ยนอันอันเองก็อดที่จะหันไปมองไม่ได้ ในใจคิดว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงได้จู่ๆ ก็ถามเช่นนี้ออกมา?“พี่ใหญ่ ท่านว่าข้าดูเหมือนคนที่จะรังแกอันอันอย่างนั้นหรือ?”ฉู่จวินสิงทั้งโกรธและขบขันอยู่เล็กน้อย ก่อนหน้านั้นท่านแม่ก็ถามคำถามนี้มาก่อนทำไมพี่ใหญ่ถึงได้ถามออกมาเช่นกัน“หึ ทางที่ดีเจ้าก็อย่าได้มี มิฉะนั้นแล้วข้าที่เป็นพี่ใ
ทั้งสามเดินมาถึงบริเวณลานก่อสร้าง ก็เห็นอวี๋ว่านกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มือถือถ้วยอาหารที่หลิวซื่อส่งมาให้ซ่างชิวเองก็นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา โดยมีซ่างตงเยว่นั่งอยู่ด้านข้างอีกคนสองพ่อลูกกำลังกินโจ๊กในชามอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับผัดมะเขือยาวเจี่ยนอันอันไม่เห็นจ้าวอู่และจ้าวลิ่ว คาดว่าพวกเขาคงกลับไปกินข้าวที่บ้านแล้วเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันมาถึง ชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็ยิ้มทักทายนางอวี๋ว่านรีบร้องเรียกเจี่ยนอันอัน “แม่นางเจี่ยน คุณชายฉู่ พวกท่านมากินข้าวด้วยกันสิ ภรรยาข้าทำอาหารอร่อยมากเลยนะ”ซ่างตงเยว่เงยหน้าขึ้นเห็นเจี่ยนอันอันมาถึง ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที“ฮูหยินน้อยรองเจ้าคะ วันนี้ข้าไม่ได้ไปหาท่าน ท่านคงไม่โกรธข้าใช่ไหมเจ้าคะ”เจี่ยนอันอันยิ้มพลางกล่าวว่า “ช่วงนี้เจ้าอยู่ดูแลพ่อของเจ้าเถิด ไม่จำเป็นต้องมาทุกวันหรอก”พูดจบ นางก็หันไปมองอวี๋ว่าน“พี่อวี๋กำลังกินอะไรอยู่หรือ ดูน่ากินดีนะ”อวี๋ว่านหัวเราะพลางตอบอย่างถ่อมตัว “บ้านข้าก็ไม่มีอะไรมากหรอก ภรรยาข้าทำผัดไข่กับผัดมะเขือยาว แต่ฝีมือภรรยาข้าดีนัก ทำอะไรก็หอมอร่อยไปหมด”อวี๋ว่านพูดพลางหันไปมองซ่างชิวและซ่างตงเยว่“เมื่อครู่
แต่เมื่อถูกสายตาที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจของหลายคนจับจ้องมา เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจพูดสิ่งใดได้“พวกเจ้าเลิกมองข้าเสียที รีบกินเถิด” นางเอ่ยพลางหยิบตะเกียบขึ้นมานางคีบเนื้อกระต่ายชิ้นหนึ่งใส่ลงในถ้วยของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งยิ้มบาง ก่อนคีบเนื้อกระต่ายนั้นขึ้นกินท่าทางที่ทั้งเจี่ยนอันอันและเสิ่นจือเจิ้งปฏิบัติต่อกันโดยไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง ยิ่งทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นถึงกับตะลึงงันส่วนเจียงหว่านเอ๋อร์ที่เห็นเหตุการณ์ ในใจกลับรู้สึกอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ถูกแม้นางจะเคยได้ยินเจี่ยนอันอันพูดว่า นางกับเสิ่นจือเจิ้งเป็นเพียงพี่น้องกันเท่านั้น...แต่นางยังคงรู้สึกว่า การกระทำของเจี่ยนอันอันเช่นนี้ ดูจะสนิทสนมเกินไปเสียหน่อยเจียงหว่านเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร นางเพียงยกถ้วยข้าวต้มขึ้นมากิน แต่กลับรู้สึกว่าอาหารไร้รสชาติเจี่ยนอันอันเองก็เริ่มตระหนักได้ว่า การกระทำของตนอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดนางจึงวางตะเกียบลงก่อนเอ่ยกับทุกคน “พวกเจ้าเลิกมองข้าเสียที รีบกินตอนที่ยังร้อนเถิด”“เนื้อกระต่ายพวกนี้ แม่นางเหยียนซวงเป็นคนจับมาเอง หากพวกเจ้ายังไม่กินอีก แล้วปล่อยให้เย็นลงมันจะไม
แม่นางผู้นี้เป็นคนบ้านใดกัน ไยพวกเขาไม่เคยพบมาก่อนเลย?เพราะดูท่าแล้วไม่เหมือนคนในหมู่บ้านชิงสุ่ยเลยเมื่อทุกคนนั่งประจำที่ เจี่ยนอันอันจึงแนะนำเหยียนซวงให้รู้จักทุกคนจึงได้ทราบว่าเหยียนซวงมาตามหาเจี่ยนอันอันเพื่อให้รักษาคนป่วยทุกคนก็พร้อมใจกันเอ่ยชมฝีมือวิชาแพทย์ที่ล้ำเลิศของเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถูกทุกคนเอ่ยชมจนหน้าแดงเรื่อเล็กน้อยฉู่จวินสิงมองเห็นท่าทางเขินอายของเจี่ยนอันอัน เขาก็เม้มปากยิ้มบาง ๆ ก่อนคีบเนื้อกระต่ายชิ้นหนึ่งใส่ลงในถ้วยของเจี่ยนอันอันเขาชอบมองเจี่ยนอันอันยามที่นางเขินอาย เพราะทุกครั้งที่นางเขิน แก้มของนางจะปรากฏสีแดงระเรื่อเจี่ยนอันอันเดิมก็มีรูปโฉมงดงามอยู่แล้ว พอมีสีแดงเรื่อบนใบหน้า ยิ่งเพิ่มความอ่อนโยนละมุนละไมให้นางหลายส่วนขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังเคี้ยวเนื้อกระต่ายในปาก ในใจกลับคิดถึงพี่ชายคนโตของนางตอนนี้พี่ชายยังพักอยู่ที่บ้านของกวนซิน แม้ว่าที่นั่นจะได้รับเสบียงอาหารที่นางส่งไปให้แต่กลับไม่มีผักหรืออาหารสดที่เพียงพอตัวนางกำลังกินเนื้อกระต่ายอยู่ที่นี่ แต่พี่ชายอาจกำลังอดอยู่อีกที่หนึ่งเมื่อคิดเช่นนั้น เจี่ยนอันอันก็ลุกพรวดขึ้นทันที“ข
เหยียนซวงเดินตรงเข้าไปแล้วฟาดหัวหานซื่อจนสลบ ก่อนจะล้วงเอาหนังสือผ่านด่านออกมา จากนั้นให้เหยียนอวี่ทำการคัดลอกมาเหยียนอวี่มีความสามารถในการเลียนแบบลายมือของผู้อื่นได้อย่างยอดเยี่ยมเขาหยิบกระดาษและพู่กันพร้อมหมึกออกมาจากห่อสัมภาระ แล้วเริ่มต้นลงมือคัดลอกเมื่อเหยียนอวี่ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เหยียนซวงก็นำหนังสือผ่านด่านฉบับจริงกลับไปใส่คืนในอกเสื้อของหานซื่อด้วยหนังสือผ่านด่านฉบับปลอมนี้ พวกเขาสองคนจึงสามารถปลอมตัวปะปนเข้าไปในเมืองอินเป่ยได้โชคดีที่ในเวลานั้นเป็นเวลากลางคืน ทหารเฝ้ายามที่กำแพงเมืองไม่ได้สังเกตว่าหนังสือผ่านด่านฉบับนั้นเป็นของปลอมพวกเขาจึงปล่อยให้ทั้งสองคนผ่านเข้าไปในเมืองทันทีเมื่อทั้งสองคนเข้าสู่เมืองอินเป่ยแล้ว ก็ไม่กล้าหยุดพักนาน จึงรีบเดินทางต่อจนมาถึงอำเภอไถหยางในเวลานั้น สองพี่น้องเหนื่อยล้าจนขาอ่อนแรง ศีรษะมึนงง ดวงตาพร่ามัวไปหมดอีกทั้งยังไม่คุ้นเคยกับเส้นทางในเมืองอินเป่ย จึงเดินผิดเดินถูกไปเคาะประตูบ้านของจงซิ่นโดยบังเอิญโชคดีที่จงซิ่นเป็นคนมีน้ำใจ เขาช่วยเหลือสองพี่น้องเป็นอย่างมาก ทั้งยังจัดหาห้องว่างให้พวกเขาได้พักอาศัยทว่าสภาพร่างกายข
เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันไม่พูดอะไร เหยียนซวงเกรงว่าเจี่ยนอันอันจะปฏิเสธไม่รักษาน้องชายของนางนางจึงรีบร้อนกล่าวว่า “ข้าได้ยินท่านลุงจงบอกว่า ในหมู่บ้านชิงสุ่ยนี้ มีแม่นางผู้หนึ่งชื่อเจี่ยนอันอัน”“อีกทั้งเขายังเอ่ยชมว่าเจ้ามีวิชาแพทย์อันเลิศล้ำ พี่เวินฟื้นขึ้นมาได้ก็เพราะเจ้าเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาไว้”เมื่อได้ยินดังนี้ เจี่ยนอันอันจึงเข้าใจว่า ที่แท้ลุงจงซิ่นเป็นผู้แนะนำให้พวกเขามาหานางเหยียนซวงถือกระต่ายป่าตัวหนึ่งไว้ในมือ ซึ่งนางจับมาได้ในระหว่างเดินทางมายังหมู่บ้านชิงสุ่ยนางรู้ตัวดีว่าไม่ได้มีเงินทองติดตัว และไม่มีสิ่งใดจะใช้เป็นของขวัญในการพบหน้ายิ่งไปกว่านั้น นางกับเจี่ยนอันอันก็มิได้สนิทสนมกัน การมาหาอย่างบุ่มบ่ามเช่นนี้ ทำให้นางกลัวว่าเจี่ยนอันอันจะปฏิเสธไม่รักษาน้องชายนางในยามนี้ นางยังดีที่มีกระต่ายป่าในมือที่พอ ใช้เป็นของขวัญพบหน้าได้ขณะเอ่ยวาจา เหยียนซวงยื่นกระต่ายป่าในมือตรงไปยังเจี่ยนอันอัน“ข้าไม่มีเงินติดตัว และมิรู้ว่าจะสามารถมอบสิ่งใดให้เจ้าได้”“กระต่ายป่าตัวนี้ข้าจับมาได้ระหว่างเดินทางมา หวังเพียงว่าแม่นางเจี่ยนจะไม่รังเกียจ”“อีกทั้งอยากขอร้องให้แม่นางเจี่
เหยียนซวงเดินไปในหมู่บ้านชิงสุ่ย การปรากฏกายของนางดึงดูดสายตาของชาวบ้านหลายคนหลิวซื่อซึ่งเป็นภรรยาของอวี๋ว่านทำอาหารเสร็จแล้วจะนำไปส่งให้อวี๋ว่านทว่าเพิ่งจะเดินออกจากบ้านมาก็เห็นเหยียนซวงเดินอยู่ข้างนอกคนเดียวนางเดินเข้าไปทักทายอย่างเป็นมิตร “แม่นาง เจ้าไม่ใช่คนหมู่บ้านชิงสุ่ย ไม่ทราบว่ามาทำอะไรที่นี่?”เหยียนซวงได้ยินหลิวซื่อถามก็หันไปส่งยิ้มให้อีกฝ่าย“ข้าอยากพบคนที่ชื่อเจี่ยนอันอัน ไม่ทราบว่านางอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยใช่หรือไม่”หลิวซื่อเห็นว่าเหยียนซวงหน้าตางดงาม ยิ้มแล้วมีลักยิ้มสองข้าง มองแล้วสวยมากนอกจากนี้อีกฝ่ายก็กำลังตามหาเจี่ยนอันอัน หลิวซื่อตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าถามถูกคนแล้วล่ะ”“ให้ข้าพาไปก็แล้วกัน บ้านของเจี่ยนอันอันอยู่ห่างจากบ้านข้าไม่ไกล”เหยียนซวงได้ยินว่าหลิวซื่อรู้จักบ้านของเจี่ยนอันอันก็ดีใจมาก“เช่นนั้นคงต้องรบกวนแล้ว”หลิวซื่อพาเหยียนซวงเดินไปทางบ้านของเจี่ยนอันอันหลิวซื่อชมเจี่ยนอันอันตลอดทาง ชมว่านางเป็นคนจิตใจดีการมาถึงของเจี่ยนอันอันทำให้ความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านชิงสุ่ยดีขึ้นมากเหยียนซวงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่รับฟังอยู่เงียบๆไม่นาน ทั
แม่นมหลี่ได้ยินอีกฝ่ายถามถึงหมู่บ้านชิงสุ่ยก็รีบชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้“แม่นาง หมู่บ้านชิงสุ่ยอยู่ทางนั้น เดินไปอีกแค่ชั่วยามเดียวก็ถึงแล้ว”แม่นางหลี่อยากรีบไปจากที่นี่ ย่อมตอบไปตามความจริงเหยียนซวงมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ นางหรี่ตาลงเล็กน้อยและจดจำเส้นทางไว้“ข้าถามอีกเรื่อง ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีคนชื่อเจี่ยนอันอันหรือไม่?”แม่นมหลี่อดชะงักงันไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของเจี่ยนอันอันนางนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวนางนี้จะถามถึงเจี่ยนอันอันดูจากท่าทีแล้ว หรือว่าจะมีความแค้นกับเจี่ยนอันอัน?เหยียนซวงเห็นแม่นมหลี่ไม่ตอบก็ออกแรงบีบข้อมือของแม่นางหลี่แรงขึ้น“ตอบมา!”แม่นมหลี่ถูกบีบข้อมืออย่างแรง เจ็บจนตัวงอ“ข้าตอบ ข้าตอบแล้ว แม่นางเบามือหน่อย สังขารของข้ารับไม่ไหวหรอกนะ”แม่นมหลี่คิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายผ่อนแรงลงคิดไม่ถึงว่าเหยียนซวงจะบีบแรงกว่าเดิมแม่นมหลี่รู้ว่าหากยังไม่พูดอีก เกรงว่าข้อมือนางคงได้ถูกบีบจนหักนางรีบตอบว่า “ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีคนที่ชื่อว่าเจี่ยนอันอันอยู่ ไม่ทราบว่าแม่นางมีความแค้นอะไรกับนางหรือ?”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง”เหยียนซวงไม่คิดจะบอกจ